เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เชื่อพระพุทธเจ้าให้เชื่อกรรม
(ลูกศิษย์กราบเรียนเรื่องที่คณะพระปฏิบัติไปชี้แจง กรณีขัดแย้งการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชแก่คณะกรรมาธิการฝ่ายศาสนาวุฒิสภา แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวัดต่างๆ เช่น วัดมกุฏฯ วัดราชบพิธฯ ในทางด้านธรรมวินัย) พระที่ไปเป็นพระภาคปฏิบัติหรือปริยัติไปชี้แจง (พระปฏิบัติครับ) เออ ถ้าเป็นพระปฏิบัติเราลงใจ ถ้าพระทั่วๆ ไปนี้เราบอกตรงๆ เราไม่ลงใจ ถ้าเป็นพระปฏิบัติดึงออกจากไหนมีแต่หลักแต่เกณฑ์ตามหลักธรรมหลักวินัยล้วนๆ ออกเลย อย่างนั้นตายใจ (รู้สึกว่า มส.เข้าใจมากขึ้นเจ้าค่ะ เพราะเขาเห็นหลักฐานหลักการที่ชี้แจงเป็นเอกสาร)
เราที่นำอยู่เวลานี้ก็นำเพื่อพลังของชาติไทยเราขึ้น ทั้งชาติทั้งศาสนาให้ขึ้นไปด้วยกัน เรานำไม่ได้นำเพื่อความแตกความแยก อะไรที่เป็นเรื่องแตกเรื่องแยกนั้นเราไม่ประสงค์อย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการชี้แจงอรรถธรรมทุกอย่างทางโลกทางธรรมไปด้วยกัน เราจะแสดงโดยความเป็นธรรมล้วนๆ อยู่จุดศูนย์กลาง หรือว่าธรรมนี้อยู่เหนือโลก ว่างั้นเถอะ โลกนี้ถ้าจะเทียบแล้วก็เรียกว่า โลกมันไม่สงบ ถ้าลดลงไปกว่านั้นก็ว่าโลกหมากัดกัน มันจึงต้องมีทะเลาะกันยุ่งเหยิงวุ่นวาย เอาธรรมเข้ามาสาดลงไป ตรงไหนมัวหมองคือเห็นเป็นความผิดก็ชี้แจงไปตามนั้นให้รู้จักเรื่องความถูกต้องดีงามเป็นยังไง เป็นผลยังไงบ้างในทางดีงาม ผลของความดีงามเป็นอย่างไร ผลแห่งความเลวร้ายเป็นอย่างไร ก็ชี้แจงให้ทราบ อะไรที่ไม่ดีให้ละ อะไรที่ดีให้ส่งเสริมกันขึ้น เราก็ทำอย่างนั้นตลอดมา
การเทศนาว่าการทั้งด้านวัตถุและด้านธรรมะ เราสอนหลักอันใหญ่คือมุ่งธรรมะเข้าสู่จิตใจของประชาชนชาวพุทธเรา เพราะรู้สึกไขว้เขวกันมาก ห่างเหินจากพุทธศาสนา ฟืนไฟจึงมักเกิดขึ้นได้ทุกแห่งทุกหน เพราะฟืนไฟได้แก่กิเลสมันมีอยู่ทุกแห่งทุกหน มีแต่คนเสริมมัน คนที่จะไปลดเรื่องกิเลสลงนี้มีน้อยมาก ธรรมมีแต่ชำระกิเลสออกๆ เสริมสิ่งที่ดีงามขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีความหนักในทางเทศนาว่าการ เกี่ยวกับเรื่องอรรถเรื่องธรรมเข้าสู่ใจมากกว่าด้านวัตถุ วัตถุที่ว่านำสมบัตินี้เข้าสู่ที่นั้นๆ เป็นกิริยาภายนอกที่โลกอยู่ร่วมกัน ให้มีความสม่ำเสมอ มีหน้ามีตา มีศักดิ์ศรีดีงามสม่ำเสมอกัน ประเทศเขาประเทศเราก็เป็นคนเหมือนกัน เขามีศักดิ์ศรีเราก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
บ้านของเรา ตัวของเรา เราต้องรักษาบ้านของเรา ศักดิ์ศรีของเราไว้ให้ดีเหมือนกันกับที่อื่นๆ นี่มีความต้องการอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้ยกวัตถุนี้ขึ้นเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ เขาจะไม่ดูถูกเหยียดหยามเรามากไป เขากับเราก็มีความสม่ำเสมอ การติดต่อสื่อสารหรือซื้อขายอะไรๆ กันนี้ก็สม่ำเสมอกันไป เขาไม่ดูถูกเหยียดหยามเรา พอที่จะกดทุกสิ่งทุกอย่างลงไปให้เสียเราเรื่อยๆ เพราะความด้อยของเรา เข้าใจไหม เมื่อมีความสม่ำเสมอกันแล้วคนเราก็เกรงใจกัน เรามีความมุ่งหมายอย่างนั้น จึงได้นำวัตถุเหล่านี้เข้ามาเป็นสักขีพยานของพี่น้องชาวไทยเรา ทางด้านวัตถุก็อุตส่าห์พยายามอย่างนี้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้มาเท่านี้ จากความรักชาติความเสียสละของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ที่ได้มาเด่นอยู่เวลานี้ก็คือทองคำกับดอลลาร์ ทองคำนี้จะต้องถึง ๑๐ ตันในวันนั้น ดอลลาร์จะต้องถึง ๑๐ ล้าน ขาดสตางค์หนึ่งไม่ได้ ขาดกิโลหนึ่งไม่ได้ทองคำ ทองคำกับดอลลาร์ต้องให้ได้ตามนั้น ประกาศศักดิ์ศรีดีงามของเราว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ประเทศไทยขาดบาทขาดตาเต็ง
ทองคำขาดนี้ก็คนไทยขาดทั้งประเทศ ดอลลาร์ขาดก็ขาดทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นจึงเสริมให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยกัน ให้เป็นคนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ประเทศน้อยก็เหมือนเด็ก เด็กก็มีอวัยวะครบตัวของเด็ก เอาไปเปรียบไม่ได้ว่านี้เขาเป็นเด็ก เราเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นผู้ใหญ่มีอะไรเป็นพิเศษต่างจากเขา นับดูอะไรก็เท่ากันกับเขา นั่นมันก็ดูถูกกันไม่ได้ เด็กก็เต็มเด็ก ผู้ใหญ่ก็เต็มผู้ใหญ่เหมือนกัน อันนี้เราประเทศน้อยก็เต็มของเรา ประเทศเขาก็เต็มของเขา แล้วก็เข้าหากันได้สนิท เข้าใจไหมล่ะ ที่เอาวัตถุเข้ามานี่ เราเอาเข้ามาเพื่อแสดงให้เห็นว่า เมืองไทยเราเป็นเมืองของคนไทยทั้งชาติ มีความรักชาติของตน มีความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชาติของตนด้วยกัน จึงแสดงออกมาเป็นผลให้เห็นอย่างนี้ มีเท่านี้
จากนั้นก็ด้านศีลธรรม ศีลธรรมนี้เราเน้นหนักมากนะ เพราะเวลานี้ชาวพุทธเราในเมืองไทยรู้สึกว่าห่างเหินศาสนามาก เพราะฉะนั้นความเป็นฟืนเป็นไฟจึงมีได้ทุกแห่งทุกหน ผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่เลือก เป็นได้ด้วยกัน กิเลสเข้าตรงไหนเป็นไฟทั้งนั้น ลงว่าไฟแล้วจ่อเข้าไปตรงไหนเผาได้ทั้งนั้นแหละ มันเผาไม่ได้แต่น้ำเท่านั้นไฟ น้ำคืออะไร คือธรรม กิเลสกลัวธรรม จึงได้เน้นหนักในทางด้านธรรมะให้พี่น้องชาวไทยเราทราบทั่วถึงกัน การมีธรรมะเข้าสู่ใจต่างกันกับคนผู้ไม่มีธรรมะเข้าสู่ใจนะ ผิดกันมากทีเดียวไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระ
พระถ้าเป็นผู้ปฏิบัติตรงแน่วต่อศีลต่อธรรม ไปที่ไหนสง่างามไปหมดนะ ถึงจะห่มผ้าสีกรักก็ตาม โลกไม่ปรารถนา แต่ธรรมอยู่ในผ้าขี้ริ้วห่อทอง ไปไหนเย็นไปหมดๆ พระพุทธเจ้าก็ห่มผ้าสีแก่นขนุนนี่ละ มีในตำรับตำรามาแล้ว สีกรักสีแก่นขนุนนี้มีมาดั้งเดิม สีเหล่านั้นท่านไม่ได้กล่าว พออนุโลมกันได้ก็อนุโลมกันไปไม่ได้ว่าอะไรกัน แต่ที่เป็นพื้นฐานจริงๆ ก็คือสีกรักสีแก่นขนุนที่เป็นพื้นฐานมาดั้งเดิม เป็นอย่างนี้คนก็เคารพกราบไหว้ทั้งสามโลกธาตุนี่พระพุทธเจ้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสีผ้า ขึ้นอยู่กับหัวใจที่มีความสง่างาม มีความเลิศเลออยู่ภายในหัวใจ ธรรมไปที่ไหนจึงเย็นหมด
พระอยู่ด้วยกันต่างองค์ต่างปฏิบัติศีลธรรมสม่ำเสมอกันแล้วไม่รังเกียจกัน มาหากันที่จะมาอยู่ วัดไหนก็ตาม เช่น วัดป่าบ้านตาด จะถามแต่ว่าการบวชถูกต้องตามหลักธรรมวินัยหรือไม่ ถ้าถูกต้องตามหลักธรรมวินัยแล้ว ไม่ได้นิยมว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำ หรือภาคนั้นภาคนี้ไม่มี เป็นลูกศิษย์ตถาคตอย่างเดียวกันหมด เข้ากันได้สนิทด้วยการปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอกัน ธรรมถืออันนี้เป็นสำคัญ ไม่ได้ถือชาติชั้นวรรณะอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องมาทำลายนะ ชาติชั้นวรรณะสูงก็เหยียบชาติชั้นวรรณะต่ำลงไป ธรรมไม่เหยียบใคร เสมอ ที่ต่ำยกขึ้น ที่สูงกลบลงให้เสมอกัน เรื่องธรรมะเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นจึงอยากให้มีธรรมในใจทุกคนๆ พระนี้เป็นแนวหน้าของผู้มีธรรม ที่เป็นคติตัวอย่างในการแนะนำสั่งสอน กิริยาอาการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องของพระล้วนๆ เรื่องธรรมวินัยประดับพระล้วนๆ แล้วสวยงาม ถ้าแตกออกจากธรรมวินัยแล้วพระก็มีแต่ผ้าเหลือง มีแต่หัวโล้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร อันผ้านี้เอามาจากร้านไหนก็ได้มานุ่งมาห่ม สบง จีวร ไม่อดไม่อยาก เต็มตลาด แต่พระดีนั้นหายาก ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักธรรมวินัย จึงเรียกว่าเป็นพระสมบูรณ์แบบ ไม่ขาดบาทขาดตาเต็ง ไม่เป็นบ้าเป็นบอทั้งๆ ที่เป็นคนดี นี่ละธรรมะเข้าที่ไหนเข้าได้หมด เราจึงเน้นหนักทางด้านธรรมะ
การนำโลกนี้เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปนำนะ ธรรมนี้สูงอยู่ตลอดเวลา เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะ ไม่มีคำว่ากล้า ไม่มีคำว่ากลัว เป็นธรรมล้วนๆ เหนือโลกอยู่ตลอด เราอาราธนาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแสดงต่อโลกให้รู้จักดีจักชั่วต่างๆ เมื่อใครผิดเราจึงบอกได้ตรงตามแนวทางของธรรม ถูกบอกว่าถูก ผิดบอกว่าผิดไปเลย เพราะธรรมจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ หลีกๆ เลี่ยงๆ อย่างนี้ไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องเป็นที่ตายใจ ตรงไปตรงมาจึงเรียกว่าธรรม นี่เป็นสรณะของโลก
เราจึงอยากให้พี่น้องชาวพุทธเราได้มีธรรมเข้าสู่ใจ จะรู้จักความผิดถูกชั่วดีของตัว และหน้าที่การงานของตัว ตลอดสังคมต่างๆ ถ้าต่างคนต่างมีธรรมจะสงบร่มเย็นกัน เราจึงต้องนำพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ เรานำอย่างนี้ ตั้งแต่เรานำมาก็ไม่เคยได้เป็นข้อติเตียนเจ้าของแต่อย่างใดเลย เพราะเรานำโดยธรรมล้วนๆ ที่ว่าเราจะมีมัวหมองจากสมบัติพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคนี้ บอกว่าเราเปิดได้เลย บอกไม่มีเลย จะมาหาที่ไหน ไม่ใช่เราคุย ไม่ใช่เราโอ้อวด ทั้งๆ ที่ไม่จริงเอามาอวดเราไม่มี พี่น้องทั้งหลายบริจาคสมบัติเงินทองมานี้มากน้อยเพียงไรฟังซิ ทุกบาททุกสตางค์ เราบริสุทธิ์ตลอดมาเลย จะไปทางไหนๆ เป็นเรื่องเราสั่งเราเสียด้วยความชอบธรรมแล้วๆ จ่ายไปมากน้อยจ่ายไปตามความชอบธรรมๆ จึงไม่มีมลทินต่อเรา
ถ้าว่าทองคำก็ทุกเม็ดเข้าเลย ดอลลาร์ก็เหมือนกัน เงินสดพี่น้องทั้งหลายบริจาคมาทั่วประเทศไทย ทุกภาค อย่างนี้แหละเงินสด ได้แบ่งเข้าซื้อทองคำเพียงสองพันล้านกว่าบาทเท่านั้นเงินสดนะ ทั้งๆ ที่มากมายเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านที่กระจายออกทั่วประเทศไทย สำหรับหลวงตาบัวแบเลยไม่แตะ เงินเหล่านี้ไม่แตะ ใครมาเกี่ยวข้องกับเราต้องเป็นหัวใจเรา เราไม่มีคำว่าใกล้ว่าไกล ถ้าลงผิดพลาดแล้วคอขาดทันที บอกอย่างนี้เลย เข้ากันไม่ได้กับคนๆ นี้ ไม่ว่าใกล้ว่าไกลเราถือเอาธรรมเป็นแบบเป็นฉบับ เพราะฉะนั้นเราจึงบริสุทธิ์ตลอดมา
การแนะนำสั่งสอนเราก็แน่ใจในการสั่งสอน ถอดออกมาจากหัวใจเราที่ปฏิบัติตามทางของศาสดา ผลก็ได้มาตามทางของศาสดามาเป็นของเรา จนกระทั่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราพูดตรงๆ พูดให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟัง การพูดชั่วเขายังพูดได้ ไปเล่นการพนันวันนี้ได้เท่าไร เขายังพูดกันได้ เราไปหาของดิบของดีเราพูดไม่ได้มีอย่างเหรอ พระพุทธเจ้าสอนโลกได้ยังไงถ้าเอาของดีออกสอนไม่ได้ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกสอนโลกทั้งสามได้ สาวกของพระพุทธเจ้าสอนโลกทั้งสามได้เหมือนกัน ตามแต่นิสัยวาสนาของท่าน เป็นธรรมอันเดียวกันๆ เราปฏิบัติตามสายทางอันเดียวกัน รู้เห็นอย่างเดียวกันมาปฏิบัติตามกำลังศรัทธา หรือตามกำลังความสามารถวาสนาของเรา ทำไมจะพูดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงพูดได้เช่นเดียวกับความดี อะไรจะมาปิดไม่ได้ ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ต่างอันต่างเต็มตัวของตัวทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจึงนำมาพูดได้ทุกอย่าง
เราสอนโลกนี้เราก็สอนด้วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ธรรมถอดออกจากหัวใจ เรียนก็เรียนมาจริงๆ เวลาเอาจริงเอาจังออกจากนี้ ถอดออกจากนี้จิ้มเลยๆๆ ออกอย่างนี้เลย พูดสาธุ เราไม่ได้ประมาทปริยัติ เราเรียนมาจากปริยัติมาเป็นแบบแปลนแผนผัง มาปฏิบัติจนเห็นผลขึ้นมา ปริยัติเป็นแบบแปลนแผนผัง ดึงออกจากปริยัติมาปฏิบัติ ผลปรากฏขึ้นมาเป็นปฏิเวธ รู้แจ้งแทงทะลุไปเรื่อยๆๆ จนเต็มหัวใจแล้วก็บอกว่าเต็มหัวใจ เวลาเราปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้ามา ตั้งแต่วันเริ่มบวชเราไม่เคยได้ตำหนิติเตียนในศีลในธรรมของเรา ในศีลของเราไม่เคยมี มีแต่บริสุทธิ์มาตลอด รักษาศีลสมบูรณ์มาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งถึงบัดนี้ เราไม่เคยได้ต้องติว่าเราได้ข้ามเกินศีลข้อใดๆ ด้วยความหน้าด้านไม่มี อลัชชิตาไม่มี มีแต่ความระมัดระวังตลอดเวลา ส่วนการผิดพลาดด้วยความเผลอหรือเรียกว่าไม่รู้นั้น มันมีได้ด้วยกัน อันนั้นไม่ถือกันแหละ เพราะเป็นสิ่งเยียวยาได้ ยอมโทษกันเสียก็ปกติไป
เราก็ปฏิบัติมาอย่างนั้น ตลอดธรรมเราก็ปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถของเรา ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานทางด้านจิตใจถูกกิเลสย่ำยีตีแหลกตลอด ฟัดกับกิเลสจนน้ำตาร่วงบนภูเขาเราก็ฟัดมาแล้ว สุดท้ายกิเลสก็พัง มันสู้เราไม่ได้ ความเคียดแค้นให้กิเลสนี้เป็นธรรม ความเคียดแค้นให้ผู้หนึ่งผู้ใดสัตว์ตัวใดเป็นกิเลสทั้งนั้น แต่ความเคียดแค้นให้กิเลสซึ่งเป็นภัยต่อหัวใจของตนเองนี้ เพื่อจะเอากิเลสให้พังจากใจนี้เป็นธรรม นี่ความเคียดแค้นประเภทนี้เป็นธรรม นี่ก็เคียดแค้นให้กิเลสถึงน้ำตาไหลอยู่บนภูเขา สู้กิเลสไม่ได้ขนาดออกถึงกูถึงมึงเชียวนะ กูมึงอยู่ในใจ กิเลสฟาดหงายๆ สู้มันไม่ได้ตั้งสติไม่อยู่ ล้มหงายๆ โถ ขึ้นทีเดียวมันอุทานในใจนะ มึงเอากูขนาดนี้เชียวหรือ คืออยู่ในใจนะไม่ได้ออกปาก หือ มึงเอากูขนาดนี้เชียวนะ
เอาละ นี่ตรงที่ตัดสินกัน ยังไงมึงต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอย เคียดแค้นเต็มที่ มุมานะที่จะฟัดกับกิเลสตลอด ฟัดไปฟัดมาแต่ก่อนมีแต่เราล้ม ล้มหงายหมา ล้มไม่มีท่าสู้เขาเรียกล้มหงายหมา ล้มหงายแมวมีท่าสู้ตบกันบ้าง ครั้นต่อมาล้มหงายหมา จากหงายหมาแล้วก็มาล้มหงายแมว ล้มหงายแมว แมวก็แมวใหญ่ขึ้น ต่อไปก็ล้มแบบเสือละซิ เป็นเสือโคร่งเข้าไปในเรื่องอรรถเรื่องธรรมเกรียงไกรภายในจิต ฟัดกิเลสขาดสะบั้นลงไป ไม่มีกิเลสตัวใดมาเหลือหลออยู่ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ เราก็พูดชัดๆ ว่าวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่ม อยู่บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร วันนั้นเป็นวันฟ้าดินถล่มที่ฟัดกิเลสขาดสะบั้นให้สมใจที่น้ำตาร่วงให้กิเลส วันนั้นตัดสินใจกัน
ตั้งแต่บัดนั้นเราไม่เคยปรากฏว่า ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ราคะตัณหาอะไรก็ดี ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วไม่มีเลย หมด ถึงจะพูดเป็นฟืนเป็นไฟเป็นพลังของธรรมทั้งนั้น ไม่มีพลังของกิเลสตัวใดที่จะโผล่ออกมา มีแต่เรื่องของธรรม เด็ด เด็ดได้ด้วยธรรม อ่อนได้ด้วยธรรม แข็งได้ด้วยธรรม เรื่องกิเลสไม่เข้ามายุ่ง เพราะไม่มีกิเลสตัวใดเหลือ ด้วยเหตุนี้เองเราสอนโลกเราจึงสอนอย่างตรงไปตรงมา จึงไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว แพ้ชนะเราไม่มี เอาธรรมออกสอนโลกนี่แหละ ใครจะว่าผิดว่าถูกก็แล้วแต่จะพิจารณา สำหรับการช่วยโลกนี้เราว่าไม่แตะเลย เงินกี่พันกี่หมื่นล้านที่ช่วยโลกสงสาร เราไม่มีเราไม่แตะเลย เราพอทุกอย่าง ในหัวใจเราพอ
เราเห็นประชาชนที่ได้รับความทุกข์ร้อนในแง่ต่างๆ นี้เราอุตส่าห์พยายามช่วยเหลือ เช่นอย่างออกมาช่วยชาติ ถ้าตัวของเราเองช่วยหาอะไร ประสาชาติก็เกิดมาแล้วเท่าไรปี อยากไปวันไหนก็ไปซิ เราไม่เห็นยุ่งอะไรกับความเป็นความตาย ความเป็นความตายของเราไม่เป็นอารมณ์ ตายที่ไหนได้หมด แต่ก่อนเป็น พอคิดถึงเรื่องความตายนี้ดีดดิ้นเป็นบ้า ครั้นต่อมาๆ มีธรรมในใจแกล้วกล้าสามารถ สุดท้ายไม่มี คำว่าเกิดกับตายน้ำหนักเท่ากัน ไม่มีอะไรมาเป็นอารมณ์ ถึงเวลาแล้วหรือจะไปแล้วหรือ ปั๊บเข้าร่มไม้ร่มไหนก็ได้ปั๊บไป ดีดผึงไปเลย นี่จึงได้นำมาสอนโลกให้เป็นคติตัวอย่าง พระพุทธเจ้าก็แบบนี้ บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายแบบนี้ทั้งนั้น ท่านไม่กล้าไม่กลัวกับความตาย มีน้ำหนักเท่ากัน ท่านไม่เป็นอารมณ์กับเรื่องความเป็นความตาย ถ้าเป็นอารมณ์ก็เป็นอารมณ์กับโลกสงสารเท่านั้นที่มีความห่วงใย แนะนำสั่งสอนไปพอถึงกาลเวลาแล้วก็ดีดปั๊บไปเท่านั้นเอง
ขอให้ท่านทั้งหลายทราบว่า เรานำพี่น้องทั้งหลายนี้นำด้วยความบริสุทธิ์ใจสุดส่วน ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเราเลย เรื่องความมลทินไม่มี บอกหมดโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือ มีแต่ความเมตตาครอบๆ ถึงขนาดช่วยโลกอยู่เวลานี้ ติดหนี้เขาก็ติดนะทุกวันนี้ติดอยู่เรื่อยๆ ส่วนมากติดเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือแพทย์ คือเครื่องมือแพทย์เครื่องใดที่มีความสำคัญ สำคัญเกี่ยวกับคนไข้มีจำนวนมากน้อยเพียงไร ทีนี้เงินเราก็ไม่พอจะทำยังไงนี่ แล้วเครื่องมือก็บีบบังคับจากความจำเป็นของคนไข้ทั้งหลาย แล้วเอาคนไข้มาชั่งน้ำหนักดู คนไข้มีน้ำหนักมาก เอ้า ติดหนี้เท่านี้พอถูพอไถได้เอ้าติด นั่นเห็นไหมล่ะ ยอมติดหนี้เพราะเห็นแก่คนไข้มีน้ำหนักมากกว่า นี่เราติดมาเรื่อยแหละติดหนี้ คนมีจะติดหรือติดหนี้ ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย คนมองดูหลวงตาบัวต้องมองเป็นมหาเศรษฐีเงิน แต่เวลาหลวงตาบัวเองนั้น เป็นทุคตะเข็ญใจมาตลอด ติดหนี้ด้วย
นี่ให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย เราช่วยโลกช่วยถึงขนาดนี้แหละ ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว ส่วนคนที่จะมาว่ามาโจมตีท่านั้นท่านี้ ปากเขามีใจเขามีเรื่องของเขาเราไม่ยุ่ง กรรมของใครของเรา กมฺมสฺสโกมฺหิ กมฺมทายาโท เรามีกรรมเป็นของตนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พัวพันเรา ดีชั่วเป็นของเราทั้งนั้น ใครทำก็เป็นของคนนั้นเราไม่ได้ทำจะเป็นของเราได้ยังไง ก็เป็นเรื่องกรรมของสัตว์ เมื่อเตือนไม่ฟังแล้วก็กรรมของสัตว์เท่านั้นเอง ที่จะให้เราไปแบกหามความชั่วของเขามาเป็นความทุกข์ของเราไม่มี เพราะกรรมนี้เป็นกรรมของผู้ทำโดยเฉพาะๆ ท่านจึงว่า กมฺมสฺสโกมฺหิ เรามีกรรมเป็นของตน ไม่ได้ว่าเป็นของใคร เราทำแล้วโยนกรรมให้คนนั้น โยนกรรมให้คนนี้ไม่มี ใครเป็นคนทำก็เป็นกรรมของคนนั้น ดีชั่วเป็นของคนนั้นทั้งนั้น
ให้พากันเชื่อกรรมนะ ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าให้เชื่อกรรม ถ้าไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อกรรมก็ไม่เชื่อพระพุทธเจ้านั่นแหละ เอาละวันนี้พูดเท่านั้นนะ
ให้พร อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํฯฯ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |