คนดีให้สั่งสมความดีตลอดไป
วันที่ 2 สิงหาคม 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

คนดีให้สั่งสมความดีตลอดไป

         ผู้กำกับ ปัญหาทางอินเตอร์เน็ตครับ นมัสการหลวงตาค่ะ หนูเคยไปกราบหลวงตาที่วัดป่าบ้านตาดเมื่อ ๑๓ ปีที่แล้ว ตอนนั้นหนูโง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้จักหลวงตา มาตะลึงตอนที่หลวงตาบิณฑบาตมีคนมารอใส่บาตรยาวเป็นกิโล เกิดมาหนูเพิ่งเจอเลยเกิดศรัทธาหลวงตาตั้งแต่นั้นมาเจ้าค่ะ หนูขอกราบเรียนถามดังนี้

         ข้อ ๑. การเดินจงกรมนั่งสมาธิ จำเป็นต้องใช้เวลาเท่ากันไหมเจ้าคะ คือนั่ง ๑ ชม.เดิน ๑ ชม.น่ะเจ้าค่ะ

         หลวงตา เรื่องเวลาเท่ากันไม่เท่ากัน ตามแต่เจ้าของจะกำหนด บังคับเจ้าของอีกประเภทหนึ่งๆ นะ แต่เรื่องสติให้ติดแนบด้วยกันทั้งนั้น ที่จำเป็นมากเป็นพื้นฐานคือสติ จะเดินจงกรมกี่นาทีกี่ชั่วโมงก็ตาม นั่งสมาธิกี่นาทีกี่ชั่วโมงก็ตาม สติต้องเป็นพื้นฐาน นี่เรียกว่าถูกต้องด้วยกันทั้งสอง จะกำหนดเวลาสั้นยาวไม่สำคัญ อันนั้นเป็นเรื่องของอิริยาบถ การเปลี่ยนแปลงเป็นความเคลื่อนไหวของร่างกาย เดินนานเป็นยังไง นั่งนานเป็นยังไง ก็ต้องมีพลิกมีเปลี่ยน แต่สติเป็นพื้นฐาน นี่เรียกว่าความเพียร เอ้าว่าไป

         ผู้กำกับ ข้อ ๒. ครับ การเดินจงกรมหนูมีสติได้ดีกว่านั่งเจ้าค่ะ ไม่เคยหลุดอารมณ์ออกจากกรรมฐานเลย และจิตจะเกาะกับร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่พอนั่งยังไม่ทันถึง ๑ นาทีก็หลับในทุกที ทั้งๆ ที่พยายามดึงสติให้อยู่ที่ท้องเพื่อตั้งภาวนา ช่างยากเย็นเหลือเกินกว่าจะลากเจ้าสติมาได้ แล้วก็กลับหลับในต่ออีกจนหมดเวลา เล่นไล่ลากอารมณ์อยู่อย่างนี้เจ้าค่ะ ทำให้หนูไม่ค่อยชอบนั่งเท่าไร มักจะเดินมากกว่านั่ง

         หลวงตา เดินมากดีก็เอาเดินละซิ ในอิริยาบถทั้งสี่ อิริยาบถใดก็ดี การสำเร็จมรรค ผล นิพพาน สำเร็จได้ทุกอิริยาบถ ในธรรมท่านว่างั้น อย่างพระอานนท์นี่กำลังเอนลง นี่เรียกว่าบรรลุธรรมในอิริยาบถสี่ จะว่ายืนก็ไม่ใช่ จะว่านั่งก็ไม่ใช่ จะว่านอนก็ไม่ใช่ จะว่าเดินก็ไม่ใช่ ท่านกำลังเอียงลงจะลงนอน ทอดอาลัย ที่ได้รับเป็นสัญญาอารมณ์ภายในจิตใจก็คือว่า พระอานนท์มีความเสียอกเสียใจ ร้องห่มร้องไห้ ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน อานนท์ อย่าเสียใจ หลังจากเราตายแล้ว ภาษาว่างั้นนะ อีกสามเดือนวันทำสังคายนานั่นแหละ เป็นวันเธอที่หลุดพ้นจากกิเลสกองทุกข์ทั้งมวล ในวันทำสังคายนานั้นแล จึงได้ยึดเอานั้นเป็นหลัก อย่าไปเสียใจ

         พอถึงคืนวันนั้นว่าจะได้บรรลุ พระพุทธเจ้าทรงทำนายไว้วันนี้จะได้บรรลุๆ เลยไปจ่อตั้งแต่จะบรรลุอยู่นู่น ลืมความเพียร ความหวังไปติดอยู่นู้น มันเป็นสัญญาอารมณ์แล้วนะนั่น หวังอยู่นู่นๆ จนกระทั่งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเดินจงกรมดูเหมือนจะสว่าง จะเป็นวันใหม่ขึ้นมา เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เอ้อพระพุทธเจ้าว่าเราจะได้บรรลุในคืนวันนี้ ยังไม่เห็นได้บรรลุนะ ร่างกายก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เราพักสักหน่อย ทีนี้จิตที่ไปยึดอยู่ในการบรรลุๆ นั้นเป็นสัญญานั้นสัญญานี้ ไม่ใช่มรรคผลนิพพานใช่ไหม หดตัวเข้ามามาอยู่ปัจจุบัน เรียกว่าทอดอาลัยเวลานั้น จะพักเสียก่อน พอเอนลงไปถึงนี้บรรลุปึ๋งขึ้นมาเลย

         นี่ละธรรมที่จะบรรลุต้องอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ในสัญญาอารมณ์ ถ้าจิตยังไปมุ่งนั้นมุ่งนี้อยู่ยังไม่สำเร็จ ต้องอยู่ในกึ่งกลาง เวลานั้นเรียกว่ากึ่งกลาง จะว่าเฉยเสียก็ไม่เชิง อะไรไม่เชิง แต่อยู่ในจุดกึ่งกลางนั่นละ เป็นปัจจุบันบรรลุธรรม

         ผู้กำกับ ข้อ ๓. ครับ หนูมักจะฟังเพลงประวัติหลวงปู่มั่นกับประวัติหลวงตา แทบจะทั้งวันทั้งคืน เริ่มตั้งแต่ที่ทำงานจนถึงบ้าน แม้กระทั่งเวลานอนก็เปิดฟังทั้งคืนจนสว่าง อีกอย่างสามีหนูชอบฟังแล้วก็เดินสมาธิไปด้วย มีอยู่คืนหนึ่งหนูนั่งสมาธิแล้วเดินสมาธิตามเพลงที่หลวงปู่มั่นพิจารณาธรรมะนั้น จนองค์ท่านจะสำเร็จพระโพธิญาณหมดสิ้นกษัตริย์ตัดชาติกับกิเลสลงได้ ทั่วหล้าสาธุการทุกชั้นฟ้าสว่างไสว แล้วหนูก็น้อมจิตตามแล้วก็เห็นนิมิตข้างบนสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ร้อยดวง สว่างไสวมาก หนูปลื้มใจสุขใจ อนุโมทนาแล้วก็เดินดึงอารมณ์มาที่ท้อง แล้วมานั่งพิจารณาภาพที่ได้เห็นเจ้าค่ะ แต่หนูไม่ทราบว่าจิตมันหลอกหรือไม่เจ้าคะ

         หลวงตา อันนี้ก็ตอบยากนะ ไม่ตอบละ ภาวนาไปอย่างนั้นก่อน ให้เจ้าของตอบเจ้าของเองเถอะ เราให้ข้อคิดให้เจ้าของตอบเจ้าของเอง จะได้พินิจพิจารณาว่าผิดหรือถูก มันจะพิจารณาได้คติจากนี้

         ผู้กำกับ ข้อ ๔. ครับ เวลาหนูฝันมักจะโดนทดสอบอารมณ์ที่หนูติดอยู่ประจำ จนหนูต้องค้นคว้าหาอ่านธรรมะมาตัดอารมณ์ที่เป็นอยู่ พอเดินสติได้แล้วก็เกิดมหัศจรรย์ในธรรมะข้อนั้นเสมอ เช่น หนูห่วงลูกจิตไปติดกับลูกมากเพิ่งคลอดลูกมาใหม่ๆ ก็มักจะฝันเห็นยักษ์ดุร้ายตนหนึ่งจะมาทำร้ายหนูและลูก ไล่ฆ่าหนูและลูก ในอารมณ์นั้นหนูห่วงลูกสุดๆ จะฝันอย่างนี้จนตัดได้ ช่วงที่ตัดไปได้ทีละน้อยนั้นก็ฝันแบบเดิมทุกวัน พอวันสุดท้ายหนูตั้งรับได้ปั๊บ หนูก็พูดกับยักษ์ตนนั้น ว่าเราตัดได้แล้วจะฆ่าจะแกงก็เชิญ แล้วหนูก็น้อมจิตพิจารณาตั้งสติอยู่ในคำภาวนา สักครู่ก็มีตัวอะไรไม่ทราบสีขาวขุ่นๆ กระโดดออกจากตัวหนูออกมา ยืนข้างหน้าแล้วก็พูดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พระพุทธเจ้าท่านพูดไว้ว่ามันไม่เที่ยง หนูก็น้อมจิตรับฟังคำนั้นแล้วก็สุขใจมาก แล้วยักษ์ตนนั้นที่ยืนข้างหน้าที่จะฆ่าจะตีหนูก็กลายมาเป็นคน แล้วหนูก็ตื่นนอนตอนเช้าสุขใจไปทั้งวันเชียว อิ่มธรรมที่ได้เจ้าค่ะ

         หลวงตา ก็ถูกต้องแล้วนี่นะ

         ผู้กำกับ เขาสรุปตอนท้ายว่า การที่หนูฝันส่วนมากมักจะเป็นอารมณ์ปัจจุบันที่ติดอยู่ก็จะมาทดสอบทันที จนกว่าจะได้ธรรมะของสมเด็จพ่อมาดับ พอดับได้ แล้วจะไม่มาอีก แต่มีฝันอย่างหนึ่งยังตัดไม่ได้พิจารณาไม่ออกเจ้าค่ะ คือฝันว่าที่ใบหน้าอุจจาระเต็มไปหมด ไม่ว่าด้านซ้ายขวาหน้าหลัง พอล้างออกก็ยิ่งเยอะ หนูเห็นนิมิตนี้มา ๒ ปีแล้วยังไม่รู้จะพิจารณาธรรมข้อไหนดีเจ้าค่ะ มันนึกไม่ออก รบกวนหลวงตาช่วยชี้แนะเพื่อจะไปสู้กับมันหน่อย ระยะนี้มาถี่จนไม่มีที่จะเดิน บางครั้งต้องจำใจไปโดนอุจจาระนั้น แล้วก็ตื่นขึ้นมาบ่นกับตัวเองจะทำไงดีกับนิมิตนี้ดี

         หลวงตา นั่นละคือกิเลสสกปรกเต็มหัวใจนั่นแหละ ให้ชำระด้วยการภาวนา ด้วยความมีสติระมัดระวังตัว เหล่านี้เป็นข้อเทียบเคียงต่างหาก ความจริงก็คือกิเลสมันแสดงตัวทุกแบบ ให้เราหลงๆ ให้เรากล้า ให้เรากลัว มีแต่หลอกให้หลงทั้งนั้นแหละ หลงกล้า หลงกลัว หลงรัก หลงชัง ให้มีสติ นี่เป็นเรื่องนิมิตอันหนึ่งต่างหาก

         ผู้กำกับ คนที่สองครับ กราบนมัสการพระเดชพระคุณท่านหลวงตามหาบัวด้วยความเคารพ ข้อ ๑. กระผมเคยภาวนาบทพรหมวิหารสี่ และกำหนดจิตตามบทภาวนาไปด้วย จนกระทั่งร่างกายภายในเย็นไปหมด และร่างกายภายนอกก็เย็นด้วย การปฏิบัติของกระผมผิดทางหรือไม่ครับ กระผมควรปฏิบัติอย่างไร

         หลวงตา ถูกทางแล้ว ควรปฏิบัติอย่างนั้นแหละ อย่างที่เคยปฏิบัติมา เท่านั้นละไม่ตอบมาก

        ผู้กำกับ ข้อ ๒. หลังจากนั้นกระผมก็หลับไป ร่างกายกระผมหลับแต่สติไม่หลับ กระผมก็กำหนดสติที่ไม่หลับ ภาวนาพุทโธที่ปลายจมูกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายหายไปหมด เหลือแต่แสงสว่างจ้าอยู่เพียงอย่างเดียว ไม่มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีเส้นทางไป นิ่งอยู่กับที่ สติก็มีอยู่ กระผมจะบังคับร่างกายไม่ได้เลยเพราะไม่มีร่างกาย ขอกราบเรียนหลวงตากระผมจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปครับ

         หลวงตา ปฏิบัติตามที่เคยรู้เคยเห็นมานี้แหละ ถูกต้องแล้ว ไม่พูดมาก ขี้เกียจพูดมากเพราะมันมากมาพอแล้ว

        ผู้กำกับ ข้อ ๓ แสงสว่างจ้าล้วนๆ ที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น มีสติรู้อยู่คืออะไรครับ

         หลวงตา ถ้าหลงไปตามแสงสว่างนี้คือบ้า เครื่องหลอกคนให้เป็นบ้า ถ้าไม่หลงเรียกว่าเป็นธรรม อันนี้เป็นอาการของจิต เหมือนตะเกียงเจ้าพายุหรือหลอดไฟแสดงออกมา ออกมาจากหลอดไฟมาจ้าอยู่นี้

         ผู้กำกับ ข้อ ๔.เมื่อไม่มีร่างกายเหลือแต่เพียงแสงสว่างจ้าล้วนๆ จะทำอย่างไรจึงจะกลับมาเป็นคนปกติได้ครับ

        หลวงตา ขี้เกียจตอบ มันเป็นอะไรมันก็เป็นของมันอยู่นั้น เราก็เป็นนักรู้ รู้กันอยู่รอบตัวๆ มันเปลี่ยนไปยังไงอาการของจิตทั้งนั้น อาการของจิต ของธรรม อาการของกิเลสแทรกกันไป พิจารณาไป เลือกเฟ้นไปในนั้น เรียกว่าภาวนา คือการอบรมตัวให้เฉลียวฉลาดทันกลมายาของกิเลส

        ผู้กำกับ ข้อ ๕ เมื่อรู้สึกตัวว่ามีร่างกาย ทำไมร่างกายถึงเย็นมาก ขยับตัวไม่ได้ลมหายใจก็ไม่มี ต้องรอสักพักให้ร่างกายอุ่นขึ้นๆ และลมหายใจชัดขึ้นๆ จนกลับเป็นปกติจึงสามารถลุกขึ้นได้ครับ

         หลวงตา อันนี้เราก็ขี้เกียจตอบนะ ฟังซิเรานั่งภาวนา ฟาดนั่งตลอดรุ่งเป็นคืนแรกไม่รู้สึกตัวตอนที่มันฟัดกันเสียจนว่าแหลกหมด จนกระทั่งมันหายเจ็บ หายปวดเหมือนปรกตินะ แต่ความจริงมันตายหมดแล้วเหล่านี้ พอถึงเวลาลุก ลุกก็ล้มตูมเลย แขนไหนขาใดเป็นอย่างนั้นไม่กระดุกกระดิก ตายไปหมด อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ ๆ แน่ะ มันก็เป็นแบบเดียวกันช่างหัวมันซิ เป็นอะไรก็รู้กันอยู่แล้วนี่ ล้มขนาดนั้นลุกไม่ได้นะ มีแต่มือ ทางนี้มันตายหมดแล้ว วันหลังก็เป็นครูละที่นี่ พอวันไหนถ้าภาวนาหักโหมมากๆ มันหนัก แล้ววันนั้นต้องเตรียมท่า เวลาจะออกนี้ต้องจับขาดึงออก ขัดสมาธิอยู่นี่ จับขานี้ดึงออก มันตายหมดแล้ว จับขานี้ดึงออกวางไว้เสียก่อน จนกระทั่งเลือดลมค่อยเดินเป็นปรกติแล้วกระดิกนิ้วเท้าดูกระดิกได้ ลุกได้นะ ถ้ากระดิกไม่ได้อย่าลุก คู้ลองดูเหยียดลองดูได้แล้วลุกได้ ถ้ามันไม่ทำตามแล้วอย่าลุก ลุกล้มเลย นี่ก็ทำมาเสียพอแล้ว เข้าใจ เหล่านี้มันก็เพียง โอ๊ย ขี้ประติ๋วเท่านั้นแหละ

ผู้กำกับ อันนี้เกี่ยวกับ หลวงตากับคุณทองก้อน ข้อ ๑ ขณะนี้คุณทองก้อนถูกคุกคามว่าจะเอาชีวิต ทางโทรศัพท์มือถือ พวกก่อกวนโทรคุกคามใช้คำหยาบ ท้าทายคุณทองก้อนมาตั้งแต่วันที่ ๓๐ เนื่องจากวันที่ ๓๐ มีประชุมมหาเถรสมาคม ที่พุทธมณฑล พวกก่อกวนที่เคยตีหัวคุณทองก้อน เห็นว่าคุณทองก้อนกับคณะศิษย์หลวงตา ไม่ไปที่พุทธมณฑล วันที่ ๓๐ ซึ่งมีการประชุมมหาเถรสมาคม พวกก่อกวนคอยหาเรื่องทำร้ายก่อกวนอยู่แล้ว พอเห็นคุณทองก้อนไม่ไปที่พุทธมณฑล จึงมีความแค้น พยายามโทรมาก่อกวน ท้าทายคุณทองก้อนว่า ถ้าแน่จริงให้มาที่พุทธมณฑล ดูดวงคุณทองก้อนแล้วว่าใกล้ตาย ขณะนี้คุณทองก้อนต้องปิดมือถือ เพราะพวกก่อกวนถึงขนาดจะขู่เอาชีวิต โทรมาก่อกวนได้ทั้งวัน

หลวงตา เราก็ได้เรียนพี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว ว่าคุณทองก้อนคือหัวใจของชาติ ของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ ตัดคอรองเพื่อทั้งสามนี้ละ พุทธศาสนา ชาติไทย พระมหากษัตริย์ คุณทองก้อนตัดคอรองไว้หมดเลย ทำหน้าที่ทางฝ่ายฆราวาสก็ทำหน้าที่แทนเรา ทางอันนี้ก็คือเรา เรากับคุณทองก้อนมีน้ำหนักพอๆ กันแหละ อันนี้เป็นเรื่องความสกปรก พวกเลวร้าย พวกไม่มีชิ้นดี พวกหมดค่าหมดราคาในความดีทั้งหลาย มีแต่ความชั่วเต็มตัว แสดงออกมาแง่ใดมุมใดมีแต่เป็นภัยๆ แก่ตัวเองและผู้อื่นทั้งนั้นๆ ให้กรุณาทราบเอาไว้

ให้เห็นคุณค่าของคุณทองก้อนนะ คุณทองก้อนเป็นคนสำคัญคนหนึ่งทีเดียว ควรจะมีประวัติศาสตร์คุณทองก้อน เป็นหัวใจรองเลย พอบอกว่าเอานะ เอาเลยๆ ไม่มีถอย นี่อยู่ข้างหลังไสตลอด ให้ท่านทั้งหลายทราบเอาไว้ นี่คือมหาภัยอยู่รอบด้าน กำลังจะทำลายทั้งชาติ ทั้งศาสนา ทั้งพระมหากษัตริย์ เวลานี้คือพวกมหาภัย นี่เราเคยเทียบแล้วว่าพวกนี้คือพวกกาฝาก กาฝากเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งมันไปติดอยู่กับกิ่งไม้ เขาเรียกกาฝาก กาฝากนี้ไม่มีบุญไม่มีคุณอะไรกับต้นไม้ แต่เป็นภัยของต้นไม้ต้นที่มันไปเกาะอาศัยกินอยู่นั้นล้วนๆ นี่เรียกว่ามหาภัย คุณของมันไม่มี มีแต่การทำลายอย่างเดียว พวกนี้พวกกาฝากมหาภัยของชาติ ของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ ไปที่ไหนเป็นภัยทั้งนั้น ถ้ามันมีมากขึ้นชาติอาจสิ้น ศาสนาอาจสิ้น มหากษัตริย์อาจสิ้นได้ ถ้ามันมีมากขึ้นโดยลำดับ ให้พากันเข้าใจเอานะ

อย่าทำความนอนใจกับมัน พวกนี้เป็นพวกมหาภัยของชาติ ของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ ไม่มีคุณติดตัวมันเลย มีแต่โทษล้วนๆ ภัยล้วนๆ เต็มชาติ เต็มศาสนา เต็มพระมหากษัตริย์ ให้จำเอาไว้ ให้ต่างคนต่างระมัดระวังรักษาเสมอ ปิดป้องตลอดเวลา นักต่อสู้เหมือนนักมวย ต่อยมาต่อยไปสวนกันไปเลย นี่คือมหาภัยให้จำเอาไว้ มันจะมีทุกแบบๆ เวลานี้ยิ่งหนาแน่นขึ้น ถ้าพี่น้องชาวไทยตายใจนี้จมได้จริงๆ พวกนี้ไม่มีคุณมีแต่โทษแทรกอยู่ทุกแง่ทุกมุม มีแต่พวกมหาภัยนี้ทั้งนั้น พากันเข้าใจเอานะ

คุณทองก้อนเราเรียกมหาคุณต่อชาติ ต่อศาสนา พระมหากษัตริย์ ว่าอะไรก็ว่าไป เราเป็นแต่เพียงว่าคอยแนะในทางที่ถูกที่ดี ทางผิดเขาผิดเราก็ดูอยู่แล้ว ดูไม่ได้เลย เราอย่าผิดก็แล้วกัน เท่านั้นเอง มีอะไรอีกล่ะ

ผู้กำกับ ข้อสองครับ ลูกศิษย์ของน้อมกราบสาธุในเมตตาคุณขององค์หลวงตา ที่เปิดกรรมฐาน ธรรมะป่า ภาษาธรรม เมื่อคืนนี้เทศน์อบรมพระในวันเข้าพรรษา ให้ออกทางอินเตอร์เน็ตไปทั่วโลก ถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง และถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุที่สวนแสงธรรม กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เขตที่รับไม่ค่อยชัด รับไม่ได้ ก็รับได้ ฟังได้ ทางวัดหลวงปู่เจี๊ยะรายงานมารับฟังได้ชัดเจนดี ทางจังหวัดนครปฐมฟังได้ ทั้งถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุอุดร สอดคล้องรับกับเหตุการณ์ทำลายชาติ ทำลายศาสนาขณะนี้ เทศน์อบรมพระสงฆ์และย้อนมาเป็นคติให้กับฆราวาส จึงข้อน้อมกราบบูชาพระธรรมเทศนาของหลวงตาไว้เหนือเศียรเกล้า พร้อมทั้งรับมาปฏิบัติดัดแปลงกาย วาจา ใจ ตามคำสอนของหลวงตา จบครับ

         หลวงตา เข้าใจกันแล้วนะ เทศน์แล้วเมื่อคืน โอ้ ออกตั้งแต่เมื่อคืนนี้นะ ออกทั่วประเทศเลย คงจะออกทั่วโลกมั้ง (ทั่วโลกด้วยครับ) เออ ดี ให้ได้ฟังเสียบ้างเสียงอรรถเสียงธรรม ถอดออกมาจากหัวใจมาเทศนาว่าการ กระเทือนทั่วประเทศไทย ฟังเอานะศาสนาของพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหน ความเลวที่พูดตะกี้นี้เป็นยังไงดูเอา คอยทำลายของดี คนชั่วสั่งสมตั้งแต่ความชั่วทั้งนั้น คนดีให้สั่งสมความดีตลอดไปนะ หมดแล้วเหรอ (หมดแล้วครับ) เป็นคติได้ดี เมื่อคืนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเทศน์ตั้งชั่วโมง ๑๑ นาที นอกจากนั้นก็ออกลวดลายทุกแบบ เหยียดแข้งเหยียดขา ใครจะดูก็ดูวันนั้นแสดงฤทธิ์เต็มฤทธิ์เลย ฤทธิ์อะไรก็ไม่รู้ดูเอาก็แล้วกัน มันจะตายก็เหยียดออกทุกอย่าง ก็มีเมื่อคืนนี้ละที่ตั้งใจเทศน์จริงๆ เพราะการเทศน์สอนพระนานๆ มีที รู้สึกจะเป็นปีละครั้ง เข้าพรรษาปีกลายก็เทศน์เสียหนหนึ่ง ปีนี้ก็เทศน์หนหนึ่ง แต่ปีนี้รู้สึกจะกว้างขวางมากกว่าปีที่แล้วๆ มา

(ลูกศิษย์ถวายปัจจัย) เหล่านี้ออกช่วยโลกทั้งนั้นนะ ที่ได้มาทั้งหมดนี้ออกทั่วโลกๆ กรุณาทราบนะ ปัจจัยพี่น้องทั้งหลายถวายมานี้ ออกเจือจุนทั่วโลกไปเลย โลกเมืองไทยเราตลอดมาอย่างนี้ ไม่มี สำหรับหลวงตาบอกไม่มี บอกตรงๆ พอทุกอย่างแล้วไม่เอาอะไรทั้งนั้น มีแต่ช่วยโลกๆ โดยถ่ายเดียว พอถึงเวลาก็ดีดผึงเลย พูดให้มันชัดเจนอย่างนี้ เราไม่ได้ตายยาก บอกตรงๆ ตายง่ายทีเดียว สมเหตุสมผลกับเราเทศน์สอนโลกมานาน ออกมาจากหัวใจ เวลาตายแล้ว ลมหายใจอันนี้อยู่กับใจ จะออกแบบไหนมันรู้อยู่แล้ว นี่เรียกว่าผลแห่งการปฏิบัติธรรม จะไม่มีอะไรสงสัยตัวเองเลย ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น เมื่อเต็มหัวใจแล้วหายสงสัยหมดในสามแดนโลกธาตุ แม้ที่สุดธาตุขันธ์ของตัวเป็นยังไงๆ ก็รู้กันหมด เพราะฉะนั้นความดีใจเสียใจจึงไม่มีกับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เพราะเรียนจบหมดแล้ว มีอยู่ก็ทำประโยชน์ให้โลกไปอย่างนั้น

(ขอประทานอภัยที่ว่ายากง่ายลูกศิษย์ไม่ติดใจ แต่ขอเสียกัปหนึ่งก่อนครับ) ยากง่ายอะไร (ก็ที่หลวงตาเทศน์เมื่อกี้ว่าการตายสำหรับหลวงตาง่ายมาก ลูกศิษย์ไม่ว่าอะไร แต่ขอสักหนึ่งกัปก่อน) ถ้ามันได้ ๕ กัปก็เอาเลยนะ เราให้หมดเลย (สาธุ) แต่ให้คำนึงถึงลมหายใจนะ ลมหายใจมันจะได้กี่กัปก็แล้วแต่ เราดูเท่านั้นเองไม่ดูอะไร นี่ละผลแห่งการปฏิบัติขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ผลแห่งการปฏิบัติตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน ความทุกข์ความลำบากแสนสาหัส นี่คือการฟัดกับกิเลสทุกข์ขนาดนั้น ทุกข์เพื่อความสุขไม่เป็นไร เอาจนกระทั่งที่ว่าถึงเวลาแล้วลุก ล้มทั้งหงายเลย ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น ฟังซิน่ะทุกข์ไหม มันตายหมดแล้วมันไม่เจ็บไม่ปวด คือตายหมดแล้ว ทีนี้เวลาเราจะลุกก็ลุกขึ้นเลยนึกว่าไม่มีอะไร ที่ไหนได้พอลุกแล้วล้มตูมเลย ล้มแล้วก็ล้มอยู่ท่านั้น อ้าวทำไมเป็นอย่างนี้ ขาเป็นขา แข้งเป็นแข้ง อะไรเป็นอย่างนั้นอยู่งั้น มันตายหมดแล้ว ดีตั้งแต่ท่อนบนขึ้นมา อันล่างนี้ตายหมด เวลานั้นไม่แสดงความเจ็บปวด มันตายหมดแล้ว ทีนี้เวลาเราจะลุก พอลุกนี้ล้มตูมเลย ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ตายหมด นี่เวลาทุกข์ ทุกข์อย่างนี้แหละ

เวลาเราประกอบความเพียรบางที ต้องขออภัยนะ บางวันมันฟัดกันเสียจนหนักยังลงไม่ได้เลย สติปัญญาฟัดกับกิเลสที่มันกวนที่สุด จะเอาจิตให้ลงมันลงไม่ได้ ฟัดกับกิเลส อยู่ในป่ามันมีทางหนึ่งไปนี้ ทางบ้านนี้ไปบ้านโน้น เราอยู่ในป่า ก็วัดบ้านนามน ทางมันไปข้างๆ นั้น กลางคืนดึกๆ แต่เราไม่มีนาฬิกา มันคงประมาณหกทุ่มหรือตีหนึ่งแหละ เขามาเขาก็ร้องเพลงมานี้ เพราะกลางคืนสงัดๆ นะเขาร้องเพลงมา เรากำลังฟัดกับกิเลสด้วยความทุกข์ของเราเต็มเหนี่ยว เขาร้องเพลงมานี้ ทางนี้มันแย็บขึ้นมา โอ๊ย เขายังมีความสนุกสนานขับลำทำเพลงไปอย่างสบายๆ ไม่เหมือนเราที่กำลังตกนรกทั้งเป็นอยู่เวลานี้ มันขึ้นนะ นี่กิเลสมันกล่อมใจให้เราอ่อนเปียก เข้าใจไหม กิเลสเกิดขึ้นอย่างนี้แหละ ไม่เหมือนเราที่ตกนรกทั้งเป็นอยู่เวลานี้ หาความสุขไม่ได้เลย

พอทางนี้จบลงปั๊บ ทางนี้ขึ้นรับกัน อันรื่นเริงบันเทิงแบบนี้เราเคยเป็นมาแล้ว ทุกข์แบบนี้เราเคยเป็นมาแล้ว นี่เราจะถอนตัวของเราด้วยความพากเพียรเพื่อความพ้นทุกข์ ยังจะอยากตกนรกกับเขาอยู่เหรอ นั่นเห็นไหม พลิกปั๊บเลยทันที อย่างนี้ก็มี คือมันลงยังไม่ได้ เขาร้องเพลงผ่านไปนี้มันเอามาวิตก เขายังมีความรื่นเริงบันเทิง ไม่เหมือนเราที่กำลังตกนรกทั้งเป็นอยู่เวลานี้ มันมาหลอกเรา ทางนี้ก็พลิกปุ๊บเลยแก้ไปได้เลย คราวหลังนี้เป็นธรรมเกิด เข้าใจไหม เป็นอย่างนี้ เราเป็นทุกข์ทรมาน ทีนี้สรุปลงมาทั้งหมดๆ นะ ลงมาในจุดนี้แล้วหมดทุกอย่างเลย ผลแห่งการปฏิบัติที่ได้รับมา ลำบากลำบน เป็นผลแห่งความดีหนุนขึ้นมาทั้งนั้นๆ จนกระทั่งถึงวาระนี้หมดโดยประการทั้งปวง ในแดนสมมุติทั้งสามโลกธาตุไม่มีอะไรมาติดใจเลย มีแต่ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ เท่านั้นเต็มหัวใจ กาลสมัยไม่มี คำว่าแปรสภาพ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไม่มีเพราะอันนี้พ้นแดนสมมุติแล้ว มีแต่ลมหายใจที่หายใจฝอดๆ ก็ทำประโยชน์ให้โลกไปเท่านั้นเอง พอถึงเวลาแล้วก็ดีดพับไปเลยอย่างง่ายดาย ไม่ยาก นี่ผลแห่งการปฏิบัติธรรม เห็นประจักษ์อยู่ในใจ

พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอก ฟังให้ดีนะ สอนเอกตลอดเวลา เป็นปัจจุบัน พระพุทธเจ้าประทับอยู่ตรงหัวใจตลอดเวลาเลย อันนี้กับพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอันเดียวกันแล้ว จึงไม่มีอดีตอนาคต นี่ละผลแห่งการปฏิบัติ ทุกข์ยากลำบาก เอา ทุกข์ไป เราทุกข์เพื่อความสุขจะเป็นอะไร ทุกข์เพื่อทุกข์นี้มีมากต่อมาก ทุกข์เพื่อทุกข์เพื่อมหันตทุกข์เพราะวิ่งตามกิเลส มีมากต่อมาก ทุกข์เพื่อสุขเพราะฟัดกับกิเลสของตัวให้รอดนี้มีน้อยมาก จำเอานะ ให้เอาไปเป็นคติเครื่องเตือนใจตัวเอง นี่ละผลที่ส่งให้ก็อย่างนี้ ที่ทุกข์แสนสาหัสๆ เราก็บอกแล้วเป็นเวลา ๙ ปีเต็มที่ทุกข์ตลอดเลยไม่มีความสุข แต่เวลาได้ผลขึ้นมาก็อย่างนี้ อย่างที่ว่านี่ เลยกัปเลยกัลป์ ท่านว่านิพพานเที่ยง ดูตัวนี้รู้ทันที เป็นอันเดียวกัน หมด เพราะฉะนั้นจึงว่าทูลถามพระพุทธเจ้าหาอะไร เท่านั้น

จ่อลงไปปั๊บนี้ นี่คือน้ำมหาสมุทร จ่อตรงไหนก็มหาสมุทร จ่อไปหาอะไรก็น้ำมหาสมุทร จ่อปั๊บลงนี้ถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เลย หาพระพุทธเจ้าหาอะไร คำนี้เป็นคำวัดรอยหรือ ไม่ได้วัดรอย เอาความจริงมาพูด ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต แน่ะ มันก็อันเดียวกันแล้ว ไปหาอะไรอีก นี่ผลแห่งการปฏิบัติ ทุกข์ยากลำบาก เอ้าทนเอานะ อย่าไปถอยหลัง ถ้าถอยแล้วตายเลย อย่างที่เขามาร้องเพลงกล่อมใจเรานั่น เขาจะให้เราเคลิ้มหลับไปอ่อนใจไป พลิกปุ๊บทีเดียวแก้ไปได้เลย เอาละมีเท่านั้นละ

ผู้ว่าฯ ลูกสาวมาด้วย เรียนอยู่ที่อังกฤษเพิ่งกลับมาทำวิทยานิพนธ์แล้วจะกลับไป

หลวงตา เราเป็นลูกศิษย์พระ เป็นลูกของพ่อของแม่นี้เราต้องปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี โครงการเพื่อการศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติตัวให้ดี ไอ้โกโรโกโสไม่ใช่โครงการ อย่าเอาเข้ามายุ่ง โครงการเราที่ตั้งไว้แล้วเป็นยังไง พ่อแม่เสียสละสักเท่าไร ตั้งแต่วันเกิดมาหมดไปเท่าไรเพราะเราคนหนึ่งๆ ลูกแต่ละคนๆ เสียสละชีวิตจิตใจพ่อแม่เสียสละให้ได้เลย เราเป็นแต่เพียงรับมรดกจากพ่อแม่ไปศึกษาเล่าเรียน ให้เห็นคุณค่าของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา เวลาเลี้ยงดูแล้วยังส่งยังเสียเลี้ยงไปตลอดจนจะเป็นจะตายคือพ่อกับแม่ เข้าใจไหม ไม่มีใครมารับรองเรา มีแต่พ่อกับแม่ของเรา ให้เห็นคุณค่าของพ่อแม่ แล้วนำความคิดความเห็นของท่านที่บ่งบอกเราไปยังไงให้ไปปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัด ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดี อย่าไปโกโรโกโส เพื่อนฝูงมีเยอะนะที่เลวๆ อย่าไปติดพันกับเขาด้วยความสนิทติดจม เราจะจมไปด้วย เข้าใจ ใครมีลูกทุกคนฟังเอา ให้พร

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก