เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๗
ปลดกิเลสออกจากใจไม่สนใจ
เวลานี้เขากำลังปลูกต้นกฤษณาหน้าวัด เป็นจังหวะฝนตกพอดี ชุ่มเย็น ต้นกฤษณานี้เวลาผลัดใบไม่พร้อมกัน อย่างต้นลำไยต้นอะไรนี้เวลาผลัดใบไม่ได้ผลัดพร้อมกันเหมือนไม้สัก ไม้สักนี้ผลัดหมดเลยเชียว กฤษณาไม่เป็นอย่างนั้น เหมือนไม้ตะเคียน ก็ชุ่มเย็นดีต่อไป ทางนู้นจะได้เป็นทำเลภาวนาของพระ ด้านไหนก็สงัดไปหมดแหละ มีร่มไม้แล้วอยู่ได้ทางด้านโน้น แต่เวลาเราตายไปแล้วจะมีพระมาอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่รู้นะ พูดตรงๆ อย่างนี้แหละ เวลานี้แน่นหมดข้างในนี้ รับได้แค่ ๕๐ องค์เท่านั้น กะไว้พอดีๆ ถ้าเพิ่มเข้าอีกก็แคบเข้าอีกที่ไม่สงัด นั่น เราจึงกำหนดไว้ให้พอดี ๕๐ บริเวณวัดนี้ก็พอดีกับพระ ที่อยู่สบายๆ ก็ ๕๐ องค์ ทางโน้นถ้าปลูกเข้าไปอีกพระก็ขยายออกไปอีกทางโน้น นอกกำแพงออกไปโน้น แล้วก็อยู่ได้ทั่วไปนั่นแหละ เวลาต้นไม้โตขึ้นก็ชุ่มเย็น เป็นป่าไปหมด จึงเริ่มปลูก หลายปีกว่ามันจะโตขึ้นมา เราอยากจะว่า ๙ ปี ๑๐ ปี เราตายไปแล้วละว่างั้นเลย ให้พระท่านมาอยู่
คำว่าหัวหน้าวัดก็ต่างกันอีก หัวหน้าวัดดีก็ดี แล้วลดลงตามคุณภาพๆ แบบเลอะเทอะนี่ใช้ไม่ได้เลย นั่นมันเป็นชั้นๆ อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ท่านไม่เอาใครเลย ก็มาหนักตอนอยู่หนองผือ เป็นเองไปเองจะว่าไง ท่านก็ทนเอา แต่อย่างไรก็ตามไม่ถึง ๔๐ นะ ระหว่างประมาณ ๓๖-๓๗ นี่หมายถึงอยู่ในวัดหนองผือ ที่อยู่ในที่ต่างๆ หมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้เยอะ บ้านละ ๓ องค์ ๔ องค์ ๕ องค์ รอบๆ แถวนั้น มีหมู่บ้านที่ไหนมีวัดๆ วัดกรรมฐานเรานี่ เวลามาลงอุโบสถนี้เต็มหมดศาลา สำหรับวัดหนองผือจริงๆ ก็อยู่เพียงประมาณ ๓๖-๓๗ อยู่ในย่านนี้ละ นอกจากนั้นไปมากกว่าในนี้ด้วยซ้ำไป มากกว่าในวัดหนองผือด้วยซ้ำไป คือมันมีรอบๆ หมู่บ้านแถวนั้น หมู่บ้านไหนมีสององค์อย่างน้อย สามองค์ สี่องค์ ห้าองค์ อยู่รอบๆ กันไปหมด พอวันอุโบสถก็มา
ฉันจังหันแล้วท่านก็มา เดินเรื่อย บ่ายโมงลงอุโบสถ พอลงอุโบสถเสร็จท่านก็ให้โอวาทสั่งสอนพระที่มาจากที่ต่างๆ ก็ได้ฟังตอนกลางวันวันอุโบสถ นอกจากท่านจะมาเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น สำหรับพระในวัดนั้นรวมกันฟังเทศน์เรื่อยๆ อยู่ ตอนนั้นเราอยู่ที่นั่นด้วย หากหาอุบายเอาจนได้นั่นแหละให้ได้ฟังเทศน์ เดี๋ยวท่านก็บอกให้ประชุม ถ้าธรรมดาท่านก็ไม่เอานะ เรามันก็ดื้อไปหลายแบบเหมือนกัน หาอุบายฟังเทศน์ หาอุบายให้ท่านประชุม หาอุบายพูดไป ท่านก็เมตตาให้ประชุมเทศน์ ในพรรษารู้สึกท่านจะตั้งใจอบรมเป็นระยะๆ นี่หมายถึงพระจำนวนมากที่มารวม แต่สำหรับที่เข้าไปหาท่านประจำ กลางคืนถ้าวันไหนท่านรับแขกก็ไปวันละ ๓ องค์ ๔ องค์เป็นประจำ
พูดคำไหนขึ้นมามีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมล้วนๆ เลยนะ ไม่มีเรื่องโลก ไม่มีเลย มีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมล้วนๆ เป็นการส่งเสริมจิตใจให้มีกำลัง แล้วก็ดูดดื่มทางความพากความเพียร ท่านอยู่อย่างนั้นแหละ มีมากขนาดไหนกลางวันเงียบเลยเหมือนไม่มีพระ วัดหนองผือกลางวันไม่ค่อยเห็นพระแหละในวัด โน่นอยู่ในป่า มันกว้างขวางมากมาย ทางจงกรมอยู่ในป่าๆ โน้น อยู่ในวัดที่จำเป็น คอยสังเกตดูแลท่าน ๒ องค์ ๓ องค์ กลางวี่กลางวันเงียบๆ คอยสังเกตดูท่าน นอกจากนั้นก็อยู่ห่างๆ และอยู่ทางจงกรมในป่ามาก พอถึงเวลาปัดกวาดก็ออกมา ปัดกวาดพร้อมกันพรึบๆ เลย ทำทุกอย่างพรึบพร้อมกันเลยๆ ไม่ต้องบอกกัน เพราะต่างคนต่างมาด้วยความตั้งใจ ข้อวัตรปฏิบัติตั้งใจทั้งนั้น
มีแต่เรื่องธรรมล้วนๆ ท่านอยู่ด้วยกัน เหมือนผ้าพับไว้ๆ อยู่อย่างนั้น ความเพียรของท่านเร่งตลอด ท่านไม่เคยสนใจกับการสร้างนั่นสร้างนี่ ไม่ให้ยุ่งเลย ไม่ได้บอกแต่ท่านไม่ยุ่งใครจะไปยุ่งล่ะ เขาจะมาทำอะไรให้ ทำทำไม เท่านั้นพอ ยุ่งหาอะไร นั่น เท่านั้นละ เหล่านี้เป็นที่อยู่ของพระทั้งนั้น อยู่ได้ทั้งนั้นท่านว่าอย่างนั้น แน่ะเห็นไหม นั่นละผู้มุ่งธรรมท่านไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายก่อนั้นสร้างนี้ยุ่ง กวนบ้านกวนเมือง กวนญาติกวนโยม ศรัทธาบอบช้ำกันไปหมดทั่วๆ กันไป ผลที่ได้มาก็เป็นเครื่องส่งเสริมกิเลสไปเสีย ไม่ได้ส่งเสริมธรรม สร้างนั้นมีแต่เรื่องส่งเสริมกิเลส ไม่ได้ส่งเสริมธรรม สร้างหัวใจ ทางความพากความเพียรนี้ส่งเสริมธรรม มันต่างกันนะ
ส่งเสริมธรรมมีความสงบร่มเย็น สง่าผ่าเผยภายในจิตใจ ความเฉลียวฉลาดก็แยบคายออกจากจิตนี่สำคัญ มันต่างกันนะ เราเรียนมาจากโน้นเรียนมาจากนี้ก็เรียนมา แต่เวลาเอาจริงเอาจังที่ละเอียดลออยิ่งกว่ากันไปแล้วคือภาคปฏิบัติ ความรู้ที่ออกจากภาคปฏิบัติละเอียดกว่ากัน นั่นต่างกันอย่างนั้นนะ อยู่กับท่านนั้นเหมือนกับว่า สวรรค์นิพพานอยู่ชั่วเอื้อม เรียกว่านิพพานเหมือนว่าอยู่ชั่วเอื้อมๆ ขยับๆ จิตใจมุ่งต่ออรรถต่อธรรมล้วนๆ ซึ่งเป็นการมุ่งต่อพระนิพพานนั่นแหละ ความพากความเพียรก็เร่ง มีตั้งแต่ทำความเพียรสร้างจิตใจทั้งนั้น ด้วยสมาธิภาวนา เดินจงกรม มีแต่สร้างจิตใจๆ
จิตใจเมื่อได้รับการบำรุงรักษาต้องเจริญเป็นธรรมดา เหมือนเขาบำรุงรักษากิเลส ไปที่ไหนมีแต่กิเลส มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ได้ประมาท ธรรมกลางๆ พูดตามหลักความจริงประมาทอะไร ดีบอกว่าดีอยู่แล้ว ชั่วก็ต้องบอกว่าชั่วซิ มีแต่ว่าโลกเจริญๆ โลกก็โลกกิเลสมันเจริญมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันเจริญอยู่ในหัวใจคน ยิ่งมันแสดงฤทธิ์ออกมาเมื่อไรแล้วเป็นบ้าไปทั่วโลก มีแต่กิเลสแสดงฤทธิ์ ธรรมแสดงที่ไหนไม่เห็นมี นี่ซิจึงว่าที่อยู่ของอรรถของธรรมไม่มี จึงเรียกว่าเขาโค ขนโค
เขาโคมีสองเขารู้สึกจะมากไป มีเขาเดียวมาก ดีไม่ดีเป็นโคหัวโล้นไม่มีเขา มีแต่ขนเต็มตัว อรรถธรรมวันหนึ่งไม่นึกถึง พุทโธ เลย พุทโธก็คือเขาโค นอกจากนั้นกิเลสเอาไปกินหมด เป็นขนโคไปหมดเลย พวกเรานี้พวกขนโคเต็มตัว ไม่มีเขาโคติดเนื้อติดตัวเลย ถ้ามีเขาโคก็มีสติสตัง จิตใจติดแนบกับสติกับปัญญา ความพากความเพียร นี่เรียกว่าเขาโคส่งเสริมตัวขึ้นให้แหลมเข้าไป คมเข้าไป มีสองเขามันก็แหลมก็คม ส่วนมากมีแต่ขนโคแหละ ย่นลงๆ เรื่องศาสนานี้ย่นลง
พูดนี้เราพูดตามหลักความจริง ที่ธรรมะออกอยู่บ้างเวลานี้ หลวงตาบัวละออก ไม่ว่าแง่ไหนหลวงตาบัวจะออกอยู่เรื่อยๆ แง่ตบแง่ต่อยหลวงตาบัวก็ออก แบบออกสังคมนี้ก็ออก แบบอรรถแบบธรรมก็ออก สังคมก็สังคมของธรรมแหละเข้าไปตีของสกปรก ไม่ใช่อะไรนะคำว่าสังคมของธรรม ออกทางโลกนี้ก็ออกไปตีของสกปรก ไปชะไปล้าง นอกนั้นไม่เห็นใครพูดวะ ดีไม่ดีอยากว่ามีแต่หลวงตาบัวปากเปราะองค์เดียวนี้พูด แล้วไม่ได้สะทกสะท้านกับใครด้วยเวลาจะพูดจะทำ เหตุผลกลไกลงในอรรถในธรรมแล้วพุ่งเลยๆ ไม่มีว่าจะไปกลัวนั้นจะไปเกรงนี้ ไปลูบหน้าปะจมูกไม่มี ตรงเป๋งๆ ไปเลย เราทำความเพียรฆ่ากิเลสก็แบบนั้นเหมือนกัน ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ฟัดกันเลย กิเลสไม่หงายเราหงาย เอากันอย่างจริงอย่างจัง
กิเลสมันเหนียวแน่นมั่นคงมาก ฉลาดมากที่สุดไม่มีอะไรเกินกิเลส ในโลกวัฏวนนี้กิเลสเป็นที่หนึ่ง มีวัฏฏะนี้ธรรมะเป็นที่หนึ่ง เข้าที่ไหนสงบร่มเย็นไปเรื่อยๆ เข้าในจิตของเราก็สติธรรม ปัญญาธรรม เข้ามาแล้วจิตก็สงบ ถ้าไม่มีสติธรรม ปัญญาธรรม กิเลสก็ออกเพ่นพ่าน แม้แต่ในวงศาสนาก็เป็นวงส่งเสริมกองมูตรกองคูถขึ้นมาเต็มวัดเต็มวา เต็มพระเต็มเณรไปหมดแล้วเวลานี้ เราจะว่าอะไรตั้งแต่ภายนอกให้ประชาชนญาติโยมมีความสงบร่มเย็น แม้แต่พระเราก็หาความสงบร่มเย็นไม่ได้ พระด้วยกันก็หาเรื่องหาราวใส่กัน ติดยศติดลาภ ปลดยศปลดลาภ ยุ่งไปหมดเวลานี้ มันสมบัติอะไรประสายศ
ลาภก็เรื่องของกิเลส ยศก็เรื่องของกิเลส ท่านให้ยศสมณศักดิ์ ส่งเสริมให้มีกำลังใจเพื่อบำเพ็ญธรรมต่างหาก ท่านไม่ได้ติดไว้ให้เป็นดินเหนียวติดหัวแล้วทะนงตน ว่าตนมีหงอนแล้วมีอำนาจใหญ่หลวง สั่งอย่างนั้นสั่งอย่างนี้ นี่ก็ทราบว่าทางจังหวัดเลยกำลังปลดเจ้าอาวาสหรืออะไรดะอยู่ทางโน้น เป็นเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้มีอำนาจไปปลดคนโน้นคนนี้ อำนาจที่จะปลดกิเลสออกจากใจไม่สนใจนะ มีแต่พอกพูนกิเลสเข้ามาหัวใจ เราฟังแล้วสลดสังเวช มันสมบัติอะไร เจ้าอาวาสไม่เจ้าอาวาส ใครอยู่ที่ไหนมีคนเคารพนับถือ เขายอมรับเอง เจ้าอาวาสไม่เจ้าอาวาสจะมีตราตั้งหรือไม่ตั้งเขาไม่เห็นสำคัญอะไร ตั้งหัวใจเจ้าของให้เป็นอรรถเป็นธรรมแล้วดีขึ้นเอง คนเคารพนับถือเอง ไปอยู่ที่ไหนเขาติดตามไปเลย ผู้ดีเป็นอย่างนั้น
ท่านตั้งมาเป็นขนบประเพณีของที่อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ ตั้งไปอย่างนั้น แต่ก่อนไม่มี เรื่องตั้งอย่างนี้ไม่มี ตั้งเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด แล้วก็ขึ้นเจ้าคณะภาค ตั้งนั้นตั้งนี้ มีแต่มาตั้งทีหลังกันทั้งนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าไม่มี แต่ความเคารพเลื่อมใสกันนี้ไม่มีอะไรจะเกินครั้งพระพุทธเจ้า สงบร่มเย็นไปหมด นี่ตั้งขึ้นเท่าไรๆ ยิ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กัน ผู้มีอำนาจก็อำนาจของกิเลสไปเสีย แสดงกิริยาออกมาก็เป็นกิเลสตีกระจัดกระจายให้เหม็นคลุ้งไปหมด อย่างที่ใครมาพูดให้ฟัง เราพูดตามที่เราได้ยิน ว่าทางจังหวัดเลยนี้ไม่ทราบว่ากี่ร้อยองค์ เราสลดสังเวชนะ มันสมบัติอะไร ศีลธรรมในตัวที่พระพุทธเจ้าให้รักษาไม่สนใจ อำนาจที่จะบีบบังคับความชั่วของตัวไม่สนใจ ไปบีบบังคับคนอื่นๆ ให้บอบช้ำน้ำใจ
เจ้าอาวาสวัดหนึ่งมีกี่บ้านกี่หลังคาเรือนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระ เป็นเจ้าอาวาสวัดนั้นวัดนี้ ให้ความร่มเย็นขนาดไหน ถ้าเป็นพระเจ้าอาวาสที่ตั้งใจปฏิบัติตัวดี ไปที่ไหนเย็นหมด รอบนั้นมาหมดนั่นแหละ หัวใจของประชาชนอยู่กับเจ้าของวัด เจ้าอาวาสวัด ตั้งใจปฏิบัติดีเท่าไรก็ยิ่งชุ่มเย็นมากมาย อยู่ๆ ก็ไปหาตั้งเอา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง คำสั่งเราก็ไม่ทราบว่าเป็นคำสั่งของขี้หมู หรือคำสั่งของขี้หมา เราก็ไม่ทราบนะ เราไม่ทราบก็บอกเราไม่ทราบ โง่เราก็บอกว่าเราโง่ เข้าใจไหม มันปลดกันหาอะไร ด้วยเรื่องราวอะไร
พระบวชมาแล้วตั้งหน้าปฏิบัติในศีลในธรรมตามเพศของตน นั้นถูกต้องตามเรื่องของพระ ปฏิบัติศีลธรรมประจำในตน ไปยุ่งอะไรไม่เข้าท่าเข้าทางให้เกิดความเดือดร้อน กลายเป็นโลก เลยโลกไปเสียอีกมันดูไม่ได้นะ เวลานี้พระเรากำลังยุ่งมาก ตัวยุ่งอยู่กับพระเราแหละเวลานี้ ยุ่งไปทุกหย่อมหญ้าเลย ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นพระเรา น่าจะร่มเย็น พระไปที่ไหนชุ่มเย็นไปที่นั่นๆ อย่างนั้นถูกต้องตามหลักของศาสนา แต่นี้พระไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ดีไม่ดีก็มากัดกันเหมือนหมา ก็อย่างว่านี่แล้ว ถอดนั้นถอดนี้ เป็นเรื่องกัดกันนั่นแหละจะเป็นเรื่องอะไร ศีลธรรมท่านไม่กัด ใครผิดพลาดประการใดเตือนกันบอกกัน ปวารณาทุกปีๆ ออกพรรษาคือวันปวารณา วันปวารณาก็เปิดโอกาสแนะนำตักเตือนสั่งสอนกันได้ ใครผิดถูกประการใดก็แนะนำตักเตือนสั่งสอนกันได้ เปิดโอกาสให้กัน นั่น วันออกพรรษาทุกปีมีทั่วประเทศไทย ปวารณากัน
แต่แล้วคำนั้นมันไปไหนหมด ที่ว่าให้ปวารณาแนะนำตักเตือนสั่งสอนกันได้ มีแต่บีบบังคับด้วยอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ เบ่งในเรื่องยศเรื่องลาภ มันบ้าอะไรก็ไม่รู้ นี่ละพระเป็นบ้า ดูสมัยปัจจุบันนี้ก็แล้วกัน โอ๋ย กัดกันเหมือนหมูเหมือนหมาให้ประชาชนเขาหัวเราะ ใครจะไปเคารพเลื่อมใสหมากัดกันในเพศหัวโล้นๆ ตั้งใจปฏิบัติตัวให้ดิบให้ดีซี ตามศีลตามธรรมพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่มีที่ตำหนิกัน พระอยู่ด้วยกันก็ร่มเย็นด้วยกัน มีหลักธรรมหลักวินัยด้วยกัน มาจากแห่งหนตำบลใดมาอยู่ด้วยกันประหนึ่งว่าอวัยวะเดียวกัน ถ้าเป็นลูกพ่อเดียวแม่เดียวกันก็ยังมีทะเลาะกันบ้าง ถ้าอวัยวะเดียวกันอย่างนี้ไม่ทะเลาะ สนิทกันเข้าไปอย่างนั้น
องค์ไหนก็มีข้อวัตรปฏิบัติ ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกัน จะเป็นชาติชั้นวรรณะใดชาติใดก็ตาม เข้ามาแล้วหลักธรรมวินัยเป็นอันเดียวกัน อยู่กันด้วยความสนิทใจ นี่ละพระแท้เป็นอย่างนี้ นี่มันไม่มีแต่พระหัวโล้นๆ โกนคิ้ว เอาดินเหนียวมาติดหัวแล้วไปที่ไหนโอ่อ่าฟู่ฟ่า ว่าข้าเป็นนั้น ข้าเป็นนี้ ด้วยความทะนงตัวในใจ ดูไม่ได้พระแบบนี้น่ะ ต้องพระเป็นผู้หนักแน่นในศีลในธรรม ไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ายิ่งกว่าศีลกว่าธรรมในโลกอันนี้ มิหนำซ้ำพระบวชมาแล้วสละหมดด้วยนะ เศรษฐี กุฎุมพี พระราชามหากษัตริย์ เสด็จออกมาบวชแล้วเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มีใครถือใครเลย เป็นลูกศิษย์ตถาคตแบบเดียวกัน ครั้งพุทธกาลมีประจักษ์ในแบบแผนตำรับตำรา ท่านออกมาท่านสละไปหมด
อันนี้ทำไมบวชมาแล้วไปหากว้านยิ่งกว่าโลกสงสารเขาเสียอีก หากว้านความสกปรกซึ่งไม่ใช่เรื่องของพระ เรื่องของพระเป็นศีลเป็นธรรมล้วนๆ ปฏิบัติตนให้เป็นคนดี ไปที่ไหนก็ร่มเย็น เดี๋ยวนี้มันไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรมนะพระเราน่ะ ว่าตรงๆ อย่างนี้แหละ มันเป็นบ้ายิ่งกว่าโลกเขาเสียอีก วิ่งตามโลก มันเลยโลกไปแล้ว กลายเป็นบ้ายศบ้าลาภบ้าสรรเสริญ บ้ายกยอ บ้าดินเหนียวติดหัว ไปหมดแล้วเวลานี้ แล้วศีลธรรมมีที่ไหน ไปดูซิไปดูวัดหนึ่งๆ สร้างวัดหรูหราฟู่ฟ่า ครั้นไปแล้วมีแต่ส้วมแต่ถานอยู่ในวัด ดูพระดูเณรปฏิบัติอย่างไรดูไม่ได้เลย สถานที่อยู่ก็เป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็เป็นส้วมเป็นถาน เป็นตัวมูตรตัวคูถประจำอยู่ตามกุฏิต่างๆ ไปเสีย นี่คือผู้เลวไปทางกิเลสตัณหาความสกปรก
ผู้ดีอยู่ที่ไหนดี อยู่หอปราสาทท่านก็ดี เราไม่ได้ตำหนิหมดนะ ผู้ดีอยู่หอปราสาทก็ดี อยู่ร่มไม้ชายคาก็ดี ถ้าเลวแล้วไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเอากองมูตรกองคูถไปฟาดขึ้นบนหลังคา ก็เหม็นอยู่บนหลังคา เอาลงมาที่หลับที่นอนหมอนมุ้ง มันก็มาเหม็นอยู่ที่นอนหมอนมุ้ง นั่นละความสกปรกมันไม่ได้ดี เรายิ่งสลดสังเวช ยิ่งจวนตายเท่าไร เห็นความผาดโผนโจนทะยานของพระเราไปในทางที่ไม่ถูก ออกนอกลู่นอกทางไปแล้วมันดูกันไม่ได้นะ เวลานี้พระเลยไม่มีอะไรจะเป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อกัน เรื่องตั้งไว้-ตั้งไว้อย่างนั้นแหละโก้ๆ เจ้าคณะนั้น เจ้าคณะนี้ ฟาดขึ้นไปจนกระทั่งถึงมหาเถรสมาคม ตั้งขึ้นไปสุดแล้วล้มเหลวไปตามๆ กัน หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้มีความหมายอะไร นี่เราพูดตามอรรถตามธรรม ถ้าดีแล้วตั้งขึ้นไปมันก็ดี ไม่ตั้งก็ดี ถ้าลงเอาศีลธรรมตั้งเข้าในหัวใจ กาย วาจาแล้ว จะตั้งเหล่านั้นก็ดี ไม่ตั้งก็ดีอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่ดีแล้วตั้งสักกี่ร้อยตั้งก็เถอะ เป็นอย่างนั้นแหละ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ กลายเป็นถือพรรคถือพวกไปละ มันจะเป็นแล้วนะพระ
ศีลธรรมจะไม่มีแล้วนะประจำประเทศไทยซึ่งเป็นชาวพุทธ พวกญาติโยมก็เลอะเทอะไปแบบหนึ่ง สุดเหวี่ยงของประชาชน พระก็สุดเหวี่ยงของพระ วิ่งไปตามกิเลสพวกมูตรพวกคูถแบบเดียวกันหมด เลยหาผู้ที่จะมองดูอรรถดูธรรมไม่มีแล้วนะเดี๋ยวนี้ แทบจะไม่มีแล้วนะ ถึงขนาดนั้นละ กิเลสมันมีอำนาจมาก เอากิเลสมาเป็นยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวง โอ่อ่าฟู่ฟ่า ให้โลกเขากราบ ใครจะไปกราบกองขี้ ถ้าเป็นศีลธรรมอยู่ไหนก็กราบคนเรา ถ้าไม่กราบไม่กราบ ถ้าลงไม่น่ากราบแล้วกราบหาอะไร ก็เท่านั้นเอง มันเลอะเทอะขนาดนั้นละเวลานี้ โห กิเลสพิลึกพิลั่นจริงๆ
ในวัดนี้เราจึงต้องกำชับกำชา แต่พระเหล่านี้ไม่ได้ตักเตือนสั่งสอนท่าน ดุด่าท่านอะไร ท่านเรียบร้อยมาอยู่แล้ว เรียบร้อยอยู่เป็นปรกติแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติศีลธรรม สำหรับในวัดนี้เราไม่ค่อยได้ดุด่าว่ากล่าวพระเณร ปรกติท่านก็ดีอยู่แล้ว แล้วท่านก็เคารพด้วย เคารพหัวหน้าวัด ไม่เลื่อมใสไม่ศรัทธา ไม่ลงใจ ท่านเคารพหาอะไร เท่านั้นก็รู้แล้ว แล้วเราไปทำความผิดอะไรให้ท่านขาดความเคารพ ให้ท่านดูถูกเหยียดหยาม เราก็ไม่มี ดูตัวของเราก็สมบูรณ์เต็มที่อยู่แล้ว พระเณรดูเข้ามาจะไม่รู้ยังไง ทีนี้เราดูพระเณรองค์ไหนบกพร่องเราก็เตือนแล้ว นั่น เมื่อไม่บกพร่องเตือนท่านหาอะไร สอนท่านหาอะไร แน่ะ ถ้าธรรมมองดูปั๊บอยู่ด้วยกันได้สบายเลย
นี่พูดถึงเรื่องการถอดยศถอดเจ้าอาวาส เราสลดสังเวชนะ ถอดไม่ถอด ตั้งไม่ตั้งเป็นปัญหาอะไรเจ้าอาวาส เขาเคารพนับถือให้เป็นหัวหน้า เขาเคารพนับถือก็เป็นหัวหน้าไปเรื่อยๆ อย่างนั้น อย่างหลวงตาบัวมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยที่จะไปยุ่งกับเรื่องเจ้าอาวาส ท่านตั้งที่ไหนก็ไม่รู้นะ เราไม่สนใจ หรือใครอยากมาถอดก็มาถอดซี ยกโคตรมาถอดก็มาถอด ถอดหลวงตาบัว ให้หมด มีกี่โคตรเราจะให้หมด ยศของเรามีเท่าไรๆ ทุ่มให้หมดเลย ให้มันแบกหลังหักกลับบ้านนั่น เข้าใจไหม แบกยศ ถอดจากเราแล้วก็แบกกลับบ้าน เราไม่สนใจ แต่การปฏิบัติความดีเราพูดจริงๆ เราหาที่ตำหนิเราไม่ได้ เราพูดตรงๆ ยืนเดินนั่งนอนไม่มีอะไรที่บกพร่องพอจะให้ตำหนิ
แล้วพระที่ท่านมาอยู่ด้วยท่านก็มีหูมีตา ท่านจะไม่รู้ได้ยังไงใช่ไหม เมื่อเป็นเช่นนั้นดุไม่ดุท่านก็กลัว พออย่างนี้เราก็ยกเป็นตัวอย่างขึ้นมา เราอยู่กุฏินั่น ออกมาทางสายนั้น แต่ก่อนคนไม่ค่อยมีมาก พระก็จำกัดจำเขี่ยเอาอย่างจริงจัง นี่ละที่ว่าร่ำลือว่าหลวงตาบัวดุ ใครก็กลัวกันทั้งประเทศนั้นแหละ เราก็เดินด้อมๆ มาโน่นมาช่องนั้น เราจะลงไปน้ำบ่อ พระท่านฉันน้ำร้อนตอนบ่ายโมงสองโมง ท่านฉันอยู่นี้ ครัวนี่น่ะ พอเห็นเรามาเท่านั้นแตกฮือเลย กลัวบ้าอะไรเราก็ไม่รู้นะ แตกฮือเลย เราก็เดินลงไปนู่นไปดูนั้นดูนี้ เสร็จแล้วก็มาโผล่ที่นี่ เห็นพระอยู่ในครัวนั้นองค์เดียว ครัวต้มน้ำร้อน มานี่เห็นแก้วน้ำแก้วอะไร โกโก้ กาแฟ สาดกระจัดกระจายอยู่ตามนั้น
อ้าว นี่ทั้งกินทั้งเททิ้งด้วยหรือ เป็นยังไงถึงต้องสาดกระจัดกระจายอย่างนี้ แก้วนั้นตก แก้วนี้ตก พระเผ่น กลัว นู่นเห็นไหมล่ะ แล้วเป็นยังไงจึงทำอย่างนี้ พระเห็นท่านอาจารย์มาท่านกลัว ลุกไม่ทันเตะแก้วไปเลย ต่างองค์ต่างเผ่นเลย มันกลัวหาอะไรเราไม่ใช่สัตว์ใช่เสือใช่ยักษ์ใช่ผี แล้วกลัวหาอะไร กลัวแบบนี้ใช้ไม่ได้ นั่นเอาอีกแล้วนะ กลัวต้องมีอรรถมีธรรม กล้าต้องมีอรรถมีธรรม ทำอย่างนี้ใช้ไม่ได้ จะให้เราชมเชยความกลัวอย่างนี้เราไม่ชม นั่นเห็นไหมล่ะ มันก็ไปอีกแบบหนึ่ง นี่เป็นตัวอย่างอย่างนี้ มันกลัวเอง แก้วตกไปเลย แต่กลัวอย่างนั้นหนีไปไหนไม่ยอมหนี กลัวหากไม่หนี นี่ละดูซี
พูดถึงเรื่องเรากับพระกับเณร ท่านเป็นธรรมชาติของท่านอย่างนั้น อย่างที่เราออกช่วยโลกช่วยสงสาร เราไม่ไปเกาะไปเกี่ยวไปชักไปชวนท่านนะ ที่ท่านช่วยโลกเราผ่านมาหยกๆ นี่นะ อยู่ที่ไหนๆ รวมหัวกันมาช่วยหมด ก็เพราะความเคารพเป็นพื้นฐานมาอยู่แล้วกับเรา บรรดาพระเณรทั้งหลายมีความเคารพเป็นพื้นฐาน ไม่มีข้อด่างพร้อยอะไร ปฏิบัติตัวเรียบร้อยมา เป็นที่เคารพมาโดยลำดับ ทีนี้พอเราเอียงไปทางไหน ทางนั้นก็ช่วยเต็มกำลังความสามารถ เช่นอย่างช่วยชาติบ้านเมืองเวลานี้ วงกรรมฐานเป็นที่หนึ่งออกหมด มีเท่าไรทุ่มมาหมดๆ เป็นน้ำใจของท่าน เราไม่ไปหารบกวน ให้มันเป็นด้วยน้ำใจชุ่มเย็นดี ไม่ได้บังคับ
องค์ไหนก็ตาม จะเป็นหัวหน้าที่ไหน ตั้งใจปฏิบัติตามศีลตามธรรมอยู่ตามสภาพของตน ตั้งหรือไม่ตั้งก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ตั้งให้เป็นนั้นเป็นนี้ ทำตัวของเราให้ดีแล้วก็ดี แล้วตั้งแล้วก็มาถอดมาถอน มันบ้า คนหนึ่งมาตั้ง จะว่าเป็นบ้าหรือเป็นดีก็ไม่ทราบ ไอ้ผู้มาถอดมาถอนก็มาถอดมาถอนไป ถืออำนาจป่าเถื่อนบ้า เบ่งเสีย โหย น่าทุเรศนะไอ้พระเบ่งไม่เข้าท่านี่ ว่างั้นแหละเรา ศีลธรรมแท้ๆ แล้วไม่มีปัญหาอะไรเลย อยู่ด้วยกันเป็นอวัยวะเดียวกันไปเลย เพราะศีลธรรมเป็นแบบฉบับ ถือด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกัน เป็นแบบเดียวกันเลย ไม่มีใครจะตำหนิติเตียนใครได้ เพราะต่างองค์ต่างไม่ได้ผิดจากหลักจากศีลจากธรรม เรียนมาด้วยกัน รู้ด้วยกัน ปฏิบัติแบบเดียวกันแล้วอยู่ด้วยกันผาสุกร่มเย็น
การอยู่การกินก็แยกแจกกัน เห็นไหมล่ะเวลาท่านแจกอาหาร ดูไหมล่ะ เป็นอย่างนั้นละ เป็นอรรถเป็นธรรมทั้งนั้น เหมือนอวัยวะเดียวกัน พอส่งเข้าไปในมุขทวาร มันกระจายไปหล่อเลี้ยงร่างกายทุกสัดทุกส่วน ให้มีอายุยืนนานไปได้จนกระทั่งถึงอายุขัย เข้าไปทวารเดียวกัน ตกมานี้ปั๊บกระจายทั่วถึงกันหมด ให้เป็นอรรถเป็นธรรม ความสนิทต่อกันก็เป็นไปจากอันนี้เอง มันเหมือนอวัยวะเดียวกัน ถ้าไม่เป็นธรรมอย่างไรก็ไม่เป็น จะตกจะแต่งไปไหนก็ยิ่งเลว เกาที่นั่น เกาที่นี่ เหมือนหมาเกาหมัดไป คันไม่คันก็เกาดะไปเลย มันเลอะไปแล้วนี่เกาทั่วไปหมด ถ้าตั้งใจปฏิบัติตามอรรถตามธรรมพระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว เกาไม่เกามีปัญหาอะไร ดูตัวของเราดีเรียบร้อยแล้วสงบเย็น นั่น เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านั้น ให้พร
ผู้กำกับ มีข้อเขียนขออนุญาตอ่านถวายนะครับ ข้อเขียนเกี่ยวกับแผนการอันตรายของพุทธศาสนา มี ๔ ข้อครับ แผนการอันตรายเริ่มเป็นผลปี พ.ศ.๒๕๓๘
ข้อที่หนึ่ง ยึดครองระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
ข้อสอง ทำลายกลุ่มชาวพุทธที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ข้อสาม ทำลายพระภิกษุสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย(พระกรรมฐาน)
ข้อสี่ ยึดการปกครองพระศาสนา
๔.๑ ปลดประมุขสงฆ์
๔.๒ ครอบครองศาสนสมบัติ
๔.๓ ยึดการปกครองคณะสงฆ์ โดยให้ฆราวาสปกครองคณะสงฆ์
หลวงตา นั่น เดี๋ยวนี้เป็นแล้วเห็นไหมล่ะ มาตามแผนนี่ละ สำนักพุทธศาสนานี้มันเป็นเทวทัตรบกับพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า ใครมาตั้ง ว่างั้นเลย จี้เข้ามาหาคนเข้ามาทำงานแบบเทวทัต เข้าใจไหม นี่เริ่มออกแล้วนะ ทางนั้นออกทางนี้ก็เริ่มออกแล้ว ไม่มีใครมีคนเดียวเท่านี้ นี่ละแผนการฟังเอาซิ จะทำลายทุกอย่าง เมืองไทยจะไม่ให้มีเหลืออยู่เลย อะไรที่ดิบที่ดี แผนการมาจากไอ้ใหญ่ๆ จมูกโด่งๆ มาเป็นนายเหนือหัวอยู่นี้ มันก็เป็นนายเหนือหัวคนไทยทั้งประเทศแหละ จำให้ดีนะ
ผู้กำกับ ลูกศิษย์หลวงตาเขารายงานมาครับ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๗ กราบนมัสการหลวงตามหาบัว ด้วยกระผมได้รับฟังการบรรยายธรรมของ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหลายครั้ง และรู้สึกสลดใจ ข้อความในการบรรยายธรรมมีดังนี้
ข้อที่หนึ่ง หลวงตามหาบัวอ้างตนเองว่าเป็นพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ถือว่าเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม ผิดต่อพระธรรมวินัยถึงขั้นปาราชิก
ข้อที่สอง การที่หลวงตามหาบัวอ้างตนเองว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และจัดโครงการผ้าป่าช่วยชาติ ถือเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อและร่วมทำบุญ มีความผิดตามกฎหมายเรี่ยไรและอาญาแผ่นดิน ฐานฉ้อโกงประชาชน
ความผิดทั้งสองประการข้างต้น พล.ต.ท.อุดม เจริญ จะให้คณะสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการสอบสวน และแจ้งความดำเนินคดีให้แล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.ท.อุดม เจริญ จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.ศกนี้
หากมีความเคลื่อนไหวเป็นประการใด กระผมจะกราบนมัสการให้หลวงตาทราบในโอกาสต่อไป ขอกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
หลวงตา อย่าด่วนเกษียณ ให้พร้อมเพรียงกันอยู่กันหมดทั้งโคตรนั้นเลย ตอบเท่านั้นพอแล้วไม่ใช่เหรอ
ผู้กำกับ อีกฉบับหนึ่งเกี่ยวกับคุณทองก้อน ครับ เรียนคุณทองก้อน วงศ์สมุทร กระผมได้ติดตาม พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปเพื่อบรรยายธรรมในหลายจังหวัด ท่านบอกว่าเป็นผู้ชักชวนให้ตำรวจในกรมตำรวจมาปฏิบัติธรรมประมาณสองถึงสามแสนคน เพื่อให้รู้หลักพระพุทธศาสนา ไม่ต้องถูกหลอกลวง ขณะนี้มีผู้ใกล้ชิดหลวงตามหาบัว ซึ่งหมายถึงนายทองก้อน วงศ์สมุทร อาศัยหลวงตาแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งจากเงินผ้าป่าช่วยชาติและเงินจากต่างประเทศ ขณะนี้ได้มอบหลักฐานทั้งหมดให้กับสำนักงาน ป.ป.ง.สอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ได้รับรายงานในเบื้องต้นว่า
ข้อที่หนึ่ง นายทองก้อน วงศ์สมุทร ไม่มีอาชีพ แต่มีเงินฝากธนาคารร่วมพันล้านบาท โดยได้รับจากเอ็นจีโอและผ้าป่าช่วยชาติ ย่อมมีความผิดด้านความมั่นคงของประเทศ
ข้อที่สอง นายทองก้อน วงศ์สมุทร ได้อาศัยหลวงตามหาบัว นำเงินผ้าป่าช่วยชาติบางส่วนฝากธนาคารในนาม นายทองก้อน วงศ์สมุทร ย่อมมีความผิดตามกฎหมายอาญา
ทั้งสองกรณีนี้ให้สำนักงานพระพุทธศาสนา ติดต่อประสานงานกับสำนักงาน ป.ป.ง.เพื่อดำเนินคดี ก่อนที่ท่าน พล.ต.ท.อุดม เจริญ จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.ศกนี้ ขอแสดงความนับถือ
หลวงตา บอกทั้งโคตรให้รอไว้ก่อน พล.ต.ท.อุดม อย่าด่วนเกษียณ มีเท่านั้นละ ฟังซิพี่น้องทั้งหลายเห็นไหม เราบอกแล้วว่าเสี้ยนหนามศาสนากำลังใหญ่โต เวลานี้จะครอบประเทศไทย ฟังเอาซิผิดไหมล่ะ เหล่านี้มันเอามูลความจริงมาจากไหน หาแต่เรื่องปลุกปั่นกันตลอดเวลาจะทำลายๆ ตลอด ดังที่เขียนไว้สี่ห้าข้อนั่น นี่กำลังจะทำลายศาสนา ปั้นขึ้นมาๆ ยกตัวอย่างเช่นคุณทองก้อนกับเรา เห็นไหมล่ะ คุณทองก้อนเคยมามองดูเงินสักบาทไหมเงินผ้าป่า นี่มันยังว่าคุณทองก้อนยักยอกเอาเงินเราไปฝากเท่านั้นๆ ฟังซิ มันตั้งหน้าโกหกเอาเสียจริงๆ หน้าด้านที่สุดคือพวกเทวทัตสดๆ ร้อนๆ นี้ พี่น้องชาวไทยได้รู้กันแล้วยัง ปั้นขึ้นมาๆ เพื่อทำลายๆ ไม่มีความจริงอะไรเลย ข้อสำคัญที่สุดคือว่าคุณทองก้อนกับเรานี้ เกี่ยวกับเรื่องยักยอกเงิน สตางค์หนึ่งก็ไม่เคยมี แล้วคุณทองก้อนไม่เคยมามองดูกรรมการนับเงินทั้งหลายเลย ใครเห็นที่ไหน นี่มันก็ปั้นขึ้นมา ปั้นขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ให้คนเชื่อ ใครจะเชื่อถ้าไม่ใช่บ้า นอกจากมันเลยบ้าไปแล้วมันพูดไปได้ทุกอย่างเท่านั้นเอง ให้พากันจำเอาทุกคนๆ เวลานี้มีแต่หลวงตาผู้เดียวฟัดกันอยู่นี้นะ ในวงคณะสงฆ์ก็มีเราองค์เดียวเท่านั้น เราตายแล้วกลืนได้ง่ายมากนะ เวลานี้ยังค้ำคอมันอยู่มันยังไม่กล้า
ผู้กำกับ เขามี ปล.ว่า พล.ต.ท.อุดม เจริญ แจ้งที่ประชุมหลายแห่งว่า หลวงตามหาบัว ปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติเพื่อหนีความผิด
หลวงตา ฟังเอาซิ จะตอบเขาว่า พล.ต.ท.อุดม นั้นถูกต้องสุดยอดแล้ว อู๊ย ทุเรศ
ผู้กำกับ อันนี้หนักใหญ่ครับเขาว่า เจ้าอาวาสที่มาร่วมเดินขบวนกับหลวงตามหาบัว เพื่อต่อต้าน พล.ต.ท.อุดม เจริญ ต้องปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส
หลวงตา ปลดออกหมด หลวงตาบัวทำไมไม่เห็นมาปลดล่ะ ก็หัวหน้าใหญ่ มันควรจะมาปลดตรงนี้ก่อนใช่ไหม มันไปปลดอะไรขี้หมูขี้หมาอย่างนั้น พวกนี้เซ่อมาก โง่มาก เลวมากที่สุด ไปเกาในที่ไม่คัน ที่คันไม่เกา ร้ายยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน เข้าใจไหม อู๊ย พูดเราไม่อยากเล่นด้วยนะ คือสกปรกเกิน นี่เราตอบไปเพื่อประชาชนจะได้ฟังต่างหาก สำหรับเราเองเราไม่มีอะไร ปาราชิก ปาไหนก็ปาเถอะน่ะเรา มันมาพูดได้อย่างนี้เห็นไหม ตั้งหน้าตั้งตาทำลายชาติทำลายศาสนาอย่างหน้าด้านสุดยอดคือพวกนี้เอง เต็มยศ เต็มที่เลย อู๊ย ทุเรศนะเรา เอาให้ดีนะทุกคนๆ เหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ฟังเอาซิ หลวงตาบัวเรี่ยไรเงิน เดี๋ยวนี้กำลังเผ่นหนีความผิด อู๊ย น่าทุเรศ
เคยพูดกับท่านนายกท่านบ้างเหมือนกัน เอามาไว้ทำไมสำนักพุทธศาสนาคนประเภทนี้น่ะ พูดกับนายก นายกมาเยี่ยมวันนั้น เอามาไว้ทำไมฟืนไฟมาเผาศาสนา ไว้ที่สำนักพุทธศาสนาเวลานี้ ท่านก็เลยแก้ว่า นี่มันกำลังจะเกษียณอายุแล้วแหละ แต่นี้ไปถึงวันเกษียณอายุมันก็เผากันแหลกเป็นเถ้าถ่านไปแล้วนะ เราก็ว่าอย่างนี้อีก ท่านก็เลยยิ้ม ก็ลูกศิษย์กับอาจารย์พูดกันนี่วะ ไม้ขีดไฟก้านเดียวเผาปุ๊บเดียวเท่านี้หมดเลย มันจะถึงเกษียณอายุอะไร ท่านยิ้ม ก็ลูกศิษย์กับอาจารย์ฟัดกันนี่วะ คุยกันสนุก เข้าใจไหม เราไล่เบี้ย นี่เอาเข้ามาทำไมมันมาเผาศาสนาอยู่เวลานี้ เราว่างั้น เด็กอมมือเขาก็รู้ มีเท่านั้นละ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |