เพราะเรื่องราวมันมี
วันที่ 21 มีนาคม 2547 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

เพราะเรื่องราวมันมี

 

ก่อนจังหัน

 

         วันที่ ๒๓ จะมีการประชุมพระ จะมาประชุมที่ศาลาใหญ่ หน้ากำแพง จำนวนมากนะพระที่จะมาประชุม ตอนบ่ายโมง วันที่ ๒๓ พากันเข้าใจเอาไว้ ท่านจะมาตอนจังหันแล้วหรือจะมาตอนไหนก็แล้วแต่ท่าน ทราบแต่ว่า บ่ายโมงนัดกัน มาประชุมที่นี่ ประชุมที่โน่นที่นี่พระกรรมฐานเลยจะตายนะ แหม เรื่องสกปรกนี่ทำให้ยุ่งมากจริงๆ ท่านอยู่ในศีลในธรรม ปฏิบัติบำเพ็ญตลอดเวลา ไม่เคยมายุ่งอะไรกับอะไร พวกมูตรพวกคูถเกิดในกรุงสยามนี่ เลยตกลงเลอะไปหมด พระอยู่ในป่าในเขาก็เลยอยู่ไม่เป็นสุข ต้องออกมา อย่างนี้ละพิจารณาเอา ความสกปรกมันเกิดที่ไหนเลอะไปหมด

เข้าใจทั่วหน้ากันแล้วนะ วันที่ ๒๓ พระท่านจะมาประชุมที่ศาลาใหญ่หน้ากำแพงนี่ ท่านกำหนดกันตอนบ่ายโมง หากมีน้ำส้ม น้ำหวาน จะมาถวายท่านตอนนั้นก็ได้ พระน่าจะมาจำนวนมาก มาตามอัธยาศัยของท่าน เป็นเพียงเรานัดเวล่ำเวลาให้ทราบทั่วหน้ากัน วันนั้นเวลาเท่านั้น ท่านจะมาตามอัธยาศัย ไม่ได้บังคับว่าต้องมาเท่านั้นๆ อะไร แต่คงไม่น้อยแหละ

 

หลังจังหัน

 

         วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี พร้อมคณะศิษย์ ขอน้อมถวายผ้าป่าทองคำ ดอลลาร์และเงินบาท สมทบโครงการช่วยชาติ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๗ รวมน้ำหนักทองคำเป็น ๓๒ กิโลกรัม ๔๗ บาท ดอลลาร์ ๑๓๔ ดอลล์ เงินบาท ๓๖๔,๐๐๐ บาท และคุณวนิดาอีก ๓๐๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นเงินไทยมีมูลค่าทั้งสิ้น ๑๗,๒๙๗,๒๘๐ บาท ๖๐ สตางค์.เอา สาธุพร้อมกัน (สาธุ) เออ มันต้องอย่างนั้นซี นี่ละเราขยับๆ มันก็ยังไม่พอในหัวใจนะ ทีนี้เวลาทองคำเราได้พอดี ๑๐ ตัน รวมทั้งหมดได้พอดี ๑๐ ตัน แล้วก็ไปตันอยู่ที่นั่น ไม่มีใบ ไม่มียอด ไม่มีดอกแถมกันบ้างเลยรู้สึกไม่งาม เพราะฉะนั้นทองคำคราวนี้ต้องให้ได้เลย ๑๐ ตันไป ไม่มากก็น้อยต้องให้เลยนะทุกคนๆ

เพียง ๑๐ ตันมันไปตันอยู่ตรงนั้นเสีย มันไม่มีดอกไม่มียอด เข้าใจไหม ให้มีดอกมียอดประดับอีกแล้วมันก็พุ่งขึ้นไป เรียกว่าพอเหมาะ ถ้าเพียงว่า ๑๐ ตันเท่านั้นแล้วหยุดกึ๊กมันยังไงกัน ต้องมีบริษัทบริวารเข้าไปเรื่อยๆ แน่ใจละว่าจะให้ได้อย่างนั้นๆ จากบรรดาพี่น้องชาวไทยเราที่ได้ร่วมกันบริจาคเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ได้อุตส่าห์พยายามเต็มแผ่นดินไทย มุ่งหน้ามุ่งตาที่จะช่วยชาติบ้านเมืองของเรา เวลาล่มจมก็คือชาติทั้งชาติ ศาสนาทั้งศาสนา จะจมไปด้วยกัน ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งจะตกค้างนะ ถ้าลงชาติจมไป ศาสนาต้องไปด้วยกันหมดเลย นี่เราอุ้มทั้งชาติทั้งศาสนาพร้อมกันเลยไปทีเดียว

ข้าศึกศัตรูมันก็มีอยู่ด้วยกันทั้งชาติทั้งศาสนา คือความทุกข์ความจน เป็นข้าศึกของชาติบ้านเมืองของเรา ได้แก่ความทุกข์ความจน แล้วต่อออกไปก็คือความยุ่งเหยิงวุ่นวาย เกิดจากความทุกข์ความจนนี้แหละเป็นสำคัญ นี่เราต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามช่วยเหลือเต็มกำลังทุกคนๆ  หลวงตาจึงขอขอบคุณและอนุโมทนาพี่น้องทั้งหลาย ตั้งแต่วันเริ่มต้นที่ได้ออกเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายจากความกระเทือนใจอย่างหนัก ถึงขนาดร้องโก้กเลยเทียวนะ วาดภาพปึ๊บเดี๋ยวนั้นมันขึ้นรอบไปหมดเลย เรื่องเมืองไทยจะจม ศาสนาจะจมไปด้วยกัน นี่ละมันกระเทือนใจตรงนี้

เพราะฉะนั้นจึงได้ออกช่วยพี่น้องทั้งหลาย โดยที่ไม่เคยคิดเคยคาดมาตั้งแต่ก่อนเลย ไม่คิด เรื่องราวเป็นยังไงๆ ชาติก็มีตั้งแต่เรายังไม่เกิด มีมาเรื่อย รัฐบาลตั้งมากี่ชุดก็ฟังมาทราบมาเรื่อยๆ ก็ไม่เคยสนใจ เป็นยังไงๆ รู้ๆ โดยลำดับลำดา แต่มันก็มากระเทือนเอาปี ๔๐ กระเทือนที่บ้านเมืองของเราทั้งชาติทั้งศาสนาจะล่มจมไปด้วยกัน ทั้งๆ ที่พี่น้องชาวไทยตั้ง ๖๒ ล้านคนไม่สามารถที่จะอุ้มขึ้นได้นี้มีเหรอ นั่นละสำคัญตรงนี้นะ ตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเราก็ไม่กี่ท่านแหละ ได้อุตส่าห์พยายามถ่อพายมาจนกระทั่งถึงพวกเรา รู้สึกสงบร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด

มายุคนี้ลูกหลานมีมาก นึกว่าจะเป็นเครื่องประดับปู่ย่าตายายของเราให้สง่างาม ถ่ายทอดความดีงามต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะมาจมเสียเหรอ เราจึงได้ต่างคนต่างอุตส่าห์พยายาม ธรรมดาต้องมีผู้นำ เราก็เลยต้องเป็นผู้นำ ก็ไม่ทราบว่าจะเดินยังไงๆ ใครจะชี้ยังไงๆ ก็ต้องอาศัยผู้นำชี้บอกแนวทาง เราไม่ได้เรื่องอะไรแหละหลวงตาบัวน่ะ มีแต่คอยชี้บอกแนวทาง ทางด้านวัตถุและด้านการเงินเท่านั้นเรื่อยมา ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้เป็นเวลา ๖ ปีแล้วแหละที่ได้อุตส่าห์พยายาม ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มกำลังความสามารถทุกด้านทุกทาง ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยในหัวใจของเรา มอบบูชาคุณพระพุทธเจ้า และเทิดทูนคุณบิดามารดาชาติไทยของเรา ซึ่งเราก็เกิดในท่ามกลางแห่งชาติไทย

ด้วยกำลังความสามารถ ความอุตส่าห์พยายามของเรา พร้อมทั้งลูกหลานทั่วประเทศไทยได้หนุนท่านขึ้นไป ด้วยความรักชาติ แล้วกระจายออกมาเป็นความบริจาค ความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน จนปรากฏเห็นผลขึ้นมาเป็นลำดับ เวลานี้ทองคำเรากำลังรวบรวมยังไม่ได้แน่ใจนัก ตอนหลวงตาลงไปกรุงเทพนั่นแหละถึงจะแน่ แน่ตอนนั้น เวลานี้ยังกระจัดกระจาย ทองคำ ดอลลาร์ ก็กำลังกระจัดกระจาย ส่วนเงินสดเราไม่หวังจากเงินสดที่จะได้นำซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง เราก็เลยไม่ค่อยพูดถึง เพราะเงินสดมันกระจายทั่วประเทศตลอดเวลา ผู้มาขอนี่ล้อมรอบไปหมดไม่เว้นแต่ละวันๆ จึงไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเงินสดว่าจะได้เท่าไรเข้าสู่คลังหลวง

เราก็คิดแน่ใจอยู่ตั้งแต่ทองคำกับดอลลาร์เท่านั้น เข้าๆ เรื่อย นี่ละได้จำนวนมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องเป็นความแน่ใจในชาติไทยของเราทั้งชาติ ทองคำต้องได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ขาดสตางค์หนึ่งไม่ได้เลย อันดับที่สองดอลลาร์ต้องให้ได้จำนวน ๑๐ ล้าน อันนี้ขาดดอลล์เดียวก็ไม่ได้เหมือนกัน เราก็ได้พยายามเต็มกำลัง แล้วก็สร้างความแน่ใจใกล้ชิดต่อความสมบูรณ์พูนผลที่เราตั้งไว้แล้วโดยลำดับลำดามา นี่วันนี้วันที่ ๒๑  วันที่ ๒๒,๒๓ อยู่ ๒๔ อยู่ แล้ววันที่ ๒๕ เราก็ต้องลงกรุงเทพอีกแล้ว ลงก็ลงเพื่อพี่น้องชาวไทยทั้งหลายนั่นแหละ ไม่ได้ลงเพื่ออะไร จะไปรีบไปด่วนไปช้าไปเร็วอะไร เรื่องก็เกี่ยวโยงกับบรรดาพี่น้องชาติไทยทั้งหลายด้วยกันนั้นแหละ

นี่เราก็พึ่งกลับมาจากกรุงเทพ ไปได้สองคืน ไปแบบปุบปับแล้วกลับมา ก็มาเร่งทางนี้อีก วันมะรืนนี้ก็จะได้ประชุมสงฆ์ที่ศาลาใหญ่ หน้ากำแพงวัดนี้ ประมาณบ่ายโมง ไม่มีการเลี้ยงดูอะไรตอนเช้าตอนอะไร เพราะพระท่านฉันเสร็จแล้วท่านก็มา คิดว่า ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีการเลี้ยงสำหรับอาหารการขบฉัน แต่ส่วนน้ำส้ม น้ำหวาน น้ำตาล ตามแต่อัธยาศัยที่จะมาบริจาคเลี้ยงพระในตอนบ่ายนั้น ก็ไม่มีอะไรขัดข้องทางพระวินัย กรุณาทราบตามนี้ วันมะรืนนี้ท่านจะมา

เหตุที่ท่านมาอยู่เรื่อยๆ นี้ ปรกติบรรดาพระ เราพูดตามหลักความจริง ไม่ปรากฏว่าที่ไหนจะมีความสงบเงียบยิ่งกว่าวงกรรมฐานที่ท่านปฏิบัติมาโดยลำดับ เฉพาะอย่างยิ่งคือวงสายพ่อแม่ครูจารย์มั่น ซึ่งท่านพาดำเนินมาด้วยความสงบงบเงียบมาโดยลำดับลำดา ลูกศิษย์ลูกหาก็ได้รับการถ่ายทอดอรรถธรรมจากท่าน ทั้งข้อวัตรปฏิบัติ ศีลธรรม วินัย ทุกอย่างท่านปฏิบัติ การกินอยู่ปูวายของพระกรรมฐานก็ถ่ายทอดมาจาก หนึ่ง ตำรา สอง อันดับที่สำคัญที่จะมาให้เราได้เห็นได้ยินด้วยหูด้วยตาของเราก็คือหลวงปู่มั่น ได้พาดำเนินมาด้วยความสงบเสงี่ยมทุกสิ่งทุกอย่าง มักน้อย สันโดษ ไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกับการอยู่การกินการใช้สอยต่างๆ การก่อการสร้างไม่มี มีตั้งแต่การบำเพ็ญศีลธรรม ทำความพากความเพียรตลอดเวลาเท่านั้น

อยู่ที่ไหนยืนเดินนั่งนอน มีแต่งานของพระด้วยความพากเพียร โดยมีสติติดแนบความรู้สึกตัวอยู่เสมอเรื่อยมา เพราะฉะนั้นสำนักที่พ่อแม่ครูจารย์มั่นได้ประสิทธิ์ประสาทให้จึงรู้สึกว่ามีความสงบเสงี่ยมงามตาเรื่อยมา สำนักเหล่านี้เงียบเหมือนไม่มีพระ ท่านอยู่ในป่าในเขามุ่งต่ออรรถต่อธรรม แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นนี้แหละ จะว่าใครก่อขึ้นก็ไม่แน่ ก็เรียกว่าคนไทยทั้งพระทั้งฆราวาสนั้นแหละก่อขึ้นเองให้เกิดความไม่สงบขึ้นภายในจิตใจของเรา ทีนี้มันก็กระเทือนทั้งผู้สงบร่มเย็นเป็นสุขด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยความพากความเพียรอยู่โดยสม่ำเสมอในป่าในเขา ให้ต้องได้เคลื่อนย้ายออกมาอยู่เรื่อยๆ

นี่ก็ได้ประชุมมาหลายหนแล้ว ครั้งใหญ่สุดก็ที่วัดอโศการาม จำนวนพระ ๑๐,๓๕๙ องค์ที่มาประชุม โดยนำหลักฐานตามหลักธรรมหลักวินัยของพระพุทธเจ้าที่ประทานให้แล้วออกมา ประกาศให้ทราบทั่วถึงกัน ด้วยความรับรองของสังคมแห่งสังฆมณฑลในวัดอโศการามนั้น คือแยกถอดออกมาจากคัมภีร์วินัยมาประกาศเพื่อความตายใจ อันนี้คือความตายใจ ความแน่นอนใจไม่ผิดไม่พลาด ที่ท่านนำออกแสดงนี้ ให้ประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศเราได้ทราบทั่วถึงกันว่า หนังสือฉบับที่นำออกจากที่ประชุมวัดอโศการามนี้นั้น เป็นหนังสือที่ถูกต้องตามอรรถตามธรรม ตามคัมภีร์วินัยทุกสิ่งทุกอย่าง จึงได้นำเข้าสู่ส่วนกลาง เวลานี้กำลังเก็บไว้อยู่ส่วนกลาง อันนั้นจะเป็นเครื่องยืนยันเรื่องความถูกต้องดีงามทั้งหลายทั่วสังฆมณฑลเรา ที่เกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวายกันเหล่านี้ ให้เอานี้เป็นเครื่องตัดสิน

จะเอาอำนาจบาตรหลวง เอากฎหมายกฎหมอยป่าๆ เถื่อนๆ มาตัดสินก็เป็นหมากัดกัน กัดกันแย่งมูตรแย่งคูถไปเท่านั้นเอง ไม่ใช่เป็นผู้ชุมนุมกันเพื่อความสงบร่มเย็น นี่ละจึงได้มีธรรมอันนี้ออกมากระจาย ด้วยเหตุนี้พระกรรมฐานที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามหลักธรรมหลักวินัยตลอดมา เมื่อเห็นมันก้าวก่ายหรือล่วงล้ำ หรือจะทำลายศาสนา ทำลายหลักธรรมหลักวินัยขึ้นมา จึงเป็นความกระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้ดำเนินตามทางที่ถูกต้องคือธรรมวินัยนั้น แล้วได้ปรึกษาหารือซึ่งกันและกัน ออกมาประชุมชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ให้เป็นที่เข้าใจทั่วหน้ากัน ที่ประชุมใหญ่ที่สุดก็คือวัดอโศการามคราวที่แล้วมา ก่อนหน้านั้นก็ประชุมบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่มาก อย่างที่ประชุมวันมะรืนนี้ก็ปลีกย่อย ล้วนแล้วที่จะปรับปรุงเข้าสู่หลักธรรมหลักวินัย อันเป็นความตายตัวนั้นแหละ กรุณาทราบไว้

ธรรมดาพระกรรมฐานจะไม่ออกเพ่นพ่านไปที่ไหน แต่นี้ก็ได้ออกมาเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ เพราะเรื่องราวมันมี จึงขอกรุณาทราบเอาไว้ หากว่าไม่มีเรื่องมีราวอะไรที่จะมาทำความมัวหมอง หรือกระทบกระเทือนต่อชาติต่อศาสนาแล้ว พระเหล่านี้ท่านก็ปฏิบัติตามความสงบร่มเย็น โดยหลักธรรมหลักวินัยเป็นเครื่องชักจูงอยู่แล้ว ท่านจะออกมายุ่งเหยิงวุ่นวายหาอะไร ท่านไม่ออกมา แต่ที่ออกมานี้ก็คือมันขัดแย้งกันกับหลักความถูกต้องดีงามคือพระธรรมวินัย จึงได้ต้องออกมาชำระสะสางกัน กรุณาทราบอย่างนี้ทั่วหน้ากันนะ วันมะรืนนี้ก็จะมีการประชุม หลังจากนั้นเราก็จะไปกรุงเทพไปมอบทองคำ มีอะไรค่อยว่ากัน เรื่องราวเป็นอย่างนี้แหละ

วันนี้ไม่ได้พูดมากอะไรแหละ เพราะพูดมามากแล้วเกี่ยวกับเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทางศาสนานี่เป็นตัวสำคัญ แทนที่ศาสนาจะเป็นตัวยั่งตัวยืนให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อประชาชนพี่น้องชาวไทย ซึ่งเป็นผู้นับถือพุทธศาสนามีจำนวนมากมายก่ายกอง ให้ได้รับเป็นคติตัวอย่าง และเกิดความอบอุ่นภายในจิตใจ กลายเป็นเรื่องความวุ่นวายไปหมด เพราะศาสนาเป็นผู้ก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ให้โลกที่เคารพนับถือศาสนา กลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายไปตามๆ กัน จึงเรียกว่าเวลานี้ศาสนาเราในเมืองไทยของเรา กับพระกับเณรของเรานี้ รู้สึกจะเข้าขั้นใช้ไม่ได้ เป็นที่น่าตำหนิติเตียนของผู้สมบัติผู้ดีทั้งฆราวาสและพระ ท่านตำหนิติเตียนได้อย่างลงคอ เป็นความถูกต้องแม่นยำ เพราะพวกที่ก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่ได้เหตุได้ผล ประหนึ่งว่าไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนอรรถธรรมมาเลย

อรรถธรรมที่เรียนมาเพื่อความสงบร่มเย็น กลายมาเป็นดาบฟันคอฟันหัวคนทั้งชาติ ด้วยอาศัยหลักธรรมหลักวินัยนั้นแลออกมาเป็นดาบแก่มหาโจรมารทั้งหลาย จึงกลายเป็นเรื่องความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นมาภายในจิตใจของเรา วันนี้ก็ได้พูดให้ฟังเพียงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่พูดกันหมดแล้ว ต่อไปนี้จะให้ศีลให้พรพี่น้องทั้งหลาย เทศน์ก็คงเทศน์เพียงเท่านี้แหละ

นี่ตอนบ่ายเราก็จะได้ไปเทศน์ที่สี่แยกอำเภอสมเด็จ (จ.กาฬสินธุ์) ทีแรกฟ้าหญิงเล็กท่านจะเสด็จฯ ในวันนี้ แต่พอดีท่านประชวรเสียแล้ว เขาบอกมาเมื่อวาน ท่านประชวรมาไม่ได้แล้ว ตกลงท่านก็ไม่ได้มา เราถึงเวลาก็จะไปกะว่า ๕ โมงครึ่ง ใครอยากไปก็ไปประกาศให้ทราบทั่วถึงกัน

ทีนี้จะอนุโมทนาสาธุการกับกองการกุศลของพี่น้องทั้งหลาย ที่ได้รวมกันทั้งประเทศมาอยู่ที่นี่เหลืออร่ามงามตามากมายก่ายกอง ขออนุโมทนาสาธุการกับน้ำใจพี่น้องทั้งหลายที่มีศรัทธาแก่กล้ารักทั้งชาติรักทั้งศาสนา เสียสละสมบัติเงินทองข้าวของสติปัญญาเวล่ำเวลาชีวิตจิตใจเพื่อบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และเพื่อบูชาคุณของบรรพบุรุษของเรา ด้วยความเห็นบุญเห็นคุณ เป็นลูกเป็นหลานกตัญญูกตเวที รู้บุญรู้คุณของท่านทั้งหลาย หลวงตาจะได้อนุโมทนาในอันดับต่อไปนี้

ยถา วาริวหาฯฯฯ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก