เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
ทองคำน้ำไหลซึม
ไปกรุงเทพคราวนี้ไปมอบทองก็สัตตาหะไปได้ ๗ วัน พอมอบทองเสร็จแล้วก็รีบกลับมาเลย พอเราผ่านนี้ไปแล้วท่านปัญญาก็เสียทีหลัง ดูเหมือนไปวันที่ ๑๗ ตอนเช้าวันที่ ๑๘ ท่านปัญญาก็เสีย ก็พอดีเราได้สั่งเสียไว้หมดเรียบร้อยแล้ว เพราะมองดูอาการก็รู้แล้ว ทีนี้เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปมอบทองตามวันเวลาดังกล่าว จึงสั่งเสียพระไว้เรียบร้อย พอไปวันนี้ วันพรุ่งนี้เช้าก็บอกไปว่าท่านปัญญาเสียแล้ว เอ้อ เสียก็เสียแหละจะทำไง ศพนี้ก็จะเผาวันที่ ๒๘ กำหนดเอาบ่าย ๓ โมง ในย่านบ่าย ๒ โมงจะมีพิธีพระบ้างอะไรบ้าง พอหลังจากนั้นปั๊บก็เผาแหละ บ่าย ๓ โมง ผู้จะรีบกลับไปกรุงเทพไปหย่อนบัตรผู้ว่ากทม.ทางนู้นก็ต้องได้ไปให้ทันวันอาทิตย์ที่ ๒๙ จากนี้เสร็จแล้วตอนบ่ายก็กลับไปนู้น
ไปคราวนี้ก็ไม่ได้พบนายกฯ แต่เป็นคนของนายกฯ มาเยี่ยมธรรมดา เพราะเราก็ยุ่งตลอดตั้งแต่วันไปจนกระทั่งวันกลับ ไม่มีเวลาว่างเลย ทองเราก็ได้สมมักสมหมายแล้ว ทองทีแรกจะเอาให้ได้ ๑๐ ตันก็ได้ตามนั้น ที่มันยังคี่อยู่อีกที่เราเข้าไปดูทองคำในคลังหลวง มันเป็นคี่ไม่ได้คู่ ก็เลยพยายามเอาที่คี่นี้ให้เป็นคู่อีก เป็นหนึ่งตัน ไปคราวนี้ก็ไปมอบทองคำที่คี่นี้ ๑ ตันก็เป็นคู่ขึ้นมา เป็นอันว่าได้ทองคำ ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง รวมทั้งหมดได้ทองคำ ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง จากนั้นเราก็ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยเราได้ทราบทั่วถึงกันว่า ทองคำเราอยู่ในคลังหลวงมีน้อยมากอยู่นะ ถึงเราจะได้มาเป็นกอบเป็นกำก็เรียกว่าจำนวนน้อยมากอยู่ในคลังหลวงของเรา เพราะฉะนั้นจึงให้พากันพินิจพิจารณา
คราวนี้หลวงตาไปขู่ไม่เข็ญ ไม่ทุบไม่ตีกระเป๋านั้นกระเป๋านี้ แต่ก่อนทุบเรื่อยแหละ ไหนทองคำ ไหนดอลลาร์ คราวนี้ได้สมมักสมหมายทุกอย่างแล้ว ทองคำตั้งใจจะให้ได้ ๑๐ ตันก็ได้ ๑๐ และที่คี่ตั้งใจให้ได้คู่ก็ได้คู่เรียบร้อยแล้ว สำหรับดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าดอลล์ นี่ก็สมมักสมหมายเหมือนกัน ต่อจากนี้ไปก็มอบความเชื่อถือพี่น้องทั้งหลายมาตั้งแต่ดั้งเดิมที่เริ่มออกช่วยชาติบ้านเมือง ได้รับความร่วมมือจากบรรดาพี่น้องทั้งหลายตลอดมาตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงจุดสุดท้าย เป็นความมุ่งหมายที่ต้องการสมบูรณ์ อันนี้ก็ฝากความเชื่อไว้กับบรรดาพี่น้องทั้งหลายตามเดิมว่า ทองคำเรานี้อย่างฝนตก ตกหนักตกเบาค่อยตกลง ไม่ใช่ตกลงกึ๊กๆ แล้วหยุดเลยนะ
อันนี้ทองคำเราได้ตามนั้นแล้ว แต่ยังมีบกพร่องอยู่ในคลังหลวงเยอะนะ เราก็ค่อยให้เป็นทองคำซึมซาบ ค่อยไหลมาคนละเล็กละน้อย เราไม่ขอบอกงั้นเลย คราวนี้ไม่ขอ เป็นแต่ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบในฐานะว่า เราเป็นเจ้าของสมบัติมีทองคำเป็นต้นในชาติไทยของเรา ที่เป็นโอกาสดีงามก็คือ ทองคำเราได้ส่วนใหญ่แล้ว ทีนี้ส่วนย่อยควรจะซึมซาบเข้าไป ให้ได้เพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งเป็นเวลาเหมาะสมมากอยู่ หากว่าหยุดคราวนี้แล้วจะไม่ได้นะ ทองคำจะไม่ได้ พอหยุดแล้วขาดไปเลย เวลานี้ยังไม่ขาด ตกเม็ดใหญ่แล้วก็เม็ดเล็ก ลูกเห็บลงไปแล้วทีนี้ย่อยลง กลายเป็นน้ำไหลซึมละทองคำเรา ให้ไหลซึมไป หากว่าสมควรยังไงแล้วเราจะประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอง
เวลานี้ยังให้เป็นน้ำไหลซึม ใครมีมากมีน้อยตามกำลังศรัทธาของตน ค่อยไหลมาตามอัธยาศัยในระยะเวลาที่ฝนกำลังตกอยู่ คือเรากำลังขวนขวายเอาทองคำเข้าสู่คลังหลวงอยู่เวลานี้ ได้เล็กได้น้อยก็ให้ค่อยไหลซึมเข้ามาๆ ถ้าไม่ได้เวลานี้ไม่มีนะ โอกาสใดๆ ก็ไม่เหมาะเท่ากับโอกาสนี้ เราได้ขนทองคำเข้าสู่คลังหลวง ทีนี้ค่อยไหลเล็กไหลน้อยไหลซึมเข้ามาเรื่อยๆ แหละ สำหรับดอลลาร์ก็เคยได้เรียนให้ทราบแล้ว ดอลลาร์คราวนี้จะไม่ได้เข้าคลังหลวง คือตั้งแต่เราหยุดเทศน์ในโครงการช่วยชาติ จตุปัจจัยที่ได้มาช่วยพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศนี่ก็ขาดไปตามๆ กัน
เมื่อไม่ได้เทศน์ สมบัติเงินทองที่เข้ามาหนุนชาติก็ไม่มี แต่ผู้ที่มาขอความช่วยเหลือนี้ไม่เคยลดนะ เพิ่มเรื่อยๆ เฉพาะโรงพยาบาลมากที่สุดเลย ช่วยตลอด ทีนี้เงินก็ไม่พอ เงินโครงการช่วยชาติเราก็หยุดเทศน์แล้วนี่ เงินเหล่านี้ก็ไม่มี ทีนี้คนมาขอก็ขอเรื่อย เราก็ช่วยไปเรื่อยๆ ทางนี้เบาบาง จึงต้องอาศัยดอลลาร์ ดอลลาร์มีเท่าไรเข้ามาหนุนช่วยกันกับเงินไทยเพื่อช่วยพี่น้องทั้งหลายต่อไป เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงไม่ได้เข้าคลังหลวงอีกแหละ ส่วนทองคำนั้นเรียกว่าร้อยทั้งร้อยแต่ต้นจนสุดขีด เป็นร้อยทั้งร้อยตลอดไปเลย ดอลลาร์จึงเป็นอันว่าจะเบาบางไปหรือจะไม่ได้เข้าแหละ ส่วนเงินไทยเราไม่มีหวัง เพราะที่เอาออกไปนี้ก็ไม่พอ เงินไทยของเราที่เข้าซื้อทองคำเพียงสองพันกว่าล้านบาทเท่านั้น นอกนั้นออกช่วยทั่วประเทศเลย สำหรับเงินสดนะช่วยมากจริงๆ เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านออกหมด
ที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือโรงพยาบาล มันสองร้อยกว่าโรงนะที่ช่วยอยู่เวลานี้ ช่วยตั้งแต่ใหญ่ๆ ลงมา เมื่อวานนี้ก็พูดถึงเรื่องลาดยาว ทีแรกเราประกาศบอกบรรดาพี่น้องทั้งหลายว่าคงไม่ต่ำกว่า ๓๕ ล้าน ปลูกตึกสองหลัง บ้านให้นักโทษหญิงอยู่ ไม่มีที่อยู่ นอนเทินกัน เราเข้าไปดูแล้วเขานิมนต์เราไปดู เขาก็หวังพึ่งเรานั่นแหละ เราไปดูก็ต้องดูละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเขาขอเราก็ให้ นี่เป็นให้ครั้งที่สอง ครั้งนี้ให้สองหลังเลย หลังละ ๓ ชั้น กะงบลงใน ๓๕ ล้าน สองหลัง ๓๕ ล้าน ไปเที่ยวนี้เขาประมวลมาอีก เครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะไหลมาตามตึกนี้อีก พวกไฟฟ้งไฟฟ้าอุปกรณ์อะไรต่ออะไร รวมแล้วคราวนี้จะเป็น ทั้งหมด ๔๗ ล้าน นั่นฟังซิ เรากะทีแรก ๓๕ ล้าน คราวนี้ว่า ๔๗ ล้าน แต่ไม่แน่นะยังจะขึ้นอีก ให้ลดนี้ไม่มีทาง
เพราะพวกเหล่านี้เขาทราบแล้วว่าเขาจะได้อาศัยเรา เราก็รู้ภายในใจแล้วเราจึงเผื่อเอาไว้ ก็ขึ้นจริงๆ นี่ก็ ๔๗ ล้าน หลังหนึ่งเรียบร้อยแล้ว อีกหลังหนึ่งกำลังขึ้น จากนั้นก็พวกต่อฟืนต่อไฟ อุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับตึกหลังนี้เพิ่มเข้ามาอีก รวมแล้วที่ชัดเจนออกมาบ้างพอประมาณก็ว่า ๔๗ ล้าน แต่เราคิดว่าเสร็จสิ้นจริงๆ แล้วจะมากกว่านั้น เวลาเข้าไปดูนั้นแหละ พอไปดูเขาจะพาเราไปซอกแซกซิกแซ็ก ดูความจำเป็นที่เขาจะพึ่งเรา เราก็คิดไว้แล้วที่ควรให้เราก็แยกให้ๆ อย่างมูลนิธิเรือนจำลาดยาวเราก็ไม่ได้ให้มาก เพราะเราจนเต็มที่ เราได้ให้เงินล้านบาทเท่านั้นเป็นมูลนิธิมา ๗-๘ ปีนี้มั้ง เพื่อเป็นค่าหยูกค่ายาของนักโทษที่เป็นไข้ เป็นนักโทษฝ่ายหญิง คราวนี้ช่วยนักโทษฝ่ายหญิงทั้งนั้นแหละ ส่วนที่อื่นช่วยทั้งหญิงทั้งชาย
อย่างอุดรเรานี้ก็ตั้ง ๕๓ ห้อง ห้องน้ำห้องส้วมให้ แล้วอ่างอาบน้ำอีกสองแห่ง สร้างตึกหลังหนึ่งสองล้าน นี่เฉพาะอุดร จากนั้นไปหนองบัวลำภูก็ที่นอน อันนั้นเราเข้าไปดูเองเลย ที่นอนยาวเหยียด เราให้หมดเลย เฉพาะเรือนจำมากอยู่นะ ลาดยาว อุดร หนองบัวลำภู สว่างแดนดิน บึงกาฬ เมืองพล นี่ที่จำได้ ๖ แห่งแล้วที่ช่วยอยู่เวลานี้ จากนั้นวงราชการต่างๆ ต่อไปอีกก็มี ยกตัวอย่างเช่น สถานีรถไฟอุดร นั่นให้หมดเลย สถานีตำรวจอุดร อันนี้ก็ให้เกือบจะว่าหมดเลย ลานในนั้นเทคอนกรีตทั้งหมด ถนนซอกแซกอยู่ในนั้นให้หมด แล้วให้รั้ว สร้างโรงใหญ่อีกโรงหนึ่ง อันนี้ ๑๐ กว่าล้าน สถานีรถไฟอุดรก็ ๑๐ กว่าล้าน นี่เรียกว่าวงราชการ ช่วย แต่สู้โรงพยาบาลไม่ได้นะที่ว่านี่ ถ้ายกโรงพยาบาลมาเหล่านี้ล้มเหลวไปหมด โรงพยาบาลมากจริงๆ และกว้างขวางด้วย ซอกแซกซิกแซ็กที่ช่วยกันมาและจะช่วยกันต่อไป ซอกแซกซิกแซ็ก
เริ่มต้นตั้งแต่เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือแพทย์มีกี่ประเภท เครื่องหนักเครื่องเบาเรื่อยๆ พวกรถยนต์ ตึก จากนั้นก็มีรั้ว กำแพง ที่ที่มันแคบควรจะซื้อขยายให้เราก็ซื้อขยายให้ๆ และควรจะซื้อให้หมดทั้งโรงพยาบาลนั้นเราก็ซื้อให้หมด แล้วยกมาตั้งใหม่เลย อย่างนี้ก็ทำ จึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า เงินสดนี้ไม่เหลือแหละ เวลานี้เราหยุดการเทศนาว่าการแล้ว สำหรับผู้ขอนั้นขอมาตลอดอย่างนี้ละ แต่เราพอใจที่เราทำผ่านมาแล้ว รู้สึกว่าไม่มีอะไรบกพร่องในใจ เช่นอย่างขอความช่วยเหลือจากบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่ช่วยชาติอยู่นี้ ก็เริ่มต้นตั้งแต่ทองคำขึ้นเรื่อย ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกประเภท
ทองคำว่า ๑๐ ตันก็ได้ ๑๐ ตัน แล้วขึ้นอีกหนึ่งตันเป็น ๑๑ ตัน ก็ได้ ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง แล้วดอลลาร์อย่างน้อยให้ได้ ๑๐ ล้านก็ได้ ๑๐ ล้านกว่า อย่างนั้นแหละ สำหรับเงินไทยเราไม่กำหนดเพราะมันไหลออกอยู่ตลอดเวลา นี่เรียกว่าได้สมมักสมหมายทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีอยู่ตอนสุดท้ายนี่ได้เรียนให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบ สมบัติคลังหลวงคือลมหายใจของชาติเรา ถ้ามีสมบัติเช่นทองคำเป็นต้นอยู่ในคลังหลวงแล้ว เราหายใจเต็มปอด การทำมาค้าขายติดต่อทุกอย่างๆ กับเมืองนอกเมืองนา โดยมีทองคำเป็นเครื่องประกันชาติของตนแล้วก็ติดต่อกันได้สะดวกสบาย เงินของเรานี้ก็แข็งขึ้น ก็อย่างนั้นแหละ เพื่อให้ความสะดวกสำหรับชาติไทยเรา
เพราะฉะนั้นจึงต้องได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบอีกว่า ทองคำเวลานี้ยังมีน้อยอยู่มากนะในคลังหลวงของเรา หากจะพอขวนขวายได้ตามกำลังต่อไปก็อยากจะให้พากันพินิจพิจารณาให้เป็นน้ำไหลซึม ในระยะนี้หลวงตายังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่ปิดบัญชีตายตัวทีเดียว เรียกว่าเปิดแย้มๆ เอาไว้ ถ้าเปิดมากๆ นี้เขาไม่ให้แล้วขายหน้า เข้าใจไหม เราจึงต้องเปิดแย้มๆ เอาไว้ ค่อยไหลซึมเข้ามา ทางนี้ก็ซึมเข้าเรื่อยๆ เอาแบบนั้นละ คราวนี้เป็นทองคำน้ำไหลซึม เมื่อถึงกาลอันควรแล้วจะประกาศเอง เวลานี้ยังประกาศว่าพอไม่ได้ เพราะยังบกพร่องอยู่มาก
ขนาดที่เราได้นี้ก็ไม่คาดไม่ฝันมันก็ได้มา มันของเล่นเมื่อไรทองคำ ๑๑ ตัน ไปหาที่ไหนลองดูซิน่ะ ดอลลาร์ ๑๐ ล้านกว่า ก็พี่น้องชาวไทยเรานั่นแหละช่วยกันหาจนได้ เห็นไหมล่ะ ความสามารถอยู่กับพี่น้องชาวไทยเรา จะให้เราได้สะดวกสบายนี้ พูดตามความจริงไม่สะดวกสบายนะ จะหมุนกันกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายตลอดไป ช่วยแง่นั้นแล้วช่วยแง่นี้ แง่นั้นแง่นี้ ไม่เพียงแต่ด้านวัตถุที่เราช่วยอย่างนี้ เรื่องราวต่างๆ มันรวมมาเผาอยู่ในวงชาติวงศาสนา ซึ่งเราก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในหัวใจกลางนั้นด้วย เราจะอยู่เฉยๆ ได้ยังไง
การบ้านการเมือง เรื่องของเราก็ไปเกี่ยวอยู่ในนั้นอีก การศาสนาก็ยิ่งเราเป็นพระอีกด้วย ก็เกี่ยวพันกันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ทีนี้เรื่องเหล่านี้มันยุ่งไปหมด มันก็ต้องเข้ามานี่แหละ เพราะงานของเรากับสิ่งเหล่านั้นมันเกี่ยวโยงกันอยู่ ธรรมดาแล้วเราไม่ยุ่ง เรื่องการบ้านการเมืองเราไม่ยุ่ง ศาสนาเราปฏิบัติต่อตัวของเราโดยเฉพาะๆ หรือในวัดของเรา รับผิดชอบในวัดของเราพอแล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไร มีแต่ความสงบเย็น นี่ละปฏิบัติโดยความมีศีลมีธรรม พระเณรก็สะดวกสบาย ตั้งแต่หัวหน้าลงมาหาผู้น้อยก็สะดวกเย็นสบายไปตามๆ กัน เพราะหลักธรรมหลักวินัยครอบไว้หมด เรียกว่าหลักแห่งความร่มเย็น
เวลานี้เกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวาย เห็นไหมอยู่หน้าศาลานั่น พระหัวโล้นๆ ไปดูซิหัวโล้นหรือหัวอะไรนั่น ผ้าเหลืองๆ โอ๋ย สีเจ้าชู้สีขุนนาง สีโอ่อ่าฟู่ฟ่า สีนักเลงโต สีอันธพาลในเพศของพระ ไปดูเอาหน้าวัดนั่น ออกมาทำท่าทำทางเป็นนักเลงโตมาขู่เข็ญคำรามพวกที่ทำดีทั้งหลายทั่วประเทศ พระทำดีทั่วประเทศ พวกนี้พวกอันธพาลมหาโจรจะปล้นชาติปล้นศาสนา ออกฤทธิ์ออกเดช ไปดูเอาถ้าว่าเราหาเรื่อง ไปดูเอาซิน่ะ เป็นยังไงเลวไหมพระทุกวันนี้ เลวหรือไม่เลวไปดูเอา ตามีทุกคน เลวนี่ไม่ใช่ธรรมวินัยพาให้เลว ผู้เหยียบย่ำธรรมวินัย ผู้เหยียบย่ำหัวพระพุทธเจ้านั่นเองมาเหยียบย่ำพี่น้องชาวไทย ทั้งชาติและศาสนาจะจมไปด้วยกัน ก็เพราะพวกประเภทหัวโล้นไม่มียางอายเป็นนักเลงโต
ก็ยังดีนะยังไม่ได้ยินเขามาจับมันมัดใส่คุกใส่เรือนจำใส่ตะรางไป พวกนี้มันเลยเขตของพระไปแล้วนี่ มาอาละวาดแบบนี้ไม่มีในพุทธศาสนา หลักธรรมวินัยไม่รับรอง ถ้าลงเป็นขนาดนี้แล้วตามหลักธรรมวินัยปัดออกแล้ว มอบให้กฎหมายบ้านเมืองไปแล้ว นี่ตามหลักธรรมวินัยมี บอกไว้แล้ว เราพูดตามหลักธรรมวินัย เช่นพระองค์หนึ่งไปฆ่าเขาเท่านั้น เรื่องของพระนี้ขาดทันที บ้านเมืองเข้ามารับไปทันทีเลย อันนี้ก็แบบเดียวกัน เป็นความเลวทรามที่สุด ตั้งเป็นข้าศึกศัตรูทำลายคนทำดีทั้งหลาย ผู้ที่ท่านดีก็เห็นอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ พระท่านผู้รักษามีอยู่ แล้วผู้ทำลายก็มาประกาศอย่างหน้าด้านให้เห็นอยู่นั่นเป็นยังไง ไปดูเอาซิพี่น้องทั้งหลาย
คนประเภทนี้หรือ พระประเภทนี้หรือ ที่จะทำความสงบร่มเย็นให้แก่ชาติแก่ศาสนาแก่พระมหากษัตริย์เรา คือประเภทนี้เหรอ หัวโล้นๆ แบกไม้พลอง ดีที่ยังไม่เห็นปืนอยู่กับมือมัน แต่ลูกน้องมันฟังว่ามีปืน นั่นฟังซิ นี่ละนักเลงโต อันธพาล มหาภัยของชาติของศาสนาของเราเป็นอย่างนั้น หัวโล้นๆ มันเป็นได้อย่างนี้ ใจไม่มียางอายเสียอย่างเดียวเป็นได้ทั้งนั้น เวลานี้กำลังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นี้ เราก็อยู่ในจุดกลางนั้นด้วย ก็ต้องเกี่ยวข้องอยู่โดยดี ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้อีกแหละ เพราะฉะนั้นถึงว่าเราจะอยู่ด้วยความผาสุกเย็นใจไม่ได้นะ
สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรกับโลกสงสาร เราพูดตรงๆ เราหมดทุกอย่างแล้ว การปฏิบัติตัวเองตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เราไม่ได้เคยต้องติว่าเราได้ข้ามเกินหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าด้วยความหน้าด้านที่ตรงไหนไม่มี มีแต่ความอบอุ่นเรื่อยมา ขวนขวายหาแต่ความดีตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้จนถึงขั้นพอ เราพอทุกอย่างแล้วเรื่องอรรถเรื่องธรรม ตั้งแต่พื้นๆ ภพชาติของสัตว์เดรัจฉานมา มาเป็นภพชาติมนุษย์ถึงเทวดาอินทร์พรหม ผ่านไปหมดแล้วในหัวใจเรานี้ เราผ่านไปหมด เรียกว่าพอแล้ว จะว่าแดนแห่งนิพพานก็พูดได้อย่างสะดวกสบายเต็มหัวใจ เพราะจิตดวงนี้เป็นผู้ขวนขวาย จิตดวงนี้เป็นผู้ได้รับผลจากการขวนขวายของตนมากน้อย พอก็บอกว่าพอ
สำหรับเราพอแล้วทุกอย่าง ที่ยุ่งอยู่เดี๋ยวนี้ก็เพราะเกี่ยวกับโลกกับสงสารนั่นเอง ถึงได้ดีดได้ดิ้น อยู่ไหนไม่มีความสะดวกสบายนะ ลำพังเราเองเราพูดตรงๆ พูดตามอรรถตามธรรมผิดไปที่ตรงไหน เขาหาเงินได้ห้าบาท เขาบอกได้ห้าบาท สิบบาทเขาบอกว่าได้สิบบาท ผิดไปไหน เราหาศีลหาธรรมได้เต็มตามกำลังความสามารถ และเต็มกำลังความสามารถ เราเป็นคนหาเองได้มาเองรู้เองๆ พูดออกผิดไปที่ตรงไหน ผิดเรื่องความดีงามผิดตรงไหน มีแต่ความดีงามเรื่อยๆ
ไอ้ของสกปรกโสมมนั่นของไม่ดี มันออกมาประกาศทั่วโลกดินแดนทุกวันนี้ ไม่เห็นใครตำหนิมันบ้าง พูดอรรถพูดธรรมออกมาเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นคติเครื่องเตือนใจแก่พี่น้องชาวพุทธเราอย่างนี้พูดไม่ได้มีเหรอ ถ้าพูดไม่ได้แล้วโลกมนุษย์เราที่ว่าลูกชาวพุทธก็เป็นลูกผีไปหมดละซิ ไม่ยอมรับธรรมของพระพุทธเจ้า นี่เราพูดจริงๆ สำหรับเรา เราพอทุกอย่างแล้ว ไม่มีการสะทกสะท้าน ไม่มีคำว่าได้ว่าเสีย ไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะ ไม่มีคำว่าได้เปรียบเสียเปรียบ ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้เราไม่มี ธรรมเหนือหมด ใครผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก อย่างพูดตะกี้นี้ผิดบอกว่าผิด ในวงศาสนาไม่มี ในหลักธรรมวินัยไม่มี พระหัวโล้นๆ บวชมาเป็นลูกศิษย์ตถาคต มาแสดงตัวเป็นอันธพาล เป็นมหาโจรต่อชาติต่อศาสนาของตนอย่างนี้เราไม่เคยเห็น เห็นก็บอกว่าเห็นจะให้ว่าไง ควรตำหนิก็ต้องตำหนิอย่างนี้ นี่ภาษาธรรม ผู้ดีเราไม่ตำหนิ ผู้ที่ควรตำหนิจะไปชมไม่ได้นะ ผู้ที่ดีแล้วจะไปตำหนิท่านหาอะไร
นี่เราพูดถึงเรื่องความยุ่งเหยิงวุ่นวายเรา จนกระทั่งลมหายใจขาดถึงจะได้หยุดนะ ไม่มีเวลาว่างละ ช่วยนั้นช่วยนี้ตลอด ทั้งๆ ที่เจ้าของไม่เห็นมีอะไร อะไรก็พอทุกอย่างแล้ว บิณฑบาตจะกินให้ตายก็ตาย ดูซิเป็นยังไงอาหารตอนเช้าหลั่งไหลเข้ามา กินให้ตายตายได้ มากหรือไม่มาก พอหรือไม่พอขนาดนั้นแล้ว หรือจะกินยังไงอีก ก็เรียกว่าพอ การอยู่การกินการใช้สอย ที่อยู่ที่พัก นี่เขาก็สร้างให้ทั้งนั้น อยู่สะดวกสบายทุกอย่าง การประพฤติปฏิบัติศีลธรรมก็หาที่ตำหนิตนเองไม่ได้แล้ว เราจึงได้พูดด้วยความภาคภูมิใจของความเพียรเรา ที่ได้อุตส่าห์ตะเกียกตะกายมาได้ผลเป็นที่พอใจ แล้วจึงนำเอานี้ไปเป็นคติเครื่องเตือนใจ
ดังพระพุทธเจ้าท่านสอนโลก ท่านบำเพ็ญเป็นยังไง พระพุทธเจ้าสลบถึง ๓ หน หนักหรือไม่หนัก ทุกข์หรือไม่ทุกข์ เลยสลบก็ตาย นั้นละก่อนจะได้มาเป็นศาสดา จึงสอนถึงเรื่องความอุตส่าห์พยายาม ความอดความทน ในการฝึกฝนอบรมตนเอง ทุกข์ยากลำบากเพื่อเป็นความสุขไม่เป็นไร ทุกข์เพื่อมหันตทุกข์อย่าพากันไปทำ ทำความชั่วทำมากเท่าไรยิ่งทุกข์มาก นี้เราทำความดี ทุกข์มากเพื่อความสุขไม่เป็นไร ก็เป็นคติมาสอนพวกเราเรื่อยๆ นี่ก็เป็นคติสอนพี่น้องทั้งหลาย
เราไม่เคยคิดถึงเรื่องว่าอยากโอ้อยากอวด อยากไปหาอะไร ถ้ายังมีหิวอยู่จะว่าพอได้ยังไง นี่มันไม่หิวก็บอกว่าพอ พูดให้เป็นคติเครื่องเตือนใจแก่ผู้กำลังก้าวเดินต่อไป ให้เป็นคนดี หน้าที่การงานดี การอยู่การกินให้มีความประหยัดมัธยัสถ์ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว เสีย เสียชาติของเรานั่นแหละ คนในชาติเป็นผู้รักษาชาติ ผู้สังหารชาติก็คือพวกเราที่ไม่รู้จักประมาณ ลืมเนื้อลืมตัวนั้นแหละสังหารชาติตนเอง ดังที่เราได้เห็นแล้วสี่ห้าปีผ่านมานี้ เมืองไทยจะจมกันทั้งประเทศเห็นไหม เพราะความลืมตัวของชาติไทยเราเอง สมบัติเงินทองข้าวของมีเท่าไรเอาไปถลุงๆ แล้วเมืองไทยจะจม
เราจึงได้ประกาศ แล้วพากันดีดดิ้นกลับเนื้อกลับตัว จนกระทั่งเวลานี้ก็ค่อยสมบูรณ์พูนผลขึ้นมา พูดจาอ้าปากได้แล้วเวลานี้ ก็เพราะความรู้ตัว ความลืมตัวทำให้บ้านเมืองจะจม อันนี้ให้ปฏิบัติ การสอนเหล่านี้เพื่อเป็นคติทั้งนั้น ให้พากันไปประพฤติปฏิบัติ เมืองไทยเราเป็นสมบัติของเรา ให้ต่างคนต่างระมัดระวังรักษา พูดเท่านั้นละวันนี้ ต่อไปนี้จะให้พร
เมื่อวานนี้ก็ไปภูหลวงเอาของไปภูหลวงเมื่อวานนี้ ภูหลวง ภูเรืออยู่ที่อัตคัดขัดสนเราเลยส่งเป็นประจำนะ ภูหลวงภูเรือลำบากมาก เมื่อวานนี้ก็เอาไปให้ภูหลวง เรากำหนดไว้ๆ ไปโรงพยาบาลไหนวันเดือนใดเราจดเอาไว้ พอรอบเดือนแล้วเราก็ไปส่งๆ ทั่วไปหมด
นี่ก็วันที่ ๒๕ ใช่ไหม ๒๖-๒๗ เหลืออีกสองวัน วันที่ ๒๘ ก็เผาท่านปัญญาๆ เป็นพระที่ดี เราว่าค่อนข้างดีมากก็ไม่น่าจะผิด เป็นพระที่ละเอียดสุขุมมาก วิชาทางโลกทางธรรมพร้อมหมด การประพฤติตัวเหมือนกันพร้อมหมดเลย เมรุทีแรกว่าจะทำไว้เผาหลวงตาบัว หลวงตาบัวยังไม่ตายท่านปัญญาตายก่อน เลยเผาท่านปัญญาก่อน หลวงตาบัวเลยไม่แน่นอนไม่ทราบว่าจะลงที่จุดไหน ถ้าหากว่ามีแต่หลวงตาบัวล้วนๆ ก็แน่นอน ตายที่ไหนได้หมดไม่มีปัญหาเลย ตายร่มไม้ชายป่าที่ไหนได้ทั้งนั้นๆ
ทีนี้ก็มาเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองเข้าไป ผู้ใหญ่ท่านตั้งให้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณ ทีนี้เมรุที่เรากำหนดไว้จะเผาเราก็เลยไม่ค่อยแน่ เดี๋ยวดึงเข้าไปเผาที่ไหนก็ได้ นี่เราก็พูดตามความจริง ตั้งทีไรข้ามชั้นๆ ชั้นธรรมดาไม่เอาขึ้นชั้นราช ชั้นราชแล้วเทพไม่เอาขึ้นชั้นธรรม พอถึงชั้นธรรมแล้วเอาละคราวนี้ เอากับผู้ใหญ่ในสำนักพระราชวังเลยแหละ จากนี้ต่อไปอย่ามาตั้งอีกนะ เอาเลยนะ นี่ยุ่งพอแล้ว เราบอกตรงๆ เลย แต่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่มันก็ไม่แน่ซิ ผู้ห้ามเป็นเรา ผู้ทำเป็นท่านเหล่านั้นใช่ไหมล่ะจึงไม่แน่นะ เดี๋ยวจะยกไปเผาที่ไหนก็ได้
แต่ที่เหนืออยู่ตลอดก็คือว่าพินัยกรรมเราคือเวลาเราตายนี้ สมบัติเงินทองอะไรที่ประชาชนเขามาถวายในงานศพเรานี้ เราตั้งกรรมการไว้เก็บรักษาทั้งหมด เงินนะ แล้วนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็นวาระสุดท้าย อันนี้ใหญ่ตลอด ถึงจะไปเผาไหนอันนี้ใหญ่ตลอด ต้องเป็นอย่างนี้พินัยกรรมเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสถานที่ยังไม่แน่นัก เราก็ไม่เป็นกังวล เพราะเราก็ไม่หวงอยู่แล้ว ก็พูดตามเรื่องมันเฉยๆ ว่าเมรุนี้ทำไว้เพื่อเผาเรา เรายังไม่ตายท่านตายก่อนก็เอา ท่านปัญญาตายก่อนก็เอาเผาท่านปัญญาไปก่อน เราเผาเมื่อไรก็ได้ว่างั้นแหละ
เรื่องปัจจัยนี้ก็ได้สั่งเสียพระเรียบร้อยแล้ว คือเราไม่สามารถที่จะสั่งเสียซอกแซกซิกแซ็ก เราได้สั่งเสียแต่ส่วนใหญ่ๆ เอาไว้ เช่น ปัจจัยไทยทานที่เขามาถวายในงานศพท่านปัญญานี้ พระที่มาจากวัดไหนๆ เฉลี่ยเผื่อแผ่แจกท่านให้ทั่วถึงหมด นี้อันหนึ่ง อันหนึ่งปัจจัยตั้งแต่วันเริ่มท่านปัญญามรณภาพ จตุปัจจัยเขามาถวายคัดออกๆ เอาไว้สำหรับงานศพ ขาดเหลือเท่าไรเราจะดูตามหลัง ไม่พอเราจะพิจารณาเอง ถ้าพอก็เป็นอันว่าพอ แต่ส่วนเงินที่เขามาบริจาคทานเพื่อเผาศพท่านปัญญานี้ ให้คัดไว้หมดสำหรับศพโดยเฉพาะ นี่เราสั่งไว้แล้วนะ ไม่ให้เอาไปไหน ให้เอารวมในงานศพ จะขาดจะเหลืออะไรให้อยู่ในนี้ หากว่าไม่พออะไรเราพิจารณาเองไม่ยาก เราก็บอกอย่างงั้น ก็สั่งอย่างนี้ละ ให้ท่านจัดเอง เราสั่งซอกแซกไม่ได้
ทีนี้ปัจจัยนี้ก็ดูเหมือนได้เป็นล้านแล้วนะ ดูว่าเป็นล้านแล้ว เป็นไหนก็เป็นเถิดน่ะ ถ้าลงอีตาบัวได้เก็บรักษาแล้ว ฟังก็แล้วกันอีตาบัวเข้าใจไหม ถ้าลงอีตาบัวเก็บรักษาแล้วไม่ต้องสงสัย ไหลลงหมดเลยไม่มีเหลือ นี่ก็ดูเหมือนได้ล้านกว่าแล้ว นี่ก็สั่งไว้แล้ววันในงานศพให้กรรมการเก็บรักษาให้หมดเลย ให้รวม ทีนี้ท่านจะแยกแจกวัดไหนๆ ทำบุญด้วยวิธีการใดจากปัจจัยเหล่านี้ ได้สั่งไว้แล้วนะ ให้พระท่านประชุมกันเองในวัดนี้ แล้วท่านจะแยกแยะยังไงให้ท่านแยกแยะ เราไม่เข้าไปยุ่งนะ เราสั่งเป็นกองไว้เท่านั้นละ เอาเงินกองนี้จะแยกไปทางไหนเอาแยกนะ การกุศลเผาศพท่านปัญญา ก็เท่านั้น แล้วไทยทานที่ได้มามากน้อย เอาๆ แยกวัดไหนมาทางไหนๆ เอาแยกให้หมดเหมือนกันหมด เราสั่งทั้งนั้น เอาละไปละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|