หากินทางอื่นไม่ได้เหรอ
วันที่ 10 มิถุนายน 2547 เวลา 8:10 น. ความยาว 43.34 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

หากินทางอื่นไม่ได้เหรอ

 

ก่อนจังหัน

 

         พระที่มาจำนวนมากโดยลำดับสำหรับวัดป่าบ้านตาด ไม่เคยบกบางพระเลย เมื่อมาแล้วให้พากันตั้งอกตั้งใจ ที่เคยสอนเน้นหนักตลอดเวลาคือสติอยู่กับตัว สติอยู่กับตัวเป็นสัมปชัญญะ ย่นเข้าไปก็อยู่กับจุด เช่น คำบริกรรม ผู้มีหลักใจเป็นความสงบเป็นจุดแห่งความสงบแล้ว สติก็จับอยู่ในจุดนั้น ใครทำงานอยู่ในจุดใดในการภาวนาด้วยวิธีการต่างๆ เช่น คำบริกรรม เป็นต้น ให้อยู่ในจุดนั้นด้วยสติ นี้คือหลักปฏิบัติเพื่อจะถอดถอนความชั่วที่เต็มอยู่ในหัวใจของเราทุกคนนี้ออกโดยลำดับด้วยความเพียร มีสติเป็นพื้นฐานสำคัญ ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ

การสั่งสอนธรรมดาท่านจะสั่งสอนพระเป็นเรื่องพระ ฆราวาสเป็นเรื่องฆราวาส ไม่คละเคล้ากัน เพราะการประพฤติปฏิบัติหน้าที่การงานไม่เหมือนกัน ตลอดถึงความมุ่งมั่นในอรรถในธรรมทั้งหลาย พระเรานี้มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว งานจึงต้องต่างกัน แต่จะแยกแยะสอนอย่างนั้นไม่ได้ ธาตุขันธ์กำลังวังชาตลอดเวล่ำเวลาไม่มีสำหรับผม เพราะเหตุนั้นจึงต้องสอนด้วยความจำเป็นในเวลาเช่นนี้ ขอให้ทุกๆ ท่านทั้งฝ่ายฆราวาสและพระนำธรรมะไปปฏิบัติตนเอง จะมีความสงบเย็นภายในจิตใจ หน้าที่การงานไม่ค่อยผิดพลาด ผู้มีธรรม เช่น สติธรรม ปัญญาธรรม กำกับใจและกำกับงานของตน

การปฏิบัติความพากเพียรนั้น ให้เป็นไปตามจริตนิสัยที่ชอบฝึกตนทรมานตนในทางใด ให้มีสติ มีปัญญาพินิจพิจารณาการกระทำของตน ว่าได้ผลมากน้อยเพียงไร ด้วยวิธีการฝึกตนแบบนั้นๆ ให้นำไปปฏิบัติ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ วัดนี้ไม่ให้มีงานใดเข้ามาเกี่ยวข้องสำหรับพระ งานเรื่องของผมก็แยกไปเป็นเรื่องของผม นอกจากมีความจำเป็นเป็นบางกาลเวลาก็ขอให้พระในวัดเราไปช่วยตามมากตามน้อย เฉพาะความจำเป็นเท่านั้น นอกจากนั้นไม่ให้พระเข้าไปยุ่ง ให้ทำหน้าที่การงานของตนสืบต่อกันด้วยความเพียร โดยมีสติสัมปชัญญะติดแนบกับใจ ทุกอย่างจะเรียบร้อย

ผู้มีสติมีปัญญาหรือสัมปชัญญะติดกับตัว ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระจะดีไปเรื่อยๆ ถ้าปราศจากนี้มักจะเหลวไหลหรือเหลวไหลไปทั้งนั้นแหละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ พระเวลานี้มีน้อยมาก ผู้ที่จะมุ่งปฏิบัติต่ออรรถต่อธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ นับวันหดย่นเข้ามาๆ นอกจากนั้นกิเลสเอาไปกินหมด กิเลสคือตัวยักษ์กินไม่เลือก กินฆราวาส กินพระ ไม่ว่าฐานะสูงต่ำประการใด กิเลสจะขึ้นนั่งอยู่บนหัวใจของเราทุกคน ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

ข้อวัตรปฏิบัติอย่าให้บกพร่อง ใครเคยทำหน้าที่อันใดให้ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่อันนั้นๆ อย่าเหลาะแหละ ให้ตรงต่อหน้าที่การงานของตนเสมอไป ยังจะเป็นความจริงใจ มีความสัตย์ความจริงต่อตนด้วย ไม่ใช่ทำอันนี้แล้วทำอันนั้นเหลาะๆ แหละๆ อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ นิสัยเหลาะแหละจะทำประโยชน์ให้แก่ตนก็ไม่ได้ ทำให้แก่ผู้ใดก็ไม่ได้ ต้องมีความสัตย์ความจริง พิจารณาเหตุผลแล้วว่านั้นถูกต้องดีงาม ทำนั้นให้ตั้งใจทำจริงๆ นี่ถูกต้อง พระเราให้ตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมคุณงามความดีด้วยการภาวนา

เรื่องภาวนานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ครอบโลกธาตุ แต่โลกกิเลสทั้งหลายมันเหยียบย่ำทำลาย เห็นการภาวนาเป็นความครึความล้าสมัย เห็นการวิ่งตามกิเลสนั้นทันสมัย ล้ำยุคล้ำสมัยไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นกิเลสจึงได้เหยียบอรรถเหยียบธรรมที่อยู่บนหัวใจพระหัวใจฆราวาส หัวใจชาวพุทธเรา ไม่ได้โผล่ตัวเป็นความดีออกมาบ้างเลย ก็เพราะกิเลสมีอำนาจมาก จึงขอให้ตั้งจิตตั้งใจปฏิบัติตนเองจริงๆ มหาเหตุทั้งดีและชั่วอยู่ที่ใจ ท่านทั้งหลายอย่าไปมองดินฟ้าอากาศทั่วจักรวาล จะไม่เห็นความดีความชั่วความสุขความทุกข์ที่ไหนจุดใดเลย ให้ย้อนเข้ามาภายในใจนี้ที่เป็นมหาเหตุ สร้างทั้งดีทั้งชั่วอยู่ที่ใจของเรา

เมื่อสติปัญญาจ่อลงในจุดนี้แล้ว จะรู้เหตุรู้ผลดีชั่วของตน แล้วจะได้แก้ไขดัดแปลงส่งเสริมที่ดีสิ่งที่ดี แก้ไขดัดแปลงชะล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจเป็นประจำ นี่เรียกว่านักภาวนา เรื่องภาวนาเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร ศาสดาองค์เอกที่จะได้ตรัสรู้ขึ้นเป็นศาสดาของโลกก็ด้วยการภาวนา สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของเรามีแต่นักภาวนาทั้งนั้น ถ่ายทอดมาโดยลำดับจนกระทั่งถึงพวกเรานี้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาสั่งสมความดีเข้าสู่ตน แล้วจะได้เป็นประโยชน์ของโลกในวาระต่อไป เรื่องเหล่านี้แยกกันไม่ออก โลกกับธรรมต้องอาศัยพึ่งกันตลอดไป เวลานี้เป็นเวลาที่จะพึ่งเรา สร้างความดีให้เป็นหลักเกณฑ์แก่เรา แล้วก็จะกระจายเป็นผลประโยชน์ออกไปสู่ภายนอก นี่ละเรื่องสำคัญ ให้พากันตั้งอกตั้งใจทุกคน

เรื่องระหองระแหงทะเลาะเบาะแว้งอย่างนี้เป็นเรื่องที่หยาบโลนมากทีเดียว พระเราไม่ควรให้เข้ามาติดกายติดใจ ติดกิริยามารยาทได้เลย ปัดทันที นี้เลวร้ายที่สุด ไม่มีอะไรเลวร้ายยิ่งกว่าพระที่บวชเข้ามามาปฏิบัติ แล้วมาสั่งสมวิชาหมากัดกัน ทะเลาะกันอย่างนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่ง นี้เตือนท่านทั้งหลายไว้ เราก็ไม่เคยเห็นแหละว่าพระมาทะเลาะกัน แต่เรื่องเหล่านี้มันมีอยู่กับหัวใจทุกคน ถ้าห่างจากธรรมเมื่อไรวิชาหมากัดกันมันจะออก ทะเลาะเบาะแว้ง อวดดีอวดเด่น ฐานะสูงต่ำ วิชาความรู้อะไร นี้เป็นเรื่องวิชากิเลสที่มันจะเอามาเสริมตัวของมันให้เย่อหยิ่งจองหอง แล้วกระทบกระเทือนกัน อย่างนี้ไม่ใช่วิชาธรรม ให้แยกออกทันที

วิชาธรรมเอาเหตุเอาผลเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ใครผิดถูกชั่วดียอมรับกันทันทีๆ นี้เรียกว่าธรรม อยู่กันได้ มาจากชาติชั้นวรรณะใดสถานที่ใดก็ตาม เมื่อเข้ามาสู่ธรรมแล้วจะเป็นเนื้อหนังอันเดียวกัน อวัยวะอันเดียวกัน เหมือนผ้าพับไว้ หาความทะเลาะเบาะแว้งกันไม่มี ให้ท่านทั้งหลายจำให้ดี ตั้งใจปฏิบัติ ไม่มีสิ่งใดเลิศยิ่งกว่าศาสนธรรมที่พระพุทธเจ้าประทานไว้เรียบร้อยแล้ว ศาสนธรรมเป็นธรรมเพื่อความสงบร่มเย็นของโลกของสงสารผู้ปฏิบัติธรรม ศาสนกิเลสนั้นเป็นสิ่งที่เป็นฟืนเป็นไฟ ใครยึดมาปฏิบัติจะมีสักกี่ศาสนาก็ตามเต็มโลกเต็มสงสาร เมื่อเป็นศาสนกิเลสแล้วเป็นไฟ เป็นเชื้อไฟเผากันได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นโลกจะมีมากน้อยกี่ศาสนา อย่าถือมาเป็นประมาณ ให้ถือศาสนธรรมคือความถูกต้องดีงาม สอนให้ละชั่วทำดี สอนให้มีเมตตา ให้มีความเสียสละ ให้เห็นอกเห็นใจกัน นี่เรียกว่าศาสนธรรม จะอยู่ในศาสนาใดก็เรียกว่าศาสนธรรมเหมือนกันหมด

ถ้าเห็นแก่ตัว ยกศาสนาของตัวเป็นใหญ่เป็นโต แล้วกลายเป็นโจรเป็นมารเป็นมหาภัย ศาสนาต่อศาสนาก็รบกันได้ดังที่เราเห็นทั่วโลกนี้ ที่ไหนที่ไม่มีศาสนา มีเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ทะเลาะเบาะแว้งเป็นฟืนเป็นไฟนี้ทั่วโลกดินแดน มันสมควรไหมกับศาสนา แบกศาสนาไปรบกัน ไม่มีเหตุมีผลอันใดเลย ถ้าศาสนธรรมอยู่ที่ไหนเย็นไปหมด นี่เรียกว่า ศาสนธรรม ทำโลกให้เย็น พากันจำเอาไว้นะ ทีนี้จะให้พร

 

หลังจังหัน

 

ผู้กำกับ บทความจาก น.ส.พ.พิมพ์ไทย ของ ณ.หนูแก้ว วันที่ ๑๐ มิ.ย.๔๗ ว่า

วาจาสิทธิ์ของพระกรรมฐานวัดป่า

         ท่านเจ้าพระคุณหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ออกเทศนาเมื่อเช้าวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๗ ว่า

“หนังสือพิมพ์ไทยก็ดี หนังสือพิมพ์อะไรก็ดีเป็นหัวใจของชาติเรา ขอให้ออกด้วยความสุจริตยุติธรรมต่อชาติต่อศาสนาของเรา อย่าเห็นแก่ค่าจ้างรางวัลที่เขาไปจ้าง ให้ปลิ้นปล้อนหลอกลวง แล้วมาทำลายชาติและศาสนาของตน ไม่สมควรอย่างยิ่งกับหนังสือพิมพ์ที่เป็นหัวใจของชาติ เพราะฉะนั้นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับขอให้ออกตามความสัตย์ความจริง เพื่อประชาชนทั้งชาติเขาจะได้ไว้ใจ นอนใจ ตายใจกับเรา หนังสือพิมพ์เราก็ขายได้สะดวกสบายเลย

เอา จะจนไปเพื่อรักษาชาติ เอา ให้จนไปเถอะน่ะ ไอ้จนแบบไปหาต้มตุ๋นเขามา เป็นเศรษฐีมันก็จนอยู่ในตัวของมันนั่นแหละ เราขอขอบคุณและอนุโมทนากับหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่ออกประกาศให้พี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเขาเชื่อถือหนังสือพิมพ์อยู่แล้วให้เป็นที่เข้าอกเข้าใจตามความสัตย์ความจริงตลอดมา และขอขอบคุณตลอดไปด้วย ขอให้ออกหนังสือพิมพ์เป็นความสัตย์ความจริง อย่าเห็นแก่สินจ้างรางวัล จะเป็นการทำลายชาติศาสนาของตน”

จดจำกันไว้ให้ดีนะเพื่อนพ้องพี่น้องหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย คำพระท่านว่า อย่าทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยิ่งหลวงตาผู้เป็นสุปฏิปันโนองค์นี้พูดด้วยแล้ว ขอให้ระลึกถึงจรรยาบรรณความเป็นนักหนังสือพิมพ์เอาไว้ให้มากๆ

ถึงแม้พิมพ์ไทยจะเป็น น.ส.พ.รายวันชนิดปลายแถว หาซื้ออ่านก็ค่อนข้างจะลำบาก แต่เราทุกคนก็ตั้งมั่นอยู่กับความสุจริตและความจริงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไอ้ชนิดที่ลงหน้าปกเลือดสาดกระเด็น หรือเอารูปโป๊รูปเปลือยยั่วยวนเสพกามก็มาขึ้นหน้าหนึ่ง พิมพ์ไทยของเราไม่ทำ ถึงแม้ยอดขายจะตกต่ำ แต่ผลการสำรวจของฝ่ายการตลาดก็พบว่า พอสายหน่อยเกลี้ยงหมดแทบทุกแผง

แต่ก็แปลกแฮะ หนังสือที่เอาดีเอาเด่นทางศีลทางธรรม หน้าปกไม่โป๊ไม่เปลือย พระท่านกลับไม่ชอบอ่าน นี่ก็แปลก การจัดตั้ง ส.น.ง.ทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา(องค์การมหาชน) ที่ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งกรรมการพิจารณาการจัดตั้งเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๗ ปรากฏมีรายชื่อคณะกรรมการรวมทั้งหมด ๒๙ ท่าน ในจำนวนนี้มีรายชื่อกรรมการมหาเถรสมาคม ๔ รูป ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการที่ปรึกษา ตามที่ พล.ต.ท.อุดม เจริญ เลขาธิการ ม.ส.เสนอต่อที่ประชุม ม.ส.เมื่อวันที่ ๒๐ เม.ย.๒๕๔๗ ซึ่งในวันนั้น ม.ส.ได้อนุโมทนาตามที่เสนอ และมีการถ่ายทอดสดออกอากาศทั่วประเทศ

มันก็แปลกตรงที่ท่าน ดร.วิษณุ ไปเอารายชื่อมาประกาศแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาไปในวันที่ ๓๐ มีนาคม ก่อน ม.ส.จะอนุโมทนาในวันที่ ๒๐ เม.ย.เป็นไปได้อย่างไร

ยังมีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะนำมาเล่าสู่ท่านผู้ชม หลังจากม็อบพระได้สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาไปแล้วไม่กี่วัน ผมก็ไปกราบนมัสการพระคุณเจ้าซึ่งเป็นพระกรรมฐานสายวัดป่ารูปหนึ่งในงานทำบุญหลวงพ่อท่านอาจารย์ลี วัดอโศการาม พระคุณเจ้ารูปนั้นได้เมตตาเล่าถึงสถานการณ์การชุมนุมของพระภิกษุสงฆ์ที่หน้ารัฐสภาว่า สถานการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นการสร้างฉาก สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่า ทางรัฐบาลได้ยินยอมยกเลิกข้อความคำว่า ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่ศาสนสมบัติกลาง ในร่าง พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาที่ พ.ศ.....ตามที่เรียกร้องทั้งหมด นั้นเป็นเพียงกลลวง พระคุณเจ้าย้ำกับผม

พระคุณเจ้ายังคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าด้วยว่า ขอให้โยมจับตาดูให้ดีๆ ภายในไม่ช้านี้หรอก กฎหมายจัดตั้ง ส.น.ง.ทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา จะออกตามมาอีก และนั่นจะเป็นฉบับจริง และใช้กฎหมายฉบับนี้มาฮุบสมบัติของพระศาสนา ผมไม่ค่อยเชื่อคำพูดนักสักเท่าไร ก็ได้ฟังหูไว้หู ก็ในเมื่อวันๆ ผมคลุกอยู่กับสนามพระศาสนา ยังไม่เห็นวี่แววเลยสักนิดหนึ่งว่า ไอ้ ส.น.ง.ทรัพย์สินที่ว่านั้นจะฮุบสมบัติพระศาสนาไปได้อย่างไร

แต่มาถึงวันนี้กลับเป็นเรื่องจริงดังพระท่านเล่าให้ฟัง มิน่าล่ะทั้งพระทั้งโยมของศูนย์พิทักษ์จึงไม่ได้ออกมาร้องแรกแหกกระเชอเหมือนเมื่อก่อนเลยสักแอะ ทั้งๆ ที่ร่างการจัดตั้ง ส.น.ง.ทรัพย์สินก็มีอยู่ในมือพระราชกวี วัดราชาฯ

หลวงตา นี่ก็เข้าใจทั่วกันแล้วไม่ใช่เหรอ ที่อ่านนี้ เข้าใจกันแล้วนะ อย่างนี้แหละพวกนี้พวกรุมกินตับของศาสนสมบัติ คือสมบัติของพุทธศาสนาที่มีมาดั้งเดิม จึงเป็นเรื่องของศาสนา พระเจ้าพระสงฆ์เป็นเจ้าของ เป็นผู้ปกครองดูแลรักษาเอง แต่พวกนี้เข้ามายุ่มย่ามๆ จะเอาไปกินกันให้หมด นี่ก็ร้อนถึงพระป่าอีกไม่ใช่เหรอ ได้ออกประชุมกัน เอากันตรงนี้อีก ก็มันผิดจะให้อยู่ได้ยังไง ผู้รักษามีอยู่ เมื่อมีอะไรมาทำลายก็ต้องแก้ไขดัดแปลงหรือต้านทานกันเป็นธรรมดา ถ้าไม่มีใครต้านทานสิ่งเหล่านี้จะหมด แล้วสุดท้ายศาสนาก็หมด ศาสนาหมดเป็นอันดับหนึ่ง ชาติไทยก็หมดเป็นอันดับสอง ถ้าขืนเป็นไปตามนี้จะลุกลามไปหมดทั้งชาติทั้งศาสนา

เพื่อให้ชาติและศาสนายืนยงคงถาวรสงบร่มเย็นอย่างที่เป็นมาแล้วนั้น ต้องมีการคัดค้านต้านทานในสิ่งที่จะเป็นภัยต่อชาติต่อศาสนา ด้วยเหตุนี้ที่พระป่าท่านออกมา เอาไปค้านกันซิท่านออกมา ไม่เห็นมีใครค้านได้ ถ้าพูดภาษาโลกๆ ก็เรียกว่า ท่านแบกคัมภีร์ของพระพุทธเจ้าออกมา นี่เห็นไหมคัมภีร์ ถ้าเป็นหลวงตาบัวตัวตลกนี้ จะเอาคัมภีร์นี้ตีหน้าผาก แกเห็นไหม หรือโคตรของแกเห็นไหม นี่คัมภีร์ เรื่องมันเป็นอย่างนั้นแหละ มีแต่เรื่องจะกินจะกลืน จะทำลายศาสนาโดยถ่ายเดียว ไม่มีที่จะส่งเสริมแม้เล็กน้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยลำดับลำดาตั้งแต่ต้น พวกเปรตผีนี้ไปทำงานใน สำนักพุทธศาสนานี้ มีแต่เอาฟืนเอาไฟไปเผาไปไหม้เรื่อยมาไม่มีชิ้นดีเลย เพราะฉะนั้นผู้รักษาสมบัติที่มีคุณค่ามาก เช่น ศาสนา ท่านจึงได้ออกมาชะล้างสิ่งเหล่านี้

พอสงบเรื่องนี้ เรื่องนั้นขึ้นมาอีกๆ อยู่อย่างนี้ตลอด พวกนี้มีแต่จะกินจะกลืนศาสนา เป็นที่ไว้ใจไม่ได้เลย เห็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน หน้าด้านที่สุด หลบหลีกปลีกตัวแก้ร้อยสันพันคม แม้ที่สุดพวกเดียวกัน เป็นหัวกลืนหัวกินด้วยกัน เวลาจนตรอกก็เอาเรื่องของตัวไปทิ้งใส่พวกเดียวกัน พวกเดียวกันมันจะเป็นอะไร ว่าข้าไม่ได้ทำๆ คนนั้นต่างหากทำ ก็แก้ไปอย่างนั้น คนนั้นก็พวกเดียวกันกินด้วยกันมันจะเป็นอะไร ทิ้งสักเท่าไรมันก็ไม่ว่า ทิ้งใส่หมดโคตรมันก็ไม่ว่า เพราะโคตรเดียวกัน มันคอยจะกินจะกลืนด้วยกัน เมื่อจนตรอกจนมุมก็หาทางออกด้วยวิธีทิ้งใส่พวกกันเอง พวกกันเองก็พวกกินพวกกลืนด้วยกัน มันก็ไปด้วยกันได้สบายอย่างนั้น

อย่างตั้งอะไรที่ว่านี่ เมื่อจนตรอกแล้วพลิกไปหาทิ้งคนนั้นตั้ง คนนี้ตั้งอย่างนี้เป็นต้น (ตั้งกฤษฎีกาเกี่ยวกับทรัพย์สินของพระพุทธศาสนานี่ละครับ) เออ ตั้งกฤษฎีกงฎีกาอะไรอย่างนี้ เมื่อไล่เบี้ยเข้าไปจนตรอกก็ไปทิ้งให้คนอื่นเสีย คนอื่นก็พวกเดียวกัน ทางนั้นก็รับเอาไว้จะมีการต่อต้านอะไร ไม่ใช่ผม ก็มันกินด้วยกันกลืนด้วยกัน มันก็ไปด้วยกันนั่นแหละ เข้าใจแล้วเหรอที่นี่ พวกนี้เลวที่สุด เราบอกในสายตาของธรรม เราไม่ได้เอาโลกมาพูดนะ พูดตรงไหนเอาสัตย์เอาจริงเอาศีลเอาธรรมมาพูด เราไม่เคยพูดแหวกแนวดังพวกเปรตพวกผีที่มันนำมาใช้หลอกลวงชาติไทยของเรา ซึ่งเป็นชาวพุทธอยู่เวลานี้ หลอกลวงมาโดยลำดับ ท่านทั้งหลายทราบเอาไว้นะ

พระในป่าเดือดร้อนวุ่นวาย เร็วๆ นี้ก็มาประชุม นี้ก็จะประชุมกันอีกแล้วเพื่อชะล้างสิ่งเหล่านี้ มันเกิดอยู่ทุกแง่ทุกมุมน่าทุเรศนะ พวกนี้มีแต่ว่าเรียนสูงๆ ทั้งนั้น นักกฎหมายๆ นักปกครองอยู่กับพวกนี้หมด ที่ประกาศให้โลกได้ทราบกันทั่วถึงโดยความรู้ตามเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของเขาก็ดี หรือใครมาเล่าให้ฟังก็ดี ว่าพวกนี้เป็นนักปกครอง เป็นหัวกฎหมาย แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นกฎหมอยกฎหมากฎหมัดไปหมดแล้ว กำลังจะกินจะกลืนชาติไทยให้แหลกไปหมดไม่มีเหลือ ก็มีแต่ฝ่ายพระป่าเท่านั้นที่มาต้านทานกันเวลานี้ด้วยความสัตย์ความจริง แบกคัมภีร์ออกมาเลย เพราะพวกนี้ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยด้วยความเทิดทูนสุดหัวใจ แล้วพวกหนึ่งเข้ามาทำลายต่อหน้าต่อตา มันก็ต้องมีการคัดค้านต้านทาน เพื่อของดีจะได้คงเส้นคงวาหนาแน่นสืบต่อไปนั่นเอง จึงได้ออกมาต้านทานอยู่เรื่อยๆ มีแต่พวกสกปรกนี้ทั้งนั้น เกิดเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ น่าทุเรศมากนะ

ไม่มีชิ้นดีเลย พูดนี้แสนปลิ้นปล้อนหลอกลวง โกหกต่อหน้าต่อตา น้ำขุ่นๆ นั่นแหละโกหก เด็กมันก็รู้แล้วโกหกไปทำไมโกหกอย่างนั้น อย่างโยนให้ผู้นั้นโยนให้ผู้นี้ ก็พวกเดียวกัน มันโยนไปหาอะไร ยอมรับทั่วประเทศไทยที่ว่า ข้าผิดก็บอกว่าผิดไปอย่างนั้นซิ ไปโยนหาเพื่อกินเพื่อกลืนอะไรกันอีก แหมมันน่าทุเรศนะพวกนี้ มีอะไรอีกไหมล่ะ

ผู้กำกับ อย่างที่หลวงตาเทศน์แหละครับ ที่ว่าศูนย์พิทักษ์ทำไมถึงไม่ออกมาคัดค้าน ปล่อยให้พระป่าออกมาคัดค้านอยู่ฝ่ายเดียว ก็เนื่องจากเขาสมรู้ร่วมคิดกันมาตั้งแต่ต้นครับ ออกกฎหมายฉบับนี้

หลวงตา เรายิ่งแก่เข้ามาทุกวันยิ่งหนักนะงานเหล่านี้ วงกรรมฐานทั้งหมดมารวมอยู่จุดเดียวนี้ เพราะฉะนั้นมันถึงหนัก เอะอะปุ๊บเข้ามานี้แล้วๆ ให้พินิจพิจารณาสั่งการสั่งงานอะไร มารวมอยู่นี้หมด ทางนั้นพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตาม เมื่อมีเรื่องราวอะไรก็นำเข้ามาๆ ทางนี้ก็พินิจพิจารณาด้วยความเป็นธรรม แล้วก็สั่งด้วยความเป็นธรรมไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เราไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใดในสามแดนโลกธาตุนี้ เราไม่มี พูดอยู่นี้ก็พูดเพื่อชำระสิ่งที่จะเป็นภัยต่อชาติต่อศาสนาของเราทั้งนั้น เราไม่ได้พูดเพื่อทำลายชาติศาสนาของเรา จึงต้องลำบาก เวลานี้ลำบากมากนะเรา หนัก วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ

นี่แหละเรื่องภัยแห่งความสงบสุขของชาติบ้านเมือง มันเกิดขึ้นอย่างนี้ จะพากันปฏิบัติอย่างไร ให้พากันพินิจพิจารณานะ ชาติไทยเป็นสมบัติของเราทุกคน ศาสนาเป็นสมบัติของพี่น้องทั้งหลายด้วยกันทุกคนที่เป็นชาวพุทธ ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ควรต้านทานให้ต้านทาน ควรชะล้างแบบไหนโต้ตอบแบบไหนแก้ไขแบบไหนให้ทำ เราเป็นเจ้าของสมบัติมีสิทธิหน้าที่และอำนาจที่จะปกป้องสมบัติของตน ในนามเราเป็นเจ้าของทั้งชาติและศาสนาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ต้องอ่อนข้อย่อหย่อน ต้องทำหน้าที่ของเราให้สมชื่อสมนามว่า เราเป็นเจ้าของของชาติของศาสนา ใครอาจเอื้อมมาที่ใดแถวใด หรือแบบใดเรื่องใดให้พิจารณา ควรต่อต้านต่อต้านทันที ควรตีหน้าผากมัน ถ้าเป็นหลวงตาบัวนี้ฟาดทั้งหน้าผากมัน ฟาดทั้งข้างหลังมันนู่นแหละ

มันเลวที่สุดพวกนี้นะ มันหากินทางอื่นไม่ได้เหรอ เราอยากถามว่าอย่างนี้ โลกเขากินกันหาอยู่หากินกันยังไง แล้วมันไม่มีวิชาหากินหรือ มีตั้งแต่วิชาหากินแบบต้มตุ๋นโลกสงสาร กลืนชาติกลืนศาสนาอย่างนี้หรือเป็นอาหารเอร็ดอร่อยของพวกนี้น่ะ มันถึงได้หากลืนทางนั้นหากลืนตรงนี้ โลกเขาทุคตะเข็ญใจเขาอยู่ตามท้องไร่ท้องนา เขาไม่เห็นไปก่อกวนทำลายหากินหากลืนเอาตับเอาปอดของผู้ใด พวกนี้เรียนมาๆ อะไร เงินเดือนก็ให้กินแล้วนะ มันกินน้อยเมื่อไร ผู้ใหญ่ๆ สูงๆ กินเงินเดือนมากยังไม่พอกิน ฟาดตับฟาดปอดประชาชน ตับปอดของศาสนาไปกินอีก เพราะฉะนั้นมันจึงก่อกวนยุ่งเหยิงวุ่นวายตลอดมาอย่างนี้เอง ให้จำเอา วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละนะ พอสมควรแหละ

เล่นกับของสกปรกนี้เราพูดจริงๆ ถ้าธรรมดาแล้วเราไม่เล่นด้วยเลย โลกมูตรโลกคูถ แต่นี้มันก็เกี่ยวโยงกันอยู่จะทำยังไง มันอาศัยกันอยู่ก็ต้องได้ช่วยเหลือกัน ถ้าธรรมดาเราแล้วเราพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรในโลกธาตุนี้ ว่างไปหมดสูญไปหมด ขึ้นชื่อว่าสมมุติ ดีก็ตามชั่วก็ตามเป็นสมมุติทั้งมวล ธรรมชาตินั้นเหนือหมดแล้ว เราพูดตรงๆ อย่างนี้แหละ เราจึงไม่มีอะไรกับใคร แต่เมื่อความจำเป็นมีมันก็เป็นอย่างนี้ ต้องได้พูดได้จาได้เทศนาว่าการ ได้แก้ไขดัดแปลงและคัดค้านต้านทานกันเรื่อยมาอย่างนี้แหละ ตามแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยที่ไม่พึงปรารถนา ก็ต้องช่วยกันชำระต้านทาน จึงได้ยุ่งมากนะ ถ้าธรรมดาเราๆ สบาย

เราพูดอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มี หมดเรื่องโลกธาตุ จะไปกลัวอันนั้นจะไปเกรงอันนี้ จะไปกล้าต่อสิ่งนั้นสิ่งนี้เหมือนเกรงเหมือนกลัวเหมือนกล้าใส่กองมูตรกองคูถ ไปเล่นกับมันอะไร สิ่งที่เหนือนั้นมีอยู่ หลีกไปเท่านั้น ถ้ามันผ่านเข้ามา ผ่านเข้ามาก็ผ่านเข้ามาในขันธ์เท่านั้นแหละ มันไม่ได้เข้ามาถึงจิตได้ ผ่านเข้ามาในขันธ์คือทางตาก็เห็นหูก็ได้ยิน นี่ก็เป็นขันธ์ อะไรๆ ที่สัมผัสก็ผ่านมาก็พิจารณากันตามนี้เท่านั้น เรื่องจิตแล้วไม่มีอะไร ไม่มีสมมุติ เหล่านี้เป็นสมมุติทั้งนั้น จึงปฏิบัติตามที่เวลามีธาตุมีขันธ์อยู่ โดยลำพังเรา เราอยู่สบายๆ เช่นใครจะมาเคียดแค้นมาฆ่ามาตีมาทุบมาฟันเรา เราเรียนจบแล้วเรื่องเกิดเรื่องตายติดมากับเรา ใครจะทำไม่ทำมันก็เกิดก็ตายของมันมาแล้วนี่จะว่าไง ความเกิดมาแล้วความตายติดตามกันอยู่ นี่เราไม่เห็นสนใจอะไรกับมัน แม้ที่สุดโรคภัยไข้เจ็บเกิดอยู่ในร่างกาย เราก็ไม่เห็นเป็นกังวลอะไรกับมัน ก็ดูมันไป ใช้ได้แค่ไหนก็ใช้ ใช้ไม่ได้ก็ทิ้งปั๊วะเดียวไปเท่านั้น นี้เราก็รักษาอันนี้ไว้ก็เพื่อโลกเพื่อสงสารนั่นแหละจึงได้บึกบึน วันนี้เอาเท่านั้นแหละนะ

ให้พร ยถา วาริวหาฯ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก