ฝากผู้ใหญ่พิจารณา
วันที่ 7 มีนาคม 2547 เวลา 9:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ฝากผู้ใหญ่พิจารณา

 

         ท่าน (เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ) ชอบฟังเทศน์ ท่านภาวนาของเล่นเมื่อไร ไม่หยุดนะ ภาวนาตลอด เราบอกให้หนักหน้านะ ดูโลกก็ดูมาพอแล้ว ให้ดูธรรมในหัวใจบ้าง ดูโลกดูข้างนอก ดูธรรมดูข้างในแล้วกระจายออกไปข้างนอก เราบอก ท่านสนใจภาวนา เก่งนะ หนักแน่นเข้าเรื่อย ๆ ท่านได้ฟังเทศน์เรามาก

         เราอยากให้พี่น้องชาวพุทธเราสนใจทางด้านจิตตภาวนบ้าง จุดนี้เป็นจุดที่เด่นของพุทธศาสนา เด่นมากทีเดียวจุดนี้ เป็นสักขีพยานของพระพุทธเจ้าได้เลย แล้วยอมรับพระพุทธเจ้า จะเห็นองค์ไม่เห็นองค์ก็ตาม พอเข้าถึงจุดนี้หนักเท่าไรพระพุทธเจ้าก็เหมือนว่าติดอยู่ข้างๆ อยู่กับตัวของเราไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหมือนองค์ศาสดาไปด้วยกันเลย ถ้าลงถึงขั้นธรรมธาตุแล้วเป็นเหมือนศาสดาไปด้วยกันเลยตลอด นั่นละจึงว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต คือเห็นธรรมชาติที่หายสงสัยกัน พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จะรวมลงในจุดธรรมธาตุอันเดียวกันหมดเลย ไม่มีแง่ไม่มีสงสัย ตรงนั้นแหละเห็นเต็มสัดเต็มส่วน

พุทธศาสนาเรานี้เด่นที่จิตตภาวนา กิ่งก้านสาขาดอกใบ ความดีจะดีไปตามๆ กันหมด ถ้าจิตตภาวนาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญดีอยู่ภายในแล้ว กิริยาที่แสดงออกภายนอก แม้เป็นส่วนกุศลด้วยกันก็ยังต่างกัน ละเอียดลออเข้าไป การทำบุญให้ทานรักษาศีลอันนี้จะละเอียดเข้าไป หากมีเรื่องพิจารณาของตัวเองนั้นแหละ เป็นอยู่ในธรรมในใจกับสิ่งที่เกี่ยวข้องของเรา ที่จะนำไปทำบุญให้ทานอะไรเหล่านี้ มันหากตรวจหากตราอยู่ภายใน ละเอียดลออ ถึงเวลาเกี่ยวกับสังคมก็ละเอียดลออ สุขุม หน้าที่การงานไม่ค่อยผิดพลาดนะ คนมีจิตตภาวนาเรียกว่ามีอาจารย์เตือนอยู่ภายในตัวๆ ไม่มีใครรู้เราก็รู้ของเราเอง เราก็รู้ของเราเอง หากเป็นอยู่ในจิต

         พอพูดอย่างนี้ก็เป็นเรื่องนอก ๆ ละ แต่มันก็อดคิดไม่ได้นะเรา เราเดินจงกรมอยู่ในนู้น แล้วขึ้นมา ทางต่ำๆ เราอยู่สูง เราลงไปเดินจงกรม เห็นมันร่มดีกลางวัน พอกลับมาเขาบอกว่าน้ำอยู่ในถ้ำนี้มีแต่ไม่มาก หากไหลอยู่ตลอดเลย เราคิดอยากจะลงไปดูน้ำนี้ พอก้าวลงไปนี้ นี่แหละจะว่าอวดหรือไม่อวด เราเคยคิดไว้เมื่อไร เราเดินไปพอจะลงไปตรงนี้มันมีใบไม้ปู ลมพัดมาตกอยู่นี้ เราก้าวลงกำลังจะเหยียบ ทางนี้สะกิดทันทีเลย ตั้งสติในขณะนั้นเลย บอกว่าจะลื่น ทีนี้ก้าวลงไปแล้วจะถอยไม่ได้ มีแต่จะลง ก็มีแต่ตั้งสติเท่านั้น พอเหยียบปั๊บก็ลื่น ตัวลอยเลยนะ นู่นเห็นไหมละ ลงตูมเลย เอากลางตัวลงเลยเชียว หัวไม่ได้ลง เพราะระวังในขณะนั้น

         พอก้าวลงแล้วมันถอนขึ้นไม่ได้แล้ว ทางนี้เตือนทันทีในขณะนั้น ปั๊บนั่น ปั๊บก็ตั้งขึ้นเดี๋ยวนั้นเลย เหยียบปั๊บผึงเลย ตัวลอยเลยนะ เอาตัวลงนี่เลย ไม่ใช่ลงเล่น ๆ นะ ลงก็หินดานมันเป็นหนามเหมือนหนามทุเรียน โหยหมดเลยในตัวเรา เลือดสาดเต็มตัว เหล่านี้เต็มหมด นั่นอย่างงั้นแหละ พูดถึงว่าเตือนนะ ไม่เคยคิดเคยคาด จะก้าวลงก็ไม่ได้คิดธรรมดา พอสะดุดภายในก็ตั้งสติเดี๋ยวนั้นเลย ก็ลงพร้อมกันเลยเชียว นั่น เรียกว่าปัจจุบันอย่างรีบด่วน เตือนปั๊บก็ตั้งสติ เพราะแก้อย่างอื่นไม่ได้แล้ว มีแต่แก้ตั้งสติระวัง พอเหยียบปั๊บนี่มันลื่นเดี๋ยวนี้เลย จนตัวลอยตกลงเลยนะ ไม่ใช่ธรรมดา โอ๋ย เลือดเต็มตัวเลย

         หินดานมันเป็นหนาม ๆ หมดเลย ข้างที่ลง ๆ หมด ข้างนี้ลงหมด เลือดสาด โถแล้วกัน เป็นเวลาตะวันบ่ายเลือดออกได้ง่ายๆ ด้วย โอ๋ยแดงโร่หมดตัว แล้วทำยังไง เอามือกวาดแล้วสลัด มันไหลออกมาเรื่อยทำยังไง ก็เลยลากผ้าอังสะออกมา เอาอังสะออกมาพันเลย ถูเลย นั่นขนาดนั้น และมันก็ไปเจ็บหัวอกเหมือนกันนะ ขัดหัวอก ตอนนั้นไม่เป็น ตอนเข้าพรรษามาเป็น เอ๊ะทำไมถึงขัดหัวอกแปลก ๆ อย่างนี้นะ นั่งภาวนาเวลานั่งอยู่ก็ไม่เป็น เวลาออกมาจากภาวนาขัดหัวอก เขาก็เลยบอก คือเล่าให้เขาฟังเรื่องเราหกล้ม โอ๋ยนี่มันเป็นเพราะการหกล้มนี่แหละ เลือดหรืออะไรช้ำใ เขาว่า เขาหาอะไรมาย่าง ถ้าย่างหายเร็ว เขาว่า เขาก็ไปหามาอีกแหละ พอว่าเขาก็หามาย่าง หายจริง ๆ นะ ที่มันขัดอกมากเข้าๆ  พอย่างนี้หายเลย จนกระทั่งป่านนี้หายไปเลย นี่การย่างไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ

         พูดถึงเรื่องจิต ถ้ามีการภาวนาจะมีความละเอียดลออ การปลุกเตือนกระซิบกระซาบอะไรเรื่องอะไรไม่มีใครบอกมันก็รู้ในตัวเอง อันนี้ไม่จำเป็นต้องถามใครละ ใครเป็นเข้าก็รู้ในตัวเอง คือธรรมแทรกเข้าในใจแล้วจะมีความปลอดภัย มีความอบอุ่น  ลักษณะที่ว่ารักษาเรา กิริยาอาการที่จะแสดงออกมานี้เหมือนธรรมชาตินั้นคอยเตือนตลอดเวลา นี่ละการภาวนา ผิดกับเราไม่ได้ภาวนา ซึ่งแต่ก่อนที่เราไม่ภาวนาไม่ได้มีอะไร ไม่ได้รู้สึกเลย แต่เวลาภาวนาแล้วก็เป็นอย่างงั้น มันเด่นอยู่ภายใน ยิ่งจิตมีความละเอียดลออเท่าไร ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเหมือนกับเรดาร์ มันจับอยู่ภายในของมันเอง

         นี่ละผลแห่งการภาวนาแสดงที่ใจนะ และศาสนาก็เจริญที่ใจ เจริญที่ใจก็กระจายออกไป กิริยามารยาท การประพฤติตัว หน้าที่การงานอะไร มันกระจายออกไปเป็นความดีงามด้วยกันหมดนันแหละ สำคัญอยู่ที่ใจ พอใจมีธรรมเข้าแทรกเข้ารักษาแล้วทีนี้ใจก็เป็นใจที่นุ่มนวล โอ๋ย พูดยากนะ อากัปกิริยาจะแสดงอะไร แม้แต่เราคิดมันจะมีผิดไปปั๊บมีอันหนึ่งกระตุก คิดเรื่องอะไรผิดปั๊บกระตุกทันทีเลย เป็นอย่างนั้น

         เพราะฉะนั้นท่านจึงเชื่อธรรมท่านมากกว่าจะเชื่อผู้อื่นผู้ใด ใครจะมาพูดอะไรเลยไม่สนใจ ท่านที่เป็นนักภาวนาจริงๆ ท่านจะเชื่อท่านมากกว่าเชื่อผู้อื่นผู้ใด เพราะอันนี้ออกไปแบบไหนแน่นอนๆ ไม่มีผิด ถูกตลอดเลย คนอื่นบอกยังผิดพลาด ถึงเขาจะเป็นเจตนาดีก็ตามมีผิดพลาดได้นะ แต่ความเตือนภายในใจของตัวเองออกมานี้ไม่เคยเห็นผิด ถูกต้องตลอดเลย

         อันนี้พูดให้ใครฟังไม่ได้นะ การเตือนภายในใจ เตือนหลายแบบหลายฉบับ แต่เจ้าของเองไม่สงสัย ยอมรับตามที่เตือนทุกอย่างเลย คือไม่ผิดว่างั้นเถอะ หากพูดให้ใครฟังไม่ได้ นี่ละการภาวนาจึงสำคัญมาก เวลานี้กิเลสตัณหามันหุ้มห่อจิตใจ คนทั้งคน มีแตกิเลสเต็มตัวๆ การแสดงออกจึงมีแต่ความสกปรกรกรุงรัง สร้างความทุกข์ให้ตัวเองตลอดไปเลย ถ้ามีธรรมในใจจะซักฟอกไปโดยลำดับลำดา ยิ่งจิตมีความละเอียดลออสูงเข้าเท่าไรนี้ยิ่งเป็นของแปลกประหลาดอัศจรรย์ๆ ไปเรื่อย เรื่อยไปเลย มันต่างกันนะการภาวนา

         การทำความดีทั้งหลายเป็นบริษัทบริวารที่จะหนุนกันเข้าไปหาทางจิตตภาวนา ถ้าจิตตภาวนาดีเท่าไร เท่ากับเราสร้างทำนบใหญ่เอาไว้ บรรจุความดีทั้งหลายที่เราสร้างมามากน้อย ไม่หายไปไหน ความดีที่เราสร้างมานี้ อยู่ในนั้นแหละ แต่ไม่มีทางแสดงออกได้ เวลาเราภาวนาก็เหมือนเราสร้างทำนบใหญ่ น้ำไหลมานี้มันก็ไหลผ่านไปเสียไม่มีทำนบเก็บน้ำ พอสร้างทำนบแล้ว น้ำไหลมาที่ไหนก็เต็มตื้นขึ้นมาๆ กระจ่างแจ้งด้วยน้ำ อ๋อ นี่เขื่อนใหญ่เก็บน้ำ แต่ก่อนน้ำไหลผ่าน พอสร้างเขื่อนใหญ่แล้วน้ำก็เต็มไปหมด

อันนี้เขื่อนใหญ่คือจิตตภาวนา สร้างกุศลทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าของสร้างคุณงามความดีมามากน้อยจะเริ่มรู้ๆ รู้เข้าไปโดยลำดับ จนกระทั่งไม่สงสัยตัว เพราะอำนาจแห่งกุศลที่รวมมาหาทำนบใหญ่ ได้แก่จิต สร้างบุญกุศลมากน้อยมันเป็นความแน่ใจอยู่ในตัวเอง มั่นใจในตัวเอง เรียกว่าเชื่อตัวเอง เป็นอย่างนั้นนะ ไม่ใช่สุ่มๆ เดาๆ นะการภาวนา เด็ดมากนะ ผิดเรื่องทั้งหลายอยู่มากในบรรดากุศล จะมารวมอยู่ที่ใจดวงเดียวนั้นแหละ เราจึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้สนใจทางด้านภาวนา ศาสนาเราจะเด่นขึ้นอีกมากมายนะ ถ้าลงจิตตภาวนาได้ปรากฏผลขึ้นมาแล้ว คนนั้นจะเริ่มตั้งตัวได้ตลอดๆ แน่นหนามั่นคงตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะปล่อยไป

เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นของไม่แน่นอน อาศัยเขาชั่วกาลเวลาที่จำเป็น ในเวลาธาตุขันธ์ยังมีชีวิตอยู่นี้ มันก็ปล่อยเข้ามา ถึงมีชีวิตอยู่ สิ่งเหล่านั้นก็ใช้ก็อาศัย แต่ไม่ไปยึดไปถือยิ่งกว่าที่ปฏิพัทธ์ยินดีในธรรมทั้งหลาย ใกล้ชิดติดพันกับธรรมอยู่ภายในใจของตัวตลอดเวลา อันนี้มั่นคงๆ เรื่อย เป็นอย่างนั้นนะ สร้างให้เต็มตัวแล้วหมด หมดในแดนสมมุติว่างั้นเลย เมื่อสร้างจิตตภาวนาให้เต็มตัว เรียกว่าน้ำเต็มเขื่อนแล้ว ทีนี้อยู่ไหนได้หมด ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ว่าปีนั้นเดือนนี้ อดีตอนาคตอะไร มาเต็มอยู่ในปัจจุบันคือหัวใจของเราอย่างเดียว เรื่องอดีตอนาคตจึงไม่มี ปัจจุบันนี้ก็จ้าอยู่นั้นเสีย ก็ไม่เรียกว่าปัจจุบัน เพราะมีอยู่ตลอด นั่นละเมื่อเวลาถึงขั้นตลอดมีตลอดเลย ท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยง

คือจิตที่บริสุทธิ์ขัดเกลาสิ่งที่เป็นสมมุติ ท่านเรียกว่า อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เต็มโลกเต็มสงสาร ปัดออกหมด ไม่มีอะไรเข้าเกี่ยวข้องเลย มีแต่ธรรมธาตุล้วนๆ ซึ่งเป็นวิมุตติธรรม หรือเป็นธรรมธาตุ เลยไม่คาดหน้าคาดหลัง อดีตอนาคตไม่มี การเป็นการตายไม่มีอะไรเป็นภาระ สัตว์โลกนี้กลัวตายมาก แต่อยากเกิดกันมาก แต่ตายไม่อยากตาย ครั้นเวลาพูดถึงเรื่องความตายนี้ โอ๋ย จิตห่อเหี่ยวเข้ามาไม่อยากพูด อยากเอาเรื่องอื่นเพลิดเพลินเข้ามากลบไปเสียพอให้ผ่านไปได้ ถ้าพูดถึงเรื่องการเป็นการตายนี้ไม่อยากพูดถึงนะ

ทีนี้เวลาภาวนาเข้าๆ การเป็นการตายค่อยชินกันเข้าไป ตกลงเลยเป็นเพื่อนกันเลย เป็นตายก็อยู่กับธาตุขันธ์อันนี้ เขาเป็นเขาตายอะไร แตกออกไปจากส่วนผสมนี้แล้วก็ไปอยู่สภาพเดิมของเขา จิตถ้าไม่ลืมตัวเสียอย่างเดียวก็ไม่ไปพัวพันกับเขา จิตก็เป็นจิต เขาก็เป็นเขา อย่างนั้นนะ จึงว่ามันตายใจอยู่กับตัวเอง ถ้าพอแล้วไม่มีละเรื่องสมมุติที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องการเป็นการตาย กลัวจะเป็นจะตายอย่างนี้ไม่มี ถึงวาะที่จะไปแล้วเหรอ เท่านั้นละ ดีดผึงเลย

ก็ท่านปฏิบัติตามธาตุตามขันธ์ที่ท่านรับผิดชอบอยู่เพียงเท่านั้น ท่านไม่ได้ยึดนี่ เหมือนเราถือเครื่องไม้เครื่องมือจับฟันนั้นฟันนี้ ปล่อยเสียก็เท่านั้นเองไม่มีอะไร นี่ก็เป็นเครื่องมือของจิตสำหรับใช้ เช่นท่านบริสุทธิ์ๆ ก็เครื่องมือสำหรับทำประโยชน์แก่โลก การเที่ยวแนะนำสั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่าง อุบายวิธีการต่างๆ นี้ออกจากเครื่องมือที่ไปใช้ทำประโยชน์ พอหมดสภาพแล้วมันก็ปล่อยของมันเอง จะให้เป็นภาระในเรื่องเป็นตายของท่านท่านไม่มี เพราะท่านเรียนจบแล้ว ท่านไม่ยึด ปล่อยเท่านั้นเอง ปล่อยความรับผิดชอบนะ ไม่ได้ปล่อยอุปาทาน รับผิดชอบโดยสัญชาตญาณ พอถึงวาระแล้วก็ปล่อยปั๊บเท่านั้น ผึงเลยๆ

เพราะฉะนั้นเรื่องประวัติของพระอรหันต์จึงไม่ค่อยมีในชาดกนะ มีน้อยมาก ทั้งๆ ที่พระอรหันต์มีขนาดไหน ก็เพราะท่านตายง่ายนั่นเอง ท่านไปอยู่ที่ไหนท่านไปอยู่ของท่าน ท่านไม่ได้มีอะไรมาเป็นเครื่องเจือปนให้ท่านกังวลวุ่นวาย อยู่ไหนท่านสบายตลอด ถึงวาระที่จะไปแล้ว ท่านควรที่ไหนท่านก็ปั๊บเข้าที่นั่นแล้วดีดผึงๆ ไปเลย ประวัติจึงไม่ค่อยมี จะมีก็มีเฉพาะประวัติของพระสาวกองค์ที่สำคัญๆ เท่านั้น นอกจากนั้นแล้วไม่ค่อยปรากฏนะ เพราะฉะนั้นในชาดกจึงไม่ค่อยเห็นมีในประวัติของพระสาวกทั้งหลาย

องค์นั้นนิพพานที่นั่นที่นี่ บรรยายไป อย่างนี้ไม่ค่อยมี มีแต่องค์สำคัญๆ เท่านั้นแหละ เพราะท่านตายสบาย ท่านไม่ยุ่ง แล้วท่านไม่ยุ่งกับใครด้วย ถึงวาระที่ท่านจะไปแล้ว ไปแล้วเหรอ เท่านั้นละ ดีดพับเลยไปเลย คือปล่อยนี้เท่านั้นเอง ถ้าว่าทุกข์ในขันธ์ก่อนจะตาย มันก็เป็นอยู่ในขันธ์ของมันต่างหากไม่ได้เป็นอยู่ในจิต ท่านจะเอาอะไรมาโศกเศร้าเหงาหงอย คำว่าทุกขเวทนาก็เวทนาในขันธ์นั่นเองจะเป็นอะไร ขันธ์ ๕ คืออะไร ก็คือสมมุติทั้งหมด รูปขันธ์ก็คือร่างกายของเรา เวทนาขันธ์ก็คือ ความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ ที่มีอยู่เฉพาะในขันธ์ในร่างกาย ไม่ได้มีอยู่ในใจท่านนะ ทุกขเวทนานี้จะไปบีบบี้สีไฟท่านในเวลาตายได้ยังไง มันก็เป็นอยู่ในขันธ์นี่เท่านั้น ไม่ได้เป็นอยู่ในวิสุทธิจิตของท่าน พอถึงกาลเวลาแล้ว ไปแล้วเท่านั้น ดีดพับไปเลย ท่านไม่ยาก ท่านจึงไม่เป็นกังวลกับการตาย

นี่ละอำนาจแห่งการอบรมธรรม เชื่อตัวเองได้ไม่ต้องไปถามใคร คนที่ไม่มีศีลมีธรรมพูดถึงเรื่องการเป็นการตายนี้ โอ๋ย เดือดร้อนวุ่นวายมากนะ แล้วอบรมศีลธรรมให้มากเข้าๆ ยิ่งรวมตัวเข้ามาหาใจ ใจได้ภาวนามีความอบอุ่นแน่นหนามั่นคงขึ้นเท่าไร ยิ่งปล่อยออกๆ สิ่งที่จะทำให้เกิดความทุกข์เพราะความกังวลวุ่นวายยึดถือมัน ปล่อยออกๆ  ความทุกข์ก็ไม่ค่อยมี ใจก็ไปด้วยบุญด้วยกุศล ถ้าผู้บริสุทธิ์ อยู่ก็บริสุทธิ์ ไปก็บริสุทธิ์ ก็อันเดียวกัน ว่าเป็นว่าตายที่ไหนพระอรหันต์ ถ้าพูดถึงเรื่องจิตของท่านไม่มีคำว่าเป็นว่าตาย เป็นธรรมชาติอยู่อย่างนั้น คำว่าตายหรือนิพพานก็เป็นเรื่องของธาตุขันธ์เท่านั้นเอง

ธรรมพระพุทธเจ้าสดๆ ร้อนๆ นะ ไม่ได้มีกาลสถานที่เวล่ำเวลาใดๆ เข้ามาลบล้าง อันนี้เป็นเรื่องของกิเลสเข้ามาลบล้าง ถ้าเราไม่หลงกิเลสเราก็ไม่ลืมตัว บำเพ็ญตนตลอดไปเท่านั้นเอง ขอให้ทุกคนจำเอานะ ศาสนาพระพุทธเจ้านี้เลิศแล้ว สุดยอดแล้วนะ หาที่ไหนอีกไม่มีแล้ว สุดยอด ชี้นิ้วเลย พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอด ชี้นิ้วเลย เอกเท่านั้น หนึ่งไม่มีสอง ไม่มีอะไรจะเป็นคู่แข่ง หรือว่าศาสนาใดจะแข่งไม่มี นี่เรียกว่าศาสนาเขาโค เขาโค เอก มีศาสนาเดียว ขนโคไม่ต้องพูด พิจารณาเอา เขาโคนี้อันเดียวชี้แน่วเลยเทียว เอาละวันนี้เทศน์เท่านั้น

คำถามปัญหาธรรมะจากอินเตอร์เน็ต

ขณะกำลังภาวนาพุทโธๆๆ เมื่อจิตเริ่มสงบจะได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาภาวนาแข่ง พุทโธๆๆๆ ทำให้สับสนว่าจะภาวนาพุทโธๆ ต่อไปหรือจะใช้จิตดูกำหนดตามเสียงนั้น และเสียงนั้นเป็นจิตภาวนาอัตโนมัติใช่หรือไม่ และเคยหยุดภาวนา แต่ใช้จิตกำหนดตามเสียงนั้น ปรากฏจิตเริ่มมีก้อนพลังงานมหาศาล และก้อนดังกล่าวแตกกระจัดกระจายแต่ไม่กล้าตามต่อไป เพราะไม่รู้ถูกต้องหรือไม่

หลวงตา ไม่ต้องไปยุ่งแหละ อยู่กับพุทโธ อย่าไปกังวลกับมัน อาการของจิตที่มันแทรกขึ้นมาอีกอันหนึ่งแขนงหนึ่งเท่านั้นเอง เราอยู่กับจุดใหญ่ คือเรากำหนดพุทโธก็ให้อยู่กับพุทโธเสีย ไม่ต้องไปเป็นกังวล เท่านั้นแหละมีอะไรอีก มีเท่านั้นหรือวันนี้

โยม ลูกศิษย์กราบเรียนให้ทราบว่า พากันไปแจกแผ่นใบปลิวที่สนามหลวง แต่ถูกตำรวจไล่จับ ห้ามไม่ให้แจก

หลวงตา มันโง่ก็ให้เขาไล่เอาแหละ ถ้าฉลาดเขาจะไปตามไล่อะไรนักหนา ดีไม่ดีเราไล่มันเสียเอง นี่แหละเราเปิดธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี่ว่าจะหยุดธรรมไปแล้วนะ เห็นไหมล่ะ ไปแจกใบนี้ก็มีตำรวจเป็นผู้กีดผู้กันไม่ให้แจก ตำรวจนี้มาจากอำนาจป่าเถื่อน เข้าใจไหม อำนาจป่าเถื่อนเวลานี้กำลังทำลายทั้งชาติทั้งศาสนาไปพร้อมกันเลย พวกใหญ่ๆ นี้เป็นป่าเป็นเถื่อนเป็นมหาโจรเข้าปล้นบ้านปล้นเมืองอยู่เวลานี้ นี่แหละที่เที่ยวหากีดหากัน ออกจากอำนาจป่าเถื่อนตัวใหญ่ๆ มหาโจรตัวใหญ่ออกมา แล้วบีบบังคับเขาให้ทำตามตัวเองทั้งๆ ที่มันไม่ถูกก็บีบบังคับให้ไปทำ นี่แหละมหาโจรกำลังปล้นบ้านปล้นเมืองอยู่เวลานี้

โยม กราบเรียนเพิ่มเติม ลูกศิษย์เขาก็ไม่ได้ย่อท้อ อย่างวันนี้เขาก็ยังพยายามแจกอยู่ ทั้งๆ ที่มีอุปสรรคดังกล่าวนี้ครับ

หลวงตา อ้าว ก็เรื่องของเขา เรื่องของเรามันก็ต้องทำไปละซิ (ครับๆ) ยิ่งพูดตามหลักความเป็นจริง เรื่องของเราเป็นเรื่องเจ้าของสมบัติรักษาสมบัติคือชาติศาสนาของตัวเอง เราต้องทำเต็มเหนี่ยวของเราซึ่งเป็นเจ้าของสมบัติ อันนั้นเป็นกองโจรมหาโจรที่เขามาบุกๆ เขามีอำนาจมาก โจรมันก็จะไปล้วงตับไปกินเขามีอำนาจมากกว่านะ ถ้าเรามีอำนาจมากกว่าโจรเราก็จับโจรมัดใส่คุก เข้าใจเหรอ มันก็มีสองอย่างเท่านั้นแหละ

นี่เราก็ประกาศให้ทราบแล้ว เราไม่เอนไม่เอียงเราพูดตามหลักธรรม ใครจะเอาคอเราตัด ตัดเลย เราไม่เสียดายยิ่งกว่าอรรถกว่าธรรมซึ่งเป็นความสัตย์ความจริง ที่โลกได้กราบไหว้ตลอดมา พวกเปรตพวกผีโลกตัวไหนมันจะไปกราบไปไหว้ไม่มี นี่แหละเวลามันมีกำลังมาก ไปหาครอบโน้นครอบนี้เอากำลังป่าเถื่อนหลอกลวงชาวโลก แล้วบีบบังคับไปในตัว ใช้อำนาจป่าเถื่อนไปบีบไปบังคับ แม้ตั้งแต่พระเราก็ฟังซิน่ะ มันบีบบังคับไปหมด เป็นหัวหน้าเป็นผู้ใหญ่แล้วก็บีบบังคับสั่งมา การสั่งนั้นมันไม่ได้ถูกต้อง ถ้าเป็นอรรถเป็นธรรมแล้วไม่ควรสั่ง เอ้า ถ้าหากว่าผู้สั่งเป็นความผิด เอ้า ผู้รับคำสั่งไม่ปฏิบัติตาม นั่น ใช่ไหมล่ะ เพราะมันผิด ไปปฏิบัติตามอะไร

ดังที่เราพูดเมื่อสองสามวันนี้ เขาสั่งมาให้สั่งการไปตามเจ้าคณะภาคเจ้าคณะจังหวัดอะไรๆ ไม่ต้องทำตาม นั่นเราสั่งไปแล้ว บอกคณะธรรมยุตเราไม่ต้องทำตาม เพราะอันนี้เป็นกฎข้อบังคับของมหาโจรต่างหาก ไม่ใช่กฎข้อบังคับของผู้มีอำนาจตามความเป็นธรรมๆ สั่งมา นี้มันไม่ได้เป็นธรรม มันสั่งมาอาศัยอำนาจธรรมแล้ว มันเป็นอำนาจป่าเถื่อนแทรกเข้ามานี้ เราจึงสั่งไปเลยบอกไปเลย แต่ใครจะทำตามไม่ทำตามแล้วแต่ เราพูดอย่างเรียกว่าเต็มความจริงของเราเลย วันนั้นก็ได้ยินไม่ใช่หรือ ถึงขนาดว่ามันตาบอดหรือพวกนี้เราว่างั้น เขาสั่งมายังไงก็ทำตาม หัวหดอยู่ในกระดอง ใช้ไม่ได้นะ

เราเป็นเจ้าของสมบัติ เวลานี้มหาโจรกำลังคุกคามบ้านเมือง เอาแต่ของปลอมๆ ออกมาทั่วประเทศไทยเวลานี้ ไปที่ไหนหลอกลวงต้มตุ๋นๆ เห็นกันอย่างชัดเจนอยู่นี่ เป็นยังไง เด็กมันก็รู้นี่นะ เอาของจริงมาพูดเมื่อไรพวกนี้ไม่มี มีตั้งแต่ของปลอมของทำร้ายทั้งชาติทั้งศาสนาให้แหลกเหลวไปตามๆ กัน เพราะฉะนั้นผู้รักษาสมบัติคือชาติและศาสนาจึงต่อต้านกันดังที่เขาต่อต้านไม่ให้แจกที่นี่ เขาไปแจกที่นั่นอย่างนันแหละเข้าใจเหรอ

นี่เราพูดตามความเป็นจริง มันไม่ถูกจะให้บอกว่าถูกยังไง ก็มหาโจรจะให้ถูกได้ยังไง มันมีหลักธรรมหลักวินัยที่ไหน เป็นพระถ้ามีธรรมมีวินัยจะไม่สั่งการแบบนี้มาให้ผู้น้อยได้รับความเดือดร้อนวุ่นวาย ถ้าไม่ทำตามก็ แน่ะ ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง สำหรับเรานี้ไม่ทำตามทันทีเลย มันก็หมอบละซิ หมอบกลัวอำนาจเขา กลัวก็กลัวไปหลายอย่าง แล้วกลัวพัดยศจะตก กลัวยศเจ้าฟ้าเจ้าคุณชื่อไหนจะตกเพราะเขามีอำนาจป่าเถื่อน เขาเอายศป่าเถื่อนมาใส่ เราก็รักสงวนยศป่าเถื่อน ทีนี้ก็หัวหดละซิเข้าใจไหม ถ้าหากพูดตามหลักธรรมแล้ว อะไรที่มีน้ำหนักมากมีคุณค่ามากเวลานี้ ชาติมีคุณค่าเต็มตัวของชาติไทยเรา ศาสนาขององค์ศาสดาเทิดทูนทั่วประเทศไทยหนักมากขนาดไหน เรานี้มีอำนาจบาตรหลวงมีคุณค่ามีราคาขนาดไหน มีแต่มาทำลายทั้งนั้น ใครจะไปยินดีกับมัน จะไปหดหัวได้ยังไง ใส่ปั๊วะเลย เราเอาจริง ๆ นะ

นี่มันมีศีลมีธรรมที่ไหน ออกมาเวลานี้พระหัวโล้นๆ ก็โล้นๆ เถอะนะ มันเอาตั้งแต่เรื่องมหาโจรเข้ามามันไม่ได้แบบพระ แบบมหาโจรมาใช้ทั้งนั้น ไม่มีศีลมีธรรมก็คือพระสมัยปัจจุบันที่กำลังเกิดเรื่องเกิดราวอยู่นี้ หมดศีลหมดธรรมไม่มีอะไรเหลือเลย เอ้า ท่านทั้งหลายจะเคารพหรือไม่เคารพฟังดูซินะ มันอาศัยเป็นผ้าเหลืองเฉย ๆ ยศก็ยศมหาโจรนั่นแหละจะเป็นอะไรไป เอาอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ เป็นมหาโจรออกมาปล้นบ้านปล้นเมืองบีบบังคับพระเจ้าพระสงฆ์ ผู้ดีก็เลยทำตาม ไม่ทำตามก็ลำบากรำคาญนะ กินก็ยากคายก็ลำบากนะ นี่ละเรื่องมหาโจรกำลังปล้นบ้านปล้นเมืองเวลานี้ หนักมากนะป่าเถื่อนแบบไม่อายเลย หน้าด้านที่สุดคือพวกนี้ พวกนี้หมดบุญหมดบาปแล้วมันไม่ได้สนใจกับบุญกับบาปอะไร มีแต่จะเอาให้ได้อย่างใจๆ ตามพรรคตามพวกหรือลามไปถึงภาคก็ได้ ตามพรรคตามพวกตามภาคของตนก็ได้ เมื่อมันหนักเข้าๆ มันลามไปหมดอย่าว่าแต่ภาค ฟาดมันทั้งประเทศนี้เหยียบกันลงไปเลย มีแต่คนชั่วประเทศอยู่ได้ยังไง มันก็เหยียบกันลงไปซิ นี้เราพูดตามหลักความจริง

ที่เอามาทำมันมีที่ไหนในแบบฉบับ ตามหลักธรรมหลักวินัยไม่มี สิ่งที่มีที่ยืนตัวตายได้ เป็นที่เชื่อถือได้ก็คือ  ดังที่พระสงฆ์ท่านออกไปรวมกันประกาศข้อเท็จจริงขึ้นที่  วัดอโศการาม พระเป็นหมื่นกว่ารูป นั่นละคือแบบฉบับของธรรมของวินัยตลอดไป มันก็หาเรื่องว่าพวกเราพวกนี้เป็นพวกก่อกวน ทีนี้มันจะก่อกวนหรือไม่ก่อกวนก็ตาม พระสงฆ์ในประเทศไทยกำลังจะแตกเป็นสังฆเภทเวลานี้ ถ้าอันนี้ขึ้นเมื่อไรสงฆ์แตก เราก็ได้เทศน์แล้วข้อนี้ใช่ไหมละ นี่ยันกันอย่างนี้เลย ไม่เป็นอย่างอื่นชี้นิ้วเลย ก็เรียนมาด้วยกันเห็นมาด้วยกัน เอ้า อันนี้ขึ้นเมื่อไรแล้วสังฆเภทแตก ทั้งประชาชนญาติโยมหัวใจแตก ประชาชนก็แตก พระสงฆ์ก็แตก ถ้าอันนี้เข้าได้เมื่อไร เข้ามาเหยียบเมื่อไร

นี่เวลานี้กำลังบีบบังคับทางโน้นทางนี้จะขึ้นเหยียบนั่นเอง จะเหยียบได้ไม่ได้ก็คอยฟังเอาก็แล้วกัน นี่เรื่องเป็นความจริงอย่างนี้ หาความจริงไม่ได้มีแต่ปลอมหลอกลวงเต็มบ้านเต็มเมือง มีแต่พวกเปรตพวกผีนี้ทั้งนั้นละ สวมใส่เข้าไปผ้าเหลืองเข้ามาหัวโล้นโกนมันลงไป แต่การปฏิบัติตัวเหมือนยักษ์เหมือนผี ไม่มีศีลธรรมติดเนื้อติดตัวพองามบ้างสมกับว่าผู้มีผ้าเหลือง ไม่มีเลย ผู้ปราศจากศีลธรรมอย่างไม่มีติดตัวเลยก็คือพวกนี้แหละ เวลานี้ เอ้า ดูเอานะ ไม่มีศีลมีธรรม พูดออกมาอะไรมีแต่เรื่องโกหกมดเท็จต้มตุ๋น ขู่เข็ด้วยเรื่องจอมปลอมทั้งนั้นไม่มีเรื่องความจริง แล้วคนในประเทศไทยยังเชื่อถืออยู่เหรอ เอ้า พิจารณาซิ

ถ้าขึ้นเมื่อไรแตก ชาติไทยแตก สังฆเภทขึ้นทันทีเลย ทั้งธรรมยุตมหานิกายจะขึ้นทันทีเลย ให้ผู้ใหญ่พิจารณาอีกทีหนึ่ง เราฝากข้อคิดเอาไว้อย่างนี้ เพราะเราไม่เป็นผู้มีอำนาจจะไปบีบบังคับไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ นอกจากเป็นผู้มีอำนาจหรือผู้เป็นผู้ใหญ่จะนำข้อเท็จจริงนี้มาเสนอให้ได้ทราบทั่วถึงกัน มันหนักไปทางถูกทางผิดอะไรก็รู้กัน ตัดสินกันลงจุดนั้นใช่ไหมละ ก็มีเท่านั้น เห็นด้วยไหมที่ว่าหรือไม่เห็นด้วยค้านมา

โยม เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

หลวงตา มันก็เป็นอย่างนั้น โอ๊ย.สลดสังเวชนะ พระเราร้ายกาจที่สุด มาสมัยนี้เป็นมหาโจรสดๆ ร้อนๆ เลย อำนาจใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นมหาโจรใหญ่โต คือพระสมัยกำลังก่อเรื่องพวกก่อเรื่องนี้แหละ ว่าตรง ๆ เลย พระทั่วประเทศไทย องค์ท่านไม่มาก่อเรื่องเราก็ไม่ได้บอกว่าพระมหาโจร พวกมาก่อเรื่องที่จะทำลายชาติ ศาสนา นี้แหละพวกมหาโจร อำนาจก็อำนาจของโจร ถึงจะอำนาจเป็นทางพระตั้งสมณศักดิ์ สมณศักดิ์สมณะแสกอะไรก็คือสมณะของโจรนั่นแหละ มันอาศัยผ้าเหลืองมาใส่แล้วเอาอำนาจป่าเถื่อนสั่งไปหมดเลย

เราจึงบอกกับพวกคณะธรรมยุตเรา ไม่ต้องปฏิบัตตาม เราบอก ซัดกันอย่างหนักๆ เลย เราก็คนๆ หนึ่งนี่นะ สั่งมาอะไรถูกต้องก็ปฏิบัติตาม ไม่ถูกต้องปฏิบัติหาอะไร การเป็นผู้มีอำนาจต้องมีอำนาจด้วยความเป็นธรรม สั่งสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ถูก ไม่ถูกก็ไม่ทำตาม นั่น มันก็มีเท่านั้นเอง เลวที่สุดเวลานี้จนดูไม่ได้ ว่าอย่างนั้นเถอะน่ะ เลวร้ายที่สุด บวกกันทั้งฆราวาสทั้งพระ ทั้งหัวโล้นบวกกันเข้าเป็นมหาโจรกำลังจะปล้นชาติศาสนา ด้วยพลังแห่งความหยาบโลนของตน ความโหดร้ายของตนนั่นแหละ เรื่องศีลเรื่องธรรมอย่าถามหาเลยพวกนี้ มีแต่จะเอาท่าเดียว เอาละพอ

โยม มีลูกศิษย์เขาอยากทราบนะครับ แล้วแต่หลวงตาอยากตอบหรือไม่ตอบ

ข้อที่ ๑ เขาบอกแม่พระธรณีนี้มีจริงหรือไม่จริง

๒.มีการที่จะปั้นรูปปั้นท่านมากราบเคารพบูชา แล้วต่อมาตกแตกกระจายต่าง ๆ เนี่ย ดีหรือไม่ดีครับ

หลวงตา เราไม่ใช่แม่ธรณี มาถามเราทำไม ถ้าหากว่าจะถามถามถึงพ่อธรณีค่อยยังชั่ว นี่มาถามแม่ธรณีอย่ามาถาม ขืนถามไปตีปากนะอย่าว่าไม่บอก ถามไม่เข้าเรื่อง บทเวลาพ่อธรณีไม่เห็นถามวะ มาถามแต่แม่ธรณี ถามพ่อธรณีมันจะออกช่องอื่นอีกนะ ไม่ใช่จะออกช่องเดียวนะ มันจะใส่ปั๊วะอีกแบบหนึ่ง ก็มีเท่านั้นละ

 

ชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกทุกวัน   ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก