เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เรียกว่าเปรตจะผิดไปไหน
ก่อนจังหัน
การสอนพระกับสอนฆราวาสคละเคล้ากันอย่างนี้เราไม่เคย ครูบาอาจารย์ก็ไม่เคย เฉพาะอย่างยิ่งหลวงปู่มั่นสอนพระนี่สอนเต็มเหนี่ยวกับพระ เพราะหน้าที่การงานต่างกัน ฆราวาสเป็นงานอย่างหนึ่ง พระเป็นงานอย่างหนึ่ง เวลาสอนฆราวาสก็สอนฆราวาสตามการงานที่จะเป็นประโยชน์ฝ่ายฆราวาส สำหรับพระก็สอนเน้นหนักลงในงานของพระที่จะเป็นประโยชน์แก่พระ ผู้มุ่งหวังมาต่ออรรถต่อธรรม ต่อมรรคผลนิพพานอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการสอนท่านจึงไม่ได้สอนคละเคล้ากัน สอนแยกกัน อันนี้เราไม่มีเวลาที่จะสอนเหมือนอย่างแต่ก่อน ซึ่งไม่มีคนมากมาย สอนพระล้วนๆๆ เวลาสอนประชาชนก็สอนประชาชนล้วนๆ
แต่เวลานี้ธาตุขันธ์ก็ไม่อำนวย เวล่ำเวลาก็ไม่มีมากต่อมาก ทั้งฆราวาสทั้งพระยุ่งไปหมด ทีนี้จะแยกสอนเป็นเวล่ำเวลากำลังวังชาของเราก็ไม่มี เวลาเราก็ไม่มี จึงจำเป็นต้องสอนแบบคละเคล้า ให้คัดเลือกเอาไปปฏิบัติ สำหรับพระก็ให้รู้หน้าที่การงานของตน ฆราวาสก็ให้รู้หน้าที่การงานของฆราวาส นำไปปกครองตนเองในครอบครัวเหย้าเรือน หน้าที่การงานถ้ามีธรรมแทรกอยู่แล้วจะดีไปเรื่อยๆ ถ้ามีตั้งแต่โลกกิเลสตัณหานี้ไม่ค่อยมีความหมายและไม่มีความหมาย แต่โลกตื่นตั้งแต่กับกิเลส ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม เพราะฉะนั้นความรุ่มร้อนจึงมีทุกหย่อมหญ้านั่นแหละ ทั่วโลกดินแดน อย่าไปเข้าใจว่าเมืองนั้นเจริญเมืองนี้เจริญ ธรรมท่านจี้เข้าที่หัวใจเป็นไฟด้วยกันทั้งนั้น เพราะกิเลสเป็นเจ้าอำนาจบังคับอยู่ที่หัวใจ หมุนเป็นฟืนเป็นไฟออกมา ใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นไฟกองใหญ่ ส่วนธรรมนั้นมีมากมีน้อยจะอบอุ่นๆ ไม่ว่าฆราวาส ไม่ว่าพระ และไม่ว่าประเทศใดเมืองใดถ้ามีธรรม ธรรมต้องเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นธรรมที่รับรองมาแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนๆ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทุกพระองค์ตรัสรู้แบบเดียวกัน ดำเนินแบบเดียวกัน ทรงญาณหยั่งทราบอดีต-อนาคตของกันและกันได้เป็นอย่างดี การนำมาสั่งสอนโลกจึงสอนแบบเดียวกันทั้งหมด จึงเป็นแบบฉบับ เป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสาร นำสัตว์ทั้งหลายผู้ปฏิบัติบำเพ็ญตาม ให้ได้ผลตามกำลังแห่งการบำเพ็ญของตนเสมอมาตั้งแต่กัปไหนกาลใด ธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จึงไม่เคยครึเคยล้าสมัย นอกจากกิเลสมันเข้าไปโจมตี กิเลสคือกองมูตรกองคูถ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง เข้าไปโจมตีทองคำธรรมชาติของพระพุทธเจ้าให้แหลกเหลวไปหมด ไม่มีในหัวใจของโลก มีตั้งแต่พวกมูตรพวกคูถ มันก็ก่อฟืนก่อไฟขึ้นมาในหัวใจ ไปที่ไหนหาความสุขความสบายไม่ได้
เราเป็นชาวพุทธอย่าตื่นจนเกินไป จะหาความสุขไม่ได้จนวันตาย จะบอกให้ชัดๆ ถ้ามีธรรมแทรกเข้าๆ จะมีหวังในตัวเองๆ ยิ่งมีความสนใจใคร่กับอรรถกับธรรม เจริญภาวนาทำความสงบใจในเวลาจะหลับจะนอนอย่างนี้เป็นประจำๆ ถือเป็นงานจำเป็นของตนด้วยแล้ว ผู้นั้นละเป็นผู้จะทรงไว้ทั้งสมบัติทางโลกที่ธาตุขันธ์อาศัยความเป็นอยู่ปูวาย ทั้งด้านธรรมะภายในจิตใจซึ่งเป็นโอชารสอันสำคัญเลิศเลอก็มีอยู่ภายในใจ คนนั้นไม่เสียท่าเสียที อยู่โลกนี้ก็พอเป็นพอไป ไปโลกหน้าก็รื่นเริงบันเทิงด้วยบุญกุศลของตน เพราะจิตใจนี้เป็นนักท่องเที่ยว ท่านทั้งหลายจำให้ดีนะ
คำว่า นักท่องเที่ยว คือออกจากร่างนี้เรียกว่าตาย ไปเข้าร่างนั้นเรียกว่าเกิดใหม่ ต้องเอาบุญเอาบาปนั้นละไปเกิด บุญบาปติดกับหัวใจ ใครชอบทำบาป ไปเกิดสถานที่ใดผิดหวังๆ ใครชอบทำบุญให้ทานเกิดที่ไหนสมหวังๆ เป็นลำดับลำดาไปจนกระทั่งถึงสมหวังเต็มภูมิ ดังท่านผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว นี่คือจากการสร้างความดีทั้งนั้น ถึงขั้นสิ้นกิเลส นี่สร้างอรรถสร้างธรรมถึงขั้นแห่งความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ทุกข์ไม่มีเข้ามาเจือปนเลย นี่การสร้างธรรม การสร้างกิเลสมีแต่กองทุกข์ทั้งนั้น ใครสร้างที่ไหนเป็นทุกข์ ไม่ต้องบอกสร้างขึ้นที่ไหนทุกข์จะเกิดขึ้นที่นั่น ก่อไฟเผาตัวเอง ก่อที่ไหนเผาที่ไหนร้อนที่นั่นๆ ให้พากันจดจำเอา
นี่หลวงตาก็จวนจะตายแล้วนะ ธรรมะเหล่านี้ได้เปิดเผย เริ่มมาตั้งแต่การช่วยชาติบ้านเมือง ปรกติธรรมะนี้ก็บรรจุในใจมาเป็นเวลาตั้ง ๕๔ ปี เปิดให้ชัดเจน ธรรมเป็นของจริงทำไมพูดไมได้ กิเลสพวกส้วมพวกถานมันยังโอ้ยังอวดกันทั่วโลกดินแดนได้ ธรรมเป็นของจริงเป็นของเลิศเลอ ทำไมจะเอามาประกาศท้าทายกับกองมูตรกองคูถของกิเลสนั้นไม่ได้ ต้องพูดได้ นี่พูดได้เต็มสัดเต็มส่วนในหัวใจ สอนท่านทั้งหลายนี้ออกมาจากภาคปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วให้ไปปฏิบัติ ผลมากน้อยเกิดขึ้น
เริ่มมาตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานสู้กิเลสไม่ได้ หนักเข้าๆ เอากิเลสแพ้ๆ แพ้ไปๆ ผลสุดท้ายกิเลสพังภายในจิตใจ ความทุกข์ไม่มีในใจเลยตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ เป็นเวลา ๕๔ ปี ท่านทั้งหลายจำเสียฟังธรรม เราเป็นลูกชาวพุทธอย่าขยะแขยงในเสียงอรรถเสียงธรรมที่เทศน์ให้ฟังเวลานี้ จะอาภัพมากทีเดียว นี้คือธรรมที่เลิศเลอ ธรรมที่เป็นมหามงคล ท่านทั้งหลายไปหาฟังที่ไหน นี่ถอดออกจากหัวใจ จากการปฏิบัติของตัวเองมาเปิดเผยให้พี่น้องทั้งหลายฟัง โดยไม่หวังเอาอะไรจากท่านทั้งหลาย
พอ เราพอทุกอย่างแล้วในหัวใจ ช่วยโลกเราก็ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย สละเป็นสละตายเพื่อชาติเพื่อศาสนา เราสละทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่ต้นก็สละชีวิตเพื่อฟัดกับกิเลส กิเลสไม่ตายเราต้องตาย สุดท้ายกิเลสพัง เราได้ครองตัวขึ้นมาด้วยอรรถด้วยธรรมที่เลิศเลอภายในหัวใจ แนะนำสั่งสอนบรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ ประชาชน อยู่เงียบๆ ธรรมดา จนกระทั่งถึงกาลเวลา จะเป็นตามนิสัยวาสนาก็ทราบไม่ได้ ถึงตามกาลเวลาที่จำเป็น เมืองไทยเราจะล่มจะจมให้เห็นต่อหน้าต่อตา เมื่อ ๒๕๔๐
นั้นละทีนี้ธรรมเริ่มไหวตัวละ ที่อยู่ภายในหัวใจนี่เริ่มออกๆ ตั้งแต่บัดนั้นออกมาจนกระทั่งบัดนี้ ธรรมะเหล่านี้กระจายไปทั่วโลกเวลานี้ ออกทางอินเตอร์เน็ตไปหมดแล้ว มีตั้งแต่ธรรมะที่เลิศเลอๆ ทั้งนั้น ภายในหัวใจที่ถอดออกไปสอนโลกทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายฟังเป็นสิริมงคลแก่ใจของตน ฟังเสียงกิเลสตัณหา เรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหา เรื่องความอิจฉาบังเบียด ชิงดีชิงเด่น มันมีแต่ชิงชั่ว ชิงฟืนชิงไฟกัน นี้ชิงมานานแล้วนะ อันนี้ให้ชิงดีชิงเด่นด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยการประพฤติตนเพื่อความดีงาม
เป็นยังไงชิงดีชิงเด่นกับชิงชั่วชิงเลวทรามต่างกันยังไง ชิงทางชั่วทางเลวทรามชิงไปตามกิเลสเป็นไฟไปด้วยกัน ชิงดีชิงเด่นด้วยอรรถด้วยธรรมนี้จะมีความผาสุกร่มเย็น ผัวเมียอยู่ด้วยกันชุ่มเย็นตลอดวันตาย เพราะต่างคนต่างมีธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ ไม่มีแง่มีงอน ไม่มีหลายสันพันคมพอจะเอามาฟันกัน ต่างคนต่างมีธรรม มีมากมีน้อยเป็นอวัยวะเดียวกันหมด ทั่วถึงกันหมด นี่เรียกว่าธรรม ตายใจกันได้ แล้วผาสุกร่มเย็น
ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมามองดูพ่อดูแม่ที่เป็นบุพพาจารย์ของเขา เขาก็ชุ่มเย็นเป็นสุข ไปเรียนหนังแส่หนังสือก็ได้ศัพท์ได้แสง ได้ความรู้วิชา ไม่ได้ไปเอาเรื่องอารมณ์ของพ่อแม่ทะเลาะกันในบ้านไปครุ่นไปคิด นั่งเหม่อนั่งมองอยู่เหมือนคนไม่มีสติ นี่คือเอาเรื่องของพ่อของแม่ทะเลาะกันในบ้านไปคิดในโรงเรียน เรียนหนังสือไม่ได้เรื่องได้ราว นี่คือเรื่องของความไม่ดี มันยังกระจายไปให้เด็กของเราเสียหายไปอีกด้วย ขอให้ท่านทั้งหลายนำธรรมไปปฏิบัติ
อดทน อยู่ด้วยกันไม่เก็บความรู้สึก ไม่อดไม่ทนต่อกันไม่ได้นะ ต้องทน คือกิเลสมันจะผลุนผลันออกมา ใครปากเปราะก็พูด ปากเปราะนั่นแหละเป็นไฟเผากัน แล้วทางนี้ก็มีไฟทางนั้นก็มีไฟ ต่างคนต่างเผากัน ทะเลาะกัน แล้วไฟนี้กระจายออกไปให้เด็กเดือดร้อนไปตามๆ กัน นี่คือขาดธรรม ถ้ามีธรรมแล้วให้ต่างอดต่างทนกัน ทำไมเราทนร้อนทนหนาว ทนหน้าที่การงาน ความทุกข์ลำบากอย่างอื่นเราทนได้ ทำไมทนคำพูดคำจาที่มีการกระทบกระเทือนกันบ้างระหว่างลิ้นกับฟัน ผัวกับเมียนั้นคือลิ้นกับฟัน บดเคี้ยวอาหารอยู่ในปากเดียวกัน ถ้าสติไม่ดีก็ทำให้ฟันกัดลิ้น การปกครองการอยู่ร่วมกันต้องมีสติคุ้มครองรักษากัน ใช้ความอดทน แล้วต่อไปอารมณ์อันนี้จางไปๆ ก็จะเห็นคุณค่าแห่งความอดทนของตน และเห็นโทษแห่งความปากเปราะๆ ไปที่ไหนแวดๆๆ ดุกันด่ากัน นี่ไม่ดี ไม่ใช่ธรรม ให้นำไปปฏิบัติ
สำหรับฝ่ายพระเราก็เหมือนกัน ต่างคนต่างมีหัวใจมาจากทุกแห่งทุกหน ทั่วโลกมาอยู่ที่นี่หลายประเทศ ก็ให้ต่างคนต่างดูหัวใจซึ่งเป็นมหาเหตุ มักก่อแต่ฟืนแต่ไฟเผาตนเองเสมอ จงดูนั้นด้วยสติธรรม ปัญญาธรรม สังวรธรรม ความสำรวมระวังตนเสมอ ข้อวัตรปฏิบัติอย่าให้บกพร่อง ไม่ว่าครูบาอาจารย์อยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม พระพุทธเจ้าคือธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัตินี้อยู่กับเรา นี้ละศาสดา ผู้ใดมีข้อวัตรปฏิบัติ ผู้ใดมีหิริโอตตัปปะ สำรวมระวังศีลธรรมตนด้วยดี ผู้นั้นชื่อว่าเข้าเฝ้าศาสดาซึ่งเป็นองค์แทนได้โดยสมบูรณ์
ดังที่ท่านสอนว่า ดูก่อนอานนท์ ทีแรกพระอานนท์เข้าไปทูลอาราธนาพระพุทธเจ้า ให้ทรงพระชนมายุอยู่เป็นเวลานาน พระองค์ก็สำทับเอาเสียบ้าง ภาษาของเราเรียกว่าดุ ว่า อานนท์จะมาหวังอะไรกับเราตถาคตอีกล่ะ ธรรมะทั้งหมดเราสอนนี้สอนเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อบุญเพื่อกุศล เพื่อมรรคผลนิพพานทั้งนั้น ไม่ได้แหวกแนวไปทางผิดพลาดประการใดเลย เราก็สอนหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว แล้วจะมาหวังอะไรกับเราอีก
จากนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดี นั้นแลคือศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว ผู้ใดมีหิริโอตตัปปะเป็นผู้สำรวมระวังให้เป็นไปด้วยศีลด้วยธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้มีศาสดาติดแนบกับกาย วาจา ใจของตนตลอดไป และสรุปความลงว่า อานนท์ เมื่อยังมีผู้ปฏิบัติตามธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราตถาคตแสดงไว้โดยถูกต้องแล้วนั้นอยู่ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ คืออรหันต์นี้ติดอยู่กับธรรมกับวินัย ไม่ได้ไปติดอยู่กับดินฟ้าอากาศ ฟ้าแดดดินลมที่ไหน ติดอยู่กับธรรมกับวินัยที่พระองค์ทรงสอนไว้แล้วโดยถูกต้อง ให้สำรวมระวังตรงนี้ให้ดี เท่ากับมีศาสดาแทน ศาสดากับมรรคผลนิพพานเกี่ยวโยงกันอยู่ ดูมรรคผลนิพพาน ให้ดูธรรมดูวินัย รักษาธรรม รักษาวินัยให้ดี ก็เท่ากับเราก้าวเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน
การประพฤติปฏิบัติจิตตภาวนา สติเป็นพื้นฐาน เราจะไปทำเป็นตามกิริยาว่าเดินจงกรมก็ดี นั่งสมาธิภาวนาก็ดี สำคัญอยู่ที่สติ สติให้ติดแนบ เช่นเราบริกรรมคำใดให้ติดแนบอยู่กับคำบริกรรม ทำหน้าที่การงานให้มีสัมปชัญญะความรู้รอบตัวอยู่กับตัว และการงานที่ตนกำลังเกี่ยวข้องอยู่เสมอไป นี่เรียกว่าผู้มีสติ ผู้บำเพ็ญเพียร เดินจงกรมหย็อกๆ สติไม่มี ปัญญาไม่มี ไม่เกิดประโยชน์ หมาเขามีตั้งสี่ขา ก็เรียกไอ้หยองไอ้กี้ เขาไม่เห็นเรียกวิเศษวิโสอะไร นี่เขาไปไม่มีสติ ไปตามประสาของเขา เราถ้าไปแบบไอ้กี้เลวกว่าไอ้กี้ เลวกว่าไอ้หยองนะ อย่าไปแบบนั้น ให้มีสติติดตัวแล้วจะเป็นสิริมงคล ความเพียรของเราจะค่อยหนุนขึ้นๆ
การบังคับกิเลสนี้ยากมาก ต้องบีบเอาให้เต็มเหนี่ยวนะ เรียกว่ารบกัน เหมือนนักมวยขึ้นต่อยกันบนเวที ต่างคนต่างสุดเหวี่ยงด้วยกัน ใครก็หวังจะเอาชนะ กิเลสเคยชนะเรามาแล้ว ทีนี้เราต่อสู้กับกิเลสเราก็หวังชนะกิเลส จึงต้องเอาให้สุดเหวี่ยงทุกคนด้วยสติปัญญา ศรัทธา ความเพียร ความอุตส่าห์พยายาม ความอดความทน อันนี้ให้ทุ่มลงมาเต็มกาย วาจา ใจของเรา เราจะได้ครองอรรถครองธรรม ครองมรรคครองผล กิเลสตัวดีดตัวดิ้นจะสงบตัวลง แล้วใจจะเย็นสบายๆ พากันจำให้ดีนะ เอาพูดเท่านั้นละวันนี้ ต่อไปนี้จะให้พร
หลังจังหัน
วันนี้ก็ยังจะต้องไปดูโรงพยาบาลอีก ทีแรกเขาขอเรา ก็เป็นเวลาที่เรากำลังจนตรอกจนมุมอยู่ด้วย ทีนี้เขาก็จนตรอกจนมุมเหมือนกัน ตกลงเขาก็หาเรี่ยไรกันมาปลูกตึก มันไม่พอละซี เราไปเที่ยวที่แล้วนี้ได้ทราบชัดเจน ว่าเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ต้องหาเรี่ยไรมาได้แค่ไหนก็ปลูกขึ้นละ เลยปลูกขึ้น แล้วได้เงินมาเท่าไร ยังขาดเท่าไร ถามเขา ทีนี้ได้มามันได้มาเพียงเล็กน้อย เวลาขาดมันขาดเท่าภูเขานี่ เอ๊อ จะทำยังไง ตกลงเราเลยให้หมดเลย เท่าภูเขานี่ให้หมดเลย อย่างนั้นแล้ว เราก็เห็นใจเขาที่อุตส่าห์พยายาม แม้จะขัดสนจนใจขนาดไหนเขาก็พยายามกัน ได้แค่ไหนก็เป็นกำลังของเขาเอง เราก็เห็นใจ ดูเหมือน ๓ ส่วนเขาได้เพียงส่วนเดียว เรายังช่วยอีกสองส่วนกว่าอีกโน่นน่ะ ไม่ใช้น้อยนะ จะต้องได้ไปดูอีก (งบทั้งหมด ๓ ล้าน เขาได้ประมาณ ๘ แสนครับ) ฟังซิเราจำไม่ได้ มันขาดเท่าไร นั่นละเราให้หมด อย่างนั้นแล้ว
เรายังมีอันหนึ่งมาข้องใจ เรียกว่ายังมีให้อภัยอยู่ แต่ก็ยังไม่แน่นักให้อภัยนี่ก็ดี ถ้าเหตุผลควรจะตัดอาจตัดได้ เขามาขอสะพานจากตึกที่สร้างใหม่ สะพานต่อจากตึกหลังนั้นมาหาหลังนี้ไม่มี เขาก็ขอเรา เราก็เดินไปดูจากนั้นมานี้ห่างกันประมาณเท่านั้น ว่าเท่าไร (ทีแรกเขาขอสองแสน แล้วตอนหลังมาขอเพิ่มเป็นสามแสนครับ) นั่นละเขาขอทีแรกสองแสน เอ้าให้ แล้วต่อมาขออีกเป็นสามแสนนะ ทีนี้เราก็คิดละซีว่าเขากำลังสร้าง หรือสร้างเสร็จแล้ว ทีแรกขอเท่านี้ไม่พอแล้วขอเท่านั้นแสน เรานึกว่าเขาทำไปๆ แล้วมันขาดเท่าไรเขาจึงขอเราเพิ่มตามที่ขาดนั้น เราเลยคิดลงใจไปว่าเขาสร้างอย่างน้อยจวนเสร็จ มากกว่านั้นเสร็จ เวลาเราไปดูยังไม่ลงมือสร้างเลย ขอแล้วเป็นเท่านั้นเท่านี้ เป็นทอดๆ ขึ้นไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สร้าง
เราไปก็ถามว่า ไหนสะพานที่สร้างนั้นเป็นยังไง เขาว่ายังไม่ได้สร้าง โหย สะดุดกึ๊กเลย ทำไมจึงพูดอย่างนี้ได้ พูดต่อกันมาหลายพักหลายตอน เราจนลงใจว่าได้สร้างแล้ว อย่างน้อยกำลังสร้าง มากกว่านั้นจวนจะเสร็จหรือเสร็จแล้ว นี้มายังไม่ได้ลงมือสร้าง มันยังไงกัน เราอาจถอนได้นะทำอย่างนี้กับเรา นี่เราก็ยังให้อภัยอยู่ ให้อภัยนี้ก็ยังรอจังหวะอีก เหตุผลกลไกยังไง ที่ควรถอนถอนได้นะเรา เหตุผลมันมีนี่ พูดอย่างนั้นก็พูดได้ ขอเท่านั้นแล้วขอเท่านี้ แล้วเหตุผลที่ไหนๆ อ้างมาเหล่านี้มันฟังไม่ค่อยขึ้น นี่เนินสง่า จ.ชัยภูมิ เรารู้สึกว่าใจจืดๆ ชืดๆ ชอบกลอยู่ เห็นคำพูดเหลาะแหละไม่สมกับที่มาขอเรา นึกว่าสร้างไปถึงไหนแล้ว หรือจวนจะเสร็จแล้ว เพียงสะพานแค่นี้ไปนั้น มาขอเท่านี้แล้วยังขออีกเท่านี้ ฟังว่าพวกช่างพวกอะไรติดต่อกันมาไม่ลงกัน เลยขออีกเท่านั้นๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สร้างเลย มันยังไงกัน
นี่ละที่เราช่วยโลกช่วยอยู่อย่างนี้ ไอ้ผู้ที่มันจนตรอกขอมามากนะไม่ได้ลด ส่วนการเงินของเราร่อยหรอ เพราะเราหยุดโครงการช่วยชาติแล้ว จตุปัจจัยอะไรก็ไม่ค่อยมีมา มีก็เขาถวายธรรมดามันก็ไม่พอ เบามาก จึงต้องเดือดร้อนถึงดอลลาร์ สำหรับเงินที่เขามาถวายเรานี่มันแต่ไหนแต่ไรมาแหละ ร้อยทั้งร้อยไปเลยเหมือนกันกับช่วยชาติ เงินช่วยชาติกับเงินที่เขาถวายเราเหมือนกัน เราไม่เคยสนใจกับเรื่องเงินของเรา ที่จะไปสั่งให้ซื้ออันนั้นอันนี้มาให้เรานี้ไม่เห็นมี มีแต่ออกทางโน้นออกทางนี้เรื่อย
มีหลายด้านหลายทางที่ช่วยโลก เรียกว่าหมุนไม่ทัน ทั้งขอรถขอรา ทั้งเครื่องมือแพทย์ อู๊ย มันยังไงนักหนา เรียกว่าช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดมาละ เงินของพี่น้องทั้งหลายที่มาบริจาคเรานี้ออกเพื่อโลกๆ ทั้งนั้นเลย หากว่าเราจะเก็บเงินที่ศรัทธาทั้งหลายมาบริจาคตั้งแต่สร้างวัดมานี้ เราไม่อยากจะพูดว่าพันล้านนะ ถ้าหากว่าหมื่นล้านขึ้นไปนั้นเราจะพูดได้เต็มปาก เพราะ ๔๙ ปีตั้งแต่สร้างวัดมานี้ ปัจจัยทั้งหลายไหลออกอย่างนี้ตลอดๆ มา ได้ ๔๙ ปี เราคำนวณดูซิมันจะไม่ถึงพันล้านยังไง พันล้านหรือหมื่นล้านขึ้นไป ที่เขาถวายมามากมาน้อยนี้ออกหมดๆ บางทีส่งมาเป็นสิบๆ ล้านอย่างนี้ก็ออกหมด เขาตั้งใจส่งมาถวายเฉยๆ ออกเหมือนกันหมดแหละเรา เราไม่เคยสนใจ แล้วเรื่องราวมีอะไรบ้างวันนี้
ผู้กำกับ หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย คอลัมน์วิจารณธรรม วันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม ๔๗ หัวข้อเรื่อง
ใครอยู่เบื้องหลังถล่ม "สมเด็จเกี่ยว" ??
ผมอยากจะให้พี่น้องพุทธศาสนิกชนได้ตั้งสติกันใหม่ ตั้งสติให้ดีๆ เพื่อจะได้เกิดปัญญาทบทวนกระบวนความถึงเบื้องหน้าและเบื้องหลังว่า ใครคือผู้ตอกลิ่มให้คณะสงฆ์แตก ??
จริงๆ แล้วคณะสงฆ์ยังไม่ถึงขั้นแตกออกเป็น ๒ เสี่ยง ๓ เสี่ยง แต่ก็ร้าวฉานไปแล้วทั่วสังฆมณฑล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวัดบวรฯ ก็ดี (จริงๆ แล้วไม่ดี) เหตุพระธรรมโกศาจารย์ เทศน์จวกพระวัดป่าด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงขั้นว่าสติฟั่นเฟือนก็ดี (จริงๆ แล้วก็ไม่ดี) หรือเหตุที่พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตาพระมหาบัว เทศน์จวกพระชั้นผู้ใหญ่ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงต่างๆ นานานั้นก็ดี
ซึ่งล้วนแต่ไม่ดี เป็นบ่อเกิดแห่งความร้าวฉานแก่การคณะสงฆ์ทั้งนั้น
ใครจะมีสติบ้างว่าควรจะแก้ไขปัญหานี้ ณ จุดใด
ทั้งนี้ก็ต้องหันมาทบทวนถึงชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานว่า เหตุนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากใครหรือแหล่งใด ซึ่งควรจะทบทวนนับตั้งแต่การยกร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ
ที่เป็นหมันไปแล้วนำมาพิจารณากันก่อนว่า ร่างฉบับมหาคณิสสรนั้นมีใครเป็นคณะผู้ดำเนินการยกร่าง อันเป็นชนวนเหตุให้เกิดข้อโต้แย้งตามมาอย่างหลากหลาย ทั้งคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่เห็นด้วย ทั้งคณะมหาเปรียญผู้ชำนาญการพระศาสนาก็ไม่เห็นด้วย และทางฝ่ายหลวงตาพระมหาบัวก็ไม่เห็นด้วย
รู้ทั้งรู้ว่ามีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย แต่กลับนำร่างฉบับนั้นยัดใส่มือ "สมเด็จเกี่ยว" !?
ทำให้ "สมเด็จเกี่ยว" ต้องตกเป็นเป้าโจมตีและถูกโจษอาบัติ !!
จากนั้นมาไม่นานก็มีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขึ้น ซึ่งก่อนจะมีการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยดำริว่า ควรจะให้มีคณะกลั่นกรองงานสมเด็จพระสังฆราช เพื่อให้งานของคณะสงฆ์ได้ดำเนินไปด้วยดีไม่ติดขัด ปัญหาการออกพระลิขิตปลอม หรือการแอบอ้างพระลิขิตเพื่อประโยชน์ของใครบางคนจะได้จบสิ้นกันไป
คณะสงฆ์วัดบวรฯ ก็ทราบถึงดำริของท่านนายกฯ จึงจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง มีการประชุมเตรียมการเพื่อจัดตั้งคณะกลั่นกรองงานพระสังฆราชขึ้นมา แต่ไม่รู้อีท่าไหน จู่ๆ ก็มีใครบางคนในฟากรัฐบาลเข้าไปก้าวก่ายงานของคณะกรรมการวัดบวรฯ จากนั้นก็เข้าไปในที่ประชุมมหาเถรสมาคม แจ้งความประสงค์ว่าเวลานี้สมเด็จพระสังฆราชยังอยู่ระหว่างทรงพระประชวร เห็นควรจะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาในลักษณะคล้ายกับผู้สำเร็จราชการแทน เพื่อให้พระองค์ได้ทรงพักผ่อนพระวรกายได้อย่างเต็มที่
วันนั้นเป็นวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๔๗ ทราบว่ามหาเถรสมาคมยังไม่มีมติใดๆ ออกมา เพราะยังไม่รู้ว่าจะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาในลักษณะใด จึงให้กลับไปดูหลักกฎหมายว่าด้วยการคณะสงฆ์เสียก่อน
ยังไม่ทันจะนำข้อกฎหมาย หรือลักษณะการจัดตั้งคณะทำงานเข้าไปกราบเรียนให้มหาเถรสมาคมได้พิจารณาลงมติว่า จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ก็กลับไปออกประกาศแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และแต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ จากนั้นก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๗
พอวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคม เลขาธิการจึงนำเรื่องนี้เข้ากราบเรียนให้มหาเถรสมาคมได้ทราบและอนุโมทนา มหาเถรสมาคมได้ย้ำในมตินั้นว่า ให้ดำเนินการไปตามมาตรา ๑๐ แห่งพรบ.คณะสงฆ์ และให้รัฐบาลรับไปจัดทำประกาศ
มส.ทุกรูปยังไม่รู้เลยว่า เรื่องที่พระคุณท่านอนุโมทนาไปนั้นได้ประกาศใช้ไปแล้ว !!
หลังจากนั้นมาก็มีการผลักดันให้ "สมเด็จเกี่ยว" แต่งตั้งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เป็นผลให้สมเด็จพระสังฆราชต้องพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เป็นการชั่วคราว หลังจาก "สมเด็จเกี่ยว" ลงนามแต่งตั้งไปแล้ว คณะผู้ดำเนินงานก็นำคำสั่งนั้นไปประทับพระตราอิสริยยศของสมเด็จพระสังฆราช
ถูกหรือผิดอย่างไรเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสำนักพุทธ ที่จะต้องให้คำตอบแก่ประชาชน ครั้งแรกพระภิกษุสายวัดป่า ๑๐ รูปเดินทางเข้ายื่นหนังสือและเรียกร้องให้สำนักพุทธตอบคำถาม แต่ไม่มีใครออกมาตอบ
ให้โอกาสค้นหาคำตอบอีก ๑๐ กว่าวัน พระภิกษุสายวัดป่า ๓๐๐ กว่ารูปได้เดินทางเข้าไปทวงคำตอบอีกครั้ง สำนักพุทธปล่อยให้ท่านนั่งรอนานนับ ๒ ชั่วโมงก็ไม่มีใครออกมาให้คำตอบ
พอพ้นจากวันนั้นไปแล้ว ทางสำนักพุทธถึงได้มาออกแถลงการณ์เรื่องการใช้พระตราสมเด็จพระสังฆราชอย่างไม่เป็นทางการนัก
คิดออกหรือยังใครทำให้สงฆ์แตก !!
ณ. หนูแก้ว
หลวงตา แล้วใครคิดออกหรือยังล่ะ แล้วมีอะไรอีกล่ะ
ผู้กำกับ อันนี้ก็มากอยู่ แต่มีเนื้อหาสาระ เป็นแถลงการณ์ขอสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของมหาเถรสมาคม
ชาวพุทธแห่งประเทศไทยประกอบด้วยชาวพุทธหลายฝ่าย ติดตามการทำงานของมส.ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ในประเทศไทย ได้รับความยอมรับจากคณะสงฆ์ การอุปถัมภ์จากฝ่ายรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ประชาชนชาวไทยอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีการเบียดเบียนกันเหมือนบางประเทศ พระสงฆ์ต่างทำหน้าที่ช่วยเหลือพุทธศาสนาตามภูมิธรรมและกำลังของตน แต่ละรูปชำนาญการในเรื่องอะไรก็ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ถึงแม้ว่าพระสงฆ์ประเทศไทยจะมีจำนวนมากและแบ่งเป็นนิกายถึงสองนิกาย คือ มหานิกายและธรรมยุต ก็ตาม แต่การปกครองก็ยังอยู่ใน พรบ.สงฆ์ด้วยกัน อยู่ภายใต้ร่มโพธิสมภารเดียวกัน มีการเอื้ออาทรช่วยงานพระพุทธศาสนา งานของประเทศชาติอย่างไม่ย่อท้อ ทำให้พระสงฆ์สามเณรในประเทศไทย ถึงแม้จะมีถึงสองนิกายก็ตาม พระสงฆ์สามเณรก็ยังมีสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจนถึงปัจจุบัน
ต่อจากสองสามปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เกิดวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจขึ้นอย่างรุนแรง ได้มีพระสงฆ์ที่สร้างบทบาทให้แก่สังคมขึ้นมา ทำให้พระสงฆ์ไทยมีความโดดเด่นด้วยการสังคมสงเคราะห์ ด้วยการจัดทำโครงการผ้าป่าช่วยชาติขึ้น คือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ช่วงแรกของโครงการเป็นประโยชน์แก่สังคมอย่างดียิ่ง ระยะหลังเมื่อเงินมากขึ้น คนนับถือมากขึ้น ทำให้ลืมพื้นเพเดิมว่าตนเองเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา นึกว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ พูดจาไม่เกรงกลัวผู้ใด หยาบคายกักขฬะ พูดจาไม่เหมาะสมที่จะเป็นพระผู้ใหญ่ในสังฆมณฑล
ดูถูกเหยียดหยามองค์กรการปกครองคณะสงฆ์ เป็นเสมือนองค์กรเปรต เป็นกลุ่มที่ทำลายพุทธศาสนา ไม่มีรูปไหนที่รักษาพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นกลุ่มที่ละโมบโลภมาก อยากได้ยศได้ตำแหน่ง เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง และอีกสารพัดที่จะสร้างผลกระทบให้กับพุทธศาสนาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น นิสัยดื้อด้านไม่ฟังใคร คุณสมบัติไม่ใช่อรหันต์ที่แท้จริง แต่โกหกหลอกลวงประชาชน ใช้ชื่อโครงการว่า โครงการผ้าป่าช่วยชาติ แต่ได้เงินจากการทอดผ้าป่า ทำให้คนรอบข้างมีฐานะสมบูรณ์พูนสุขอย่างถ้วนทั่ว ทำให้นายทองก้อน วงศ์สมุทร ออกมาประท้วงคัดค้าน ปลด ดร.วิษณุ เครืองาม และ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ออกจากตำแหน่ง ประท้วงชุมนุมคัดค้านพระสงฆ์เป็นจำนวนหลายครั้ง รวมจำนวนการประท้วงคัดค้านไม่ต่ำกว่า ๕๐ ครั้ง เป็นที่เอือมระอาของหมู่สงฆ์ด้วยกัน
อนึ่งการแต่งตั้งพระพุทธชินวงศ์ เป็นผู้รักษาการแทนพระผู้ใหญ่ธรรมยุตในครั้งนี้ เป็นเพียงการรักษาการชั่วคราว ในระหว่างเวลาที่สมเด็จพระสังฆราชทรงประทับรักษาพระองค์อยู่เท่านั้น มิใช่เป็นการแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตเป็นการถาวรแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนของการประทับพระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ลงนามแต่งตั้งเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในตำแหน่งแต่งๆ ในพระนามสมเด็จพระสังฆราชแล้ว จะต้องประทับตราพระตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชให้ปรากฏว่า เป็นการกระทำในพระนามโดยอำนาจหน้าที่อันมีอยู่เอง แต่โดยที่พระตราดังกล่าวไม่ได้เก็บรักษาไว้ที่วัดสระเกศ หากแต่เก็บรักษาไว้ที่สำนักงานสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์จึงมีหนังสือถึงพระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อจะให้ดำเนินการต่อไป สำนักงานสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ ก็จะตรวจสอบความถูกต้องแล้วเสนอไปให้เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ประทับตราดังกล่าวเอง แล้วส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางวัดสระเกศแต่ประการใด
จึงเห็นได้ว่าเป็นการตรวจสอบและคานกันดีอยู่แล้ว และถูกต้องดีงามตามกฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติทุกประการ หาได้มีสาระที่ผู้ใดจะยกขึ้นโต้แย้งไม่ ทั้งนี้ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการดำเนินการดังกล่าว สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เสนอคำชี้แจงนี้ต่อที่ประชุมมส. และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทราบด้วยแล้ว จึงขอชี้แจงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
หลวงตา ก็แสดงว่าวัดทั่วประเทศไทยนี้มีวัดที่บริสุทธิ์ คือวัดสระเกศวัดเดียวนี้เท่านั้นใช่ไหมล่ะ เราก็ต้องถามปัญหาไปอย่างนั้น ว่าอะไรช่างเราไม่สนใจ เรื่องความสกปรกมันจะเอาความสะอาดมาพูดไม่ได้ ต้องเอาแต่เรื่องความสกปรกมาพูด ความดีงามเลยถูกทำลายไปหมดๆ ใครทำความดีที่ไหนๆ เที่ยวตามลบล้าง ตามทำลายกีดขวางประเภทต่างๆ อยู่ในพวกนี้ทั้งนั้นจะเป็นพวกไหน ที่ว่าเปรตนั่นผิดไปตรงไหนล่ะ ผู้ที่ทำความเสียหายแก่ชาติแก่ศาสนามันคือตัวไหนล่ะ ตัวไหนร้ายกาจกว่ากัน ปากว้อๆ หลวงตาบัวว่าพวกเปรตนี่มันผิดที่ตรงไหน ก็มันทำชาติและศาสนาจะให้ล่มจมอยู่ตลอดมานี้จะว่าไง เสียหายไหมตรงนั้น ที่เราว่าพวกทำลาย ว่าพวกเปรต มันผิดไปไหนล่ะ ผู้อื่นเราก็ไม่ได้ว่าเปรตนี่นะ เราว่าแต่พวกมันจะกินบ้านกินเมือง กินไม่เพียงไม่พอกินไม่หยุดไม่ถอยนี้ต่างหากนี่นะ เรียกว่าพวกเปรต กินไม่หยุด หิวโหยมากทีเดียวพวกนี้ มีเท่านั้น แล้วมีอะไรอีกล่ะ
ผู้กำกับ มีอีกครับ แต่เขาชี้แจงมาเยิ่นเย้อยืดยาว ต้องไปย่อก่อนครับ
หลวงตา เราก็ไม่อยากฟัง คือมันมีตั้งแต่เรื่องโกหกหลอกลวงปลิ้นปล้อน หวานลิ้น หลอกคนตลอด ความจริงนิดหนึ่งมันไม่มีๆ เอาธรรมจับไปตลอดนี่นะเรา เพราะฉะนั้นอ่านที่ไหนที่ควรย้อนเอ้าย้อนอีก เราจะฟังทุกกิทุกกีเลย มันไม่มีสาระอะไรเลยพอที่จะยกขึ้นมาพิจารณา และเป็นการส่งเสริมพุทธศาสนา มันมีแต่เรื่องทำลายทั้งนั้นไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่ ออกมาด้วยการทำลายทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นคนทั้งแผ่นดินไทย ทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ผู้ดิบผู้ดีท่านฟังอยู่ด้วยความเป็นคนเหมือนกัน ทำไมท่านจะทราบไม่ได้ เมื่อทราบแล้วต้องคัดค้าน ชะล้างกันมาตลอดอย่างนี้แหละ ไม่งั้นกลืนหมดพวกนี้ พวกนักกลืนนักกิน เรียกว่าเปรตจะผิดไปไหน กินไม่หยุดไม่ถอย
การพูดอย่างนี้ไม่ได้เสียหายอะไร เหมือนผู้ที่กินที่กลืนนะ ผู้ที่กินที่กลืนด้วยอุบายวิธีการต่างๆ นั้นละตัวสำคัญมาก เสียหายตรงนั้น ที่ว่าพวกเปรตมันเสียหายตรงไหน ก็มันกินมันกลืน ว่าเปรตเท่านั้นเสียหายตรงไหน มีเท่านั้นเหรอ
ผู้กำกับ อันนี้เหมือนกับเขาแปลงสารละครับ ที่เขาเขียนว่าดีก็แปลงเป็นชั่วเสีย เขาเขียนว่า ขบวนการขบถต่อพระพุทธเจ้า (เป้าหมายทำลายพุทธ) เขาคือ ๑) ลัทธิศาสนานิยมความรุนแรง ๒) ลัทธิศาสนาแบบศาสนสัมพันธ์ ๓) กลุ่มพุทธที่กลายพันธุ์ ทั้งสามนี้เขาโยงมาเข้าคุณทองก้อน ออกจากคุณทองก้อนก็ไปถึงมหาเถรสมาคม พระเถระ แล้วก็ศาสนสัมพันธ์ ทั้งสามอย่างนี้โยงมาที่รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม แล้วลงมาที่ ผอ.อุดม สนง.พระพุทธศาสนา
หลวงตา แล้วเขามีความหมายอะไร
ผู้กำกับ ก็เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นแหละครับ
หลวงตา เอาละเข้าใจ เขาเอามานานแล้วพึ่งมาออกหนังสือพิมพ์ เขากินจนขี้ออกแล้วนี่พึ่งมาออก เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เขาออกมานานเป็นมานาน กินมานานแล้ว เราก็ฟังไปเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ที่อุตส่าห์พยายามบึกบึนนี้ก็เพื่อพี่น้องทั้งหลาย เราเองเราไม่มีอะไร นี่เกี่ยวโยงกันหมด ไม่งั้นมันจะกลืนเสียหมดเลย เอาไม้ค้ำคางมันไว้ ก็มีเท่านี้แหละ กับคุณทองก้อน เพราะฉะนั้นมันถึงขวางเขานักหนา สองกษัตริย์นี่ขวางเขามากทีเดียว กษัตริย์ทองก้อน กษัตริย์บัว มันขวางเขา เอาไม้ค้ำคอเขาไว้ ไม่งั้นมันจะกลืนจนหมดเลย มีสองกษัตริย์นี่เอาไม้ค้ำคอไว้ มันจึงมาบีบมาบี้มาโจมตีทุกแบบทุกฉบับ ตีก็ตีไปเถอะเฉย ขอให้งานการดำเนินไปเป็นอรรถเป็นธรรม เพื่อเชิดชูชาติไทยและพุทธศาสนาของเรา เราเป็นที่พอใจ ตายไปเมื่อไรเราก็หายห่วง จะมาทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าทั้งๆ ที่ขวางทุกสิ่งทุกอย่าง ขวางตาขวางใจทุกอย่างให้เราฝืนไปตาม เราฝืนไม่ได้เราบอกจริงๆ ต้องเอากันอย่างตรงไปตรงมาเลย ก็มีเท่านั้นละ
ผู้กำกับ เขาสับเปลี่ยน เดิมสนง.พุทธศาสนาแห่งชาติ ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ตอนหลังเปลี่ยนใหม่เมื่อวานนี้ ครม.เปลี่ยนมาให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบสนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติแทนวิษณุ เครืองาม ไปแล้วครับ
หลวงตา อันนี้เป็นมงคลอยู่ เราฟังแล้วเป็นมงคลอยู่ ถ้าปล่อยให้มันอยู่นั้นหมดชาติหมดศาสนา เกี่ยวโยงไปหมด เอาพุทธศาสนาเป็นกำลังอันใหญ่หลวงทีแรก เริ่มตั้งตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติอุปถัมภ์อุปัฏฐาก นี่ละแผลงฤทธิ์ขึ้นตรงนี้ จะขึ้นตรงนี้ แล้วจะกวาดต้อนเอาใครๆๆ มาเป็นเครื่องมือเป็นบ๋อยของมันหมดแล้ว ตลอดชาวพุทธของเรา เอามาเป็นเครื่องมือแล้วเข้าโจมตีชาติ
นี่ได้รู้ได้เห็นอยู่ตลอดเวลานี่จะว่าไง เพราะฉะนั้นจึงต้องเอากันอย่างหนักเลย นี่กำลังใหญ่มันจะเข้าช่องนี้ พูดให้มันชัดอย่างนี้ มันจะกลืนทั้งชาติกลืนทั้งศาสนา เอาศาสนาเป็นเครื่องมือ เป็นอำนาจใหญ่หลวงและเข้าไปตีชาติให้จม ชาติจมได้ง่ายถ้าลงศาสนาเข้าตรงไหน เพราะศาสนามีอำนาจมากนะ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นเราเป็นเจ้าของของทั้งชาติทั้งศาสนาใครจะมาแตะไม่ได้ เราออกอย่างนี้เลย เอ้ามาๆ แตะไม่ได้ ว่างั้นเลย เราพูดตรงๆ อย่างนี้ละเรา เราไม่กล้ากับใคร ไม่กลัวกับใคร ผิดมาฟัดกันเลย ใครจะว่าเราพูดหยาบโลนหรือพูดอย่างเขาโจมตี โจมตีช่างหัวเขาซิปากเขานี่นะ เราอยากฟังก็ฟัง ไม่อยากฟังเราก็เฉยเสีย ปากเราก็มีใช่ไหมล่ะ ปากเขาก็มีให้เขาว่าไปซิ ไปสนใจอะไร เราเล็งแต่เหตุแต่ผลกลไกที่สำคัญเพื่อชาติเพื่อศาสนาของเรานี้ ที่เรารักษาอยู่ด้วยกันทุกคนนี้สำคัญมาก เราจะดูจุดนี้ จุดเหล่านั้นว่าอะไรช่างหัวมัน เห่าแว้กๆ วักๆ เป็นอะไร มีเท่านั้นละ
นี่เปลี่ยนกันมาแล้วก็เป็นมงคลละ คราวนี้เป็น เราพิจารณาโล่งใจ แยกออกมานี้ ไม่อย่างนั้นหมด เพราะฉะนั้นถึงได้เอากันตลอดกับเรา เรียกว่าชี้นิ้วเลย ถอยไม่ได้ว่างั้น ถึงขนาดที่ว่าไล่มันออก เขี่ยมันลงทะเล นู่นน่ะเรา ของเล่นเมื่อไร นี่ละเขาว่าเราหยาบ ก็ไม่หยาบยังไง เขี่ยตัวมหาภัยต่อชาติต่อศาสนาลงทะเล เพื่อคนทั้งชาติทั้งศาสนาจะได้อยู่เป็นผาสุกมันหยาบที่ไหนหลวงตาบัว ให้เขี่ยตัวเสนียดจัญไรออกมันเสียหายที่ตรงไหน เอาสิ่งที่เป็นมงคลไว้เทิดทูน ชาติศาสนาเป็นสมบัติของเราทุกคน เราเห็นอันนี้เป็นสำคัญ
เพราะฉะนั้นอันไหนที่มาเป็นภัยเขี่ยลงทะเล เราเองพูดน่ะ เอ้าใครจะว่าอะไรให้ว่า เราพูดจริงๆ เอาไว้ทำไม คนทั้งโลกเขารู้กันทำไมตัวเองยังไม่รู้ตัวเอง ยังจะกลืนบ้านกลืนเมืองต่อไป หน้าดื้อหน้าด้านมีอย่างเหรอ นี่แล้วมันถึงเอากันหนัก เขาว่าหลวงตาบัวนี้หนัก ไม่หนักยังไงข้าศึกมีแต่มหาโจรๆ จะเอาหมัดเดียวไม่ได้ก็ฟาดสองหมัดสามหมัด ไปยืมหมัดหมามาช่วยอีก ฟัดกันอีกซิ ให้ถอยไม่ถอย หมาเรามีหลายตัว ตัวหนึ่งมันมีกี่หมัดไม่รู้ละ เรียกร้องมันมา สูช่วยกูนะ หมัดกูหมดแล้ว หมัดสูอยู่หลังมีกี่หมัด กูจะขนไปฟัดมันหมดละ เอาละพอ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |