ให้ออกโดยถ่ายเดียว
วันที่ 9 มิถุนายน 2547 เวลา 8:10 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

ให้ออกโดยถ่ายเดียว

 

ผู้กำกับ อันนี้เป็นแถลงการณ์ของคณะสงฆ์ไทยฉบับที่ ๔

         คณะสงฆ์ไทยได้ร่วมประชุมกันตามพระธรรมวินัยเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๔๗ ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓ กทม. มีมติเป็นเอกฉันท์ดังนี้

๑.คณะสงฆ์ไทยเห็นชอบกับด้วยรัฐบาล ในความจำเป็นที่ต้องมีคณะกรองงานของสมเด็จพระสังฆราช เพื่อแบ่งเบาภารกิจของพระองค์ คณะสงฆ์ไทยยังคงยืนยันว่า การที่นายวิษณุ เครืองาม แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น เป็นการแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้มีอำนาจเท่าสมเด็จพระสังฆราชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา มิใช่เป็นคณะกรองงานเพื่อแบ่งเบาภารกิจของสมเด็จพระสังฆราชดังกล่าว และประการสำคัญคือ การดำเนินการครั้งนี้ของนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นฆราวาส ไม่มีศีลเทียมเท่าบรรพชิต มีเจตนาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กระทำการแต่งตั้งพระ และบีบบังคับสงฆ์และพุทธศาสนิกชนให้ยอมรับการแต่งตั้งครั้งนี้ หากปล่อยให้การณ์เป็นไปเช่นนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับให้ฆราวาสมีอำนาจเหนือพระสงฆ์ ซึ่งเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา และขัดต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง

คณะสงฆ์ไทยยืนยันว่า ขอให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง และหากมีความจำเป็นต้องมีคณะกรองงาน เพื่อแบ่งเบาภารกิจของสมเด็จพระสังฆราชดังกล่าว ขอให้เป็นการแต่งตั้งโดยสงฆ์

๒.ตามที่ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นิ่งเฉยต่อหนังสือคณะสงฆ์ไทยที่ยื่นต่อ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เพื่อเรียกร้องให้ชี้แจงความจริง กรณีใช้พระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ประทับรับรองลายมือชื่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) โดยหวังอาศัยอำนาจของพระตราเพื่อสร้างความยอมรับจากสังคม ในการผลักดันให้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (ประจวบ กนฺตาจาโร) เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะหนใหญ่คณะธรรมยุต ทั้งๆ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่ แม้ผู้แทนคณะสงฆ์ไทยจำนวนประมาณ ๓๐๐ รูป และประชาชนจำนวนประมาณ ๒๕๐ คน ได้ไปติดตามสอบถามความจริงจาก สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๗ มิ.ย.๒๕๔๗ ก็ยังมิได้รับทราบรายละเอียดใดๆ

คณะสงฆ์ไทยจึงยืนยันว่า พล.ต.ท.อุดม เจริญ และผู้เกี่ยวข้องกับการนำพระตราสมเด็จพระสังฆราชไปใช้ ต้องชี้แจงความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ภายในวันที่ ๑๔ มิ.ย.๒๕๔๗

๓.คณะสงฆ์ไทยยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องจัดตั้ง สนง.ทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา ตามร่างกฤษฎีกาที่นายวิษณุ เครืองาม และพล.ต.ท.อุดม เจริญ ร่วมกันตั้งคณะกรรมการยกร่างขึ้น เพราะปัญหาการจัดการสมบัติเป็นปัญหาเล็กน้อย เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในหน้าที่ของฆราวาสผู้รับผิดชอบ สมควรแก้ไขปรับปรุงได้โดยกระบวนการบริหารจัดการ การตรวจสอบที่รัดกุม และให้การศึกษาซึ่งมีประสิทธิภาพก็ย่อมเป็นการเพียงพอ

๔.คณะสงฆ์ไทยขอบิณฑบาตเป็นครั้งที่ ๓ ต่อ ฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการให้นายวิษณุ เครืองาม และ พล.ต.ท.อุดม เจริญ พ้นไปจากความรับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านพระพุทธศาสนาโดยเร็ว เพื่อมิให้ความระส่ำระสายลุกลามยิ่งขึ้นจนกลายเป็นสังฆเภท ซึ่งเป็นการสร้างกรรมหนักที่สุดในพระพุทธศาสนา

จึงแถลงมาเพื่อกรุณาทราบโดยทั่วกัน

                                            คณะสงฆ์ไทย

                                             วันที่ ๗ มิ.ย. พ.ศ.๒๕๔๗

หลังจากที่แถลงการณ์หนังสือฉบับนี้แล้ว คณะสงฆ์ไทยจำนวนประมาณ ๓๐๐ รูป พร้อมกับคณะญาติโยมจำนวนประมาณ ๒๕๐ คน ได้นำหนังสือนี้ไปให้ท่านนายกรัฐมนตรี โดยผ่านทางตู้รับเรื่องร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ตั้งอยู่ที่หน้าบ้านพิษณุโลก ตามที่ท่านนายกฯ เคยให้ข่าวไว้

ส่วนการยื่นให้ถึงตัวท่านนายกรัฐมนตรี ดังที่คณะสงฆ์ไทยเคยไปยื่นที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น แล้วแต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงตาจะพิจารณาสั่งการอย่างไรต่อไปครับ คือเบื้องต้นเขาใส่ตู้ที่ท่านนายกตั้งไว้ที่หน้าบ้านพิษณุโลก เพื่อให้ทันเวลาก่อน แต่ถ้าหลวงตาพิจารณาแล้วว่าควรจะทำแบบเดิมที่เคยไปยื่นให้ถึงมือ และมีการถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้ อันนั้นก็จะรอฟังคำสั่งจากหลวงตาอีกทีหนึ่งครับ

หลวงตา ตู้นี้รับรองได้หรือว่าจะถึงมือนายก

ผู้กำกับ นายกท่านให้ข่าวทางทีวีและหนังสือพิมพ์เอง ว่าท่านมีคณะทำงานและนำทุกเรื่องไปถึงท่าน ท่านให้ข่าวอย่างนั้นครับ

หลวงตา ไม่ได้บอกว่าตู้ไม่ใช่เหรอ

ผู้กำกับ บอกครับ ท่านสั่งให้เอามาติดที่หน้าบ้านพิษณุโลก แต่ถ้าหลวงตาพิจารณาแล้วเห็นว่าควรจะทำแบบเดิมที่คณะสงฆ์ไทยทำครั้งที่แล้ว ก็จะรอฟังคำสั่งจากท่านหลวงตาอีกทีครับ

หลวงตา เราก็มีข้อแม้อันหนึ่ง ถ้าว่าตู้นั้นถ้ารับรองหรือยืนยันว่าจะถึงมือท่านนายกแล้ว ก็มอบที่นั่นได้ แล้วใครจะยืนยันอันนี้ล่ะ

ผู้กำกับ เรื่องใส่ตู้เขาทำไปแล้ว

หลวงตา ตู้นี้เป็นเรื่องของท่านนายกโดยตรงเหรอ

ผู้กำกับ ครับ นายกท่านสั่งเอาไว้

หลวงตา ถ้าอย่างนั้นใส่ตู้ไว้ก่อน เพื่อฟังเรื่องราวทีหลังอีกทีหนึ่ง ถ้าหากเรื่องราวมันควรจะสงบไปด้วยหนังสือเหล่านี้ถึงมือท่านนายกก็เป็นอันว่าผ่านไป ถ้าเรื่องราวเงียบไป หรือไม่ถึงมือนายกก็ต้องแก้ไขใหม่ ดังที่เคยปฏิบัติมา เข้าใจเหรอ เท่านั้นแหละ อันนี้ฟังเรื่องตู้ก่อน เข้าไปในตู้ถึงมือท่านดังที่ท่านยืนยันในตู้นั่นแล้ว เรื่องก็เป็นอันว่าเรียบร้อยไป

ผู้กำกับ ตู้นี้ท่านให้เอามาตั้ง เพราะท่านมีภารกิจมาก ท่านบอกว่าทุกเรื่องที่ใส่ตู้ไว้ คณะของท่านที่มาเปิดตู้เอาไป จะมากรองงานและส่งถึงมือท่าน รอฟังดูถ้าไม่ถึงค่อยดำเนินการต่อไปภายหลังอีกครับ

หลวงตา เป็นอันว่าปฏิบัติตามที่ว่านี้ก่อน โห ไม่ทำรัดกุมไม่ได้นะ พวกเปรตพวกผีคอยจะทำลาย สกัดลัดกั้นไม่ให้เรื่องความจริงเข้าถึงนายก มันจะกว้านไปทำของมันและเผาชาติเผาศาสนาโดยนายกท่านไม่ทราบเลย เพราะฉะนั้นเมื่อทราบเรื่องราวอย่างนี้แล้ว เราจึงต้องทำให้รัดกุมเข้าไป ดังที่ไปส่งหนังสือท่านนายกก็เพราะเหตุนี้เอง ทำเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้กับพวกนี้ แล้วเรื่องพระตราว่ายังไงกัน

ผู้กำกับ เขาได้ไปติดตามที่ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยให้ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ชี้แจงก็ยังไม่ได้ชี้แจง ก็เลยบอกว่าให้ชี้แจงมาภายในวันที่ ๑๔ มิ.ย.๒๕๔๗

หลวงตา แล้วมีข้อผูกมัดอะไรกันล่ะวันที่ ๑๔ นั้นน่ะ

ผู้กำกับ เขาก็คงจะไม่ชี้แจงหรอกครับ

หลวงตา ถ้าจริงจังเข้าไปอีกก็คือว่า ถ้าไม่ชี้แจงก็ต้องถือว่าเป็นอย่างนั้นๆ จริง ต้องมีข้อมัดกันซิ คอยฟังฉบับนี้ก่อน ถ้ายังเงียบไม่ทำอะไร ฉบับที่สองจะไปอีก รอไว้อย่างนี้ก่อน แล้วให้ออกจากงานใน สนง.พระพุทธศาสนาใช่ไหม(ครับ) อันนี้ละสำคัญ เราก็เคยพูดกับนายกท่านแล้วท่านก็จะพิจารณา สนง.พระพุทธศาสนานี้ตั้งแต่สองกษัตริย์นี้ไปทำงาน พูดให้มันเต็มยศว่า แทนที่จะทำพุทธศาสนาให้เจริญ กลับเข้าไปเผาพุทธศาสนา เผาแง่นั้นแง่นี้แหลกมาเป็นลำดับ ทางพระสงฆ์ไทยก็ได้ระงับ เอาน้ำดับไฟเป็นระยะๆ มา มีแต่ตัวสำคัญนี้ทั้งนั้น มันไม่ได้ไปส่งเสริมพุทธศาสนา ตั้งหน้าเข้าไปทำลายจริงๆ  แล้วแต่จะได้แง่ไหนมุมใดออกมาเรื่อยเรื่องการทำลายของพวกนี้นะ เพราะฉะนั้นจึงว่าให้ออกก็สมควรแล้ว เอาไว้ไม่ได้

         ถ้าเอาไว้มันจะมีเรื่องเข้าอีกนะ พวกนี้มันเป็นใหญ่กว่าพระสงฆ์ อันนี้เป็นเรื่องของพระสงฆ์ พวกนี้เข้ามาทำงาน เอาอำนาจบาตรหลวงมาจากไหนจะมาบีบบังคับพระ ไม่มีในหลักธรรมวินัย แม้กฎหมายเราก็เชื่อว่าไม่มี แต่มันก็อุตริมาทำได้อย่างนี้ ฟังซิ อำนาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพระ เข้ามาปกครองพระ เอาอำนาจบีบพระ คิดดูซิอย่างประชุมที่วัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี พระสงฆ์ท่านประชุมกันต่างหาก แล้วนายวิษณุ เครืองามไปสั่งไม่ให้ประชุมที่นั่นวัดนั้น มันมีอำนาจมาจากไหนนายวิษณุ เจ้าอาวาสต่างหากมีอำนาจ แล้วไปบีบบังคับเจ้าอาวาสท่านหาอะไรเราเป็นฆราวาส เพียงเท่านี้มันก็หยาบโลนที่สุดแล้ว

พระท่านรักษามารยาทอยู่ตลอด ท่านให้อภัยตลอด ฝ่ายพระสงฆ์ไทยเราไม่เคยเอาเรื่องเอาราว อะไรระงับลงไปแล้วก็ให้อภัยกันไปเพื่อความสงบทั้งนั้นๆ พระสงฆ์ อันนี้ยิ่งรุกรานเข้าไป ใช้อำนาจบาตรหลวงบีบบังคับพระสงฆ์ นี่ยังจะใช้อำนาจบาตรหลวงเข้าไปกว้านเอาศาสนสมบัติ ถลุงไปหมดว่างั้นเถอะไม่มีเขตมีแดน นี่หนักเข้าไป มันใช้อำนาจป่าเถื่อนมาอย่างนี้ เราเห็นได้ชัดอย่างที่พระสงฆ์ที่วัดเทวสังฆาราม ท่านเป็นพระสงฆ์ ท่านมีอำนาจหน้าที่ในอาวาสของท่านที่อยู่ของท่าน เรามีอำนาจมาจากไหนจึงต้องไปบีบบังคับพระที่นั่น ไม่ให้ประชุมที่วัดเทวสังฆาราม บีบบังคับเจ้าอาวาส ท่านรักษามารยาทท่านก็ไม่โต้ไม่ตอบว่าอะไร ตกลงก็อนุโลมกันให้พระไปประชุมที่วัดป่าหลวงตาบัว

ฟังเหตุฟังผลมันฟังไม่ได้ ฆราวาสเอาอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มาใช้กับพระที่มีกฎมีเกณฑ์ หลักธรรมวินัยยืนยันมาตลอด อย่างนี้เราก็ไม่เคยเห็นเราก็เห็นเสียแล้ว พระสงฆ์ท่านก็มีมารยาทอันดีตลอด ท่านไม่โต้ตอบอะไรทั้งนั้น ไม่ให้ประชุมที่นี่ท่านก็ไปที่นั่น แต่เรื่องราวมันไม่เป็นอย่างนั้นซิ มันผิดตลอดนี่ นายวิษณุ เครืองามมันเอาอำนาจมาจากไหนมาบีบบังคับพระตลอดมา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โต เรื่องที่เสนอเข้าไปเงียบๆ ไปนี้ นี้ก็เป็นอำนาจอันหนึ่ง อำนาจยิ่งของมัน ทิฐิมานะของมัน ไม่ยอมรับความจริงพอที่จะแสดงความจริงออกมาให้ทางพระสงฆ์ไทยทราบ นี้ก็เป็นความผิดมาตลอดนะ ฟังเอาพี่น้องทั้งหลาย

เพราะฉะนั้นจึงว่าควรให้ออก ให้ออกโดยถ่ายเดียวเอาไว้ทำไม พุทธศาสนามีคุณค่าราคาขนาดไหน ครอบประเทศไทยและครอบโลกธาตุ นายวิษณุ เครืองาม กับนายอุดมนี้มีอำนาจมาจากไหน มีวาสนามาจากไหน จึงต้องมาบีบบังคับ ถือบังเหียนเอาไว้ตลอด เพราะฉะนั้นจึงให้ออก อย่ามาถือบังเหียนคนปลอมๆ คนทำลายศาสนาเอามาไว้ทำไม ศาสนาเป็นของจริง ต้องไล่ออกขับออกถึงถูกต้อง นี่เราพูดตามภาษาธรรม เราไม่ได้เอนได้เอียงไปไหน เราไม่พูดด้วยความโกรธความแค้น ด้วยความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้ใด เราพูดตามหลักความจริง ต้องเป็นอย่างว่านี้โดยถ่ายเดียว อย่างอื่นไม่เอาไม่ถูก

ศาสนสมบัติก็เป็นสมบัติของพระสงฆ์อยู่แล้วก็รู้กันชัดๆ  มันทะลึ่งเข้ามาหาอะไรพิจารณาซิ นี่อำนาจของมัน ฟังว่าจะตั้งกฤษฎีกงฎีกาขึ้นมา จะมาบีบบังคับสมบัติของพระสงฆ์ ศาสนสมบัติเอาไปเป็นอำนาจของตัว เอาไปถลุงที่ไหนใครจะทราบได้ล่ะ ก็ฆราวาสฟังซิ มีกฎเกณฑ์ที่ไหน อย่างนี้มันก็ทำได้ ที่ได้ชำระกันเมื่อเร็วๆ นี้นะ

ผู้กำกับ ขอโอกาสครับ ที่อำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ที่เขามีคำสั่งไปให้นายอำเภอเรียกพระกับโยมที่เป็นเจ้าภาพที่นิมนต์หลวงตาไปแสดงพระธรรมเทศนาและรับผ้าป่าช่วยชาติ ให้ระงับให้ยกเลิกครับ สนง.พระพุทธศาสนานี่ละครับ

หลวงตา นี่แล้วนายวิษณุ มันไปเที่ยวบังคับ การบำเพ็ญศาสนานี้เป็นอัธยาศัยของชาวพุทธทั้งหลายเรา กฎหมายก็ไม่เข้าไปอาจเอื้อม นายวิษณุ เครืองาม มันเอากฎหมอยมาจากไหน กฎหมามาจากไหน เอากฎหมัดมาจากไหน มาบีบบังคับไม่ให้นิมนต์ บีบบังคับพระและประชาชนญาติโยมที่เขามีศรัทธาตามอัธยาศัยของเขา ให้ยกเลิกนิมนต์ ฟังซิมีไหม ก็มีแต่นายวิษณุคนเดียวนี้แผ่อำนาจอยู่เวลานี้ มันมีอำนาจมาจากไหน กฎหมายท่านก็ไม่บีบบังคับ นายวิษณุมันได้อำนาจมาจากไหนจึงต้องไปบีบบังคับที่ อ.สมเด็จ เห็นอย่างชัดๆ อย่างนี้จะว่าไง มันหยาบโลนหรือไม่หยาบโลน มันใช้อำนาจบาตรหลวงไปเที่ยวบีบบังคับทุกแห่งทุกหนไป เพราะฉะนั้นจึงต้องออก อยู่ไม่ได้อยู่ในพุทธศาสนา พุทธศาสนาจะเป็นส้วมเป็นถานไปหมด เพราะสองกษัตริย์นี่แหละเป็นตัวทำลาย เป็นตัวขี้รดเยี่ยวรดไฟเผาด้วย ก็มีเท่านั้น เอาเท่านั้นก่อนนะ

โยม กำนันผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอสมเด็จ (จังหวัดกาฬสินธุ์) เขาพาลูกบ้านมาฟังเทศน์หลวงตา และมาทำบุญด้วย ก็บอกให้เขาพากันกลับบ้านไป

หลวงตา นั่นซิ เขาจะมาฟังเทศน์ฟังธรรม นายวิษณุ เครืองาม เอาอำนาจใหญ่หลวงป่าเถื่อนมาจากไหนมาบังคับเขา ไม่ให้เขามา มีไหมในประเพณีของชาวพุทธเรา กฎหมายก็ไม่มี มันเอามาจากไหน ถ้าไม่ใช่เอามาจากกฎหมอยกฎหมากฎหมัดเท่านั้น เข้าใจหรือ มันเอามาใช้กับมนุษย์ได้ยังไง กฎหมอยมนุษย์ก็มีอยู่แล้ว กฎหมามนุษย์ไม่ใช้ กฎหมัดมนุษย์ไม่ใช้ มีแก่กฎหมาเขาทำหน้าที่ของเขา กฎหมัดก็ทำหน้าที่กินหลังหมาไปเท่านั้น มันไม่ใช่มาบีบบังคับคนอย่างนี้ เข้าใจหรือ นี่เลวกว่ากฎหมอยลงไปเป็นกฎหมา กฎหมัดที่นี่ ออกจากนั้นมันจะลงไปไหนก็ไม่รู้

ฟังซิ อย่างนี้หรือคนผู้ที่จะรักษาศาสนา และไปตั้งสำนักงานเป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวง แผ่อำนาจไปบีบบังคับหมดในงานการกุศลของคนทั้งประเทศ ที่เขาใช้กันมาตั้งแต่นายวิษณุ เครืองาม ยังไม่เกิดโน่นนะ แล้วทำไมมันเอาอำนาจมาจากไหนมาใช้ นี่มันขวางอย่างนี้เอง จึงต้องให้ออก ให้ออกโดยถ่ายเดียว เอาไว้ทำไม ถ้าอยากให้ศาสนาให้ชาติไทยคงเส้นคงวาหนาแน่น ต้องให้ออกจากสถานที่ทำลายของนายวิษณุ เครืองามนี้ นี่มันไปทำลายมันไม่ไปส่งเสริม ก็มีเท่านั้นแหละแล้วมีอะไรอีก

โยม เขาก็เบี่ยงตัวออกไม่รับแล้วนะครับ เรื่องพระราชกฤษฎีกาตั้งสำงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา เขาบอกว่า พลตำรวจโทอุดม เจริญ ทำไปโดยพลการ

หลวงตา นั่นแหละก็สองคนเขานั่นแหละทำ ครั้นทำไปแล้วก็ทิ้งไปให้พลตำรวจโทอุดม เจริญ ก็พวกสองกษัตริย์นี่แหละกอดคอกันกิน แล้วทำท่าตีออกเอาตัวคนมันพ้นไปทั้งสองคนนี่คือเปรตนั่นเอง พูดง่ายๆ ว่างี้จะคืออะไร มันเลยกฎหมอยกฎหมาไปแล้วก็กฎเปรตเท่านั้นแหละ กินแต่ตับคน ใช้อำนาจเปรตๆ ผีๆ ใช้ไม่ได้ มนุษย์ไม่ฟังอย่างนี้ เราเป็นมนุษย์เราไม่ฟัง ต้องออกโดยถ่ายเดียว เอาไว้ไม่ได้ศาสนาจะจมชาติไทยจะจม ลงได้อำนาจเข้าศาสนาเหยียบได้หมดทั้งชาติไทยไม่มีเหลือ เอาไว้ทำไม คนทั้งประเทศไม่มีคนดีบ้างหรือ ท่านรักษามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ รักษาศาสนาชาติไทยของเรามีความเสียหายที่ตรงไหน แต่สองกษัตริย์นี้ขึ้นมามีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายระส่ำระสายแตกกระจัดกระจายไป เกิดเรื่องเกิดราว พระสงฆ์อยู่ในป่าในเขาต้องได้ออกมาชำระสะสางพวกกฎหมอยกฎหมากฎหมัดนี้อยู่ตลอดเวลา นี่มันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่ายังไง ให้ออก จะเอาไว้ทำไม

เมืองไทยเป็นเมืองมีกฎมีเกณฑ์ อันนี้มันเอากฎเกณฑ์มาจากไหน มันเอากฎหมามาใช้กฎหมอยมาใช้กฎหมัดมาใช้ มนุษย์รับไม่ได้ มนุษย์ในเมืองไทยไม่ใช่มนุษย์หมอยมนุษย์หมามนุษย์หมัดนะ มนุษย์มีกฎมีเกณฑ์

เราพูดตามหลักความจริง นี่แหละภาษาธรรม เอ้า ใครจะเอาไปตัดคอเอา เอาเครื่องยืนยันมาตัดคอเรา เรายื่นให้ทันทีเลย ถ้าไม่มีเครื่องยืนยันอย่ามาตัดเดี๋ยวคอขาดนะ เข้าใจไหม แผ่อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ แผ่ไปทุกแห่งทุกหนป่าๆ เถื่อนๆ ทั้งนั้นมันใช้อำนาจมาตลอดนะ นายวิษณุ เครืองาม นี่ตัวสำคัญ มันหยิ่ง จองหองว่าตัวนี้เป็นนักกฎหมายๆ แต่นักกฎหมอยนักกฎหมากฎหมัดอยู่ในมัน มันไม่ได้ว่า แต่มันเอาออกแสดง เข้าใจไหมล่ะ กฎหมายมันเก็บไว้ในตู้หมด มันเอาแต่กฎหมอยกฎหมากฎหมัดนี้ออกมาใช้ต่อมนุษย์ที่เขาไม่ใช่หมัดใช่หมานี่นะ

ผู้กำกับ นายกท่านใช้นายวิษณุมาเพื่อดูแลพระพุทธศาสนา ทั้งศาสนสมบัติและพระสงฆ์ แต่ไปทำตรงกันข้าม ได้มีดมาแล้วก็มาเที่ยวฟันหัวพระฟันหัวโยม

หลวงตา อย่างนั้นแล้วก็คือข้อเทียบเคียงที่นายกก็ตายใจ มอบงานให้นายวิษณุก็เท่ากับยื่นมีดให้เล่มหนึ่ง เอ้า มีดเล่มนี้เอาไปฟันฟักแฟงแตงโมเลี้ยงกันนะ มันได้มีดเล่มนี้มันเอาไปฟันหัวคนฟันหัวพระทั่วประเทศไทย เป็นอย่างนี้แหละ เราจะไม่สลดสังเวชยังไง ท่านเชื่ออกเชื่อใจว่าเป็นคนดีท่านถึงมอบงานให้ ให้มีดเล่มนี้เอาไปทำประโยชน์นะ มันกลับเอามีดเล่มนี้ไปทำโทษแก่คนทั้งประเทศและศาสนาทั้งศาสนาจนจะหมดไปด้วยมีดเล่มนี้ ที่นายกมอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อประโยชน์แก่โลก มันกลับไปสังหารให้โลกฉิบหายให้ศาสนาฉิบหายไป เป็นยังไงฟังได้ไหม ก็เท่านั้นแหละนะ เอาละแค่นี้เท่านี้พอ

ให้พร ยถา วาริวหาฯ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก