เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๗
เราสงสารเลยขอบิณฑบาต
หนังสือพิมพ์เขาลงข่าว ต้มยำหลวงตาพระมหาบัว คอยฟังเอา
(ผู้กำกับอ่าน) จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ คอลัมน์ ข้างประชาราษฎร์ ของสิริอัญญาว่า
ขอกราบเรียนด้วยน้ำใจจริงแท้ว่า ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้จะเห็นเรื่องราวไม่เข้าท่าหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และนำความเสื่อมเสียให้เกิดแก่วงการพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง แต่ก็เห็นว่าในที่สุดวันเวลาก็จะช่วยแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ ดังนั้นจึงได้แต่สงบถ้อยสงบคำตามประสาผู้น้อย
แต่มาวันนี้เมื่อเห็นพวกเหล่าเถรพากันต้มยำทำแกงพระมหาเถร กันด้วยเดรัจฉานกถาต่างๆ แล้ว มิหนำซ้ำพฤติกรรมที่นำออกมาใช้ราวกับว่าหลวงตาพระมหาบัวเป็นคนชั่วช้าเลวทราม แล้วประณามกันทางสื่อมวลชนฉะนี้แล้วก็เหลืออดที่จะทนต่อไป
จึงจำต้องกล่าวว่ารายการโทรทัศน์ช่อง ๑๑ เมื่อวันพุธที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ นั้น เป็นรายการบาปที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ร่วมกันกระทำบาปอันมหันต์ ไว้ในพระพุทธศาสนา และขอให้พุทธศาสนิกชนทั้งปวงได้จับตาต่อไปเถิดว่า คนจำพวกนี้จะได้รับวิบากกรรมจากผลกรรมอย่างไร
รายการวันดังกล่าวเป็นรายการต้มยำทำแกงหลวงตาพระมหาบัวโดยเฉพาะ และโดยการกระทำข้างเดียวโดยแท้ ทั้งยังเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม เหยียบย่ำพระเกียรติและภูมิธรรมอันสูงส่งของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาความแตกร้าวในสังฆมณฑลได้สำเร็จ
มีแต่จะขยายปัญหากว้างออกไปในหมู่พุทธศาสนิกชน ยิ่งพระปาร์ตี้ลิสต์บางรูปที่รับใช้การเมืองบางฝ่ายตลอดมา กล้ากล่าวเดรัจฉานกถาประณามพระมหาเถระศิษย์พระตถาคตเจ้าด้วยกันว่า เป็นต้นตอของการก่อปัญหาก็ดี กล่าวเป็นทำนองว่าเป็นผู้มีดวงใจบอดมืด มีสายตาบอดมืดก็ดีนั้น ไม่ใช่การกล่าวตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย หากเป็นการกล่าวที่แสดงออกซึ่งโมหะโดยแท้
เพราะไม่ได้กล่าววาจาเป็นสัตย์ ไม่ได้กล่าววาจาอันปิยะ ไม่ได้กล่าววาจาอันนอบน้อม ไม่ได้กล่าววาจาอันเป็นประโยชน์ ไม่ว่าประโยชน์ตนหรือประโยชน์ท่าน มีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก และเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่พุทธศาสนิกชน เพราะสิ่งที่ได้กล่าวไปนั้น บรรดาพระสงฆ์และบรรดาสานุศิษย์ของพระสายป่าทั่วประเทศ เมื่อได้ยินได้ฟังแล้วย่อมไม่มีความสบายใจ และดีร้ายก็จะเข้าใจไปว่ารัฐบาลเห็นด้วยไปกับคำกล่าว อันฝ่าฝืนคำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นนั้น เพราะนั่นไม่ใช่ท่าทีหรือวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ที่มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาทั้งหลายในบ้านเมืองให้ลุล่วงไปด้วยดี เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
แต่การกล่าวร้ายฉะนั้นมีทางแต่จะสมประโยชน์ของบางคนบางฝ่าย ที่ต้องการจะสร้างความขัดแย้งขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวพุทธจะต้องรู้เท่าทัน
ปัญหาเรื่องการคัดค้านการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เป็นคนละเรื่องกับการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ชอบมาพากลของผู้คนแวดล้อม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมามีการกระทำที่ส่อเจตนาให้เห็นว่า มุ่งหมายจะเชื่อมโยงให้เป็นเรื่องเดียวกัน ให้เป็นพวกเดียวกัน เพื่อทำลายความชอบธรรมในการคัดค้านนั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่เห็นว่า การคัดค้านเป็นการกระทำของศัตรู นี่คือความผิดพลาดที่มหันต์อันเป็นปฐมมิจฉาทิฐิแล้ว
ข่าวคราวคนแวดล้อมสมเด็จพระสังฆราชประพฤติปฏิบัติไม่ชอบ มีมาช้านานแล้ว และควรต้องแก้ไขเสียตั้งนานแล้ว แต่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ไปอยู่เสียที่ไหน จึงปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายบานปลายถึงป่านนี้? และใครต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ที่เพิกเฉยละเลยไม่เคารพหน้าที่ของตน? มิหนำซ้ำยังนำมาเป็นเหตุเหยียบย่ำพระเกียรติยศของสมเด็จพระสังฆราชอีกเล่า
เรื่องนี้ต้องแยกออกจากการคัดค้านของคณะศิษย์หลวงตาพระมหาบัว เพราะไม่เกี่ยวโยงกันแม้แต่น้อย
การคัดค้านเกิดขึ้นก็พอเห็นได้จากการเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่ผ่านมาว่า มีการอ้างพระสุขภาพของสมเด็จพระสังฆราชว่าทรงพระประชวร แล้วแต่งตั้งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จากนั้นแล้วจึงนำคำสั่งแต่งตั้งไปให้สมเด็จพระสังฆราชลงพระนามรับทราบ
การนำคำสั่งแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ไปให้สมเด็จพระสังฆราชลงพระนามรับทราบ เป็นการบอกความหมายอยู่ในตัวว่า สมเด็จพระสังฆราชยังทรงปฏิบัติภารกิจได้ และยังทรงมีพระสติ เพราะหากทรงปฏิบัติภารกิจไม่ได้หรือไม่มีพระสติ ดังที่กล่าวหากันแบบมั่วๆ แล้ว จะนำคำสั่งแต่งตั้งไปให้ลงพระนามรับทราบทำไมกัน
นี่คือความขัดแย้งกันเองในตัว กับคำกล่าวหาที่ว่าสมเด็จพระสังฆราชประชวรจนไม่มีพระสติแล้ว กับสิ่งที่ทำซึ่งเป็นการยอมรับว่าสมเด็จพระสังฆราชยังทรงมีพระสติ ยังทรงปฏิบัติพระภารกิจได้แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์นักก็ตาม
สาธุชนและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พึงพิจารณาความที่ว่านี้โดยแยบคายก็จะเห็นจริง และเห็นถึงสิ่งที่ขัดแย้งกันในระหว่างสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำ อันจะพิสูจน์ได้ว่านั่นไม่ใช่สัจจะ นั่นเป็นสิ่งที่มีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่
ควรจะได้รู้ว่าปุถุชนคนเราป่วยเจ็บกันได้ สมรรถนะของสังขารย่อมเสื่อมโทรมไปเป็นธรรมดา แต่จะถึงกับไร้สติหรือปฏิบัติภารกิจไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และในเรื่องนี้ความมีภูมิธรรมในตัว ยังเป็นปัจจัยสำคัญอยู่อีกประการหนึ่ง ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะมองข้ามไปไม่ได้
ยกตัวอย่างเมื่อครั้งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า องค์พระอุปัชฌาย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทำพิธีอุปสมบทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในครั้งนั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงพระประชวรมากอยู่แล้ว แต่ละวันประทับบนพระตำหนัก มิได้เสด็จลงปฏิบัติพระภารกิจตามปกติ จนเป็นที่คาดหมายห่วงใยกันว่า เมื่อถึงการพระราชพิธีสำคัญ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าอาจไม่สามารถเสด็จลงพระอุโบสถ เพื่อประกอบพิธีอุปสมบทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ แต่ครั้นกาลมาถึงเข้าจริงก็ปรากฏว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้าเสด็จลงพระอุโบสถตามเวลาที่กำหนด ในพระกิริยาอาการที่สดชื่นแจ่มใสเปล่งปลั่ง ทรงประกอบพระราชพิธีอุปสมบทสำเร็จลุล่วง ตามขั้นตอนและพิธีกรรมแห่งญัตติจตุตถกรรมวาจาทุกประการ เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
ด้านหนึ่งก็เป็นที่ประจักษ์ถึงพระบารมีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีอานุภาพแห่งธรรมเป็นล้นพ้น แต่อีกด้านหนึ่งอันเป็นความจริงในพระพุทธศาสนา นั่นคือสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น ทรงบรรลุภูมิธรรมขั้นสูงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีพลังแห่งจิตตานุภาพที่ข่มความเจ็บความปวดและความป่วย กำหนดการปกติของสังขารเป็นบางช่วงบางกาลได้ ดังนั้นความเจ็บปวดและความประชวรอันมีในพระองค์ จึงเป็นอันพักเป็นปกติชั่วคราว ด้วยอำนาจแห่งภูมิธรรมและสมาธิจิตของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน ทรงเป็นทั้งคามวาสีและอรัญวาสี พูดแบบชาวบ้านก็คือ ทรงเป็นทั้งพระบ้านและพระป่า โดยเฉพาะคือเป็นพระป่าในสายพระอาจารย์มั่นนั่นเอง ทรงมีภูมิธรรมอันสูงตั้งแต่ยังทรงหนุ่มๆ ซึ่งถ้าเป็นเวลาอันควรก็จะได้นำความแต่หนหลัง อันพิสูจน์ถึงภูมิธรรมในพระองค์มาเล่าสู่กันฟังสักครั้งหนึ่ง
ดังนั้นแม้จะทรงประชวรแต่ก็ทรงปฏิบัติภารกิจได้ ทรงมีพระสติดีในยามที่จำเป็นและต้องการ ทรงสามารถลงอุโบสถ ทรงสามารถลงฟังปาติโมกข์ได้ เว้นเสียก็แต่บิณฑบาตเท่านั้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปกติของสมณะ
เพื่อพิสูจน์ถึงความมีพระสติและพิสูจน์ถึงกำลังแห่งอำนาจของพระจิต ตลอดจนอาการพระประชวร คณะสงฆ์ได้ไหว้วานหลวงพ่อคูณให้เข้าไปกราบ และตรวจพระอาการตามวิถีทางวิถีธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ปรากฏว่าทรงมีพระสติดี ยังทรงมีกำลังอำนาจแห่งพระจิต สามารถดำรงพระสติมั่น มีความผ่องใสบริสุทธิ์ในภายใน ทรงสามารถเคลื่อนย้ายพระจิตจากขณิกสมาธิ สู่อุปจารสมาธิ สู่อัปปนาสมาธิ ทั้งอนุโลม ปฏิโลมได้อยู่
ไม่กล้าบังอาจที่จะกล่าวว่ายังทรงเข้าและเดินพระฌานได้ เพราะเหลือวิสัยผู้ต่ำต้อยอย่างสิริอัญญาที่จะกล่าวถึงการปฏิบัติในภูมิธรรมระดับนั้น
เหล่านี้ได้กล่าวมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า วันเวลานี้ยังมีสมเด็จพระสังฆราชอยู่ จะถือว่าสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์แล้วหรือไม่มีสมเด็จพระสังฆราชแล้วไม่ได้
ถึงจะเคารพศรัทธาท่านรองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม สักปานไหน แต่ในปัญหากฎหมายเพียงเท่านี้ก็พอจะยืนยันความเห็นนี้ได้ ดังนั้นการที่พวกหัวดำบางคนกล่าวอ้างในปัญหาข้อกฎหมายว่า ปัญหากฎหมายเพียงเท่านี้ตาสีตาสาก็เข้าใจได้นั้น เห็นจะเป็นจริง แต่ต้องไม่มีอคติอันมืดมนบดบังปัญญาให้มืดมัวแล้วเห็นผิดเป็นชอบ
เพราะสติปัญญาที่มืดบอดและอคติที่มืดมัวย่อมสามารถทำให้เห็นไปได้ว่า ทั้งๆ ที่สมเด็จพระสังฆราชยังทรงพระชนม์อยู่ กลับเห็นไปได้ว่าไม่มีพระชนม์แล้ว หรือเห็นไปได้ว่าไม่มีสมเด็จพระสังฆราชแล้ว อะไรหนักหนาจึงปิดบังปัญญาและสติคนได้ถึงเพียงนี้เล่า!
ก็แลเมื่อสมเด็จพระสังฆราชยังมีพระองค์อยู่ ยังทรงพระชนม์อยู่ การเที่ยวถือว่าไม่มีสมเด็จพระสังฆราชแล้วจึงไม่ตรงกับความจริง
ก็แลเมื่อสมเด็จพระสังฆราชยังมีพระองค์อยู่ ยังทรงพระชนม์อยู่ แล้วถือว่าไม่มีสมเด็จพระสังฆราชจึงตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน จึงไม่ตรงกับข้อกฎหมาย
ขอยืนยันว่าที่ทำไปนั้นไม่ถูกทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่เมื่อไม่ถูกแล้วก็ควรทำเสียให้ถูก การดันทุรังทำผิดให้เป็นถูกไม่เป็นผลดีอะไรกับใครทั้งนั้น
และถ้าจะทำให้ถูกก็ไม่ยากไม่ลำบาก เพียงแค่เข้าไปกราบทูลถวายความเห็นต่อสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนด้วยพระองค์เอง ก็จะเป็นการยอมรับของทุกฝ่าย และจะระงับดับเดือดดับร้อนดับเข็ญในวงการพระพุทธศาสนาให้เกิดความสบายใจ ให้เกิดความร่มเย็น และยุติปัญหาได้โดยพลัน
ส่วนปัญหาคนรอบข้างสมเด็จพระสังฆราช และการแก้ไขปัญหาการบริหารคณะสงฆ์นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนมีความปรารถนาตรงกัน ให้แก้ไขปัญหานี้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่จะนำเอาไปเป็นเครื่องมือในการทำลายเพื่อนพุทธศาสนิกชนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกตนดังที่ทำกันอยู่
หลวงตา หนังสือพิมพ์เขาออกมาค้านเรื่องการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ประชาชนทั้งหลายตลอดพระสงฆ์ตั้งหมื่นกว่าองค์ที่เป็นพระป่า ออกมาจากป่าจากเขา ไปประชุมกันที่วัดอโศการาม ๑๐,๓๕๙ องค์ ไปประชุมคัดค้านอันนี้ โดยความเป็นจริงตามหลักธรรมหลักวินัย ท่านเหล่านี้ทรงธรรมทรงวินัย ปฏิบัติตัวเคร่งครัด ไม่คลาดเคลื่อนกับหลักธรรมหลักวินัย เห็นสิ่งที่ประกาศมานี้ขัดกับธรรมวินัย แล้วจะลบล้างธรรมวินัยซึ่งเป็นองค์ศาสดา แทนองค์ศาสดา ให้เสื่อมสูญอันตรธานหายไป จึงต้องมาคัดค้านต้านทาน เพื่อยังธรรมวินัยคือองค์ศาสดาไว้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรกราบไหว้ต่อไปในชาวพุทธทั้งหลายของเรา จึงได้พากันออกมา
การออกมาของพระสงฆ์ทั้งหลายนั้นไม่มีใครบีบบังคับให้ท่านออกมา ท่านมาด้วยความสนใจ พอใจในการที่จะมาแก้ไขปัญหา เรียกว่าปัญหาทำลายธรรมวินัยนั่นเองจะเป็นอะไรไป ท่านจึงได้ออกมาประชุมกัน แล้วในข้อประชุมทั้งหมดก็ออกแถลงแล้วนะ เรียบร้อยไปแล้ว ดังที่เห็นนี่ละ นี้คือข้อคัดค้านที่จะมาลบพุทธบัญญัติ แล้วเอาอพุทธบัญญัติเข้ามาแทนที่ ปัดธรรมวินัยออก เอาสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมวินัยเข้ามาแทนที่ พระสงฆ์ทั้งหลายที่กราบศาสดาอยู่เป็นประจำในป่าในบ้านที่ไหน เฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์ในฝ่ายป่า จึงได้ออกมาต้านทานสิ่งเหล่านี้ให้คงองค์ศาสดาเอาไว้ คือธรรมวินัย ให้สิ่งที่จะมาทำลายซึ่งเป็นเรื่องกาฝากนั้น ปัดออกหนีให้หมด พระสงฆ์เหล่านี้ไม่ยอมรับพระธรรมวินัยที่ตั้งขึ้นมาใหม่นี้ เป็นกาฝากนี้ ให้มาเป็นความจริงเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป พระสงฆ์ทั้งหลายไม่ยอม จึงต้องมาประกาศยกข้อเท็จจริงออกมาตามหลักธรรมหลักวินัยล้วนๆ
ข้อแถลงทั้งหมดออกมาจากพระปฏิบัติซึ่งทรงธรรมทรงวินัย และแสดงตามหลักธรรมหลักวินัยล้วนๆ นี่ได้ผ่านเข้าไปแล้วเวลานี้ เรื่องราวเป็นอย่างนี้แหละที่พระสงฆ์ออกมา แต่ก่อนท่านออกมาเมื่อไร ท่านอยู่ในป่าในเขาภาวนาอยู่อย่างนั้นตลอด เรื่องที่จะมาเป็นศาสดาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าโดยข้อประกาศต่างๆ แต่งตั้งต่างๆ เป็นกาฝากนี้เข้ามาลุกลาม ท่านจึงได้ออกมาลบล้างกันออกไป เพราะนี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย นี้ไม่ใช่ศาสดา ศาสดามีคงเส้นคงวาหนาแน่นอยู่แล้วทุกประการไม่บกพร่อง จึงไม่จำเป็นที่จะเอาศาสดาจอมปลอมที่ไหนเข้ามาแทนองค์ศาสดา ให้ประชาชนกราบ ไม่มีใครกราบลงได้เลย นี่ละพระสงฆ์ท่านออกมาอย่างนี้เองไม่ใช่อะไร
ท่านไม่ได้มาด้วยความบีบบังคับ มาด้วยความพอใจที่จะเทิดทูนศาสนาเอาไว้คงเส้นคงวา ปัดเป่าสิ่งที่เป็นภัยทั้งหลายของศาสนาและของประชาชนทั่วประเทศเขตแดนที่ถือเป็นชาวพุทธให้ออกไปห่างไกลที่สุด นี่ละเรื่องราว บรรดาพี่น้องทั้งหลายที่ยังไม่เข้าใจก็ให้พึงทราบตามนี้แหละ แล้วมีอะไรอีก ดูไม่มีนะ ในข้อเหล่านี้อ่านไปเราก็หลงลืมไปเรื่อยๆ อันไหนที่เข้าใจชัดเจนก็ออกมาอธิบายอีกได้ อันไหนที่หลงลืมไปแล้วก็ลืมไป แต่อย่างไรเรื่องราวก็ผ่านไปแล้วแหละ
เราหนักมากนะการช่วยพี่น้องชาวไทยเรา หนักมากจริงๆ สุดท้ายมารวมอยู่ในเราหมดเลย ทั้งชาติทั้งศาสนาเกี่ยวโยงกับเราทั้งนั้น ทางชาติบ้านเมืองก็เกี่ยวโยง เพราะสมบัติของพี่น้องชาวไทยเราก็นำเข้าสู่คลังหลวง คลังหลวงนี่เป็นหัวใจของพี่น้องชาวไทย จึงต้องเกี่ยวข้องกันทั้งทางชาติทางศาสนา เราจึงต้องได้เข้าไปเกี่ยวข้องนะ เรื่องราวก็เลยทั้งชาติทั้งศาสนาเกี่ยวโยงกับเราทั้งนั้นแหละ เช่นอย่างที่ว่านี้ก็เหมือนกัน นี่มันขัดแย้งกับทางศาสนานี้แล้ว มันจะลุกลามไปทางชาติจนได้ พูดให้ชัดๆ อย่างนี้แหละ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ เหตุการณ์เรียกว่าไฟมันจะลามโลกไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ระงับดับมันเสียตั้งแต่บัดนี้มันจะไหม้หมด ลำเป็นลำตาย ต้นไม้สดไม้แห้ง มันจะไหม้ไปทั้งนั้น ทั้งชาติทั้งศาสนาจะไหม้ไปตามๆ กัน
เมื่อรู้ว่าเป็นภัยแล้วก็รีบดับกัน ดังที่ได้ประกาศคัดค้านต้านทานเวลานี้ อันใดจริงอันใดปลอมคัดออกให้หมด แล้วก็มาเกี่ยวโยงกับเราโดยตรง ถ้าว่าวัดป่าจะชี้ไปไหนถ้าไม่ชี้มาหาหลวงตาบัวซึ่งเป็นหัวหน้าของพระป่าทั้งหลาย แต่ก่อนก็มีหลวงปู่มั่น พอหลวงปู่มั่นมรณภาพไปแล้วบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายก็มายกย่องกันเองว่า ถือเราเป็นผู้ใหญ่ในวงกรรมฐาน เรื่องก็จึงเข้ามานี่ เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่จึงได้ถูกสับถูกยำตลอด หลวงตาบัวเขาสับเขายำเรื่อยแหละ เราเฉย เขาสับเขาสับลมปากต่างหาก เขาสับลมๆ แล้งๆ เราเป็นตัวเป็นตนอยู่จะไปกลัวหาอะไร เพราะเราไม่เคยมีความกล้า ความกลัวเราจึงไม่มี เราจึงเฉย เหมือนหมาปล่อยหำ
เคยรู้ไหมหมาปล่อยหำ นั่นละเราจึงเฉยเหมือนหมาปล่อยหำ ถ้าคนปล่อยไม่ได้นะ ตบนั้นตบนี้เลย ถ้าหมาปล่อย เฉย หมาปล่อยหำ มันผิดกันกับคนปล่อยหำ ถ้าคนปล่อยหำตบนั้นตบนี้ ถ้าหมาปล่อยหำเขาเฉยเลย นี่หลวงตาบัวก็แบบว่า เขาจะสับจะยำอะไรก็เฉยเหมือนหมาปล่อยหำ แต่เราไม่ได้ปล่อยหำ เข้าใจไหม ปล่อยแต่หมา มันก็ต้องอย่างนั้นซีพูดน่ะ
เราพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรกับโลก คือการช่วยโลกเราช่วยล้วนๆ เลยร้อยเปอร์เซ็นต์กับความเมตตาเรา เราไม่มีอะไร เราตั้งหน้าตั้งตาทำตั้งแต่ความดีความชอบให้ถูกต้องตามอรรถตามธรรมทั้งนั้น จะอ่อนจะโยน จะเด็ดจะขาดจะเฉียบขาดขนาดไหน เราจะเดินตามธรรม เด็ดก็เด็ดตามธรรม อะไรตามธรรมทั้งนั้น เรื่องของความชั่วเราจะไม่เอามาให้เป็นมลทินแก่พี่น้องชาวไทยและบอบช้ำจิตใจ เราจะเอาตั้งแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามมาแนะนำสั่งสอนหรือพาพี่น้องทั้งหลายดำเนิน กรุณาทราบตามนี้
เรื่องเขาจะตำหนิติเตียน เขาจะสับจะยำหลวงตาบัวช่างเขาเถอะ ปากเขามี หูเราก็มี ว่าเขาตำหนิอย่างนั้นๆ เราไปฟังเขานี่นะใช่ไหมล่ะ เขามีปากเราไม่ฟังเสียก็เฉยอีกแหละ อันนี้เขามีปากเราก็มีหู จ่อเข้าไป ว่าเขาว่าให้อย่างนั้นอย่างนี้ ตัวหากไปฟัง มันบ้า หูคะนองพวกนี้ เข้าใจไหม ให้หูเฉยๆ เหมือนหูหลวงตานี่ เฉยเลย เขาว่าอะไรอย่างมากก็ ขอบิณฑบาตลูกหลานเอ๊ย อย่าไปหาโจมตีจนมากมายนัก โจมตีที่ไหนๆ ไม่มีถูกตามจุดๆ หาเรื่องมาโจมตีๆ จ้างกันมาโจมตีอะไรนักหนา เราก็บอกอย่างนั้น ขอบิณฑบาตให้ผ่อนลง มากกว่านั้นก็ให้หยุดเสีย มันไม่เกิดประโยชน์
เพราะการโจมตีมาแบบไหนมีแต่หาเรื่องหาราวทำลาย มันไม่มีความจริงตามนั้นเลย เราก็สงสารเลยขอบิณฑบาตไป ไม่ว่าอะไรแหละ ขอบิณฑบาตเขา อย่าว่าอะไรมากมายนักนะลูกหลาน หลวงตาบวชมานี้เพื่อสร้างผลสร้างประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ศาสนาของเราเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราไม่เคยได้ตำหนิติเตียนเราว่าได้บกพร่องในธรรมวินัยข้อไหน ที่ปฏิบัติด้วยการฝ่าฝืนหน้าดื้อหน้าด้านเราไม่เคยมี เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเรื่อยมา การทำประโยชน์ให้โลกนี้เราก็ทำเต็มเม็ดเต็มหน่วยสุดความสามารถของเรา
แต่ที่โจมตีนั้นก็คือว่า มาโจมตีอย่างหาเหตุหาผลไม่ได้ ถ้าหากว่าจะไปหาโจมตีหาจับหามัด ก็ไปหาเอาผู้ร้ายชายโจรที่มันฉกมันลักเขาปล้นขโมยอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง เอามาติดคุกติดตะรางยังดีกว่า ที่จะมาจับเอาหลวงตาบัวซึ่งสร้างแต่ความดีนี้ไปเข้าคุกเข้าตะรางเป็นไหนๆ ใช่ไหมล่ะ จึงอย่าพากันทำลูกหลาน มันจะหาบบาปหาบกรรมเอาไปในตัวนั่นแหละจะแบกไม่ไหวนะ หลวงตาไม่แบกอะไร ไม่เอาอะไรทั้งนั้น พอทุกอย่าง วันนี้ก็พูดเท่านี้แหละนะลูกหลาน ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ ศีลธรรมมีประจำใจตนให้เย็นใจนะ เวลาจะหลับจะนอนก็ให้นึกพุทโธๆ อย่างน้อยนะ
ถ้าเราไปไหนมาไหนนั่งรถอยู่นี้ เรานึกพุทโธไปเหมือนเราอยู่กับศาสดา อยู่กับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ระลึกพุทโธเป็นพุทโธ ระลึกธัมโมเป็นธัมโม ระลึกสังโฆเป็นสังโฆอยู่บนหัวใจของเรา เราจะมีความชุ่มเย็นไป แคล้วคลาดปลอดภัยทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับธรรมทั้งนั้นแหละ ธรรมไม่เคยทำใครให้ฉิบหาย ไปที่ไหนให้ระลึกถึงพุทธถึงธรรมถึงสงฆ์ ไปในบ้านในเรือนก็ให้กราบพระสวดมนต์ ก่อนจะหลับนึกพุทโธๆ ให้หลับกับพุทโธ อยู่บนหมอนนั้นนะ เอาละเท่านี้ ต่อไปนี้จะให้ศีลให้พร ยถา วาริวหาฯ
(คณะครูจากโรงเรียนโพนสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย มาขอรับบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดิน)
โอ หนักมากนะ ให้พักไปเสียก่อนนะ หนักมากเดี๋ยวนี้ โอ หนักจริงๆ นะหลวงตา นี่แหละได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบก็เพราะเรื่องจำเป็นที่เข้ามาเกี่ยวข้องขอจากเราๆ เรามีความจำเป็นอะไรก็ต้องได้แสดงความจำเป็นให้ฟัง (โรงพยาบาลอำเภอ)โนนสะอาดนี่ก็ ตึกหลังนี้กำลังเริ่มขุดดินขุดอะไรนี้ หลังนี้ ๒๒ ล้าน นี่ฟังซิ หลังก่อนที่กำลังทาสีเวลานี้ประมาณ ๖-๗ ล้าน ส่วนหลังนี้ออกมาจากแปลนเรียบร้อยแล้ว เขากำหนดราค่ำราคามาพร้อม อันดับหนึ่ง ๒๒ ล้าน อันดับสอง ๑๘ ล้าน ถ้า ๑๘ ล้านจะขาดอันนั้นๆ เราเอาหมดทั้ง ๒๒ ล้านเลย เพราะเราสั่งให้เขาทำเขาสร้างเอง หมอไม่ได้มารบกวนขอเรา เราเต็มใจให้หมอเอง เพราะฉะนั้นราคาเท่าไร เราจึงต้องทำให้เต็มใจของเรา ที่ตั้งใจว่าให้โรงพยาบาลนี้ด้วยตึกหลังนี้แล้ว นี่ก็ ๒๒ ล้านฟังซินะ
ส่วนเรือนจำลาดยาว อันนั้นอย่างน้อย ๓๕ ล้าน นี่หลวงตากำลังสร้างอยู่นะเวลานี้ แล้วทางพังงาภาคใต้นี้ ๔ หลัง ตึกโรงเรียนสองหลัง ตึกสองหลัง อันนี้ยังไม่ได้กำหนดกี่ล้านมา นั่นแหละฟังซิ นี่ที่โรงพยาบาลโนนสะอาดนี่ก็สองหลังทั้งกำแพงด้วย แล้วโรงพยาบาลอำเภอศรีเชียงใหม่ นี่ก็ซื้อที่เขาสี่ล้าน กำลังถมทั้งหมดเสร็จแล้วจะทำรั้วพร้อมแล้วปลูกบ้านอยู่ให้เจ้าหน้าที่สามชั้น แล้วก็ที่โรงพยาบาลอำเภอพิบูลรักษ์ นั่นก็บ้านพักเจ้าหน้าที่ นั่นก็สามชั้นเหมือนกัน เป็นกี่หลังเป็นเงินเท่าไร นั่นแหละที่มันไม่มีๆ พูดให้บรรดาลูกหลานทั้งหลายฟัง จำเป็นต้องได้อ้างออกมาที่ไม่มีเพราะอะไร ไม่มีเพราะอันนี้เองเข้าใจไหม ให้พากันพักไว้เสียก่อนนะ อู๋ย หนักมากนะหลวงตา หนักจริงๆ แล้วนี่เมื่อวานหรือวานซืนนี้ก็สั่งรถมาอีกคันหนึ่ง ไปให้โรงพยาบาลอำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี รถคันหนึ่งนั้น ๙๗๕,๐๐๐ บาท ก่อนหน้านั้นอีกอาทิตย์หนึ่งก็ทางโรงพยาบาลอำเภอสิรินธรก็มารับรถไปอุบลฯ นั่นก็สั่งมาให้แล้ว ทางนี้ก็ขอมา อย่างนี้แหละมันถึงไม่มีทางจะไปเข้าใจไหม หนักจริงๆ ถ้าไม่หนักไม่เหลือ หลวงตาบัวเรียกไม่มีเงินตกค้างเลย ไม่เคยสั่งสม มีแต่ความเมตตาท่วมท้นๆ กวาดออกหมด มีเท่าไรกวาดออกหมด บางทีกวาดไม่ทันติดหนี้เขาก็มี ติดหนี้นะนี่ ถ้าคนมีจะติดหนี้ได้ยังไง เรียกว่าจนมันถึงติดหนี้ เอ้า ทราบตามนี้นะลูกหลานนะ
โยม พวกกระผมก็ได้ช่วยตัวเองมาได้ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ยังขาดอยู่อีก ๑๙๐,๐๐๐ บาทครับ
หลวงตา เราอยากให้ ๓ แสนเดี๋ยวนี้นะ มันไม่มี เข้าใจไหม อย่าว่าแต่ขาดเงินแสนเก้า เราอยากให้ถึง ๓ แสนโน่น แต่มันไม่มี เข้าใจไหม โธ่ ๆ หนักจริงนะ ไปๆ นี่เขาก็ยังสอดเข้ามาขายความเลวของตัวเอง ว่าหลวงตาบัว ได้เงินเข้าธนาคารเลขที่เท่านั้นเท่านี้ อ้างมาหาเราว่า ๑๒๐ ล้าน ว่างั้นใช่ไหม ดูว่างั้นแหละ เงินนี้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนจ่ายที่ไหนว่างั้น กูไม่ได้จ่ายโคตรพ่อโคตรแม่มึงกูจะรู้ยังไง อยากว่าอย่างนั้น เข้าใจไหม กูจ่ายช่วยประชาชนต่างหาก กูไม่ได้จ่ายให้โคตรพ่อโคตรแม่มึงพอกูจะลงบัญชี เพราะโคตรพ่อโคตรแม่หัวมึงเป็นนักบัญชีไล่เบี้ยคน ทั้งๆ ที่เป็นนักโทษมหันตโทษเลวร้ายที่สุด มาหาไล่เบี้ยกับเรา เงิน ๑๒๐ ล้านเอาไปไหนๆ ขู่มา อุ๊ย เราสลดสังเวช แหม เลวมากที่สุดเลย
คนหนึ่งสร้างความดีจนไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว เงินแค่ฟังซิน่ะ แค่ ๑๒๐ ล้าน ยังมาถามขายตัวเอง พันๆ หมื่นๆ ล้านโน่นน่ะเราช่วยโลก จะมาว่าอะไร ๑๒๐ ล้าน ได้เท่านั้นก็มาทำท่ามาหาขู่นั้นขู่นี้ให้กลัว หลวงตาบัวนี้ไม่กลัว เพราะไม่เคยกล้าจึงตอบว่าไม่เคยกลัว เข้าใจไหม นั่นเท่านั้นเอง มันทำอย่างนี้แหละพวกเสนียดจัญไรของชาติไทย ฟังเอานะคราวนี้นะดูเอา ความเสนียดจัญไรของชาติไทยเราขึ้นทุกแห่งทุกหนไปหมดเลย
โยม หลวงพ่อเจ้าขา หนูขอหนึ่งนาทีได้ไหมคะ
หลวงตา ว่าไปซิ หนึ่งนาทีสองนาที
โยม ชีวิตที่มารับใช้อยู่ที่นี่นะคะ พื้นที่สีชมพูเขตอีสานนะคะ สมัยนายกเปรม ที่คอมมิวนิสต์เข้ามาครองเขตอีสาน พระเดชพระคุณออกทานจนได้คืนมาค่ะ ไม่ใช่รบอย่างเดียวค่ะ ออกทานแจกของค่ะ แจกข้าวสารแจกผ้าห่มแจกอะไรออกรถหกล้อสิบล้อหนูเห็นกับตาค่ะ เอาไปแจกเขตอีสานเราถึงดึงประชาชนกลับมาได้ค่ะ ฝีมือพระเดชพระคุณเจ้าค่ะ
หลวงตา มันก็มาพูดตลกดีเหมือนกันนะนี่นะ ลูกศิษย์คนนี้มันก็แปลกเหมือนกันมันมาพูดตลกดี ถ้าพูดถึงเรื่องการแจกของนี่ เราไม่พูด เรียกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเสีย ไฟไหม้ที่ไหนๆ รถเราจะไปแหละ รถสิบล้อๆๆ บรรทุกเต็มเอี๊ยดๆ ไหลกันเข้าไปเลยอย่างนั้นแหละ อย่างพวกเวียงจันทน์เขาแตกมา เพราะคอมมิวนิสต์หากัดหาเคี้ยวเขา เขาก็โดดข้ามมาหนองคาย มาอยู่นั้นประมาณ ๒ หมื่นกว่าคน เราไปแจกของถึงสามหน ฟังซิ หนแรกแจกวันเดียวเสร็จ หนที่สองซัดเสียสองวันจึงเสร็จ หนที่สามฟาดเสียสามวันแจกถึงเสร็จ เพราะอะไร ของมากแล้วก็แจกให้เป็นธรรม ให้เสมอกันหมดเลย ไปสำรวจมาเรียบร้อยแล้วว่ามีจำนวนคนเท่าไรๆ เราจึงจัดของไปเลย รถสิบล้อๆ เป็นแถวเลยเหมือนกองทัพว่างั้น นี่ที่ว่าแจกสามวันจึงเสร็จ ประชาชนเขามาช่วยแจกด้วยเต็มเหนี่ยวเหมือนกันนะ ไม่งั้นไม่เสร็จ นี่แหละพูดถึงเรื่องการแจกของนี้เราทำมาเป็นประจำ ที่หนองคายแหละมากกว่าเพื่อน หนองคายแจกสามหน
รถนี้เข้าไปโรงสีเลยนะ เอาข้าวก็ไปเอาข้าวโรงสีเลย ขนๆ เลย เครื่องกระป๋องทั้งสั่ง สั่งเต็มเหนี่ยวมาไม่พอ เข้าไปตีตลาดในจังหวัดหนองคาย จนเขาร้องโก้กเก้กๆ จะเอาไปไหนนักหนาพิลึกพิลั่น บอกว่าอาจารย์มหาบัวจะเอาไปแจกแถวหนองคาย โอ๋ย มันก็ใช่ ถ้าเป็นอาจารย์มหาบัวแล้ว ว่างั้นนะ หนองคายล้ม ร้านไหนๆ เขามีไว้ขายธรรมดาๆ ใช่ไหมล่ะ เวลาเราไปยกทัพตีเลย กวาดเอามาหมดเลย ขึ้นรถๆๆ ให้เขาลงบัญชีไว้เท่านั้น คือให้ลงบัญชีไว้มีเท่าไรต้องการอะไรให้เอามาๆ ให้หมด แล้วขนขึ้นรถๆ พอเสร็จแล้วตามแก้บัญชีชำระ อย่างนั้นแหละเราทำอะไร
เช่นอย่างจังหวัดเพชรบุรีของเราที่น้ำท่วม นี่ก็เหมือนกัน เรากำลังจะไปเทศน์ที่ท่าบ่อ ทางโน้นโทรศัพท์มาว่าน้ำท่วมทางจังหวัดเพชรบุรี ทางนี้ก็สั่งตูมเลยว่า เอ้า ขนของไปให้หมด นั่นเห็นไหมล่ะ เอ้า ทุ่มเลยๆ เราจะติดตามทีหลัง ให้ทันกับเหตุการณ์คือน้ำท่วม ทางใดที่ควรจะเข้าถึงก่อนมากๆ ไม่ต้องคำนึง เอ้า ขนเข้าเลย โน่นเห็นไหมล่ะ เขาก็เอาเต็มเหนี่ยว พอเสร็จแล้วพอบอกมาจ่ายปึ๋งเลย แน่ะ ก็อย่างนั้นแล้ว ที่ไหนก็เหมือนกันแหละ หลวงตาทำกับพี่น้องชาวไทย ทำด้วยความเมตตานี่ จึงไม่อัดไม่อั้นไม่อืดอาดเนือยนายนะ ผึงๆ เลย ที่ไหนเหมือนกันหมด
มันก็เลยมาเด่นทั้งสองนะ เด่นทางทำประโยชน์ให้โลกนี้สุดเหวี่ยงเรา ทีนี้ก็มาเด่นที่เขาสับเขายำหลวงตาบัว (หัวเราะ) อันนี้ก็เด่นเหมือนกันนะ เขาสับเขายำหลวงตาบัว นี้ก็เด่นเหมือนกัน เออ มันเด่นทั้งสองนี่แหละวะ แขนหนึ่งเด่นทางยกยอสรรเสริญ แขนนี้เด่นทางหัวไหล่ตก เข้าใจไหม ถูกเขายำซิ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |