เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ความชั่วฟังมาพอแล้ว
ก่อนจังหัน
กรุณาทราบพระเรา คือการปัดกวาดที่เป็นจุดส่วนรวมเป็นสำคัญ เช่น บริเวณศาลา นอกศาลา ลงไปทางหน้าวัด ให้มีความพร้อมเพรียง รวมกันเป็นส่วนมากมาทางด้านนี้ สำหรับเฉพาะที่อยู่ของเราเป็นที่ ๆ นั้นไม่สำคัญมากนัก เพราะไม่กว้างขวางนัก สำหรับพระเราให้รวมมาทางด้านบริเวณศาลา แล้วออกไปหน้าศาลา ให้ดูละเอียดลออ อย่าสักแต่ว่าทำ การทำเหล่านี้ทำเพื่อหัวใจเรานะ สิ่งเหล่านี้ไม่มีปัญหาอะไร กวาดให้เตียนโล่งขนาดไหนก็ตาม ถ้าใจของเราไม่เตียนโล่ง ใจไม่มีสติ ใจไม่มีความจดจ่อ สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีความหมาย ความหมายอยู่ที่ใจของเรา ทำอะไรให้มีความจงใจ มีสติปัญญาสอดแนบ ๆ นี้เรียกว่างานของจิต งานของเรา ออกไปข้างนอกก็เป็นการเป็นงานน่าดูน่าชม ถ้าภายในดีเสียอย่างเดียว
การทำเหล่านี้เป็นการทำเพื่อฝึกหัดหัวใจเรา ซักฟอกหัวใจเรา เราไม่ได้ซักฟอกลานวัดลานวาสถานที่สกปรก เราซักฟอกจิตใจของเราที่มันสกปรกประจำ เคลื่อนไหวออกไปทางไหนเพื่อซักฟอกจิตใจทั้งนั้น เช่น ข้อวัตรปฏิบัติทุกอย่าง ให้เป็นเรื่องของใจเราล้วน ๆ บกพร่องข้อวัตรคือบกพร่องตัวของเราเอง งานใดก็ตามอย่าไปเห็นว่าคนนั้นหนักคนนี้เบาอยู่ที่ไหน หนักทุกคนอยู่ที่หัวใจ ให้แก้ตรงนี้นะ อันนี้สำคัญมาก อย่าไปเห็นภายนอกสำคัญยิ่งกว่าภายใน ภายในนี่สำคัญมาก ให้จำให้ดี ข้อวัตรปฏิบัติส่วนไหนที่ควรจะรวมกันประมาณมากน้อยเพียงไร มองดูแพล็บรู้ทันที ๆ กะตวงพระเณรที่จะเข้าไปร่วมทำงานด้วยกันมีประมาณเท่าไรจะพอเหมาะพอดี นี่เราคิดเอง ๆ ได้ทุกคน ต่อไปนี้จะให้พร
หลังจังหัน
การมอบทองแต่ละครั้งเวลานี้ได้ประกาศแล้วว่า มอบแต่ละครั้งนี้ให้ได้ครั้งละ ๕๐๐ กิโล ๆ พอสองครั้งก็เป็น ๑ ตัน ๆ ถ้ายังไงขอให้ครบ ๑๐ ตันนะ เราได้ประกาศและขอบิณฑบาตพี่น้องทั้งหลาย อย่าถือว่าหลวงตามารบกวนพี่น้องทั้งหลายนะ หลวงตาคิดเต็มหัวใจแล้วก่อนที่จะมารบกวนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็มารบกวนเอาเฉย ๆ นะ ได้คิดเต็มหัวอกทุกสิ่งทุกอย่างแล้วค่อยได้ออกมา ออกมาประกาศตรงไหนได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ๆ นี้ ๑๐ ตันได้พิจารณาเต็มกำลังแล้ว คนไทยเรา ๖๒ ล้านคนมีน้ำหนักมากขนาดไหน ซึ่งแต่ก่อนเมื่อไม่กี่ปีมานี้เมืองไทยกำลังจะจม ๆ กันทั้งประเทศ แล้วต่างคนต่างรื้อฟื้นกันขึ้นมา พอเป็นผู้เป็นคนลืมหูลืมตาอ้าปากกันได้บ้างเวลานี้ ก็เพราะการช่วยชาติของเราจากความรักชาตินั้นแหละ และพร้อมด้วยความสามัคคี ต่างคนต่างช่วยเหลือกัน เวลานี้ทองคำเราไม่ใช่ว่า ๑๐ ตันนะ เราได้มาแล้ว ๕ ตันกับ ๕๙ กิโลครึ่งแล้วเวลานี้ ขาดอยู่เพียง ๔ ตันกว่าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องที่เราจะหาใหม่เพิ่มเข้ามา ๆ
เวลานี้รู้สึกว่าค่อน ๆ ไปแล้ว น้ำหนักที่เราได้แบกได้หามมา รู้สึกว่าค่อน ๆ ไปแล้วแหละ มีวันเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางในไม่ช้า แต่ก่อนเราไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไรเลยก็หามา ๆ ได้มา ๆ จนกระทั่งถึงระยะนี้เป็นระยะสำคัญ ๆ จึงได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า อย่างไรทองคำคราวนี้ขอให้ได้ ๑๐ ตัน เป็นเครื่องหมายแห่งการช่วยชาติของเรา ซึ่งคนภายนอกเขารอบโลกเขาจ้องมองดูเมืองไทยเราเป็นตาเดียวกันหมดนะ เวลานี้ชาติไทยของเรากำลังช่วยตัวเอง เครื่องหมายของการช่วยชาติตัวเองนั้นคืออะไร จุดนี้สำคัญ เมื่อเรายกทองได้น้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว นี่เครื่องช่วยชาติของเมืองไทยทั้งชาติ จากนั้นดอลลาร์ก็แถมกันไป เวลานี้ดอลลาร์ได้ ๗ ล้านแล้ว กว่าทองคำจะถึง ๑๐ ตัน ค่อนข้างแน่นะว่าดอลลาร์เราจะถึง ๑๐ ล้าน นี่ละเครื่องหมายแห่งการช่วยชาติของเมืองไทยเรา เราว่าอย่างนี้เลย
แล้วใครจะมาตำหนิได้ทองคำได้ถึง ๑๐ ตัน เป็นของเล่นเมื่อไร แล้วดอลลาร์ยังแถมเข้าไปอีก เราอยากจะพูดเต็มปากเสียตั้งแต่บัดนี้เลยว่า ดอลลาร์นั้นต้องได้ ๑๐ ล้านว่างั้นเลย ยังไงจะออดพี่น้องทั้งหลายให้ได้แหละ พอทองคำเข้าถึง ๑๐ ตัน เงินขาดอยู่ไม่กี่ดอลล์นี้จะออดโน้นออดนี้ เอาจนได้นั่นแหละ เราจึงมาประกาศเสียก่อนเลยแล้วค่อยไปออดเอาทีหลังก็ได้เป็นไรไป
นี่ละที่ว่าเราได้พิจารณาว่าเหมาะสมที่สุดแล้วเวลานี้ กับที่พี่น้องชาวไทยเราขวนขวายหาทองคำมาเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อเป็นความแน่นหนามั่นคงและอบอุ่นแก่คลังหลวงและคนทั้งชาติ เป็นที่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้วเวลานี้ เพราะเรากำลังช่วยชาติ ใคร ๆ ก็รู้กันหมดว่าเหตุผลกลไกเป็นยังไง นี่กำลังช่วยชาติ นั่น อะไรที่จะเป็นการช่วยชาติได้เราก็ต้องหมุนกันมา ๆ จึงว่าสมควรอย่างยิ่ง ถ้าเลยจากนี้แล้วจะหาไม่ได้นะ ทองคำจะหาสักกี่กิโลก็หายาก อย่าว่าแต่หาเป็นตัน ๆ นะ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะนำทองคำเข้ามาเป็นเท่านั้นกิโลเท่านี้ตัน ซึ่งนานมาเท่าไรเราก็ไม่เคยเห็นว่าใครเอาทองคำมาเข้าคลังหลวงของเรา โดยไม่มีเหตุมีผลอย่างอื่นใดเลย แล้วมีน้ำใสใจศรัทธามีกำลังวังชา รักชาติ ประกาศตนเองออกมาว่าได้ให้ทองคำแก่พี่น้องชาวไทยเรา นับแต่ ๑ กิโลขึ้นไปเป็นตัน ๆ เรายังไม่เคยเห็นเลย
แต่ก่อนมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ ทีนี้ต่อไปก็จะเป็นอย่างนั้นอีกถ้าไม่ได้ในระยะนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมมากนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงได้ขอบิณฑบาตหรือรบกวนพี่น้องทั้งหลาย ยังไงขอให้ได้ ให้เห็นแก่ชาติไทยของเรา เมื่อทองคำได้ ๑๐ ตัน ดอลลาร์ได้ถึง ๑๐ ล้านแล้ว อย่างไรเสียงนี่สง่างามไปหมดเลย ไพเราะเพราะพริ้งถึงเทวบุตรเทวดาจะว่าอะไร เทวบุตรเทวดาท่านมีธรรม ความรักชาติ ความพร้อมเพรียงสามัคคี ความเสียสละนี้เทวดาชมเชยทั้งนั้น ทำไมเทวดาจะไม่ชมเชยเมื่อเราได้ตามความต้องการที่หัวหน้าประกาศบอกแล้วนี้ นี่ละเราจึงได้วิงวอนกับพี่น้องทั้งหลาย ขอให้ได้ เพราะเป็นหัวใจของชาติโดยตรงทองคำ หายใจอยู่กับจุดนั้นหมด ๆ
เราบอกทุกอย่างนะเรื่องเหตุผลกลไก ที่จะได้รบกวนพี่น้องทั้งหลายด้วยทองคำนี้ เพราะเหตุไร นี่เราก็เข้าไปดูทองคำแล้วในคลังหลวง เราไปดูเองนั่นซิที่มันชัดเจนมาก เมื่อออกมาแล้วผลได้ผลเสียมีหนักเบามากน้อยเพียงไรเราก็ได้มาพร้อม จึงได้มาประกาศพี่น้องทั้งหลายให้ทราบ เวลานี้ทองคำของเราในคลังหลวงมีรู้สึกว่าน้อยมาก จึงขอให้ขวนขวายทองคำของเราเข้าสู่คลังหลวง กะว่าให้ได้ ๑๐ ตัน ถ้า ๑๐ ตันแล้วอบอุ่น หายใจโล่ง ถึงไม่เต็มปอดก็โล่งเลย โล่งในฐานะที่เมืองไทยเราไม่ใช่เมืองเศรษฐี เป็นเมืองทุคตะเข็ญใจ หายใจโล่งก็พอแล้ว ไม่ถึงกับว่าหายใจเต็มปอดละ เอาอย่างนี้นะ นี่ละเรื่องราวเป็นอย่างนี้
นี่ก็ได้ ๕ ตันกว่าแล้ว ยังเหลืออีก ๔ ตันกว่า ให้พยายามบึกบึนกัน พอได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว หลวงตานี้พูดจริง ๆ หายห่วงทุกอย่าง ไปได้อย่างสะดวกสบายเลยเทียว พูดให้เต็มยศเลยว่า การตายของเราตายที่ไหนได้ทั้งนั้น ไม่ลำบากลำบนในการตายเลย ที่เป็นอยู่เวลานี้ก็เพราะความห่วงใยพี่น้องทั้งหลายนั้นเอง จึงได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย คนนั้นเท่านั้น คนนี้เท่านี้ เพราะความห่วงชาติไทยของเรา เมื่อชาติไทยของเราได้ตามจุดหมายที่เราได้ตั้งไว้แล้วนี้เราพอใจ หายห่วง ตายที่ไหนเราตายได้สบาย หลวงตาตายจะไม่เหมือนคนทั้งหลายตาย บอกตรง ๆ เลย ใครจะว่าโอ้ว่าอวด เราเอาความจริงมาพูด ผลประโยชน์ที่เราหามาได้มากน้อยเพียงไร เขาไปหาเงินหาทองหาข้าวหาของมา วันหนึ่งเขาได้กี่บาท ๆ เขามาแจงเรื่องผลรายได้ของเขาได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีสะทกสะท้าน เพราะเป็นความถูกต้องตามเหตุที่หามา ได้เท่าไรเป็นผลขึ้นมา เขาบอกตามเหตุตามผลของเขาผิดไปตรงไหนไม่มีสะทกสะท้านเพราะเป็นความถูกต้องตามเหตุที่หามา ได้เท่าไรเป็นผลขึ้นมา เขาบอกตามเหตุตามผลของเขาผิดไปตรงไหน
อันนี้การบำเพ็ญของเราตั้งแต่พระพุทธเจ้ามา ต้นเหตุที่จะได้เป็นศาสดาก็ทรงบำเพ็ญ ตรัสรู้ขึ้นมาเพราะทรงบำเพ็ญความดิบความดีจนล้นโลกล้นสงสาร ปรากฏเป็นศาสดาขึ้นมา นี้เป็นผลเป็นที่พอพระทัยถึงขั้นเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วนำธรรมนี้ออกมาประกาศสอนโลกเป็นธรรมที่รับรองยืนยันแล้วจากศาสดา เป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เอา ดำเนินไปเถอะ ใครปฏิบัติหนักเบามากน้อยให้เป็นไปตามกำลังความสามารถของตนเอง ๆ นี้ต่างคนต่างขวนขวาย ๆ เรื่อยมาก็ปรากฏผลที่บรรดาสาวกทั้งหลายได้ดำเนินตามพระพุทธเจ้าจนปรากฏเป็นผู้สิ้นกิเลส เป็นสาวกอรหันต์ขึ้นมาจำนวนมากเท่าไร นี้เกิดขึ้นจากผลที่บรรดาสาวกทั้งหลายขวนขวายหามาได้เต็มใจ ๆ ของท่าน เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา
เหตุใดเราจะพูดไม่ได้ เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตเหมือนกัน ดำเนินตามแนวทางของพระพุทธเจ้า เราหามาได้มากน้อยเราก็พูดมาโดยลำดับ ให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟัง เวลาไปหาทีแรกไม่รู้เรื่องรู้ราว หาแบบล้มลุกคลุกคลาน หงายหมูหงายหมาก็มีอยู่กับหลวงตาบัวนี้หมด สู้กิเลสไม่ได้ถึงขนาดหงายหมา ๆ หงายไม่เป็นท่าเขาเรียกหงายหมา หงายเป็นท่าบ้างเขาเรียกหงายแมว มันหงายมันตบได้แมว แต่หงายหมาตบไม่ได้มีแต่ร้อง แอ้ ๆ
นี่เราก็เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี่เวลาตะเกียกตะกายเบื้องต้น แต่หลักใหญ่ของเรา ร่มโพธิ์ร่มไทรแม่เหล็กอันใหญ่หลวงของเราคือหลวงปู่มั่น พูดให้ตรงอย่างนี้เลย เราไปได้มาจากไหน อุบายวิธีการต่อสู้กับกิเลสซึ่งเป็นตัวมหาภัย ฟาดเราจนหงายหมา ๆ ก็ไปเอาหลักวิชามาจากหลวงปู่มั่น นี่ก็เคยเล่าให้ฟังแล้ว เอ้า ได้มาแล้วเข้าอีก เอาอีกหงายหมามาอีก ไม่ถอย ไปเรียนวิชาอีกกลับมาอีก หงายหมาหลายครั้งหลายหนก็หงายแมวละซิ ต่อไปหงายแมว ฟัดกิเลส กิเลสเอียง เหอ มึงเอียงเหมือนกันเหรอ ยิ่งมีกำลังใจฟาดกิเลสหงายลง นั่น เห็นไหมนักมวยต่อยกัน ไม่ใช่มันจะไม่มีช่องทางที่จะฟัดกัน อันนี้เรากับกิเลส คือธรรมกับกิเลส ถึงธรรมเรามีน้อยมันก็มีช่อง ทีแรกมันก็หงายหมา ๆ ฟาดทางนี้ตัวเอนกิเลส กิเลสตัวเอน ต่อไปกิเลสหงาย นี่เราก็ได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง มาอวดท่านทั้งหลายเหรอ
ท่านทั้งหลายให้ดูหน้าให้ดีนะ อวดหรือไม่อวดดูเอา ดูลักษณะท่าทางเป็นยังไงอวดพี่น้องทั้งหลายเหรอ นี่ละเริ่มต้นตั้งแต่นี้ เราหารายได้มันไม่มีผลรายได้ มีแต่สู้กิเลสไม่ได้ แพ้กิเลส ๆ แบบหงายหมา ๆ เราก็พูดให้ฟัง แต่ความไม่ถอยมันซัดกันเรื่อย ๆ ต่อจากนั้นก็หงายแมว ต่อจากนั้นฟัดกิเลสกิเลสเอียงต่อ ฟัดกิเลสกิเลสหงายให้เห็น เหอ มึงก็มีท้องเหมือนกันกับกูเหรอ กูมีแต่หงายท้องให้มึงดู หรือมึงก็มีท้อง ก็ยิ่งเป็นกำลังใหญ่โต นี่อุบายวิธีใดกิเลสถึงได้หงาย จับอันนี้เอาไว้ ซัดกันอีก ๆ เอาไปจนกระทั่งพอได้ธรรมเป็นหลักเป็นเกณฑ์เป็นต้นทุนแล้วอบอุ่นที่นี่นะ จิตใจคิดหมุนอะไรมีแต่เรื่องธรรมจะฆ่ากิเลส ๆ ล้วน ๆ ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นแต่เรื่องธรรมจะฆ่ากิเลสเพราะธรรมมีเต็มหัวใจ เต็มกำลัง ๆ ของเราแล้วที่จะพอฟัดกับกิเลสให้หงายได้ ทีนี้ก็ยิ่งมีแก่ใจ สุดท้ายก็ธรรมเป็นเครื่องดูดดื่มให้รบไม่ถอย ถ้ากิเลสไม่พังเมื่อไรเป็นตายก็ตายเลย คำว่าแพ้ไม่มี นี่ถึงขั้นนี้แล้วนะที่นี่
แต่ก่อนมีแต่หงายหมา ครั้นซัดเข้าไป ๆ เพราะความอุตส่าห์พยายาม นี่คือหมายถึงว่าหาผลประโยชน์ เข้าใจไหม ทีนี้พอได้หลัก เพราะสู้ไม่ถอย พอได้หลัก จับ แพ้มันด้วยวิธีใดก็จับเอาไว้ วิธีนี้พลิกใหม่ เอาชนะด้วยวิธีใดยิ่งจับแม่นยำ ๆ ก็หนักเข้า ๆ ต่อจากนั้นอยู่ที่ไหนสบายไปหมดเลย ยังไม่พ้นทุกข์นะ กิเลสยังมีอยู่หัวใจ แต่มันค่อยหมอบไปแล้ว ๆ หลบซ่อนแล้ว ทางนี้มีแต่สติ ปัญญา ศรัทธา กำลังวังชาทุกอย่างมันหมุนตัวเป็นอันเดียวกันแล้ว ฟาดกิเลสนี้พังเลย ๆ เราพูดเป็นข้อเทียบเคียงประหนึ่งว่ากิเลสโผล่ออกมาไม่ได้ นี่ถึงขึ้นแล้วนะ
นี่หารายได้ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย เพราะความไม่ถอย ความอุตส่าห์พยายามของเรานั้นแหละ ทีแรกก็ล้มลุกคลุกคลานแบบล้มหงายหมาก็พูดให้ฟังแล้ว หงายหมาแล้วมาหงายแมว กิเลสเอนเอียงเพราะหมัดเราต่อย กิเลสล้มเพราะหมัดเราต่อย ต่อไปนี้เราก็มีกำลังฟัดเอาจนกระทั่งถึงกิเลสมีแต่หงาย ๆ โผล่ออกมาตัวไหนหงายเลย ๆ ต่อจากนั้นโผล่มาไม่ได้ คอขาดไปเลย นี่เพราะอะไร เพราะกำลังวังชาของสติปัญญาเรียกว่ากำลังของธรรมกล้าแล้ว มองหากิเลสไม่เจอ หมอบหลบซ่อน เพราะตัวฉลาดแสนฉลาดนี้ไม่มีอะไรเกินกิเลสมันถึงได้ครองโลกธาตุ มันฉลาดขนาดนั้น แต่ธรรมนี้เหนือกิเลส กิเลสจึงไม่กล้าออกมาต่อกร ทีนี้ก็ซัดลง ๆ โผล่ออกมาตัวไหนขาดสะบั้น นี่ขึ้นสติปัญญาอัตโนมัติแล้วยังไม่แล้ว ขึ้นมหาสติมหาปัญญาแล้วที่นี่ ยังไงก็ไม่มีถอย ไม่ถอย ๆ จนกระทั่งขอสรุปสุดท้ายลงเลยว่า กิเลสพังเรียบวุธไม่มีอะไรเหลือเลย นี่ผลรายได้สุดยอดที่เราอุตส่าห์พยายามหามาเพื่อตัวเอง แล้วก็มาเพื่อพี่น้องทั้งหลาย เป็นการโกหกพี่น้องทั้งหลายแล้วเหรอ พิจารณาซิ
เขาหารายได้ทางไหนเขาก็ได้ แม้แต่เขาไปเล่นการพนันมา เป็นการทำความชั่วช้าลามก เขายังพูดของเขาได้อย่างเต็มปาก วันนี้ได้เท่าไรวันนี้เสียเท่าไร เขาเล่นการพนันเขายังพูดกันได้ เรามาหาคุณงามความดีซึ่งเป็นธรรมอันเลิศเลอ ทำไมเราจะพูดไม่ได้ธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าพูดไม่ได้ก็ให้กิเลสเหยียบปากเหยียบหัวใจหมด ไม่มีอะไรพูดถึงอรรถถึงธรรมได้ ก็มีแต่เรื่องอันธพาลเต็มบ้านเต็มเมืองทำชาติไทยให้จมทั้งตัวเอง จมไปพร้อมเลยเท่านั้นเองไม่มีอะไร
ถ้าพูดถึงความดิบความดี เพื่อจะเชิดชูชาติไทยของเราไม่ได้ ด้วยอรรถด้วยธรรมของพระพุทธเจ้าที่นำมาช่วยพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ นำมาไม่ได้ถูกกิเลสพังหมด ชาติไทยจะพังนะ ให้พากันฟังให้ดี ความชั่วเราก็ฟังมาพอแล้ว ตัวของเราก็ทำชั่วมาหนักขนาดไหนแล้ว จะไปสงสัยที่ไหนกับบุคคลผู้ใดว่าความชั่วไม่มี มีในหัวใจ ถ้าเราชำระมันก็แก้ลงได้เบาลงไป ถ้าไม่ชำระก็หมดค่าหมดราคา ติดคุกติดตะรางเต็มอยู่ในเรือนจำมีแต่คนชั่วช้าลามกหมดราค่ำราคา เพราะความชั่วของตัวเองแสดงผลให้เห็นประจักษ์ในมนุษย์เรานี้แหละ อยู่ในเรือนจำไปดูเอา นั่น
จากนั้นตายลงไปแล้วนี้ใจมันไม่ตายก็ลงนรกอีก เพราะไปทำความชั่วช้าลามกให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น จิตใจของเขาเสียหายขนาดไหน กระทบกระเทือน บางคนสลบไสลไปเลย เพราะถูกการกระแทกแดกดันทุกแบบทุกฉบับจากคนชั่วทั้งหลาย ไม่ว่าปล้นว่าจี้ไม่ว่าฆ่าว่าฟันมันเอาหมดพวกนี้ พวกนั้นบอบช้ำขนาดไหน ถึงขั้นเจ้าของตายก็มี ทรัพย์สมบัติพังไปเลยก็มีมาก นี่เขาเสียใจขนาดไหน กรรมขนาดนี้จะไปไหนถ้าไม่ไปหาผู้ที่ไปทำเท่านั้น
นี่แหละถ้าเขาจับได้ก็ไปเข้าคุก ออกจากคุกนี้แล้วก็ไปคุกในเมืองผีอีก คุกในเมืองคนยังมี คุกในเมืองผีทำไมจะไม่มี พิจารณาซิ คุกในเมืองคนยังมีคุกในเมืองผีก็มี จะว่ายังไง ทุกข์ในหัวใจคนก็มี ทุกข์ในหัวใจผีทำไมจะไม่มี หัวใจดวงเดียวกัน นี่มันจะหอบเอากองทุกข์นี้ไป นี่ละเป็นยังไงเขาหาผลรายได้ของเขา หาทางดีเขาก็พูดได้ หาทางชั่วพูดได้ เราหาอรรถหาธรรมได้มามากน้อยทำไมพูดไม่ได้ ฟาดจนกระทั่งกิเลสคว่ำลงไม่มีอะไรเหลือ เวลานี้เหลือตั้งแต่ความเมตตาสอนโลก เราก็พูดมาเต็มเหตุเต็มผลเต็มอรรถเต็มธรรม เต็มหัวใจของเรา แล้วจะให้เราโกหกยังไงอีก กิเลสมันโกหกมาพอแล้ว ก็เชื่อมันพอแล้ว เชื่อธรรมบ้างไม่ได้เหรอ มันเป็นยังไง ถ้าเชื่อธรรมให้ฟิตตัวเองนะ ทุกอย่างอะไรบกพร่องให้แก้ไขตนเองมันถึงจะถูกนะ
นี้มีแต่อ่อนเปียก ๆ ไปตามกิเลสแล้วจมได้นะ อยู่ในโลกสงสารก็มีแต่ความทุกข์จนหนโลก ข้าวไม่พอปากพอท้อง หาอยู่หากินอะไรไม่พอ มองไปที่ไหนนี้ขาดเขิน เข้าไปในครัวก็มีแต่หม้อเปล่า ๆ ไม่มีอะไรติดอยู่ในครัวแล้วเป็นยังไงจิตใจ เข้าไปในครัวก็ไม่มีอาหารพอจะกรอกปากบ้างเลยเป็นยังไง อยู่ในเมืองนี้ก็สร้างแต่ความชั่วช้าลามกมีแต่ความทุกข์ความทรมาน ตายลงไปก็ไปจมอยู่ในเมืองผียิ่งหนักกว่านี้อีกร้อยเท่าพันทวีนะ ยังกล้าหาญอยู่หรือ ลูกชาวพุทธแท้ ๆ พวกเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพ้นหมดแล้ว เคยผ่านมาแล้วเรื่องเหล่านี้ พ้นไปหมดแล้วจึงมาโฆษณาให้เราทั้งหลายได้รู้โทษของมัน รู้คุณของธรรมที่จะฉุดลากขึ้น ให้พากันฟังซิ
นี่เราพูดถึงเรื่องผลรายได้ที่มาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย ทำไมจะพูดไม่ได้ ศาสนามีเต็มบ้านเต็มเมือง เราเป็นลูกชาวพุทธทำไมจะพูดถึงเรื่องพุทธ เรื่องธรรม เรื่องสงฆ์ไม่ได้ พูดถึงเหตุถึงผลดีงามของธรรมไม่ได้ พิจารณาซิ เอาให้มันชัดเจนอย่างนี้ซิ นี่ละธรรมเป็นอย่างนี้ละ มีเสมอกันกับโลก กิเลสมีอำนาจฉันใดที่จะสร้างความชั่วให้สัตว์ เราก็มีอำนาจฉันนั้นเหมือนกัน ที่จะสร้างความดีลบล้างความชั่วได้เหมือนกันหมด เพราะน้ำหนักอยู่กับเราคนเดียว เอนไปทางชั่วเป็นชั่ว เอนไปทางดีเป็นดี เพราะกิเลสกับธรรมอยู่ที่หัวใจดวงเดียวกัน เอนไปทางไหนก็เป็นอันนั้น จงเอนไปด้วยความมีสตินะ ถ้าเอนไปตามกิเลสจมแน่ ๆ ถ้าเอนไปทางธรรมฉุดขึ้นได้ ๆ
อย่างเมืองไทยของเรานี้ก็ด้วยอำนาจแห่งความรักชาติ ความเสียสละของพี่น้องชาวไทยก็ปรากฏว่าฟื้นขึ้นมา ๆ เห็นประจักษ์เป็นยังไงเวลานี้ นี่เราก็ได้เห็น ทีนี้ต่างคนต่างบึกบึนอีกได้อย่างที่ว่านั่นละนะ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอา
วันนี้พูดถึงเรื่องผลประโยชน์ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว พูดได้เสมอกันหมด ทางธรรมะก็พูดได้ทางกิเลสก็พูดได้ ให้ท่านทั้งหลายฟัง แล้วเลือกเฟ้นไปปฏิบัติต่อตัวเอง เออ มันเป็นยังไงใครไปแต่งตัวอะไรมาให้หมาเราเห่านะ เหอ มันแต่งตัวแบบไหน หมาเราถึงได้เห่า หมาตัวนี้ไม่เคยเห่าใครนะ มีใครแต่งตัวแปลก ๆ เหมือนเปรตเหมือนผีเหมือนยักษ์เหมือนมารมาละนะ ไปหาดูมันมี หมาตัวนี้แปลกอยู่นะ ถ้าธรรมดามันไม่เห่าแหละ วันนี้ทำไมมันเห่าอย่างนี้หมา มันจะมีผู้แต่งตัวเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารปล่อยหีมานั่นน่ะ ดูเอาซิ หมาตัวนี้แปลกอยู่นะหมาเรา ธรรมดามันไม่เคยเห่าใครมาธรรมดา ยิ่งแต่งตัวเรียบร้อย มันเห็นมันประจบประแจง โอ้.แต่งตัวอย่างนี้ดีนะ คุณพี่ แต่งตัวอย่างนี้ดีนะคุณน้า แต่งตัวอย่างนี้ดีนะ แล้วแต่งตัวยิ่งกว่าหมาดูไม่ได้นะ พอดีมันเห่าว้อก ๆ มันแต่งตัวเก่งกว่าหมาไปอีกน่ะ ไปหาดูให้หน่อยนะ
มันเป็นยังไง มันเลวนะมนุษย์เรานี่ บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีขนบประเพณีทำไมไม่ดู อะไรมันคว้าเอาหมด ๆ แต่งตัวเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารไม่สนใจ ขอให้ได้แต่งตัวตามความชอบใจ ความชอบใจนี้คือความชอบใจเลวร้ายของใจที่ต่ำทรามที่สุดแล้ว ควรจะมีขนบประเพณี เป็นคติตัวอย่างแก่ชาติไทยของเรา เมืองไหน ๆ ดูซิบ้านเมืองของเขาขนบประเพณีของเขา เขาปฏิบัติกันมายังไง เมืองไทยเราเป็นเมืองคนทำไมจึงไม่มองดูเขาบ้าง การแต่งเนื้อแต่งตัวมันเป็นยังไง ดูไม่ได้นะเวลานี้ อะไรมาคว้ามับ ๆ เหลวแหลกแหวกแนวก็คือเมืองไทยของเรา พูดให้มันจัง ๆ หลวงตาบัวกำลังเป็นผู้นำพี่น้องชาวไทยเรา จะไม่ฉุดลากสิ่งที่ต่ำทรามจะฉุดลากที่ตรงไหน ต้องแก้ตรงนี้ซิ ให้พากันพิจารณา
ลูกหลานอย่าเป็นบ้าจนเกินไป กิเลสตัณหามันหลอกคนให้จมมามากต่อมากแล้ว เวลานี้ธรรมกำลังฉุดลากให้ฟังเสียงธรรมนะ ไม่มีกฎมีระเบียบอะไรเลยไปที่ไหน ไปเมืองเขาไปเมืองไหน ขนบประเพณีของเขามีประจำชาติ ๆ มองดูพับทั้งหญิงทั้งชายจะมีประจำชาติ แต่เมืองไทยของเรามองดูอะไรนี้หมาแตกฮือ ๆ หมาสู้ไม่ได้ เพราะไม่มีกฎมีระเบียบ หมาเรายังมีระเบียบนะ มันอยู่ดี ๆ นี้มีใครแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นเปรตเป็นผี เป็นยักษ์ ปล่อยหีปล่อยหำมามันเห่าว้อก ๆ เจ้าของก็เลยสงสัย มันเป็นยังไงให้ถามหาดู มันเป็นยังไงเอาละพอ เท่านั้นแหละ
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com |