จิตแท้ๆ นั้นอัศจรรย์อยู่แล้ว
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 เวลา 8:45 น. ความยาว 32.47 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๗

จิตแท้ๆ นั้นอัศจรรย์อยู่แล้ว

 

         (โรงพยาบาลสิรินธรมารอรับรถแล้วครับ) เอ้า กุญแจ นี่ก็สั่งให้โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น ก็อุบลเหมือนกัน นี่สิรินธรมารับไปวันนี้ เราก็กำลังสั่ง เริ่มสั่งแล้ว โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น นั่นก็คันหนึ่งกำลังจะเริ่มสั่ง จะบอกเขาตอนเช้าวันนี้ จะบอกเมื่อวานนี้ลืม มาเห็นรถที่ทางโรงพยาบาลสิรินธรมารับไปวันนี้ ระลึกได้คิดถึงกุดข้าวปุ้น ว่าจะสั่งตั้งเมื่อวานลืม มาระลึกได้เดี๋ยวนี้ เมื่อวานนี้ทางไหนมาขอเอกซเรย์ โรงพยาบาลร่องคำ กาฬสินธุ์ อันนั้นบอกให้รอไว้ก่อน เราบอก หมุนไม่ทันจริง ๆ นะ ไม่ทัน

         เมื่อวานนี้ก็ได้ไปดูโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ ที่ซื้อที่เขาไว้ ๔ ไร่ เป็น ๔ ล้าน แล้วพอดีมันต่ำหน่อย คือจะถม สั่งให้เขาถมเรียบร้อย เมื่อวานเราไปดู กำลังเขาเกรดเขาอะไร พอเสร็จนี้แล้วก็จะปลูกตึกปลูกบ้านให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอยู่ นั่นก็สามชั้น แล้วก็พิบูลย์รักษแปลนเดียวกัน สามชั้นเหมือนกันสำหรับตึกที่พักของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สองหลังนี่กำลังจะขึ้น ทางโนนสะอาดนี่ก็สองหลัง หลังหนึ่งกำลังทาสี  หลังหนึ่งกำลังเริ่ม ก็อย่างงั้นมันไม่ทันจะให้ทำยังไง หมุนติ้ว ๆ

         ระยะนี้รวมทั้งสองหลังที่ยังไม่ขึ้นอีกนะ เพราะอันนี้ตกลงให้แล้ว ก็รอแต่จังหวะที่จะปลูกให้เท่านั้นเอง เป็นแต่เพียงว่ายังไม่เริ่มลงมือ ถ้าหากว่าเอาตามข้อตกลงที่ว่าจะให้แล้ว สองหลังนี้อีกแล้วเป็นสิบหลัง ฟังซิน่ะของเล่นเมื่อไร สิบหลังพอดีเลย เดี๋ยวนี้กำลังทำอยู่แปดหลัง สองหลังนี้ยังไม่ได้ลงมือ แต่ตกลงไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นแต่รอเวลาของมันเท่านั้น

         เราบอกเขาไม่จำเป็นต้องเขียนชื่ออะไรเราใส่ทำไม ทำไปแล้วก็แล้ว เราไม่ได้ไปหาชื่อหาเสียงนี่นะ โอ๋ ทำนี่เพื่อเวลาเขาเห็นชื่อหลวงตาแล้ว เขาเกิดใจกุศล เป็นบุญเป็นกุศลแก่เขา เขาก็แก้ไปนั้นนะ เราเห็นเหตุผลน่าฟังก็เลยเฉย ตั้งแต่นั้นมาคันไหนๆ เขาก็ทำของเขาเองเราไม่ได้บอก มีแต่บอกว่าทำหาอะไรชื่อ แต่เขาก็ทำของเขา รถนี่ดูจะร้อยกว่าคัน สำหรับโรงพยาบาลสองร้อยกว่าโรง

         เขาเห็นเราเข้าไปโรงพยาบาล เหมือนกับลูกนะ ยั้วเยี้ยๆ เหมือนพ่อกับแม่เข้าโรงพยาบาล เป็นอย่างนั้นนะ เพราะทางนู้นได้อาศัยกันมานาน ทางโรงพยาบาลกับวัด วัดนี่เป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่ พอเห็นเราเข้าไปนี่ โอ๋ยใครทำงานที่ไหนเลิกหมดรุมมาเลยละ มาพูดกันไปพูดกันมา แล้วทีนี้ขอนั้นขอนี้ เราตีปากเอานะ พูดอย่างอื่นไม่มีคำพูด คือมันเคยเสียพอ พอว่าอะไรไม่มีปัญหา เราก็ว่าจะขออะไรเดี๋ยวตีปากเอาเลย เราเคยชินกัน เข้าใจไหมละ มันเป็นความสนิทกัน พอทางนี้มาขอเดี๋ยวตีปาก เรื่องอื่นมีทำไมไม่พูด เป็นอย่างนั้น กับโรงพยาบาลต่างๆ เป็นแบบนี้ โรงพยาบาลกับเราเป็นแบบเดียว นี่ทางคอนสวรรค์ก็มาขอ เอาแปลนมาด้วย ให้รอไว้ก่อน เราก็ว่า นี่ก็ดี รอจังหวะเสียก่อน คือเราคอยตามเก็บนะ พอเบาลง ๆ ก็เก็บ เก็บมา ถ้าเวลามันหนักก็พักไว้ก่อน พอมันเบาพอสมควรก็เอามา ๆ เรื่อยอย่างนี้ คือมันไม่ทันถ้าจะให้ตามที่มาขอไม่ทัน

         นี่เราก็ยังคิดอยู่ที่ร่องคำเขามาขอเอกซเรย์ เพราะเป็นของสำคัญมากอยู่นะ เอกซเรย์สำคัญ เราเลยจำต้องให้เขารอไว้ก่อน นี่ก็จะเริ่มทางกุดข้าวปุ้น สั่งรถ แล้วอาจจะตามเอกซเรย์อีกก็ได้ เพราะเอกซเรย์เราติดใจกับมันอยู่ มันเกี่ยวกับเรื่องโรคสำคัญๆ เอกซเรย์ที่จะฉายให้รู้นะ มันยังเป็นอารมณ์ บอกว่าให้รอไว้ก่อน ทางอุบลนี้เรียกว่าทั้งจังหวัดเลยนะ โรงพยาบาลไหนก็ตามในเขตจังหวัดอุบล โรงพยาบาลไหนๆ ก็ตามเราให้พิเศษเหมือนกันหมด พวกอาหารจัดไว้เป็นพิเศษ

         อุบลหนึ่ง อุตรดิตถ์หนึ่ง โคราชหนึ่ง สามจังหวัด ส่วนชัยภูมินี้ให้เพียงสองอำเภอ เพราะนี้ไกล เราตั้งเข็มทิศลองดู มันขนาดสูงเนิน พอเลยโคราชไป สูงเนินติดกับสีคิ้วนะ มันเท่าไรตั้ง ๓๖๐-๓๗๐ กิโล ภักดีชุมพลกับเทพสถิต นี้อยู่ในเขตจังหวัดชัยภูมิ ตั้งเข็มไมล์จากนี้ไป สองโรงพยาบาลพอๆ กัน แล้วสองโรงพยาบาลนี้ก็ห่างไกลกัน ทางโคราชก็เรียกว่าเลยโคราชไปอีก ดูเหมือนจะต่อเขตสูงเนินกับสีคิ้ว ๓๖๐-๓๗๐ นี่ละให้พิเศษ ส่วนจังหวัดเลยนี้ให้นาแห้วโรงเดียว เพราะอยู่นู้น ดูเหมือนากพม่าไปทางนู้น มันไกล ไปถึงจังหวัดเลยนี้ พอครึ่งทาง จากนี้ไปถึงจังหวัดเลยก็สองชั่วโมง พอครึ่งทาง แล้วจากนั้นไปถึงนาแห้วอีก ไกล ขึ้นเขาคดเคี้ยว อันนี้ก็ให้พิเศษ

         คนไข้เราถือเป็นกรณีพิเศษนะ เพราะคนไข้เป็นเรื่องจนตรอกจนมุมจริง ๆ ตั้งแต่คนทุกข์คนจนถึงขั้นมหาเศรษฐี ความเป็นคนไข้นี้จนตรอกเหมือนกันหมด มีความจำเป็นเหมือนกัน จะต้องพึ่งยาพึ่งหมอ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องถือโรงพยาบาลเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้เองโรงพยาบาลจึงได้รับการสงเคราะห์จากทางวัดนี้มากเป็นพิเศษกว่าเพื่อน ทางไหนๆ ก็ช่วย แต่โรงพยาบาลนี้เป็นพื้นเลย คิดดูซิว่าบางทียังติดหนี้เขาก็เพราะความจำเป็นของคนไข้ เครื่องมือสำคัญๆ ด้วยไม่มี หรือเสียไป เราต้องเอา อย่างนี้ละที่ว่าติดหนี้นะ จึงจำเป็นอย่างนี้ละ

         เรามาชั่งน้ำหนักของคนไข้จำนวนมากมาย กับเครื่องมืออันนี้ และการติดหนี้ของเรา เรามาพิจารณานี้อันนั้นมีน้ำหนักมากกว่า การติดหนี้ยังพอทำเนา ติดหนี้เขาคืนให้เขาเมื่อไรก็ได้ อันนี้ไม่เป็นอย่างงั้น เอาให้ ติดหนี้ติดเรื่อยละ มันแบบจ๊ะเอ๋ เขามาหาเราบอกขึ้นมาแล้วเป็นความจำเป็นเต็มที่แล้ว นั่นแหละเอาให้ ไม่มีก็ให้ แน่ะอย่างงั้นก็มี อย่างอื่นเราไม่ติด คือเรากำหนดสร้างอะไรๆ นี้ เรากำหนดไว้ในบัญชีเงินในธนาคารเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเราถึงได้บอกว่า นี่เวลาเราตายไปเงินมีอยู่ในธนาคารจำนวนเท่านั้นๆ เช่นอย่างจำนวนมากนี้เขาจะเข้าใจว่าเรามีเงิน สั่งสมเงิน ความจริงเรากำหนดในบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ติดหนี้

         การสร้างอะไรไม่เคยติด เพราะเราคำนวณไว้ในนั้นเสร็จ เป็นระยะๆ จ่ายงวดๆ ทางนู้นจ่ายงวดนั้น คำนวณไว้เรียบร้อยเลย หากว่าปุบปับ เช่นเราตายไปนี้เงินจำนวนมากอยู่นี้ เขาก็จะว่าเราเป็นเศรษฐี แต่ความจริงที่ต่างๆ ที่จำเป็นนั้นน่ะมาจองไว้หมดแล้วในบัญชี เขาไม่รู้ซี เขาก็ว่าเราเป็นเศรษฐี ก็เราไม่ได้เก็บไว้เพื่อใคร เพื่อโลกทั้งนั้นเราบอก เราไม่เคยสนใจกับเงินแม้บาทหนึ่งนะ ขนาดนั้น เพราะอำนาจความเมตตา มันกวาดออก ๆ ๆ หมดเหลือ ไม่ให้เหลือละ

         ว่างก็ต้องไปดูโรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้ ไปเรื่อย ๆ อยู่อย่างงั้น ที่อื่นไม่ค่อยไปนะ ส่วนมากต่อมากไปแต่โรงพยาบาล ออกปั๊บไปก็ไปโรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้เรื่อย เพราะเห็นความจำเป็นของคนไข้วิ่งมานี้ ชีวิตจิตใจฝากไว้กับหมอ ฝากไว้กับโรงพยาบาล นั่น ทีนี้เข้าไปหาโรงพยาบาลก็ต้องเกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือ ความจำเป็น นี่ซิมันสำคัญ เราถึงได้ยอมติดหนี้เป็นบางครั้ง อย่างอื่นเราไม่เคยติด เพราะเราคำนวณไว้เรียบร้อยๆ มาตามนั้นๆ เรื่อยไปเลย อย่างตึกที่เราสร้างไว้เหล่านี้ ก็คำนวณๆ ไปโดยลำดับเหมือนกัน ที่มันมาแบบปุบปับนั่นละไม่ทัน ตรงนั้นละตรงไม่ทัน ที่ว่ายอมติดหนี้เขา เป็นเครื่องมือแพทย์อย่างนี้ ปุบปับทำไง เอา อย่างนั้นแล้ว

ท่านทั้งหลายดูคนปฏิบัติธรรม มีธรรมในใจ มองดูกิริยามารยาทการประพฤติเนื้อประพฤติตัวนี้ผิดกับคนไม่มีธรรมอยู่มากมายนะ ให้พากันพิจารณา นี่ละธรรมมีอยู่ที่ไหนดีหมด ไม่เคยเห็นหน้ากันก็ตามที่มาเต็มอยู่นี่ ธรรมประสานเข้าทีเดียวสนิทกันหมดเลย นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ละธรรมเป็นเครื่องประสานได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องถามถึงชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำอะไรแหละ คำว่าธรรมซึมเข้าไปหมด สนิทกันได้หมดเลย ธรรมจึงเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอและคุ้มครองโลกให้ผาสุกร่มเย็นสมัครสมานกัน ให้เห็นอกเห็นใจกัน มีความเมตตาเฉลี่ยเผื่อแผ่ นี่เรียกว่าธรรม ความกว้านเข้ามาๆ มีแต่เห็นแก่ได้เห็นแก่เอานี้เป็นเรื่องของกิเลส อันนี้ไปที่ไหนกัดตับกัดปอด เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ไป นี่กิเลสไปเป็นอย่างนั้น ถ้าธรรมไปนี้ประสานไปหมดๆ เลย ต่างกันอย่างนี้นะธรรม

ถ้าหากว่าธรรมไม่มีในโลก โลกก็ไม่มีความหมาย คำว่าเจริญๆ มีแต่เจริญเรื่องฟืนเรื่องไฟเรื่องดีดเรื่องดิ้น เรื่องแข่งดีแข่งเด่นกันทั้งนั้น ถ้ามีธรรมแล้วรู้จักประมาณ มองนอกมองใน ถ้าเป็นกิเลสแล้วมองแต่ตัวอย่างเดียว โลกเหมือนเขาไม่มีหัวใจ มีหัวใจแต่เราคนเดียว ถ้าธรรมแล้วปั๊บถึงกันหมดเลย หัวใจ แม้แต่สัตว์ก็มีหัวใจ ประสานถึงสัตว์ ให้อภัยไม่ทำลาย นั่นเห็นไหมล่ะ นั่นละธรรมประสานไปถึงไหนเห็นความเสมอภาคกันในหัวใจแต่ละดวงๆ เพราะฉะนั้นธรรมจึงร่มเย็น ไปที่ไหนร่มเย็นไปหมด เราดูซิ ดูสัตว์ในวัดเรานี่ เขาไม่รู้ว่าธรรม แต่สิ่งที่เขารู้คือว่าเขาไม่ระวังเรา คือเราไม่ทำลายเขาใช่ไหม นอกจากนั้นยังเลี้ยงดูเขา เขารู้เท่านี้เขาก็อาศัยนี้ คือธรรมอยู่ในนั้นๆ เขาไม่รู้ ดูซิเพ่นพ่าน

เมื่อวานนี้เราออกมานี้ นกยูงตั้งห้าหกตัวมันรุมกันอยู่ข้างๆ รถยนต์วิ่งเข้ามาจนจะมาชนมันมันยังไม่กลัว รถก็ค่อยๆ เข้ามา เพราะนกยูงเต็มอยู่ข้างหน้านี่ รถยนต์เข้ามา เราก็กำลังออกมา นกยูงอยู่นี้ รถยนต์กำลังเข้ามา มันหลีกรถยนต์ปั๊บไปข้างๆ นั่นแหละ มันไม่ได้กลัวนะ รถยนต์มาข้างๆ มันหลีกปั๊บไปข้างๆ นี่เสีย เป็นอย่างนั้นนะ เราดู นั่นอย่างนั้นละ คือเขาตายใจ อยู่ที่ไหนพวกสัตว์เขาอยู่อย่างสะดวกสบาย นี่คือความตายใจ ไม่ระวังการถูกฆ่าถูกทำลายอะไร เห็นสัตว์อยู่เต็มวัดเราดู นี่ละธรรมอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้น เย็นไปหมด แม้แต่สัตว์ไม่รู้ภาษาเรา เขาก็มีความรู้สึกของเขาฝังอยู่นั้น ว่าตายใจกับเรา ไม่กลัวเรา นอกจากนั้นยังมาคอยกินกับเราอีก

นี่ละธรรม ไปที่ไหนประสานได้หมดเลย ถ้าไม่มีธรรม โลกไม่มีความหมายนะ ความหมายมันอยู่กับธรรม ชาวพุทธของเรายิ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับวัดกับวากับพระเจ้าพระสงฆ์ด้วยแล้ว จะต่างกันมากในชาวพุทธด้วยกันก็ดี คำว่าชาวพุทธมีแต่ชื่อก็มี ตัวเองไม่สนใจกับพุทธนี้ก็มีเยอะนะ ทีนี้เป็นชาวพุทธด้วย สนใจใน พุทธ ธรรม สงฆ์ สนใจในการปฏิบัติตามอรรถตามธรรมด้วย นิ่มนวลไปตามๆ กันหมด ต่างกันนะ

วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากละ พูดมากทุกวันๆ เหนื่อยนะ การพูดนี้เหนื่อยมากเหมือนกัน ยิ่งลดลงๆ กำลัง เทศนาว่าการหลงหน้าหลงหลังเดี๋ยวนี้ได้ระวัง เทศน์จะเป็นแถวเป็นแนวเกี่ยวโยงกันไปไม่ได้ เดี๋ยวความจำมันตัดปุ๊บขาดเลย แล้วตั้งใหม่ไปเรื่อยเดี๋ยวนี้ เริ่มมากเข้าๆ นะ ไปเทศน์ที่ไหนได้ระวังตั้งแต่ความจำ มันจับเรื่องจับราวมาต่อกันไม่ได้ คือมันขาดปุ๊บเลย แล้วก็ต้องเอาเรื่องใหม่ไป ความจำ แต่ก่อนไม่เป็น ระยะสองปี ปีนี้เด่นมากนะ ก็พอดีกับเป็นปีที่เราจะยุติการช่วยชาติ เพราะเกี่ยวกับการเทศนาว่าการ การช่วยชาติบ้านเมือง ไปที่ไหนต้องได้เทศนาว่าการอยู่อย่างนั้น ไม่ได้หยุดเรื่องเทศน์

ในการช่วยชาติคราวนี้ เราก็เห็นสาระสำคัญกับทางด้านธรรมะเข้าสู่จิตใจประชาชน อันนี้เป็นสำคัญมากทีเดียว วัตถุเป็นอันดับสอง เป็นความรู้สึกของเราที่มีต่อโลกนะ คือธรรมะเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นจึงเทศนาว่าการเรื่อยๆ เทศนาว่าการก็มีหลายขั้นหลายตอน ให้ผู้ที่ปฏิบัติซึ่งมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ก็ให้ยึดตามฐานะของตนที่จะยึดได้ เทศน์จึงมีหลายขั้นหลายภูมิ ตั้งแต่พื้นๆ จนกระทั่งถึงธรรมะที่สูงสุดก็เอาออกเรื่อย ถ้าควรจะสูงสุด ยิ่งธรรมะขั้นสูงเท่าไรมันยิ่งออกเร็ว พูดจริงๆ เป็นอย่างนั้นนะ ถ้าธรรมดาๆ นี้ก็เหมือนกับตีเด็ก เราเฆี่ยนเด็กกับตีผู้ใหญ่มันต่างกันนะ ตีเด็กเฆี่ยนเบาๆ แต่ผู้ใหญ่ปั๊วะเลย มันต่างกัน

ธรรมะก็เหมือนกัน ธรรมะพื้นๆ ทั่วๆ ไปนี้ก็เหมือนกับสอนเด็ก สอนอย่างนั้นสอนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พอธรรมะขั้นสูงขึ้นไป เป็นธรรมะที่เข้าช่องเข้าทางแล้วเร่งละที่นี่ เร่งเครื่อง ยิ่งธรรมะสูงเท่าไรก็พุ่งเลย อันนั้นไม่ต้องบอก เราพูดจริงๆ เราไม่ได้คุย แต่ก่อนก็ไม่เคยเป็น เกิดมาเราก็ไม่เคยเป็น ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะเป็นอย่างนี้สำหรับใจดวงนี้ ก็เพราะอาศัยธรรมะ นั่นเห็นไหมล่ะ แต่ก่อนรู้ภาษีภาษาอะไร มันไม่รู้ภาษีภาษา พออ่านธรรมะไปสะดุดกึ๊กๆ เอ๊ะ อันนี้เราก็ผิดมาแล้วนี่ อ่านไปๆ อันนี้เราก็ผิดมาแล้ว สะดุดใจนะ สะดุดใจเรื่อยๆ สะดุดใจทีไรมันก็ได้สติขึ้นมาๆ จนกระทั่งศึกษาเล่าเรียนเข้าไป รู้เข้าไปๆ จากนั้นที่ท่านชี้บอกเรื่องมรรคผลนิพพาน ชี้บอกในตำราๆ ซึ่งเป็นแบบแปลน แบบแปลนของมรรคผลนิพพานก็คือตำรา เช่น พระไตรปิฎก นี้แบบแปลนมรรคผลนิพพานล้วนๆ พออ่านไปๆ เอ๊ะ ชอบกลๆ

จากนั้นก็เอาแปลนออกมากางละซี มันก็หนักเข้าๆ ล่ะซี จิตใจเราค่อยเปลี่ยนไปๆ เช่น เรียนนี้เราเรียนเพื่อปฏิบัติ ไม่ได้เรียนเพื่อเอาชื่อเอานาม แบบเรียนธรรมะแต่ใจเป็นโลก อย่างนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร นี้เรียนธรรมะใจเป็นธรรมตลอด อ่านไปตรงไหนสะดุดๆ เรื่อยๆ ขึ้นไป ใจมันก็เปลี่ยนแปลงของมันไปเรื่อย พอเริ่มออกปฏิบัติ ที่ได้รับความเข้าอกเข้าใจจากภาคปฏิบัติ ยิ่งเข้าถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นด้วยแล้วทีนี้เปิดโล่งเลย จิตใจดีดผึงๆ เลยเทียว จิตใจดีดผึงดีดด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาให้ได้ๆ อย่างเดียว ทีนี้การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเอาให้ได้ธรรมขั้นสูง มันก็ปรับตัวเข้าเรื่อยๆ ทีนี้จิตก็ค่อยเปลี่ยนไปๆ

นี่ละจิตเมื่อได้รับการอบรมเป็นอย่างนี้นะ ดังที่มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังก็อย่างนี้ละ มันค่อยเปลี่ยนของมันไปอย่างนี้ เปลี่ยนไปจนกระทั่งจิตสงบ เจ้าของไม่เคยเป็น บวชใหม่ๆ นี่นะ ภาวนา พุทโธๆ ถามท่านพระครู อยากภาวนาจะให้ภาวนายังไง เอ้อ เอาพุทโธนะ เราก็ภาวนาพุทโธ เอาพุทโธ ครั้นว่าไปๆ มันยังไงไม่ทราบนะถึงจังหวะมันจะเป็น จิตค่อยๆ หดตัวเข้ามาๆ ยิ่งเป็นจุดสนใจ พุทโธถี่ยิบ หดเข้ามาปึ๋งแล้วลงเลย ทีนี้ขาดไปหมดเลย ที่เราอยู่นั้นเหมือนกับว่าเกาะพอนั่งได้เท่านั้น นอกนั้นเวิ้งว้างอะไรไปหมดเลย ทำไมเป็นอย่างนี้ๆ ตื่นเต้นอัศจรรย์ ความตื่นเต้นความอัศจรรย์แหละมันไปกระตุกธรรมชาติที่อัศจรรย์นั้นให้เคลื่อนไหว เลยถอยออกมาเสีย อู๊ย เสียดาย ไม่ลืม

นี่ละที่ฝังจิตลึกนะ เป็นหนเดียวเท่านั้น จนกระทั่งออกปฏิบัติ อันนี้เป็นหลักเลย ไม่ถอย เพราะเคยเห็นแล้ว อัศจรรย์เอาเหลือประมาณ ก็เราไม่เคยคิดเคยคาดเลย ก็พุทโธๆ ไปตามภาษีภาษา บทเวลาจะเป็น จิตนี้เหมือนเราตากแหไว้ ดึงจอมแหเข้ามาๆ ตีนแหมันค่อยหดเข้าๆ กระแสจิตหดเข้ามาๆ สู่จอมแห จอมแหคือพุทโธ พุทโธถี่ยิบๆ หดเข้าๆ พอถึงนี้กึ๊กเท่านั้น โอ้โหย อะไรพูดไม่ถูกนะ เกิดความอัศจรรย์ตื่นเต้น ไม่นานนะ แต่ไม่นานก็ตามพอได้พยานก็เอา

จิตลงอย่างนั้นมันขาดไปหมดจริงๆ ทำไมจิตเราเป็นอย่างนี้ มันตื่นเต้น จากนั้นมา นี่ละที่เป็นอย่างนี้แล้ว ถึงไม่เป็นอีกก็ตาม ที่มันเป็นแล้วไม่เป็นอีกก็ตาม จิตฝังลึกทีเดียว ความฝังลึกก็ส่อให้เห็นถึงเรื่องความพากความเพียร ความเชื่อมั่นฝังลงในอรรถในธรรมอันนี้ เพราะฉะนั้นเวลาออกแล้วจึงว่าจะเอาอันนี้ให้ได้ นั่นเห็นไหม จับปุ๊บแล้วนะ พอออกปฏิบัตินี้จะเอาจิตดวงนั้นให้ได้ จิตดวงนั้นเหมือนอยู่ทวีปไหน ก็อยู่ในตัวเองนั้นแหละแต่มันไม่ได้เรื่อง ก็เอาดวงนั้นแหละดวงที่เคยรู้นั่นน่ะ ต่อจากนั้นก็ฟัดใหญ่เลย มันก็ได้จริงๆ

พอออกไปเอาจริงเอาจังนี่นะ นิสัยเราไม่ได้เหมือนใครง่ายๆ นะ พอเอาเข้าไปจิตนี้ก็เปลี่ยนเรื่อยๆ จิตดวงนี้ละ ความรู้สึกของเราจะเปลี่ยน เปลี่ยนไปจากสิ่งที่แวดล้อม สิ่งที่หุ้มห่อจิตใจนี้มันจางไปๆ อันนี้ค่อยเด่นขึ้นๆ เพราะจิตแท้ๆ นั้นอัศจรรย์อยู่แล้ว อันนี้ถูกปกคลุม พอเราเปิดออกด้วยความพากเพียรของเรา ชำระสิ่งเหล่านี้ออก ค่อยๆ เปิดออกๆ เรื่อยๆ เอาเสียจนกระทั่งพุ่งเลยทีเดียว นั่นเป็นยังไง เราเคยคิดเคยรู้เคยเห็นเมื่อไร เวลามันเป็นเราจะปฏิเสธได้ยังไงว่ามันไม่เป็น ก็มันเป็นอยู่นั้น รู้อยู่นั้น เห็นอยู่นั้น อะไรก็เป็นอยู่กับหัวใจนี้แล้วไปหาที่ไหน นั่น มันก็พูดได้ละซี นี่ละความเปลี่ยนแปลงของจิตใจเราเปลี่ยนแปลงได้อย่างนี้

ใจเป็นธรรมชาติที่ไม่ตาย แต่ถูกสิ่งสกปรกโสมมปกคลุมหุ้มห่อ ใจก็เลยเป็นใจที่หาราค่ำราคาไม่ได้ เวลาชำระออกๆ มันก็เป็นอย่างที่ว่านี่ เรื่องอย่างนี้การที่ว่าพูดที่ว่าเทศน์ดังที่ว่าตะกี้นี้นะ ถ้าเป็นเทศน์ธรรมะขั้นสูงๆ นี้มันพุ่งเลยทันที มันถึงธรรมชาติอันนี้นะ อันนั้นก็ไปอย่างหนึ่งๆ เทศน์ทั่วๆ ไปมันก็ไปอีกอย่างหนึ่ง พอย่นเข้ามาๆ พอถึงจุดแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วแล้วไม่ต้องบอกแหละ นี่ละที่ว่าบางครั้งจนจะสลบไสล คือมันไปกระเทือนโรคหัวใจ เวลาเทศน์มันไม่ได้สนใจกับอะไร ธรรมะมันพุ่งออกเลย พุ่งๆ เพราะใจดวงนี้มีแต่ธรรมล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรนี่ มันออกเต็มเหนี่ยวๆ แล้วมันมากระแทกละซี เวลามันรุนแรงนี้ลมมันแรง มันก็มากระแทกโรคหัวใจ บางทีถึงขั้นจะสลบไสลก็มี

โห อำนาจแห่งธรรมนั่นละ กลายมาเป็นเรื่องลมที่ทำงานเพื่อธรรม รุนแรงๆ มันก็มากระแทกๆ โรคหัวใจกำเริบขึ้นมา บางทีถึงจะสลบไสลก็มีเพราะอำนาจของธรรม นี่หมายถึงว่าเทศน์แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว มันไปเองของมัน ถ้าเป็นธรรมละเอียดเท่าไรยิ่งพุ่งๆ เลยเทียว ถ้าเป็นธรรมดาก็สะเปะสะปะไปอย่างนั้น นี่ละธรรมอัศจรรย์ มันอยู่ที่จิตนา เวลานี้ไม่ว่าจิตท่านจิตเรา ก็คือสิ่งที่ไม่เป็นท่านั่นละมันครอบหัวใจอยู่ หัวใจจึงไม่เป็นท่า ลากออกทางจงกรมแล้วมันยังออกหาทางไม่เป็นท่าจนได้นั่นแหละ ไม่ได้ยังไง คว้าหมอนมัดติดคอด้วย ถูกกิเลสตัวขี้เกียจขี้คร้านพาไปหาหลับหานอน เดินจงกรมนี่ธรรมะท่านลากไป ลากไปมันก็เอาหมอนติดคอมันไป มันไม่ยอมให้ห่างหมอนกิเลส นั่นเห็นไหมล่ะ

บทเวลามันได้เด็ด หมอนไม่ได้สนใจ มีแต่ธรรมล้วนๆ พุ่งๆ เลย นี่ละศาสนาของพระพุทธเจ้านี้เลิศเลอ มีสักขีพยาน ให้มีผู้ปฏิบัติ จะมีสักขีพยานของพระพุทธเจ้าสดๆ ร้อนๆ สดๆ ร้อนๆ ประหนึ่งว่าพระพุทธเจ้าอยู่กับเรานี้เลย ไม่ได้อยู่เมืองนู้นเมืองนี้ นิพพานที่นั่นที่นี่ อันนั้นเป็นเงาต่างหาก เป็นสรีระ ใครๆ ก็เกิดก็ตาย ก็แก่เฒ่าชรา ตายได้ทุกแห่งทุกหน คนตายที่ไหนเป็นป่าช้าที่นั่น พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่เมืองอินเดีย ก็เรียกว่าตายเมืองอินเดีย ป่าช้าท่านอยู่ที่นั่น เราอยู่ที่นี่อยู่ที่ไหนตายได้เหมือนกันนั่นแหละ อันนี้เป็นอันหนึ่งต่างหาก แต่ธรรมชาตินี้ตายที่ไหน

ท่านว่าธรรมธาตุๆ หรืออมตจิต คือจิตไม่ตาย พอถึงขั้นเป็นธรรมธาตุแล้วก็เป็นอมตธาตุไปเลย ไม่ตาย จ้าอยู่นั้นแล้ว ใครจะมีสามแดนโลกธาตุมาค้าน ค้านหาอะไรไม่ได้สนใจ เพราะธรรมธาตุอยู่กับตัวเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว ดังพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วสอนโลกได้ทั้งสาม ไปหาถามใคร นี่ก็เหมือนกัน จึงว่าอยากให้พากันสนใจทางด้านปฏิบัติ ถ้าอยากเห็นความแปลกประหลาด มีวันหนึ่งจนได้นั่นแหละ ถึงไม่รู้อย่างนั้นก็ตาม อานิสงส์แห่งการภาวนานี้มีมากกว่าเพื่อนนะ แล้วทำไปๆ หากมีวันหนึ่งที่จะสะดุดใจอย่างที่หลวงตาพูดให้ฟัง พอสะดุดใจวันนั้นแล้ว เกิดความมั่นใจแล้วฝังอยู่นั้นละ จนกระทั่งเรียนหนังสือถึง ๗ ปี แล้วออก ยังไม่ลืมนี้นะ ทีนี้จะเอาอันนี้ให้ได้ นั่นเห็นไหมล่ะ มันฝังลึก อจลศรัทธา ไม่ยอมถอน

การภาวนาเป็นของสำคัญมากทีเดียว พุทธศาสนาเรา แก่นของศาสนาจริงๆ คือการภาวนา จ้าขึ้นนี่แล้วจะฝังลึกด้วย แล้วพูดให้ใครฟังๆ ใครก็มีแก่ใจที่จะปฏิบัติ แล้วก็รู้ตามๆ กันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่สนใจภาวนาก็อยู่อย่างนั้นแหละ ตกลงศาสนาก็ถือสักว่าเป็นพิธี เป็นธรรมเนียมไปเสียไม่เป็นของจริง ศาสนาที่รู้ด้วยใจ เหมือนพระพุทธเจ้า สาวก รู้ด้วยใจนั้นแท้แล้ว อันนี้เราปฏิบัติมันก็เป็นแถวที่จะเข้าหาจุดแท้แล้วนั่นเอง ให้พากันภาวนาบ้างนะ นี่ก็เคยเห็นของอัศจรรย์จากการภาวนา

เพราะฉะนั้นอยู่ในวัดนี้ เราจึงเข้มงวดกวดขันกับพระกับเณรถึงเรื่องการภาวนา งานอื่นเราไม่ไปยุ่งท่าน เพราะเห็นว่าเป็นงานไม่จำเป็นอะไรที่ทำนี่นะ งานอันนั้นจำเป็นมากกว่า นอกจากเวลาจำเป็นจริงๆ แล้ว ก็ขอให้ท่านมาช่วยชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นก็ปัดเข้าป่าภาวนา เพราะของเลิศเลออยู่ที่หัวใจนะ ไม่อยู่ที่ไหน เอาละวันนี้พอ

ให้พร ยถา วาริวหาฯ

 

ชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกทุกวัน   ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก