การขัดแย้งไม่สมควรแก่ชาติไทยเรา
วันที่ 5 เมษายน 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

การขัดแย้งไม่สมควรแก่ชาติไทยเรา

แม้จะปิดโครงการแล้วก็ตาม แต่การช่วยชาติของเราที่มีผู้ศรัทธามาอุดหนุนอยู่ตลอดเราก็ต้องรับไปตลอด ปิดก็ปิดส่วนใหญ่ที่ได้ออกประกาศไว้แล้ว ส่วนย่อยที่มาตามอัธยาศัยมาเรื่อยๆ เราก็รับเรื่อยๆ ตาม พอถึงกาลเวลาพอสมควรแล้วเราก็จะประกาศปิดหมดเลย คือหยุดหมด ถือเป็นปกติธรรมดาทีนี้ ไม่บริจาคละ หลังจากนี้ไปไม่นานเราก็จะประกาศให้ทราบ แม้เช่นนั้นที่มีมาเราก็ต้องปฏิบัติตามเดิม จะประกาศให้ประชาชนทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ว่าเรามีวันก้าวเดิน มีวันหยุดนะ พอว่าหยุดหมดก็เป็นอันว่าการก้าวเดินหยุดหมด ผู้ที่มาบริจาคเป็นส่วนย่อยตามอัธยาศัยก็จำต้องรับกันอยู่โดยดี และปฏิบัติตามเดิม

พุ่มผ้าป่าคิดกันเรียบร้อยแล้วนะ พุ่มผ้าป่าของเราจะเรียบร้อยสวยงามยังไงบ้างได้ปรึกษากันให้ดีนะ เราก็เป็นแต่เพียงเตือนให้ทราบเท่านั้นแหละ คราวนี้เป็นพุ่มผ้าป่าที่น่าดูบ้างเพราะจะเข้าในสังคมใหญ่ของชาติไทยเรา ควรจะเป็นผ้าป่าเป็นพุ่มๆ งดเรื่องผ้าป่าเราทำทั่วๆ ไปเสีย ต้นผ้าป่าประเภทต่างๆ เรางดทั้งหมด เราเปลี่ยนจากนั้นเข้ามาเป็นพุ่มผ้าป่า เข้าสู่จุดรวมใหญ่คือหัวใจของชาติเรา ที่สวนอัมพรที่รวมนะ รวมสมบัติจะรวมที่นั่น

กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ที่หลวงตานำธรรมมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายทั้งด้านวัตถุและทางด้านจิตใจนี้นำมาด้วยธรรมล้วนๆ มีความมุ่งประสงค์อยากให้ ชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคงทั้งด้านวัตถุทั้งด้านจิตใจ ที่มีต่อกันในประเทศไทยของเราเป็นอย่างน้อย ควรจะมีความประสับประสานซึ่งกันและกัน ชาติไทยประหนึ่งว่าเป็นอวัยวะเดียวกัน ไม่ควรที่จะทำลายอวัยวะตน แขนซ้ายแขนขวาถูกแขนไหนเจ็บอวัยวะตัวเองทั้งนั้นแหละ ในอวัยวะนี้ถูกตรงไหนก็ถูกอวัยวะตัวเอง จะว่าแขนซ้ายชนะแขนขวา แขนขวาแพ้มันก็เจ็บอยู่ในอวัยวะของเรา เราเป็นผู้รับเคราะห์ความแพ้ ความชนะ ความทุกข์ทั้งหลายระหว่างแขนซ้ายแขนขวาของอวัยวะอันเดียวกันรบกัน

ในอวัยวะของเราทั้งหมดเราควรรักสงวน ดังที่เขาเป็นมาแล้วโดยหลักธรรมชาติของเราทุกคนๆ ร่างกายทุกคนมีความรักสงวนเป็นหลักธรรมชาติ กระจายออกไปก็เป็นความรักชาติ ความรักชาติต้องมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน อย่าเห็นแก่ทิฐิมานะ มาโดนกัน ทะเลาะเบาะแว้ง หวังเอาแพ้เอาชนะจากกัน ซึ่งเทียบกับแขนซ้ายแขนขวา มันไม่เกิดประโยชน์อะไรนะ ทำให้ชาติอื่นๆ เขามองมาแล้วเขาดูถูกเหยียดหยามซ้ำเติมเข้าไปอีก ว่าเมืองไทยนี้ไม่มีราค่ำราคาอะไร เมืองก็ไม่เป็นเมืองใหญ่เมืองโตอะไร เพียงเท่านี้กิจการงานอะไรเกิดขึ้นมาแทนที่จะช่วยกันสนับสนุนตามเหตุที่ดีที่งาม กลับเป็นการขัดการแย้ง การทำลายซึ่งกันและกันอย่างนี้ไม่สมควรแก่ชาติไทยของเราซึ่งเป็นเมืองพุทธเลย

เมืองพุทธท่านประสับประสานกันนะ ผิด ถูก ชั่ว ดี มีได้ด้วยกันทุกคน ไม่ใช่ไม่มี ใครจะมีความรู้สูงต่ำขนาดไหนมีได้ด้วยกัน เมื่อมีได้ เรามีได้เขาก็มีได้ เมื่อต่างฝ่ายต่างมีได้ ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังให้ยอมรับความผิด ถูก ชั่ว ดี ของตนแล้วแก้ไขดัดแปลงไป สิ่งนั้นก็จะดีสมัครสมานแน่นหนามั่นคงขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ยอมรับความผิดของตัวเองนี้ก็เป็นการส่งเสริมฟืนไฟที่จะเผาทั้งตนและชาติ ซึ่งเป็นอวัยวะเดียวกันให้ฉิบหายวายปวง ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ขอให้พี่น้องชาวพุทธได้พากันนำธรรมนี้ไปประพฤติปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่ขัดขวางต่อส่วนรวมของเราให้กระจายหายไป ให้มีแต่ความสมัครสมาน ความพร้อมเพรียงสามัคคี ผู้ใหญ่ผู้น้อยอย่าไปถือกันในเรื่องทิฐิมานะซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟทั้งนั้นแหละ ให้ถืออรรถถือธรรมแทนทิฐิมานะ ใหญ่ก็จะมีความร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่เคารพนับถือของผู้น้อย เราอยู่เมืองไทยด้วยกันเราไม่ประสงค์อย่างยิ่ง ที่ได้นำพี่น้องทั้งหลายนี้ให้แตกร้าวสามัคคีกัน เรานำเพื่อความเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นความแน่นหนามั่นคงต่อชาติไทยของเรา ทั้งด้านวัตถุและจิตใจที่ประสานกัน ควรที่จะเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

อันเรื่องทิฐิมานะที่นำมาใช้ไปที่ไหนมันเสียหาย ทิฐิมานะกับตัวเราเองไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด ทิฐิมานะหรือกิเลสตัวนี้มันก็ทำลายเราอยู่โดยลำพังเรา กระจายออกไปภายนอกมันก็ไปทำลายภายนอก ไม่มีดีเลย จึงควรละ ทุกผู้ทุกคนให้พยายามละ ที่เราทำผิดจะให้คนอื่นมายอมรับว่าเราทำถูก ใครก็ยอมรับไม่ได้ๆ รู้ด้วยกันทุกคน นอกจากจะแก้ไขดัดแปลงให้ถูกไปเท่านั้นจึงจะเป็นที่ยอมรับกัน ตายใจซึ่งกันและกันได้ ถ้าต่างคนต่างมีทิฐิมานะ เขาก็เก่งเราก็เก่ง ไม่มีใครเก่งนะนั่น เตรียมพร้อมที่จะกัดกัน ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย เอาหลักธรรมไปจับไปพินิจพิจารณา ที่ไหนผิดแล้วก็ให้แก้ไขเพื่อความถูกต้อง นั้นถูกต้องแล้วนั่น

นี่เราก็อุตส่าห์พยายามนำพี่น้องทั้งหลาย เราไม่ได้หวังอะไรเลยแม้นิดหนึ่ง มีแต่หวังที่จะให้ชาติบ้านเมืองมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง และจิตใจให้มีศีลมีธรรมกลมกลืนภายในใจตัวเองและเกี่ยวข้องกันก็ให้มีประสับประสานกันด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน อย่าถือทิฐิมานะซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรแหละ มันก็มีแต่ความสำคัญของตนเอง แต่ตัวเองก็ไม่ดี มีแต่ความสำคัญเฉยๆ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ยิ่งจะเกิดโทษต่อตัวเองถ้าไม่ละทิฐิมานะที่สำคัญว่าตนดีออกเสีย แก้ไขกันด้วยความดีมาชะล้าง สิ่งเหล่านั้นก็จะสงบลงไป คนเราก็เข้ากันได้นะ เรื่องทะเลาะเบาะแว้งไม่ใช่ของดี ถือฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ด้วยทิฐิมานะที่จะกัดฉีกกันนี้ ก็เป็นเรื่องของฟืนของไฟทั้งนั้น ควรที่จะต่างคนต่างรู้เนื้อรู้ตัวแก้ไขดัดแปลงตนไป

สำหรับเรานี้จะพูดธรรมดาก็ตาม คือนิ่มนวลไปธรรมดาก็ตาม จะพูดเด็ดเผ็ดร้อนอะไร เราพูดไปตามเรื่องของธรรมที่มีแง่หนักเบามากน้อยเท่านั้น เราไม่ได้พูดด้วยทิฐิมานะ ด้วยกิเลสตัณหาใดๆ กับพี่น้องทั้งหลายเราไม่มี อย่างนั้นเราไม่มี มีตั้งแต่ความอยากให้ชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคง และมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันเท่านั้น อันใดที่ไม่ถูกอย่าได้ฝืน ฝืนไปก็ผิดไปวันยังค่ำ ให้แก้ไขดัดแปลงก็จะถูก ดีไปก็ดีวันยังค่ำเหมือนกัน ถ้าไม่แก้ไขก็นับวันจะเลวร้ายลงไปๆ เลวร้ายก็ชาติไทยของเราเลวร้าย ให้ชาติอื่นเขาหัวเราะ แล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรนะ ควรที่จะส่งเสริมความดีต่อกัน เข้าหากันได้นะ อย่าถือดีถือเด่นในความชั่ว ความชั่วเอามาถือดีถือเด่นเท่าไร มันก็ชั่วของมันอยู่นั้นแหละ ให้เอาความดีมาถือแล้วจะดีไปเรื่อยๆ แก้ไขดัดแปลงตนเองไปเรื่อยๆ

เราวิตกวิจารณ์กับบรรดาพี่น้องทั้งหลายซึ่งมีแต่เรื่องขัดเรื่องแย้งกัน จะทำประโยชน์อะไรมักจะขัดจะแย้งกันเสมอ แม้ไม่ได้แย้งกับภายนอกก็มาแย้งกับพวกกันเอง ขัดกับพวกกันเอง นี้เป็นความเสียหาย อย่าพากันคิดกันทำ อันใดที่ควรจะอนุโลมผ่อนผันให้อนุโลมผ่อนผันไปเมื่อไม่เสียหาย อันใดที่เป็นความผิดก็ให้เตือนกัน แล้วผู้รับเตือนก็ควรจะถือไปเป็นคติ อย่าเอาทิฐิมานะมาดันกัน มันจะเหมือนไฟได้เชื้อเผากันแหลก ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เจตนาของเรามีต่อพี่น้องทั้งหลาย มีอย่างบริสุทธิ์สุดส่วน ไม่มีอะไรที่เป็นพิษเป็นภัยเข้ามาเจือปนในจิตใจและกิริยาในการแสดงออกบ้างเลย เราไม่มี ถึงจะหนักเบามากน้อยเพียงไรก็เป็นกิริยาของธรรม ก้าวเดินไปเพื่อผลประโยชน์ตามเหตุผลหนักเบามากน้อยนั้นๆ เท่านั้นไม่เป็นอย่างอื่น

นี่ก็จวนเข้ามาแล้ว วันนี้วันที่ ๕ วันที่ ๑๒ นี้ก็จะได้มอบทองคำและดอลลาร์ ให้โลกภายนอกเขาได้เห็นจากภายในของเราซึ่งมีความพร้อมเพรียงกัน เป็นมงคลนะ ถ้าผิดจากนี้แล้วไม่เป็นเลย หลวงตาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายจึงวิตกวิจารณ์ซึ่งมีหลายหัวใจ ควรจะนำธรรมมาปรับปรุงตัวเอง ให้แก้ไขในสิ่งไม่ดี ถ้าจะเอาแต่ทิฐิมานะนี้วันยังค่ำเป็นไฟไปหมด สุดท้ายก็เป็นไฟเผาชาติตัวเองและศาสนาของตัวเองไม่มีที่อยู่ บ้านก็ไม่มี ศาสนาก็ไม่มี จม ให้พากันระมัดระวังเรื่องเหล่านี้

วันนี้ไม่พูดอะไรมากแหละ พูดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ท่านทั้งหลายเห็นคุณค่าแห่งความสามัคคีกัน นี้เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงไว้สำหรับเราทั้งหลายฟัง

สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข ความพร้อมเพรียงสามัคคีนั้นเป็นเครื่องแผดเผาความแตกแยกทั้งหลายออก และกลมกลืนกันด้วยความสามัคคี เป็นความดีงาม เพราะฉะนั้นความสามัคคีท่านจึงแสดงไว้แทบทุกแง่ทุกมุม ก็เพราะเห็นคุณค่าแห่งความสามัคคี และเห็นโทษแห่งความแตกแยก ท่านจึงสอนอีกเหมือนกัน อย่าพากันแตกแยก ร่างกายของเราดีๆ อย่าเอามีดมาฟันมัน เดี๋ยวเลือดจะเยิ้มออกมา ความทุกข์ก็เกิดมาพร้อมกัน ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ให้พยายามระมัดระวังรักษา ได้กระทบกระเทือนกับสิ่งใดให้รีบนำสิ่งนั้นออก แล้วหาหยูกหายามารักษา อย่างนี้จึงถูกต้องกับผู้รับผิดชอบในร่างกายของตน ผู้รับผิดชอบในชาติบ้านเมืองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ให้ต่างคนต่างระมัดระวังรักษา อย่าพากันทำลาย เอาละวันนี้เทศน์เท่านี้พอ แล้วก็จะให้พรย่อๆ


ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.or.th หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก