ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเกินศาสดา
วันที่ 24 พฤษภาคม 2547 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเกินศาสดา

 

ก่อนจังหัน

อุบายวิธีการฝึกทรมานตนเอง ให้ต่างองค์ต่างพิจารณาตนเองนะ การประกอบความเพียรอย่าสักแต่ว่าทำ ไม่ค่อยเกิดประโยชน์เท่าที่ควร ต้องใช้ความสังเกต เช่น เดินมากด้วยความมีสติ สำคัญสติๆ นะ นั่งมาก อดนอน ผ่อนอาหาร อดอาหาร เหล่านี้เป็นแต่อุบายวิธีการบำเพ็ญเพียรแก้กิเลสทั้งนั้น ให้สังเกตดูอะไรที่ดี ส่วนมากนักปฏิบัติเรามักจะไปถูกเกี่ยวกับเรื่องอาหาร สำคัญ อาหารมันเกี่ยวกับธาตุขันธ์ ถ้าอาหารมากหนุนธาตุขันธ์ ธาตุขันธ์มีกำลังบีบทางความเพียร บีบสติ บีบปัญญา ไม่ให้ก้าวเดินได้ เผลอๆ เผลอมาก ยิ่งฉันอิ่มเท่าไรสติแทบไม่มี ผ่อนอาหารสติดีขึ้นๆ อดอาหารดีขึ้น แต่เรื่องความพอเหมาะพอดีนั้น ผ่อนอาหารแหละดี อดนี้รุนแรงแต่มีผลมาก หากรุนแรง ให้พิจารณาเอง

สำหรับนักปฏิบัติเราส่วนมากมักจะถูกทางด้านผ่อนอาหาร อดอาหาร ส่วนอดนอนอะไรต่ออะไรนั้นเป็นกรณีพิเศษ เช่นอดนอนท่านก็มีบอกไว้ในเนสัชชิ แต่บางรายก็ไม่ถูก คืออดนอนไปเท่าไรๆ จิตใจยิ่งทื่อๆ ไป นี่แสดงว่าไม่เกิดประโยชน์ ทั้งๆ ที่ตั้งสติ สติก็ไม่ดี พอผ่อนอาหารสติตั้งขึ้นๆ ต่างกันนะ สติดีขึ้นๆ นี่ละสติเป็นพื้นฐานในการประกอบความพากเพียร ทำหน้าที่การงานอะไรให้สติติดแนบอยู่กับตัวนี่เรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้สึกตัวอยู่ในตัวเอง หน้าที่การงานก็ไม่ค่อยผิดพลาด สตินี่จ่อลงในจุดเดียว เช่น สมาธิ จิตจ่ออยู่ในความสงบ คำบริกรรมภาวนาเช่นพุทโธ หรือธัมโม เป็นต้น ก็มีสติตั้งอยู่ในนั้น จ่ออยู่นั้น กิเลสจะไม่เกิด

ในเวลาสติมีอยู่กิเลสไม่เพิ่ม ถ้าสติเผลอเมื่อไรกิเลสออกปั๊บเลย ความคิดปรุงนี้จะออกในเวลาเผลอ ออกไปนั้นเพื่อกว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเอง นักภาวนาต้องสังเกต ไม่สังเกตไม่ได้เรื่องนะการปฏิบัติ กิเลสนี้แหลมคมมากทีเดียว ในโลกธาตุนี้มีกิเลสเป็นใหญ่โตมหาอำนาจครอบโลกธาตุ ให้สัตว์ทั้งหลายเกิดแก่เจ็บตายอยู่เพราะอำนาจของกิเลสมันแหลมคมมากทีเดียว จึงต้องได้ใช้วิธีการต่างๆ ด้วยอุบายของตัวเองนั้นแหละ แล้วสติปัญญาจะดีขึ้นๆ จิตใจจะสงบ สติปัญญาเป็นเครื่องรักษาใจ ใจมีกิเลสผลักดันออกไปให้ไปหาฟืนหาไฟมาเผาตัวเอง เมื่อมีสติแล้วความคิดความปรุงจะไม่ออก กิเลสก็ไม่ออก แล้วในขณะเดียวกันธรรมะตีลงๆ กิเลสความอยากคิดอยากปรุงนั้นก็เบาลงๆ นั่นมันต่างกันนะกับปล่อยเฉยๆ

หรือการขบการฉันการหลับการนอนเป็นปรกติๆ คนนั้นคือซุงทั้งท่อน ไม่ได้สังเกตตัวเอง การนอนนอนมากเป็นยังไง นอนน้อยเป็นยังไง สังเกตอีกทีหนึ่ง สำคัญก็คือการขบการฉันนี่ สำคัญมาก เพราะธาตุขันธ์อันนี้มันเกี่ยวโยงกับกิเลสตัณหาราคะ ตัวสำคัญมากทีเดียว อันนี้เครื่องมือหนุนเข้าไปแล้วราคะมันจะดีดยิบๆๆ ภายในใจ ท่านทั้งหลายฟังให้ดีนะ สอนต้องสอนทุกคน มีกิเลสอย่างเดียวกัน สอนแบบเดียวกัน แต่จะให้เหมาะสมจริงๆ คือสอนพระโดยเฉพาะนี้เป็นอย่างหนึ่ง สอนประชาชนเป็นอย่างหนึ่ง สอนพระนี่เน้นหนักๆ ลงในจุดสำคัญๆ ให้ถูกต้องตามหน้าที่ของพระ แต่จำเป็นไม่มีเวลาที่จะสอนในที่เฉพาะเวลาเฉพาะ จึงนำเอาไปพิจารณาเอง

ตัวราคะตัณหานี่ตัวสำคัญมากนะ ตัวนี้ตัวมหาอำนาจ ออกสนามคือตัวนี้เอง เพ่นพ่านๆ ไม่หยุดไม่หย่อน ไม่เลือกเพศเลือกวัย ตลอดถึงสัตว์มีอย่างนี้เหมือนกันหมด แต่เราออกมาปฏิบัติ พยายามจะชำระซักฟอกหรือฆ่ามัน ก็ต้องใช้ความเพียรให้เหมาะสมด้วยความสังเกตของเราตลอดไป จะไม่เสียกาลเสียเวลาเปล่าๆ ให้สังเกตดีๆ การดำเนินเหล่านี้เราได้ดำเนินมาแล้วด้วยความสังเกต ได้ผลยังไงๆ ก็มาเล่าให้หมู่เพื่อนฟัง ให้นำไปปฏิบัติ

เรื่องหน้าที่การงานภายนอกไม่ใช่งานของพระนะ เพียงอาศัยไปชั่วกาลเวลา เช่น ปัดกวาดเช็ดถูลานวัด ทำความสะอาด นี้เป็นเครื่องประดับของพระ แต่ต้องมีสติงานเหล่านี้ถึงจะเป็นประโยชน์ ถ้าทำสักแต่ว่าทำก็ไม่เกิดประโยชน์ ทำทุกอย่างให้มีความจริงใจ ถ้าสติมีอยู่กับตัวต้องจริงใจเสมอไป ถ้าสติเลื่อนลอยอะไรๆ ก็ไม่เป็นท่าทั้งนั้น จำให้ดีทุกองค์ๆ นี่ตั้งหน้าตั้งตามาปฏิบัติ วันนี้ตั้ง ๔๒ เมื่อวานนี้ ๔๓ มากขึ้นทุกวันๆ ผมก็ดูแลไม่ทั่วถึงทั้งภายในวัด โดยเฉพาะพระและทางครัว ออกไปข้างนอกอีกด้วย อยู่ในความรับผิดชอบของเราหมด

เมื่อเช้านี้ก็ด้อมๆ ออกไปดูทางด้านโน้น นานๆ ได้ไปทีหนึ่ง เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของเรา ด้วยเหตุนี้เองจึงดูแลไม่ทั่วถึง ดูแลให้ทั่วถึงคือสอนโดยเฉพาะๆ สำหรับพระผู้ปฏิบัติ มุ่งหน้ามุ่งตาปฏิบัติ สอนก็สอนลงโดยเฉพาะๆ นี่เหมาะสม แต่นี้สอนอย่างนั้นไม่ได้ เอาละทีนี้จะให้พร

หลังจังหัน

 

         มีข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ดังนี้ครับ

“ทองก้อน"นำทีมร่วมต่อต้าน"วิษณุ" ตั้งสนง.ทรัพย์สินพระพุทธศาสนา”

เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม มีการประชุมของ "คณะสงฆ์ไทย" โดยนายทองก้อน วงศ์สมุทร ศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าร่วมประชุมด้วย หลังการประชุม มีการออกแถลงการณ์ในนาม "คณะสงฆ์ไทย" คัดค้านการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้จัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนาขึ้น โดยแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการจัดตั้งดังกล่าว ในแถลงการณ์ระบุว่า คณะสงฆ์ไทยร่วมประชุมกันที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓ โดยยึดหลักพระธรรมวินัย จารีตประเพณี และกฎหมาย เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา(องค์กรมหาชน) พ.ศ.... ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นคัดค้านร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ดังนี้

๑.เกี่ยวกับการจัดการศาสนสมบัติกลาง และศาสนสมบัติวัดที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เป็นไปแบบมักน้อยสันโดษตามพระธรรมวินัย ไม่เน้นหาผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจ และพยายามรักษาทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ในพระพุทธศาสนา เน้นด้านจิตใจมากกว่าวัตถุเงินทอง แต่วัตถุประสงค์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนาที่จะตั้งขึ้นใหม่ มีลักษณะจัดหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ มุ่งเน้นหารายได้ด้วยวิธีต่างๆ ทางโลก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพุทธบริษัท และเป็นเหตุให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

๒.ปัจจุบันการดูแลรักษาจัดการงบประมาณของศาสนสมบัติกลาง ต้องผ่านความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่การจัดการของสำนักงานทรัพย์สินที่ตั้งขึ้นใหม่ มีการวางหลักเกณฑ์ไม่ให้ มส.พิจารณา จึงเป็นการรวบอำนาจการดูแลศาสนสมบัติของสงฆ์ไปเป็นกรรมสิทธิ์ของฆราวาสโดยเด็ดขาด ขัดต่อพระธรรมวินัย และ มาตรา ๔๑ แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ อีกด้วย

๓.จำนวนและที่มาของคณะกรรมการสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระพุทธศาสนาดังกล่าว แม้จะมีผู้แทนจาก มส. ซึ่งเป็นพระสงฆ์จำนวนไม่เกิน ๔ รูป ย่อมเป็นเสียงข้างน้อยในจำนวนกรรมการทั้งหมดไม่เกิน ๑๑ คน และกรรมการฝ่ายฆราวาสได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี และเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ผิดจากเดิมที่ได้รับแต่งตั้งจาก มส.

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่า การจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา เป็นการรวบเอาทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน หมายรวมถึงเงินสดที่สะสมไว้จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตลอดจนที่ดินของวัด ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา หรือที่ศาสนสมบัติ และทรัพย์อันติดกับที่ดิน ให้ตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานดังกล่าวทันที ซึ่งเป็นอันตรายต่อศาสนสมบัติอย่างยิ่ง

“ปัญหาการจัดการศาสนสมบัติตามที่อ้างถึงเป็นปัญหาเล็กน้อย เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในหน้าที่ของฆราวาสผู้รับผิดชอบ สมควรแก้ไขปรับปรุงได้โดยกระบวนการบริหารจัดการ การตรวจสอบที่รัดกุม และกระบวนการที่ปรึกษาที่มีประสิทธิภาพ ย่อมเป็นการเพียงพอ แต่การจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา โดยรวบเอาทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันไปเป็นของสำนักงานแล้วบริหาร โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งเป็นการเปิดช่องทางให้ต่างชาติ องค์การมหาชนอื่นๆ เข้ามาแสวงหาประโยชน์ และทำลายทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา”

แถลงการณ์ระบุในตอนท้ายว่า เพื่อความสงบเรียบร้อยในสังฆมณฑลและพุทธศาสนิกชน ไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงซับซ้อนยิ่งขึ้น คณะสงฆ์ไทยพิจารณาแล้ว มีมติขอให้ยกเลิกร่างพระราชกฤษฎีกาฯดังกล่าว และเห็นสมควรให้ทำหนังสือตักเตือนไปยังนายวิษณุ เครืองาม และ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ในฐานะผู้ร่วมผลักดันให้มีการยกร่างพระราชกฤษฎีกา ซึ่งเป็นการทำลายศาสนสมบัติของสงฆ์

หลวงตา        ถูกต้องแล้วไม่มีที่ค้าน ตามหลักธรรมวินัยเป็นอย่างนั้น คือทางศาสนาเป็นอำนาจแต่ผู้เดียว ฆราวาสเข้ามายุ่งอย่างนี้ไม่ได้ นี่ก็มีขึ้นมาแล้วเห็นไหมล่ะ เอาฆราวาสเข้ามาเป็นใหญ่ในศาสนสมบัติ แล้วออกไปถลุง เป็นเรื่องโลกไปหมดเลย แสวงหารายได้ ตั้งที่ว่านี่นะ จะมาลงทุนลงรอนมาเอาเงินอันนี้โกยไปหมดเลย คำสวยงามว่าเพื่อหาผลประโยชน์ ก็คือเพื่อถลุงนั้นเอง มันเริ่มตั้งแต่ต้น  เข้าไปนั้นแล้วหมด ชัดเจนแล้ว  ทำลายแล้ว ทำลายศาสนสมบัติ ที่ทำนี้ถูกต้องแล้ว คอยฟังต่อไป

หนังสือพิมพ์นี่เราเคยเตือนเสมอ ขอให้เป็นหัวใจของชาติบ้านเมือง เสนอออกโดยความสัตย์ความจริง อย่าเห็นแก่สินจ้างรางวัลมาเป็นใหญ่เป็นโตกว่าชาติกว่าศาสนา เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงจากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น หรือโวหารเช่นนั้น ขอให้ตั้งตัวเป็นกลาง หนังสือพิมพ์เป็นสื่อกลางของโลกที่จะรับฟังเอาความสัตย์ความจริง อย่าเอาความตลบตะแลงความต้มความตุ๋นหลอกลวงเพื่อทำลายส่วนรวมให้เสียไป หนังสือพิมพ์ควรเป็นอย่างนี้ทุกฉบับ อย่าเห็นแก่ค่าจ้างรางวัลจากผู้ใด รางวัลเช่นนั้นเป็นรางวัลที่เสียหาย ถ้าเป็นค่าจ้างรางวัลที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ไม่เสียหาย แต่อันใดที่เป็นความเสียหายต่อส่วนรวม โดยได้รับสินจ้างรางวัลมาอย่างนั้น ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดเลย

เพราะหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับๆ เป็นหัวใจของส่วนรวมทั้งนั้น เรียกว่าเป็นหัวใจของชาติอยู่ที่นั้นหมด ยอมฟังเสียงผิดถูกดีชั่วจากหนังสือพิมพ์ ถ้าหนังสือพิมพ์ออกทางเลวร้ายก็เสียหายไปหมดเลย จะฝังใจของผู้อ่านไปเรื่อยๆ ถ้าหนังสือพิมพ์ต้มตุ๋น ผู้นี้เชื่อไปตามความต้มตุ๋นก็เป็นความเสียหายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรรับค่าจ้างรางวัลที่จะมาก่อกวนความเสียหาย ไม่ว่าแต่หนังสือพิมพ์ จะเป็นสื่อใดก็ตามออกทางวิทยุ ทีวี อินเตอร์เน็ตอะไรก็ตาม แต่ละจุดเป็นหัวใจของประชาชนรวมอยู่ที่นั้น ที่จะรอรับฟังเอาความสัตย์ความจริงจากสื่อกลางที่ออกไป ไม่ว่าจะทางวิทยุ ทางโทรทัศน์ ทางอะไรหลายอย่างเราจำไม่ได้ ฟังแต่ว่าสื่อกลางก็แล้วกัน ให้ระมัดระวัง

เราเป็นเจ้าของของชาติ อย่าปล่อยให้ผู้หนึ่งผู้ใดเอาเงินเอาทองมาจ้างให้ตัดขาตัดแขนตัดคอของตัวเองทิ้งไปเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์ จมทั้งชาติเลย เพราะเห็นแก่เงินแก่ทอง เขาเอาเงินมาจ้างให้ตัดคอก็ยอมให้เขาตัด เห็นแก่เงิน คอไม่เสียดาย นี่เห็นแก่เงินเท่านั้น ชาติ ศาสนา ซึ่งเป็นที่รวมของคนทั้งชาตินั้นไม่เสียดาย ไม่มีราคายิ่งกว่าค่าจ้างรางวัล อย่างนี้อย่าทำเมืองไทยเรา เสียหายอย่างร้ายแรงทีเดียว เราเป็นผู้รักษาชาติ สมบัติทั้งหมดอยู่กับเราผู้รักษาด้วยกันทั้งนั้น ให้พากันรักษา ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ สื่อกลางต่างๆ ออกไป ให้เอาความสัตย์ความจริงออกประกาศ อย่าเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล

อย่างที่หลวงตาออกประกาศนี้ทั่วโลกเลยนะ หลวงตาจะเอาธรรมล้วนๆ ออกประกาศ เอาความสัตย์ความจริงออกประกาศ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ควรเน้นหนักในสิ่งที่ผิดก็เน้นหนัก เพราะผิดมันหนัก สิ่งที่แก้กันรับกันก็ต้องหนัก ไม่ได้ถือเป็นความหยาบโลนอะไรเลย เพราะทางนั้นมาเป็นความหยาบโลน เป็นความเสียหายพอแล้ว ทีนี้แก้ความเสียหายจะเป็นความหยาบโลน เป็นความเสียหายที่ตรงไหน ไม่มี เราได้พิจารณาเต็มหัวใจแล้วถึงออกทุกบททุกบาท ควรหนักเราต้องหนัก ควรเบาเราต้องเบาเป็นธรรมดาไปตามสิ่งที่ชะล้างกันหรือแก้กันต้องเป็นอย่างนั้น เราจะมาสงวนลิ้นสงวนปากให้นิ่มนวลอ่อนหวาน ทั้งๆ ที่ที่นั่นเผาบ้านเผาเมืองเข้ามาจนไม่มีอะไรเหลือ ทางนี้ยังนิ่มนวลอ่อนหวาน ดูไม่ได้เลยเจ้าของทรัพย์สินเงินทอง เจ้าของของชาติ ควรหนักต้องหนัก ควรเบาต้องเบา เราเป็นเจ้าของสมบัติ

แม้แต่ชาวบ้านเขามีคนมาปล้น เขายังต่อสู้กัน ฟังซิน่ะ อันนี้ประเทศชาติบ้านเมือง ทั้งศาสนารวมกัน เป็นคุณค่ามหาศาลอยู่นี้หมด จำเป็นที่เราทุกคนจะต้องรักสงวน เรื่องที่เข้ามาทำลายนี้ไม่มีคำสัตย์คำจริง นี่เป็นภาษาธรรม เท่าที่ออกมาทุกแง่ทุกมุม ไม่มีอะไรเป็นความสัตย์ความจริง มีแต่เรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นให้คนเชื่อถือแล้วก็เอาไปถลุงให้หมด กลืนกินเรื่อยไม่ต้องเคี้ยว ถ้าคนเชื่อแล้วไม่ต้องเคี้ยว กลืนเลยๆ มาแต่แบบนี้ทั้งนั้น ท่านทั้งหลายจำเอานะ นี้เอาธรรมออกจับ เอาธรรมออกพิจารณา มาในแง่ไหนๆ

อย่างที่เรื่องราวเกิดมานี้ สมบัติพุทธศาสนา นี้เป็นเรื่องทำลายล้วนๆ ทำลายพุทธศาสนา จึงต้องคัดค้านกันในฐานะที่พระสงฆ์ไทยเราเป็นเจ้าของพุทธศาสนา ต้องคัดค้าน เรื่องของบุคคลมามีอำนาจบาตรหลวงยังไง อันนี้เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้าที่ประทานให้แล้ว ให้ปฏิบัติตามพระโอวาทอันนี้ ก็ปฏิบัติกันมาได้รับความสงบร่มเย็นเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ นี่จะเอาอำนาจบาตรหลวงจากที่ไหนมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แล้วเหยียบหัวประชาชน เหยียบหัวชาวพุทธลงไปอย่างแหลกเหลวไปหมด ด้วยอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ

เอาผู้ใหญ่ๆ มาตั้งมาอวดอำนาจ รัฐมนตรีนั้นรัฐมนตรีนี้ มีแต่พวกเปรตพวกผีมันไปวางอำนาจไว้หมดนั่นแหละ เอาอันนั้นมาไปบีบบังคับคนนั้นมาคนนี้มา มาตั้งเป็นคณะกรรมการ หรือเป็นรัฐมนตรงมนตรีอะไรอย่างนี้แหละ ที่มาอวดอ้างให้กลัว สำหรับธรรมแล้วไม่กลัว ตรงไปตรงมา เหล่านี้ผิดทั้งนั้นอย่ามาอวดมาอ้าง เป็นมหาโจรในหน้าที่ในอำนาจแบบทางราชการมาปล้นศาสนาไม่เคยมี เรื่องราชการงานเมืองเป็นผู้รักษาศาสนาต่างหาก ไม่ใช่เป็นผู้มาทำลายดังที่เป็นอยู่เวลานี้ ที่คณะสงฆ์ไทยออกต้านทานหรือประกาศปัดออกนั้นถูกต้องแล้ว เราหาที่ค้านไม่ได้ตามหลักธรรมหลักวินัยมีมาอย่างนั้นดั้งเดิม ท่านรักษาและปฏิบัติกันมามีความสงบร่มเย็นเป็นลำดับ

ไม่มีสิ่งใดที่จะสงบร่มเย็นยิ่งกว่าพุทธศาสนา ถ้าทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นความสงบร่มเย็นทั้งนั้น ที่ออกมาเหล่านี้มีตั้งแต่เรื่องกาฝากเพื่อทำลาย ยาพิษอาบมาเต็มตัวๆ ออกมาแง่ไหนมีแต่เรื่องทำลาย จึงต้องได้ปัดออกๆ นี่คือเรื่องทำลาย คือเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นให้ประชาชนเชื่อ ให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย มีมาเป็นลำดับลำดา พวกนี้จะไม่หาความจริงออกมาพูด มาหว่านล้อมประชาชน ปากหวานนะ พวกนี้พวกปากหวานหลอกประชาชนให้เคลิ้มหลับไปตามๆ

คิดดูซิอย่างคุณทองก้อนกับหลวงตาบัวมากีดกันขัดขวาง คืออะไรนั่น มันกลืนไม่สะดวกมีก้างมาขวางคอมัน แล้วมันก็พูดหวานๆ ว่า จะทำให้บ้านเมืองเจริญหรือว่าไง แล้วทำไม่สะดวกเพราะติดหลวงตากับคุณทองก้อน เขาว่าอะไรลองว่าซี (คือเขาไม่มีความมั่นใจในตนเอง คิดจะทำอะไรให้มีความเจริญขึ้นไปก็มีกลุ่มออกมาคัดค้าน ทำให้เขาไม่มั่นใจ) นี่ฟังซิ หวานเขาไหมไม่มั่นใจ เหมือนว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตายกชาติยกศาสนาขึ้นแต่ผู้เดียวได้เลย ทั้งๆ ที่คนทั้งชาติรักษาบำรุงศาสนาและชาติของตนมานานสักเท่าไร ก่อนที่พวกนี้ยังไม่เกิด เข้าใจไหม นี้เขาไม่สะดวกที่จะยกชาติบ้านเมือง คือเขาไม่สะดวกที่จะกลืนชาติบ้านเมือง

โดยมีอยู่สองตัว ตัวทองก้อนกับตัวหลวงตาบัวมาคัดค้านเขา คือเป็นก้างขวางคอของพวกนี้ มันกลืนไม่สะดวก ถ้าหากว่าเอาสองตัวนี้ลงเสียได้ตามที่เขาโจมตี เพราะเป็นก้างขวางคอเขาแล้วเขาจะไม่ต้องเคี้ยว ทั้งชาติทั้งศาสนาจะกลืนไปได้สะดวกสบายเลย นี่เป็นความจริงของภาษาธรรม ให้ท่านทั้งหลายทราบเอาไว้ ที่ไม่สะดวกอย่างนั้นไม่สะดวกอย่างนี้ นี้คือความหลอกลวงแบบหวานฉ่ำให้คนโง่หลง เราโง่หรือไม่โง่ก็ตาม อาศัยธรรมของพระพุทธเจ้ามาพูด พระพุทธเจ้าไม่พาให้คนโง่ ไม่พาให้ใครโง่ สอนให้คนฉลาดทั้งนั้น นี่เราก็นำมาสอนให้ท่านทั้งหลายทราบ

ที่เขาโจมตีหลวงตาบัวกับคุณทองก้อนอยู่เวลานี้ คือเขากลืนชาติกลืนศาสนาไม่สะดวก เขาไม่เชื่อมั่นในตัวของเขาเองหรือว่าไงตะกี้นี้ (เขาไม่มั่นใจในตัวเองจึงไม่กล้าทำอะไร) เออ เขาไม่มั่นใจในตัวเขาเอง เพราะมีก้างขวางคออยู่นี้มันกลืนไม่สะดวก เขาไม่มั่นใจ ถ้าเอาก้างนี้ออกเสียเขาจะกลืนได้สะดวก มั่นใจ ความหมายว่าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายให้เข้าใจเอาเสียนะ นี่ละประเทศไทยเรานี้มีอยู่สองตัว ตัวทองก้อนกับตัวหลวงตานี่ที่เป็นก้างขวางคอ เขาทำงานไม่สะดวก พวกเปรตพวกผี พวกจะกลืนบ้านกลืนเมืองนี้กลืนไม่สะดวก เพราะสองตัวนี้เป็นก้างขวางคอเขา

เป็นยังไงก้างขวางคอเขานี่มันขวางพี่น้องทั้งหลายไหม ขวางชาติขวางศาสนาไหมที่หลวงตาบัวกับคุณทองก้อนพาดำเนินอยู่เวลานี้ มีอะไรมาขวางดังที่เขาว่าไหม เขาว่าเขาไม่สะดวก เขาไม่มั่นใจ คืออันนี้ละขวางคอเขาอยู่ เขากลืนไม่สะดวก อุบายวิธีกลืนมาทุกแบบดังที่ว่านี่แหละ นิ่มนวลมากนะ พวกนี้พวกสำนวนนิ่มนวลอ่อนหวานมาก พลิกดีให้เป็นชั่วไปหมด พลิกชั่วให้เป็นดี อย่างที่เขาทำนี้ให้เป็นดีนะ เขาไม่สะดวกใจ นั่นฟังซิน่ะ สวยงามไหม ไพเราะไหม ไม่สะดวกใจ ถ้าพูดตามความสัตย์ความจริงก็ไม่สะดวกเพราะมีก้างขวางคอ กลืนชาติกลืนศาสนาไม่สะดวก เข้าใจไหม นี่เป็นความสัตย์ความจริงจากอุบายของพวกนี้มา

ตั้งแต่เริ่มต้นมา พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงร้อยสันพันคม เขาทำดีทั่วโลกดินแดน ยกตัวอย่างเช่นช่วยชาติบ้านเมือง พี่น้องชาวไทยเราอุตส่าห์พยายามหามาทองคำตั้ง ๑๐ ตัน หาที่ไหนได้ นี่ก็อุตส่าห์พยายามมาจากกำลังของพี่น้องชาวไทยหามา ได้ทองคำน้ำหนักตั้ง ๑๐ ตัน ๓๑๒ กิโลครึ่ง มอบเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ดอลลาร์ก็ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐

         นี่ละเป็นกำลังของพี่น้องทั้งหลายอุตส่าห์พยายามมาทั้งแผ่นดินช่วยกัน ไอ้พวกนี้เราเคยเห็นที่ไหน เอ้าประกาศให้มันยันๆ กันนี้ที่มาออกตัวเก่งกล้าสามารถเหยียบชาติไทยทั้งชาติอยู่เวลานี้ พวกนี้มันไปทำประโยชน์อะไร ทองคำกิโลหนึ่งก็ไม่เคยเห็นมันมายื่นให้พอจะมามีส่วนตำหนิติเตียนชาติไทยเป็นยังไงๆ เพราะเขามีส่วน เขาจึงมีส่วนเสียหายด้วยถ้าชาติไทยทำให้เสียหาย เขาไม่ได้เอาอะไรมาเลยทำไมเขาจึงกล้าสามารถมาตำหนิติเตียนมาทำลาย นอกจากไม่ให้แล้วยังหาอุบายทำลาย ทำลายทุกแง่ทุกมุมพวกนี้นะ

         แม้ที่สุดไปเทศนาว่าการทางไหนก็ไปกีดไปขวาง ไปผลักไปดันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะงานใดที่เป็นงานส่วนรวม ซึ่งคนทั้งชาติจะทำเป็นความดิบความดี เป็นสิริมงคล แก่ชาติของตนแก่ศาสนาของตน จะต้องถูกพวกนี้เที่ยวกลั่นเที่ยวแกล้ง เที่ยวทุบเที่ยวตีเที่ยวทำลาย โจมตีไปหมดเลย บอกไปหมด เพราะพวกนี้ไม่มีคำว่าเป็นความสัตย์ความจริง มีตั้งแต่เรื่องโกหกหลอกลวงตลอดมา ตั้งแต่โคตรแต่แซ่มานู่นน่ะ มันมีโคตรมีแซ่เหมือนเรานั้นละ มันหลอกลวงแบบเดียวกันหมด เห็นกันกระซิบเลย กระซิบเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋น  เราจะกลืนแบบไหนจะง่าย จะกลืนแบบไหนสะดวก เวลานี้มีใครมาขัดคอเราอยู่

         แล้วก็ออกสำนวนอ่อนหวานว่าเขาไม่แน่ใจหรือไม่สะดวกอะไร (เขาขาดความเชื่อมั่นในตนเองที่เขาจะทำความเจริญให้พุทธศาสนาครับ) เออ เขาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ฟังซิอ่อนนิ่มไหมล่ะ เขาขาดความเชื่อมั่นตัวเองที่จะกลืนชาติบ้านเมือง ทั้งศาสนาทั้งชาติอย่างสะดวกสบายหายห่วง ก็เพราะมีก้างขวางคออยู่ ที่ออกเด่นที่สุดก็คือคุณทองก้อนกับหลวงตาบัว นี่เป็นก้างขวางคอเขา เป็นยังไงสำนวนนี้ดีไหม พิจารณาซิฟังซิ นี่ละพวกนี้ออกมามีแต่แบบหลอกลวงต้มตุ๋น ก่อนั้นก่อนี้ขึ้นมาให้เกิดเรื่องเกิดราว ตั้งแต่รัฐบาลตั้งขึ้นมาใหม่ เหมือนกับว่าตามจองล้างจองผลาญ จองกรรมจองเวรมาตลอด ทางนี้ก็สร้างความดีมาตลอด

         อย่างนายกรัฐมนตรีของเรานี่ เอ้ายกตัวอย่างขึ้นมาเลย นี่ละภาษาธรรมท่านทั้งหลายให้ฟัง ที่เด่นที่สุด เมืองไทยของเราถ้าไม่ได้นายกรัฐมนตรีคือคุณทักษิณ ชินวัตรมาคัดค้านต้านทานปราบเอาไว้แล้ว เมืองไทยเรานี้จะเป็นหมาขี้เรื้อนไปหมดจากยาบ้า เข้าใจไหม ก่อนหน้านั้นยาบ้ากำลังระบาดๆ ไม่มีขั้นใดภูมิใด มีแต่พวกหมาขี้เรือนด้วยยาบ้าทั้งนั้นๆ นี่ก็ปราบเรียบไปหมด ฟื้นมนุษย์เราที่กำลังเป็นหมาขี้เรื้อนอยู่ก็มี กำลังจะเป็นก็มี ให้ฟื้นตัวขึ้นมาเป็นคนดิบคนดี เป็นคนชาติไทยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไปหาที่ไหนนายกฯคนไหน นี่ภาษาธรรม เราจะพูดให้ฟังชัดเจนอย่างนี้นะ พิจารณาซิ

         นายกฯเราคนนี้ปราบจนเรียบเลย เวลานี้ก็ยังเหลืออยู่นิดๆ หน่อยๆ  สองสามเปอร์เซ็นต์ ก็กำลังพิจารณาอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา เพื่อรักษาคนดี และเพื่อบำรุงคนดีให้ดีขึ้น ไม่ให้ไปเป็นหมาขี้เรื้อนทั้งประเทศ สุดท้ายมันจะเข้ามาในวัดในวา พระก็เป็นพระหมาขี้เรื้อนไปหมด นี่มันเข้าแล้วหรือยังเราก็ไม่ทราบ ได้ยินข่าวไหม มีบ้างไหม (มีบ้างแล้วเขาก็ปราบไปเรื่อยๆ ละครับ) นั่นเห็นไหม ตั้งแต่พระในวัดยังไปเป็นหมาขี้เรื้อนกับเขา นี่ก็นายกฯเราปราบออกหมด กันไม่ให้พระไปเป็นหมาขี้เรื้อน ประชาชนไม่ให้เป็นหมาขี้เรื้อน กันไว้หมด เราไปหาที่ไหน เอ้าถ้าว่าหลวงตาบัวหาเรื่องหาราว โจมตีผู้หนึ่งผู้ใด หรือแกล้งยกยอผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว ฟังเสียงนี่ๆ เป็นเสียงธรรม

         นี่เรายังไม่เคยเห็น ตั้งนายกฯมากี่ยุคกี่สมัยตั้งแต่เราเป็นเด็กจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เรายังไม่เคยเห็นที่จะทำประโยชน์ให้โลกอย่างเด่นชัด เหมือนนายกฯคนนี้ในสายตาของธรรมเรา เมื่อเร็วๆ นี้ถูกรัฐบาลไหนๆ ก็ไม่ทราบละ ทำลายพวกชาวนาเข้าใจไหมล่ะ แล้วเอาที่ของเขาทั้งหมดมาทำเป็นทำนบแล้วก็เดือดร้อนวุ่นวายจะเป็นจะตาย (จังหวัดศรีสะเกษครับ เขาเอามาทำเขื่อนเพื่อจะเอาน้ำนี่ไปทำน้ำประปาเข้า ๓.หมู่บ้าน มีคนแก่พยายามต่อสู้ร้องเรียนมาหลายรัฐบาลแล้ว ประมาณ ๒๗ ปีไม่สำเร็จ พอมารัฐบาลนี้ท่านนายกฯ ให้ไปตรวจสอบดูซิว่าจริงเท็จแค่ไหน จะแก้ไขยังไงได้ ปรากฏว่าเป็นความจริง ราษฎรประมาณ ๔๐ กว่าครอบครัวเดือดร้อนเพราะโดนน้ำท่วมที่ดินทำมาหากินของเขา แล้วการเอาน้ำมาทำประปาหมู่บ้านนี่แก้ไขได้ โดยไปขุดบ่อบาดาลเอาน้ำประปามาให้แต่ละหมู่บ้าน ท่านนายกก็สั่งแก้ไขและคืนที่ดินให้ผู้ที่ยากจนไปทำมาหากินต่อไปแล้วครับ)

         นั่นเห็นไหม มีนายกฯคนไหนที่มาทำอย่างนี้ นายกฯคนนี้เรียกว่าเขาเอาขึ้นเขียงหวานคอไปแล้ว ยังไปรื้อปัดเขียงตกลงไป ยกที่ดินกลับคืนให้เขาตามเดิม มีตั้ง ๔๐ ครอบครัว เป็นยังไงครอบครัวเพียงครอบครัวเดียวมันก็ร้อนกันทั้งบ้านแล้ว นี้มันตั้ง ๔๐ ครอบครัวและกี่หมู่บ้านก็ไม่ทราบที่จะจมลงเพราะอำนาจแห่งชลประทานอะไรเขานี่ กลืนกินนี่ นี่ก็นายกฯเราไปเปลี่ยนแปลงแก้ไข เอาอันนี้คืนให้ตามเดิมใช่ไหมล่ะ (คืนให้ทำมาหากินอย่างเดิมแล้วครับ) เออ คืนให้หากินตามเดิม เราไปหาที่ไหน เอากันจังๆ อย่างนี้ละนะ ฟังซิน่ะ แล้วนายกฯ เรานี้เอาคืนได้ ไม่เสียหายอะไรเลย

         แล้วมีอะไรบ้างผลประโยชน์ที่เด่นชัดๆ (ก็เร็วๆ นี้เด็กเป็นลูกญวน พ่อแม่ญวน เด็กคนนี้เกิดในเมืองไทย สอบติดแพทย์จุฬาฯได้ครับ แต่ราชการไม่กล้าแก้ไข ให้ถูกต้อง ให้สัญชาติไทย พอนายกฯท่านทราบท่านก็สั่งให้ทางมหาดไทยไปตรวจสอบว่าจริงเท็จแค่ไหน ถ้าเป็นความจริงตามนี้ก็ให้สัญชาติเขา ปรากฏว่าเป็นความจริง ท่านก็สั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งให้สัญชาติไทยกับเด็กคนนั้น ตอนนี้เด็กได้เรียนแพทย์ที่จุฬาเรียบร้อยแล้วครับ) นั่นก็อย่างนี้แล้ว หาที่ไหนล่ะมีแต่เรื่องเด่นๆ และมากกว่านี้มีอีก ไม่ว่าที่ไหนๆ ที่นายกฯเรานี้ทำเป็นประโยชน์อย่างเด่นชัด

         ไอ้พวกที่โจมตีนี้ก็โจมตีตลอด พวกนี้ไม่มีที่จะก่อตั้งอะไรขึ้นมา ส่งเสริมอะไรขึ้นมา มีแต่ผู้อื่นทำดีไปเที่ยวหาโจมตีหาทำลาย หาจุดหาเผาไปทั้งนั้นละ นายกฯเราที่พูดว่า ใครจะว่าอะไรก็ว่าเราก็ขอทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังของเราก็เป็นที่พอใจ นี่เหมาะสมแล้วคำตอบของท่านมีน้ำหนักมากขนาดไหน ใครจะโจมตีอะไรก็ตาม ใครก็รู้ว่าพวกโจมตีนี้เป็นพวกโจรพวกมาร พวกเปรตพวกผี พวกทำลายชาติพวกทำลายศาสนาต่างหาก ท่านเป็นผู้ส่งเสริมชาติส่งเสริมศาสนาเต็มกำลังความสามารถ ใครจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ ท่านว่า  ขอให้ได้ทำประโยชน์แก่ชาติแล้วเราเป็นที่พอใจ นั่นฟังซิคำนี้ มันอะไรมีน้ำหนัก อันนี้มีคุณค่ามากที่สุดเลย

         ไอ้พวกโจมตีแว้ๆ มันมีอยู่ทุกหย่อมหญ้านะพวกนี้ ท่านทั้งหลายอย่าเชื่ออย่าไว้ใจมันนะ พวกนี้มีแต่ของหลอกลวงทั้งนั้นเอามาหลอก หลอกต้มตุ๋นทุกสิ่งทุกอย่าง  ยกตัวอย่าง ถ้าธรรมดาเขาก็ฟ้องร้องกันได้ใช่ไหมล่ะ เช่นเอาเรื่องคุณทองก้อน ว่าคุณทองก้อนนี่ยักยอกเอาเงินจากหลวงตาบัวที่กองผ้าป่า เงินมีเท่าไร (ว่ายักยอกเอาเงินจากผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตานี่ไปเข้าบัญชีเป็นพันๆ ล้านครับ) นั่นละฟังซิ นี่ละเขาโจมตีคุณทองก้อนเห็นไหม แล้วความจริงคุณทองก้อนเคยมาโผล่หน้าดูเงินสักสตางค์ไหมจากคณะผู้นับเงิน เอ้าใครแสดงตัวออกมาถ้าเห็นคุณทองก้อนมาเกี่ยวข้องสักหนหนึ่ง ไม่เคยมีเลย

         นี่คุณทองก้อนยังถูกโจมตีขนาดนี้ แกล้งขนาดไหน พวกนี้โจมตีขนาดไหนเพื่อจะทำลายคนดีคนนี้เองให้ประชาชนขาดความเคารพนับถือ จะได้กลืนอย่างง่ายดาย จากความตลบตะแลง จากความต้มตุ๋นของตัวเอง เข้าใจเหรอ แล้วก็เงินของหลวงตาบัวที่ไหนๆ บ้าง มีตั้งแต่จะไปตามตรวจตามค้น มันไม่ได้ทำอะไรนะ มันเป็นเจ้าหน้าที่อันใหญ่หลวงมาจากเมืองเปรตเมืองผี เมืองนรกอเวจีที่ไหนก็ตาม มาเป็นผู้มีมหาบุญมหาคุณใหญ่โตกว่าผู้ที่ทำประโยชน์ให้โลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย

         อย่างหลวงตาบัวนี้เงินกระจายไปทั่วประเทศไทยมีสักกี่พันกี่หมื่นล้าน ก็จะมาตรวจตราไปทางญาติมิตรหลวงตาบัวอีก ญาติมิตรหลวงตาบัวมีเงินมากมายจะมาตรวจ มาสอบ ดูซิ พวกนี้เขาก็หาอยู่หากินตามชาติบ้านเมืองของเขา เราไม่เคยยกเงินก้อนให้ญาติคนใดเลย ไม่มีเราพูดตรงๆ ส่วนการได้การมีมากน้อยนั้นได้ทั่วไปคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวัด ให้เขาทำอะไรๆ เราก็ตบค่าจ้างรางวัลให้เขา เขาเก็บหอมรอมริบได้มากน้อยเป็นสิทธิของเขาที่เขาจะเก็บรักษาไว้ แล้วมีอำนาจมาจากไหนที่จะมาตรวจสอบเงินทองข้าวของของเขา เลวขนาดไหนคนประเภทนี้ คนพวกนี้เลว ไม่มีที่จะสร้างความดี หาแต่ทำลายอย่างนี้

         ไม่ได้ยินตั้งแต่ว่าจะมาตรวจสอบเงินหลวงตาบัวใช่ไหมล่ะ (ก็เป็นข่าวเหมือนกับที่หลวงตาว่าเห่าว้อกๆ แล้วกลับไปกินส้วมกินถานอย่างเก่าครับ เงียบไปแล้วครับ) นี่ก็จะมาตรวจ เราจะไล่มันเข้าไปตรวจ เอาเพียงโรงพยาบาลสองโรงพยาบาล เท่านั้นก็พอแหละ โรงพยาบาลจะแจงให้เขาทราบหมดใช่ไหมล่ะ เงินที่เราไปช่วยโรงพยาบาลแต่ละโรงๆ เขามีบัญชีไว้เรียบร้อย เขาจะแจงให้ฟัง มันไปได้สองสามโรง มันตายหมดทั้งโคตรมัน ไปมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะมันเต็มประเทศไทย อย่างนี้ละเราสร้างขนาดนี้

เงินบาทหนึ่งเราไม่เคยมาแตะ เงินของส่วนรวมทั้งหลายที่ได้มาบริจาคเรา เพราะเราทำด้วยความเมตตาล้วนๆ ถึงขนาดร้องโก้กก่อนที่จะมาช่วยชาติ เราจะมีแก่ใจอะไรมาเอาเงินหนึ่งบาทสองบาทของพี่น้องทั้งหลายไป ด้วยความเห็นแก่ตัวเพียงเท่านั้น นี่ฟังซิ มันเที่ยวหาโจมตีอย่างละพวกนี้ ไม่มีอะไรมีแต่โจมตี ถ้าเข้าเป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายแค้น ซัดกันเข้าไปอย่างนั้น ธรรมดาฝ่ายค้าน ค้านที่ตรงไหนไม่ดี นี่ตามหลักของการปกครองบ้านเมือง เราเป็นธรรมเราไม่ได้เรียนกฎหมาย แต่ธรรมนี้ละเอียดกว่ากฎหมาย

         การตั้งทางฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ตั้งขึ้นมาเพื่อไม่ให้ลืมตัว ฝ่ายไหนไม่ให้ลืมตัว เพื่อให้รู้ตัวแล้วปฏิบัติต่อหน้าที่ของตนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อชาติศาสนาของเราจะได้สมบูรณ์พูนผล จากรัฐบาลและฝ่ายค้านนี้ ต่างคนต่างถ่อต่างพาย ต่างลากต่างจูงกันไป ถ้าฝ่ายรัฐบาลบกพร่องตรงไหนฝ่ายค้านก็ต้องค้านขึ้นมา ค้านขึ้นมาแล้วชี้แจงเหตุผลให้ทราบ ดำเนินอย่างนั้นๆๆ พยุงกันไปอย่างนี้ถึงถูก ไอ้นี่ค้านแล้วยังไม่แล้ว เผาด้วยจุดด้วย เอาให้แหลกไปหมด ความดีที่รัฐบาลทำมายังไงไม่คำนึง ขอได้ทำลายรัฐบาลก็เอา เขาเรียกฝ่ายค้านเลยกลายเป็นฝ่ายแค้นไป มันเป็นข้าศึกของประเทศไทยเสียเอง นอกจากเป็นข้าศึกของรัฐบาลแล้วยังเป็นข้าศึกของคนทั้งประเทศเสียเอง ด้วยการคัดการค้านต้านทานหาเหตุหาผลไม่ได้ ไม่มีการส่งเสริมกันเลย มีแต่การเผาการจุดกันทั้งนั้น

         ถ้าแยกออกไปทางโลกมันก็เป็นอย่างนั้น จะให้ว่าไง แยกทั่วๆ ไปมันก็มีแต่เรื่องต้มตุ๋นหลอกลวงอย่างนี้ตลอดไป พวกนี้เป็นพวกที่ก่อข้าศึกศัตรูต่อชาติต่อศาสนาเราเป็นลำดับลำดามา ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ทุกคนนะ นี่เป็นภาษาธรรมของเรา เราพูดโดยอรรถโดยธรรม เอ้า เอาคอไปตัดเลยถ้าเราพูดเหล่านี้ผิดไป ที่อ้างมาเช่นอย่างนายกรัฐมนตรีของเรา เพียงสองสามประเด็นเท่านี้มันก็ครอบประเทศไทยแล้ว เพราะไม่มีใครทำได้อย่างนี้ ถึงขนาดนั้นยังถูกโจมตี โจมตีทุกแบบทุกฉบับ

         เป็นลูกเป็นเมียหมูหมาเป็ดไก่ของนายกรัฐมนตรีถูกโจมตีทั้งหมด กับพวกยักษ์พวกผีกินไม่เลือก หมาก็กินคนก็ทุบ หมูก็กิน ขี้ในบ้านของหมูมันกินหรือเปล่าก็ไม่รู้ อันนี้เราไม่ได้ไปถามดู มันกินผู้กินคนแล้วมันกินหมูแล้วมันกินขี้หมูหรือขี้หมาด้วยไหม เราไม่ได้ถามดูเท่านั้นละ พวกนี้พวกหิวพวกโหยต่อการทำลายมากทีเดียว ไปที่ไหนมีอย่างนั้น นี่ละที่เราพูดว่าชิ้นหนึ่งมันไม่เคยช่วยชาติบ้านเมือง แต่มันมาคอยตรวจตราพาทีเป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวงมาจากที่ไหน ไปเที่ยวตรวจที่นั่น ไปเที่ยวตรวจที่นี่ ไปหมดทุกแห่งทุกหนนั่นแหละ ให้ฟังเอานะ เขาทำดีน่าจะอนุโมทนาสาธุการเมื่อเราทำไม่ได้นะ อันนี้เราทำไม่ได้ด้วยเที่ยวจุดเที่ยวเผาด้วย เลวขนาดไหนคนประเภท เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อน

         ประชาชนเป็นใหญ่ ในเวลาหย่อนบัตรท่านทั้งหลายจะหย่อนบัตรให้ยักษ์ให้ผี กลืนบ้านกลืนเมือง กลืนศาสนา หรือจะหย่อนบัตรให้ผู้อุ้มชูชาติศาสนา เอาอันนี้ไปพิจารณาตั้งแต่บัดนี้นะ อันนี้ก็เรื่องประชาชนเป็นใหญ่ ใครดีใครชั่วเห็นด้วยกันทุกคน ประกาศไว้นี้เพื่อท่านทั้งหลายซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในชาติบ้านเมือง และเป็นผู้มีอำนาจที่จะตัดสินวงราชการงานเมือง ให้เป็นผู้เป็นคน เป็นรัฐบาลที่ดีขึ้นมา และที่เลวขึ้นมาจากท่านทั้งหลายเอง ด้วยความคิดผิด ถูก ชั่ว ดี ของตัวเองนะ เอาแค่นี้ละ

         ถ้าเป็นหลวงตาบัวนี่พูดจริงๆ นะ เราพูดจริงๆ เราจะเรียกไอ้ปุ๊กกี้มา ไอ้หยองมา ไอ้หมี ไอ้จ้ำหลอดที่ไหนมา กูจะยื่นบัตรให้สู สูไปหย่อนบัตรให้คนที่อุ้มชาติอุ้มศาสนานะ สูอย่าไปหย่อนให้พวกเปรตนะ เดี๋ยวมันจะกัดหัวสูอีก มันจะกินสูได้นะ สูไปยื่นบัตรให้ มันคว้าคอสูแล้ว สูตายนะ จะสั่งสอนมันเรียบร้อยก่อนจะไปหย่อนบัตรเข้าใจไหม เอาละต้องตลกบ้างซี มันต้องมีตลกด้วย เอาละพอ

         (มีพระมาจากออสเตรเลีย) วันนี้ได้ฟังผมพูดหรือเปล่า (ได้ฟังพอดีครับ ได้ฟังอยู่ตลอดเพราะมีคนอัดให้) ก็มีแต่หลวงตาบัวกับคุณทองก้อนนี่แหละเป็นหัวใจของชาติ ต้านทานตลอดเวลา (ไม่ทราบว่าที่คุณทองก้อนอ่านใครเป็นคนเขียน เขียนดีจังเลย น้ำตาแทบร่วงครับผม) ที่อ่านวันนั้นเหรอ (ใครเป็นคนเขียนครับผม เขียนดีจริงๆ) ฟังเสียนะ เห็นไหมโรงใหญ่ๆ วันนั้น ตั้งแต่รัฐมนตรีลงมาโดยลำดับเต็มไปหมด มีแต่ผู้ใหญ่ๆ อยู่ในโรงใหญ่โตที่สวนอัมพรเต็มไปหมด ตามธรรมดาอย่างอันนี้จะแทรกขึ้นไปไม่ได้เลย เพราะเหล่านั้นใหญ่มากที่สุด แต่เหตุใดล่ะ ฟังซิ หลวงตานี้พอฟ้าหญิงเล็กมาหาก็ทูลถามเดี๋ยวนั้นเลยถึงเรื่องทีวีว่ามีช่องไหนที่จะออกได้เอาเลยนะ

คือช่องต่างๆ อำนาจป่าเถื่อนมันมากันไว้หมดแล้ว เห็นไหมพวกนี้มันเก่งนะ มันกันไว้หมด มีแต่มันทั้งนั้นอยู่ในนั้น ทีนี้พอบอกว่าช่องนั้นว่างใช่ไหมล่ะ ก็มาทูลท่าน ท่านก็โทรถามไปเลย เราให้ท่านถามเดี๋ยวนี้เลย ท่านก็ถามไปเดี๋ยวนั้น พอได้ความชัดเจนแล้วก็เรียกคุณทองก้อนมาเลย ขึ้นเลยเอาเลย ให้ไปอ่านอันนี้แหละ อันนี้ครอบทั่วประเทศไทยและครอบทั่วโลกดินแดนด้วยความเป็นมหามงคลทั่วหน้ากัน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเอาขึ้นมา เพราะการช่วยชาติมีอันนี้เป็นหลักใหญ่ของการช่วยชาติ ความเป็นมายังไงๆ ใช่ไหมล่ะ อยู่ในหนังสือฉบับนี้ทั้งหมดเลย อันนี้จึงเป็นประโยชน์มากมายก่ายกองครอบเมืองไทยเรา และจากนั้นทั่วโลกอีกด้วย ไอ้ที่นั่งเต็มอยู่นี้ไม่มีความหมายอะไร นี่เห็นไหมธรรมเทียบ นี่ละเอาธรรมเทียบ เหล่านี้ไม่มีความหมายอะไร มีสุ่มสี่สุ่มหามากัดมาฉีกกันอยู่ภายในหาคุณค่าไม่ได้ แล้วอะไรที่มีคุณค่าเด่นในการช่วยชาติและการมอบทองคำคราวนี้ ก็คืออันนี้เอง

         เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกขึ้นมา มาให้อ่านวันนั้นอ่านในที่ชุมนุมชน จำนวน โถ วันนั้นมากนะ แล้วใครทำได้ ฟังซิน่ะ นี่ทำได้ เหตุผลต้นปลายอะไรอันนี้มีน้ำหนักครอบไปหมดแล้ว จึงต้องเอาขึ้นทันที นี่ละที่อ่านวันนั้น ดีอยู่นะ (น้ำตาร่วง ไม่รู้ใครเขียนครับ) ใครจะเขียนก็ช่างเถอะ เราน้ำตาร่วงก็แสดงว่ามีประโยชน์สำหรับเราแล้ว อย่าไปถามหาอันนั้นนะ ปลานี้ได้มาจากหนองไหน ไปหางมหนองนั้นหนองนี้ ใส่ปากกลืนเข้าไปนี้ไม่ดู เข้าใจเหรอ ยังไปหางมหนองนั้นหนองนี้อะไรอีก ที่อยู่ในปากกลืนนี้ลงไปซี นั่นเข้าใจไหมล่ะ

         ประชุมวันนี้ไม่ใช่ธรรมดานะ เรื่องที่ออกนี้ออกจากข้อประชุมของ นี่ก็พระสงฆ์ไทยที่ออกมานี่ ที่อ่านวันนั้นให้ได้ทั่วถึงกันเลย โห พวกนี้มันเก่งมากนะ ต้องมีตัวเด็ดๆ รับกัน คนไทยทั้งประเทศไม่มีเจ้าของ ไม่มีตัวเด็ดได้เหรอ คนที่จะออกสนามรบต้องเป็นผู้เด็ดซิ เพื่อชาติทั้งชาติ ศาสนาทั้งศาสนา เอาความเหยาะๆ แหยะๆ อ่อนแอท้อแท้ถอยหลังมาใช้ไม่ได้เลย ชาติและศาสนาจม เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นอย่างนั้น คนก็ได้ฟังกันทั่วโลกวันนั้นนะ

         คราวนี้ก็กำลังอีกแล้ว พระสงฆ์ไทยออกอีกแล้ว ต้านทาน ไม่ต้านไม่ได้ นี่เรียกมหาภัยล้วนๆ ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นผลเป็นประโยชน์ มีแต่ภัยมหาภัยล้วนๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องปัดออกทันที ของเราสมบูรณ์แบบทุกอย่างแล้ว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเกินศาสดาไปได้ นั่น เราดำเนินตามนี้แล้วได้รับความสงบร่มเย็นตลอดมา อันนี้อยู่ๆ ก็จะมากอบมาโกย มากลืนมากินต่อหน้าต่อตา ไม่ได้ ปัดทันทีเลย อ่านก็เข้าใจแล้วนะวันนั้น (ครับ) ก็เป็นอย่างนั้น

         พระฝรั่งก็เยอะอยู่ อยู่ในวัดเรานี้เยอะ แต่เรารับมากไม่ได้ รับแต่เท่านั้น  ประเทศละองค์ๆ มันก็มากแล้ว ตั้งเท่าไร (๗ องค์แล้วครับ) นู่นไม่ใช่เล่นนะ ประเทศละองค์มันก็มากพอแล้ว ทีนี้คนไทยเราก็มีหัวใจ และเป็นเจ้าของชาติไทยด้วย จึงควรจะมีส่วนมากกว่าเพื่อน เราคิดอย่างนี้นะที่เรารับ ประเทศไหนก็ดีๆ ประเทศไทยเราเป็นพื้นฐาน เป็นเจ้าของในเมืองไทยเรา เราจึงต้องได้พินิจพิจารณา ด้วยเหตุนี้เองคนไทยจึงมาก พระไทยเราจึงมากอยู่เสมอ นอกนั้นก็ค่อยเข้ามาอาศัยกันไป ไม่ให้มากกว่าพระไทยเรา อย่างทุกวันนี้ก็ไหลเข้ามาๆ นะ ต้องได้กันเอาไว้ๆ นี่หมายถึงพระไทยเรา คือมันไม่พอ ที่อยู่ไม่พอ จะว่าอะไรเมืองนอกก็ดันเข้ามา แต่เมืองไทยก็รับไม่ไหวอยู่แล้วนี่

         เป็นยังไงที่ดำเนินมานี้เท่าที่ท่านทราบ ที่ผมพาพี่น้องชาวไทยและพระสงฆ์ไทยเราดำเนินกัน เท่าที่ท่านฟังเหตุการณ์มาตลอด เป็นยังไงที่ผมพาดำเนิน (ถ้าไม่มีท่านอาจารย์ก็คงลำบากครับคณะสงฆ์ แม้แต่กฎหมายที่เขาออกมา ผมเคยถามพระผู้ใหญ่ว่าท่านทราบด้วยหรือเปล่า เขามาปรึกษาหรือเปล่า ท่านบอกว่าเขาไม่ปรึกษาเลย แล้วออกมาได้ยังไงไม่ปรึกษาพระเรื่องที่ดินเรื่องอะไร) อย่างนั้นแล้ว มันเอาอำนาจบาตรหลวงมาใส่ เรายังบอก อันนี้ผมก็เคยเทศน์แล้ว มันไม่เอากฎหมายมาใช้ มันเอากฎหมอยมาใช้ จากนั้นก็เอากฎหมามาใช้ เราซัดอย่างนี้เลยให้มันรับกันพอดีกับพวกหน้าด้านเข้าใจไหม

         จากนี้มันจะขึ้นอะไรอีกนะให้คอยฟัง นี้เราบอกไว้เรียบร้อยแล้วผิดที่ไหนล่ะ มันอยู่ใต้ดินไม่มีความสงบ ให้ระวังตลอดนะเราบอกแล้ว มันออกแง่ไหนจะออก กลมกลืนเป็นอันเดียวกันเลยนะพวกนี้ เหนียวแน่นมั่นคงมาก นิสัยไหนคำปากใดออกมาจะเป็นแบบเดียวกันหมด กลมกลืนสามัคคีกันมากทีเดียว เพื่อจะกลืนชาติกลืนศาสนาของเมืองไทยเราไป ฟังให้ดีนะ เราจะเป็นอาหารว่างให้เขาเหรอ เอากันตรงนี้ซิ เราไม่ใช่อาหารว่าง ต้องเอาให้เต็มเหนี่ยว

         ที่หลวงตาทำอยู่ทุกวันนี้หลวงตาไม่มีอะไรนะกับโลก เพราะฉะนั้นจึงพูดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ว่าเราไม่มีอะไรกับโลกอันนี้ โลกอันนี้มันโลกสกปรกโสมม มีแต่เรื่องแต่ราวยุ่งเหยิง ทีนี้เมื่อเราอยู่ในโลก ความเกี่ยวโยงยังมีอยู่เราก็ต้องได้เข้าเกี่ยวข้อง เรื่องราวเป็นอย่างนั้นนะ จึงต้องได้ฟัดได้เหวี่ยงกันดังที่เห็นมานี้ละ เรื่องหัวใจเราจริงๆ จะมีอะไรวะ เท่านั้นพอ ไม่มี ในโลกอันนี้เราไม่มีเลย ขึ้นชื่อว่าสมมุติเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มี สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ ว่างตลอดเลย นี่ละนิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ตรงนั้น นิพฺพานํ ปรมํ สุญฺญํ สูญก็คือสมมุตินี้สูญโดยประการทั้งปวง ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในธรรมชาตินั้น ในนิพพาน

         นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ อันนั้นละที่เป็นความสุขเลิศเลอนอกสมมุติอีก ธรรมชาตินั้นไม่มีอะไร เพียงพลิกใจปั๊บกิริยาของจิตที่ออกใช้ปั๊บเดียวเท่านั้น เข้านี้ว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไร เวลาใช้กิริยาของจิตออกช่วยโลกช่วยสงสารก็ดังที่เห็นนี่ แสดงออกมาแบบโลกๆ เพราะโลกนี้มันเป็นโลก กิริยาอันนี้ก็ต้องออกมาจากขันธ์ ขันธ์ก็เป็นโลกเหมือนกัน ที่จะนำมาใช้ต่อโลกก็ต้องใช้แบบเดียวกับโลกไป หนักเบามากน้อย ดุเดือด เผ็ดร้อน ต้องเป็นไปด้วยกัน มีเหมือนกัน พอออกจากนี้แล้วหายเงียบเลยไม่มี เท่านั้นละนะ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก