พระทำไมจึงเป็นอย่างนี้ (สมเด็จพระสังฆราชทรงติดตามข่าว)
วันที่ 24 มิถุนายน 2547 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

พระทำไมจึงเป็นอย่างนี้

 

ก่อนจังหัน

 

พระเณรให้ต่างองค์ต่างตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัตินะ ที่พูดเมื่อสองสามวันนี้ก็พอเข้าใจแล้วเหรอ ว่าท่านอาจารย์กงแก้วท่านสอนเณรของท่าน ที่เราไปเยี่ยมท่าน ให้ไปเอาเสื่อและสาดมา นั่นเป็นยังไง เอามาสอนพวกเรา พวกเราเป็นพวกซาดบ่หรือยังไง จำให้ดีนะ ตั้งใจมาศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างถ้ามีสติแล้วจะสวยงาม เร็วด้วยความมีสติ ช้าด้วยความมีสติ สวยงามด้วยกันทั้งนั้น เป็นไปตามนิสัยช้าหรือเร็ว แต่สติให้ติดแนบๆ จะไม่ค่อยเสีย งานการอะไรให้ถือว่าเป็นงานของตัวเอง เราเป็นผู้มาศึกษาอบรมกับครูบาอาจารย์ งานทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นความจำเป็นสำหรับเรา ที่จะปฏิบัติให้ถูกต้องดีงาม อันนี้เป็นสำคัญมากนะ

อย่างที่เคยพูดแล้ว ซาดบ่ ผมไม่ได้ลืมนะ แหม ท่านสอนเณรของท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วย ครั้นบทเวลาผลเกิดขึ้นมาเป็นอย่างนั้น นี่มันจะเป็นพวกซาดบ่หรือไงพระเณรเราทั้งหมดนี้ สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย อันนี้ก็สอนมามากต่อมากแล้วสอนพระสอนเณร ได้ ๕๔-๕๕ ปีนี้แล้ว สอนแบบเจ้าของปลดเปลื้องภาระเจ้าของหมดไม่มีอะไรติดข้อง มีแต่สอนคนอื่นโดยถ่ายเดียวนี้เป็นเวลา ๕๕ ปีมาแล้ว ก่อนหน้านั้นไม่สนใจกับใคร เข้าป่าเข้าเขาๆ ไปคนเดียวๆ เต็มเม็ดเต็มหน่วย สละเป็นสละตายในคนๆ เดียว ไม่ต้องเป็นน้ำไหลบ่าเกี่ยวกับองค์นั้นองค์นี้ รับผิดชอบองค์นั้นองค์นี้ ไม่ต้องหมด

อยากกินก็กิน ไม่กินกี่วันช่างมัน จะเป็นจะตายรู้อยู่กับตัวเอง นั่น ปฏิบัติอย่างนั้น ไม่สนใจสอนใครเลย มีแต่สอนตัวเอง แม้ที่สุดสติปัญญาหมุนเป็นธรรมจักร ล้วนแล้วแต่ธรรมเกิดๆ ทั้งนั้น เกิดมาเพื่อแก้เจ้าของๆ ไม่ไปสนใจแก้ผู้ใด จนกระทั่งเรื่องผ่านมาแล้ว พอจากนั้นแล้วก็หมุนเข้ามา ๕๕ ปีนี้ เราไม่มีอะไรในหัวใจของเรา ปลดเปลื้องออกหมด ทีนี้สอนคนอื่นจนกระทั่งบัดนี้

ท่านทั้งหลายที่มาศึกษาอบรมมาอยู่นี้ เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตามาเรื่อย ตั้งใจมาศึกษาหรือมาแบบไหน ตั้งใจพินิจพิจารณาทุกคนนะ ให้ดูหัวใจตัวเอง ความเคลื่อนไหวจะอยู่กับมหาเหตุ กิเลสเกิดอยู่ในใจเป็นมหาเหตุก่อน ออกหน้าก่อนธรรม ธรรมเกิดอยู่ด้วยกันอยู่ในก้นคอก กิเลสอยู่ปากคอก ออกก่อนๆ พวกเรามันพวกปากคอก ให้พากันตั้งใจศึกษาอบรมทุกคน

ทำหน้าที่การงานทุกอย่าง อย่าเข้าใจว่าทำเพื่อใครทำเพื่อคณะใดนะ ทำเพื่อเจ้าของๆ กระจายออกไปเป็นความสวยงามทั้งหมดถ้าทำด้วยความตั้งใจ การศึกษาอบรมนี่เป็นอย่างหนึ่งจากครูบาอาจารย์ เมื่อรับไปแล้วให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ สติเป็นพื้นฐานของอิริยาบถทุกอิริยาบถของเรา สติจับปั๊บ สัมปชัญญะถ้าเกี่ยวข้องกับงานใด สัมปชัญญะออกทำงาน แล้วปัญญาพินิจพิจารณาเป็นระยะเวลาๆ อย่างนี้จะสวยงามมากพระเรา สวยงามอยู่ที่สติปัญญานะ ไม่ได้สวยงามแบบแต่งตัวโก้หรูมานั่นนะ อันนั้นสวยงามแบบมูตรแบบคูถแบบของกิเลส ความสวยงามจากธรรมสวยงามจากผู้มีสติมีปัญญา สังวรธรรมความสำรวมระวังตนเสมอ ไม่ลืมเนื้อลืมตัว นี้คือผู้สวยงาม นี่เป็นสมบัติอันล้นค่าภายในใจของผู้ปฏิบัติได้ธรรมแบบนี้

สวยโลกสวยธรรมต่างกันนะ สวยโลกสวยแบบหนึ่ง สวยธรรมสวยแบบหนึ่ง สวยธรรมสวยแบบที่กล่าวตะกี้นี้ ให้ดูตัวเองตลอดเวลา อย่าเผลอ อย่าคิดไปเป็นอารมณ์กับผู้ใด ว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูก ให้สังเกตดูตัวเองที่มันคิดมันปรุงขึ้นมา มันคิดว่าใครผิดว่าใครถูก ตัวนี้ตัวผิด ให้ดูตัวนี้ให้ดี สติมีจับตรงนี้ได้ แล้วจะปล่อยงานของคนอื่นมาดูงานของตัวเอง จำเอานะทุกคน ให้พร

 

หลังจังหัน

 

ผู้กำกับ มีบทความจากหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย  คอลัมน์วิจารณธรรม ฉบับวันอังคารที่ ๒๒ มิ.ย.๔๗ ดังนี้ครับ

พระพลานามัยของสมเด็จพระสังฆราช

ผมเชื่อว่าหลายท่านคงจะคิดว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก คงยังอยู่ในอาการพระประชวรหนัก และยังคงประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ที่คิดว่าพระอาการประชวรหนักนั้น คิดผิดครับ ซึ่งคุณสามารถคิดใหม่ได้ แต่การทรงประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์นั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วครับ

เมื่อวันวานผมได้ขึ้นไปขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับพระอาการ และพระจริยวัตรของสมเด็จพระสังฆราช ณ ที่ประทับบนชั้น ๖ ของตึกญาณสังวรสามัคคีพยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำที่ประทับท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระอาการอาพาธว่า ทุกระบบของพระสรีระยังคงเป็นปกติดีเช่นเดียวกับเมื่อ ๕-๖ เดือนก่อน ทุกวันนี้คณะแพทย์ไม่ได้ถวายยารักษาพระอาการอะไรทั้งนั้น

นอกจากจะถวายกายภาพบำบัดนวดกล้ามเนื้อพระชงฆ์เนื่องจากเกิดการอ่อนล้า ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของผู้สูงวัยทั่วๆ ไป ทุกๆ วัน พระองค์จะเสด็จออกมารับญาติโยมที่มารอเข้าเฝ้าพระบาทในเวลา ๑๕:๓๐ น.

หลังเสร็จพระภารกิจส่วนพระองค์แล้ว ก็จะทรงพระดำเนินออกพลกำลังกลับไปกลับมาเป็นเวลา ๑๐-๑๕ นาที ขณะพระดำเนินนั้นสายพระเนตรจะจับจ้องไปที่ตัวอักษรบนแผ่นป้ายต่างๆ ทรงอ่านได้ด้วยสายพระเนตรเปล่า โดยไม่ต้องใช้แว่นสายตาแต่ประการใด

ในทุกๆ เช้า จะทรงสนพระทัยเกี่ยวกับเรื่องราวข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์เป็นพิเศษ ทรงสนพระทัยสดับตามที่ลูกศิษย์ได้ยกประเด็นข่าวอ่านถวาย ซึ่งบางครั้งยังผินพระพักตร์พินิจภาพข่าวบ้าง ทรงตรัสถามบ้าง แต่ก็ยังตรัสน้อยเช่นเดิม

โปรดอย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวลวง หรือข่าวเท็จ

และอย่าไปเชื่อตามที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่ชอบออกมากุข่าวลวงโลกผ่านสื่อทาสให้เราฟัง

อย่างที่บอกว่า มีพระอาการประชวรด้วยพระโรคต่างๆ นับเป็นสิบๆ โรคนั้นมันมดเท็จ ถ้าใครไม่เชื่อก็ลองเข้าไปกราบพระบาทเพื่อดูให้เห็นจะจะกับสายตาของตัวเอง

สิ่งที่เป็นจริง ย่อมมีหลักฐานอ้างอิงให้พิสูจน์ได้ อย่างเช่น กรณีพระภิกษุสายวัดป่าจำนวนกว่า ๑ หมื่นรูป ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ณ พระอุโบสถวัดอโศการาม แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ขอรับการแต่งตั้งที่ผิดขั้นตอน ผิดพระวินัย ผิดจารีตประเพณี และผิดกฎหมายในครั้งนี้โดยเด็ดขาด

ทั้งยังโจษอาบัติหนักถึงขั้นปาราชิกฐานรับของโจร !!

การพิจารณาของพระวัดป่านับหมื่นรูป มีหลักฐานชัดสามารถพิสูจน์ได้ว่า เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๔๗ มหาเถรสมาคมประชุมเพื่อให้มีคณะกรองงานของสมเด็จพระสังฆราช แต่ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการพระพุทธศาสนา ได้เข้าไปเสนอให้มีผู้สำเร็จราชการสมเด็จพระสังฆราช ที่ประชุมจึงให้กลับไปดูหลักกฎหมายตาม พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ เสียก่อน

ต่อมาวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ ผู้กำกับดูแลกิจการพระพุทธศาสนา อ้างอาการพระประชวรของสมเด็จพระสังฆราชอย่างเป็นตุเป็นตะ รีบชิงออกประกาศแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยอาศัยมาตรา ๗๓ ของรัฐธรรมนูญ และอ้างมาตรา ๑๐ แห่ง พรบ.คณะสงฆ์

วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ มีการประชุมมหาเถรสมาคม

เลขาธิการมหาเถรสมาคมนำประกาศแต่งตั้ง ตามที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๗ มาอ่านให้ที่ประชุมฟัง ที่ประชุมอนุโมทนา เน้นให้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ แห่ง พรบ.คณะสงฆ์ ให้รัฐบาลรับไปจัดทำประกาศ

ในวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๔๗ พระเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช นำหนังสือขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อทรงทราบเรื่องการแต่งตั้ง ได้มีการออกข่าวทางสื่อทาสว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงทราบและเห็นชอบด้วยแล้ว แต่กลับไม่มีการลงพระนามที่ชัดเจน

ลองพิจารณาทบทวนให้ดีซิว่า นี่เป็นการแต่งตั้งไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง หรือเป็นการฉกฉวยโอกาสอย่างฉุกละหุกเพื่อแย่งชิงอำนาจมาครอบครอง โดยที่เจ้าของเขายังมิได้ยินยอมยกให้ ??

อย่าว่าแต่พระภิกษุผู้ทรงศีลรูปเดียวมากล่าวอาบัติเลย แต่นี่พระภิกษุตั้งกว่า ๑ หมื่นรูป มาโจษอาบัติหนักถึงขั้นต้องขาดจากความเป็นพระ

ไม่นึกสะดุดใจใครบ้างเลยหรือ ??

 

                                                                                    ณ. หนูแก้ว

             

ผู้กำกับ ต่อด้วยวิจารณธรรม ฉบับวันพฤหัสฯที่ ๒๔ มิ.ย.๔๗

ใครตอกลิ่มคณะสงฆ์ไทยให้แตก ?!

ความระส่ำระสายในบ้านเมืองที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจในวันนี้ มีอยู่ ๓ เรื่องด้วยกัน คือ

. เรื่องผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายเป็นรายวันในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

๒. เรื่องการฆ่าโหดแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จังหวัดประจวบฯ  "คุณเจริญ  วัดอักษร"

กับ ๓ เรื่องความแตกร้าวในวงการคณะสงฆ์ จากการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และการใช้พระตราอิสริยยศของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทับลงบนลายมือชื่อผู้อื่น

เรื่องที่ ๓ นี้ในวงสังคมชาวพุทธกำลังให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องทำลายความศรัทธา เป็นเรื่องสถาบันหลักของชาติ เป็นเรื่องเครื่องพระอิสริยยศเฉพาะพระองค์ที่ทรงได้รับพระราชทานโดยตรงจากองค์พระมหากษัตริย์

เรื่องนี้มิใช่จะเป็นเรื่องที่เล่าลือกล่าวขานแต่วงสังคมภายนอกเท่านั้น แม้ในที่ประทับองค์สมเด็จพระสังฆราช ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เหล่าศิษยานุศิษย์ผู้จงรักภักดีต่อองค์สมเด็จพระสังฆราช ก็กำลังกล่าวขานถึงเรื่องนี้กันอย่างหลากหลาย

แม้ในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น ซึ่งก็หมายถึงกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าชาวพุทธ ซึ่งได้ทราบมาว่าหลังจากคุณทองก้อน  วงศ์สมุทร แกนนำคณะศิษย์ของหลวงตาพระมหาบัว  ญาณสัมปันโน ได้เข้าไปแจ้งความเอาผิดในเรื่องนี้ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามแล้ว จากนั้นท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็สั่งให้คดีนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล

เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ !!

ครับ…ขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริงๆ สักครั้งเถอะ ขอให้สืบสาวไปจนถึงต้นตอ "จอมบงการ" ให้ได้ว่า การกระทำที่ไม่บังควรเยี่ยงนี้ใครคือตัวบงการ

ก่อความร้าวฉานแก่วงการคณะสงฆ์จนแตกเป็นเสี่ยง ผู้ที่ต้องได้รับความเสียหายกับการณ์นี้มากที่สุดก็คือพระมหาเถระผู้อาวุโสสูงสุดด้วยสมณศักดิ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)  วัดสระเกศ และรองๆ ลงไปจนกระทั่งถึงพระเจ้าคณะปกครองชั้นผู้น้อย ยุแหย่ กดดัน และชี้นำ จนส่งผลให้เจ้าคณะปกครองสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต ออกคำสั่งปลดเจ้าอาวาสทุกวัดในเขตการปกครองของจังหวัดเลย เป็นเหตุให้พระผู้น้อยกับพระผู้ใหญ่ต้องหมางใจกัน เพราะการแต่งตั้งและการใช้พระตราอาญาสิทธิ์เป็นต้นเหตุ

จนเกิดสังฆราชีขึ้นในแผ่นดินพุทธ !

จากการออกมาเรียกร้องของพระวัดป่า ๕๘๗ รูป เพื่อขอคำตอบจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ และขอคำชี้แจงจากที่ประชุมมหาเถรสมาคม ผลสุดท้ายก็ไม่มีคำตอบที่โปร่งใส

ที่วัดสระเกศในวันนั้น พระธรรมสิทธิเวที กรรมการ มส. กับ พระราชธรรมสาร เลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์ ให้คำตอบแก่สื่อมวลชนว่า "เรื่องทั้งหมดทางวัดสระเกศตอบไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำ เรื่องทั้งหมดให้ไปถามรัฐบาล" (หลวงตา รัฐบาลเป็นผู้กระทำเหรอ เราอยากถามอันนี้อีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ตัวเปรตที่มันก่อเรื่องอยู่เวลานี้ กำลังร้าวฉานนี้เหรอ เอ้าเราถามแทรกเข้าไปหน่อย) เพราะเรื่องทั้งหมดรัฐบาลดำเนินการเองทั้งสิ้น

ในวันเดียวกันที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศ พระวัดป่า ๕๘๗ รูป นั่งรอฟังคำตอบจากมหาเถรสมาคม คุณสมชาย  สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมาพบและชี้แจงให้ทราบว่า เรื่องที่ถามมานั้นไม่ได้เกี่ยวกับสำนักงานพระพุทธฯ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับมหาเถรสมาคม จึงไม่มีการนำเข้าบรรจุในวาระการประชุม

การที่วัดสระเกศออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการใดๆ ตามนั้น ก็เห็นท่าจะจริง เพราะในคำสั่งแต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเสมอสมเด็จพระสังฆราช เป็นคำสั่งที่ออกมาโดยรองนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีละเมิดพระอำนาจขององค์สกลมหาสังฆปรินายก ด้วยการใช้พระตราอิสริยยศไปประทับลงบนลายมือชื่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จฯหรือพระเลขานุการก็มิได้มีส่วนกระทำการขึ้นเองทั้งสิ้น

พระตราประจำตำแหน่งปัจจุบันยังถูกเก็บรักษาไว้ ณ ที่ประทับภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทราบมาว่าการใช้ประทับในวันนั้นเป็นคนของรัฐบาล มีการทำหนังสือผ่านขั้นตอนมาตามลำดับ

หนังสือราชการฉบับนี้นั้นออกมาจากแหล่งใด ??

 

                                                                                                ณ. หนูแก้ว

ผู้กำกับ จากหนังสือที่อ่านนี้ พระตราที่ประทับลายมือชื่อ ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ ณ ที่ประทับภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่นายวิษณุ เครืองาม บอกว่าพระตราที่ประทับประจำตำแหน่งของสมเด็จพระสังฆราช เก็บรักษาไว้ที่วัดบวรนิเวศ ขัดกันครับ

หลวงตา ก็ออกตัวอย่างนั้นแหละ พวกมหาโจรมันต้องแก้ตัวอุตลุดนั่นแหละ พวกคำใดออกมามันรู้ทันทีๆ ไม่ใช่บ้าที่ฟัง พวกมหาภัยมหาโจรปล้นชาติปล้นศาสนาคือพวกนี้แหละ รวมกันลงจุดนี้เลย ก่อเรื่องก่อราวตลอดมา ตั้งแต่พวกเปรตนี่เข้าไปตั้งที่ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนา มันเป็นสำนักงานทำลายพุทธศาสนา ว่าอย่างนั้นถูกต้อง ก็มันจริงอย่างนั้นนี่นะ มันส่งเสริมที่ไหน มีแต่ทำลายตลอดมา เท่านั้นแหละ มีอะไรอีกว่าไป

ผู้กำกับ เรื่องอาการพระประชวรนี่ ลูกศิษย์ลูกหาหรือประชาชนชาวพุทธเราสามารถไปกราบพระบาทได้ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เวลา ๑๕.๓๐ น.เป็นต้นไปครับ ไปดูว่าพระอาการท่านเป็นปรกติ หรือว่าเจ็บหนักตามที่เขาแถลงการณ์มา

หลวงตา เจ็บหนักนั่นละ พวกนี้มันจะรุมกินโต๊ะสมเด็จพระสังฆราชทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย ทึ้งกันทางนั้นทางนี้เวลานี้ ฟังเอานะ พวกนี้พวกรุมกินโต๊ะสมเด็จพระสังฆราช พูดตรงๆ อย่างนี้ภาษาธรรมะ หิวกระหายมาก ตะกละตะกลามมากที่สุด พระทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ไม่เคยมีพระในแดนพุทธศาสนา นอกจากมีในแดนเทวทัตก็ไม่รู้ จึงกล้าสามารถทำลายพระพุทธเจ้าได้เทวทัต อันนี้ก็อยู่เครือเดียวกันนั่นแหละ ตะกละตะกลาม โลภมากที่สุด ไม่เคยเห็นพระในแดนพุทธศาสนา ที่จะแสดงตัวหยาบโลนขนาดที่เป็นอยู่เวลานี้ ไม่มีในแดนพุทธศาสนา พึ่งมาเห็นเวลานี้ แบบหน้าด้านที่สุด โหย มึนตึง ไม่ยอมฟังเสียงใคร ดื้อด้านที่สุดคือพวกนี้ พวกหิวกระหาย เป็นบ้าลาภ บ้ายศ บ้าอำนาจ รวมอยู่นี้หมดเลย จะกลืนคนทั้งชาติทั้งศาสนาให้เป็นอาหารว่างไปหมด ใครอยากเป็นอาหารว่างไป เข้าไปสมัครตัว มีไหมในศาลาวัดป่าบ้านตาดนี่ ถ้าอยากเป็นอาหารว่าง กำลังเวลานี้กระหืดกระหอบ หิวอาหารมากๆ เป็นหัวหน้าไป

แหม เลวมากที่สุดเลยนะ ฟังไม่ได้ภาษาธรรม เราก็ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้ฟังไม่ได้เลย ว่างั้นเลย เข้ากับธรรมไม่ได้ แล้วจะให้ไปเทิดทูนศาสนาได้ยังไง มีแต่สิ่งทำลายทั้งนั้นๆ ที่ออกมาเวลานี้ ไม่มีชิ้นดีเลย แง่ไหนออกมาฟังไม่ได้ๆ ทั้งนั้น เอาละพอ

เราพูดจริงๆ พูดแบบเป็นธรรม เราพูดเปิดเผยๆ ทุกอย่างเลย เอาภาษาธรรมพูด ไม่อ้อมค้อม พูดอย่างตรงไปตรงมา ที่เราพูดเหล่านี้ทั้งหมดเราเอาภาษาธรรมมาพูดด้วยความเป็นธรรมทั้งนั้น เราไม่ได้เข้าข้างนั้นข้างนี้ ไม่เข้าข้างไหน อันไหนผิดปัดออก อันไหนถูกยกขึ้นๆ อย่างนี้ตลอดมา เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น จะถือว่าคนนั้นเป็นข้าศึกคนนี้เป็นข้าศึกไม่ถือ ผิดอะไรปัดออกเท่านั้น อะไรถูกยึดเท่านั้นเองภาษาธรรม ทีนี้จะให้พร

คนมาเรื่อยๆ ขนเข้ามาแล้วก็ขนออกไปกระจายทั่ว อันไหนควรแก่วัดแก่วา ควรแก่ประชาชนผู้ยากจนหรือสังคมต่างๆ แยกออกไปๆ ตลอดเลย วัดนี้พูดจริงๆ มีแต่เสียสละล้วนๆ เลย ดูซิของอยู่ในโกดังเต็ม โรงพยาบาลไหนมาให้ทุกโรงๆ เสมอกันหมด ถ้าเป็นโรงให้พิเศษก็มีอยู่ ๓ จังหวัด ๑.อุบล ๒.โคราช ๓.อุตรดิตถ์ ส่วนชัยภูมิให้พิเศษเพียง ๒ โรง มีเทพสถิต ภักดีชุมพล เลยชัยภูมิไปอีกตั้ง ๖๐-๗๐ กิโล เราเทียบเข็มไมล์จากวัดเรานี้ นู่นละสูงเนิน สีคิ้ว ระยะทางไกลไปหาโรงพยาบาลสองโรงนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงให้เป็นพิเศษเหมือนกัน พวกพิเศษก็ให้เสมอกัน พวกธรรมดาก็เสมอกัน อย่างนี้เรื่อย ของเต็มโกดังไม่ให้ขาดเลย ต้องซื้อเอามาเต็มเอี๊ยดๆ เราอยู่ไม่อยู่ไม่สำคัญ ผู้คอยดูแลโกดังมีประจำ อะไรบกพร่องรีบหามาๆ ตลอดอย่างนี้

เราทำสุดหัวใจแล้วการทำประโยชน์ให้โลก เรียกว่าคราวนี้เราทำสุดหัวใจจริงๆ  คือเราไม่มีอะไรเลยที่จะมาติดเนื้อติดตัวเรา  ออกๆ เพื่อทำบุญให้ทานหมดเลยไม่มีอะไรติดตัว เราทำให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยของเรา เวลาตายแล้วก็บอกตรงๆ เลย เพราะมันประจักษ์ในนี้ไม่ต้องไปหาพยานที่ไหน พระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายไม่หาพยานที่ไหน ประจักษ์ขึ้นกับใจแล้วประกาศป้างออกได้เลย นี้ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เราหายสงสัยทุกอย่างแล้วในโลกทั้งสาม ที่เรามาคลุกเคล้าอยู่นี้ก็เพราะความเมตตาต่อโลก สำหรับเรื่องเราเองเราไม่มีอะไร ใครจะเป็นอะไรๆ ไม่มี แต่นี้เกี่ยวกับโลก สงสารโลกก็ต้องมาเกี่ยวข้องคลุกเคล้ากันกับมูตรกับคูถอยู่อย่างนี้ ถึงได้มีเสียงว้อๆ เรื่องเราเองจริงๆ เราไม่มีนะ ไม่มีเลย

ไปด้วยความผาสุกเย็นใจ ตายนี้ตายที่ไหนไป ง่ายนิดเดียว ถึงเวลาแล้วหรือ ปุ๊บๆ เข้าปั๊บ กำหนดปั๊บๆ ผึงไปเลย ไม่ได้ตายยากตายลำบาก พูดให้มันชัดเจน นี้ผลแห่งการปฏิบัติธรรม ตายก็ไม่ยาก อยู่ก็ไม่ลำบาก ภายในหัวใจเรียกว่าเที่ยงตรงตลอดเวลา ประจักษ์อยู่ในนั้น เวลามีชีวิตอยู่นี้เราก็ช่วยโลกเต็มกำลังความสามารถ เมื่อพ้นจากนี้แล้วก็ไปอย่างหายห่วง เกิดมานี้กี่กัปกี่กัลป์ บุพเพนิวาสานุสติญาณ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาย้อนหลังในภพชาติของพระองค์มากสักเท่าไรๆ ภพชาติของสัตว์ไม่ต้องพูดว่างั้นเลย

จิตดวงนี้ละที่เป็นนักท่องเที่ยว มันมีเชื้อพาให้เกิดพาให้ท่องเที่ยว พอตัดเชื้อมันขาดไปแล้วผึง หมด เป็นธรรมธาตุ นิพพานเที่ยงคือธรรมธาตุนั้นแล ที่หมดสมมุติโดยประการทั้งปวง ไม่มีเลย อย่างยั้วเยี้ยๆ ยุ่งอยู่นี้มีแต่สมมุติทั้งนั้น ธรรมชาตินั้นไม่มี เมื่อเข้าถึงแดนนั้นแล้วหมดโดยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้นจึงควรมีแก่ใจบรรดาพี่น้องทั้งหลายอุตส่าห์พยายามสร้างคุณงามความดี เพื่อจะให้เข้าถึงจุดนั้น แม้ยังไม่ถึง ที่เราไปเป็นระยะทางก็เป็นสถานที่อยู่ของคนที่มีบุญมีความสุขเครื่องบรรเทาทุกข์ตลอดไป ไม่เหมือนกับคนมีแต่ความชั่วช้าลามก ไปที่ไหนผิดหวัง มีแต่ความทุกข์เต็มตัวๆ ทุกภพทุกชาติ นี่ละคนสร้างความทุกข์ พอใจในการสร้างความทุกข์ เป็นอย่างนี้เอง

ผู้ที่พอใจสร้างความสุข อยู่ที่ไหนไม่ผิดหวังๆ สมหวังไปเรื่อยๆ เราได้สร้างอะไรๆ เหล่านี้ไม่ไปไหนนะ ส่วนหยาบเช่นวัตถุทานที่เราไปทำบุญให้ทาน นี้เป็นส่วนหยาบ จะเรียกว่ากากบุญก็ไม่ผิด ส่วนบุญแท้ๆ เราเอาแล้ว อันนี้ออกไปทำบุญทำทาน นั่นละเป็นสาเหตุที่จะให้ออกเป็นทาน คือเจตนาที่เป็นกุศลออกแล้วเริ่มแล้ว ที่ออกไปเป็นวัตถุส่วนหยาบเป็นประโยชน์แก่โลกผู้อาศัย ส่วนละเอียดคือบุญนั่นเข้าแล้วๆ นี่ละอำนาจแห่งบุญ เพราะฉะนั้นเวลาจำเป็นจำใจมาจริงๆ นี่ ตั้งสัจจอธิษฐานจะรับกันทันทีๆ เลย เพราะมีอยู่ในใจ พากันจำเอานะ ให้อุตส่าห์นะการสร้างความดี ต้องฝืนกับความชั่ว อย่างที่รบกันอยู่เดี๋ยวนี้ ความดีกับความชั่ว คนดีกับคนชั่ว รบกันอยู่นี้ เอ้า ฝืนไปเพื่อความดีของเรา เอาละนะพอ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก