จอมโกหก
วันที่ 11 กันยายน 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

จอมโกหก

 

ผู้กำกับ มีคนส่งข่าวให้ทางลูกศิษย์ของหลวงตา แล้วทางลูกศิษย์บอกมาอีกทีหนึ่งว่า เมื่อวานนี้ที่ประชุมมส. นายตำรวจอุดมนี่ชูกระดาษใบหนึ่งว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่หลวงตาจ้างท่านนภดลไปเคลื่อนไหวต่อต้านครับ

หลวงตา ก็อย่างนี้แล้ว คือมันหลอกคนอย่างสดๆ ร้อนๆ ปั้นอย่างสดๆ ร้อนๆ ขึ้นมา เงินสตางค์หนึ่งเราไม่เคยให้ท่านนพดลจะว่าไง ฟังให้มันชัดซิน่ะ คำพูดพระโกหกคนเหรอ พูดเท่านั้นพอ นี่ละพวกนี้พวกปลิ้นปล้อนหลอกลวง ว่าเป็นค่าให้ไปวิ่งเต้น ก็ตัวหัวมันเอาเงินมาจากที่ไหนๆ บ้างที่มาวิ่งเต้นอยู่ทุกวันๆ นี้ มีแต่เงินวิ่งเต้นของมันทั้งนั้น มันไม่เห็นพูด เรายังไม่เคยให้ใครสักสตางค์หนึ่งมันยังมาหาว่า เราเอาเงินให้ผู้นั้นผู้นี้ไปวิ่งเต้น มันเป็นอย่างนี้นะพวกเปรต อู๋ย หาความสัตย์จริงไม่ได้ ไม่เคยเอาความจริงมาพูดนะ ต้องมีแต่หลอกแต่ลวงต้มตุ๋นตลอดเวลาเลย อย่างที่พูดนี้แหละ มันเอากระดาษที่ไหนมาชู ชูโคตรพ่อโคตรแม่มันนั่นแล้วพาต้มพาตุ๋นโลกมา กระดาษนั่นก็กระดาษต้มตุ๋น

ผู้กำกับ จะให้เขาหารายละเอียดว่ากระดาษเป็นยังไงๆ เพื่อมากราบเรียนอีกที

หลวงตา ละเอียดตั้งแต่เรื่องต้มเรื่องตุ๋นเรื่องหลอกโลกนั่นแล้ว อย่างนี้ละเอียดลออมากพวกนี้ โอ๋ย เราทุเรศจริงๆ นะ ทำไมมนุษย์ถึงหยาบโลนเอาขนาดนั้น หาปั้นขึ้นมาแต่งขึ้นมา หลอกขึ้นมา เอาตั้งแต่ของหลอกลวงขึ้นมา เพราะฉะนั้นโลกนี้มันจึงร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะมีแต่ของหลอก ความสัตย์ความจริงไม่มีพอให้กันตายใจได้เลย มีแต่หลอกลวงต้มตุ๋น พอว่าอย่างนั้นมันก็แสดงถึงโคตรแซ่ของมัน มันว่าเราว่าจ้างท่านนพดลนี่โกหกร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวนี้ตัวที่กว้านหาเงินๆ จ้างเขามาให้เคลื่อนไหวหลอกลวง เวลานี้ไม่มีใครเกินคนนี้ แล้วมาว่าเรา เราสตางค์หนึ่งก็ไม่เคยให้ ฟังซิมันเข้ากันได้ไหมล่ะ

         แหมหยาบโลนมากทีเดียว พวกนี้หยาบมากที่สุด ในสายตาของธรรมเราพูดจริงๆ เราเป็นธรรม ที่ผิดเราจะพลิกนิดหนึ่งไม่ได้หัวใจดวงนี้ พูดจริงๆ คือพูดอย่างตรงไปตรงมาไปเลย นี่ที่เขาไม่เคยได้ยินคำตรงไปตรงมา ได้ยินแต่ปลิ้นปล้อนหลอกลวง เลียแข้งเลียขา พลิกแพลงเปลี่ยนแปลง กินร้อยสันพันคม เขาเคยมีแต่อย่างนั้น เขาไม่เคยมีเรื่องความสัตย์ความจริงที่พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เขาจึงว่าเป็นขวานผ่าซากไป เราพูดตรงไปตรงมา

         เขาว่าไง (เขาไปชูกระดาษอ้างว่าเป็นใบเสร็จในที่ประชุมมส.) เห็นไหมพอมันเข้าไปแล้วเป็นยังไง ก็ขับออกจากสำนักพุทธศาสนาออกไป มันก็พลิกเข้ามาอยู่ในวงมหาเถรสมาคม ขับไล่ไปแล้วมันเข้ามานี้ อันนี้มันจะต้องเกิดเหตุกันอีก เราว่า นี่พอเข้ามาปั๊บมันก็หลอกลวงออกมาแล้ว มันไปเป็นแกนของมหาเถรสมาคม เอ๊พวกนี้พิลึกจริงๆ นะ ทำไมจึงปั้นสดๆ ร้อนๆ ปั้นน้ำเป็นเนื้อไปเลย คือไม่มีความจริงอะไร มีแต่ความหลอกลวงโลกทั้งนั้น อย่างที่ว่าใบเสร็จใบแส็ด มันก็ปั้นขึ้นมาอย่างนั้น พิจารณาซิ ใบเสร็จรับเงิน

         ถ้าพูดถึงเรื่องเงินที่เราจะไปมี ไปวิ่ง ก็มีแต่เราวิ่งช่วยโลกอยู่เวลานี้ใช่ไหม เงินของเราวิ่งอย่างนั้นแหละ วิ่งช่วยนั้นวิ่งช่วยนี้ ค่ำเมื่อวานนี้ก็เดินด้อมๆ ออกไปนี้ กำลังมืด พอคนหมดแล้วเราก็ด้อมๆ ออกไป ว่าฝนมันตกอยู่ไปเดินจงกรมไม่ได้ เราก็ด้อมๆ ถ้าไม่มีคนศาลาใหญ่นี้ เราจะไปเดินจงกรมที่ศาลาใหญ่ พอไปมองเห็นคนยั้วเยี้ยอยู่ตามนั้น อ้าวคนมายังไงต่อยังไง นี่เงินเราวิ่งนะ พอไปมีคนอะไรมาอยู่นั้น อ๋อ เขามาขายเสื่อ เขามาพักนอนที่มุมศาลาทางนั้น

         พอว่างั้นเราก็เดินเข้าไปเลย พอเข้าไปเขากำลังกินข้าวกันอยู่ พอมองเห็นเราก็ว่ามาขายอะไร ขายเสื่อ มองไปเสื่อก็เต็มรถปิกอัพเขาไม่มากละ ให้เขาขนออกมาทั้งหมดเสื่อ เขาเรียกเสื่อพลาสติกหรือเสื่ออะไร อยู่ที่ศาลาไปดูก็รู้เอง เสื่อพลาสติกพันๆ มา เต็มรถเขาละเขายังไม่ได้ขายเลย ให้ขนออกมาหมดเลย แล้วโทรให้ทางบ้านเขาออกมา สั่งเสียให้เอาเงินมา ถามทางนี้เรียบร้อยแล้ว ราคาเท่าไรให้เขาคิด ให้ตชด.คิดช่วย อย่าให้ผิดให้พลาดนะ ถ้าผิดก็พวกท่านทั้งหลายจะผิด เราไม่ผิด ขาดทุนก็ท่านทั้งหลายจะขาด เราไม่ได้ขาด ว่างั้น ให้เขานับคิดอ่านเรียบร้อยแล้ว เท่านั้นมอบเงินให้เลยปึ๋ง นี่เราวิ่งแต่อย่างนี้ แต่เราไม่มีใบเสร็จนะ ถ้าจะดูใบเสร็จ ไปดูเสื่อของเรานั่นละใบเสร็จ ใบเสร็จรับเงินเรา เรามีแต่ใบเสร็จอย่างนี้ ใบเสร็จให้โลกก็วิ่งเต้นอย่างนี้ละ ก็ดูเอา

         เราซื้อด้วยความสงสาร เสื่อเราก็ไม่อด ทำไมจึงซื้อ เมื่อวานเอาหมดเลย ไม่ให้เขาไปที่ไหน บอกว่าถ้าอยากพักที่นี่ก็ได้ หรืออยากกลับบ้านก็ได้ เราให้ความสะดวกทั้งสอง เขาว่าเขาจะพักที่นี่ก่อน ทำบุญใส่บาตรเสร็จแล้วเขาถึงจะกลับ พอเราทราบงั้นเราก็หนีมาเลย นี่ละใบเสร็จรับเงินเรา เห็นไหมไปดูเอาที่ศาลากองพะเนิน รถคันนั้นเต็มเอี๊ยดเลย เราเอาลงหมดเลย นี่เราซื้อด้วยความสงสาร เราไม่ซื้อด้วยว่าเราไม่มีเสื่อ เสื่อเราไม่อด ซื้อด้วยน้ำใจของเรา ด้วยเมตตาของเราเอง

         (เขาว่าเป็นเงินสามหมื่นกว่าแล้วหลวงตาให้ไปสี่หมื่น) เงินทั้งหมดสามหมื่นแปดพัน เราก็ให้เป็นสี่หมื่น (สาธุ) คือเศษจากนี้แล้ว บอกว่าให้เป็นค่าน้ำมันกลับบ้าน สามคนที่มาด้วยกันให้อีกคนละห้าร้อย (สาธุ) นี่ละเงินหลวงตาวิ่งอย่างนี้แหละ ฟังเอาซิมันต่างกันไหมกับเงินที่เขาว่า อันนี้ไม่มีเลยแม้เปอร์เซ็นต์เดียวที่เขายกขึ้นมาต้มตุ๋นเวลานี้ โกหกเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงขนาดนั้นละ มันหยาบขนาดนั้นละพวกนี้ ท่านทั้งหลายฟังเอานะ หยาบที่ว่าหลวงตาบัวเอาเงินไปให้ท่านนภดลวิ่งเต้นไปคัดค้านพวกเขา ฟังซิ นี่มันปั้นกระดาษนั้นขึ้นมาว่าเป็นใบเสร็จของหลวงตาบัว ได้รับมาจากหลวงตาบัวใช่ไหมล่ะ นี่ละฟังซิ แหม มันต้มเอาอย่างสดๆ ร้อนๆ

         ท่านทั้งหลายจะไว้ใจได้ยังไงพวกนี้ เอ้าถามกันอย่างนี้ นี่เอากันสดๆ ร้อนๆ ที่ว่าใบเสร็จรับเงิน หลวงตาบัวให้เงินท่านนพดลไปวิ่งเต้นเพื่อต้านทานเขา เรียกว่าคิดเราก็ไม่ได้คิด จะมาว่าอะไร สตางค์หนึ่งออกมาอีกก็ไม่มี มันก็ปั้นขึ้นมาอย่างสดๆ ร้อนๆ ท่านทั้งหลายเชื่อหรือไม่เชื่อหลวงตาบัว หรือจะเชื่อพวกนั้น เราไม่มีจริงๆ แม้แต่คิดเราก็ไม่มี เราพูดด้วยความเป็นธรรมเราบอกแล้วใช่ไหม จะมาตั้งคนนั้นคนนี้ให้วิ่ง ให้ช่วย ให้ไปต่อสู้เขาอย่างนั้นเราไม่เคย เราพูดเป็นธรรม บอกว่าธรรมเหนือโลกอยู่แล้ว บอกมาโดยลำดับลำดา

         มีแต่พวกนี้ทั้งนั้นละ เงินนี่กอบโกยมาช่วยกันวิ่งเต้นเพื่อต้มเพื่อตุ๋น ช่วยกันจ้างกันโกหกโลกเข้าใจไหม พวกนี้เงินมันเป็นสักกี่ร้อยกี่พันล้าน กี่หมื่นล้านก็ไม่รู้ละที่มันเอามาจ้างกันวิ่งเต้นเหล่านี้ มันไม่ได้พูดอย่างนั้น มันมาพูดหาของไม่มี อย่างที่ว่าเราไม่มี แน่ะ มันก็ต้มกันอย่างนั้นละ ท่านทั้งหลายเชื่อได้ไหมพวกนี้ พิจารณาซิ คำพูดเหล่านี้เป็นธรรมล้วนๆ โลกเชื่อถือได้เลย ไม่มีคำใดที่เราจะต้มตุ๋นโลก ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เพราะธรรมเหนือโลก เราไม่ได้เข้าข้างนั้นข้างนี้ เราไม่มีอย่างนั้น ที่ว่าอยู่เหล่านี้ก็คือว่าให้ชำระที่มันสกปรกออกเท่านั้นเอง เราไม่ได้ไปว่าพวกนั้นพวกนี้

         เช่นเราล้างถ้วยล้างจานอย่างนี้ เราว่าสกปรกมันเป็นฝ่ายหนึ่ง อันนี้เป็นฝ่ายหนึ่งมีไหม ไม่มี ล้างธรรมดาใช่ไหม แม้แต่โลกเขาก็ล้างธรรมดา ยิ่งธรรมะด้วยแล้วยิ่งละเอียดกว่านั้นอีก เราไม่มีคำว่าฝักว่าฝ่ายก็บอกแล้ว เราไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะ ว่าได้ว่าเสียกับโลก เราไม่มีคำว่ากล้า ไม่มีคำว่ากลัวกับโลก เราไม่มีเราก็บอกว่าเราไม่มี ไม่มีจริงๆ ในหัวใจเรา เราบอกตรงๆ อย่างนี้ละ ทุกอย่างพูดอย่างตรงไปตรงมา บอกให้มันเอาใบหนังสือเราไปหาโฆษณาซิทั่วโลก มันจะตีผากหมดโคตรหมดแซ่มันนั่นแหละ มีเท่าไรตีหมดนั่นแหละ ก็มันหาความโกหกไปหลอกลวงโลก โลกได้ยินหมดคำโกหกของมัน แน่ะ ก็ลงตรงนั้น

         ตั้งแต่ช่วยโลกนี้เราก็จะตายอยู่เวลานี้ ๖-๗ หลัง ตึกใหญ่ๆ ทั้งนั้น นี่ละเราก็วิ่งไปทางนี้ วิ่งไปตึกนั้นตึกนี้ ส่วนมากโรงพยาบาล วิ่งไม่หยุดไม่ถอย วิ่งไปทุกแห่งทุกหน ก็อย่างค่ำเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรเลย มันก็จะวิ่งตั้ง ๔๑,๕๐๐ ออกไปค่ำๆ นั่นแหละ มันยังวิ่งเสียตั้ง ๔๑,๕๐๐ ก็อย่างนั้นละเรา มันวิ่งงั้น ก็เราไม่มีอะไรเลย บอกว่ามีแต่ความเมตตา เราบอกแล้ว เราไม่มี ตอนจะมืดนั่นละเราออกไป ฝนมันก็แช็กๆๆ ตก ข้างในก็เดินจงกรมไม่ได้ ได้ร่มเราก็กั้นร่มออกไป คิดว่าจะไปเดินจงกรม ศาลาเงียบๆ  ที่ไหนได้คนไปอยู่นั้นอีก เราไปวิ่งที่นั่นอีกเสีย.เสร็จแล้วก็เลยกลับเข้ามาเท่านั้นเอง เพราะคนอยู่นั้นเดินไม่ได้ หนีมาเลย ก็มาเดินจงกรมบนกุฏิ อย่างนั้นแล้ว

         ฟังเอานะพวกท่านทั้งหลายธรรมกับอธรรม ที่เราพูดเวลานี้เป็นธรรมล้วนๆ เหล่านั้นที่ออกมานี้เป็นอธรรม หลอกลวงโลกล้วนๆ อย่างที่ว่ายกขึ้นเป็นใบนั้นหลอกโลกเขานี่ละ ให้ท่านทั้งหลายฟังเสีย บอกให้มันไปประกาศอีกให้ทั่วประเทศไทยนะ เอาใบอันนี้ไปเที่ยวประกาศทั่วโลก ว่าหลวงตาบัวเอาเงินให้ที่มันระบุถึงนั้นละ จ้างเพื่อจะไปต้านทานเขา เป็นกองหนุนหรืออะไร   (จ้างท่านนพดลไปเคลื่อนไหวต่อต้านพวกเขาครับ) เออ นั่นแหละ เรียกว่าโกหกร้อยทั้งร้อย ล้านทั้งล้านเลยทีเดียว นี่ละพวกโกหกฟังเอานะ โกหกอย่างนี้ อย่างตาใสๆ สดๆ ร้อนๆ หน้าด้านๆ ไม่มียางอายนะพวกนี้ ตั้งหน้าโกหกไปหมดทุกแห่งทุกหน

         เมื่อวานนี้ก็มาที่นี่ พันตำรวจมา เป็นนายพันนายพลอะไร นายไหนก็มาเถอะมากับเรานี่ ว่างั้นเลยพูดตรงๆ อย่างนี้ ไม่มี มันจะสูงขนาดไหนก็มาเถอะ ว่างั้นเลย มาก็ถาม มีธุระอะไรมานี้ พูดเราก็จำไม่ได้ ให้พระมาพูดนี่ซิ มาพูดให้ฟัง มาพูด มันมาแบบไหน ออกเลยซิ เราเป็นความบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันจอมเที่ยวกัดเที่ยวฉีก เที่ยวหลบนั้นหลบนี้ หลบกัดหลบฉีกชาติเขา มันว่าอะไรบ้าง

         พระ บอกว่าเป็นพันตำรวจโท มาจากป.ป.ป.

         หลวงตา นู่นน่ะฟังซิ ทำท่าว่ามาจากป.ป.ป. ป.ป.ป.ก็เครื่องมือของเขานั่นแหละจะเป็นอะไรไป ถ้าหากว่าไม่เป็นเครื่องมือของเขา เวลาเขามาร้องทุกข์นั้นจะต้องจดรายชื่อรายเสียงอะไรๆ ไว้ นี้ตามความเป็นธรรมนะ จะจดหลักฐานพยานเรียบร้อยแล้วก็รับคำร้องทุกข์ของเขา เขาร้องทุกข์ว่ายังไง เขาเกิดความเดือดร้อนอะไรเขาถึงต้องมาร้องทุกข์ นี่ตามหลักธรรมต้องเป็นอย่างนั้น เกิดความเดือดร้อนอย่างนั้นๆ เช่นยกตัวอย่างเช่นหลวงตาบัว ก่อความเดือดร้อนแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุผลกลไกอะไร ก่อความเดือดร้อนเรื่องอะไรๆ แล้วทางนู้นเขาได้รับความเดือดร้อนกระเทือนทั้งชาติ ทั้งศาสนา ทั้งพระมหากษัตริย์ เวลานี้ทนอยู่ไม่ได้ เกิดขึ้นจากหลวงตาบัวองค์เดียวเป็นคนทำลายชาติ ศาสนา แล้วมาร้องทุกข์ให้ป.ป.ป.ไปสอบสวน ทางนี้ก็ต้องจดรายชื่อรายนามของเขาให้เรียบร้อย เรื่องราวเขาร้องทุกข์ว่ายังไงจดมาเรียบร้อย แล้วก็มาถามเรา มีหลักฐานอย่างนั้นจึงต้องเอามา ตามกฎเกณฑ์ของอรรถของธรรม ของกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องเป็นอย่างนั้น เราไม่เรียนกฎหมายแต่เชื่อกฎหมายต้องเป็นอย่างนี้ เพราะธรรมเหนือกฎหมายอีก ละเอียดกว่านั้นอีก เอ้าทีนี้ว่าไป

         พระ เขาบอกว่าจะมาสอบถาม ว่าที่หลวงตาปฏิบัติเกี่ยวกับเงินโครงการช่วยชาติทำในนามของใคร ทำในนามส่วนตัว หรือทำในนามวัด หลวงตาก็ตอบว่าทำในนามส่วนตัวตามอัธยาศัย แล้วหลวงตาก็ถามกลับไปว่า ใครเป็นเจ้าทุกข์ที่ร้อง ให้ไปหาตัวมายืนยัน

         หลวงตา เออ เราบอกให้หาตัวมายืนยัน

         พระ เขาก็บอกว่าบอกไม่ได้ ผิดกฎหมาย

         หลวงตา บอกไม่ได้ เขาว่าผิดกฎหมาย ทีนนี้เขาจะให้เราเซ็นอะไร

         พระ เขาจะให้หลวงตายืนยันว่าทำในนามส่วนตัว ให้เซ็นแต่หลวงตาไม่เซ็น

         หลวงตา เราก็ตอบไปบอกว่าเราไม่เซ็น ให้หาตัวนั้นมาทั้งหมด เซ็นร้อยลายเซ็นเราจะเซ็น ถ้าเราได้ตัวนั้นมาแล้ว เราบอกงี้ ว่ากับพันตำรวจโท บอกว่าเราไม่เซ็น ให้ไปหาตัวนั้นมาเสียก่อน ตัวเกิดความเสียหายมาเสียก่อน แล้วทีนี้เราจะเซ็น ร้อยลายเซ็นเราจะเซ็นหมด แล้วขึ้นเวทีกัน เขาไม่กล้า เราไม่เซ็น มาเซ็นหาอะไรพูดป่าๆ เถื่อนๆ นี่ละมันมาปลอมๆ อย่างนี้ พวกนี้คือพวกนั้นเอง จะเป็นพวกอะไร นี่เวลาไปถามชื่อ ไม่บอกชื่อด้วย บอกไม่ได้มันผิดกฎหมายทั้งนั้นพวกนี้ เข้าใจไหม บอกชื่อก็บอกไม่ได้

         พระ ได้สอบถามชื่อก่อนแล้วครับ อยู่กับผู้กำกับ

         ผู้กำกับ ชื่อพันตำรวจโท พิทักษ์ พิชัยรัตน์ หรืออาจจะเปลี่ยนนามสกุล อีกอย่างหนึ่งบอกว่า เครือชัยพินิจ มารถวอลโว่สีแดง เลขทะเบียน ๗ฮ-๖๒๘๙ มาจากป.ป.ป. ตร. คือตำรวจ ป.ป.ป.โดยมากจะมาสืบข้อเท็จจริง สืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องข้าราชการทุจริต นี่สงสัยหลงมา มาหาวัด มาหาพระ

         หลวงตา มาหาพระ ก็เรียกว่าพระทุจริต หลวงตาบัวทุจริต มันก็ต้องมานั้นอีกซิใช่ไหม

         ผู้กำกับ เขามาผิดที่ผิดทาง เพราะนี่มีหน้าที่สำหรับสอบข้าราชการที่ทุจริต นี่มาหาพระสุจริต

         หลวงตา นี่ย้อนไปก็ได้นะ เอาออกย้อนไปเลย

         พระ ทางลูกศิษย์ได้สอบถามไปทางเลขานายกฯ ทางเลขาบอกว่าทางรัฐบาลไม่ได้ส่งใครมาให้สอบหลวงตา

         หลวงตา ให้เขาสอบไปเรื่อยๆ เลยนะ นี่ละมันก็เข้ากันได้กับเราเมื่อวานนี้ ที่ว่าให้เราเซ็นเราไม่เซ็น ต้องไปเอาพวกนี้มาให้หมดเสียก่อน ใครได้รับคำร้องทุกข์ยังไงดังที่ว่านี่นะ ให้ประกาศออกมาว่าหลวงตาได้ทำความเสียหายยังไงๆ แล้วเมื่อได้ตัวคนผู้ที่เสียหาย ได้ร้องทุกข์มาเรียบร้อยแล้ว หลวงตาจะเซ็น ร้อยลายเซ็นก็จะเซ็นแล้วขึ้นเวที เราบอกงี้เลย ก็พูดอย่างนั้นละเมื่อวานพูดให้พันตำรวจอะไรนี่ละ ก็ดีมาหาเรา พอแย็บเท่านั้นก็ใส่กันแล้ว

ผู้กำกับ เพิ่มเติมจากผู้ว่าฯ เป็นผู้ให้ข่าวมา

หลวงตา ต้องอย่างนั้นซิ ก็เราเคยบอกแล้วเคยพูดแล้วกับพวกเราเอง มีแต่พวกนี้คอยลอบกัดตรงนั้น ลอบกัดตรงนี้ พวกเราที่เป็นเจ้าของสมบัติต้องให้รู้ว่า ขโมยพวกนี้มาจากไหน กลุ่มมันอยู่ที่ไหนก้อนมันอยู่ที่ไหน โคตรมันอยู่ที่ไหน ทำไมไม่สืบมันบ้างพวกเจ้าของสมบัติ ทำไมมีแต่รักษาสมบัติๆ ให้มันมาขโมยเอาๆ เรื่อยๆ อยู่อย่างนี้มันชอบธรรมแล้วเหรอ เราเคยพูดอยู่ เราพูดอย่างนี้ถูกไหมล่ะ ต้องสอบหาซิตัวโจรมาจากที่ไหน ต้นตอมันอยู่ที่ไหน โคตรแซ่ของพวกโจรเหล่านี้มันอยู่ที่ไหน มันถึงได้ออกมาขโมยบ่อยๆ สืบเข้าไปหามันซิ จะมีตั้งแต่เรารักษาทรัพย์สมบัติ กอดรัดสมบัติอยู่นี้ ทำไมไม่สืบหาต้นเหตุมัน มันก็ลักวันยังค่ำนั่นแหละ เราว่าอย่างนี้เลย

นี่ละธรรม ฟังซิ เราเปิดอก เราว่าอย่างนี้เลย ขอให้ผู้เสียหายรายงานมา ว่าหลวงตาบัวนี้ได้ก่อความเสียหายให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือต่อผู้ใดกลุ่มใด ให้รายงานมาให้หมด เราบอกอย่างนี้ เรื่องเซ็นชื่อนั้นไม่ยาก จะร้อยเซ็นเราก็จะเซ็น แล้วเราจะขึ้นเวที เราบอกอย่างนั้นนะ เดี๋ยวนี้เราไม่เซ็น เซ็นป่าๆ เถื่อนๆ อย่างนี้ เราบอกอย่างนั้นเลย

ผู้กำกับ กราบเรียนเพิ่มเติมครับ ผู้ว่าฯ เพิ่มเติมว่า ปรกติแล้วหน่วยราชการอะไรที่จะมาดำเนินการสืบสอนสอบสวน หรือมาสอบถามใครในเขตจังหวัดอุดรฯ นี่ หนังสือต้องผ่านทางจังหวัดอุดรฯ ก่อน คือผู้ใหญ่ทางอุดรมีผู้ว่าฯหรือรองผู้ว่าฯจะต้องทราบ แต่นี้มาแบบแหวกแนว ผู้ว่าฯบอกว่าต้องติดตามให้ถึงที่สุด เพราะทำให้เสียชื่อผู้ใหญ่คือผู้ว่าฯ อุดร แล้วมาแบบไม่มีแบบมีฉบับ สงสัยจะ...

หลวงตา ตอนนี้กำลังสืบย้อน พอมาถึงเราแล้วทีนี้ไปใหญ่ละเห็นไหม เราบอกแล้วว่าสามโลกธาตุนี้เราไม่เคยมีหวั่นกับสิ่งใดเลย เราจะไปกล้าไปกลัวกับอะไร เหตุผลกลไกมีอะไรเอ้าว่ามา เท่านั้นเอง อย่างอื่นอย่าเอามาใหญ่อย่าเอามาอวดเรา อย่ามาอวดก้ามใส่เรา เราบอกตรงๆ อย่างนี้เลย ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมานี้อย่ามาอวดก้ามใส่เรา ถ้าธรรมแล้วกราบทันที นอกนั้นไม่กราบ แล้วมีอะไรอีก

ผู้กำกับ ตำรวจกองเมืองเรานี่มาให้ข่าวเพิ่มเติมอีกนิด แต่ยังไม่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ บอกว่าชื่อพิพัฒน์ นามสกุล เครือชัยพินิจ มีและเป็นเจ้าของรถวอลโว่สีแดง ๗ฮ๖๒๘๙ แต่ในทำเนียบตำรวจไม่มี คือไม่ได้เป็นตำรวจครับ ในทำเนียบตำรวจไม่มีชื่อนี้ นามสกุลนี้

หลวงตา เห็นไหมล่ะ เรื่องโกหกมันเป็นกิ่งก้านสาขาดอกใบไปหมด โกหกไปหมดเลย ก็มีเท่านั้น ให้ท่านทั้งหลายทราบเอานะ นี่ละความโกหกมันเข้าซอกแซกซิกแซ็ก เข้านั้นเข้านี้ ได้ยินแต่สืบทางนู้นถามทางนี้เรื่อยมา จึงได้เข้ามาหาต้นตอใหญ่นี่ มันก็ได้เรื่องออกไปละที่นี่ อย่างนั้นแล้ว มาก็มา ว่างั้นเลย แล้วมีอะไรอีกล่ะ

ผู้กำกับ มีปัญหาธรรมะครับ ลูกศิษย์แถวศาลาฝากถามมาว่า หลวงตาเจ้าขา ลูกจะใช้เวลาก่อนไปทำงานและก่อนเข้านอนเป็นเวลาปฏิบัติภาวนาครั้งละประมาณ ๕๐ นาทีถึง ๑ ชั่วโมง และเวลาที่ว่างจากการงาน ลูกก็จะนึกพุทโธอยู่เสมอ ลูกมีปัญหาในการภาวนาคือ เวลาภาวนาตัวลูกจะสั่นไปหมด และกระดูกส่วนหลังจะดังสนั่นมีเสียงออกมา ใครเห็นลูกภาวนาเขาก็จะกลัวลูก ลูกไม่อยากให้พวกเขากลัวเพราะเกรงว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่กล้าภาวนา ลูกขอโอกาสเรียนถามหลวงตาว่า คือลูกเคยกราบเรียนถามหลวงตาไว้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔  แต่ตอนนั้นการภาวนาของลูกเพียงแต่สั่นคลอนเฉยๆ ตอนหลังส่วนหลังจะลั่นดังสนั่นด้วย หลวงตาก็บอกลูกว่ามันจะโยกจะสั่นอย่างไรก็อย่ากลัว อย่าทิ้งพุทโธ ลูกก็ปฏิบัติตามนั้นตลอดมา แต่พอมาในปีนี้อาการมันรุนแรงขึ้นมาก ลูกขอกราบเรียนถามว่า เวลากระดูกมันลั่นและสั่นคลอน ลูกจะเอาจิตไปไว้ที่ไหนดีเจ้าคะ

หลวงตา เอาไว้ที่จิตที่รู้ๆ กับสตินั่นนะ ให้สติรู้อยู่เสมอ กิริยาอาการเหล่านี้เหมือนเขาทำงานทำการทั่วโลกดินแดน บางคนเอาขวานฟันไม้ ถากไม้ ไสกบลบเหลี่ยมทุกสิ่งทุกอย่าง กิริยาอาการของเขามีแปลกๆ ต่างๆ กันใช่ไหม ทีนี้การภาวนาของเรา เราทำงานตามเรื่องของเรานี้มันมีอาการอย่างนี้ ก็ให้เป็นเรื่องของเราอย่างนี้ ไม่ต้องไปหวั่น มันจะเป็นอะไร ถ้าเราระวังข้างนอกกลัวคนเขาจะตำหนิติเตียน ก็ไปปิดประตูตีหมา ฟาดให้มันขี้แตกก็ให้มันแตกอยู่ข้างในห้อง ไม่ต้องไปสนใจกับอะไร มันจะเป็นอะไร เรียนให้มันถึงซิเรียนธรรม มันจะขึ้นมาทุกอย่างๆ เราไม่ต้องไปหวั่น ทำอย่างนั้นแหละ สติอย่าเผลอ ทำไปเลยมันจะเป็นอะไร

ผู้กำกับ เขาถามเพิ่มเติมอีกว่า ลูกจะเอาสติไว้กลางอกแล้วภาวนาพุทโธ หรือว่าจะดูตรงที่มันสั่นคลอนตรงกระดูกที่ลั่น

หลวงตา ได้ทั้งสองแล้วแต่ถนัด เพราะอันนี้ก็เป็นองค์อริยสัจเหมือนกัน แล้วแต่จะถนัด จะตั้งที่ไหนก็ตั้ง เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ ตอนท้ายเขาบอกว่า ขอบารมีหลวงตาให้ลูกได้พบธรรมอัศจรรย์ด้วย และกราบอาราธนาหลวงตาอยู่นานๆ ด้วยเจ้าค่ะ

หลวงตา เราไม่ได้แค่ไหนก็ได้อัศจรรย์กระดูกลั่นเสียก่อนก็ได้ไม่เป็นไร แล้วมีอะไรอีกล่ะ

ผู้กำกับ กราบเรียนเพิ่มเติมครับที่ว่า หนังสือหรือใบเสร็จอะไรที่เขาเอาไปแสดงที่มส.นั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ใบเสร็จ แต่เป็นเช็คของขวัญที่หลวงตาจ่ายวันงานศพท่านอาจารย์ปัญญาครับ ให้พระที่มาร่วมงาน เขาเอาไปโชว์ว่าเป็นของหลวงตาให้ท่านนพดลเพื่อไปคัดค้านต้านทานพวกเขานั่นแหละครับ

หลวงตา ฟังซิ มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ วันนั้นเราไปถอนเงิน ๕ ล้านออกมาเพื่องานศพ สำหรับพี่น้องทั้งหลายท่บริจาคมามากน้อยนี้ ให้ถือเป็นกรณีพิเศษไปเสีย หลักใหญ่ที่เราตั้งไว้ไม่ให้ขาดตามความต้องการของเรานี้เราจะทำเอง สั่งให้ไปถอนเงินมาวันนั้น บอกตรงๆ เลย อย่างนี้ละเมื่อมีเรื่องก็บอกออกมา ให้ไปถอนเงินมาจากธนาคาร ๕ ล้านบวกกับของพี่น้องทั้งหลายบริจาคทั่วประเทศไทย บรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ที่มานี่ท่านนภดลก็ได้เช็คๆ ทั่วไปหมด อย่าว่าแต่ท่านนภดลจะได้เลย พระ ๓๙๐ วัดก็ได้ทั้งนั้นๆ แล้วการจ่ายเช็คเราจ่ายเป็นขั้นเป็นตอน วัดใดครูบาอาจาย์องค์ใดที่มีน้ำหนักมากน้อยต่างกัน เราเป็นคนสั่งให้จ่ายรายละเท่านั้นๆ เช่น ๕ หมื่นเรียกว่าสูงสุด ที่เราจ่ายเงินในงานศพท่านปัญญาคราวนี้ นี่เป็นเหตุจะออก ออกแล้วนะ มีประมาณเท่านั้นองค์ องค์ละ ๕ หมื่นๆ จากนั้นลดลงตามสัดตามส่วนของคุณสมบัติของวัดของว่า รวมแล้ว ๓๙๐ วัด

เช็คเวลานี้ยังไม่หมด ยังเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย ก็ได้บอกพระที่ท่านจะแจกตามหลังไปสำหรับพระที่มาในงานศพ  เราบอกไม่จำเป็น เมื่อมันเสร็จสิ้นไปในงานศพเรียบร้อยแล้วนี้ เงินมีเหลือเท่าไรเราจะทำประโยชน์ต่อโลกอีกเช่นเดียวกันกับนี้ เราจะเอาเช็คนี้จ่ายไปเหมือนกันกับนี้ จ่ายเพื่อประโยชน์แก่โลกเหมือนกัน นี่ละเรื่องราวเป็นอย่างนี้ นี่ละที่ว่าใบเสร็จหลวงตาบัวให้ท่านนภดลไปต้านทาน ฟังเอาซิ มันหลอกขนาดนั้นนะ แหมพวกเปรตนี้พิลึกจริงๆ ไม่มียางอายเลย โกหกได้อย่างหน้าด้านที่สุด อย่างที่เห็นนี่ ก็เช็คเราให้ท่านนพดลที่มาในงานศพท่านปัญญา มันก็ไปพลิกว่าให้เป็นค่าจ้างไปต่อต้านพวกเขา ฟังซิ

แหมพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงร้อยสันพันคม พวกเปรตนะ พิลึกพิลั่นเหลือเกิน คนหนึ่งทำแต่ความดี คนหนึ่งทำแต่ความชั่ว อย่างเขามาหาเรื่องเอาความชั่วจากเรา ก็เราไม่มีจะเอาอะไรให้ความชั่ว เรามีแต่ความดี ก็อย่างนั้นจะให้ว่าไง คือเราไม่มีขนาดนั้นละ กิริยาอาการที่ทำต่อโลกก็ไม่มีความชั่ว เราทำต่อเราก็ไม่มีความชั่ว แล้วเราจะเอาความชั่วมาจากไหนมาให้เขา เขามาหาเท่าไรเขาก็ได้แต่ความชั่วของเขาเอง เข้าใจหรือ เราก็ได้แต่ความดีของเราเอง แน่ะมันคนละทางๆ อย่างนั้น

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก