เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
การสร้างความดีไม่มีเฟ้อ
ทองคำที่ได้เหล่านี้คราวนี้จะไม่ได้มอบ จะตามหลังกันไปเรื่อยๆ ก็พอดีกับเป็นโอกาสของพี่น้องชาวไทยเราที่จะได้ช่วยหัวใจแห่งชาติของตนเอง คือได้พยายามนำทองคำเข้าสู่คลังหลวงของเราซึ่งขาดแคลนมานาน ไม่มีใครทราบแหละทองคำของเราในคลังหลวงขาดแคลนมานาน ก็พอดีเป็นโอกาสเหมาะสมที่ทางหัวหน้าคลังหลวงได้นิมนต์เราเข้าไปดูทองคำในวันเราไปมอบทองคำพอดี ท่านเหล่านี้ก็คงจะคิดว่ามีความหวังจากเราอยู่ เพราะฉะนั้นจึงต้องนิมนต์เราเข้าไปดู ทั้งๆ ที่คลังหลวงนี้ไม่มีใครเข้าไปดูได้เลย ก็มีสมเด็จพระเทพฯ กับเรานี้เท่านั้นเข้าไปดูทองคำในคลังหลวงเรา ในวันเราไปมอบทองคำวันนั้นแหละ จึงได้ไปดูทุกสิ่งทุกอย่างอย่างละเอียดลออ ดูหมดซอกแซกซิกแซ็ก ดูด้วยถามไปด้วย หัวหน้าก็เดินเคียงข้างเราไป เราเป็นคนถามนั้นถามนี้เรื่อยๆ
ว่าทั้งหมดมีเท่านี้หรือ ทางโน้นก็บอกว่ามีเท่านี้ เราใจมันหายวูบพูดอะไรไม่ออก จากนั้นก็ออกไปนั่งคุยกันสองต่อสอง ไม่มีใครเข้าไปยุ่งได้แหละ ถามถึงเรื่องทองคำที่เป็นประเทศใหญ่เกี่ยวข้องกันกับการซื้อขาย ต้องมีทองคำเป็นเครื่องประกันๆ เราคิดเรียบร้อยแล้วก็ถามตามจุดที่คิด ถูกต้องหมด ประเทศไหนมีทองคำเท่าไรๆ ถาม ประเทศนั้นมีทองคำฝากไว้เท่านั้นๆ แล้วก็ย้อนมาหาทองคำที่ประกันชาติไทยของเรามีเท่าไรเวลานี้ บอกว่ามีเท่านั้น แล้วคี่ด้วยไม่ได้คู่นะ จึงสะเทือนใจตั้งแต่บัดนั้นมา
พอออกมา ทุกวี่ทุกวันนักข่าวมันกวน ได้ดุอยู่เรื่อยที่สวนแสงธรรม แต่วันนั้นตอนเย็นพอออกมาจากนั้นแล้วร้องบ๊งเบ๊งขึ้นเลย วันนี้นักข่าวไปไหน ทุกวันกวนเหลือเกิน วันนี้นักข่าวไปไหนกัน ไม่มาเหรอนักข่าวน่ะ เป็นวันที่เราจะพูด เราบอกอย่างนั้น เขาวิ่งกันไปวิ่งกันมาแล้วบอกว่า ยังอยู่นี้ นักข่าวมี เอ้าๆ มานี่ ขึ้นทันทีเลยประกาศเรื่องทองคำ หนักในทางทองคำที่จะบริจาคให้หนักมือขึ้นไปๆ เรื่อย แต่จำนวนเท่าไรเราไม่บอก อันนี้เป็นความลับของหัวใจแห่งชาติไทยเรา เราบอกใครไม่ได้ บอกได้แต่ว่ามีน้อยมาก เรียกว่ามีน้อยอยู่มากทีเดียว จนใจหายวูบ
พอออกมาโฆษณา ตั้งแต่บัดนั้นมาพี่น้องชาวไทยเราก็เรียกว่าเป็นใจเดียวกันทั้งหมด ต่างท่านต่างก็บริจาคเต็มกำลังความสามารถเรื่อยมาๆ จนกระทั่งทองคำได้มากขึ้นๆ เราจึงได้บอกว่า คือทีแรกทองคำนี้คี่ด้วย แต่พูดไม่ได้ ตั้งแต่ในนี้ก็หนักพอแล้ว คิดถึงชาติไทยของเราทั้งหมดมารวมอยู่กับทองคำเพียงเท่านี้มันเข้ากันไม่ได้ แต่พูดอะไรไม่ออก เรียกว่าหัวอกนี้จะแตก ว่างั้นเถอะ เลยโฆษณาให้พี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวด้วยความรักชาติเหมือนกันหมด พอโฆษณาต่างก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบัดนี้นั้นทองคำเราที่มอบครั้งแรกได้ ๑๐ ตันกับ ๓๑๒ กิโลครึ่ง ไม่คาดหมายเลยว่าจะได้ แต่จิตใจมันมุ่งจะเอาให้ได้ ว่างั้นเลย มันจะสุดวิสัยไม่สุดวิสัยหัวใจนี้แบกตลอดเลย นี่อันหนึ่ง จากนั้นก็ได้พูดให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบถึงเรื่องทองคำที่คี่นั้นแหละ มันไม่คู่ คี่นี้คี่เป็นหนึ่งตันนะไม่ใช่น้อยๆ
แต่เราเชื่อพี่น้องทั้งหลายแล้วตั้งแต่ ๑๐ ตันยังหามาได้ ทำไมตันหนึ่งเท่านี้จะหาไม่ได้ เราเชื่อไว้แล้ว มาก็ไม่นาน เห็นไหมล่ะ เรามอบทองคำวันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๗ มาถึงวันที่ ๑๙ นี้ก็จะได้มอบอีกแล้ว รวมกับของเก่า ๓๑๒ กิโลครึ่ง ที่เศษไปจาก ๑๐ ตันนั้นด้วย เข้ากันกับทองคำใหม่นี้ จะได้ทองคำคราวนี้รวมทั้งหมดเป็น ๑๑ ตัน กับ ๓๗ กิโลครึ่ง ที่แน่นอนจะเข้าในคลังหลวงแล้ว กำหนดตายตัว ทองคำของเราก็ได้แล้วเวลานี้ ๕๘ แท่ง ส่วนทองคำที่มาเหล่านี้จะตามหลังกันไป
พอดีกับเจตนาของเราที่เหมาะสม จึงได้ประกาศให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบ โดยไม่ขอร้องนะ ประกาศให้ทราบในส่วนปลีกย่อยของเราที่จะหนุนเข้าสู่คลังหลวง ให้เข้าสู่ความสมบูรณ์พูนผลหายใจโล่งปอดทั่วประเทศไทย เราจึงว่าทองคำเหล่านี้จะค่อยไหลซึมกันไป เรายังไม่ปิดบัญชี แต่จะไม่เปิดมาก ถ้าเปิดมากๆ เมื่อไม่มีใครให้แล้วมันขายหน้า เข้าใจไหม เราก็เปิดเพียงแย้มๆ เท่านี้ ให้ค่อยซึมเข้ามาๆ เรียกว่าเปิดประตูแย้มๆ เอาไว้ให้ซึมเข้ามา ตั้งแต่นี้ต่อไปทองคำเราจะซึมมาจากน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายที่รักชาติด้วยกันนั่นแหละ ค่อยไหลเข้ามา เรามีโอกาสเพียงเท่านี้นะ ต่อไปนี้เราจะไม่ปรากฏว่าจะได้ทองคำมาอีกแล้ว ถ้าปิดอันนี้กึ๊กแล้วหมดเลย นี้เป็นโอกาสอันดีงามที่เราได้ช่วยกันทั้งชาติ ถึงขนาดที่ว่าชาติไทยเราจะจมๆ นี้ก็ฟื้นขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้แล้วเวลานี้
วันที่ ๑๙ จะได้เห็นทองคำเต็มเม็ดเต็มหน่วย ประจักษ์ตาประจักษ์ใจ จำนวน ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง ที่นี่เหลือจากนั้นเราก็จะเก็บไว้อย่างนี้ละ เหมือนที่เคยปฏิบัติมา จะเก็บไว้ๆ พอหลอมเราก็จะหลอมเอาไว้ แล้วเก็บไว้ที่ตู้นิรภัย เราได้เช่าเขาไว้เรียบร้อยแล้วตู้นิรภัย เป็นประจำตั้งแต่วันเปิดโครงการช่วยชาติเรา อันนี้เป็นตู้นิรภัยเก็บที่เศษเหลือทองคำค่อยไหลซึมมา ตั้งแต่นี้ต่อไปขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ทองคำเรายังไม่ได้ถึงขั้นที่หายใจโล่งจริงๆ แต่นี้เราก็พากันบึกบึนมาถึงขนาดที่ว่าหายใจพอเป็นไปได้ๆ แหละระยะนี้ ทีนี้จะพยายามให้ได้ทองคำโดยความไหลซึมเข้ามา จากน้ำใจของบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ค่อยๆ ไหลซึมเข้ามา
แต่หลวงตาจะไม่ขอ คือหลวงตาพูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น มีคำสัตย์คำจริงทุกอย่าง ลงจุดไหน จุดนั้นๆ แต่ก่อนทั้งขู่ทั้งเข็ญทั้งทุบทั้งตี มองเห็นกระเป๋าไหนไม่ได้ตีเอา ไหนทองคำ ตีกระเป๋านี้ ไหนเงิน อยู่อย่างนั้นละ แต่คราวนี้จะไม่ตีและไม่ขอ ลงสุดท้ายอย่างมากก็เพียงว่าออดอ้อนเอาเท่านั้นแหละ ไม่ให้เลยจากนั้น นี่ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ในโอกาสอันดีงามของเราที่จะได้ขนทองเข้าสู่คลังหลวงของเรา ก็เป็นโอกาสนี้เท่านั้น นอกนั้นจะไม่มี พอหยุดนี้แล้วปิดกึ๊กเลย ไม่มีอะไรเข้ามาอีกแล้ว นี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้หาทองคำเข้าสู่คลังหลวงของเราให้ถึงที่พอใจพอประมาณ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากันว่าทองคำนี้ยังไม่ปิด ยังจะเปิดรับหัวใจที่รักชาติของพี่น้องทั้งหลาย จากการบริจาคของท่านทั้งหลายนั้นเอง เข้าสู่คลังหลวงของเราต่อไป
มีมากมีน้อยจะให้ค่อยไหลซึมเข้าไปๆ เวลานี้ทองคำเรายังรู้สึกว่ามีน้อยอยู่มากทีเดียว เราได้มาขนาดนี้ก็พอหายใจได้บ้างยังไม่เต็มปอด ให้พยายามอีกต่อไป คือแบบที่ว่าหลวงตาไม่ขอ ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบว่าเป็นโอกาสอันเหมาะสม เป็นมหามงคลแล้วที่เราจะได้นำทองคำเข้าสู่คลังหลวงต่อไปอีกเป็นแบบไหลซึม คราวนี้ไม่ใช่แบบโฆษณาแบบโครงการแต่ก่อน เป็นแบบค่อยไหลซึมเข้ามาๆ ใครมีมากน้อยเพียงไรก็ไหลซึมเข้ามา เราคิดว่ายังจะได้อีกต่อไปอีกเยอะนะ เพราะคนไทยเราตั้ง ๖๒-๖๓ ล้านคน ตั้งแต่ ๑๑ ตันยังได้ อันนี้ทำไมจะไม่ได้ เราจึงเชื่อแน่ว่าได้
จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วกันว่า ทองคำคราวนี้จะเป็นทองคำที่ไหลซึมเข้าไปสู่คลังหลวงเรา เป็นปลีกเป็นย่อยไหลเข้าไปเรื่อยๆ ไม่หยุดไม่ถอย เรายังไม่ปิดโครงการ ทองคำจะเปิดแย้มประตูเอาไว้ให้ค่อยไหลซึมเข้าไปๆ จนกว่ากาลอันควรแล้วเราก็จะทราบเอง ปิดเมื่อไรจะทราบ เพราะหลวงตาก็เรียกว่าเป็นหัวใจของชาติ ดูตลอดเวลา คิดตลอดเวลา เพื่อชาติของตนนั้นแหละไม่ใช่อะไร กรุณาทราบตามนี้ พูดเรื่องทองคำก็พูดเท่านี้
นี่ศรัทธาใหญ่ที่จะเป็นเจ้าภาพทอดกฐินปีนี้ กฐินนี้ก็เรียกกฐินของชาตินั้นแหละ หลวงตาไม่เคยเอาเงินไปที่ไหนเลย มีแต่ช่วยชาติช่วยโลกตลอดมา งานวัดป่าบ้านตาดซึ่งแต่ก่อน เช่นงานวันเกิดของหลวงตาไม่มีใครมายุ่งเลยนะ ไม่ให้มี แต่พอเริ่มงานช่วยชาตินี้เข้ามาก็เลยเปิดโอกาสให้มี คือไม่คัดค้านต้านทาน อนุโลมให้มี นี่ก็เพื่อชาติๆ งานอะไรขึ้นมาในวัดป่าบ้านตาดนี้เป็นงานเพื่อส่วนรวมของเราทั้งนั้นแหละ หลวงตาไม่เอาอะไร มีตั้งแต่ความหวังให้พี่น้องทั้งหลายได้อยู่เย็นเป็นสุข ทั้งวัตถุความเป็นอยู่ปูวาย ทั้งจิตใจให้มีคุณธรรม เป็นเครื่องเยียวยารักษาบำรุงทั้งส่วนร่างกายก็สมบัติเงินทองที่อยู่อาศัย ทางด้านจิตใจก็ให้มีทาน ศีล ภาวนา เป็นบุญเป็นกุศลหนุนเข้าสู่ใจ เรียกว่าอาหารของใจก็ให้มี อาหารของธาตุขันธ์คือสิ่งที่อาศัยเหล่านี้ก็ให้มี
อยู่ในโลกนี้ก็ให้กว้างขวาง ไปโลกหน้าก็ไม่ให้คับแคบตีบตัน ให้กว้างขวาง ไปโลกไหนก็ไปเถอะคนมีบุญไม่จนตรอก ทั้งๆ ที่คนมีบาปไปที่ไหนมีแต่จนตรอก เกิดที่ไหนจนตรอกจนมุม ภพใดชาติใดมีแต่ภพจนตรอกจนมุมของคนสร้างบาป แต่คนสร้างบุญไปภพใดภูมิใด มีแต่ภพของคนบุญๆ ไปเหมาะสมกับกองบุญของตนๆ สร้างมากน้อยนี้จะพาไปสู่ความสะดวกตามกำลังแห่งบุญของตน สะดวกเรื่อยไปอย่างนี้ นี่สำหรับคนมีจิตใจกว้างขวาง มีเมตตาธรรม มีความเสียสละ ไปไหนไม่อดอยากขาดแคลน ผิดกันกับคนมีความตระหนี่ถี่เหนียว ความคับแคบตีบตันอยู่มากทีเดียว คนประเภทนี้ไปที่ไหนตีบตันนะ เพื่อนฝูงไม่ค่อยมี แม้ที่สุดเผาศพก็มีคนไปเผาศพเพียงหย็อมแหย็มๆ เท่านั้น สำหรับคนมีบุญจิตใจกว้างขวาง เป็นอยู่ก็ยั้วเยี้ยๆ ด้วยเพื่อนฝูง ตายไปแล้วในงานศพจนหาที่นั่งไม่ได้ นี่มันแสดงอยู่ในใจของผู้เสียชีวิต เป็นจิตใจกว้างขวางหรือจิตใจคับแคบตีบตัน อยู่ที่ตรงนี้นะ ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้
สำหรับหลวงตาแล้วเรียกว่าพอใจแล้วในชาตินี้ เราได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มกำลังความสามารถทุกอย่างเรื่อยมา ไม่เคยมีที่จะหยิบจะอะไรเอาไว้แม้นิดหนึ่ง คิดดูซิสมบัติทั้งทองคำ ดอลลาร์ เงินสดเป็นจำนวนเท่าไร บรรดาพี่น้องทั้งหลายบริจาคทั่วประเทศมาผ่านหลวงตาองค์เดียวเป็นผู้รับผิดชอบ เราก็รับผิดชอบด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ไม่มีคำว่ารั่วไหนไปไหนเลย แม้บาทหนึ่งไม่มี เพราะหลวงตาเข้มงวดกวดขันทุกอย่าง จะจ่ายมากจ่ายน้อยให้จ่ายด้วยเหตุด้วยผล สมควรจ่ายเท่านั้นๆ ให้จ่ายตามนั้นๆ ไม่มีอย่างอื่น นี่ละสมบัติของพี่น้องทั้งหลายบริจาคมาจึงตายใจได้เลย เราผู้รับไว้ก็ตายใจได้ เพราะเราบริสุทธิ์สุดส่วนแล้ว
การช่วยโลกคราวนี้เราช่วยด้วยความเมตตาล้วนๆ เราไม่หวังอะไรเป็นเครื่องตอบแทนแม้เม็ดหินเม็ดทราย ไม่มี คือเราพอแล้วในหัวใจ คำว่าหัวใจพอแล้วนี้ก็เพราะอำนาจแห่งการสร้างบุญสร้างกุศลนั้นแหละ ไม่ใช่สร้างบาปนะ สร้างบุญสร้างกุศลเรื่อยมา เมื่อสร้างไม่หยุดไม่ถอยมันก็เต็มได้ เหมือนเราเทน้ำใส่โอ่งเล็กโอ่งใหญ่ เทไม่หยุดไม่ถอยมันก็เต็มได้ด้วยกัน หัวใจของคนเราก็เหมือนกัน บุญกุศลสร้างขึ้นมาๆ เรื่อยๆ แล้วก็เพิ่มขึ้นๆ สุดท้ายก็เต็ม พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระทัยท่าน ใจท่านเต็มเปี่ยมเลย หมดที่จะเอาอะไรมาเพิ่มเติมอีกแล้ว เหมือนน้ำเต็มโอ่งจะเอาน้ำที่ไหนมาเทก็ล้นไปหมดๆ ไม่ขังอยู่ได้เลย เอาน้ำมหาสมุทรมาเทก็ไหลออกเหมือนกันหมด
จิตใจที่เป็นธรรม ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้ว เป็นความพอที่เลิศเลอ นี่เกิดมาจากความอุตส่าห์พยายามขวนขวายนะ บุญกุศลผลทานที่เราทำไปมากน้อยนี้ เราอย่าไปวิตกวิจารณ์ว่าจะสูญหายไปไหน บาปก็ดี บุญก็ดี เราเป็นคนสร้างเอง เราเป็นภาชนะเองสำหรับรับรองการสร้างเหตุของเรามาเป็นผลให้เราได้รับ ทั้งดีทั้งชั่วอยู่กับเรา ไม่มีที่เก็บบุญและบาป โลกกว้างแสนกว้างนี้ไม่มีที่เก็บบุญและบาป เก็บสุขและทุกข์ มีที่หัวใจของสัตว์โลกแห่งเดียวนี้เท่านั้น หัวใจเป็นที่เก็บไม่สูญหายไปไหน ไม่มีที่แจ้งที่ลับในการสร้างบาปสร้างบุญ เพราะฉะนั้นจงพากันระวัง เรื่องบาปไม่มีที่แจ้งที่ลับเหมือนกัน อย่าทำ ที่แจ้งก็ไม่ทำ ที่ลับก็ไม่ทำ เพราะเป็นเหมือนไฟจี้เข้าไป จี้อยู่ในที่เปิดเผยก็ร้อนในที่เปิดเผย เข้าไปในห้องปิดประตูจี้ตัวคนเดียว ก็ร้องโวยวายอยู่ข้างในนั่นแหละ ความร้อนมันอยู่กับไฟจี้เรา ไม่อยู่กับที่มืดที่แจ้ง มันอยู่กับเรา เราสร้างไว้มากน้อยจะค่อยไหลเข้ามาแล้วเต็ม เมื่อเต็มแล้วก็พอ
อย่างที่หลวงตาได้พูดเหล่านี้ หลวงตาก็ไม่เคยคิดเคยอ่านว่าจะประจักษ์ในจิตใจจากการบำเพ็ญของตนมากน้อยซึ่งจำไม่ได้เลย ว่าเราบำเพ็ญมามากขนาดไหน นานเพียงไร แต่เวลาสร้างเข้าๆ ทำเข้าๆ ผลบุญกุศลทั้งหลายที่เราสร้างมาแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนๆ ก็ไหลเข้ามารวมกันๆ เข้ามาสู่จิตตภาวนา พอเข้ามาสู่จิตตภาวนาซึ่งเป็นทำนบใหญ่นี้แล้ว มันก็เต็มขึ้นมาในหัวใจให้เห็นชัดๆ ไหลเข้ามาเต็มขึ้นมา เต็มจนกระทั่งพอ ทีนี้พอแล้วพอหมด ไม่ว่าดีไม่ว่าชั่วพอทั้งนั้น ไม่มีอะไรจะตกค้างในหัวใจที่พอนั่นเลย นี่พอ
นี่เราช่วยชาติจากความดีของเราที่สร้างมา เราประมวลลงมาได้ในหัวใจว่าพอแล้วด้วยความดีทั้งหลาย จากนั้นเราก็ออกช่วยชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มีมลทินติดหัวใจ ใครจะกล่าวโจมตีอะไรๆ ก็แล้วแต่ นั้นปากสกปรก เขามีอะไรเขาก็แสดงตามเรื่องของเขา เขาไม่มีความดีเขาก็เอาความชั่วออกประกาศ ใครมีอะไรก็ต้องเอาสิ่งนั้นออกประกาศ นี่เป็นเรื่องคติธรรมดาของสัตว์โลก เรามีอะไรเราก็ทำของเรา อย่างที่ว่าจะออกประกาศหรือไม่ประกาศ ท่านทั้งหลายก็ทราบแล้วว่า หลวงตานำพี่น้องทั้งหลายทุกข์ยากลำบากขนาดไหน ซอกซอนไปหมดทั่วประเทศไทย
เทศน์ไม่ทราบว่ากี่พันกี่หมื่นกัณฑ์ ก็เพื่อพี่น้องทั้งหลายไม่ได้เพื่อเรา สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยก็เพื่อพี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นส่วนรวมนั้นแล เราไม่เอาอะไรๆ จึงเรียกว่าพอ พอตลอดเวลา พอนี้เรียกว่าพอเป็นอนันตกาลของจิตใจดวงนี้ที่เรียกว่าธรรมธาตุ ปรากฏขึ้นมาจากการสร้างคุณงามความดีทั้งหลาย จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายพยายามสร้างความดีงาม ไม่เฟ้อ การสร้างความดีไม่มีเฟ้อแหละ สร้างไปเท่าไรถึงความพอแล้ว หากเลิศเลออยู่ในพอนั้นเอง ไม่มีอะไรจะเลิศเลอยิ่งกว่าความพอในธรรม ธรรมนี้พอ พอแบบเลิศเลอ ต่างกับโลกมากนะ
นี่ก็ได้อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังเป็นเวลา ๖ ปีกว่ามาแล้ว ก็สมมักสมหมาย พร้อมกับบรรดาพี่น้องชาวไทยเราเป็นลูกชาวพุทธ เชื่อบุญเชื่อกรรมด้วย เชื่อครูเชื่ออาจารย์ด้วย เป็นผู้รักชาติ รักความเสียสละด้วย มารวมกันก็เป็นสมบัติก้อนใหญ่ขึ้นมา ทองคำของเราก็ได้ตั้ง ๑๑ ตันกว่า ดอลลาร์ก็ ๑๐ ล้านกว่า สำหรับเงินไทยไม่นับเลย ทั่วประเทศ ไม่มีภาค เหมือนกันหมดทั่วกันหมด ที่ไหนจำเป็นมากน้อยช่วยไปหมดทุกแห่งทุกหนนั่นแหละ นี่สำหรับเงินสดเงินไทยเรา สำหรับดอลลาร์กับทองคำนั้นเข้าคลังหลวงล้วนๆ ก็มาตอนหลังนี้เท่านั้นเองดอลลาร์จะไม่เข้านะ คือดอลลาร์จากนี้แล้วจะไม่เข้า
เพราะเหตุไร เพราะเราปิดโครงการแล้วการเทศนาว่าการ ผลรายได้ที่มาช่วยชาติก็ไม่มี เมื่อไม่มีแล้วก็ไปเดือดร้อนดอลลาร์ เพราะมีแต่เงินสดที่เขาบริจาคมาตามอัธยาศัยของเขาเข้ามาสู่วัด วัดก็นำออกช่วยชาติบ้านเมืองไม่พอ จึงต้องไปเดือดร้อนถึงเงินดอลลาร์ เอาเงินดอลลาร์แปรสภาพมาช่วยเงินไทย เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงจะไม่เข้าคลังหลวงเหมือนแต่ก่อน ส่วนทองคำนั้นร้อยทั้งร้อยเข้าตลอดไปเลย กรุณาทราบตามนี้นะ
หลวงตาได้ช่วยเต็มกำลังความสามารถแล้ว ก็ดูเอาซิ ร่างกายมันเป็นอย่างนี้ละ ฉันจังหันลงไปเพื่อจะบรรจุให้ ก็พอดีออกหมดเลย ฉันมันเป็นตั้งแต่ต้นนั่นแหละ เราก็ฝืนเอา อย่างนี้แหละโทษแห่งความฝืน มันก็เห็นประจักษ์ วันนี้มันจะไม่เอาอะไรเลย ดูในธาตุในขันธ์รู้แล้วตั้งแต่ก่อนฉัน แต่เกี่ยวข้องกับเพื่อนกับฝูงพระเณรประชาชน จุดใหญ่ก็อยู่ที่เรา เราก็ได้อุตส่าห์ลงมา ฝืนลงมาๆ ผลแห่งความฝืนก็เป็นอย่างนี้ ฉันลงไปแล้วอาเจียนออกหมดเลยไม่มีเหลือ จิตใจเราไม่มีอะไร เพราะเรื่องธาตุขันธ์นี้เป็นเครื่องมือช่วยโลก เยียวยากันไปได้แค่ไหนก็ได้แค่นั้น เมื่อถึงกาลเวลาแล้วโลกนี้เป็นโลกเกิดตาย มันก็ต้องเป็นแบบเดียวกันหมด เราจึงไม่วิตกวิจารณ์กับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ ความเป็นความตายของเรามีน้ำหนักเท่ากัน เราไม่ได้ตื่นเต้นกับความเป็นความตาย เรียกว่าคงเส้นคงวาหนาแน่นเลย จึงขอให้ทุกๆ ท่านได้บำเพ็ญคุณงามความดี
เกิดมาพบพระพุทธศาสนานี้เลิศเลอแล้วนะ ศาสนาใดก็ตาม เราไม่ได้ประมาท เราเอาศาสนาที่เราพัวพันด้วยชีวิตจิตใจตลอดมานี้ มาบำเพ็ญแล้วเป็นผลประจักษ์ใจของเราขึ้นมามากน้อยเพียงไร นี้ต่างหากที่นำออกมาสอนโลก ให้เป็นที่แน่ใจเถิด พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว อย่าไปคว้าโน้นคว้านี้ให้เสียเวล่ำเวลา เป็นความเหลวไหลเสียเวล่ำเวลาไปเปล่าๆ ให้ยึดให้ดี
พุทธศาสนาเป็นศาสนาแถวแนวของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มาเป็นสายเดียวกันมาเลย ท่านมาด้วยมีแบบมีฉบับ ไม่ได้มาแบบโกโรโกโส ตั้งขึ้นเป็นศาสนา ตั้งขึ้นเป็นศาสนานั้น ตั้งขึ้นเป็นศาสนานี้ จากคนมีกิเลส คลังกิเลสตั้งตัวเป็นเจ้าของศาสนา มันก็คือโครงการแห่งกิเลสชักจูงสัตว์โลกให้หมุนไปทางวัฏวน ส่วนมากมีแต่บาปนั้นแหละ หมุนไปหมุนมา
ส่วนพุทธศาสนานี้สอนคนให้รู้บุญรู้บาป ละบาปบำเพ็ญบุญจริงๆ ผลปรากฏขึ้นมาเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งถึงความพ้นทุกข์ได้จากคำสอนของพระพุทธเจ้าตลอดมาอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เป็นผู้รื้อขนสัตว์โดยตรง นี่เราได้มาพบแล้วพุทธศาสนาอย่าปล่อยอย่าวาง เมื่อชีวิตจิตใจมีอยู่ความเป็นไปมีอยู่ เอา ให้เฉลี่ยเผื่อแผ่ ผู้มีมาก ผู้มีน้อยให้เฉลี่ยเพื่อทางจิตใจ เพื่อทางร่างกายความเป็นอยู่ก็ให้ได้อาศัย ทางด้านจิตใจที่จะคืบคลานไปภพหน้าชาติหน้า ขอให้มีเสบียงอันดีงามเข้าสู่จิตใจ ไปภพใดชาติใดจะเป็นภพที่รื่นเริงบันเทิงมีความผาสุกเย็นใจ เพราะอำนาจแห่งบุญกุศลของตนนั่นแล สุดท้ายก็ก้าวเข้าสู่พระนิพพาน ได้แก่ความพอที่เลิศเลอ
ความพอที่เลิศเลอนี้ออกจากพุทธศาสนานะ พระพุทธเจ้าเลิศเลอแล้ว สาวกเลิศเลอเพราะดำเนินตามพระพุทธเจ้า บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายดำเนินตามทางของพระพุทธเจ้า ของสาวกทั้งหลาย แล้วก็จะค่อยเลิศเลอไปตามๆ อย่างนี้ ให้ยึดให้เกาะพุทธศาสนาไว้ให้ดีนะ อย่าพากันตื่นศาสนา คำว่าศาสนะ ศาสนธรรมก็มี ศาสนกิเลสก็มี ศาสนาของกิเลสก็มี ศาสนาของธรรมก็มี ยึดไปพิจารณาเอานี้ก็แล้วกันนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้
รับฟังรับชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทางอุดร AM 103.25 KHz
และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจากสวนแสงธรรม FM 103.25 MHz |