เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
ไม่ยอมรับการแก้ตัวแบบนี้
ก่อนจังหัน
ลืมแล้วพระบอกตะกี้นี้ (๓๔ ครับผม) ภูวัวไม่ทราบเท่าไรแต่อยู่ในเกณฑ์นี้แหละ ภูวัวเป็นสถานที่เหมาะสม มีหน้าที่อันเดียวคือชำระกิเลสโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เราจึงไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เราตัดขาดทีเดียวใครไปยุ่งไม่ได้ ใครจะไปอยู่ที่นั่นห้ามทั้งหมดเลย ยังมีตัวดื้อๆ อยู่นะ ไปท่านบอกว่ารับไม่ได้ หลวงตาห้ามอย่างนั้นๆ แล้วไปอยู่บนเขาคนเดียว แล้วนายพงนายพรานเขามาแถวๆ นั้น พระท่านอยู่ทั่วๆ ไป บอกให้ลงไม่ลง เราไปเลยเทียว ไล่ลงเดี๋ยวนั้นเลย เอาขนาดนั้น มันดื้อมันต้องเด็ดอย่างนั้น ผิดไหมเด็ดอย่างนี้ ยังจะว่าผิดเหรอ ตัวมันทำแหละมันผิด นั่น ไม่ให้ใครไปอยู่ ให้เฉพาะผู้เกี่ยวข้อง สำหรับชาวบ้านมาทำครัวพอได้อาศัยไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ให้มีความยุ่งยากและเป็นภัย ห้ามขาดเลย
เพราะเราตั้งใจจะบำรุงวัดนี้ให้ได้ปฏิบัติศีลธรรม เพื่อตักตวงเอามรรคผลนิพพานตามทางศาสดา ซึ่งทางนี้พระองค์ดำเนินมาก่อนแล้ว สถานที่อยู่ที่บำเพ็ญเหมาะสมร้อยเปอร์เซ็นต์เลย พอเราไปเห็นแล้วเราพอใจจึงต้องทุ่มกันเลยตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ดูเหมือน ๒๐ ปีกว่าแล้ว เราส่งเสียอาหาร พอว่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ คือเอาจริงเอาจัง เมื่อลงเหตุลงผลกันแล้วก็ทุ่มกันเลยตั้งแต่บัดนั้น
สำหรับพระที่จะมาอยู่ที่นั่น เอ้า มาเท่าไรให้มา นู่นฟังซิน่ะ เราจะรับเลี้ยง คือมามากก็สถานที่ทำเลเหมาะสมๆ เพราะฉะนั้นมาเท่าไรให้มาเราจะรับเลี้ยง เราบอก ถ้าหากว่าเราไม่สามารถจะเลี้ยงได้เราจะบอก ก็ไม่เห็นมี ถ้าลงได้ขึ้นเวทีแล้วสามารถหรือไม่สามารถก็คอขาดไปเลย เข้าใจไหม นั่นละสถานที่พระท่านบำเพ็ญเพื่อมรรคเพื่อผล ครั้งพุทธกาลเป็นอย่างนั้น สถานที่เช่นนั้น งานของท่านเป็นอย่างนั้น ไม่คลุกเคล้าวุ่นวายกับสิ่งใดที่จะเป็นการก่อกวนทำลายการประกอบความพากเพียรของท่าน และนำมาซึ่งพิษภัย
ในวัดป่าบ้านตาดของเราก็เหมือนกัน อันนี้เราไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเหมือนกัน เอาไว้เฉพาะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติพระเณรเรา อย่าอ่อนแอนะ อย่าให้เห็นนะอ่อนๆ แอๆ เซ่อๆ ซ่าๆ แบบที่ว่าซาดบ่ เราไม่ลืมนะ แหมพระองค์นี้น่ะ ไปแล้วแหละ ถ้าไม่ไปก็ต้องถูกไล่ เพราะบอกชัดเจนมาก เพราะเราจะทดลองพระองค์นี้เป็นยังไงมาหลายทีแล้ว เราสอนอย่างชัดเจนไม่ให้ผิดให้เพี้ยนเลยทีเดียว ทดลองปั๊บ ให้เอาอาหารนี้ไปให้เด็กที่นั่งอยู่กับแม่ แล้วเด็กมีคนเดียวนั่งอยู่กับแม่ ต้นเสาต้นนั้น เด็กที่ไหนก็ไม่มี เอาขนมไปให้เด็กคนนั้นนะ อยู่กับแม่ ฟังเข้าใจไหมล่ะที่ว่านี่
พอยื่นขนมให้ ปุบปับไปใส่บาตรพระ พอดีเรามองไปเห็นกำลังมองมาหาเรา เราปัดออกอย่างนี้ แล้วปุ๊บปั๊บจะไปใส่บาตรองค์นั้นอีก นั่นน่ะฟังซิมันโง่ขนาดไหน จนทุเรศนะเรา เลยติดใจนะเรื่องความโง่ของพระเราที่ตั้งใจมาชำระ เลยพอดีสั่งพระองค์ใหม่มา มาก็สั่งอย่างว่านี่ เราก็บอกไปอย่างนั้น พระเอาไปปั๊บใส่ปุ๊บเลยไม่เห็นยากอะไร นี้มันทุเรศจริงๆ นะ ให้ตั้งใจปฏิบัตินะอย่ามาเร่ๆ ร่อนๆ ในวัดนี้
แล้วการบิณฑบาต ประเพณีหรือหลักวินัยพระพุทธเจ้ายืนตัวอยู่แล้ว การไปบิณฑบาตในหมู่บ้านให้ครองผ้าซ้อนกัน สังฆาฏิ จีวร เว้นแต่บิณฑบาตตามทุ่งนาหรือในครัว ไม่ได้เข้าบ้าน นี่เป็นประเภทหนึ่ง ใช้ผืนเดียวก็ได้ไม่ขัดข้อง แต่เข้าไปในหมู่บ้านแล้วต้องซ้อนผ้า ฟังให้ดีนะ เดี๋ยวจะซาดบ่อีกหรือ ถ้าลงได้เห็นแล้วเอาจริงๆ นะไม่เหมือนใคร เพราะพระวินัยมีชัดเจนมากทีเดียวประจำองค์พระ ให้ซ้อนผ้า เว้นแต่ฟ้าลงฝนตก อากาศมืดครึ้มฝนจะตก นี่ที่มีข้อยกเว้นในพระวินัย ถ้าอากาศแจ่มใสและเข้าไปในหมู่บ้านด้วย ให้ซ้อนผ้าเข้าไปบิณฑบาต เว้นแต่อยู่ตามท้องนาหรือในครัว นี่เป็นอีกประเภทหนึ่ง ให้จำ
ให้ยึดหลักพระวินัยคือองค์ศาสดา ให้เกาะติดนะ ถ้าพลาดจากพระวินัยคือพลาดจากศาสดา เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปพร้อมเลยนะ พระวินัยและธรรมนี้แลคือศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว ฟังซิน่ะ แม่นยำไหมพระพุทธเจ้าสอน ให้ยึดอันนี้ให้ดี อย่ามาเหลาะๆ แหละๆ เรื่องพระวินัยยิ่งแล้วนะ มาผิดๆ พลาดๆ ให้เห็นไม่ได้ เพราะอันนี้เป็นแบบความสวยงามของพระ ความดีความอบอุ่นของพระ ศีลของพระ เรียกว่าธรรมของพระอยู่ในศีลนั้นแล ให้ตั้งใจปฏิบัติ
ทำหน้าที่การงานอะไรก็ตาม ขอให้มีสติติดแนบอยู่กับตัว เช่นผู้บริกรรมก็อยู่กับคำบริกรรม หรือจิตที่มีความสงบ สติติดแนบอยู่กับความสงบ ในธรรมขั้นใดสติติดแนบอยู่นั้นทำหน้าที่การงานให้เป็นสัมปชัญญะ กระจายออกไปกับหน้าที่การงานด้วยความรู้สึกตัวอยู่เสมอ เรียกว่าสัมปชัญญะ อย่ามาเหลวไหลไม่ได้นะ ผมนี่หลับหูหลับตาดูหมู่ดูเพื่อนไม่ใช่ธรรมดานะ ไม่คุย เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาแบบเก้อๆ เก้ๆ อย่างนี้ เวลามาเห็นมันก็ขวางตา ไม่มีเจตนาก็ตาม ผิดก็ต้องเป็นผิดอยู่โดยดี ให้พากันจำ
ความพากเพียรอย่าลดละถอยหลังนะ ถ้าความเพียรดีแล้วนั่นละมรรคผลนิพพานจะติดแนบๆ อยู่กับธรรมกับวินัย เราอย่าไปหามรรคผลนิพพานตามดินฟ้าอากาศ ทั่วแดนโลกธาตุไม่มีมรรคผลนิพพานไม่มีกิเลส มีอยู่ที่การประพฤติดีประพฤติชั่วของเรานี่เท่านั้น ผลจะเกิดขึ้นจากการทำดีของเรา เช่น มรรคผลนิพพานเกิดขึ้นจากการทำดี ความเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้เราคือการทำชั่วจากตัวของเราเองนี่แล ไม่มาจากภูเขาลูกไหน ดินฟ้าอากาศที่ไหน จะเกิดขึ้นจากเราทั้งดีและชั่ว ให้พากันสำรวมระวังดูตัวมหาเหตุ
คือจิตนี้เป็นตัวคิดตัวปรุงตลอดเวลา เนื่องจากกิเลสดันออกมาๆ ดังที่ท่านแสดงไว้ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาตัวมืดบอดอยู่ข้างในดันออกมาให้เป็นสังขาร สังขารจึงเป็นสมุทัย สัญญาเป็นสมุทัย ทุกอย่างเป็นสมุทัยไปหมดเพราะตัวอวิชชาเป็นรากใหญ่ดันออกไปให้เป็นสมุทัย ด้วยเหตุนี้สติจับปั๊บไม่ให้มันปรุง กิเลสก็ไม่เกิด สัญญาความมั่นหมายต่างๆ ไม่เกิดเมื่อสติติดแนบอยู่กับตัวแล้ว สติบังคับไว้ ให้พากันจำให้ดีนะ เผลอสติเมื่อไรออกเมื่อนั้นกิเลสพร้อมอยู่เสมอ เวลาเรามีสติดีๆ อยู่แล้วเราจะได้เห็นความกระเพื่อมของจิตมันค่อยดันออกมาๆ อยากคิดเรื่องนั้นอยากปรุงเรื่องนี้ มีลักษณะดันๆ เอาสติตีเข้าไปมันก็หมอบลง จำให้ดี
เลยจะไม่มีพระที่ทรงมรรคทรงผล ศาสนามีแต่กระดาษมีแต่ใบลาน เป็นใบลานเปล่า ท่านเรียกว่า โปฐิละๆ ใบลานเปล่า เรียนเปล่าๆ หัวโล้นเปล่าๆ หัวล้านเปล่าๆ กินเปล่าๆ นอนเปล่าๆ โปฐิละทั้งนั้น นี่พวกใบลานเปล่า กินเปล่าๆ ไม่มีสติสตัง ให้พากันจำให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าไปกังวลกับอะไร ไม่มีเหตุใดที่จะทำให้เราดีชั่วได้นอกจากใจเท่านั้น จะเกิดขึ้นที่นั่น มหาเหตุอยู่ที่นั่น จำให้ดีนะ ให้พร
หลังจังหัน
ผู้กำกับ มีหนังสือคณะสงฆ์ไทยที่มีไปถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ดังนี้ครับ
สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓
กรุงเทพมหานคร
๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
เรื่อง ขอทราบความจริง กรณีใช้พระตราประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช และ กรณีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
เรียน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
ตามที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชโดยวิธีการและขั้นตอนที่ก่อให้เกิดปัญหาในสังฆมณฑล และยังได้ใช้รอยพระตราประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งประทับบนลายมือชื่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในเอกสารต่างๆ อาทิเช่น หนังสือแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗, หนังสือแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เป็นต้น
ผู้แทนคณะสงฆ์ไทย ได้มีหนังสือถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ขอให้เปิดเผยความจริง กรณีดังกล่าวหลายวาระ แต่ไม่ได้รับความอนุเคราะห์ และจนกระทั่งปัจจุบัน ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น จึงขอทราบความจริงจากสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ดังต่อไปนี้
กรณีใช้พระตราประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
๑.มหาเถรสมาคมมีกฎระเบียบไว้อย่างไร ในการให้บุคคลอื่นใช้รอยพระตราประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
๒.ผู้ใดอนุญาตให้นำพระตราฯ มาประทับบนลายมือชื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ในเอกสารดังกล่าว
๓.บุคคลผู้อนุญาต หรือประทับพระตราฯ ดังกล่าว อาศัยอำนาจจากกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อใด
กรณีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
๑.ตามที่มหาเถรสมาคมมีการประชุมเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ และพิจารณามีมติในการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เหตุใดจึงไม่มีเอกสารมติมหาเถรสมาคมในเรื่องดังกล่าว ผู้แทนคณะสงฆ์ไทยขอให้สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม แสดงเอกสารบันทึกมติที่ประชุมในวันที่ ๙ และ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗
๒.การที่มหาเถรสมาคมพิจารณาผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตามมาตรา ๑๐ ของพรบ.คณะสงฆ์ฯ หมายความว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม เห็นชอบว่า สมเด็จพระสังฆราชไม่อาจทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีแถลงการณ์ของคณะแพทย์ยืนยันความเห็นดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ใช่หรือไม่ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ยอมรับตามรายงานของนายวิษณุ เครืองาม ทุกประการใช่หรือไม่ ทั้งที่ทราบดีว่าไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
๓.ตามพระธรรมวินัยบัญญัติให้ ภิกษุทำหน้าที่ดูแลภิกษุไข้ คือให้เป็นเรื่องของสงฆ์พิจารณากันเอง แต่การที่นายวิษณุ เครืองาม อ้างเอามาตรา ๗๓ ของรัฐธรรมนูญ บังคับให้สมเด็จพระสังฆราชประทับพักผ่อน โดยทำหนังสือขอความเห็นจากคณะแพทย์เสียเอง เป็นการก้าวก่ายกิจของสงฆ์ ทำเกินเลยพุทธบัญญัติ มหาเถรสมาคมในฐานะที่เป็นสงฆ์ ควรเป็นผู้พิจารณาดูแลภิกษุไข้ เป็น คิลานุปัฏฐาก และทำหนังสือถึงคณะแพทย์ในนามของสงฆ์ จึงจะถูกต้องตามพระธรรมวินัย สมควรเป็นดังนี้ใช่หรือไม่
๔.ในเมื่อมหาเถรสมาคมมีมติให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นคณะร่วมกัน เหตุใดจึงใช้มาตรา ๑๐ ของพรบ.คณะสงฆ์ฯ ซึ่งบทบัญญัติในมาตรา ๑๐ ใช้เฉพาะ รูปหนึ่งรูปใด มิได้ใช้เพื่อแต่งตั้งเป็น คณะ
๕.การที่มหาเถรสมาคมมีมติรับทราบ ตามรายงานของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเห็นชอบตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น แสดงให้เห็นว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ ใช่หรือไม่ และการที่นายวิษณุ เครืองาม ประกาศแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในราชกิจจานุเบกษา ก่อนที่สมเด็จพระสังฆราชจะทรงเห็นชอบ ย่อมเป็นการไม่สมควร ใช่หรือไม่
๖.ในเมื่อมหาเถรสมาคมมีมติให้มีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในรูป ของ องค์คณะ ผู้แทนคณะสงฆ์ไทยจึงขอให้สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ในฐานะประธานคณะฯ แสดงเอกสารวาระและบันทึกการประชุมคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนหลักฐานการรายงานกราบทูลผลการปฏิบัติงานต่อสมเด็จพระสังฆราชทุก ๓๐ วัน ตามที่ได้ประกาศไว้
๗.ในเมื่อคณะสงฆ์ไทยทั้งสองนิกายจำนวนกว่าหมื่นรูป และพุทธศาสนิกจำนวนหลายแสนคน ได้คัดค้านการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่ามีวิธีการและขั้นตอนที่ขัดพระธรรมวินัย ผิดจารีต และใช้กฎหมายไม่ตรงตามหลักการที่ประกาศไว้ แม้คณะสงฆ์ไทยได้ยกเหตุผล พร้อมพยานหลักฐานเอกสารอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ยังคงเมินเฉย และยอมรับคำสั่งแต่งตั้งของนายวิษณุ เครืองาม โดยใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวโดยพลการ เท่ากับว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ยอมให้ คฤหัสถ์มีอำนาจเหนือพระ ใช่หรือไม่
๘.ในเมื่อพุทธบริษัทจำนวนมากไม่ยอมรับการแต่งตั้งดังกล่าว และหากกรณีนี้เป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงถึงขั้น สังฆเภท ทำสงฆ์ให้แตกจากกันในที่สุด สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ยังคงยืนยันหรือไม่ว่า จะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีในสังฆมณฑลและพุทธศาสนิกชน โดยยึดถือกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จารีตประเพณี และกฎหมาย จึงขอให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ชี้แจงความจริงดังกล่าว หากท่านไม่แถลงชี้แจง แสดงให้เห็นว่า ท่านไม่มีความจริงใจในพระธรรมวินัย และยอมรับผลที่เกิดขึ้นทุกประการ
เรียนมาด้วยความนับถือ
คณะสงฆ์ไทย
อีกบทความหนึ่งคัดมาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ประจำวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ มีข้อความดังต่อไปนี้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชฯโดยชอบ ดังนั้นก็ย่อมมีอำนาจที่จะประทับตรา และสมควรต้องประทับตราด้วย ที่สำคัญคือ ก่อนที่จะลงชื่อในคำสั่งอะไรก็จะส่งเอกสารดังกล่าวไปที่วัดบวรนิเวศฯ เพราะตราสมเด็จพระสังฆราชฯเก็บอยู่ที่นั่น และคนที่เก็บก็คือ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ จากนั้นสำนักงานเลขานุการฯ ก็จะตรวจดูว่า ออกคำสั่งมาถูกหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็จะประทับตราและแจกจ่ายต่อไป
หลวงตา ทางนี้ก็ตอบไปซิว่าไม่ถูก พอแล้ว ไม่ถูก พอ ตอบย่อ ๆ ก็ได้ คำทั้งหมดนี้ที่แสดงมานี้ไม่ถูกว่างั้นเลย ก็ประชาชนตลอดพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยค้านมาอย่างจังๆ ต่อหน้าต่อตาแล้วจะมาเสนออะไรอีก มันเป็นโมฆะไปหมดแล้วนี่ เป็นโมฆะแล้วคำแก้ตัวนี้
ผู้กำกับ อ่านให้จบนะครับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่ได้เป็นผู้ประทับด้วยตัวเอง
หลวงตา ใครประทับก็ตามเถอะ ก็คือตัวสำคัญที่มันจะทำลายชาติและศาสนาอยู่เวลานี้ มันกำลังออกตัวของมันอยู่นี้ ลิ้นแหลมมากที่จะกินชาติไทยศาสนาไทยให้ล่มจม คือลิ้นอันนี้แหละ
ผู้กำกับ ตรงกันข้ามการที่ไม่ประทับตราฯ เสียอีก
หลวงตา นั่นแล้วหาเรื่องไป
ผู้กำกับ ถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราชฯ เหมือนกับการไปเซ็นออกคำสั่งในนามท่าน แต่ไม่แสดงให้เห็นว่าท่านมีอิสริยศอะไร นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า หากพูดถึงในอดีตที่ผ่านมา เมื่อสมเด็จพระสังฆราชฯ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ พระรูปอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่แทน ก็ประทับตราสมเด็จพระสังฆราชฯ ทุกครั้ง อย่างกรณีที่สมเด็จสังฆราชฯ วัดราชบพิธสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระญาณสังวรเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ดังนั้น จึงแปลกใจที่มีการออกมาคัดค้าน แต่คนที่ค้านก็เป็นกลุ่มเดิม และนำโดยคนหน้าเดิมๆ
หลวงตา พวกเปรตพวกผีก็คนกลุ่มเดิม จะเป็นคนกลุ่มไหนที่มันก่อกวนอยู่เวลานี้น่ะ ไม่รับทั้งนั้น เข้าใจไหมนี่ ไม่ยอมรับ บอกไม่ยอมรับ พระสงฆ์ไทยพร้อมทั้งประชาชนทั่วประเทศไทยไม่ยอมรับการแก้ตัวแบบนี้ มันจะแก้เพื่อกลืนชาติและศาสนาโดยตรง เข้าใจเหรอ เท่านั้นแหละ
ผู้กำกับ เขาก็ทำแบบเดิม ๆ
หลวงตา เรื่องเดิมน่ะ แก้เท่าไรก็ไม่นั่นละ ความแก้ของมหาโจร ก็มีเท่านั้นละนะ อันเดิมของเรานั่นเป็นพื้นฐานเลย มาค้านไม่ได้ อันนี้ของเราเป็นพื้นฐานแล้วค้านไม่ได้ พระสงฆ์ทั่วประเทศไทยทรงธรรมทรงวินัย ปฏิบัติเคร่งครัดมาด้วยดี ออกมาประกาศยืนยันความจริงของหลักธรรมหลักวินัย กฎประเพณีทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อันนี้เป็นมหาภัยทั้งนั้นจึงยอมรับไม่ได้ เข้าใจเหรอ ไม่เอา ไม่รับ ไม่รับเลย
วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมาก พูดเท่านี้ก็พอแล้ว โอ๊ยเหนื่อย เหนื่อยมากเรา เมื่อเช้าก็ฉันจังหันได้บ้าง หยิบนั้นหยิบนี้
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |