เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เบื่อโลกสกปรก พระสกปรก
เมื่อเช้ารู้สึกรุนแรงอยู่มากนะหวัด ฉันไม่ได้เลย ฉันได้แต่น้ำๆ พอออกจากนี้ก็อาเจียนน้ำออกหมด ตกค่ำพอเงียบคนหมดแล้วเราก็ด้อมๆ ออกไปดูข้างนอก ๖ โมงกว่าๆ แล้ว ออกไปหน้าประตูวัด ไปไอไปจามที่นั่นอาเจียนออก มีแต่น้ำออกหมดอีก ไปแค่ประตูวัดไปอาเจียนที่นั่นเลยกลับไม่ได้ออกไป อาเจียนสองหนมีแต่น้ำไม่มีอะไร วันนี้ค่อยมีเบานิดหน่อย มันก็เกือบครบกำหนดมันแล้ว หวัดก็เพียงอาทิตย์หนึ่งเท่านั้นแหละจะเป็นอะไรไป เราก็รู้
วัดภูสังโฆถวายทองคำ ๑ กิโล ๑ บาท ๑ สลึง เงินสด ๔ หมื่นบาท เข้ามาเรื่อยเพิ่มเรื่อยๆ เราจึงแน่ใจว่าคราวนี้ต้องตันกว่าแหละ รวมแล้วจะต้อง ๑๑ ตันกว่า ให้เป็นที่ระลึกของพี่น้องชาวไทยซึ่งเป็นผู้รักชาติ ประกาศตนออกมาด้วยความบริจาคเพื่อหนุนชาติของตนให้มีความแน่นหนามั่นคงต่อไปสุดท้าย ให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังได้ยึดเป็นคติตัวอย่าง คราวนี้เป็นคราวสำคัญของพวกเราที่ได้ช่วยชาติ ก็เหมาะสมกับที่ชาติไทยนี้เป็นลูกชาวพุทธเลยต้องมีศาสนานำหน้าเรื่อยมา จนกระทั่งป่านนี้ทองคำเราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะได้ถึง ๑๑ ตัน ก็แน่แล้วเวลานี้ จะประกาศขึ้นในวันนั้นคือวันที่ ๑๙ จะแน่ในวันนั้น ระยะนี้กำลังมาเรื่อยๆ เรากะไว้ ๑๑ ตันจะพอแหละ
พรุ่งนี้ได้ทองมากน้อยก็จะรีบนำไปโรงหลอมเขา วันที่ ๑๒ ผ่านไปเราก็นำไปโรงหลอม ได้เท่าไรๆ ก็ให้รู้กัน เพราะวันที่ ๑๗ เราจะไปกรุงเทพ วันที่ ๑๙ เป็นวันมอบ ทองคำนี้จะหลอมให้ทันในระยะนี้ ทองคำที่มาตามหลังนี้จะหลอมให้ทัน เราจะได้ภาคภูมิใจทั่วหน้ากันว่าเรารักชาติของเรา แสดงความรักชาติออกมาด้วยความบำรุงรักษาอุ้มชูชาติของตนศาสนาของตน สมชื่อสมนามว่ารักชาติ ไม่ใช่รักเฉยๆ รักชาติ รักศาสนา แล้วศาสนาก็เป็นศาสนาเอกเสียด้วยไม่มีสอง
คำนี้เราก็ไม่เคยได้พูด เป็นอยู่ในหัวใจได้ ๕๐ ปีมานี้แล้วเราก็ไม่เคยพูด วันนี้ก็จะแย็บออกเสียบ้างว่า เราได้พิจารณาหมดแล้ว ใครจะว่าเราบ้าให้ว่าไป เราพิจารณาด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามเรื่อยมา ได้ผลเรื่อยมาๆ จนกระทั่งถึงขั้นกระจ่างแจ้งออกหมดจากธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดเลย เวลากระจ่างแจ้งมาปึ๋งเท่านั้น ไม่เคยคิดเคยอ่านเลยว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อถึงขั้นบริสุทธิ์แล้วเป็นอันเดียวกันเลย ฟังซิ ไม่เคยคิดนะ เป็นอันเดียวกัน เราก็เคยเทียบแล้วว่าเหมือนน้ำมหาสมุทร ตกมาจากบนฟ้า ไหลมาจากที่ไหนก็ตาม ไหลเข้าถึงน้ำมหาสมุทร เรียกมหาสมุทรโดยสมบูรณ์เช่นเดียวกัน ทีนี้จิตพอผางเข้าไปถึงขั้นนั้นแล้ว เป็นอันเดียวกันหมดเลย นี่ละเราพูดให้เปิดเผย
พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ ดูน้ำมหาสมุทร ว่างั้นเลย จ้าอยู่นั้นเลย นี่ละธรรมของจริง พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เป็นของจริงล้วนๆ นี้เราพูดบ้างเล็กน้อยๆ มาโดยลำดับ วันนี้เปิดออกให้ชัดเจนอีก เราไม่สงสัยที่เป็นมาอย่างนี้ เป็นมาด้วยความประจักษ์ใจ เราไม่สงสัยเลย เพราะแต่ก่อนก็ไม่เคยคิดเคยอ่านว่าจะเป็นเช่นนี้ ว่าเป็นอันเดียวกัน เหมือนน้ำมหาสมุทรกว้างหรือแคบก็ดูเอา เป็นอันเดียวกันหมด ฝนจะตกมาจากบนฟ้าอากาศ ไหลมาจากที่ไหน พอเข้าถึงมหาสมุทรปั๊บเท่านั้นเป็นมหาสมุทรด้วยกันหมดเลย ทีนี้บรรดาท่านผู้บริสุทธิ์ พอถึงขั้นนั้นปั๊บก็เหมือนฝนตกลงมาจากบนฟ้าอากาศ ไหลมาที่ต่างๆ เข้าไปจุดนั้นก็เป็นมหาวิมุตติ มหานิพพาน มหาธรรมธาตุ เหมือนกันหมดเลย นี่เราไม่สงสัย
ท่านทั้งหลายจะจำก็จำเสียนะ หลวงตาจวนจะตายแล้วยิ่งเร่งธรรมะออก หลวงตาไม่ได้ห่วงตัวเอง ไม่มีคำว่าห่วงตัวเอง จวนจะตายเท่าไรยิ่งห่วงโลกสงสาร ด้วยความเมตตา เมตตาๆ ตลอด เพราะสิ่งที่ประกาศลั่นอยู่ในหัวใจนี้ เป็นความจริงล้วนๆ ใครมีนิสัยปัจจัยยังไงให้ยึดให้เกาะนะ คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดหลอกลวงพี่น้องทั้งหลาย ไม่ใช่คำพูดหลอกลวงโลก เป็นพระวาจาของพระพุทธเจ้าที่สอนโลกมาแล้วสืบเนื่องมานี้ไม่ผิด เพราะเอาของจริงออกแสดงอย่างเดียวกัน
เราปฏิบัติ ปฏิบัติตามสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วๆ เอา ก้าวมา ขั้นนี้ก็ชอบๆ บันได เอ้า ก้าวขึ้นไป ขั้นนี้ก็ชอบๆ ถึงบ้านเรือนด้วยบันไดทุกขั้นหนุนกันไปๆ นี้คุณงามความดีบารมีทุกขั้นทุกตอนที่เราสร้างมาในภพใดชาติใดก็ตาม จะอยู่ในใจหมดเลย เวลาภาวนามันจะมารวมอยู่ที่นี่ การภาวนาเหมือนกับสร้างทำนบใหญ่ บุญกุศลทั้งหลายนี้ไหลมาๆ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล บริจาคในแง่ใดมุมใดก็ตาม เป็นเหมือนน้ำสายต่างๆ ไหลเข้ามาๆ หัวใจนี้ พอภาวนาเริ่มขึ้นๆ แล้วจะรวมเข้ามาหาจิตตภาวนา ภาวนาเป็นทำนบใหญ่ ยกขึ้นตรงนี้เลย จากจิตตภาวนานี้แหละ บุญทั้งหลายหนุนเข้ามาๆ แล้วก็ผึงเลย นั่นละที่นี่มหาวิมุตติ มหานิพพาน อยู่ตรงนั้นแหละ
ท่านทั้งหลายอย่าไปหางมเงา การเทศน์นี่ไม่ได้เทศน์งมเงานะ เทศน์เอาความจริงถอดออกจากหัวใจมาพูดเลย ใครจะว่าบ้าเอ้าว่าไป โลกมูตรโลกคูถไม่สนใจกับมัน เรื่องเหล่านี้เรื่องมูตรเรื่องคูถ เรื่องธรรมไม่ใช่มูตรคูถ พระพุทธเจ้ามาสอนโลกไม่ใช่ธรรมมูตรคูถนะ สอนโลกให้พ้นจากทุกข์จริงๆ นี้นำธรรมนั้นมาสอน โดยที่เราได้ปฏิบัติมาตั้งแต่พื้น ล้มลุกคลุกคลาน ก็เคยเล่าให้ฟัง เปิดมาตลอดนะไม่ได้ปิด เอาตั้งแต่ความดีมาแสดง ความไม่ดีเจ้าของไม่พูดไม่เอาไม่เป็นธรรม ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว
ฟาดนี้จนกระทั่ง ตั้งแต่เริ่มต้นก็บอกแล้ว น้ำตาร่วงอยู่บนภูเขา เคยพูดกี่ครั้งแล้ว ก็เพื่อให้เป็นคติแก่พี่น้องทั้งหลาย ใจนี้ฝึกได้ ว่างั้นพูดง่ายๆ เอา ล้มหงายหมา ว่างั้นเถอะ คือไม่เป็นท่า ขึ้นไปบนภูเขาคราวนี้จะซัดกับกิเลสให้เต็มเหนี่ยวเลย ขึ้นไปมันฟาดเราหมัดเดียวหงายหมาเลยจนน้ำตาร่วงลืมเมื่อไร จำให้ดีนะเล่าเหล่านี้น่ะ กิเลสรุนแรงขนาดไหน ฟังซิ ตั้งใจไปสู้กันมันเอาหมัดเดียวเท่านั้นหงายหมาๆ ซัดทีไรก็สู้มันไม่ได้ๆ น้ำตาร่วงๆ เราเคียดแค้นอีกนะ เคียดแค้นให้กิเลสเป็นธรรม ไม่ได้เป็นกิเลส เคียดแค้นให้บุคคลผู้ใดสัตว์ตัวใดก็ตามเป็นกิเลสทั้งนั้น แต่เคียดแค้นให้กิเลสที่เป็นข้าศึกของตนนี้เป็นธรรมล้วนๆ เป็นทางก้าวเดินเพื่อความหลุดพ้น
เคียดแค้นจริงๆ นะไม่ใช่ธรรมดา โถ อุทานในใจ น้ำตาร่วง โถ มึงเอากูขนาดนี้เชียวเหรอ เป็นอยู่ในใจนะด้วยความเคียดแค้น เอาละยังไงมึงต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอย บอกงี้เลย เวลานี้มึงเก่งก็เอา กูไม่ถอย กลับไปอีก ก็โรงงานใหญ่พ่อแม่ครูจารย์มั่น นั่นเป็นยังไง เอกขนาดไหนพ่อแม่ครูจารย์มั่น กระเทือนทั่วโลก เป็นผู้ผลิตลูกศิษย์ลูกหาที่ปรากฏชื่อลือนามมาทั่วแดนไทยเวลานี้ ออกจากสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นทั้งนั้น เป็นยังไงพ่อแม่ครูจารย์มั่นผลิตพระ พระทั้งหลายก็ผลิตพระด้วยกันไปด้วย ผลิตออกไปทางประชาชนด้วย พ่อแม่ครูจารย์มั่นส่วนมากผลิตพระแทบทั้งนั้น นี่ละผลของท่าน
เราเข้าไปหาท่านแล้ว เล่าเรื่องภาวนาให้ฟัง ท่านก็ใส่เปรี้ยงๆ ได้กำลังแล้วกลับไปอีกฟาดอีก น้ำตาร่วงมีหนเดียวเราก็ไม่ลืม สู้มันไม่ได้หงายหมาก็ไม่ร่วง เพราะยังไงก็จะเอาให้มันพัง เอาไม่หยุดไม่ถอย คือความเคียดแค้นนี้สำคัญมากนะ ฝังใจลึก ทำให้ความอุตส่าห์พยายามทุกสิ่งทุกอย่างบึกบึนนี้ไม่ถอยเลย ความเคียดแค้นให้กิเลสซึ่งเป็นภัยต่อตัวเอง จะตีให้มันแหลก ไปหลายครั้งหลายหนก็ค่อยดีขึ้นๆ สุดท้ายกิเลสล้มให้เห็น เหอ มึงก็มีท้องเหมือนกันเหรอ มึงล้มให้กู ยิ่งได้ใจใหญ่ ทีนี้ฟัดใหญ่ละ นั่นละจะเรียกว่ามันผาดโผนหรือไม่ผาดโผน เพราะความมุ่งมั่นมันรุนแรง ไม่ใช่ธรรมดานะ มันรุนแรง
พอมันล้มทั้งหงายให้เห็นแล้ว เหอ มึงก็มีท้องเหมือนกันเหรอ นึกว่ามีแต่กูล้มให้มึงดูเหมือนท้องหมา มึงก็มีท้องเหมือนกัน ยิ่งได้ใจใหญ่ ทีนี้ก็ฟัดใหญ่เลย ถูกต้องแล้วนี่ คำว่ากิเลสล้มนั่นคือหมัดเราถูกต้องแล้ว จับหมัดนี้ไว้ให้ดีซัดเรื่อยๆ ตั้งรากตั้งฐานได้แล้วที่นี่ ฟาดเสียจน ที่ทุกข์หนักที่สุดในชีวิตนี้ในการภาวนา คือทุกข์ตอนที่นั่งตลอดรุ่ง เก้าคืนสิบคืนนี้ทุกข์มาก ใจก็ทุกข์ ร่างกายก็ทุกข์ ร่างกายเรานั่งอยู่นี้เป็นเหมือนหัวตอนะ ความทุกข์ทั้งหลายที่มันเผาเราในเวลานั้นเหมือนไฟ ไฟไหม้ท่วมตัวเรา ทุกข์ขนาดนั้นละ
แต่สำคัญที่จิตมันไม่ได้หวั่นไหวซี เอา ทุกข์ก็ทุกข์ อะไรจะตายก่อนตายหลัง พิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ แยกทุกข์ไปหมดทุกชิ้นทุกอัน ไล่กันไปไล่กันมา ทุกข์มากเท่าไรจิตยิ่งหมุนสติปัญญา สุดท้ายก็ลงได้ผางเลย นั่นเห็นไหมล่ะ พอลงได้ทีนี้เป็นพยานใหญ่โตแล้ว วันหลังจะนั่งตลอดรุ่งเท่าไรก็เถอะ ตายไม่มีความหมาย ความหมายคือถึงที่เราต้องการนี้เท่านั้น ได้เห็นได้พบแล้ว ทีนี้ก็ขยับเลย ต่อจากนั้นก็ฟัดกันถึงขั้นสติปัญญาอัตโนมัติละที่นี่ ก้าวละที่นี่ ก้าวเรื่อยๆ
สติปัญญาอัตโนมัติไม่มีวันมีคืน หมุนติ้วๆ ฆ่ากิเลส ท่านทั้งหลายฟังให้ดี นี่ถอดออกมาจากหัวใจมาพูดนะ ขึ้นเวทีแล้ว นำจากเรื่องเวทีออกมาแสดงให้ท่านทั้งหลายฟังว่าธรรมมีจริงไหม มรรคผลนิพพานมีไหม ดูให้ดี ซัดกันใหญ่ๆ เลย ลงสติปัญญาอัตโนมัติแล้ว ไม่ว่ากิริยาใดอาการใดตั้งแต่ตื่นนอน มันจะแก้กิเลสโดยลำดับลำดา เหมือนกับกิเลสผูกมัดสัตว์โลกโดยอัตโนมัติ คือกิเลสผูกหัวใจสัตว์โลกนี้เป็นอัตโนมัติ อยู่เฉยๆ คิดอะไรๆ มีแต่เรื่องกิเลสพาคิดพาปรุงพาแต่งแล้วขนทุกข์มาให้เรา นี่คือเรื่องของกิเลสทำงานบนหัวใจคนโดยอัตโนมัติ สร้างผลประโยชน์ของมันโดยอัตโนมัติ แต่สัตว์โลกจะตาย นี่เรียกว่ากิเลสทำงานโดยอัตโนมัติทั่วหัวใจสัตว์ทั่วโลก
ทีนี้พอสติปัญญานี้ได้ก้าวขึ้นมาแล้วมันก็รู้กันละซิ นี่เคยรู้เมื่อไร ไม่เคยพูดนะ ไม่เคยรู้มันก็พูดไม่ได้ซิ พอถึงขั้นสติปัญญาอัตโนมัตินี้เบิกกว้างออกๆ กว้างออกๆ เรื่อยๆ พุ่งๆ คำว่าลงไม่มี มีแต่หมุนขึ้นเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติของสติปัญญา ตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับ เผลอเวลาใดไม่มี ฟังซิ มันเป็นอัตโนมัติแล้วจะเผลอได้ยังไง สติปัญญาไปด้วยกันๆ เวลาสุดท้ายสติปัญญาเป็นอันเดียวกัน กลมกลืนกันไปเลย ถึงขั้นมหาสติมหาปัญญาด้วยแล้วซึมไปเลย นี่ละธรรมฆ่ากิเลส ถึงขั้นฆ่ากิเลสเอง ฆ่าโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าเราจะหนุนตลอดเวลาแล้วถึงจะฆ่า ถึงขั้นธรรมมีกำลังวังชาแล้วพุ่งออกเลยเชียว จากนั้นก็มีตั้งแต่ฆ่ากิเลส ยืนเดินนั่งนอนฆ่ากิเลสตลอดๆ
เอา พูดให้ถึงขีดเสีย ฟาดเสียเข้าสติปัญญาอัตโนมัติ เชื่อมเข้าหามหาสติมหาปัญญาแล้ว กิเลสตัวใดค้างไม่ได้ อยู่ไม่ได้เลย พังเลย ถึงขั้นนี้แล้วกิเลสขาดสะบั้นไปเลย นี่ธรรมใครมาสอน ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วใครสอนไว้อย่างนี้ มีใครในโลกนี้ ไม่เคยมีใครมาสอน ที่จะให้ถูกต้องแม่นยำอย่างนี้ไม่มี มีศาสดาองค์เดียว แต่ละองค์ๆ เหมือนกันหมด สอนแบบเดียวกัน นี่ละพอมันขึ้นผางตรงนั้นแล้วทีนี้ถามใคร ก็มันรู้หมดแล้วที่นี่ ความรู้เหล่านี้จึงถอดออกมาจากหัวใจสอนพี่น้องทั้งหลายให้ทราบนะ เราไม่ได้มาโกหกใครทั้งนั้น ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เลวบอกว่าเลว หงายหมาบอกว่าหงายหมา น้ำตาร่วงบอกน้ำตาร่วง
เวลาฟัดกับมันนี้ถึงขนาดที่ว่ากิเลสโผล่ออกมาไม่ได้ บางทีถึงคิดขึ้นมาว่า แต่มันไม่ได้สำคัญนะ คิดเฉยๆ ค้นคว้าเท่าไรมันก็ไม่มีกิเลส เหมือนว่ามันหมดสิ้นแล้ว เพราะสติปัญญามันหมุนของมันตลอด มันจะคอยฟัดกิเลส ตัวไหนโผล่ขึ้นมาขาดสะบั้นๆ ความรวดเร็วของสติปัญญาอัตโนมัติฆ่าเองๆ แก้เองๆ จนกระทั่งถึงได้คิดว่า แต่ไม่ใช่ความสำคัญ คิดว่า เหอ มันไปไหนหมดกิเลส มันตายหมดแล้วเหรอ นี่ไม่ใช่มันเป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วเหรอ ว่าเจ้าของนะ แต่มันไม่สำคัญเท่านั้น พูดเฉยๆ คือค้นหาไม่เจอ
สักเดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาปั๊บอีกๆ สุดท้ายก็พังทลายไม่มีอะไรเหลือเลย จึงรวมความลงว่า เรื่องทั้งหลายเกิดจากกิเลสเท่านั้น ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็กเรื่องละเอียดลออมีตามส่วน กวนตามส่วนของกิเลส ทำให้เป็นทุกข์ตามส่วนของมัน พอตั้งแต่ต้นจนอวสานของกิเลสละเอียดสุดยอดพังลงไปแล้วนี้ไม่มี ไม่มีอะไรที่จะมาผ่านหัวใจดวงที่บริสุทธิ์นี้ได้เลย เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ท่านจึงไม่มีความทุกข์ ไม่มีอะไรในหัวใจของท่าน ทุกข์ขาดสะบั้นลงไปแล้วตั้งแต่กิเลสตัวสร้างทุกข์ขาดลงไป หมด ทรงธาตุทรงขันธ์ไว้ธรรมดาเท่านั้นเอง ธาตุขันธ์เพียงรับผิดชอบกันๆ พอถึงกาลเวลาเท่านั้น
สรุปความลงมา พอถึงกาลเวลาแล้วท่านก็ไม่ยาก การปล่อยขันธ์ยากอะไร การยึดขันธ์ที่จะถอนการยึดนี้ยากนะ การปล่อยด้วยการถอดถอนอุปาทานหมดแล้วไม่ได้ยาก ตายที่ไหนตายได้สบายๆ นี่อำนาจของธรรมพระพุทธเจ้า ให้ท่านทั้งหลายจับเอานะ พระพุทธศาสนาเลิศเลอสุดยอดแล้ว เราตายแล้วจะไม่มีใครพูดยืนยันอย่างนี้ เราถอดออกจากหัวใจยืนยัน ไม่มีอะไรค้านพระพุทธเจ้าได้เลย พิจารณาเล็งดูพระพุทธเจ้าบอกว่าทุกๆ พระองค์ มันเป็นน้ำมหาสมุทรไปหมดสงสัยไปไหน อันนี้อันเดียวกันเลย แล้วสงสัยไปที่ไหนสงสัยพระพุทธเจ้า จ้าอยู่ในหัวใจ นั่น นี่เราถอดออกมาจากความจริง
ขอให้ปฏิบัติกันนะเรื่องความดีงาม อกาลิโก ชั่วก็เป็น อกาลิโก ดีเป็น อกาลิโก บาปบุญเป็น อกาลิโก ใครเอนไปทางบาปเป็นบาป เอนไปทางบุญเป็นบุญตลอดๆ เวลาถึงที่แล้วผึงเลยทันที พากันจำเอานะ ศาสนาจะไม่มีแล้วต่อไปนี้ พวกโจรพวกมารพวกอันตราย พวกกาฝากมหาภัยของจิตใจโลกและส่วนรวมของโลก มันกำลังลุกลามทุกสิ่งทุกอย่างที่จะก่อโลกให้พินาศฉิบหาย ก่อศาสนาให้พัง ก่อพระมหากษัตริย์จะไม่ให้มีเหลือในโลกมนุษย์เรานี้ มันกำลังลุกลามนะให้พิจารณา เอาธรรมนั่นละเป็นสิ่งยึดเกาะให้ติด อธรรมไม่มีความหมายอะไรแหละ ธรรมนี้มีความหมายมากทีเดียว ตายก็ขอให้ตายเป็นธรรม ไม่เป็นไรถ้าตายเป็นธรรม บริสุทธิ์
พี่น้องทั้งหลายจดจำเอานะ หลวงตาบัวบอกตรงๆ ไม่นานจะตาย บอกตรงๆ ให้รีบยึดไว้หลักอันนี้ อย่างพระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์ เราไม่ได้สวมรอยท่านนะ อย่างพระอานนท์ไปทูลถามพระพุทธเจ้า ไปทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงพระชนม์อยู่เป็นเวลานาน พระองค์ก็ขู่เอาเลยภาษาของเรา อานนท์จะมาหวังอะไรกับเราอีก ทุกสิ่งทุกอย่างเราสอนไว้ด้วยความถูกต้องแม่นยำ สมบูรณ์พูนผลทุกสิ่งแล้ว แล้วจะมาหวังอะไรกับเราอีก ก็มีแต่ร่างกระดูกของเราเท่านั้น นั่นเวลาขู่พระอานนท์ เราสอนไว้หมดมอบไว้หมดไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว แล้วจะมาหาอะไรกับเราอีก
จากนั้นมาก็บอก เออ อานนท์ เมื่อมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมหลักวินัยคือศาสดาแล้ว พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ พระอรหันต์อยู่กับธรรมกับวินัย คือพระธรรมนั้นแล พระวินัยนั้นแล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นจงยึดศาสดาคือธรรมคือวินัย กฎเกณฑ์นี้ให้ดี ใครยึดหลักธรรมหลักวินัยดีเรียกว่าเกาะชายจีวรพระพุทธเจ้าไปตลอดๆ ถ้าใครไม่มีธรรมมีวินัย ล่วงเกินธรรม ล่วงเกินวินัยไปตลอด คนนี้ไม่มีศาสดา ถึงจะเป็นพระหัวโล้นก็โล้นแต่หัว เหลืองแต่ผ้า หัวใจไม่มีศาสดามีความหมายอะไร
จึงขอให้เป็นผู้อยู่ด้วยสติ เฉพาะอย่างยิ่งพระผู้ปฏิบัติ สติติดแนบอยู่กับธรรมกับวินัย สำรวมระวังอยู่ตลอดเวลา นั้นคือตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ศาสดาอยู่ตรงนี้ มรรคผลนิพพานอยู่ตรงนี้ อย่าไปหาดินฟ้าอากาศท้องฟ้ามหาสมุทรที่ไหน ไม่มีบาปไม่มีบุญ ไม่มีมรรคผลนิพพาน อยู่ที่ข้อปฏิบัติของเรานี้ อันนี้จะเป็นเครื่องหนุนให้เข้าถึงเอง ให้พากันจำเอานะ บอกแล้วทำไมถึงบอก ก็มันจวนตายแล้วนะๆ ฟังซิน่ะ จะอยู่ค้ำฟ้าไปได้ยังไง ชีวิตของมนุษย์หมดลมหายใจแล้วมันก็หมดเท่านั้นเอง เวลามีลมหายใจอยู่จะทำประโยชน์อะไรได้ก็ทำไปตามกำลังอย่างนี้แหละ ถ้าทำไม่ได้แล้วยังไงก็ทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วก็มอบมรดกอันล้นค่าคือธรรมวินัยไว้ สำหรับแทนพระองค์ท่าน แล้วก็เป็นศาสดาของพวกเรา
ให้พากันอยู่ด้วยความมีธรรมมีวินัย ทาน ศีล ภาวนา อย่าปล่อยอย่าวาง นี่เรียกว่าเกาะชายจีวรพระพุทธเจ้าตลอดไป ถ้าใครไม่มีอันนี้จะเอาอะไรมาอวดก็ช่าง โลกอันนี้ไม่มีความหมายนะ ความหมายแท้คือความดีต่างหาก ปฏิบัติตามธรรมตามวินัย ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาอยู่ในหัวใจ นี้แหละเป็นเครื่องยึดเครื่องเกาะ พากันจำ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ เอาละพอ
ผู้กำกับ มีการเลื่อนสมณศักดิ์พระสงฆ์จำนวน ๗๓ รูป ดังต่อไปนี้ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ครบ ๖ รอบ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ได้มีการเลื่อนสมณศักดิ์พระ...
หลวงตา นี่มันกำลังหลอกเข้าใจไหมเวลานี้ อำนาจป่าเถื่อน อำนาจกาฝากมหาภัยนี้ กำลังยกตนขึ้นแล้วก็เอาพวกนี้มาเป็นเครื่องเสริม เอายศให้องค์นั้น เอายศให้องค์นี้ เพื่อมีกำลังหนุนตัวเอง เพื่อจะทำลายชาติและทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์นั่นแลจะเป็นอะไรไป หนุนขึ้นมา รีบตั้งโน้นตั้งนี้ โดยอ้างสมเด็จพระราชินี เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินี พวกนี้มันคอยสะแตกอยู่แล้ว สะแตกยศ สะแตกลาภ มันบวชหาอะไร มันไม่ได้บวชหาศีลหาธรรมนะ บวชหาแต่ยศแต่ลาภ ชื่อเสียงไปอย่างนั้นตลอดเลยเวลานี้ ศาสนามีตั้งแต่ผ้าเหลือง มีแต่หัวโล้นเท่านั้น ธรรมวินัยไม่ได้มี เราอยากจะพูดว่าไม่มี ถ้ามีไม่มาก่อกวนอย่างนี้ หาอะไรยศ หาศีลหาธรรม ก่อความสงบให้ชาติบ้านเมืองให้ศาสนา ให้ตัวเองนั่นซิมันถึงถูกต้อง
นี้มันไม่มีอะไร เรื่องอะไรมีแต่เรื่องก่อกวนทั้งนั้น สมณศักดิ์นั้นสมณศักดิ์นี้ มันวิเศษวิโสอะไรประสาลมปาก สมณศักดิ์ ดินเหนียวติดหัวหลอกโลกผู้งมงายด้วยกันให้ติดไปด้วยกันนั่นเอง แล้วก็มายกตนให้เป็นกำลังทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ตรงนี้เองจะเป็นอะไรไป เราไม่เชื่อเป็นอื่น เราแน่ในหัวใจเรานี้เราจึงไม่ส่งเสริม ตั้งมาหาอะไร พระพุทธเจ้าหาตั้งใครต่อใคร มีแต่บอกให้บำเพ็ญสมณธรรมเท่านั้น ใครเข้ามาเฝ้า เป็นยังไงไปอยู่ในป่านั้นเขาลูกนั้น ถ้ำนั้นเป็นยังไงภาวนา มีแต่เรื่องอย่างนี้ๆ ล้วนๆ ไม่ได้มีเรื่องสมณศักดิ์สมณะแสกอะไรนี่ ถ้าว่าตั้งพระองค์ก็ตั้งพระอรหันต์ ๘๐ องค์ มันเอานั้นละมาลากมาเข็นมาเป็นมูตรเป็นคูถขึ้นมา โปะหัวชาวบ้านชาวเมืองอยู่เวลานี้ มันเอาเงื่อนนั้นละมาตั้งสมณศักดิ์ให้
ตั้งเอตทัคคะให้พระอรหันต์ ๘๐ องค์ แล้วท่านจะมีอะไรตั้งให้ท่าน ท่านไม่เห็นมีอะไร แต่พวกนี้มันตั้งขึ้นมาแล้ว โอ้โห เหมือนเปรตเหมือนผี ดินเหนียวติดหัวเข้าใจว่าตนมีหงอน พองตัวขึ้นมาทุกอย่างมีหมด นี่ละตั้งสมณศักดิ์ สมเด็จพระราชินีท่านก็ทรงพระชนม์ธรรมดา มันถือโอกาสนี้ไปตั้ง ถ้าเราเป็นพระราชินีไม่ตั้ง ว่างั้นเลย เราพูดจริงๆ เราเสียดาย หลวงตาบัวไม่ได้เป็นพระราชินี ถ้าหลวงตาบัวเป็นพระราชินีตั้งยุ่งหาอะไร ว่างี้นะ หาศีลหาธรรมเพื่อความร่มเย็นแก่ตัวเองและโลกสงสารไม่ดีเหรอ มันตั้งหาอะไร ไม่ให้ เราจะว่างั้นเลย ถ้าเป็นสมเด็จพระราชินีเราจะบอกอย่างนี้โดยตรง นี้คือความถูกต้อง แต่สมเด็จท่านจะว่าอะไรก็คอยฟัง
ตั้งพวกนี้มีแต่ให้เป็นฟืนเป็นไฟไปเท่านั้น มันตั้งนี้มันจะเอาใครๆ เป็นอะไร มันจะเลือกไว้เรียบร้อยเป็นตัวกำลังของมันๆ ที่จะหนุนการทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันเตรียมไว้หมดแล้ว องค์นั้นมีกำลังทางนั้น องค์นี้มีกำลังทางนี้ เพื่อทำลายทั้งนั้น มันคัดเลือกไว้หมด ก็เอาเรื่องเหล่านี้ไปเสนอสมเด็จพระราชินี หรือเสนอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงตั้ง มันก็ได้อาวุธอันทันสมัยๆ มาฟาดหัวศาสนาให้แหลกไปหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ นี่ละกำลังของข้าศึกกาฝากมหาภัย มันตั้งขึ้นแบบนี้นะ มันจะเอาให้ชาติเรานี้เสร็จ ศาสนานี้เสร็จไปตามๆ กัน พระมหากษัตริย์เสร็จไปตามๆ กันเลย
นี่เราพูดตรงๆ ตามเสียงอรรถเสียงธรรม ตามที่พิจารณาไว้แล้ว เอา หลวงตาบัวพูดผิดเอาคอขาดไปเลย เราพูดเป็นธรรม มันไม่ได้เป็นมงคลนะ มันตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของตัวเองให้ฉิบหายวายปวงไปเท่านั้นมีประโยชน์อะไร เอ้า ว่าไปที่นี่ เลยไปเสียสมณศักดิ์สมณะแสกนั่น ว่าสมเด็จพระราชินีตั้ง ถ้าเราเป็นสมเด็จพระราชินีไม่ตั้ง บอกตรงๆ เลย เดี๋ยวนี้อยากไปขอบิณฑบาตด้วยซ้ำ ท่านอยู่ที่ไหนไม่รู้ ขอบิณฑบาตไว้อย่าตั้งพวกเปรตพวกผีนี่ ว่างั้นเลย อ้าว จริงๆ นะเรา ถ้าหากว่าอยู่กับพระราชินีอย่างนี้ เราก็จะทูลท่านว่าอย่าตั้ง พวกนี้พวกเปรตพวกผี ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะว่าอย่างนั้น ยื่นอาวุธให้มันมาฟันหัวเราทำไม เสียดายไม่ได้อยู่กับพระราชินี เราก็พูดเท่านั้น เอ้าว่าไป
ผู้กำกับ สมเด็จท่านอยู่ของท่านเฉยๆ มส.เสนอขึ้นไปครับ
หลวงตา ถ้าเราเป็นสมเด็จเราก็ปัดทันที เอ้า เสนอขึ้นมากี่คน มส.พวกนี้เป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติด้วยเรารู้ไหม มีความหมายอะไร มส. มันไปเป็นเครื่องมือของพวกเปรตพวกผีนี้เสียมากต่อมาก เลย มส.จะกลายเป็นไม่มีคุณค่ามีราคา ประชาชน พระสงฆ์ทั้งหลายไม่เคารพนับถือแล้วนะเดี๋ยวนี้ เราทราบมาอย่างชัดเจน ออกแง่ไหนมุมใดเราฟังตลอดเวลา พูดโดยอรรถโดยธรรม ถูกบังคับกันก็เสนอขึ้นไป เสนอขึ้นไปไหนก็ตาม ถ้าเป็นเราเป็นพระราชินีปัดทีเดียวตกฟากทะเล
ผู้กำกับ สรุปเลยครับ ธรรมยุตมี ๒๑ รูป มหานิกาย ๕๒ รูป
หลวงตา หาตั้งนั้นตั้งนี้ ยุ่งตั้งแต่เรื่องทางโลกนะ ไม่ใช่เรื่องของอรรถของธรรมอะไร ยุ่งกวนกันตลอดเวลาเรื่องโลกเรื่องสงสารนี่ พระทำงานเพื่อโลกไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้ มีทำงานเพื่ออรรถเพื่อธรรมที่ไหนไม่มี ว่างั้นเลย มีแต่เรื่องอย่างนี้แหละ ได้กำลังอันนี้แล้วก็มาตีชาติ ศาสนาของตน พระมหากษัตริย์ของตนให้แหลกเหลวไปหมด เราไม่เห็นด้วยเลย ว่างี้ละ มันจะเป็น เรื่องราวพื้นฐานของมันมีอยู่แล้ว ปีนขึ้นตกลงๆ ปีนขึ้นก็ถูกตีแล้วตกลงๆ ขี้ก้อนนั้นแหละ พลิกทางนี้ขึ้นมาอีก ตีลง พลิกทางนี้ขึ้นมาอีก อยู่อย่างงั้นนะ โถ สร้างอำนาจป่าเถื่อน ให้คนมีศีลมีธรรมอยู่ในใต้อำนาจไม่อยู่ ว่างั้นเลย เราไม่อยู่ อยู่ใต้อำนาจกองขี้อยู่หาอะไรวะ
เราเบื่อจริงๆ นะ เบื่อโลกสกปรก พระสกปรก เราเห็นอยู่ด้วยตา ได้ยินด้วยหูตลอดมา มันน่าเบื่อจะไม่เบื่อได้ยังไง ธรรมมีอยู่ วินัยมีอยู่ มันไม่ดู มันโดดใส่กองมูตรกองคูถนั่นละ กองศีลกองธรรม กองทองคำนี้ไม่สนใจแล้วเดี๋ยวนี้ อู๊ย เลอะเทอะมากนะพระเรา เลอะเทอะจริงๆ ย่นเข้ามาถึงปริยัตินี้ เรียกว่าจะไม่มีน้ำยาแล้วเวลานี้ บืนบ้าไปหาดินเหนียวติดหัวหมดเลย ให้เขาเอาเบ็ดเกาะปาก ลากไปๆ ขอให้ได้ยศ ได้ลาภ ชื่อเสียงก็เอา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มีคุณค่าขนาดไหน มันจะคิดสักแย็บหนึ่งไม่คิด เหล่านี้มันเป็นภัยหรือเป็นคุณต่อชาติต่อศาสนาก็รู้กันอยู่แล้ว ก่ออยู่ทุกวันนี้ก่อกวนหาอะไร ศาสนาสมบูรณ์อยู่แล้ว ชาติสมบูรณ์อยู่แล้ว พระมหากษัตริย์ท่านสมบูรณ์อยู่แล้ว ก่อหาเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่มหาภัยตั้งหน้าตั้งตาทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั้น จะเป็นไรไป ว่าอย่างงี้เลย
เราพูดจริงๆ นี่ภาษาธรรม เอ้า ถ้าว่าเราพูดผิดเอาคอไปตัด เราไม่เคยเสียดายอะไรยิ่งกว่าอรรถกว่าธรรม เลวมากจริงๆ พระทุกวันนี้ เลวเสียจริงๆ ว่าอย่างนั้นเลย แต่ก่อนก็ตั้งชื่อตั้งนามว่า เป็นวัดเป็นวา เป็นพระเป็นเณร พระพุทธเจ้าอยู่ในป่าจะเรียกว่าวัดป่าก็ได้ มหาวิทยาลัยป่าก็ไม่ผิด แต่ท่านไม่เรียก ท่านทำความเพียรอยู่ในป่านั่นแหละท่านไม่เรียกให้โก้ๆ เก้ๆ เหมือนสมัยทุกวันนี้ ตั้งเป็นมหาวิทยาลัยนั้น มหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มีตั้งแต่มูตรแต่คูถอยู่ในมหาวิทยาลัย ฟังซิ วิชาของโลกของกิเลสตัณหา ติรัจฉานวิชาเต็มอยู่ในนั้น ครั้งพระพุทธเจ้ามีที่ไหน ไม่มี แน่ะ ก็เห็นอยู่ในตำรับตำรา มันก็หน้าด้านเอามาตั้ง ตั้งแล้วมันก็ยกเอาพวกมหาวิทยาลัยนั้นแหละ มาทำลายชาติ ศาสนา
ดังที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ลูกพ่อแม่ส่งมาให้มาศึกษาเล่าเรียน มันก็ลากจมูกมาเป็นอย่างนี้ละ มาประกาศโฆษณา เพื่อเป็นกำลังวังชายกยอขี้หมาขี้เหม็นๆ นั่น ให้เป็นทองคำทั้งแท่งเข้าไป ใครจะยก เราจึงวิตกวิจารณ์กับพวกลูกพวกหลานที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ มันตั้งขึ้นมาโก้ๆ นี่นะ ตั้งขึ้นมาแบบไม่อายเลยนะ เหยียบหัวพระพุทธเจ้ามาอย่างไม่อาย มหาวิทยาลัยนั้นมหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยสงฆ์ ส่งเสริมกัน มหาวิทยาลัยสงฆ์อะไร มันดูไม่ได้
ทีนี้เมื่อหลักใหญ่มันพาเป็นแล้ว มันก็เป็นไปได้นะวัด พระเณรเป็นเจ้าของวัดไม่ดีเป็นส้วมเป็นถาน วัดเลยกลายเป็นส้วมเป็นถานไปได้ แล้วพระเณรเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในวัดเรียกว่าอยู่ในถานไปได้ มันจะเป็นอะไรไป เมื่อผู้ครองวัดเลวแล้ว วัดก็เลวไปตามๆ กัน ผู้อยู่ครองวัดเป็นมูตรเป็นคูถ วัดก็เป็นส้วมเป็นถานไป อย่างนั้นเอง เวลานี้กำลังอยู่ที่ไหนมีแต่แบบนี้ๆ จึงน่าสลดสังเวชมากนะ ไม่มีชิ้นดีเลย
ศาสนาเราก็ไม่เคยได้ยินแต่เกิดมาก่อกวน มาปัจจุบันนี้ก่อกวนที่สุด คือพระเณรในวงศาสนาพุทธเรานี้ก่อกวนเอามากทีเดียว หาศีลหาธรรมไม่มี ดูตรงไหนไม่มีๆ มีแต่ปีนเกลียว แบบกาฝากๆ มหาภัยทั้งนั้น ไม่มีคุณ กาฝากมีแต่ภัยล้วนๆ ก่ออยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ เอาละพอ จะให้พร
รับฟังรับชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทางอุดร FM 103.25 MHz
และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจากสวนแสงธรรม FM 103.25 MHz
|