ของสกปรกธรรมวินัยยอมรับไม่ได้
วันที่ 26 กรกฎาคม. 2547 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ของสกปรกธรรมวินัยยอมรับไม่ได้


ผู้กำกับ                  
:     หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย วิจารณธรรม วันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม

หัวข้อ ถ้าเข้าใจผิดก็เข้าใจใหม่ได้

      เรื่องความร้าวฉานในวงการคณะสงฆ์ เชื่อว่าเกิดจากความเข้าใจผิด สังคมทั่วไปต่างตกอยู่ในความเชื่อที่ผิดๆ ต่างคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลกระทำไปทั้งหมดนั้นคือความถูกต้องแล้ว คิดว่าสื่อที่นำเสนอข้อมูลตามที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวนั้นๆ คือความถูกต้องแล้ว ที่จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด แล้วอะไรเล่าคือความถูกต้อง เราลองหันมาทบทวนถึงความถูกต้องกันใหม่ ถ้าเป็นเรื่องของพระสงฆ์ก็ต้องมาดูกันที่พระธรรมวินัยเพื่อให้ตรงตัวตรงจุด พระสงฆ์มีต้นกำเนิดมาจากไหนหากไม่ใช่กำเนิดมาจากสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วใครเล่าคือองค์สมเด็จพระบรมศาสดาในปัจจุบัน ก่อนที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ทรงตรัสว่า ธรรมและวินัย จะเป็นองค์ศาสดาแทนเรา เมื่อพระสงฆ์มีพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาองค์เอกแล้ว พระสงฆ์พึงเคารพและตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย

ดังเช่นลูกวัว ก็ต้องเป็นร่างวัวอยู่วันยังค่ำจะออกมาเป็นลูกควายไปได้อย่างไร ตามที่หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาดได้พาคณะศิษย์ออกมาคัดค้านต้านทานต่อการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ก็เพราะพระคุณท่านออกมาปกปักรักษาพระธรรมวินัย รักษาไว้ซึ่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ถ้าคิดว่าการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชที่มีออายุเวลาเพียงแค่ หกเดือนนั้นรัฐบาลทำถูกแล้ว ถึงรัฐบาลจะทำถูกและทำด้วยความปรารถนาดี แต่รัฐบาลก็ทำผิดกฎหมาย เพราะในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ไม่มีวรรคไหนตอนไหนเลยที่ให้อำนาจรัฐบาลทำการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ เพียงแต่มีบัญญัติอยู่ในวรรคท้ายสุดเท่านั้น ที่ให้รัฐบาลมีหน้าที่รับไปจัดทำประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งท่านผู้ชมผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายลองไปเปิดกฎหมายมาตรานี้ดูเองเถิด

ครั้นเมื่อรัฐบาลในนามของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯออกคำสั่งแต่งตั้งให้สมเด็จพระราชาคณะ ๕ รูปเป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และ

และอีก ๑ รูปเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือ ! การที่พระภิกษุไปรับเอาสิ่งที่ผิดมาปฏิบัติด้วยอำนาจต่อพระภิกษุทั่วทั้งประเทศจึงซึ่งฝ่ายหนึ่งไม่ให้การยอมรับจึงทำให้เกิดเป็นสังฆราชีขึ้นมา ไม่รู้ว่าผู้รับผิดชอบต่อกิจการพระพุทธศาสนาได้ปล่อยให้เรื่องอย่างนี้ลุกลามบานปลายออกไปได้อย่างไร

          ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นว่า พระธรรมวินัยคือองค์ศาสดาเอกของพระภิกษุทั้งหลาย ดังนั้นพระภิกษุจะต้องยึดถือพระธรรมวินัยเป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ไปรับเอาอำนาจของนักการเมืองมาตั้งหิ้งบูชา ที่ผ่านมา ๕-๖เดือนพระสงฆ์องค์เจ้าและประชาชนชาวพุทธทั่วประเทศต่างพากันเข้าใจผิด เข้าใจผิดคิดว่ากฎหมายที่รัฐบาลนำมาบังคับใช้ต่อพระสงฆ์นั้นถูกต้องแล้ว แต่พอมาถึงวันนี้ได้ถึงบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากฎหมายสงฆ์ฉบับนั้น ไม่ได้เปิดช่องทางให้สามารถแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้เลย

          ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศออกมาบังคับใช้แทนข้อความในวรรคห้าของมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ เพื่อเปิดช่องให้คณะสงฆ์สามารถตั้งเป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ หรือจะตั้งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชรูปเดียวก็ได้ แสดงว่าที่ผ่านมาการแต่งตั้งฯได้กระทำผิดต่อกฎหมายจริงไหมครับท่านผู้ชม ถ้ายืนยันว่าถูกแล้วจะมาแก้ไขกฎหมายใหม่ทำไม ที่หลวงตาพระมหาบัวพาคณะศิษย์ออกมาคัดค้านต้านทาน ก็เพราะไม่ต้องการเห็นใครย่ำยีต่อสมเด็จพระบรมศาสดา ไม่ต้องเกิดให้เกิดสังฆเภท และไม่ต้องการให้ใครกระทำผิดต่อกฎหมาย พอจะเข้าใจหรือยัง  จาก ณ. หนูแก้ว

      หลวงตา         :       เรื่องสกปรกมันก็สกปรกไปวันยังค่ำ มันไม่ได้มองดูศาสดาคือธรรมวินัยเลย ทำด้วยอำนาจของกิเลสมันก็ปีนไป เรียกว่าพวกมากลากไปนั่นเอง จะเป็นอะไรไป มันฟังไม่ได้นะ เราพูดจริง ๆ เราเอาหลักธรรมวินัยออกพูด เรียกว่าฟังไม่ได้ หลักธรรมวินัยเรียนมาทุกคน พวกที่มาออกกฎเกณฑ์เหล่านี้ก็เรียนธรรมวินัยมาด้วยกัน แต่มันไม่ได้มองดูธรรมวินัยยิ่งกว่าความอยาก ความทะเยอทะยาน ความเป็นบ้ายศบ้าลาภของมันนั่นละ มันถึงได้ยุ่งกันอยู่อย่างนี้

ถ้าตามหลักธรรมวินัยตั้งหาอะไรเท่านั้นพอ บรมศาสดามาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีที่ไหนเป็นศาสดาแทนองค์พระพุทธเจ้า มีผู้ใดตั้งคนนั้นมาแทนสังฆร่งสังฆราชก็ไม่มี องค์เดียว ๆ ก็มีมาเป็นขนบประเพณีอันดีงามมาแล้ว มันยุ่งเปล่า ๆ พวกนี้ สกปรกมากทีเดียวเราพูดจริง ๆ ถ้าเข้ากับหลักธรรมวินัยนี่มันเข้าไม่ได้นะ เพราะงั้นจึงได้โต้ได้ตอบกันอยู่เสมอ คือมันเอาของสกปรกมาโปะหลักธรรมหลักวินัยซึ่งเป็นของสะอาดสุดยอดแล้วมาตลอด มันก็ต้องได้คัดค้านต้านทานมาตลอดอย่างนี้

คือต้องชะล้างกันเรื่อย แล้วก็ว่าพวกนี้ก่อกวนยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตัวมันเองเป็นตัวส้วมตัวถาน เอามูตรเอาคูถไปโปะหัวคนทั้งประเทศมันไม่ได้เห็นว่าพวกนี้น่ะ พวกส้วมพวกถานเอาแต่ของสกปรกไปโปะหัวใจคนทั้งประเทศ หัวคนทั้งประเทศมันไม่ได้ว่า เลอะเทอะมากทีเดียว พูดจริง ๆ นี่ละเราเอาหลักธรรมหลักวินัยออกพูด ใครจะว่าอะไรก็ตาม พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เราเข้าถึงหัวใจ ตายแทนได้เลย แต่สุ่มสี่สุ่มห้าเอาขี้ไปโปะหัวคนนั้นคนนี้ ไม่มีว่า สรณํ คจฺฉามิ ใครต้องการไหมเอาขี้ไปโปะหัวแล้ว สรณํ คจฺฉามิ ใครต้องการไหม ไม่มีใครต้องการ หัวใจคนมันรู้กันทุกคน ผิดถูกมันก็รู้มาหลอกกันหาอะไร หลอกนั้นหลอกนี้ พลิกนั้นพลิกนี้ มันของเก่านั่นแหละ ของเก่าของสกปรก

พยายามเอาให้เป็นให้ได้ละ เอาขี้ไปโปะหัวคนทั้งประเทศให้ได้ ของสกปรก ของผิด เรานั่นเหลือเกิน รู้สึกว่าอิดหนาระอกใจนะ คือมันสกปรกเกินกว่าที่จะพูดจะแนะ มันไม่ยอมฟังเสียงเลย หลักธรรมหลักวินัยมีมันไม่ฟังเสียงเลย เอาแต่ความสกปรกโสมม พวกมากลากไป ๆ แหลกไปหมดด้วยกัน คิดดูซิพระสงฆ์อยู่ในป่าในเขาท่านหลักธรรมวินัยเก่งขนาดไหนท่านปฏิบัติก็ต้องได้มาเลอะเทอะด้วยกัน ยุ่งด้วยกันกับพวกสกปรกนี่ มันยังไม่เห็นว่ามันสกปรก มันยังว่าเก่งกล้ายิ่งกว่าศาสดาอีกนู่นน่ะ ของเล่นเมื่อไรพวกนี้

มันฟังไม่ได้เราพูดจริง ๆ ตามหลักธรรมหลักวินัย เราได้พูด โลกมันสกปรก พูดจริง ๆ อย่างนี้ ปลิ้นปล้อนหลอกลวงหลายสันพันคม หาความสัตย์ความจริงไม่ได้ ไม่เหมือนธรรมวินัย นั่นเราบอกตรง ๆ ธรรมวินัยว่ายังไงตรงเป๋งๆ  ไปเลย ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมหลายสันพันคมมาหลอกกันอยู่ดังที่หลอกกันอยู่ทุกวัน มีแต่ร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยม หลอกเล่ห์ไหนเหลี่ยมไหนมีแต่ความสกปรก มีแต่ส้วมแต่ถานออกมาโปะหัวกัน หลักธรรมวินัยมีอยู่มันไม่สนใจพวกสกปรก

ว่าที่ไรก็ว่าตามเดิมนั่นแหละ ก็พูดตามหลักธรรมหลักวินัย หลักธรรมหลักวินัย หลักศาสนาไม่มีเล่ห์มีเหลี่ยม หลายสันพันคม ปลิ้นปล้อนหลอกลวงอย่างนี้ อันนี้พิลึกพิลั่นนะ ออกมาเล่ห์ไหนเหลี่ยมไหนก็อย่างนี้แล้ว จากนั้นก็มาตั้งเป็นประธานของเก่านั่น พลิกไปพลิกมา หลอกคนอยู่อย่างนั้นจะให้ว่าไง อันนั้นก็ขี้กองเก่า เอาไปไหนก็ขี้กองนั้น ถ้าพูดถึงเรื่องขี้นะ เอาไปไหนไปยกที่ไหนก็ขี้กองนั้น ๆ ใครจะว่าทองคำทั้งแท่งได้ยังไง พลิกร้อยสันพันคม อันนี้ก็ขี้ ทางนั้นก็ขี้ ก็ขี้ทั้งกองจะให้ไปเป็นอะไรอีก ถ้าพูดเทียบเรื่องขี้นะ คนไม่ดีอยู่ไหนมันก็ไม่ดี จะพลิกไปหาอะไรให้มันดี มันดีไม่ได้

เรื่องราวมันก็เป็นอย่างนั้น ตั้งให้ยุ่ง แล้วพิลึกกึกกือนะ ตั้งสังฆร่งสังฆราชนี่ก็ดีนะ ตั้งพิลึกกึกกือ แต่ก่อนก็ไม่เห็นมีมาเลย ก็มายุ่งเอาตอนนี้ตอนบ้ายศ บ้าลาภ บ้าอำนาจ นี่ขึ้นครองบ้านครองเมือง ครองศาสนา เดี๋ยวนี้ก็ขึ้นครองศาสนา ตีพระให้ราบเรียบไปหมด เอาดินเหนียวติดหัวไปใส่ปั๊บ ถ้ามีคนค้านบ้างก็ปัดดินเหนียวออก นี่อำนาจทางศาสนามันสกปรกแบบนี้ อำนาจทางโลกก็เสริมกันขึ้น ตั้งกันขึ้น มันมีแต่เรื่องสกปรกทั้งนั้น ธรรมมวินัยยอมรับไม่ได้ เราพูดจริง ๆ อย่างนี้บอกว่ายอมรับไม่ได้

สังฆราชก็มีองค์เดียวมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ปู่ ย่า ตา ยายของเรากราบไหว้บูชาเทิดทูนมาตลอด อันนี้มันวิเศษวิโสอะไรมาตั้งแข่งสังฆราช แล้วถกเถียงกันยิ่งกว่าหมากัดกันมันดีอะไร เท่านี้มันก็รู้ เด็กมันก็รู้นี่น่ะ ถ้ามันดีมันจะได้มาถกมาเถียงทะเลาะเบาะแว้งกันเหรอ ก็คือมันไม่ดีนั่นเอง เจ้าของว่าดี คนที่ดีเขาผู้มีอรรถมีธรรมบอกว่าไม่ดี สุดท้ายมันก็กัดกันเท่านั้นเอง เลยไม่ทราบใครดีใครชั่ว ยุ่งไปหมด ทุเรศจริง ๆ นะ เราพูดจริง ๆ

มันฟังไม่ได้กับเรื่องสกปรก ไม่ทราบว่าจะตั้งไปหาอะไร เจ้าของเองนั้นน่ะมันเป็นตัวชั่วช้าลามก ปรับปรุงตัวเองเข้าหาหลักเกณฑ์ คือธรรมคือวินัย คือศาสนา มันจะได้พูดอะไรกัน เหล่านี้มีแต่พระทั้งนั้นที่เรียนคัมภีร์วินัย ก็คัมภีร์วินัยอันเดียวกัน มันออกมาขัดมาแย้งพระพุทธเจ้าหาอะไร ขี้ก็บอกว่าขี้แล้ว ทองคำบอกทองคำแล้ว จะไปแข่งกันได้ยังไง ไอ้ขี้กับทองคำน่ะ ความเลวมันเลวอยู่อย่างนี้ แล้วจะไปแข่งพระพุทธเจ้า โอ้ยน่าทุเรศนะ พูดจริงๆ เอาหัวเราไปตัดเราก็ไม่ได้เสียดายยิ่งกว่าศาสนาที่เป็นที่เทิดทูนของสัตว์โลกสามโลกธาตุ เราไม่ได้เสียดาย คอขาดขาดไปเลยหลวงตาไม่เคยเสียดายยิ่งกว่าอรรรถกว่าธรรม

เพราะฉะนั้นจึงพูดด้วยความสัตย์ความจริงตลอดเวลา ไม่ได้มีคำว่าเสียดาย กล้าเราก็ไม่มี กลัวเราก็ไม่มี แพ้ชนะเราก็ไม่มี มีแต่อรรถแต่ธรรมที่จะสอนโลกให้เป็นประโยชน์เท่านั้นเอง ถ้ามันไม่เป็นประโยชน์มันก็กรรมของสัตว์ จะให้ว่าอะไรอีก ออกมาวันไหนมีแต่เรื่องสกปรก ฟังจนฟังไม่ได้นะ ก็มีเท่านั้นแหละ มีอะไรอีก

ผู้กำกับ                   :       อันนี้ฟ้องด้วยภาพนะครับ คนเก่ารองนายกฯคนเก่า เวลาพระป่ากับลูกศิษย์ติดตามเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาล หนึ่งก็หลบหลีกไม่ให้พบ สอง จะพบก็แสดงกิริยากับพระกับลูกศิษย์ที่ไปเป็นศัตรู ไม่ยอมต้อนรับด้วยดี นี่คนใหม่ครับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มาต้อนรับด้วยความนบนอบ เคารพนับถือพระป่าทั้งคณะ นี่เขาฟ้องด้วยภาพมา

หลวงตา         :       มันก็อย่างนั้นแล้วจะให้ว่าไง ดูเอาซิ ศาสนาเวลานี้กำลังแหลก ตลอดการบ้านการเมืองคลุกเคล้าเป็นมูตรเป็นคูถไปตาม ๆ กันหมด หาคัดเลือกที่ตรงไหนพอที่จะปล่อยใจลงได้มันจะไม่มีนะเวลานี้ หรือไม่มีก็ไม่ทราบะ มันมีจะอยู่เดี๋ยวนี้ หรือจะไม่มี หรือไม่มีเราก็ไม่ทราบได้ละ มันเลอะเทอะขนาดนั้นนะ ศาสนาล่วงมา ๒,๕๐๐ ปี วงศาสนากลายเป็นส้วมเป็นถาน กลายเป็นข้าศึกศัตรูต่อประชาชนไปหมดจะทำยังไง แต่ก่อนก็วาศาสนาวัดวาอาวาสเป็นที่ให้ความร่มเย็นแก่โลก เดือดร้อนวุ่นวายเข้าไปในวัดใจเย็นสบาย เดี๋ยวนี้เข้าไปดูไม่ได้ เป็นแต่ฟืนแต่ไฟ ในวัดในวามีแต่กองฟืนกองไฟ มีแต่ส้วมแต่ถาน ดูพระดูเณรก็มีแต่กองมูตรกองคูถ เต็มวัดเต็มวา แล้วจะให้เย็นใจได้ยังไง ให้กราบได้ลงคอยังไง ก็เมื่อมันเป็นอย่างนั้น

เหล่านี้มันเกิดขึ้นจากวัดจากพระ ไม่ได้เกิดขึ้นจากไหน พระใครจะสงบยิ่งกว่าพระของศาสดา อันนี้ยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดนี้มันพระของศาสดา หรือพระเทวทัต ก็พูดกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มันฝืนไปหาอะไรนักหนาไอ้ความสกปรกนี่ มันจะทำเอาให้ชาติศาสนาจมต่อหน้าต่อตาจริง ๆ พวกหน้าด้าน ด้านที่สุดพวกนี้ ไม่มียางอาย ดื้อด้านที่สุด ร้อยสันพันคม พลิกไปพลิกมา ก็มีดเล่มเก่านั้นแหละ พลิกไปไหนมันก็มีดเล่มนั้น จะให้ว่าไง มีเท่านั้นแหละ

เรานี่ไม่อยากยุ่ง ช่วยโลกสงสารก็ช่วยเพื่อความเป็นมงคล เราปฏิบัติมานี้เสียที่ตรงไหน นำพี่น้องทั้งหลายมาตั้งแต่เริ่มต้นออกนำชาติทั้งหลาย เงินบาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิน่ะ มีแต่มอบลงเพื่อโลกเพื่อสงสารด้วยความเมตตาถึงขนาดที่ร้องโก้ก แล้วจะไปหาเอาเงินหนึ่งบาทสองบาทมาได้ยังไง เอาไม่ลงว่างั้นเลย มีเท่าไรก็ทุ่มลง ๆ เพื่อชาติ ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เราบริสุทธิ์เต็มสัดเต็มส่วน ในประวัติศาสตร์นี้เราชี้นิ้วได้เลยว่าเราบริสุทธิ์สุดส่วนในหัวใจของเรา ตลอดกิริยาที่แสดงออกมากหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีมลทินติดตัวเลย ขนาดนั้นนะเราช่วยชาติ ผิดพลาดที่ตรงไหน

มันก็ได้มายุ่งกับพวกมูตรพวกคูถ พวกขี้นี่ เอาสมบัติเงินทองเจ้าของจนกระทั่งไม่มีติดตัวสักบาทหนึ่งเลย มันก็ยังหาเรื่องหาราวว่าเอาเงินไปเข้าพุงตัวเองพวกเปรตนี่ เข้าใจเหรอ มันเอาคำพูดที่ดีงามถูกต้องตามคำสัตย์คำจริงมาพูดไม่ได้เพราะมันไม่มี มันมีแต่ของปลอม มีแต่ของสกปรก ออกมาท่าไหนบาดหู บาดตา บาดใจ บาดตับปอดคนไปหมดนั่นแหละ พวกเปรตพวกผี นี่เราพูดโดยความบริสุทธิ์ของเราจริง ๆ  เราช่วยโลกคราวนี้เราช่วยเต็มสัดเต็มส่วน เชื่อตัวเองขนาดนั้น แล้วมันจะมีมลทินมาจากไหน ถ้าไม่ใช่พวกเปรตพวกผีมันหาขี้มาโปะกองทองคำทั้งแท่ง คือความสัตย์ความจริง ความบริสุทธิ์นี้เท่านั้น จะมีอะไร ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย

แหม เวลานี้เลอะเทอะมากนะ อำนาจบาตรหลวงขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง ขึ้นทั่วศาสนา มันจะเอาให้ชาติให้ศาสนาจมลงต่อหน้าต่อตา มันน่าทุเรศ ผู้รักษารักษาอยู่ศาสนา ผู้ทำลายก็ทำลายอย่างหน้าด้าน ๆ มันน่าทุเรศนะ ทุเรศจริง ๆ เราพูดไม่ออกข้างนั้นข้างนี้ มีหลักธรรมวินัยออกกางไว้เลยเชียว พูดตามหลักธรรมหลักวินัย ไม่ให้นอกเหนือจากนั้น มีเท่านั้นแหละ แล้วอะไรอีกละ สกปรกนี่ สกปรกจริง ๆ เอาธรรมจับ เราไม่ได้พูดดูถูกเหยียดหยามผู้ใด เอาธรรมจับความเคลื่อนไหวของมนุษย์เราสมัยปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในวงพุทธศาสนา เลอะเทอะไปหมด ไม่ว่าทางวัดทางบ้านเมืองเป็นแบบเดียวกัน จนจะดูไม่ได้นะ

พวกนี้มันไม่ได้หานะหาศีลหาธรรม บวชเข้ามาแล้วหาแต่ยศแต่ลาภ หาแต่ของสกปรก โปะนั้นโปะนี้ไปหมด มันไม่ได้มาหาศีลหาธรรม ถ้าหาศีลหาธรรมท่านบอกให้ยุ่งเหรอของเหล่านี้ ท่านตำหนิทั้งหมด ให้สละให้หมด มันไปกว้านหาเผาหัวมันทำไม เท่านั้นมันก็รู้แล้ว มันหยาบขนาดไหน ดื้อด้านขนาดไหน บวชเข้ามาเพื่อหายศหาลาภ หาอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ ที่จะหาอรรถหาธรรมให้เป็นความสงบร่มเย็นแก่ตนและผู้อื่นไม่หา นี่ละมันถึงร้อนเวลานี้ คือมันไม่หาตามพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า มันหาตามอำนาจของกิเลสป่า ๆ เถื่อน ๆ  มันก็ยุ่ง เอาละทีนี้จะให้พรนะ

วันไหนก็พูดแต่เรื่องสกปรก จะให้ว่าไง เราเบื่อจะตายนะ อยู่กับโลกพูดจริง ๆ เบื่อนะ แย็บออกมาคำไหนมีแต่มูตรแต่คูถ ที่จะสดสวยงดงามให้น่าดูน่าชมไม่มี มันเลอะเทอะขนาดนั้น

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก