พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้พอแล้วทุกอย่าง
วันที่ 21 มิถุนายน 2547 เวลา 8:00 น. ความยาว 40 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้พอแล้วทุกอย่าง

 

ก่อนจังหัน

 

         ......เรากำหนดไว้เรียบร้อย มาก็สั่งเสียอย่างแม่นยำนะ แล้วปุ๊บมาใส่นี้ แม่กับลูกนั่งอยู่นั้น เราบอกให้เด็กคนนั้น ชี้บอกด้วยนะ ในจุดนั้นมีเด็กคนเดียว ไม่มีใครแหละมีเด็กคนเดียว แล้วปุ๊บปั๊บไปใส่บาตรพระ ฟังซิน่ะ แต่มองมาหาเราก่อน เราปัดอย่างนี้ออก แล้วก็ปุ๊บจะไปใส่องค์นั้นอีก ปัดอีก เรามองไปเห็นพระอีกองค์หนึ่งจึงบอกพระมา ให้พระเอาไปใส่ ใส่ก็ปุ๊บเลย แน่ะเป็นอย่างนั้นนะ องค์นี้ยังซาดบ่ มันพิลึกนะ เราถึงหนักใจ

พระที่ไปศึกษากับครูบาอาจารย์แต่ละองค์ๆ ไม่ใช่น้อยๆ นะ ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นน้อยเมื่อไร ไปศึกษา โอ๋ย เป็นพันๆ ไม่ใช่น้อยๆ แล้วมันเหลือมาสักกี่รายล่ะ ครูบาอาจารย์ที่มาสั่งสอนลูกศิษย์เวลานี้ นั่นละลูกศิษย์ของท่านที่เศษที่เหลือมา นอกนั้นมีแต่ซาดบ่หมดเลย เข้าใจไหม มันเป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นเราถึงได้ทดลองดู ปั๊บได้การณ์เลย คือไม่ได้มาจริงๆ จังๆ อะไร มาเหลาะๆ แหละๆ โลเลโลกเลก เป็นเรื่องของกิเลสทั้งหมดเลยนะ ที่จะแยกมาเป็นธรรมไม่ได้ นี่ที่เราแยกมาเป็นธรรมมาสอนชัดเจน ยังไปซาดบ่จนได้ แหม ทุเรศนะ

พระมามากมายก่ายกองไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย นี่กำลังจะต่ออายุกัน ฟังซิกำลังจะต่ออายุ นั่นละพวกซาดบ่ พวกกำลังต่ออายุ พวกซาดบ่ละนั่น ดูให้ดีนะ เราพูดเราไม่ได้พูดเล่นนะ พิจารณาเต็มเหนี่ยวๆ ออกมาจะไม่ผิดเลย มันเสียใจที่ว่าสอนไปเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วผลที่ได้มาซาดบ่นี่ซิ แหมมันทุเรศนะ มันเป็นยังไงพระเรามาศึกษาอบรม มันมีแต่มูตรแต่คูถเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มพุทธศาสนานะ มองดูแล้วมันไม่อยากสอนพูดจริงๆ อันนี้มันจ้าอยู่นี้มันเห็นหมดจะให้ว่ายังไง พูดอย่างนี้คุยเหรอ กับไอ้ว่าซาดบ่ที่พูดเมื่อวานนี้ แหมมันทุเรศจริงๆ มันขนาดนั้นละ กิเลสเอาไปกินหมดๆ เหลืออยู่ชิ้นหนึ่งสองชิ้น ของเต็มศาลานี่ได้สักชิ้นหนึ่งสองชิ้นเท่านั้นแหละ เราถึงอ่อนใจที่จะสอนใครต่อใคร

พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย เป็นอย่างน้ แม้ตัวเท่าหนูมันก็ท้อใจทันที เกิดขึ้นเอง มันรับกันปึ๋งกับพระพุทธเจ้า นั่นละมันเข้ากันได้ไหมล่ะธรรมกับธรรมชาติเหล่านี้ มันทุเรศจริงๆ นะ มานี้ไม่รู้เท่าไรพระก็ดีมาที่นี่ แทนที่จะได้หลักได้เกณฑ์ไปใช้ ได้ตั้งแต่พวกซาดบ่ ได้เท่านั้นแหละ ฟังให้ดีนะที่พูดเหล่านี้น่ะ มันทุเรศจริงๆ นะ ให้พร ให้พรมันจะรับพรหรือไม่รับก็ไม่รู้นี่ก็ดี หรือซาดบ่อีกก็ไม่รู้นะ

 

หลังจังหัน

 

เวลานี้ทองคำในหนึ่งตันนั้นได้แล้ว ๓๙๔ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๖๐๖ กิโลจะครบ ๑ ตันแล้วก็เรียกว่าคู่ นี่เราพยายามจะให้ได้ แต่คราวนี้จะไม่ขู่ไม่เข็ญไม่ทุบไม่ตีเอากระเป๋านั้นกระเป๋านี้เหมือนแต่ก่อน คือประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบในความสำคัญแห่งหัวใจของชาติไทยของเราได้แก่คลังหลวง จำนวนที่เราต้องการอยู่เวลานี้ยังขาดอยู่อีก ๖๐๖ กิโลจะครบหนึ่งตัน นี่ละยังขาดอยู่ แต่เราจะไม่ทุบตีกระเป๋านั้นกระเป๋านี้ขู่เข็ญ แต่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบความสำคัญดังที่ว่ามานี้ แล้วก็ให้ถวายเข้ามาตามอัธยาศัย ได้มากได้น้อยตามแต่จะได้ เมื่อครบหนึ่งตันแล้วเราก็จะมอบเข้าสู่คลังหลวง รวมทั้งหมดเป็น ๑๑ ตัน คราวนี้ค่อนข้างแน่ว่าจะได้ทองคำเข้าสู่คลังหลวงครบ ๑๑ ตันแหละ อย่างน้อยจะ ๑๑ ตันแน่ๆ ไม่นานนะ เวลานี้ขาดอยู่ ๖๐๖ กิโล

ผู้กำกับ กราบเรียนปรึกษาสองเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง ถามหาความโปร่งใส ถามหาวิษณุ กปส.(กรมประชาสัมพันธ์) กรณีเลี่ยงบาลี อนุมัติทีวีช่อง ๑๑/๑ และ /๒

หลวงตา มันเรื่องอะไร

ผู้กำกับ ช่อง ๑๑ แต่เดิมเขาห้ามโฆษณา ข้อตกลงเดิมห้ามโฆษณา ตอนหลังนายวิษณุจะอนุมัติเลี่ยงมาว่า ช่อง ๑๑/๑ กับช่อง ๑๑/๒ โฆษณาได้

หลวงตา คือช่องนี้เขาไม่มีโฆษณา แต่วิษณุจะให้โฆษณาได้อย่างนั้นหรือ

ผู้กำกับ คือไปแก้ไปทำอะไรแล้ว ให้มีบริษัทรับช่วงไปโฆษณาได้ แล้วอ้างเหตุผลต่างๆ นานา หนังสือพิมพ์เขาถึงลงถามหาความโปร่งใส

หลวงตา เป็นปริศนาหรือเป็นอะไร

ผู้กำกับ แบบนั้นละครับ

หลวงตา มันเป็นไปละไอ้นี่ ท่านทั้งหลายทราบเอานะ กำลังควานทั้งใต้ดินทั้งเหนือดิน เหนือดินนี้ออกมากแล้ว เราเป็นเจ้าของของประเทศ สมบัติในประเทศ พี่น้องทั้งหลายจะว่าอย่างไร ปัญหานี่สำคัญมากนะ จะหดหัวอยู่ในกระดองเหมือนเต่าเหรอ ปัญหานี้เอาไปแก้อีก กำลังอาละวาดเวลานี้ กำลังอาละวาดหนักเข้าๆ  ปรกติคนไทยทั้งประเทศจะอยู่ใต้กฎหมาย แต่ไอ้นี่มันแสดงตัวออกให้เห็นชัดเจนแล้วในเมืองไทยของเรา ว่ามันอยู่เหนือกฎหมาย กลายเป็นกฎหมอย กฎหมา กฎหมัดไปแล้วเวลานี้ มันออกมาใช้ในเมืองไทยเรา เป็นกฎหมอย กฎหมา กฎหมัดไปหมดแล้ว ไม่ได้มีกฎหมาย นี่ก็กำลังที่จะประกาศออกใช้ทางทีวีใช่ไหมล่ะ

ผู้กำกับ ก็สนับสนุนที่หลวงตากล่าวเมื่อกี้ว่า เขาใช้กฎหมอย กฎอะไร เขาทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๐ ซึ่งปรากฏข้อความว่า คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ เขาระบุไว้อย่างนี้ แต่นายวิษณุไม่ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๐ ที่ว่านี้ มาใช้กฎอย่างอื่นที่หลวงตาว่านั่นละครับ

หลวงตา มันใช้กฎหมอย กฎหมา กฎหมัด เข้าใจหรือ เลอะไปหมดทั่วเมืองไทยเราเวลานี้ กฎหมายไม่เอามาใช้ ไอ้นี่ละเป็นตัวอำนาจบาตรหลวงใหญ่โตมากในเมืองไทยเรา อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ กำลังเอามาใช้ แล้วไม่มีใครที่จะพูดชี้แจงความจริงออกมานอกจากหลวงตาบัวองค์เดียวที่พูด นอกจากนั้นก็หดหัวอยู่ในกระดอง หลวงตาไม่ใช่เต่า ไม่หด เพราะธรรมต้องสอนตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก อันนี้ลงขนาดกฎหมอยจะไม่ผิดไปได้ยังไงใช่ไหม นี่เขากำลังโฆษณาเป็นปริศนาใช่ไหม ใส่ปัญหาคนนี้แหละปัญหาที่มันใช้กฎหมอยนี่น่ะ

ผู้กำกับ ต่อไปก็เป็นประเด็นปลีกย่อย หลักใหญ่คือเขาทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๐

หลวงตา นั่นฟังซิ ผิดกฎหมาย เขาเอามาใช้เป็นกฎหมอย ตั้งขึ้นมา ออกจากนั้นก็เป็นกฎหมอย กฎหมา กฎหมัด กำลังใช้อยู่เวลานี้ ไอ้นี่เอาออกไปใช้ ไม่ได้เอากฎหมายมาใช้เพื่อเมืองไทยเรา มีหลวงตาองค์เดียวที่ชี้แจงให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามหลักของเหตุผลของอรรถของธรรมตลอดมา ไม่เอนไม่เอียง เพราะธรรมเหนือทุกอย่าง เหนือทั้งกฎหมายด้วยธรรม เพราะกฎหมายเอาออกมาจากธรรม คัดเลือกๆ ที่ถูกต้องดีงามเอาออกมาจากธรรมมาเป็นกฎหมาย เพราะฉะนั้นจึงให้ความเป็นธรรมทั่วโลก กฎหมายออกมาจากหลักธรรม

ผู้กำกับ อีกเรื่องที่ขอปรึกษาคือ คำชี้แจงกรณีการใช้ตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่เขาชี้แจงมา

หลวงตา มันชี้แจงได้ทุกแบบ ลงเป็นกฎหมอยแล้วชี้แจงได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นกฎหมายไม่ชี้ คนทั้งแผ่นดินเขาค้านกันทั้งแผ่นดิน เขาใช้กฎหมายกฎธรรม แต่กฎหมอยมันจะชี้แจงได้ เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ อันนี้เป็นคำชี้แจง  กรณีใช้ตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๔๗ พระสงฆ์วัดป่าและฆราวาสประมาณ ๓๐๐ คน ร่วมแถลงข่าวที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยพระวิทยา กิจฺวิชฺโช เจ้าคณะตำบล จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไทย เรียกร้องให้ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ชี้แจงความจริงกรณีใช้ตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ประทับรับรองลายมือชื่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ว่าเป็นการอาศัยอำนาจของตรา เพื่อสร้างความยอมรับจากสังคม โดยเฉพาะในการแต่งตั้งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ทั้งๆ ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่นั้น

สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วขอชี้แจงดังนี้

๑.การแต่งตั้งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เป็นเรื่องในอำนาจของ มส. สืบเนื่องที่ได้มีการประกาศแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ ซึ่งได้นำความเรื่องนี้กราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงทราบแล้วตามประกาศดังกล่าว มส.เห็นชอบให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ในฐานะสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ที่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และมีสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะอีก ๕ รูป ทั้งจากฝ่ายมหานิกายและคณะธรรมยุต ปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะร่วมกัน เพื่อช่วยในการกลั่นกรองงาน และรักษาความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์ และโดยที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจ และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎ มส.ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ.๒๕๔๑)ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ข้อ ๘ วรรคแรก ความว่า

ในเมื่อไม่มีเจ้าคณะใหญ่ หรือเจ้าคณะใหญ่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง โดยความเห็นชอบของ มส. รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ ในการนี้ มส.ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๗ จึงได้ลงมติเห็นชอบให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดมกุฎกษัตริยาราม สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ในฝ่ายธรรมยุต ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และได้รับความไว้วางพระทัยจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในฝ่ายธรรมยุตเสมอมา เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง อันเป็นเรื่องของการปกครองของคณะสงฆ์ไทย ตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ ซึ่ง สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ มิได้มีส่วนดำเนินการในเรื่องนี้แต่อย่างใด

๒.กรณีที่ได้มีการใช้ตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ประทับรับรองลายมือชื่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในการแต่งตั้งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตนั้น ก็เนื่องจากขณะนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ฉะนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าคณะปกครองสงฆ์ในตำแหน่งดังกล่าว รวมทั้งผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะสงฆ์โดยชอบด้วยกฎหมายเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระพุฒาจารย์ย่อมเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง ในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในพระนามสมเด็จพระสังฆราช

และเมื่อลงนามแล้ว จำเป็นต้องประทับพระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชบนลายมือชื่อทุกครั้ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติในอดีต เช่นในคราวที่สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ ประชวรเมื่อปี ๒๕๒๘ และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ก็ได้มีการใช้พระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ประทับบนลายมือชื่อผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชทุกครั้ง เช่นเดียวกับกรณีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในขณะนี้ เพราะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในพระนามสมเด็จพระสังฆราช มิฉะนั้นจะเป็นการผิดธรรมเนียมปฏิบัติ และล่วงพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราช โดยไม่นำพาต่อพระอิสริยยศ

คือเขาว่าเป็นเรื่องของ มส.จัดทำ

หลวงตา ว่าพวก มส.ก็พวกเปรตนี่แล้วหาเรื่องขึ้นมา เรื่องที่เราออกประกาศก็ถูกต้องไปแล้วไม่ใช่เหรอ มันมาเบนมาเบี่ยงอะไรอยู่งั้นตลอดเวลา พวกเปรตว่างั้นแหละเรา ภาษาธรรมเป็นอย่างนี้ กินไม่อิ่มกินไม่พอ เปรต เข้าใจไหม หาเก็บตกนั้นเก็บตกนี้เรื่อยอยู่อย่างนี้ อันนั้นเป็นความแน่นอนแล้วที่ประกาศออกไปนั้น ไม่รับรองทั้งหมด ว่างั้นเลย เข้าใจไหม มันจะเอาเทวดามาตั้งก็ไม่รับรอง พระสงฆ์ไทยตั้งแล้วจากหลักธรรมหลักวินัย ขนบประเพณีทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ออกไปแล้ว ปัดสิ่งจอมปลอมทั้งหลายนี้ออกแล้ว มันยังปลิ้นออกมาอะไรอีก พระสงฆ์เป็นพระสงฆ์ไทยตามเดิม เป็นผู้ทรงธรรมวินัยตามเดิม นี้ปลิ้นปล้อนหลอกลวง เข้าใจเหรอ เอามาเข้าไม่ได้ เราพูดตรงๆ อย่างนี้เลย

อันที่ประกาศไปแล้ว เป็นประกาศไปเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ทั้งหลายที่ประชุมกัน นำหลักธรรมหลักวินัยออกมาประกาศ พระสงฆ์ไทยเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในป่า ที่เขาหาวิกลวิการ วิกลมาจากพระพุทธเจ้า เขาหาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระวิกลวิการไปด้วยกันหมด พระสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นพระวิกลวิการ พระป่าเป็นพระวิกลวิการเพราะเป็นสกุลเดียวกัน นี่พวกไม่วิกลวิการกำลังปลิ้นปล้อนหลอกลวง กำลังเป็นเปรต พวกนี้เป็นเปรต ไม่วิกลแต่เป็นเปรต เข้าใจหรือ หาเก็บตกนั้นเก็บตกนี้ เอาเรื่องราวมายุ่งตลอดเวลาพวกนี้ ตั้งแต่เข้ามาทำงานในสนง.พระพุทธศาสนา มีแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟเผาไหม้พุทธศาสนาโดยถ่ายเดียวเท่านั้น จะไว้ใจมันได้ยังไง หลวงตาบัวไม่ไว้ใจ เอาธรรมมายันกันเลยอย่างนี้ละ

หลักประเพณีของพระพุทธเจ้าไม่มี มีแต่ความสงบร่มเย็น อันนี้ไม่ใช่หลักประเพณีของพระพุทธเจ้า เป็นหลักประเพณีของเทวทัตพวกเปรตพวกผีทั้งนั้นแหละ เอา เอาคอหลวงตาบัวไปตัดถ้าพูดผิดไป เท่านั้นแหละพอ

ผู้กำกับ วันนี้พวกลูกศิษย์และพระป่าต่างๆ เขาจะไปประกาศความไม่ไว้วางใจที่กรุงเทพ

หลวงตา บอกไม่รับรอง ว่างั้นเลย ว่าไม่รับรอง จะประกาศตั้งเท่าไรๆ ไม่รับรอง ว่างี้เลย ปลอมตลอดเวลา ที่เราประกาศไปแล้วถูกต้องหมดแล้ว นั่นละเป็นเครื่องยืนยัน เอามาจากหลักธรรมหลักวินัยทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นี้มีแต่หลักจอมปลอมทั้งนั้น ปลิ้นอย่างนั้นหลอกอย่างนี้ให้เขาเชื่อ ใครจะไปเชื่อไม่ใช่หมานี่นะ พระมาประชุมกันเป็นหมื่นๆ องค์ มีตั้งแต่ผู้ปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาทั้งนั้นออกมา ยืนหลักธรรมวินัยตรงแน่วอยู่ตลอดเวลาตามหลักธรรมวินัย อันนี้มันมีเรื่องอะไร มีแต่เรื่องอย่างนี้ทั้งนั้นนะ มันฟังไม่ได้นะเราพูดจริงๆ หาเรื่องนั้นมา หาเรื่องนี้มา อวดสำนวนโวหารไพเราะเพราะพริ้งหลอกลวงประชาชนผู้โง่เขลาเบาปัญญา

พระพุทธเจ้าไม่โง่เขลา หลักธรรมวินัยตั้งมาไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา รักษาโลกให้ร่มเย็นมาตั้งสามโลก อันนี้มันรักษาอะไรมีแต่ทำลายถ่ายเดียว มันดียังไง เอ้า ว่ามาถ้าว่าดีน่ะ ว่ามาซิ วงพุทธศาสนาในเมืองไทยกำลังเดือดร้อนวุ่นวายก็เพราะพวกนี้เอง มันเป็นยังไงสงบเหรอ เอามาเทียบซิ พวกเปรตกินไม่อิ่มไม่พอ ละโมบโลภมาก เป็นขาเดียวกับพระ เป็นบ้ากันทั้งนั้น บ้ายศบ้าลาภ บ้าตะกละตะกลามทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับพวกนี้หมด ไม่อยู่กับพวกไหน พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้พอแล้วทุกอย่าง อันนี้ไม่มีพอ ปลิ้นขึ้นจะเป็นสังฆราช สังฆราชก็ปลอม เราพูดจริงๆ อย่างนี้ละ จะตั้งไปแบบไหนก็ปลอมทั้งนั้น

เราเอาชีวิตเข้าแลกชาติไทย ศาสนาไทย พุทธศาสนาเป็นศาสนาของไทย เราแลกแล้วตั้งแต่วันเราออกสนาม ขึ้นเวทีไม่มีถอย คอขาดขาดไปเลยหลวงตาบัวไม่ถอย พูดตามหลักความจริง มีตั้งแต่เรื่องหลอกลวงทั้งนั้นเอามานี้ ฟังไม่ได้ กับหลักธรรมวินัยเข้ากันไม่ได้ว่างั้นเลย จะให้มันกลืนได้ยังไงกลืนอย่างนี้ กลืนไม่ได้กลืนไม่ลง ถ้ากลืนศาสนาแตกทันทีเลย พูดตรงๆ อย่างนี้แหละ ศาสนาพระพุทธเจ้าพอแล้ว สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้วนำมาปฏิบัติ พระสงฆ์ออกประกาศตามหลักธรรมวินัยเรียบร้อยแล้ว ยืนยันตามนั้นเลย อะไรๆ มาไม่รับรอง จะมาแค่ไหนไม่รับรอง ที่ยืนยันไปแล้วถูกต้องตามหลักธรรมวินัยแล้ว

หาตรานั้นมาตี หาตรานี้มาตี มาตีหาสมบัติอะไร ศีลธรรมมันไม่ได้สนใจ เรื่องศีลเรื่องธรรมที่จะให้ความสงบร่มเย็นแก่โลกไม่สนใจพวกนี้น่ะ มีแต่เรื่องที่จะทำลายชาติศาสนาให้แหลกเหลวไปตามๆ กัน มีอย่างเดียวเท่านั้น บอกในตัวเสร็จเลย มันออกมาแง่ไหนๆ บอกในตัวเลย ที่จะสนใจในหลักธรรมวินัย พูดขึ้นมาให้เป็นที่พออกพอใจแก่ชาวพุทธเรานี้พูดไม่ได้ ฟังไม่ได้ว่างั้นเถอะ พูดออกมามีตั้งแต่เรื่องที่จะทำลายอย่างเดียวพวกนี้ ไว้ใจมันได้ยังไง

มันออกหน้าออกตาหนาแน่นขึ้นทุกวันพวกหน้าด้าน ว่างั้นเลย พวกโลภไม่มีใครเกินพวกหัวโล้นนี่โลภที่สุด คือกำลังแสดงอยู่เวลานี้ โลภที่สุด ตะกละตะกลามที่สุดเรื่องยศเรื่องลาภ เก่งกว่าอรรถกว่าธรรมกว่ามรรคผลนิพพานไปหมดแล้ว นรกอเวจีที่จะเผาชาติศาสนาของเรานี้มันถือว่าวิเศษวิโสที่สุดแล้วเวลานี้ พี่น้องทั้งหลายฟังให้ดี เดี๋ยวหลวงตาบัวจะตายนะ ไม่มีใครมาพูด หลวงตาบัวนี้เองพูด จะเอาหลักธรรมวินัยออกมาพูด นี่ละศาสดาองค์เอกปกครองโลกทั้งสามได้ อันนี้มันปกครองอะไรมีแต่ทำลายๆ อย่างเดียวเท่านั้น ออกมาแง่ไหนมีแต่ทำลายๆ ฟังไม่ได้ว่างั้นเลย เอาละพอ สามกัณฑ์แล้ว

เราไม่ลง ถ้าไม่ใช่ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ลงเลย คอขาดขาดไปเลย เราทรงธรรมพระพุทธเจ้าเต็มหัวใจของเราเราพูดตรงๆ ใครจะว่าอวดไม่อวดก็ตาม มันจ้าอยู่นี้ได้ ๕๔ ปีนี้แล้ว เราจึงไม่ลงอะไรนอกจากธรรมพระพุทธเจ้าเท่านั้น เหล่านี้มีแต่พวกมูตรพวกคูถ พวกเทวทัต ที่จะทำลายศาสนาของพระพุทธเจ้า ที่ทำให้สัตว์โลกจ้าครอบโลกธาตุ คือสาวกของพระพุทธเจ้า สาวกอรหันต์ นี่มันหันไปไหน หันไปก่อที่นั่น หันไปเผาที่นี่ พวกนี้พวกหันไปเผาบ้านเผาเมือง เผาชาติเผาศาสนา หันอยู่รอบตัวพวกนี้

แหม ลิ้นแหลมนะ ลิ้นแหลมคมมาก ปากหวานทีเดียว ข้างในปากมีแต่นิวเคลียร์นิวตรอนที่จะทำลายทั้งชาติทั้งศาสนาไปในตัวเสร็จเลยเทียว พวกปากหวานคือพวกนี้ พวกอ้างน้ำลาย อ้างลมปาก ลมปากกิเลสเต็มอยู่ มันอมลมปากอมกิเลส อมขี้ อมมูตรอมคูถออกมาพูดใครจะเชื่อมันได้ พระพุทธเจ้าอมอรรถอมธรรมออกมาพูด ฟังได้หมด โลกสามแดนโลกธาตุฟังได้ทั้งนั้น

มีหลวงตาองค์ไหนพูดอย่างนี้ อ้าว เราเอาธรรมมาพูด หัวใจเราเป็นธรรมหมดเราพูดจริงๆ เราจึงไม่สะทกสะท้านกับอะไรสามโลกธาตุนี่ เอา ตัดคอตัดเลยเราไม่เคยเสียดายยิ่งกว่าธรรม เอาแค่นี้ละ ใครจะฟังก็ฟังที่เราพูดทั้งหมดนี้ ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย คอขาดขาดไปเลย เราไม่มีเสียดายอะไรยิ่งกว่าธรรมที่เราเทิดทูนตลอดเวลา ในหัวใจมีแต่ธรรมล้วนๆ เราไม่มีอะไร ถึงพูดแผดเผาอยู่อย่างนี้ก็ตามในกิริยาของโลกนี้ ธรรมเราไม่มีแผดเผา มีแต่ความจริงล้วนๆ ออกมากระจายเวลานี้ เราไม่มีกิเลสแม้เม็ดหินเม็ดทรายในหัวใจเราเราพูดจริงๆ เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าหาญที่จะพูด พระพุทธเจ้ากล้าหาญต่อการชำระความชั่วช้าลามก นี้ก็แบบเดียวกัน  ให้พร

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก