ใครจะแหลมคมยิ่งกว่าพระป่าเรื่องธรรมเรื่องวินัย (กัณฑ์นี้หลวงตาเน้นสำคัญ)
วันที่ 28 กรกฎาคม. 2547 เวลา 19:00 น.
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม

เมื่อค่ำวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ใครจะแหลมคมยิ่งกว่าพระป่าเรื่องธรรมเรื่องวินัย

 

สมุทัยแดนเกิดแห่งทุกข์ บ่อผลิตทุกข์ ตัวนี้เป็นตัวเหตุ ทุกข์จึงเกิดขึ้น ตัวนี้ไม่ผลิตทุกข์ขึ้นมาทุกข์ก็ไม่เกิด นั่นหลักธรรม มรรค-นิโรธก็เหมือนกัน นิโรธความดับทุกข์เพราะอำนาจของมรรคเป็นผู้ดับ มรรคเครื่องดับเหมือนน้ำดับไฟ พอดับลงไปๆ ไฟดับลงก็เป็นนิโรธขึ้นมา ถ้าไม่มีน้ำดับไฟก็เป็นเถ้าเป็นถ่านไปหมด นั่นแหละธรรมท่านมีเหตุมีผลอย่างนี้

เราดูแล้วเราดูจริงๆ เราไม่ได้ดูเพื่อดูถูกเหยียดหยาม ดูด้วยความเมตตาสงสาร แนะนำสั่งสอนดังที่สอนอยู่เวลานี้ มันแทบดูไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราก็เป็นชาวพุทธ ลูกศิษย์มีครูมีอาจารย์มามันยังขวางอยู่จนได้ ขวางจนได้ตามส่วนที่มันขวางนั่นแหละ พวกที่ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติอรรถธรรมอะไรเลยยิ่งแล้วเลย เป็นซุงทั้งท่อนๆ คนก็ท่อนคนท่อนซุงนั่นแหละ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีสาระอะไรสำหรับตัวเอง เกิดขึ้นมาเต็มโลกเต็มสงสารก็แบบขอนซุงทั้งนั้น หาความสุขจากที่ไหนไม่มี เกลื่อนแต่ขอนซุง  ขอนซุงกับกองทุกข์มันอยู่ด้วยกัน เพราะขอนซุงนี้มีหัวใจครองอยู่ในนั้น แล้วมันสร้างตั้งแต่ความไม่ดีทั้งหลายเผาตัวเอง เผาขอนซุง เผาหัวใจที่อยู่ในขอนซุงตัวเองทั่วโลกดินแดน

ที่ว่าเอามาอวดธรรมนั้นมันจึงดูไม่ได้ ดังที่กำลังเป็นบ้ากันอยู่เวลานี้ พระเราเสียด้วยนะเป็นบ้าไม่ใช่ธรรมดา พูดให้ชัดเจนตามอรรถตามธรรมซึ่งมีกฎมีเกณฑ์  มีแบบมีฉบับ  พูดจึงไม่สะทกสะท้านว่าจะผิดไป เพราะแบบฉบับเป็นความถูกต้องดีงาม สิ่งที่แสดงอยู่เวลานี้มีตั้งแต่สิ่งที่เป็นกาฝาก เป็นมหาภัย กาฝากมันไม่มีประโยชน์อะไรแต่เป็นมหาภัยต่อต้นไม้ได้ ต้นไม้ต้นไหนมีกาฝากมากๆ ต้นไม้ต้นนั้นต้องตาย ไม่เหลือ มันไม่มีคุณอะไร แต่โทษเต็มตัวมันกาฝาก ทำให้ต้นไม้ที่มีคุณค่านั้นตายไปได้

อันนี้สิ่งที่เป็นกาฝากนี้เป็นมหาภัยอยู่ในนั้น มันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ที่พากันดีดกันดิ้น หายศ หาลาภ หาสมบัติเงินทองข้าวของเหมือนโลกเขา มันก็เป็นโลกเขาหมด แล้วพระไปหาอย่างนั้นมันก็เลวกว่าโลกเขาอีก เลวขนาดนั้นมันก็ยังไม่ดู จะให้ว่ายังไง เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป เหยียบหัวธรรมหัววินัย นั่นละคือองค์ศาสดา อยู่ตรงนั้น เหยียบไปต่อหน้าต่อตาแบบหน้าด้านสันดานหยาบที่สุดไปเลย เห็นอยู่อย่างนี้ละ เห็นไหมล่ะ

นี่ละพวกกาฝาก มีมากเท่าไรเป็นมหาภัยขึ้นมา แล้วเหยียบย่ำทำลายสิ่งที่มีคุณค่าคือศาสนาและคนทั้งชาติให้ฉิบหายวายปวงไปตามกาฝากที่เป็นมหาภัยนี้แล จะสงสัยไปที่ตรงไหน อย่าพากันส่งเสริมนะพวกกาฝากนี่ มันกำลังกัดเข้ามาๆ กัดศาสนานี้ก่อนอื่น เวลานี้กำลัง ศาสนาซึ่งเป็นสถานที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกมานานแสนนาน เฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนาของเรา ตั้งแต่เริ่มต้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ให้ความรู้ความฉลาด ให้อรรถให้ธรรมเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่โลกเรื่อยมา นับแต่เทวดา อินทร์ พรหมลงมาถึงมนุษย์ ได้รับประโยชน์จากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ท่านสอนมาด้วยความถูกต้อง

แล้วเวลานี้กาฝากกำลังเข้าเหยียบย่ำทำลายศาสนธรรมที่สอนไว้โดยถูกต้องนี้  ให้กลายเป็นของปลอม เอามูตรเอาคูถขึ้นมา เทียบกับว่ากาฝากเป็นมหาภัยขึ้นมาเหยียบย่ำทำลายของจริง คือธรรมคือวินัยให้แหลกเหลวไปหมดเวลานี้ ทำอย่างหน้าด้านเสียด้วย พิจารณาเอาซิ โฆษณาว่าการไปที่ไหนเป็นบ้ากันไปหมดเวลานี้ กำลังโลกเป็นบ้าด้วยความโลภ ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ร่ำแก่รวย เห็นแก่ยศแก่ลาภ เห็นแก่อำนาจบาตรหลวง เหล่านี้มันเป็นโลกทั้งนั้น ถ้าโลกเขาก็เป็นอันหนึ่ง ถ้าเป็นธรรมแล้วร้ายแรงยิ่งกว่าโลก แล้วพระเอามาปฏิบัติเอามาทำนี้มันก็เหยียบย่ำทำลายวงศาสนา ประชาชนให้แหลกเหลวไปหมด จะให้เขาปลงใจลงได้ที่ไหน

นี่ละหลักธรรมท่านทั้งหลายฟังเอานะ เราตายแล้วหลักธรรมก็เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้านิพพานแล้วหลักธรรมก็เป็นอย่างนี้  เป็นความจริงอย่างนี้ ใครผิดก็ผิดตลอดมาอย่างนี้ มันอายเมื่อไร เวลานี้ระบาดสาดกระจายไปทั่วประเทศไทยเราแล้ว ล้วนแล้วตั้งแต่กาฝากที่จะกัดศาสนากัดชาติให้แหลกเหลวไปตามๆ กันหมด พวกนี้หน้าด้านที่สุด พระเราไปเป็นอย่างนั้นแล้ว แหม ดูไม่ได้เลย ดิ้นหาอะไร ท่านสอนแล้วว่าบวชมาหาธรรม ตั้งแต่เบื้องต้นที่บวชก็สอนชัดเจนแล้วนี่ องค์ไหนที่จะไม่ได้รับคำสอนเพื่อเป็นงานของพระรื้อถอนความทุกข์ทั้งหลายออกจากใจ ไม่มีแม้แต่องค์เดียว

พอบวชเข้ามาเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ นี้แลเป็นเชื้ออันสำคัญที่จะให้สัตว์โลกทั้งหลายหลงและยึดถือมันจนลืมเนื้อลืมตัว ลาภ ยศ สรรเสริญ ทุกอย่างมันจะเอานี้เป็นตัวเหตุๆ อะไรก็อยากได้ อยากร่ำอยากรวย อยากมั่งอยากมี อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ อยากมีอำนาจบาตรหลวงขึ้นมาเพราะยึดถือตัวนี้เอง ตัวนี้มันพาเลวมันก็เลวไปหมดละซิ นี่พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนี้ พอบวชแล้วก็บอกงานทำของพระ บอกชัดๆ อย่างนี้จะให้ว่าไง

เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โลกติดอันนี้นะ ไม่ได้ติดอะไรว่างั้นเลย หนังก็ผิวบางๆ ดูกันเห็นอยู่นี่น่ะ เวลานี้เอาผิวหนังบางๆ นี่ละมาฉาบทาเอาไว้ แล้วก็เอาเสื้อเอาผ้าประดับประดาตกแต่งกลายเป็นเทวดาขึ้นมา ในสายตาของกิเลสเห็นเป็นเทวดากันทั้งหมด แต่ในสายตาของธรรมดูไม่ได้ ดูตามหลักความเป็นจริงดูได้ตลอด ท่านดูตามหลักความเป็นจริง ท่านไม่ได้ดูเพื่อดูถูกเหยียดหยาม ท่านดูได้หมดทั้งดีทั้งชั่ว ท่านก็สอนให้พิจารณานี้ ให้คลี่คลายนี้ให้ดี ท่านสอนให้ละให้ถอนเพื่อจะได้ละถอนสิ่งทั้งหลายซึ่งเป็นมหาภัยอย่างใหญ่หลวง ซึ่งจะตามมากับกรรมฐานห้า

กรรมฐานแปลว่าอะไร ที่ตั้งแห่งงานของพระ แปลออก ท่านสอนให้พิจารณา ออกจากนั้นแล้วพอสอนงานให้เรียบร้อยก็สอนสถานที่ทำงาน รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย ท่านทั้งหลายอุปสมบทแล้วให้ไปอยู่ตามรุกขมูล ร่มไม้ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา หรือป่าช้าป่ารกชัฏ ที่ไหนก็ตามซึ่งเป็นสถานที่สะดวกสบายในการบำเพ็ญประโยชน์ เอางานเกสา โลมานี้ไปทำงานที่นั่น สถานที่นั่นเหมาะสมแล้วกับงานประเภทนี้ ให้อยู่อย่างนี้ แล้วอุตส่าห์พยายามอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิตเถิด

นี่ได้รับมาทุกองค์ๆ เห็นไหมเวลานี้มันเหยียบแหลกหมดแล้ว กรรมฐานเรานี้มีไหม ป่ามีไหม ดีไม่ดีพระที่อยู่ในป่าตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ประกาศสอนไว้อย่างนี้แล้ว มันก็หาว่าพระนี่วิกลวิการจริตไปหมด แล้วกระเทือนถึงพระพุทธเจ้า เหยียบหัวพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าวิกลวิการ ศาสนาพุทธวิกลวิการ พระสงฆ์สาวกด้วยกันทั้งหมด พระป่าวิกลวิการมาด้วยกันทั้งหมด ตัวมันเป็นอะไรถ้าไม่เลยบ้าไปแล้วนั่น มันจึงมาพูดอย่างนี้ได้ลงคอ โลกเขากราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มาตลอด มันทำไมจึงมากล้าเหยียบย่ำทำลายลงได้อย่างนี้ อย่างแบบหน้าด้าน

ออกทางทีวีเสียด้วยนะ ให้โลกได้เห็นความหยาบโลนของตัวเอง ว่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าขนาดไหน พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ แล้วมันก็มาตำหนิติเตียน ก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้าลงในเวลานั้น เป็นยังไงท่านทั้งหลายฟังซิ นี่ละเอาธรรมออกมากางกันซิ มันเป็นยังไงพระพุทธเจ้าวิกลยังไง พระพุทธเจ้าสอนว่าบำเพ็ญอยู่ที่ไหนพระพุทธเจ้าน่ะ เสด็จออกทรงผนวช มันเกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่เคยได้ออกไปในป่าในเขา มันก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้าได้อย่างหน้าด้านน่ะซิ ผู้ที่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่เหยียบ ไม่พูดอย่างนี้ได้เลย

นี่มันก็เหยียบได้ มันหนาขนาดไหนพระองค์นี้ คนคนนี้เลวขนาดไหน ฟังเอาซิ มันเรียนมาจากคัมภีร์ไหนถ้าไม่จากคัมภีร์พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนให้ว่าอย่างนี้เหรอ  สอนให้ไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า เหยียบพระสงฆ์สาวกทั้งหลายอย่างนี้เหรอ ไม่มี มันเหยียบเองด้วยสันดานหยาบของมันคนประเภทนี้ พระประเภทนี้น่ะ เลวไหมพิจารณาซิ นี่พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ แล้วก็ให้ไปบำเพ็ญในป่า และอุตส่าห์พยายามบำเพ็ญอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิตเถิดเสียด้วยนะ ในป่านี่ส่งเสริมมากทีเดียว บวชแล้วก็ไล่เข้าป่าเลยเชียว แล้วส่งเสริมให้อยู่ที่นั่นตลอดชีวิต

ส่วนแดนบ้าน วัดบ้าน พระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริมที่ไหน ไม่เคยมีเราก็บอกว่าไม่มี แต่ว่าเมื่อมันมีในครั้งพุทธกาลนิสัยของคนมันต่างกัน ซึ่งไม่ขัดต่อพระวินัยหรือไม่ขัดต่อธรรมที่เป็นส่วนใหญ่ส่วนกระเทือนมาก ท่านก็อนุโลมให้อยู่ในบ้าน คำว่า อรัญวาสี คามวาสี ผู้อยู่ในบ้านเป็นปรกติ ผู้อยู่ในป่าเป็นปรกติ คำว่าอรัญวาสีท่านกำหนดให้ความสั้นยาวของสถานที่อยู่นั้นหนึ่งกิโลขึ้นไป เรียกว่าอรัญวาสี เรียกว่าวัดป่า  สั้นกว่านั้นออกมาเรียกว่าวัดบ้าน คามวาสี สั้นออกมาเท่าไรๆ อยู่ในกลางบ้าน ท่านก็เรียกคามวาสี นอกจากแดนบ้านไปแต่ไม่ถึง ๒๕ เส้น ท่านก็เรียกแดนบ้าน คามวาสีด้วยกัน

ผู้ที่อยู่ในป่าตั้งแต่ ๑ กิโลไปท่านเรียกว่าอยู่ในป่า พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ชัดเจน สอนในอนุศาสน์เสียด้วยนะให้อยู่ในป่าในเขา เห็นไหมมันเหยียบขนาดไหนเวลานี้ มันหนาขนาดไหนพระหัวโล้นๆ เรานี่น่ะ มันเก่งขนาดไหน เหยียบย่ำไปได้หมด  นี่พระพุทธเจ้าสอน มันเหยียบพระพุทธเจ้าลงต่อหน้าต่อตา ด้านหรือไม่ด้านฟังเอาซิพี่น้องทั้งหลาย เอาธรรมมาสอนผิดไปตรงไหน นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า นั่นเป็นความหน้าด้านของกิเลสต่างหาก ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย นี่คือธรรม นี้คือวินัยที่สอนเวลานี้ ต่างกันยังไงบ้างเอามาพิจารณาซิ ใครหยาบ ใครละเอียด ใครถูก ใครผิด เอาไปเทียบเอา ความเป็นอยู่ของพวกที่ตำหนิติเตียน เหยียบหัวพระพุทธเจ้าผิดหรือถูก

พระพุทธเจ้าสอนสัตว์โลกทั้งหลาย เฉพาะอย่างยิ่งพระให้อยู่ในป่าในเขาผิดหรือถูก ท่านดำเนินมาจนได้เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของโลกเรื่อยมา พระสงฆ์เหล่านั้นปฏิบัติแทบทั้งนั้นอยู่ในป่า เรียกว่าแทบทั้งนั้น พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกบำเพ็ญอยู่ในป่า ตรัสรู้อยู่ในป่า บรรดาพระสงฆ์สาวกมีเบญจวัคคีย์ทั้งห้าก็อยู่ในป่า บำเพ็ญอยู่ในป่า จากนั้นก็สอนพระให้อยู่ในป่าเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ การอยู่ในป่าท่านจึงนิยมมาตลอด สำหรับอยู่ในบ้านไม่เห็นคัมภีร์ใดที่ท่านยกยอว่าให้พากันอยู่ในแดนบ้านนะ ถ้าว่าอยู่ในแดนบ้านมันไม่ถนัดก็ให้เข้าไปอยู่ในตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวชุมๆ นั้น ไปบำเพ็ญภาวนาอยู่เฝ้ากระดูกหมูกระดูกวัว เวลาได้ตรัสรู้แล้วเอามาแข่งศาสดาบ้างนะ นี่พระพุทธเจ้าก็ไม่ว่า ไม่ห้าม

อยู่ในบ้านก็ไม่ทรงห้าม แต่ไม่ส่งเสริม ไม่ส่งเสริมก็บอกไม่ส่งเสริม เหมือนอยู่ในป่า อยู่ในป่านี้ส่งเสริมทีเดียว อุตส่าห์พยายามอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิตเถิด อยู่ในบ้านท่านไม่ได้บอกว่าให้อยู่ในสถานที่กระดูกหมูกระดูกวัวชุมๆ ตลอดชีวิตเถิด ท่านไม่ได้ว่านี่นะ มันหน้าด้านมันก็ไป ออกจากนั้นมันก็กลับมาเหยียบพระพุทธเจ้า ซึ่งอยู่ในป่านี่ มันเป็นยังไงเวลานี้มันเลวไหม บวชเข้ามาแล้วท่านให้เสียสละหมด การบวชคือการงดเว้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นภัยต่ออรรถต่อธรรม ให้สละปล่อยวางหมด ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา รายได้รายรวยอะไร โลกามิสทั้งหมดให้สลัดทิ้งให้หมด นั่นให้มาพิจารณา

แม้ที่สุดอยู่ในร่างกายของตัวเอง ในใจของตัวเองที่เป็นความโลภ ความอยาก ความทะเยอทะยาน ความดีดความดิ้นให้สละมันออก สละมันออก ร่างกายของตัวเองที่ประคับประคองพาเลี้ยงพาดูก็สอนพิจารณาให้ทราบโทษของมัน นี่ท่านสอนว่าอย่างนี้ต่างหากพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้สอนให้มัวเมาเกาหมัดอยู่กับลาภกับยศ บวชมาแล้วให้หาอรรถหาธรรม สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส พระบวชแล้วท่านทรงสอนไว้แล้วนะ สมาธิเมื่อศีลอบรมแล้วย่อมมีผลมาก อานิสงส์มาก แปลตามภาษาปริยัตินะ ถ้าแปลตามภาคปฏิบัติมันแปลได้สองนัย แปลด้วยพยัญชนะก็ได้ แปลโดยอรรถก็ได้ แปลโดยอรรถเอาแต่เนื้อความปึ๋งเลย

สมาธิเมื่อมีศีลอบรมแล้วย่อมมีผลมาก คือศีลเป็นที่อบอุ่น ให้จิตใจไม่วอกแวกคลอนแคลน โดยสำคัญว่าศีลของตนด่างพร้อยหรือขาดทะลุอะไร แล้วเกิดความระแวงแคลงใจเป็นนิวรณ์ ทีนี้ศีลรักษาดีเรียบร้อยแล้วมันก็อบอุ่นแล้วบำเพ็ญสมาธิ จิตก็ไม่วอกแวกคลอนแคลนไปตามอารมณ์ที่เคลือบแคลงสงสัยในศีลของตน แล้วสมาธิก็สงบได้ง่าย ทีนี้สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา  ปัญญาเมื่อมีสมาธิเป็นเครื่องหนุนแล้วย่อมมีความแกล้วกล้าสามารถ หรือเดินได้คล่องตัว แต่ท่านแปลตามปริยัติว่าย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก สมาธิอบรม สมาธิได้แก่จิตใจที่มันอิ่มอารมณ์ อิ่มทางรูป ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรส เครื่องสัมผัสต่างๆ อยากคิดอยากปรุงอย่างนั้นอย่างนี้มันหิวมันโหย พอจิตมีสมาธิแล้วระงับดับอารมณ์เหล่านั้นมา เรียกว่าจิตอิ่มอารมณ์

เมื่อจิตอิ่มอารมณ์แล้วทีนี้ให้ดำเนินทางด้านปัญญา พิจารณาคลี่คลาย เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ เข้าไปภายในภายนอกให้มันแหลกแตกกระจายไปหมด นี้เรียกว่าปัญญา เวลาสมาธิหนุนปัญญา ปัญญาย่อมเดินได้คล่องตัว ท่านชี้อีกว่า ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ จิตเมื่อปัญญาอบรมหรือซักฟอกแล้วย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ นี่ละอนุศาสน์ที่ท่านสอนพระบวชมาทุกองค์ ท่านสรุปในธรรมเหล่านี้ พวกศีล สมาธิ ปัญญา บวชแล้วให้เสาะแสวงหาอย่างนี้ พากันเข้าอกเข้าใจ

นี่ละสอนพระท่านสอนมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ได้สอนว่าบวชมาแล้วให้ไปหาลาภหายศ ให้เป็นสมุห์ ใบฎีกา พระครูพระคัน เจ้าฟ้าเจ้าคุณ สมเด็จสมแดดอะไรไปอย่างนั้น ท่านไม่ได้บอกให้ไปหาอย่างนั้น ท่านให้เสียสละไปหมดสิ่งเหล่านี้ให้หาแต่อรรถแต่ธรรม ศีลสมบัติ สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ วิมุตติสมบัติ นี่พระพุทธเจ้าสอนให้ลงในจุดนี้ ไม่ได้สอนให้ไปเสือกไปหาอย่างนั้นนี่นะ เดี๋ยวนี้มันเสือกไปอย่างนั้นซิ มันไม่ได้หาอรรถหาธรรม มันหาแต่ความสกปรกโสมม เต็มตัวๆ แล้วกระจายไปเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด มันเป็นยังไงพระเรา พิจารณาซิ

นี่พระพุทธเจ้าสอนไปอย่างนั้นแต่มันกลับมาอย่างนี้ สอนให้สละละวาง แต่มันไปหากว้านเอาหมด ลาภ ยศ สรรเสริญ เยินยอ ลาภสักการะต่างๆ ไปหากว้านเอา กว้านมาทำไม บิณฑบาตวันหนึ่งก็พอกินอยู่แล้ว ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ บรรพชาแล้วอาศัยบิณฑบาตด้วยกำลังปลีแข้งของตน มาเลี้ยงชีพในวันหนึ่งๆ จงทำความอุตส่าห์พยายามอย่างนั้นตลอดชีวิตเถิด ท่านสอนอย่างนั้นต่างหากนี่นะ ท่านไม่สอนให้โลภโมโทสาไปหาที่ไหนเป็นบ้าไป มันไม่ได้เสาะแสวงหาอรรถหาธรรมนะ พระปัจจุบันนี้พูดตรงๆ

แต่ผู้ดีก็มี เราไม่ได้กวาดราบไปหมดนะ ผู้ดีมีแต่มีน้อยมาก ในวัดใหญ่ วัดน้อย วัดบ้าน วัดป่า วัดในกรุงเทพฯ วัดนอกกรุงเทพฯมีอยู่ ผู้ดีมีอยู่ แต่ท่านพูดอะไรก็ยากก็ลำบาก พวกมูตรพวกคูถมันมาก มันโจมตีเอาแหลกๆๆ พวกมูตรคูถนี่เข้าใจไหม วัดนั้นเหมือนไม่มีพระดี มีอยู่นะ เราไม่ได้ประมาท  ผู้ดีเรายกย่องสรรเสริญว่าท่านดี แต่คลื่นของมูตรของคูถมันมากต่อมาก วัดหนึ่งมันกลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมดแล้ว ไม่ว่าวัดบ้าน วัดป่า วัดที่ไหน เมื่อจิตใจต่ำลงแล้วจะต้องเป็นได้ด้วยกัน

ทีนี้พระก็เลยกลายเป็นตัวมูตรตัวคูถเต็มอยู่ในส้วมในถาน วัดก็เลยเป็นส้วมเป็นถานไปหมด ตัวมูตรตัวคูถคือพระคือเณรปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนว ส้วมถานก็คือวัดคือวา อยู่ในสถานที่วัด แต่ก่อนว่าเป็นวัดเดี๋ยวนี้มันไม่กลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมดแล้วหรือ เพราะมูตรคูถมันเต็มอยู่ในวัดนั้น มีตั้งแต่ผู้ปฏิบัติแบบจอมปลอมๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ปฏิบัติตามศีลตามธรรมพอจะน่ากราบน่าไหว้ แล้วจะเรียกชื่อว่าวัดว่าพระเต็มตัวได้ไง มันมีแต่อย่างนั้นจะให้ว่าไง

มันเลอะเทอะขนาดนั้นนะเวลานี้ เราเอาธรรมออกจับ คำว่ากล้าเราไม่มี คำว่ากลัวเราไม่มี คำว่าได้ว่าเสียเราไม่มี เราสอนโลกด้วยความเมตตาสงสาร ธรรมเป็นความถูกต้องแม่นยำยังไงเอาอันนั้นมาสอนต่างหาก ใครผิดบอกว่าผิด ใครถูกบอกว่าถูก ใครจะแก้ตัวยังไงก็ให้แก้ ใครเลวความเลวก็เจ้าของทำไว้เลว ทำให้ดีทำไมทำไม่ได้ กลับใจแล้วทำดีได้คนเรา นี่ธรรมท่านสอนอย่างนั้น เราไม่ได้ไปว่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดโดยหาเหตุหาผลไม่ได้ หรือว่าให้คนนั้นก็ตาม เมื่อมันทำชั่วๆ มันยังทำได้ เราว่ามันทำชั่วผิดที่ตรงไหน ก็มันทำชั่วก่อนแล้ว เลวทรามที่สุดเลยการกระทำ

นี่ละมันเลวขนาดนั้นนะเวลานี้ กำลังลุกลามเต็มโลกเต็มสงสาร พระเราในประเทศไทยเวลานี้มันมีน้ำยาที่ไหน มันเป็นบ้ากับดินเหนียวติดหัว ผู้ใหญ่ก็ใหญ่อันเดียวกันนั่นแหละ ใหญ่บ้ายศ บ้าลาภ บ้าอำนาจ คอยประสิทธิ์ประสาทให้ คนไหนดิบดีไม่คัดค้านต้านทานแล้วก็จะประสิทธิ์ประสาทเอาดินเหนียวติดหัวให้ ให้เป็นสมุห์ ใบฎีกา พระครูพระคัน เจ้าฟ้าเจ้าคุณ สมเด็จ ให้เป็นเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ ทางนี้ก็ดีใจ ดินเหนียวติดหัวแล้วเป็นบ้าไปหมด ทีนี้พระเราเดี๋ยวนี้มันจะทั่วประเทศไทยแล้วนะ เป็นพระเป็นบ้ากับดินเหนียวเดี๋ยวนี้ จึงไม่มีใครคัดค้านต้านทานสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่กำลังแสดงอยู่เวลานี้ ทั้งๆ ที่เรียนมาด้วยกัน รู้มาด้วยกัน เห็นด้วยกัน ค้านกันได้ยังไง  อะไรปลอมอะไรจริงก็รู้กันอยู่ แต่มันไม่ยอมคัดค้าน กลัวดินเหนียวจะหลุดจากหัวไป

ถ้าอันนี้มันได้เป็นใหญ่แล้วก็ประกาศดินเหนียวอันนี้ละออก แล้วอำนาจนี้ใหญ่หลวงเหยียบไปหมดเลยนะ เมื่อได้เป็นใหญ่แล้วก็เป็นอำนาจป่าเถื่อน คอยทำลายศาสนาแง่นั้นแง่นี้ด้วยการสั่งการสั่งงานของอำนาจป่าเถื่อน มันยังไม่ทำลายศาสนาทีเดียวนะ ขึ้นมาได้แค่อำนาจป่าเถื่อนแล้วทีนี้จะกระจายอำนาจออกไปละ สั่งไปทางเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ ภาคนั้นภาคนี้ไปเรื่อยๆ ให้ปฏิบัติอย่างนั้นๆ ล้วนแล้วตั้งแต่เป็นความเสียหายแก่ศาสนาของตนนั้นแหละ มันจะสั่งงานไปอย่างนั้นแง่นั้นก่อนแง่นี้ก่อน ยังไม่เข้าถึง แล้วก็แยกอันนั้นแยกอันนี้

เห็นไหมอย่างที่จะเอาสมบัติของพุทธศาสนาออกไปถลุง นั่นละอย่างนั้นละ มันเอาไปอย่างนั้นเสียก่อน แต่เมื่อมีผู้คัดค้านก็ไม่กล้า เพราะเหตุผลทางนี้มันแน่นหนามั่นคงกว่า ก็เลยได้งดไปที่ว่าจะเอาศาสนสมบัติให้เขาถลุงกันทั่วโลก มันจะออกแง่นั้นแง่นี้ บังคับให้ศาสนาให้ตับให้ปอดหมดไปๆ สุดท้ายเหยียบแหลกเลย ไม่มีศาสนา บรรดาพระทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ลูกหาบริษัทบริวารของมัน เป็นเครื่องมือของมันหมดแล้ว มันเอาเบ็ดเกาะปากแล้ว เอาดินเหนียวพอกหัวไว้แล้ว ถ้าจะคัดค้านต้านทานอะไรนี้ก็กลัวดินเหนียว และเจ็บปากบ้าง เข้าใจไหม เบ็ดมันเกาะปาก วิ่งตามมันไป

จึงไม่มีใครคัดค้านพระทั่วประเทศไทยเรา เรียนมาด้วยกันทุกคน ทำไมจึงไม่ค้าน ผิดก็รู้กันอยู่เห็นกันอยู่ทำไมจึงไม่ค้าน แล้วทำไมจึงมีแต่พระป่าอย่างเดียวค้าน พระป่าก็เรียนคัมภีร์เดียวกันทำไมได้มาค้าน พวกนี้ทำไมจึงไม่ค้าน ถ้าไม่หวงดินเหนียว ห่วงดินเหนียว แล้วให้เขาเอาเบ็ดเกาะปากวิ่งไปตามเขา จากนั้นแล้วรวมตัวกันเข้ามา มาทำลายศาสนาของตัวเอง ปู่ ย่า ตา ยายแหลกหมด ศาสนาไม่มีเหลือ นี่เบื้องต้นเป็นอย่างนี้ก่อน ทำลายศาสนานี้ก่อนด้วยอำนาจป่าเถื่อนนี่ละ ทำลายแบบนั้น ทำลายแบบนี้ คืออำนาจป่าเถื่อนมันจะค่อยพองตัวขึ้นเรื่อยนะ มันไม่เอาทีเดียว ค่อยทำลายทางนั้นทำลายทางนี้ ต่อไปพอเหยียบ เหยียบปุ๊บเลย หมด

ประชาชนพลเมืองทั้งหลายนี้ก็เป็นลูกศิษย์พระแต่ละวัดๆ ทั่วประเทศไทย เมื่อพระเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว เป็นเครื่องมือของเขาหมดแล้ว เขาก็ต้องสั่งพระให้ไปสั่งสอนประชาชนให้ทำแบบนี้ๆ แบบป่าเถื่อน พวกนี้ก็เลยกลายเป็นภัยต่อชาติตัวเอง ศาสนาก็เลยกลายเป็นภัยต่อตัวเอง พากันเหยียบศาสนา จากนั้นก็ก้าวเข้าหาชาติละซิ ชาติเหยียบง่ายที่สุดเลย ศาสนามีอำนาจมากนะ ถ้าลงศาสนามีอำนาจมากๆ แล้วเหยียบชาติเข้าไปๆ แหลก พระมหากษัตริย์ไม่มีเหลือ กินเข้าไป ลุกลามเข้าไป   นี่กำลังตั้งขุมอำนาจไว้ มันจะทำลายทั้งชาติทั้งศาสนาเป็นไปในตัว

เพราะฉะนั้นพระป่าจึงออกมาคัดค้าน เพราะศาสนธรรมนี้เป็นเครื่องอบอุ่นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนๆ ที่ได้ปฏิบัติมาไม่เคยก่อความเสียหายแก่ผู้ใด จนกระทั่งบัดนี้กาฝากมหาภัยเกิดขึ้นมานี้มันจึงลุกลามไป เดือดร้อนไปหมด พระป่าอยู่ไม่ได้ ก็ต้องได้ออกมาชำระสะสาง ยังหาเรื่องว่าพระป่ามาก่อกวน ฟังซิน่ะ ดีไม่ดีหลวงตาบัวนี้อยากเป็นสังฆราช คือมันหาอุบายวิธีแหย่ก่อกวนต่างๆ ให้เขามายกโทษหลวงตาบัว เพื่อพวกนั้นจะได้คะแนนสูงขึ้น ขนาดหลวงตาบัวจะตายวันนี้วันพรุ่งนี้ยังอยากเป็นสังฆราช นี่อันหนึ่งนะ

อันที่สองเขาบอกว่าหลวงตาบัวรังเกียจมหานิกาย หลวงตาบัวรังเกียจอะไร  มหานิกายเป็นพ่อของธรรมยุต มหานิกายเกิดมาก่อน ใครอยากแยกตัวไปยังไงก็แยกไปตามจริตนิสัยของตัวเอง ไม่ได้บีบบังคับกัน มาเป็นธรรมยุตก็มาเป็นตามหลักธรรมหลักวินัย ท่านที่อยู่เป็นมหานิกายท่านก็เป็นมาดั้งเดิม เป็นพ่อเป็นแม่ ก็ยกให้เป็นพ่อเป็นแม่ไปอย่างนั้น ไปเป็นข้าศึกต่อมหานิกายที่ไหน มันก็ยังยกมาได้ นี่เพื่อจะให้แตกกันเข้าใจไหม ท่านทั้งหลายให้ทราบเสียนะ

ว่าหลวงตาบัวรังเกียจมหานิกาย เราไม่ได้รังเกียจมหานิกาย ตัวมันว่า ตัวมันยุแหย่ ตัวมันเป็นภัยที่สุดคือตัวยุแหย่ให้แตกกัน ว่าหลวงตาบัวอยากเป็นสังฆราช สามแดนโลกธาตุนี่หลวงตาบัวไม่เคยเอา อย่าว่าแต่มนุษย์นี้ว่าหลวงตาอยากเป็นสังฆราช พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล สามแดนโลกธาตุหลวงตาบัวไม่เอา สลัดหมดเลย ไม่สนใจกับอะไร แม้เส้นผมหนึ่งไม่มีในหัวใจ จะไปว่าอะไรสังฆราชคะแรดว่ะ ปล่อยไปหมดแล้ว สอนโลกด้วยความเมตตาสงสารต่างหาก เราไม่สอนด้วยอันใดนะ เราไม่มีได้มีเสีย ไม่มีแพ้มีชนะ ไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว เราบอกตรงๆ

เราสอนอย่างตรงไปตรงมาตามอรรถตามธรรม คอขาดขาดไปเลยไม่มีปัญหาอะไร เรื่องความเกิดความตายมันอยู่ในร่างกายอันเดียวกัน ตัวเท่ากัน ตัวเกิดกับตัวตายคือตัวเรานี้ละมันเท่ากัน กลัวหาอะไร กล้าหาอะไร เป็นบ้าหรือยังกลัว เป็นบ้าหรือยังกล้า ของอยู่กับตัวรู้ตามเป็นจริงแล้วก็เท่านั้นเอง นี่เราพูดนี่เราพูดสอนโลก นี่ละโลกเราเวลานี้ ฟังให้ดีนะพี่น้องทั้งหลาย นี่ละแผนอำนาจแผลงฤทธิ์มันจะขึ้น ก่อนั้นก่อนี้ขึ้น ตั้งเป็นเจ้าอำนาจใหญ่โต เป็นสมเด็จสังฆราช นี่ละตัวกำลังใหญ่ พอได้เป็นขึ้นแล้วก็แผ่พังพานตีไปหมด เวลานี้ก็ราบไปหมดแล้ว

มีพระองค์ไหนที่ได้มาแสดงข้อคัดค้านตามหลักธรรมหลักวินัย ให้เห็นอยู่เวลานี้ หมอบราบไปหมด มีน้ำยาอะไรพระปริยัติเรา สุดท้ายก็มีตั้งแต่พระกรรมฐานอยู่ในป่าในเขา ท่านแบกคัมภีร์ออกมาละซิ มาคัดค้านต้านทานผิดที่ตรงไหน นี่ละเรื่องราวมันเป็นอย่างนั้น นี่หมอบเพราะเสียดายดินเหนียว เห็นดินเหนียว เห็นยศลาภ สรรเสริญเหล่านี้มีคุณค่ายิ่งกว่าชาติกว่าศาสนาเป็นไหนๆ เพราะฉะนั้นมันจึงลืมชาติลืมศาสนา แล้วทำลายชาติ-ศาสนาของตนได้ลงคอ พวกหยาบโลนที่สุด ไม่รู้จักพ่อจักแม่ ไม่รู้จักบุญจักคุณ เหยียบไปหมด ชาติมีคุณต่อเราขนาดไหน ศาสนามีคุณต่อเราขนาดไหนเหยียบได้ทั้งนั้น พวกไม่มีบาปมีบุญ พวกหยาบโลนที่สุด เข้าใจเหรอ เอ้าจำให้ดีนะทุกคน

วันนี้จะเปิดให้ฟังชัดๆ หลวงตาบัวจวนจะตายแล้ว ได้ช่วยชาติบ้านเมืองมานี้แม้สตางค์หนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิน่ะ เราช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความเมตตาเต็มสัดเต็มส่วน ได้มาเท่าไรออกหมดๆ เราไม่เคยมีอะไรมาติดใจของเราเลย เพราะเราพอทุกอย่างแล้ว การช่วยโลกนี้เราช่วยด้วยความพอ หัวใจเราเต็มตื้นด้วยอรรถด้วยธรรม ไม่มีอะไรบกพร่องเลย ตั้งแต่ปฏิบัติมาเต็มกำลังความสามารถ แล้วได้ผลเต็มที่ ฟ้าถล่มขึ้นมาก็ประกาศให้ทราบแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นมาเราไม่เคยเห็นกิเลสตัวใดที่ขึ้นมาแฝงในนี้ว่า เอ๊ะ นี่กูนึกว่ามึงพังไปแล้วตั้งแต่วันนั้นมึงยังโผล่ขึ้นมาได้เหรอ ไม่เคยมี แล้วก็ไม่เคยสงสัยด้วย ขาดสะบั้นลงแต่บัดนั้น

เราอิ่มอย่างนี้ทุกอย่างแล้วนะสอนโลก เราสอนเวลานี้เราก็ไม่สอนตำหนิติเตียนผู้หนึ่งผู้ใด เราสอนโลกที่มันคลุกเคล้าไปด้วยสกปรกโสมม ที่จะทำชาติ-ศาสนาของเรา ให้ล่มจมต่างหาก ให้พากันรู้เนื้อรู้ตัวแก้ไขดัดแปลงตนเองเสีย แล้วจะค่อยดี ผู้ชั่วก็กลับตัวดีได้ถ้าเชื่ออรรถเชื่อธรรมของพระพุทธเจ้า คนชั่วทำตัวเป็นคนดีได้ ถ้าไม่เชื่ออรรถเชื่อธรรมกลายเป็นชั่วเลวไปเลย หมดค่าหมดราคาก็ได้ นี่ที่สอนวันนี้ให้ท่านทั้งหลายจำให้ดีนะ มีอยู่สามอย่าง ศาสนาหนึ่ง ชาติหนึ่ง พระมหากษัตริย์หนึ่ง อยู่ในอำนาจอันป่าเถื่อนนี้ ที่มันจะเหยียบย่ำจะทำลายเผาแหลกไปหมด เผาศาสนาแล้วก็เผาชาติ เผาพระมหากษัตริย์ วงกษัตริย์จะไม่มีเหลือในชาติไทยของเรานะ ซึ่งเคยมีมาตั้งดึกดำบรรพ์ พวกเปรตพวกผี พวกยักษ์ พวกมาร พวกกาฝากมหาภัยจะเผาให้แหลกหมด จำให้ดีทุกคน

นี่ละพูดเรื่องอรรถเรื่องธรรมไม่ฟัง ท่านทั้งหลายฟังให้ดีนะ นี่พูดอย่างเปิดเผยอย่างที่ว่านี่ เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นมาๆ ชุลมุนวุ่นวายขึ้นมา มองที่ไหนๆ มีแต่พวกพระป่าออกมา พระป่าออกมา พระบ้านมันไปไหนหมด เรียนคัมภีร์มา มหาเปรียญกี่ประโยค เป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณจนกระทั่งสมเด็จมันไปไหนหมด เอาไปเผาไฟกันหมดแล้วหรือ เหลือตั้งแต่ความโลภ ความเป็นบ้าดินเหนียวนั่นเหรอ มันจึงไม่มาช่วยชาติ คัดค้านสิ่งที่เป็นภัยต่อชาติออกจากชาติของตนเอง แล้วยังส่งเสริมนี้ว่าทำดิบทำดีไปแล้วนะ เจ้าคณะต่างๆ ถูกมันร้อยจมูกแล้วทำดี เป็นผู้ใหญ่ควรเคารพนับถือ เคารพหีพ่อหีแม่มึงอะไร มันทำชั่วให้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา จะไปเคารพมันได้ลงคอยังไงใช่ไหมล่ะ

ถ้ามันไม่ได้รู้ได้เห็น มีแต่หูหนวกตาบอดมาหลอกมันก็เชื่อคนเรา นี่คนหูดีตาดีมีอยู่ จะว่าน่าเคารพนับถือ เคารพอะไร มันกำลังเป็นบ้ายศอยู่เวลานี้ กำลังเป็นบ้าอำนาจ ปีนป่ายอยู่นี้ ตั้งสังฆราชมากี่องค์แล้ว ไม่มีองค์ไหนที่จะมาเป็นสังฆราชแซงกัน เหยียบหัวสังฆราชเก่าลง เหมือนปัจจุบันนี้ มันเป็นยังไง เลวหรือไม่เลวเอากันตรงนี้ซีน่ะ แล้วจะให้กราบได้ลงคอยังไง มาร้อยสังฆราชก็ไม่กราบ หลวงตาบัวพูดจริงๆ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เท่านั้นเรากราบ ไอ้ขี้หมูราขี้หมาแห้ง กำลังพวกปีนพวกป่ายอยากแข่งสมเด็จสังฆราช เหยียบหัวสมเด็จพระสังฆราช เหยียบหัวพระพุทธเจ้านี้ไม่กราบ เข้าใจไหม เอาละพอ

เป็นยังไงล่ะปริยัติเรียนมาแล้ว หรือให้เขาเอาดินเหนียวติดหัวเหรอว่าเป็นเจ้าคุณๆ บ้ายศ ประสาลมปาก จะตั้งอะไร เราไม่ให้ใครมาตั้งละ ฟาดหลวงตาบัวนี้ขึ้นชั้นจรวดดาวเทียมก็ได้เราตั้งเรา ไม่มีใครมาปลดเราตั้งเอง คนอื่นตั้งมันปลดได้นะ เราตั้งเองไม่มีใครมาปลด ตั้งฟากจรวดดาวเทียมก็ได้ หลวงตาบัวเป็นสังฆราชฟากจรวดดาวเทียมก็ได้ เข้าใจไหม อย่างสบาย เทศน์กี่นาที (๓๓ นาทีครับ) เทศน์เร่งนะ

ผู้กำกับ                 :       ลูกศิษย์ที่ไปตั้งเต็นท์ที่สนามหลวงถูกรังแกครับ ลูกศิษย์เขาไปออกเต็นท์เพื่อสนับสนุนเกี่ยวกับพุทธศาสนา (คณะศิษย์ในนามวัดป่าบ้านตาดได้จัดนิทรรศการวันอาสาฬหบูชา ณ ท้องสนามหลวง) แล้วมีทั้งพระทั้งฆราวาสมาแกล้งเขา เขาเขียนจดหมายระบายมา แล้วแต่เมตตาให้อ่าน

หลวงตา        :       อ่านเลยๆ พวกเลวร้ายไม่มียางอายเลย

ผู้กำกับ                 :       อันนี้หลวงตาเมตตาให้อ่านทราบทั่วกัน วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๐.๓๐ น. ช่วงเช้ามีพระสงฆ์สามรูปมาที่เต็นท์ของวัดป่าบ้านตาด แล้วพูดกับโยมว่า โยมคำว่าป่าเอาออกไปทั้งหมดได้ไหม เราเอาป้ายไปติดมหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยป่าครับ เขาจะให้เอาคำว่าป่าออกครับ “โยม คำว่าป่าเอาออกไปทั้งหมดได้ไหม เพื่อความสงบทั้งสองฝ่าย อาตมาเป็นผู้ดูแลอยู่ ขอความเป็นกลางเพราะเป็นพระด้วยกันทั้งสองฝ่าย” ฆราวาสที่เต็นท์ของวัดป่าบ้านตาดก็รับคำพระแล้วลบคำว่าป่าออกจากป้าย ป้ายนั้นมีข้อความว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยป่า ก็เหลือมหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัย….

ต่อมาเวลา ๑๔.๓๐ น. มีพระหลายรูปพร้อมฆราวาสติดตามมาจำนวนมาก มาที่เต็นท์วัดป่าบ้านตาดอีก พระสงฆ์ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มได้มาพูดคุยกับฆราวาสที่เต็นท์ของวัดป่าบ้านตาด ว่า อาตมาชื่อพระเทพเมธี วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ขอให้โยมปลดป้ายที่เขียนว่า “การสถาปนาและการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง” ฆราวาสที่เต็นท์ของวัดป่าได้ติดต่อประสานงานกับพระ พระก็บอกกลับไปว่า ถ้าอีกเต็นท์หนึ่งหยุดโจมตีก็ยินดีที่จะปลดป้ายลง ฆราวาสที่เต็นท์ได้กราบเรียนพระเทพเมธีดังกล่าว แต่ลูกศิษย์ของพระเทพเมธีที่ติดตามมากลับไม่ยินยอม และยังอ้างอีกว่าป้ายดังกล่าวไม่ตรงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

ฆราวาสที่เต็นท์วัดป่าบ้านตาดก็ได้กราบเรียนทางพระเทพเมธีว่า ในหลวงทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก และพระองค์ท่านก็เป็นพุทธศาสนิกชนอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอยู่จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับพุทธศาสนา ฆราวาสที่ติดตามพระเทพเมธีไม่ฟังเหตุผลใดๆ ใช้กำลังที่มากกว่าปลดป้ายของเต็นท์ทางวัดป่าบ้านตาดออก ป้ายที่ถูกปลดออกมีข้อความดังต่อไปนี้

ป้ายที่ ๑  ธุดงควัตร ๑๓

ป้ายที่ ๒  พระป่ากู้ชาติ-ศาสนา ก็ถูกปลดออก

ป้ายที่ ๓  ธรรมวินัยกู้ศาสนา ถูกปลดออก

ป้ายที่ ๔ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยป่า ที่ถูกตัดคำว่าป่าก็ถูกปลดออกด้วย

ป้ายที่ ๕ การสถาปนาและการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเท่านั้น อันนี้ก็ถูกปลดออกครับ

เมื่อลูกศิษย์เต็นท์วัดป่าบ้านตาดไม่สามารถขัดขวางการปลดป้ายได้ ลูกศิษย์ที่เต็นท์จึงได้ใช้เครื่องขยายเสียง ให้ประชาชนรับทราบและดูพฤติกรรมของกลุ่มอันธพาลดังกล่าวที่บังอาจปลดป้าย ที่เทิดทูนพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และยังตั้งคำถามว่า ทำไมจึงต้องปลดป้ายออก หัวหน้ากลุ่มที่ปลดป้ายทราบชื่อภายหลังว่านายยงยุทธ ไม่ทราบนามสกุล ได้ขู่ว่าจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้มาพูดคุยและให้กำลังใจทางเต็นท์ของวัดป่าบ้านตาด และพูดว่าสะเทือนใจมากที่มีคนปลดป้ายที่เทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาทางลูกศิษย์ทางเต็นท์ก็เอามาติดใหม่ นักสู้ตามครูบาอาจารย์

หลวงตา        :       เออ

เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. มีพระสงฆ์อีกกว่า ๑๐ รูปพร้อมฆราวาสจำนวนมาก มาดูป้ายที่มีข้อความเทิดทูนพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ฆราวาสที่เต็นท์วัดป่าบ้านตาดได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าไม่เห็นมีอะไร เป็นข้อความที่เทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

หลวงตา        :       เออ ยกให้ตำรวจผู้นี้นะ นี่คือตำรวจของชาติ ยกให้เลยตำรวจประเภทนี้หลวงตาไม่ว่า อันธพาลปัดออกนี้ให้หมด เท่านั้นละ อ่านช้าๆ ให้ออกทางวิทยุ

(ผู้กำกับอ่านซ้ำตามคำของหลวงตา)

ผู้กำกับ                 :       แสดงว่าตำรวจเขาทำตามกฎหมายและมีธรรมะอยู่ในใจ

หลวงตา        :       เออถูกต้องแล้ว ใครอยากเป็นตำรวจเป็นได้เลย ตำรวจช่วยกู้ชาติ แต่หลวงตาไม่อยากเป็น แม้แต่เป็นสังฆราชก็ไม่อยากเป็น อย่าว่าแต่เป็นตำรวจนี้เลย เป็นสังฆราชสามโลกธาตุก็ไม่เป็น อ่านให้โลกได้ทราบทั่วถึงกัน บ้านเมืองมีขื่อมีแป อ่านให้ทราบทั่วถึงกัน ชาติไทยเป็นชาติเจ้าของของชาติไทย เหล่านี้เป็นมหาโจรปล้นชาติปล้นศาสนา เป็นกาฝากมหาภัย กำลังมาทำลายคนผู้ที่มาสร้างความดีต่อชาติต่อศาสนาของตน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานในภาพนี้นะ นี้ทำถูกต้องดีงามแล้ว หลวงตาบัวเห็นด้วย เอาละพอ (สาธุ) 

วันที่ ๒๘ ทองคำเช้าวันนี้ได้ ๒๗ บาท ๒๓ สตางค์ ทองคำตอนค่ำนี้ได้ ๓ กิโล ๑ บาท ๕๒ สตางค์ (สาธุ) รวมทองคำทั้งวันได้ ๓ กิโล ๒๘ บาท ๗๕ สตางค์นี่ข่าวเป็นมงคลจะหนุนชาติไทยของเราให้มีความแน่นหนามั่นคงและสง่างามต่อไป เอาละทีนี้ให้พรนะ

ท่านมีพระวินัยนี่พระถ้าเทอย่างนี้แล้วไม่เป็นเดน ท่านห้ามไม่ให้ฉันน้ำแก้วเดียวกัน นั่นเห็นไหมปรับอาบัติ ถ้าเอามาเทปั๊บๆ เช่นอย่างโคล่าเทนี้ไม่เป็นไรเพราะมันไม่เป็นเดนใช่ไหม เทจ็อกๆ มันก็ไม่เป็นเดน อันนี้ไม่ขัดพระวินัย นั่นละท่านมีพระวินัยรอบไปหมด มาสี่สุ่มห้าได้เหรอ ทำสุ่มสี่สุ่มห้า หลับหูหลับตาทำพระป่าโง่นักเหรอ ใครจะแหลมคมยิ่งกว่าพระป่า เรื่องธรรมเรื่องวินัยพระป่าละเอียดลออมากนะ เรื่องวินัยสำคัญ เพราะท่านมีหิริโอตตัปปะท่านจะดูวินัยละเอียดลออ ทรงห้ามตรงไหนๆ ท่านจะถอยทันทีๆ ท่านไม่ทะลึ่งนะ ไอ้พวกหน้าด้านมันทะลึ่ง มันไม่มีธรรมมีวินัย เพราะฉะนั้นมันถึงเหยียบไปถึงหัวพระพุทธเจ้าได้ลงคอ เหยียบได้สบาย

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ FM 103.25 MHz

หรือสถานีวิทยุอุดร FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก