เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
ผู้มีศาสดาติดตัว
ก่อนจังหัน
ในธรรมท่านกล่าวไว้ว่า สถานที่ใดวัดใดอติเรกลาภมาก เหลือเฟือ สถานที่นั่นวัดนั้น พระเณรเหล่านั้นจะเสื่อมจากอรรถจากธรรม จะไปเต็มอยู่ที่อติเรกลาภ ธรรมภายในใจแห้งผาก ท่านทั้งหลายมาศึกษาจำคำนี้ให้ดี สถานที่ใดขาดแคลน เขียมๆ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมเหมาะสมแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวชไปอาศัยขอทาน จากความเป็นกษัตริย์เข้าอยู่ในป่า ไปบิณฑบาตตามคนที่เขาให้ทานธรรมดาๆ ไม่มีศาสนา พระองค์ตรัสรู้ธรรมเพราะอาหารขาดแคลน บรรดาพระสงฆ์สาวกไม่ค่อยเหลือเฟือ อยู่แต่ในป่าในเขา ขาดแคลนในจตุปัจจัย เพราะท่านแสวงหาอย่างนั้นเอง ไม่ใช่ถูกทรมาน ท่านเสาะแสวงหาที่ขาดแคลนในด้านวัตถุ แต่ให้เจริญรุ่งเรืองชุ่มเย็นในด้านธรรมะ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิชชา วิมุตติ นี้เป็นสมบัติของพระผู้มุ่งต่อมรรคผลนิพพานโดยแท้ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า
ท่านว่า สกฺกาโร ปุริสํ หนฺติ ลาภสักการะย่อมฆ่าคนโง่เสีย นั่นฟังซิ คือลาภสักการะเกิดขึ้นมา ผู้รับต้องเป็นผู้มีสติปัญญา มีอะไรก็กว้านเอาๆ สุดท้ายก็ภายในใจจม อติเรกลาภภายนอกกินมากๆ แล้วเหมือนหมูขึ้นบนเขียงไม่ยอมลง เขียงก็คือหมอน กินมากนอนมาก ขี้เกียจมาก สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมให้พึงระวังสำรวมข้อนี้ให้ดี อะไรจะมีมามากน้อยให้ดูธรรม อย่าไปดูสิ่งของวัตถุต่างๆ มากกว่าดูธรรมภายในใจ เหมาะสมที่ตรงไหน การขบการฉันมีมากมีน้อย เราจะกำหนดเอาเฉพาะที่เหมาะสมกับการบำเพ็ญธรรมของเรา อดบ้างอิ่มบ้างนั่นละผู้ปฏิบัติธรรม ธรรมจะเจริญที่นั่น ผู้ที่มีแต่ความเหลือเฟือๆ ภายนอก ภายในไม่มีธรรมภายในใจ แห้งผากๆ
ท่านทั้งหลายมาศึกษาอบรม ตั้งหน้าตั้งตามาจริงๆ ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ สำรวมระวัง ระมัดระวังสิ่งที่กล่าวเหล่านี้ด้วยดี ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยง เป็นคุณแก่ร่างกายของเรา แต่เมื่อสติปัญญาไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็เป็นข้าศึกต่อตัวของเราได้ จึงให้พากันพินิจพิจารณาทุกคน การเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ในท่ามีสติทุกอิริยาบถ นี้แลเป็นทางเดินของศาสดา ท่านทั้งหลายอย่าไปหามรรคผลนิพพานนอกไปจากหลักธรรมหลักวินัย ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว
วินัยเป็นเครื่องกำจัดภัยทั้งหลายออก ด้วยการสำรวมในศีลของตน นี่ละดูตรงนี้ อย่าไปดูต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศ ดูเวล่ำเวลานาที สมัยนั้นสมัยนี้ อันนั้นเป็นความล้มเหลว เรียกว่าลมปากหลอกกัน ให้ดูธรรมดูวินัย นั่นแลคือองค์ศาสดาอยู่ตรงนั้น ดังที่ท่านสอนไว้ว่า ดูก่อน อานนท์ พระธรรมและพระวินัยนั้นแล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว นั่น เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายจงมีความหนักแน่นมั่นคง อยู่กับธรรมกับวินัยที่เป็นศาสดาของเธอทั้งหลายเอง เธอทั้งหลายจะไม่ห่างเหินจากมรรคผลนิพพาน จะติดแนบอยู่ภายในใจนั้นแหละ คือศาสดา ได้แก่ธรรมแก่วินัย
ใครมีความมั่นคงในธรรมในวินัย ผู้นั้นแลมีศาสดาติดเนื้อติดตัวตลอดไป แต่ผู้ไม่มีนั้นตายทิ้งเปล่าๆ ถ้าเป็นพระก็หัวโล้นเปล่าๆ หัวล้านเปล่าๆ กินเปล่าๆ ตายเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่มีธรรมภายในใจ ฆราวาสก็มีกิเลสมีกองทุกข์เหมือนกัน ขอให้นำไปใช้ในความพอดิบพอดี ความรู้จักประมาณในการกินอยู่ใช้สอยในครอบครัวของตน จะไม่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้มากเกินไป เพราะเป็นทางของกิเลส ความพอไม่มี มีแต่ดีดแต่ดิ้น ผลที่ได้ก็คือความทุกข์ความเดือดร้อน ผิดหวังๆ นั่นแหละ จำ นี่เทศน์ให้ฟังทุกคน
ท่านทั้งหลายมามุ่งอรรถมุ่งธรรม ธรรมอยู่กับที่แสดงเวลานี้ อย่าห่างเหินจากศาสนธรรม ไปที่ไหนให้ระลึก พุทโธ ไปที่ไหนให้ระลึกถึง ความตาย คนเรามีป่าช้าทุกคน ในศาลาหลังนี้ไม่เว้นแม้รายเดียวที่จะไม่ตาย เป็นแต่เพียงว่าช้าเร็วต่างกันเท่านั้น ในขณะที่มีชีวิตอยู่นี้ให้ขวนขวายหาธรรมของศาสดาที่ประทานให้แล้วเข้าสู่ใจ ด้วยความประพฤติปฏิบัติกำจัดความชั่วช้าลามกทั้งหลายที่เป็นภัย ออกจากกายวาจาใจของตน สำรวมระวัง อรรถธรรม อิติปิโส สฺวากฺขาโต สุปฏิปนฺโน นี้เป็นสมบัติประจำชาวพุทธ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้เป็นสมบัติประจำชาวพุทธ อย่าห่างเหินจากธรรมเหล่านี้ ท่านทั้งหลายจะมีศาสดาติดตัวติดใจทั่วหน้ากัน ไม่ว่าฆราวาส ไม่ว่าพระ เอาละพูดเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้จะให้พร
หลังจังหัน
(ทอง ๑๐ บาทครับผม) นั่นค่อยซึมซาบเข้ามาเรื่อยๆ ทองคำที่ว่าคี่นี้น้ำหนักตั้ง ๑ ตันนะ มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๑๐ ตัน มันเลยจาก ๑๐ ตันไป ๓๙๔ กิโลแล้ว จำนวนนี้ละจะคืบคลานไปถึงหนึ่งตัน พอได้ถึงหนึ่งตันแล้วก็คู่ เช่นอย่างเก้านี้ก็เป็นสิบ เวลานี้คลังหลวงของเรายังคี่อยู่ ก็ไม่เคยได้ยินว่าใครเอาทองคำมาเพิ่มอีก ก็มีแต่พวกเราทั้งหลายนี่ละเพิ่มเข้าไป ทองคำเรายังขาดอยู่อีก ๖๐๖ กิโลจะครบจำนวนหนึ่งตัน พอได้หนึ่งตันแล้วก็คู่แล้วก็มอบ เราก็จะประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบโดยทั่วกัน อย่างขาดตัวเลยคราวนี้ ไม่มีเงื่อนต่อ ให้เป็นปรกติกันทั้งประเทศเลย เวลานี้ยังเป็นปรกติไม่ได้ คือทองคำเรายังขาดอยู่ตามที่เรียนให้ทราบนี่ละ
สำหรับดอลลาร์นั้นเราก็ได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่า แต่ก่อนดอลลาร์นี่เป็นเคียงคู่กันไปกับทองคำ มีจุดหมายตายตัวว่าทองคำต้องให้ได้ ๑๐ ตันเป็นอย่างน้อย ดอลลาร์ต้องให้ได้ ๑๐ ล้านเป็นอย่างน้อย นี่เราก็ได้แล้ว ทองคำก็ ๑๐ ตัน ๓๑๒ กิโลครึ่ง ดอลลาร์ก็ได้ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ที่เข้าคราวนี้ ทีนี้ดอลลาร์นี้ถึงจะขาดมากน้อยเพียงไร เราก็ไม่ถือว่าจำเป็นอะไร เพราะดอลลาร์นี้จะได้หมุนออกมาช่วยเงินสดเงินไทยที่ช่วยโลกอยู่เวลานี้
ตั้งแต่เราหยุดเทศนาว่าการที่เรียกว่าการช่วยชาติแล้ว ก็ไม่ได้ไปเทศน์ที่ไหนๆ แล้วรายได้รายมีเกิดขึ้นมาก็ไม่มี ส่วนผู้ที่มาขอร้องนั้นมาทุกทิศทุกทางตลอดมา เงินก็ร่อยหรอลงไปๆ เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าจะเอาดอลลาร์นี้เข้ามาช่วยกัน หมุนเข้าไปเป็นเงินไทยช่วยชาติต่อไป จึงบอกว่าไม่แน่ละ ส่วนทองคำนั้นเรียกว่าร้อยทั้งร้อยตลอดไป แม้ที่ว่าได้จำนวน ๑ ตันแล้วก็ตาม มีท่านผู้ใดเข้ามาบริจาคอีกเราก็ต้องเก็บไว้ตามเดิม เก็บไว้ๆ ควรหลอมก็หลอม เสร็จแล้วก็มอบตามเดิม ทั้งที่ประกาศแล้วว่าหยุดแล้ว แต่ท่านผู้มีศรัทธายังถวายเข้ามา เราก็ต้องเก็บไว้ตามเดิม อันนี้เป็นทองคำเข้าคลังหลวงร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนดอลลาร์ไม่แน่ ระยะนี้ไม่แน่ เพราะดอลลาร์ต้องได้หมุนตัวออกมาช่วยเงินไทยเงินสดที่ช่วยชาติเวลานี้ทั่วประเทศ หมุนไปตลอด ก็เอาเงินที่มีอยู่มากน้อยนี่ละออกไป
สำหรับเงินหลวงตาบัวนี้ไม่ต้องพูดนะ เงินหลวงตาบัวนี้บอกว่าไม่มีได้เลย ไม่มีเงินเหล่านี้มาเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองที่จะรักสงวนไว้ ไม่จับไม่จ่ายให้เป็นประโยชน์แก่โลกอย่างนี้ไม่มี มีเท่าไรไหลออกหมดมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดตลอด จนกระทั่งมาช่วยชาติบ้านเมืองนี้ก็รวมกันเข้าไปเลย ทีนี้เมื่อเวลาการช่วยชาติได้ยุติลง เงินจำนวนนี้ก็ต้องรับภาระหนัก ไม่มีที่ไหนช่วยใช่ไหม เงินที่เขาถวายเราเป็นอัธยาศัยๆ เงินจำนวนนี้แหละออกช่วยชาติอยู่ตลอดเวลา รู้สึกว่าหนักมากอยู่
ด้วยเหตุนี้เองที่ว่าดอลลาร์จะไม่เข้าเป็นคู่เคียงกับทองคำต่อไป ได้เท่าไรก็อาจจะได้เท่านั้น เพราะความจำเป็นที่พี่น้องชาวไทยมาเกี่ยวข้องขอความช่วยเหลือนี้มากต่อมากนะ ไม่ได้ลดลง ที่ว่าโครงการช่วยชาติยุติลงแล้ว แต่การมาร้องขอความช่วยเหลือจากวัดนี้ไม่ได้มีคำว่ายุติ และไม่ได้มีคำว่าลดลง หนักขึ้นเรื่อยๆ เราจึงรู้สึกว่าเป็นห่วงและหนักใจเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องตามมีตามเกิด ลงจุดนี้แหละ มีเท่าไรก็ช่วยเท่านั้นๆ เวลานี้ก็ไม่ทราบเท่าไร มีแต่ใหญ่ๆ ทั้งนั้น หลายสิบล้านๆ ที่กำลังสร้างอยู่เวลานี้ เรือนจำลาดยาวนี้ก็คำนวณไว้เรียบร้อยแล้วเขาว่า ๓๐ ล้านไม่พอ บอกว่า ๓๕ ล้านเลย เรือนจำลาดยาวสองหลัง ๓๕ ล้าน หลังหนึ่งเสร็จแต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังหนึ่งกำลังขึ้นอยู่ ให้พวกนักโทษหญิงอยู่ที่นั่น
นักโทษก็เป็นคนเหมือนกัน ได้รับความทุกข์ความลำบากตามวาระแห่งความผิดของตัวเอง หรือกรรมของตัวเองที่เคยทำมาก็ได้ ก็ต้องไปอยู่อย่างนั้น แล้วก็ต้องได้ดูแล ปลูกตึกคราวที่แล้วเราได้ให้เงินไว้หนึ่งล้านสำหรับเป็นมูลนิธิ คราวนี้ก็คิดไว้ในใจเหมือนกัน เวลาเสร็จเรียบร้อยในตึกสองหลังนี้แล้วก็คิดแต่ยังไม่ได้พูด คิดว่าจะเพิ่มมูลนิธิเข้าไปอีก จะได้สักเท่าไรก็จะเพิ่ม นี่หมายถึงเรือนจำลาดยาว เราได้ให้เพียงหนึ่งล้านเป็นมูลนิธิ
สำหรับอุดร โรงพยาบาลศูนย์นี้ตอนที่เราสร้างตึกเสร็จเรียบร้อยฉลองแล้ว เราก็มอบตึกให้เป็นมูลนิธิ ๓ ล้าน อยู่อย่างนั้นเรื่อยมา ส่วนปากเกร็ดไม่ได้มอบนะ ช่วยเป็นประจำเดือน พี่เลี้ยงเด็กมี ๑๒ คน คือเรารับมา ๑๒ คน ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้จ่ายมาประจำ จึงไม่ได้มีเงินมูลนิธิอะไร จ่ายเป็นประจำๆ ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ คือถ้าทางการขึ้นเราก็ขึ้นตาม พี่เลี้ยงคนหนึ่งเดือนหนึ่งเท่าไรๆ เราจ่ายให้ตามนั้นๆ เรื่อยมา ๑๐ กว่าปีแล้ว นี่เราก็จ่ายทั้งนั้น เราเอาเงินฝากไว้ในธนาคาร ๓ ล้าน ดอกผลที่ได้มาเท่าไรเราเอาให้เป็นเงินเดือนของพี่เลี้ยงเด็ก ดอกเบี้ยขาดเท่าไรไม่พอเงินเดือน เราก็เอาของเราเข้าเพิ่มๆ
แต่พอดีทางธนาคารกสิกรไทยคงเห็นใจรายจ่าย บัญชีเรามันอยู่ธนาคารกสิกรไทย จ่ายมากจ่ายน้อยท่านเหล่านั้นคงจะเห็นใจเรา ก็เลยที่มันขาดเหลือจากดอกเบี้ย คือดอกเบี้ยมีเท่าไรเอามา แล้วพี่เลี้ยงเด็ก ๑๒ คนเดือนหนึ่งๆ เท่าไรเราหามาเพิ่มๆ ทีนี้ทางธนาคารเลย เราหาเพิ่มเรื่อยเขาไม่ให้เพิ่ม ทางนู้นเพิ่มให้เอง เวลานี้ทางโน้นเพิ่มมาเอง ส่วนเงินที่ฝากไว้เป็นประจำธนาคารกสิกรไทยนี้ ๓ ล้าน ประจำเรื่อยมาจนกระทั่งป่านนี้ ส่วนโรงพยาบาลอุดรนี้ก็ ๓ ล้าน นั้นยังมีแทรกเข้ามาอีก เช่นสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรๆ เราก็ไปให้ทีละหลายๆ แสน อันนี้ไม่แน่นอน เงินมีก็ให้ ไม่มีก็ไม่ให้
หลวงตาได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มกำลังความสามารถทุกด้านทุกทาง เราไม่มีข้อตำหนิเรา ไม่ใช่พูดเพื่อยอตัวเอง ว่าสิ่งใดที่ยังตำหนิเราได้อยู่อย่างนี้ เช่นสมบัติเงินทองนี้ เรามีเงินทองแต่เราให้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง นอกนั้นเราเก็บไว้อย่างนี้ เป็นข้อที่น่าตำหนิที่เก็บไว้อย่างนี้เราไม่มี เปิดหมดเลย ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมา หากว่าจะคิดเป็นเงินมันสักกี่สิบล้าน ตั้งแต่สร้างวัดมา ปี ๒๔๙๙ มันก็ ๔๙ ปี ประชาชนถวายเงินมามากน้อยๆ ออกตลอด เราไม่เคยเก็บ คือช่วยโรงร่ำโรงเรียน คนทุกข์คนจนมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด โรงพยาบาลต่างๆ เรื่อยมา ไม่ใช่จะมาช่วยเอาตอนที่ออกช่วยชาตินะ คือเราช่วยเป็นพื้นฐานมาแล้ว เป็นปรกติ
เรามาพิจารณาอันใดที่ว่าเจ้าของได้ตำหนิเจ้าของ ว่าช่วยโลกด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว เราบอกเราไม่มี หมดจริงๆ เพราะอำนาจแห่งความเมตตานี้ครอบไว้หมด เงินทองมีที่ไหนๆ ไปกวาดออกมาหมด ความเมตตามันไปกวาดออกมาหมดเลย ก็คิดดูซิบางทีติดหนี้เขายังยอมติด นั่นเห็นไหม เมตตาละ เอาๆ ติด มันจะมีมาใหม่แล้วค่อยแทนเขา นี่ติด ส่วนมากเป็นโรงพยาบาล ที่อื่นไม่ติด เช่นสร้างตึกหลังไหนๆ เราคำนวณไว้เรียบร้อย คำนวณไว้ในบัญชีสมุดฝาก เข้าใจไหมล่ะ อันนั้นเท่านั้นๆ คำนวณเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ที่ยังไม่ได้จ่ายมีเงินอยู่ในธนาคารเท่านั้นล้านเท่านี้ล้าน
เราจึงได้เตือนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ หากว่าเราตายลงไปนี้ เงินจำนวนที่เราคำนึงคำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะจ่ายนั้นๆ ยังเหลืออยู่ในบัญชี เราตายแล้วเขาจะเอาบัญชีมาอ่าน โห หลวงตาบัวนี้ว่าทำบุญให้ทานเสียจนหมดเนื้อหมดตัว หมดอะไร นี่เงินตั้งหลายสิบล้านอยู่ในบัญชีนี้ หลวงตาบัวหึงหวงเงินไว้ในบัญชี บวชมาสั่งสมเงิน เขาจะว่าให้หลวงตาเข้าใจไหม เขาว่าลมๆ แล้งๆ ความจริงเรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว นี้ละที่ว่าไม่ติดหนี้ คือจ่ายงวดๆ ตามลำดับลำดาไปเลย
ที่ติดหนี้ส่วนมากจะเป็นเครื่องมือแพทย์ เกี่ยวกับโรงพยาบาลนั่นแหละ บางทีปุบปับ เอาๆ มาเลย ให้สั่งมาเลยเราค่อยใช้ทีหลัง ทีนี้พวกร้านค้าต่างๆ พอว่าวัดป่าบ้านตาด เขารู้หมดในกรุงเทพ ไม่ว่าบริษัทใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัด เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลที่เขาขายเครื่องเวชภัณฑ์อะไรเหล่านี้ พอว่าเป็นของวัดป่าบ้านตาดสั่งมาเท่านั้นแหละ โอ๋ย ปึ๋งปั๋งเลย เขายังชมเชยมาว่าแต่ก่อนเชื่อหลวงตาร้อยเปอร์เซ็นต์ เดี๋ยวนี้เขาขึ้นเป็น ๑๒๐% แล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้บอกมาอีกว่าขึ้นเท่าไรแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ว่าอะไรเป็นอย่างนั้นๆ เคลื่อนไม่ได้
เครื่องมือแพทย์ก็เหมือนกัน อะไรที่เราสั่งไปแล้วตกมาผิดอย่างนี้ เราส่งกลับคืน ตำหนิอีกด้วย เขาก็รีบมายอมขอโทษเรา จัดใหม่มาให้ทันทีและขอโทษพร้อม ว่าพวกลูกน้องจัดผิดไปอะไรๆ เขามาขอโทษ เขาไม่ได้มีทิฐิมานะถือตัวที่ผิดนั้นว่าถูกนะ เขายอมทุกรายไป เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็ติดต่อกันได้ตลอดไปใช่ไหมล่ะ เพราะไม่มีเจตนา ถ้ามีเจตนาใส่เรา มาคดมาโกงเราแบบใดแบบหนึ่ง บริษัทนี้เรียกว่าถึงวันตายไม่มีที่จะต่อกันได้กับเรา เราเป็นคนอย่างนั้นนะ ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น
เงินในธนาคารยังมีอยู่เยอะ ก็เยอะอย่างแบบว่านี่แหละเข้าใจไหม คนอื่นเขาไม่รู้มาเห็นเงินในบัญชีเขาก็จะว่า โอ๊ย หลวงตาบัวเป็นเศรษฐี แล้วเขาก็ยกโทษหลวงตาบัวใช่ไหมล่ะ เขาไม่รู้ความจริงซี ดังที่เขายกโทษหลวงปู่ฝั้นเรา พอดีเรารู้เรื่องอันนี้ได้ดีที่ท่านสั่งพระเจ้าพระสงฆ์ เงินก็ไม่มากนะแต่ก่อน หากเงินมีค่ามากอยู่ ก่อนท่านมรณภาพท่านสั่งไว้ว่า คือเงินนั้นล้านห้าแสน ห้าแสนนี้ไปมอบให้ที่นั่น ห้าแสนนั้นมอบให้ที่นั่น ห้าแสนนี้มอบให้ที่นี่ บอกชื่อไว้เลย เป็นล้านห้าแสน ทีนี้เวลาท่านมรณภาพเงินล้านห้าแสนยังไม่ได้ออก เขาก็โจมตีท่าน ลานโพธิ์ลานผีนั่นละว่าอย่างนั้นแหละเรา
จนสมเด็จมหามุนีวงศ์ร้อนเป็นไฟเลยเชียว บึ่งรถมาหาเราจากวัดนรนาถฯ โถ เขาโจมตีครูบาอาจารย์เรา ก็ยังเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ว่าท่านไม่มีอะไร แล้วเงินมีล้านห้าแสนในบัญชีเพราะเหตุผลกลไกอะไร มหาบัวจะทราบได้ดีว่างั้น ท่านบึ่งมาหาเราเลย มาก็ไปพบกันกลางทางตอนบ่าย ท่านเปิดไฟวาบเลย เราก็แอบรถเพราะยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ท่านจอดทางนั้น เราก็จอดทางนี้ พอเปิดประตู เออ พอดี ขึ้นใหญ่เลย จะไปไหนนี่ ท่านก็เลยมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ว่าเวลานี้เขาออกหนังสือพิมพ์โจมตีท่านอาจารย์ฝั้นเราแหลกหมด เรื่องอย่างนั้นๆ ก็พอดีแหละ กระผมทราบเรื่องนี้ได้ดีหมด เราก็แจงเลยว่า ท่านสั่งไว้ว่า ห้าแสนนี้มอบตรงนั้น ห้าแสนนั้นมอบตรงนั้นๆ เป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสน ยังไม่ได้จ่ายแต่เป็นความตายตัวแล้ว กรุณาทราบตามนี้ เออ พอใจ ท่านว่านะ ไปนี้จะไปแก้ข่าวเลย ท่านก็บึ่งไปวัดโพธิ์ เราก็ออกไปธุระ เรื่องจึงสงบไป นี่ละมันมีแล้วอย่างนี้นะ เขาหาว่าท่านมั่งมีเงินล้านห้าแสน
หลวงตาบัวจะมาว่าอะไรล้านห้าแสน มันตั้งหลายล้านอยู่ในบัญชี คิดดูซิ ตึกหลังหนึ่งๆ มัน ๓๕ ล้านแล้ว โรงพยาบาลข้างหลังนี้อีก ๒๒ ล้านกับอีก ๘ ล้าน เป็น ๓๐ ล้าน รวมเป็น ๖๐ กว่าล้านแล้วใช่ไหมล่ะ เรากำหนดบัญชีเงินไว้เรียบร้อยจะให้จ่ายตามนี้ แต่ยังไม่จ่าย คือจ่ายไปตามระยะๆ ที่ยังเหลืออยู่ก็อยู่ในนั้น เวลาหลวงตาบัวตายแล้วเขาก็จะว่าหลวงตาบัวมีเงินมาก แล้วยังอีกเยอะนะยังไม่ได้จ่าย ไปถึงภาคใต้ พังงา โรงพยาบาลสองโรง โรงเรียน ๔ โรง นี่โอนไปเรื่อยนะทางพังงา แล้วก็ทางจันทบุรี ทางเขาน้อยปลูกตึกโรงพยาบาล นี่ก็โอนไปเรื่อย ว่าจะโอนไปวันที่ ๒๘ ก็พอดีเป็นวันที่เราไม่อยู่ คงจะต้องกลับมาเสียก่อน ทางโน้นก็บอกมาว่าไม่รีบร้อนอะไร กลับมาแล้วค่อยโอนก็ได้ นี่ละกำลังจะโอนแต่ยังไม่โอน มันต้องมีในบัญชี หลวงตาบัวตายแล้วก็จะเป็นเศรษฐีเงินในบัญชี เข้าใจไหม ทั้งๆ ที่เหตุผลเป็นอย่างนี้แหละ กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบ
หลวงตาบัวที่จะเก็บสั่งสมเงินไว้ในบัญชีเพื่อหลวงตาบัวเอง แม้บาทหนึ่งไม่มี พูดขนาดนั้นละ อำนาจแห่งความเมตตานี้กวาดต้อนออกหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ เราปฏิบัติมาอย่างนั้น เราเมตตาสงสารสัตว์โลก ที่กำลังได้รับความทุกข์ความทรมานอยู่ทุกแห่งทุกหน ทั่วโลกดินแดนไม่มีใครจะได้ครองความสุข เป็นความสะดวกเย็นใจได้นะ คนนี้ทุกข์ทางนี้คนนั้นทุกข์ทางนี้ มหาเศรษฐีทุกข์ทางนั้นทางนี้ทั่วโลก เอาจิตฟาดจิตให้มันเด่นผึงขาดหมดสะบั้นเรื่องความทุกข์ทั้งหลายจมอยู่ในวัฏจักร เรื่องวิวัฏจักรคือนิพพานพอทุกอย่างสมบูรณ์แบบในเรื่องความสุข ไม่ได้ต้องได้ติไม่ได้ไปหาที่ไหนตลอดกาล เที่ยง ความพอดิบพอดีแบบเลิศเลอ นี่เรามีอยู่แล้วในหัวใจของเรา เพราะฉะนั้นเราจึงมีความเมตตาสงสารโลกทั่วโลกทั่วๆ ไป
ใครจะว่าเราโอ้เราอวดว่าไปซิ เรามีทองคำเราเอาทองคำออกประกาศ ผู้มีมูตรมีคูถมันเอามูตรคูถเอาส้วมเอาถานมาประกาศ มันก็มีสิทธิที่จะประกาศได้ด้วยกันใช่ไหม มันมีส้วมมีถานมีมูตรมีคูถ ความเลวร้ายของมันมันก็เอาออกมาประกาศ เอ้า เราก็มีของดิบของดีมีทองคำทั้งแท่งออกประกาศได้ เป็นยังไงผิดไปไหน อย่างมันยกตัวอย่าง เช่น หลวงตาบัวไปบำเพ็ญธรรมอยู่ในป่าแล้วมาอวดตนอวดตัวว่าได้สำเร็จเป็นอรหัตอรหันต์ บักนั้นแหละ ชื่อมันจำได้ไหม ออกจากนั้นแล้วก็หลวงตาบัวนี้ไปเรี่ยไรเงินของประชาชนทั่วประเทศไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายอาญาว่างั้นใช่ไหม
โยม ครับ
หลวงตา ก่อนที่เขาจะเกษียณนี้เขาจะฟ้องเราเสียก่อน เราก็ฟังก่อนเขาจะเกษียณกลัวเขาจะตายเสียก่อนก็ได้ มันก็เลยจะไม่ได้ฟ้องเรา นี่ละเขามีคำอย่างนี้เขาเอาออกมาพูด เท่ากับมูตรกับคูถเข้าใจไหม เรามีความจริงนี้เท่ากับทองคำธรรมชาติประกาศออกแบบเดียวกัน เราจึงได้ประกาศ เอ้า ที่เราพูดไปนี้เป็นอรหันต์จอมปลอมจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่เราดำเนินตามแนวทางของศาสดาเป็นความผิดไปแล้ว เอ้า ธรรมที่เราเทศน์สอนโลก เฉพาะอย่างยิ่ง ๖ ปีมานี้ที่ช่วยชาติบ้านเมือง เราเทศน์ธรรมะนี้ตั้งแต่พื้นๆ จนกระทั่งถึงนิพพาน ธรรมะของเราที่เทศน์ไปนี้ผิดที่ตรงไหน เอ้า ค้านมา เราจะตามแก้ อรหันต์ปลอมองค์นี้จะตามแก้ มันปลอมตรงนั้นๆๆ เอ้า ว่ามา เงียบเลย หรือมันตายแล้วก็ไม่รู้นะเดี๋ยวนี้ ก็อย่างนี้แหละ
แล้วที่ว่าเราเรี่ยไรเงิน โดยไม่ได้รับอนุญาต เราเรี่ยไรใคร เหอ ฟังซิ นี่เอาความจริงมาพูด ประเทศไทยกำลังจะจมอยู่ทั้งประเทศ เป็นภาพพจน์กำลังลอยอยู่ริมทะเล ประกาศป้างขึ้นมา นี่เห็นไหมเมืองไทยเรา ต่างคนต่างรักชีวิตจิตใจ สมบัติเงินทองของตนนี้กำลังจะไหลลงสู่ทะเลหมดแล้ว แล้วทำยังไงเราจะพิจารณายังไง เมืองไทยเราจะฟื้นขึ้นมา เอ้า จะช่วย เราจะเป็นหัวหน้า นี่เราเรี่ยไรใครเข้าใจไหม ก็บอกเมืองไทยจะจมทั้งประเทศก็ประกาศให้ทราบ ให้ต่างคนต่างรื้อฟื้นขึ้นมาแล้วเราไปเรี่ยไรใคร เข้าใจไหม
แล้วเราก็บอกว่า เอ้า เราจะเป็นหัวหน้า ใครมีอะไรๆ ก็เอามารวมที่นี่ แล้วไปเรี่ยไรใคร นั่น พิจารณาซิ มันบอกว่าเรี่ยไรไม่ได้รับอนุญาต เอ้า บอกมาตามหลักพระวินัยมีนี่ เราพูดมีหลักธรรมหลักวินัย ถ้าเรี่ยไรเพื่อตัวเองปรับอาบัติ ถ้าเรี่ยไรเพื่อส่วนรวมไม่ปรับ นั่น อันนี้เราไม่ได้เรี่ยไรเราประกาศให้โลกเมืองไทยเราทั้งประเทศทราบทั่วหน้ากัน เพื่อจะได้อุ้มชาติของตนขึ้นเข้าใจไหม ก็อย่างที่เห็นนี้เป็นอย่างไรล่ะ ชื่นชมด้วยกัน ทองคำดอลลาร์ได้เท่าไร แล้วเงินนี้กระจายทั่วประเทศไทย เป็นยังไงไปเรี่ยไรใคร พิจารณาซิ
มันหาเรื่องพวกมูตรพวกคูถพวกส้วมพวกถาน มันก็ประกาศออกมาอย่างไม่อาย เรามีธรรมทั้งแท่งเราประกาศออกมาอย่างไม่อาย เท็จก็เท็จมาจริงก็จริงไปซัดกันเลยเข้าใจไหม เอ้า ผิดไหมที่หลวงตาบัวพูดนี่ ที่ว่าเราเป็นอรหันต์ปลอม ให้ค้านธรรมะของเราที่เทศน์มานี้ ตั้งแต่พื้นเราเทศน์ธรรมะทุกขั้นทุกตอนเราไม่สงสัย ถอดออกจากหัวใจที่เราปฏิบัติและได้รู้ได้เห็นตามทางของศาสดามา สอนโลกตั้งแต่พื้นๆ ธรรมจนกระทั่งถึงนิพพาน บอกตรงๆ เลย แล้วผิดที่ตรงไหน เอ้า ใครค้านมาเราจะแก้ เรารอจะแก้ เงียบเลยจนกระทั่งป่านนี้ เทศน์มากขนาดไหน เดี๋ยวนี้ทั่วโลกแล้วคำเทศน์ของเราใช่ไหม ออกทุกแบบทุกฉบับ เวลานี้อยู่ที่อินเตอร์เน็ตออกทั่วโลก เอ้า ค้านมาถ้าเราพูดนี้ว่าผิดไป อรหันต์ปลอมนี้พูดผิดไป อรหันต์จริงก็คือไม่ผิดใช่ไหม พระพุทธเจ้า สวากขาตธรรมตรัสชอบแล้ว สาวกสวากขาตธรรมปฏิบัติตามที่ท่านตรัสไว้ชอบแล้วเป็นอรหันต์อันสมบูรณ์ หลวงตาบัวมันเป็นสวากฯ อะไรมันถึงจะผิดไป จึงบอกให้เอามาค้าน ให้มาค้านเลย อาจหาญสุดขีดเลยนี่
การพูดนี้หัวใจนี้ไม่ได้อยู่ในโลกสมมุติจอมปลอม พวกส้วมพวกถานผ่านไปหมดแล้ว มีแต่ความเมตตาสงสารกระจายอยู่เวลานี้ ที่พูดอยู่เวลานี้ก็คือความสงสาร สำหรับเราเองมีความหมายอะไร เรื่องเหล่านี้มายุ่งอะไรได้วะ เข้าใจแล้วหรือ เอาละพอ มันต้องอย่างนั้นซิ มีอะไรเอาออกมาอวดซิ เขามีขี้ออกมา เรามีทองคำออกซัดกันละซิ มันผิดที่ตรงไหน ว่าเราอวดอะไร มันเอาขี้ออกมามันอวดเหมือนกันทำไมว่าไม่อวด มันว่าเป็นของดิบของดี เรามีทองคำออกไปมันอวดกันที่ตรงไหนว่ะ เข้าใจหรือ? พูดแล้วคึกคักเหมือนคลังกิเลส อย่างนั้นแล้ว
ให้พร อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํฯฯ อายุวณฺโณ สุขํ พลํ ไปผาสุกร่มเย็น กลับบ้านกลับเรือนมีพุทโธติดหัวใจนะ
เราพูดนี้คือมันคิดมาตลอดนะ วันนี้มันมาสัมผัสปั๊บก็เลยแย็บออกบ้างว่า เรายังเป็นห่วงเป็นใยในวงกรรมฐานของเรา ที่จะทำประโยชน์ให้แก่ตัวเองและส่วนรวมคือประชาชนทั่วๆ ไป ว่ามีองค์ใดบ้างที่จะสามารถทำประโยชน์ให้ตัวเองโดยสมบูรณ์แล้ว แนะนำทำประโยชน์ให้แก่คนอื่นเต็มกำลังความสามารถ มันก็ทำให้เป็นห่วง จะมีองค์ใดบ้าง แต่ส่วนจิตใจที่ทำประโยชน์ให้ตนโดยสมบูรณ์มี วงกรรมฐานเราไม่น้อย พูดได้เลย ในวงกรรมฐานเรานี่แหละ ที่ทำประโยชน์ให้ตนโดยสมบูรณ์ คือขั้นวิสุทธิบุคคล พูดภาษาเต็มเม็ดเต็มหน่วยขั้นอรหันต์ มีในวงสายพ่อแม่ครูจารย์มั่น เวลานี้มีอยู่ในที่ทั่วๆ ไป แต่ท่านไม่ได้แสดง
ทีนี้เวลาใดไม่ทราบที่ท่านจะแสดงออกเป็นประโยชน์แก่โลกนั้น เราจึงทำให้เป็นห่วง จะมีองค์ใดได้บ้างนาว่าอย่างนั้นนะ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยพูด ครองธรรมมานี่เท่าไรปี เวลานี้ ๕๕ ปี ออกช่วยโลกมา ๖ ปีนี้เพิ่งมาออกคำอันนี้ใช่ไหม แต่ก่อนเคยได้ยินเมื่อไรไม่มี มีแต่เทศน์สอนพระอยู่ในเทปๆ เวลาได้ขึ้นเวทีแล้วก็ต่อยเลย สองหมัดสามหมัดไม่ถอยเลยก็อย่างนี้แล้ว แต่ก่อนไม่ได้พูดเข้าใจเหรอ แต่เวลาขึ้นเวทีแล้วมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ผางเลย เอ้า ๆ อันนั้นมาๆ ขึ้นเวทีแล้วมีแต่ต่อยท่าเดียว
นี่แหละเราจึงคิดถึงบรรดาพระลูกพระหลานไทย ที่จะทำประโยชน์ให้โลก เมื่อทำประโยชน์ให้ตนสมบูรณ์แล้ว จะทำประโยชน์ให้โลกได้เท่าที่ควรมีองค์ใดบ้างนา แต่เรื่องครองมรรคครองผลเราแน่ใจ สำหรับวงกรรมฐานสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นมีอยู่ทั่วไปในวัดต่างๆ ก็ในภูเขานั่นแหละในป่านั่นแหละมี ใครจะไปรู้ดียิ่งกว่ากรรมฐานรู้กัน เข้าใจไหม กรรมฐานนี่ถึงกันๆ เงียบๆ อย่างนี้แหละ ท่านไม่ออกประกาศนะ ถึงกันอย่างเงียบๆ รู้กันๆ ใครอยู่ในภูมิใดๆ รู้กัน เป็นอย่างนั้น คิดดูตั้งแต่เราแต่ก่อนไม่ได้ออกมาประกาศเห็นไหม เมื่อถึงกาลเวลาขึ้นเวทีแล้วโบกมือเลย ก็อย่างนั้น แต่ก่อนพูดที่ไหนไม่มี มีแต่เทศน์สอนพระเราแต่ก่อน อยู่อย่างนั้นแหละ
ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ มรรคผลนิพพานประกาศป้างๆ อยู่ในหัวใจของเรา เวลานี้กิเลสครอบมันไว้ ให้เบิกมันออกด้วยสร้างคุณงามความดี เฉพาะอย่างยิ่งการภาวนาเบิกออก ท่านทั้งหลายจะได้เห็นที่ตรงนี้ จะไม่เห็นดินฟ้าอากาศที่ไหนว่าเป็นมรรคผลนิพพาน จะเห็นขึ้นที่นี่ เพราะกิเลสอยู่ที่นี่ธรรมอยู่ที่นี่ เปิดกิเลสออกแล้วธรรมจะจ้าขึ้นที่นี่เลย เอานะให้จำเอา เอาละไปละ เทศน์ไปเทศน์มาเลยตะวันจะเที่ยงแล้ว เทศน์เสียก่อนตาย ไม่นานมันก็ตายแหละเรา เพราะเราหมดจริงๆ เราบอกตรงๆ อย่างนี้ เพราะจวนจะตายแล้วให้ท่านทั้งหลายฟังเสีย เป็นคำโกหกหรือเหล่านี้น่ะ เอาทองทั้งแท่งออกมาพูด ยังเห็นว่าเป็นมูตรเป็นคูถอยู่เหรอ แล้วจะไปยกมูตรคูถของเขาขึ้นมาเทิดทูนบนกระหม่อมอยู่หรือ มันจวนจะตายแล้ว พูดให้พี่น้องทั้งหลายได้ระลึก ตายแล้วจึงมาเชื่อไม่เกิดประโยชน์นะ เวลาสอนอยู่นี้ไม่เชื่อ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |