แผ่นดินสูบ
วันที่ 9 สิงหาคม 2547 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

แผ่นดินสูบ

 

         ผู้กำกับ บทความจาก วัฒนธรรมสัญจร วันเสาร์ มีดังนี้ครับ

จับเท็จความจอมปลอมกลางสภา !!

การประชุมสภาสมัยประชุมนิติบัญญัติสมัยสุดท้าย เมื่อวันพุธที่ ๔ กรกฎาคม ได้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ สิ่งที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของคะแนนเสียงในการเลือกผู้นำรัฐบาลได้รับก็คือสิ่งมดเท็จจอมปลอม ที่ออกมาจากปากของคนฟากรัฐบาล แน่นอนคนทั่วประเทศจำต้องได้รับข้อมูลที่ผิดๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับการคณะสงฆ์ กับความร้าวฉานในวงพระพุทธศาสนาของไทย

ความเท็จที่ออกมาจากปากของคนฟากรัฐบาล ไม่อยากเชื่อว่าเป็นเจตนาของรัฐบาลที่ต้องการจะนำความเท็จมาสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน แต่คงจะเป็นเพราะการได้รับข้อมูลจากผู้ใต้บังคับบัญชาผิดๆ รัฐบาลจึงแก้ไขสถานการณ์ไปในทางที่ผิด สุดท้ายก็ไม่สามารถจะแก้ไขสถานการณ์ความเลวร้ายอะไรได้ เช่นเดียวกับการแก้ไขสถานการณ์ทางภาคใต้ที่ยังไม่สามารถจะแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นเลย และผลสุดท้ายความเสียหายก็ตกแก่ประชาชน เลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จึงต้องเซ่นสังเวยเป็นรายวัน

เชื่อว่าหลายท่านคงบันทึกเทปคำอภิปรายในที่ประชุมสภาเอาไว้แล้ว การที่มหาเถรสมาคมต้องอพยพออกจากตำหนักเพ็ชรและย้ายไปประชุมที่พุทธมณฑลก็เพราะ การประชุมที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศ ได้มีพระและฆราวาสจำนวนมากเข้าไปก่อกวนส่งเสียงดัง ทำให้มหาเถรสมาคมประชุมไม่ได้ จึงต้องย้ายไปประชุมที่พุทธมณฑลในนัดต่อมา แต่ก็ยังมีฝูงชนตามเข้าไปก่อความไม่สงบในพุทธมณฑลอีก จนเกิดการกลุ้มรุมกันขึ้น รวมแล้วนับพันคน จนเป็นคดีความกันที่ สภ.อ.พุทธมณฑลอยู่เวลานี้

น่าสงสารรัฐบาลที่ถูกคนของรัฐบาลเองแหกตาป้อนข้อมูลเท็จ ! ทำรายงานอันเป็นเท็จเสนอต่อรัฐบาล แต่ก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ลงไปคลุกคลีอยู่ในที่เกิดเหตุคงไม่กล้าที่จะรายงานเท็จต่อผู้เป็นนาย อาจจะเป็นด้วยเจ้าหน้าที่ระดับบนที่แปลงข้อมูลข่าว หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดชอบต่อการประชุมมหาเถรสมาคมโดยตรง ที่รายงานข้อมูลเท็จเข้าไป !!

"พิมพ์ไทย" สื่อของประชาชนได้นำเสนอข่าวจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกคนของรัฐป่าวร้องว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่คลาดเคลื่อน ดังนั้น "ทีมข่าวศาสนา" พิมพ์ไทยจึงจำต้อง "ฉายซ้ำ" ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกรอบ หรืออีกหลายๆ รอบซ้ำๆ ไป จนกว่าประชาชนผู้เสพข่าวสารจะเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง

ขอรายงานให้ทราบว่า การประชุมมหาเถรสมาคมนัดหลังสุดที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศ ได้มีการขอกำลังอารักขาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบประมาณ ๔๐-๕๐ นาย ก่อนการประชุมมีกลุ่มม็อบจากศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาประมาณ ๑๐๐ คน (กองเชียร์ของสมเด็จเกี่ยว) เข้าไปยึดพื้นที่บริเวณหน้าตำหนักเพ็ชร ในจำนวนนั้นมีพระภิกษุฝ่ายศูนย์พิทักษ์ร่วมเข้าก่อความไม่สงบด้วยจำนวนหลายรูป มีการใช้ธงไตรรงค์ ธงเสมาธรรมจักร ใช้แผ่นผ้าเขียนข้อความเชียร์มหาเถรสมาคมและเขียนคำประนามฝ่ายตรงข้าม มีการใช้เสียงผ่านโทรโข่งส่งเสียงดังรบกวนการประชุมมหาเถรสมาคม นับตั้งแต่วินาทีแรกจนเกือบสิ้นสุดการประชุม

พระภิกษุ ๒-๓ รูปสะพายโทรโข่งเดินไปมาพูดจาโจมตีพระวัดป่าและกลุ่มของนายทองก้อน ส่งเสียงรบกวนความสงบไปทั่วบริเวณ เดินพูดเรื่อยไปนับจากด้านหลังห้องประชุมข้างทางเข้าพระอุโบสถเรื่อยไป จนถึงหน้าประตูทางเข้าตำหนักเพ็ชร โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านใดจะห้ามปราม

เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธฯ หลายคนที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ถวายความสะดวกแก่การประชุมก็ไม่มีการห้ามปราม มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯยังเชื้อเชิญให้กองเชียร์สมเด็จเกี่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระนิสิตจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองสถาบัน ได้เข้าไปตั้งกองเชียร์ถึงหัวบันไดตำหนักเพ็ชร

อย่าว่าแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างเลย แม้แต่ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานพระพุทธฯเองก็ยังออกจากห้องประชุมมาเชื้อเชิญให้พระนิสิต ขึ้นไปนั่งเชียร์จนติดหน้าประตูห้องประชุม กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปต่างก็เห็นเหตุการณ์นี้พร้อมๆ กัน

ดังนั้น คำจากปากของคนฟากรัฐบาลที่พูดต่อที่ประชุมในสภาว่า มหาเถรสมาคมถูกก่อกวนจนประชุมกันไม่ได้ แท้ที่จริงก็เกิดจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานพระพุทธฯ !!ท่านผู้ชมอย่าเข้าใจว่า กลุ่มพระวัดป่าหรือกลุ่มของนายทองก้อนคือผู้ก่อกวนการประชุม เพราะว่า กลุ่มพระวัดป่าที่เข้าไปเพื่อขอยื่นหนังสือต่อที่ประชุมมส.ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแผงกันไว้ที่บริเวณด้านหลังห้องประชุมตำหนักเพ็ชร พระวัดป่าทุกรูปถูกขอร้องให้นั่งรออยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานเกือบ ๕ ชั่วโมง ไม่มีการใช้เสียง ไม่มีการใช้ธงโบกไปมา ไม่มีการขึงแผ่นผ้าโจมตีใคร และไม่มีการส่งเสียงโห่ร้องหรือใช้เสียงทางโทรโข่งดังที่คนของรัฐบาลพูดในสภา

ทางด้านกลุ่มของนายทองก้อนซึ่งมีประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ คนไม่ได้เข้าไปตั้งม็อบในขอบกำแพงวัดบวรนิเวศ แต่ได้ใช้พื้นที่บนเกาะกลางถนนสิบสามห้างข้างตลาดบางลำพูเป็นสถานที่ตั้งม็อบ มีการขึงแผ่นผ้าเขียนข้อความโจมตีขบวนการปล้นตำแหน่งพระสังฆราช มีการเชิดสิงโต เต้นแป๊ะยิ้ม และใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตี จนกระทั่งเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น.จึงย้ายสถานที่ไปยังฝั่งตรงข้ามกับหน้าวัดบวรนิเวศ แล้วใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวประนามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ที่ยังปล่อยให้กองเชียร์สมเด็จเกี่ยวใช้เสียงในบริเวณที่ประชุม พร้อมกับท้าทายว่าหากยังไม่มีการห้ามปรามฝ่ายตนก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เสียงเช่นเดียวกัน นี่คือความจริงที่เป็นจริงตามที่ "พิมพ์ไทย" ได้เคยนำเสนอข่าวไปแล้ว

ถ้าจะถามว่ามหาเถรสมาคมไม่ชอบ ไม่ต้องการให้มีกลุ่มม็อบเข้าไปรบกวนการประชุมจริงหรือ? ตรงนี้ก็ต้องมาดูความชอบอกชอบใจของผู้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งหลังจากเสร็จการประชุมแล้วสมเด็จพระพุฒาจารย์พร้อมด้วย พล.ต.ท.อุดม  เจริญ ได้ลงมาแสดงความยินดีต่อกลุ่มกองเชียร์ นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างลงจากบันไดตำหนักเพ็ชร แสดงความชื่นชมยินดีต่อทุกคนที่เสียสละแรงกายแรงใจเข้ามาเชียร์ แสดงความชื่นชมเรื่อยไปจนถึงประตูทางออกวัดบวรนิเวศ แล้วคนของรัฐไปพูดกลางสภาได้อย่างไรว่าเหตุที่มหาเถรสมาคมต้องย้ายสถานที่ประชุมไปประชุมที่พุทธมณฑล ก็เพราะถูกกลุ่มม็อบรบกวน??

นับต่อจากนี้ไป "ทีมข่าวศาสนา" จะนำย้อนเหตุการณ์ไปสู่สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพุทฑมณฑลในวันที่มีการประชุมมหาเถรสมาคมนัดประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เพื่อให้ท่านผู้ชมได้พิจารณาอีกครั้งว่า เพราะเหตุใดผู้นำม็อบจึงได้รับการเสนอชื่อเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นชั้นเทพ??

 

                                                                                                "ทีมข่าวศาสนา"

         หลวงตา ท่านทั้งหลายก็ฟังกันทั่วถึงแล้ว เราเป็นคนกลางนะ เราไม่ได้เข้าข้างไหนออกข้างใด เรานี้คือธรรม เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาประกาศ ถ้าเป็นร้อนก็เป็นน้ำดับไฟ ถ้าเย็นจนเฉื่อยชาก็กระตุกกันบ้าง ธรรมเป็นอย่างนั้น สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรกับโลกเราบอกตรงๆ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูกตลอดไป เป็นอื่นไปไม่ได้ไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องตรงไปตรงมา ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาตรงไปตรงมา อย่างพระเจ้าสุปปพุทธะพูดท้าทายพระองค์ว่า พระเจ้าสุปปพุทธะจะขึ้นไปอยู่บนปราสาทชั้น ๗ แผ่นดินจะสูบได้ยังไง คือเมื่อกวนนั้นกวนนี้พระองค์ ถ้าภาษาโลกก็เรียกว่ารำคาญ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่รำคาญแหละ กวนมากนักก็ว่า เอ๊อ พระเจ้าตาของเรานี้ก่อกรรมหนัก จะถูกแผ่นดินสูบในไม่ช้านี้แหละ ทางนี้ก็นำเรื่องไปหาพระเจ้าตา คือพระเจ้าสุปปพุทธะ ทางโน้นก็ท้าทายออกมาว่า เราจะไปอยู่บนปราสาทชั้น ๗ จะสูบได้ยังไงแผ่นดิน ให้ไปบอกพระเจ้าหลาน ไม่ได้บอกว่าลูกเขยนะ บอกว่าพระเจ้าหลาน สกุลของพระพุทธเจ้าเป็นศากยะ ทางพระเจ้าสุปปพุทธะเป็นทางฝ่ายโกลิยะ สกุลทั้งสองนี้เป็นดองกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่เรียกว่าลูกเขย เรียกพระเจ้าหลาน ทางนั้นก็เรียกพระเจ้าตาธรรมดา

เราจะไปอยู่บนปราสาทชั้น ๗ จะสูบได้ยังไงแผ่นดิน ว่างั้น คนก็นำไปบอกพระพุทธเจ้า ถ้าภาษาโลกก็เรียกว่าคันฟัน โหย อย่าว่าแต่ไปอยู่ปราสาทชั้น ๗ ให้ขึ้นชั้นฟ้าดาวดึงส์ที่ไหนก็ไปเถอะ พระเจ้าตาของเราจะต้องถูกแผ่นดินสูบ บอกเน้นหนักลงไปเลย ที่เชิงบันได เวลาเท่านั้น นั่น บอกตรงๆ เลย ทีนี้จวนจะถึงเวลา ม้ามงคลตัวโปรดของพระเจ้าสุปปพุทธะเกิดคึกคะนอง ในท้องพระโรงเสียงลั่นไปหมด ม้านี้ใครไปแตะไม่ได้มันไม่กลัวใคร กลัวแต่พระเจ้าสุปปพุทธะ เสียงลั่นอยู่ท้องพระโรง มันเสียงอะไรกัน ก็เสียงม้าของพระองค์นั่นแหละ เอ๊อ ทำไมมันเป็นอย่างนี้น้า วันนี้ชอบกลนะ รู้สึกจะหวั่นไหวบ้างแล้วละ ท้องพระโรงนี้เหมือนจะแตก ถ้าได้ยินเสียงเจ้าของบ้างแล้วจะสงบนะ แต่นี้ไม่ได้ยิน ยิ่งแสดงผาดโผน

ก็โผล่หน้าออกมาทางพระแตร ก็หน้าต่างนั่นแหละ มาก็ตูมเลย ลงทางเชิงบันได เวลาตรงเป๋งเลย นั่นเห็นไหม พระญาณหยั่งทราบใครจะเกินศาสดาแต่ละพระองค์ๆ ไป ใครอย่าไปท้าทายนะ คือ บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี เปรตผีประเภทต่างๆ มี นี้เป็นองค์ศาสดาทุกๆ พระองค์ท่านแสดงไว้แล้วอย่างแน่นอน ใครอย่าไปลบล้างมันจะเป็นพระเจ้าสุปปพุทธะ เข้าใจไหมล่ะ ลบล้างความดีจะเป็นอย่างนั้นแน่ๆ  ลบล้างได้ยังไง มันก็ตูมลงไปนั้น สิ่งเหล่านี้มีอยู่ ใครกล้าหาญไปทำบาปลองดูซิน่ะถ้าเก่งตูมจริงๆ ใครทำคุณงามความดีก็ไปตามพระพุทธเจ้าจริง นี่คือคำสอนที่ถูกต้อง ไม่ผิด ท่านทั้งหลายยึดเอานะ กิเลสมักจะโอ้อวด เหยียบย่ำทำลายธรรม ความจมก็คือกิเลสนั้นแหละ คนมีกิเลสทำความชั่วช้าลามกพาเจ้าของให้จม

เหล่านี้ฟังอย่างนั้นแหละ เพราะเราเป็นคนกลางตลอด ใครจะว่าเราเป็นฝ่ายไหนๆ เราบอกว่าเราไม่มี เรามีแต่ธรรมล้วนๆ ที่แสดงออก ผิดบอกว่าผิด ตรงไปตรงมา ถูกบอกว่าถูกไปอย่างนั้นเลย ตลอดมาและจะตลอดไปจนกระทั่งเราตาย เป็นอื่นไปไม่ได้ เราสงสารหมดโลกธาตุในเมืองไทยของเราทั้งผู้ชั่วผู้ดีก็คืออวัยวะของเมืองไทยเราทั้งนั้น แข้งขาตีนมือเราตรงไหนพิการมันดีเมื่อไร ร่างกายท่อนนั้นดีเมื่อไร เจ็บปวดที่ตรงไหน นั่นละร่างกายนั้นบกพร่องแล้ว จะต้องหาวิธีเยียวยารักษา อันนี้ร่างกายของเราทั้งประเทศ เกิดระส่ำระสายวุ่นวายกันนี้ เรียกว่าร่างกายเกิดโรคเกิดภัยในที่ต่างๆ ควรจะหาทางปรับปรุงให้เป็นที่เข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งเทียบเหมือนกับยามาบำรุงรักษา อย่ายุอย่าแหย่ อย่าแทงอย่าตำ จะเป็นการทำลายซ้ำเติมเข้าไปอีก ให้พากันคิดนะ นี่ภาษาธรรม

อย่ากำเริบเสิบสานในสิ่งที่ชั่วทั้งหลายจะไม่เป็นอื่น จะเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเหนืออำนาจแห่งกรรมไปได้เลย กรรมดีกรรมชั่วมีอำนาจเหนือตลอด ใครจะเก่งไปขนาดไหนไม่เหนือกรรม ท่านก็บอกไว้แล้ว เพราะฉะนั้นเราอย่าเก่งกว่าศาสดา ให้พากันพินิจพิจารณา เรานี่รักสงสารเสมอหน้ากันไปหมดนะ เรื่องราวอะไรๆ ที่เราตำหนิติเตียนคือมันผิด อยากให้แก้ไข ความหมายว่างั้น เราไม่ได้ซ้ำเติม อย่างนั้นไม่มีในใจเรา ถ้าขวางธรรมนิดหนึ่งไม่ไปเลย ต้องไปตามธรรมล้วนๆ

นี่ก็อวัยวะของชาติไทยเรากำลังระส่ำระสาย ฆราวาสกับพระ สุดท้ายก็มาเป็นพระเป็นหัวหน้าโจร หัวหน้าภัยร้ายด้วย ทำอวัยวะส่วนดีให้เสียไปๆ จึงควรจะปรับปรุงแก้ไขกันในทางที่ถูกต้อง เพราะเราเป็นลูกคนไทยด้วยกัน อวัยวะก็เป็นของเราด้วยกันหมด แขนซ้ายแขนขวา ขาซ้ายขาขวา เป็นอวัยวะของเรา ไม่ดีตรงไหนมันก็กระทบกระเทือนเรา อันนี้ไม่ดีตรงไหนมันก็กระทบกระเทือนชาติไทยของเรา ไม่มีใครที่จะมาชมเชยว่าชาติไทยทำลายตัวเอง ไม่มี เขาจะชมเชยต่อเมื่อชาติไทยสมัครสมาน สมว่าเป็นลูกชาวพุทธ ฟังเหตุฟังผลฟังดีฟังชั่ว แล้วแก้ไขดัดแปลงไปตามนั้น นี่เป็นลูกชาวพุทธ ยอมรับคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วโลกนี้จะสงบ

ใครก่อไม่ให้สงบ ก็คือความคิดผิด เห็นผิด ทำผิด เมื่อรู้แล้วแก้ไขอันนี้มันก็ถูกเท่านั้นเองจะเป็นอะไรไป นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ เราไม่มีอะไรกับใคร อย่างที่เขาว่าอะไรเราเฉยเราไม่เคยสนใจ พูดจริงๆ ก็คือว่าจิตนี้มันเหนือไปหมดแล้ว เกินกว่าที่จะมาพินิจพิจารณากองมูตรกองคูถอย่างนี้ให้เสียเวล่ำเวลาลำบากเปล่าๆ นอกจากมีความเมตตาสงสาร จะควรแก้ไขอะไรแก้ไขเสีย เวลามีลมหายใจฝอดๆ ยังแก้ได้อยู่ ตายแล้วไม่มีความหมายอะไร ก็มีแต่แนะนำอย่างนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ

เมืองไทยเรานี้เป็นอวัยวะของกันและกันทั่วประเทศไทย เราไม่อยากจะพบจะเห็นสิ่งที่ร้าวรานแตกกระจัดกระจายในเมืองไทยของเรา จะให้เมืองอื่นบ้านอื่นเขาชมเชยไม่มี มีแต่เขาจะมาดูถูกเหยียดหยามเหยียบหัวคนไทยเราไป คนไทยนี่เหมือนหมา คำพูดว่าถือศาสนาพุทธ มันพุทธอะไร มันผีกัดกัน ยักษ์ผีกัดกัน หมากัดกัน ว่าอย่างนี้จะผิดอะไร เราอยากเป็นหมาหรือ ถ้าอยากเป็นหมาก็กัดกันต่อไป ถ้าอยากเป็นคนอยู่เย็นเป็นสุขด้วยกันในอวัยวะเดียวกัน ก็ให้รีบแก้ไขดัดแปลงตนเอง

ความคิดผิดนี้ไม่เป็นคุณต่อผู้ใดแหละ แสดงเท่าไรเป็นภัยเท่านั้นๆ จึงไม่ควรส่งเสริมความคิดผิดทำผิดอย่างนี้ต่อไป ควรจะแก้ไขดัดแปลง แล้วบ้านเมืองเราจะสงบ เรื่องราวก็เกิดขึ้นจากความเห็นผิดถึงไม่สงบ เมื่อแก้ไขดัดแปลงให้สงบแล้ว บ้านเมืองเรานั้นแหละจะสงบ เพราะบ้านเมืองเป็นชาวพุทธยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรม พากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ

(ลูกศิษย์ถวายทอง ๓ บาท) นี่ละเราช่วยชาติไทยของเราอย่างนี้ดูเอานะ ประสับประสานให้แน่นหนามั่นคง คือชาติไทยของเรานั้นแหละจะบำรุงอุดหนุนชาติของตัวเองนะ เราต้องพยายามทำอย่างนี้ วันที่ ๑๙ นี้ก็จะได้มอบทองคำ ตกลงไปเรียบร้อยแล้วทางธนาคารชาติ ให้ทางโน้นมารับที่สวนแสงธรรมเลย เราจะไปมอบทองคำวันที่ ๑๙ เวลา ๑๑ นาฬิกา หรือ ๕ โมงเช้า กำหนดกันเรียบร้อยแล้ว วันที่ ๑๗ เราออกเดินทาง วันที่ ๑๘ ดูเหตุการณ์อะไรเรียบร้อย วันที่ ๑๙ มอบทองคำ (ทำบุญทองคำ ๑ บาทครับ) เออ พอใจๆ

เมื่อคืนนี้หนักมากอยู่นะ เป็นไข้เสียด้วย เจ็บคอเหมือนคอจะระเบิด เริ่มมาตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ พอตื่นขึ้นมานี้เจ็บคอ อ้าวเป็นยังไง ฉันยามันไม่หยุดนะ มันพอรอๆ พอได้จังหวะขึ้น คิดดูซิเมื่อวานนี้ฉันยาตั้ง ๕ หน ก็ถามผู้ที่ให้ยา ให้พิจารณานะยา ระยะขนาดไหนพอดีๆ เวลานี้รู้สึกหวัดมันกำลังกำเริบรุนแรง ยาอาจจะหนักบ้างถ้าควรจะหนัก เราก็ว่างั้น ถามผู้ที่ให้ยา ให้ถึง ๔-๕ หน เมื่อคืนยังไข้ได้ ดูซิน่ะ เมื่อเช้านี้ไม่อยากลุกเลย ลุกขึ้นล้มไปเลย คอเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งจามทั้งไอไล่กันมาเรื่อยๆ จึงเอายาอมนี้มาอมเวลามันคันคอมากๆ อมมันก็ระงับ จะให้มันหายจริงๆ มันก็ไม่หายแหละ พอระงับไป แล้วก็อาศัยยาอย่างอื่นแก้กัน จะพูดอะไรกับใครใกล้ๆ ปากใกล้ๆ คอไม่ได้นะ หวัดมันติดกันได้

โยมผู้หญิง วาจาของพระพุทธเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์จริง แล้ววาจาของพระสาวกของพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์ไหมคะ

หลวงตา ถ้าวาจาพระสาวกไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เราก็เป็นบ้าละซิไปถือสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเราไม่เป็นบ้าเราก็ยอม สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เข้าใจหรือเปล่า

โยมผู้หญิง ลูกต้องการถามคำนี้แหละค่ะ

หลวงตา เอาละที่นี่จะให้พร

 

รับฟังรับชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทางอุดร FM 103.25 MHz

และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจากสวนแสงธรรม FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก