ปัญหาเป็นคติเตือนใจได้ดี
วันที่ 26 มกราคม 2547 เวลา 8:50 น. ความยาว 40.29 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ปัญหาเป็นคติเตือนใจได้ดี

 

         เมื่อวานนี้โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น เข้าใจไหมข้าวปุ้น ขนมเส้น ขนมจีน แล้วแต่จะเรียก ข้าวปุ้น ขนมจีน ขนมเส้น สามอย่างมันเป็นไวพจน์ใช้แทนกันได้ทั้งนั้น เขาก็มาขอรถยนต์ ก็คือทราบจากพวกเดียวกันทางอุบล โขงเจียมบ้าง ที่ไหนบ้างที่ให้รถยนต์ไป เวลานี้เขื่อนสิรินรก็กำลังสั่งยังไม่ตกมา เขื่อนสิรินรกับอุบล เมื่อวานนี้โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้นก็มาเลยไม่ได้ เราก็แป้วใจอยู่ตลอดนะ เราคิดถึงเรื่องอันนี้ก็มันไม่พอ เพราะฉะนั้นจึงต้องพักเอาไว้เป็นพัก ๆ  ๆ พอได้จังหวะแล้วก็ให้ ๆ ๆ อย่างนี้ ยังเป็นอารมณ์อยู่ เพราะพวกนี้อยู่ไกลด้วย เลยไม่ได้เสียก่อนะคราวนี้ คือมันหมุนไม่ทัน

         โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่งที่ได้ช่วยตลอดมานี้ โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ขาดวรรคขาดตอนเลยโรงพยาบาล ดูว่ายิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ โรงร่ำโรงเรียนก็ยังพอเป็นวรรคเป็นตอน ส่วนโรงพยาบาลรู้สึกจะไม่ขาดระยะเลย เช่นอย่างเวลานี้ก็สร้างตึกให้โรงพยาบาลกี่แห่ง นี่เป็นพื้นเลย ส่วนที่แทรกเข้ามาก็เครื่องมือแพทย์ รถราอะไร ตึกก็สร้างให้ ๆ

         ได้ยินเขาออกหนังสือพิมพ์หรือว่าอะไรที่ตรวจเงิน กองปราบปราม (เขาว่ามีอดีตพระชื่อเทพพนม เคยมาที่วัดป่าบ้านตาด มาอยู่แล้วไปให้ข่าวหนังสือพิมพ์ ว่าจะร้องเรีย...ให้ตรวจสอบทรัพย์สินของลูกศิษย์และญาติที่ใกล้ชิดหลวงตาครับ) พระองค์นี้ว่ามาที่นี่ ได้เรื่องราวอะไรจากวัดไปถึงต้องให้มาตรวจ (เขาเป็นฝ่ายตรงข้ามกับลูกศิษย์หลวงตา เขาให้ข่าวหนังสือพิมพ์ แล้วอยากจะเด่นอยากจะอะไรขึ้นมาด้วย ไม่มีหลักฐานอะไร ให้ข่าวเฉย ๆ ครับ) แน่ะ เราพิจารณาซิ

         คนไทยทั้งแผ่นดินไทยเรา เรียกว่ารวมทั้งหมดแผ่นดินไทย ต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามขวนขวายหามาอุ้มชาติของตน หนุนชาติของตน ด้วยวิธีการบริจาคสมบัติเงินทองมาเป็นลำดับ ซึ่งเวลานี้ก็เห็นผลเข้าไปตามความมุ่งหมาย จุดมุ่งหมายแล้วว่าจะถึงจุดที่ต้องการในไม่ช้นี้ เช่นทองคำก็จวนจะเข้า ๑๐ ตันแล้ว ดอลลาร์จวน ๑๐ ล้าน เรียกว่าจวนเข้าทุกอย่างๆ นี่ได้อุตส่าห์พยายามกันมา มีแต่น้ำใจของพี่น้องชาวไทยทั้งชาติที่อุตส่าห์พยายามขวนขวายหามาได้

         เช่นอย่างเงินสดนี้ก็ดูซิน่ะ เต็มไปหมดเลยทั่วประเทศไทย ดังที่พูดตะกี้นี้โรงพยาบาลอะไร ก็ช่วยชาติตัวเองและสมบัติของตัวเอง ต่างคนต่างหนุนมาที่ได้ช่วยอย่างนี้ แล้วมันเป็นยังไงพวกเปรตพวกผี พวกยักษ์ พวกมาร พวกไส้อยู่ในเมืองไทย เกิดเป็นหนอนกินไส้ของเมืองไทยเรา อย่างที่พูดตะกี้นี้ พระเราก็พระมาบวช บวชแล้วเข้ามาในวัดนี้ แล้วมาเห็นอะไร สิ่งไม่ดีงามในวัดหรือว่าที่ไหน (ไม่ได้เห็นหรอกครับ เขาคิดเอาแบบตัวเขาเองว่าหลวงตาร่ำรวย เลยจะร้อง ...ให้ตรวจสอบลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงตา เขาพูดลอย ๆ เฉย ๆ ไม่เห็นมียืนหลักฐานอะไรให้เขา หนังสือพิมพ์ก็เอามาลง เพราะตอนนี้ทางลูกศิษย์เราไปคัดค้านเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชครับ รองนายกฯ ดร.วิษณุ เครืองาม เขาตั้งคณะผู้ทำการแทนสมเด็จพระสังฆราช ลูกศิษย์เราก็ไปคัดค้าน พระนี่สงสัยจะอยู่กับฝ่ายทางด้านตรงข้ามกับทางลูกศิษย์ก็ไปให้ข่าว มาพาดพิงเกี่ยวกับวัดป่าบ้านตาดครับ)

         เขาบอกว่าเขาจะมาหรือไง ป.ป.ง. (ให้ข่าวเฉย ๆ ไม่ได้จะมาครับ อดีตพระองค์นี้ไปให้ข่าวควรจะตรวจสอบทรัพย์สิน) ทราบว่าพระองค์นั้นเก่ง เป็นผู้บริสุทธิ์พุทโธทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด และลูกหลานหลวงตาบัว เป็นขี้โกง ขี้ขโมย เป็นมหาภัยต่อชาติแล้วก็ให้มาตรวจได้เลย เข้าใจเลย หลวงตาจะพาลูกพาหลานนี้เข้าตะรางทีเดียว ให้มันเห็นเสียในชาตินี้ หลวงตาอุตส่าห์พยายามดังพี่น้องทั้งหลายเห็นนี่ แล้วกลับไปเป็นว่าได้ไปเป็นผู้ต้องหาอย่างอุกฉกรรจ์ ติดคุกติดตะราง ติดตั้งแต่หลวงตาบัว ฟาดลูกหลานที่มาช่วยเพื่อผลประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา กลายเป็นผู้ต้องหาสกปรกมอมแมมไปหมด แล้วติดคุกด้วยกันหมด ทั้งหลวงตาทั้งลูกทั้งหลานหลวงตาไปหมด ให้มันได้เห็นโลกอันนี้นะ

         เรายังจะประกาศขึ้นถึงท้าวมหาพรหม และนรกอเวจี ให้เขามาตัดสินกันระหว่าง หลวงตากับลูกๆ หลานๆ เป็นผู้ต้องหาอยู่ในท่ามกลางนี้ ทางนรกจะเอาลงไป หรือทางสวรรค์ชั้นพรหมจะเอาขึ้นไป ก็ให้มาตัดสินกัน ให้ประกาศให้โลกเหล่านี้ได้เห็นกัน ดี ให้มันดังเสียทุกอย่างเข้าใจไหม มันตั้งหน้าตั้งตาทำลายเสียจริงๆ เวลานี้สั่งสมกำลังขึ้นทุกด้านทุกทางอย่างออกหน้าออกตา หน้าด้าน ไม่ละอายคนไทยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเลือดเนื้ออันเดียวกันเลย ตั้งหน้าตั้งตามาทำลายกัน กัดตับกัดปอดต่อหน้าต่อตาด้วยความหน้าด้าน แหม เราสลดสังเวชนะ

         พอปัดมือออกก็หาว่าพวกสกปรกไปแล้ว เขาปัดมือออก ไม่อย่างงั้นตับปอดเมืองไทยจะหมด ปัดมือออก แล้วก็ขึ้นแล้วว่าเป็นโจรผู้ร้ายแล้วไปปัดมือเขาออก เข้าใจไหม กลายเป็นโจรผู้ร้ายไปแล้ว โอยน่าสลดสังเวชนะเราก็ดี เวลานี้เรื่องมันกำลัง ระหว่างชาติ คนผู้รักชาติ รักษาชาติ สมบัติของชาติและความมั่นคงของชาตินี้ เกิดความเดือดร้อนไปตามๆ กัน เพราะพวกนี้ที่จะมาแสดงตนเป็นผู้บริสุทธิ์ มาประกาศตนออกอย่างหน้าด้านเวลานี้ กำลังเริ่มนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบก็แล้วกัน เราพูดเป็กลางๆ เราไม่ตำหนิติเตียน ชมผู้ใด ที่ปราศจากเหตุผลอรรถธรรมเราไม่มี เราพูดตรง ๆ อย่างนี้

         เรื่องราวเป็นอย่างนี้ เห็นกันได้อย่างชัดเจน เวลานี้ยิ่งหนาแน่นขึ้นมาละที่จะทำลาย พี่น้องทั้งหลายเป็นยังไง นอนใจอยู่เหรอ หรือหัวหดอยู่ในกระดองเหมือนเต่าหรือ จึงไม่ลุกขึ้นมามองหน้าดูสมบัติของตัวเองที่มีอยู่รอบด้านของเราทั่วประเทศไทย เป็นสมบัติของพี่น้องชาวไทยแต่ละคนๆ ด้วยกันทั้งนั้น นับตั้งแต่คลังหลวงออกไป เราเป็นผู้ดูแลรักษา เราจะเป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดอง หรือจะออกมาดูแล ต่างคนต่างตื่นเนื้อตื่นตัว สังเกตสอดรู้เรื่องราวที่จะมาเป็นภัยต่อชาติของตน หรือจะหัวหดอยู่ในกระดอง ให้ไปพิจารณาทุกคน ในฐานะเราเป็นคนไทยทั้งชาติ รักษากันมา ตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย จนกระทั่งบัดนี้นะ ท่านรักษามาแบบไหน เราเป็นลูกเป็นหลานเราจะรักษาแบบไหน ให้ฟังกันทุกคนนะ

         ดังที่เรื่องราวมันเกิดขึ้นเพียงออกหนังสือพิมพ์เท่านั้น ก็ประกาศความเลวร้ายของมหาภัยต่อชาติอยู่แล้ว เห็นอย่างชัดๆ อย่างนี้ดูเอา ให้ต่างคนต่างรู้เนื้อรู้ตัว สอดส่องดูแลสมบัติ ทั้งโจรมารที่จะเข้ามาในแง่ใดมุมใด จะมาทำลายสมบัติอันมีค่าของพวกเรา ต้องต่างคนต่างสอดส่องดูแลด้วย อย่าเพียงหลับนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้นะ ถ้าไม่มีโจรมีมารนอนเท่าไรก็ได้ ถ้าเมื่อมีโจรมีมารเจ้าของสมบัติก็ต้องได้ลุกขึ้นดูแล ดีไม่ดีอยู่ยามกันนู่นน่ะว่าไง สิ่งที่มีค่าเขาอยู่ยามอยู่เวรกันทั้งนั้นแหละ

         นี่ประเทศไทยเรามีค่าขนาดไหน พวกเราต่างคนต่างเป็นเจ้าหน้าที่รักษาสมบัติของตน แล้วอยู่เวรอยู่ยามกัน ด้วยความสอดส่องมองดูทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมา ผิด ถูก ชั่ว ดี หรืออะไรให้รีบเตือนกัน บอกกัน เข้าใจเหรอ นี่คือผู้รักษาชาติเป็นอย่างนั้นนะ ไม่ใช่ใครมาอะไร ๆ ก็หลับหูหลับตาให้เขาเอาตับเอาปอดไปกินหมด ยังเหลือแต่โครงกระดูก ชาติไทยทั้งชาติมีแต่โครงกระดูก ถูกโจรผู้ร้ายมหาโจร มหาภัย ซึ่งเกิดในชาติของเรา กัดตับกัดปอดของชาติเอาไปกินหมด เราอยากได้ยินได้ฟังไหมอย่างนี้

         เมื่อไม่อยากได้ยินได้ฟังให้ต่างคนต่างมีหูมีตา มีจิตใจสอดส่องมองดู ทิศทางทุกด้านทุกทาง เพราะเราเป็นเจ้าขอสมบัติต้องดูรอบสมบัติของเราถึงถูกต้อง เอาให้มันเห็นชัดๆ อย่างหลวงตาบวชมาเข้าไปอยู่ในพุทธศาสนา ไม่เคยสนใจกับโลกกับสงสาร เหตุใดจึงได้มาเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย ให้คิดข้อนี้ให้มากก็แล้วกันนะ พระแท้ ๆ อยู่ในป่าในเขาจำเป็นอะไรจึงต้องมาเกี่ยวข้องกับบ้านกับเมือง ก็เพราะบ้านเมืองมันจะล่มจมต่อหน้าต่อตาเรา ซึ่งเป็นลูกคนไทยอยู่ในท่ามกลางของชาติไทยเรา เป็นเนื้อหนังของชาติไทยเรา จะอยู่เฉยๆ ได้ยังไง ก็ต้องมาช่วยมาเหลือกันในฐานะของพระที่จะทำได้ตามหน้าที่ของพระ

         อย่างที่เราทำมานี้ไม่ผิดหน้าที่ของพระ ไม่มี เราตรวจตราดูเรียบร้อยแล้วตามหลักธรรมหลักวินัย เราจะไม่ก้าวเดิน ข้ามเกินหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าเลย จะอ่อนจะโยน นิ่มนวลอ่อนหวาน เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดขนาดไหน จะต้องเป็นไปตามธรรมตามวินัยล้วนๆ เลย ไม่ได้นอกเหนือจากนั้น เท่าที่เราพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินมา ไม่ว่าจะวิธีการใด เราเอาธรรมออกใช้ทั้งนั้น เราไม่ได้มีคำว่าโลกมาแฝงกับเรา นี่ก็ยังได้อุตส่าห์ออกมาช่วยพี่น้องทั้งหลาย คิดดูซิอยู่ในป่าในเขา เคยสนใจเมื่อไรอย่างนี้ เราไมเคยสนใจ

         ยกตัวอย่างเช่น บ้านเมืองของเราตั้งรัฐบาลมากี่ยุคกี่สมัย นี่ทราบมาโดยลำดับๆ เป็นยังไงก็ทราบมา เราก็อยู่ของเราอย่างนี้ ไม่ค่อยสนใจอะไร แต่เวลามันจะถึงขั้นวิกฤตการณ์ที่จะให้จมทั้งชาติ ทั้งศาสนา ทั้งพระไปด้วยกัน จมไปด้วยกันแล้ว พระอยู่ในท่ามกลาง พระก็ต้องดีด และต่างคนต่างพากันดีดกันดิ้นแหวกว่ายซิ ไม่ว่าประชาชนตกน้ำ ไม่ว่าพระตกน้ำต้องแหวกว่ายขึ้นฝั่ง นี่ก็เหมือนกันต่างคนต่างตกน้ำอยู่ด้วยกัน ต้องต่างคนต่างช่วยกัน ฉุดกันขึ้นฝั่ง อย่างงั้นซิ ไม่ใช่จะช่วยกันขยำลงไปจมลงก้นทะเล พากันคิดให้ดีนะ

         เวลานี้เสี้ยนหนามเกิดขึ้นเป็นตัวเป็นตน เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นข้าศึกศัตรูเหมือนว่าคนละฝั่ง ประจัญบานกันอยู่แล้วเวลานี้ ให้พี่น้องทั้งหลายคิดด้วยกันทุกคน อย่าอยู่เฉยๆ ออกทุกแง่ทุกมุมเริ่มต้นมาตั้งแต่นูนน่ะ ชาติไทยที่จะกระเทือนมาก ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วผ่านเข้ามานีละ ตั้งแต่นั้นมาเป็นเรื่องก่อกรรมก่อเวรกันมาเรื่อยๆ นู่นน่ะ ก่อเหตุนั้นขึ้นมา เอ้าล้มลงไป ก่อเหตุนี้ขึ้นมา ก่อเหตุนี้ขึ้นมา เวลานี้หนาแน่นขึ้นมามากโดยลำดับแล้วนะที่จะทำลายชาติไทยของเรา และศาสนาที่เราเทิดทูนประจำชาติไทยของเรา

         เวลานี้กำลังหนาแน่นขึ้นมา ทำลายทั้งสองด้านเลย ไม่มีด้านใดที่ยก จะทำลายทั้งสองด้านให้จมหมดทั้งคนไทยทั้งประเทศ ทั้งชาติทั้งศาสนาไปด้วยกันหมดนั่นแหละ เวลานี้หนาแน่นขึ้นมาขนาดนั้นนะ ขอให้พินิจพิจารณาให้ดี โถ มันน่าทุเรศนะเราก็ดี คนหนึ่งวิ่งเต้นขวนขวายหามาแทบล้มแทบตาย คนหนึ่งคอยจ้องทำลาย คอยจุดคอยเผาคอยเตะคอยถีบคอยยัน เป็นอย่างนี้ละฟังซิ เอามาเทียบกันซิ สองอย่างนี้ สองคณะสองพวกนี้เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้

(ลูกศิษย์เอาภาพการ์ตูนมาให้หลวงตาดู) นี่มันหมายความว่าอย่างไร เอาลองแปลดูซิ นี้แปลการ์ตูนเก่งมาก เอ้าว่ามา

(ภาพที่หนึ่งเขาบอกว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ดร.วิษณุ แต่งตั้ง มันเป็นคล้ายๆ ยี่เกครับผม เป็นฤาษีห่มผ้าเหลืองแบบจีวร ข้างหน้ามีคนดู เขาบอกเปรียบเหมือนแสดงลิเกคณะหอมหวล ที่ตั้งมานี้เหมือนกับตั้งเป็นยี่เกขึ้นมา ทีนี้อีกภาพก็มีรูปสมเด็จพระสังฆราชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนามาแต่ดั้งเดิม ข้างหลังมีพระพุทธรูป พุทธบริษัท ๔ ก็เคารพบูชากราบไหว้ ส่วนภาพแรกคนดูดูไปหัวเราะไป แบบยี่เกครับผม) เขาคงขบขันนะ นี่ละการ์ตูนเขาออกมาสองอย่างนี้ (เปรียบเทียบให้เห็นว่านี่ของจริง นั่นของปลอมครับ) องค์สมเด็จพระสังฆราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนามาเป็นของจริง (ดร.วิษณุ แต่งตั้ง เป็นคล้ายๆ เหมือนเล่นยี่เกละครละครับ) แล้วลิเกหอมหวล คนชวนชมด้วย เข้าใจไม่ใช่เหรอ เอาละพอ

โยม มีปัญหาทางอินเตอร์เน็ตครับ คนที่หนึ่งเขาเขียนมาดังนี้ครับ

ขอเขียนมาบรรยายเฉย ๆ ค่ะ ด้วยความเคารพรักหลวงตายิ่งชีวิตค่ะ เพราะท่านพากู้ทั้งชาติ ทั้งศาสนา คนที่กิเลสหนาไม่เข้าใจท่าน โจมตีทั้งหลวงตาและคุณทองก้อน ดิฉันและศิษย์อีกหลายท่านอยากให้หมดจากศึกภายใน ให้ลูกศิษย์เองมีความเห็นไปทางเดียวกัน ที่หลวงตาพากู้ศาสนา นับตั้งแต่เรื่องรวมบัญชี มาจนถึงเรื่องสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่าได้ว่าเป็นหัวใจของศาสนาพุทธเรา ดิฉันเป็นคนหนึ่งและลูกศิษย์อีกมากมาย ขอตั้งคำสัตย์ว่าจะรักษาพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ เป็นลูกชาวพุทธที่ดี ตั้งใจภาวนาให้มากขึ้น ดังหลวงตาพาดำเนิน สมกับที่ท่านอุ้มทั้งชาติและศาสนาไว้ให้เราลูกหลานเพื่อแผ่นดินไทยของเรา (ที่เขียนมานี้มีลูกศิษย์ที่กรุงเทพฯ หลายคนร่วมตั้งใจระลึกในพระคุณของหลวงตาและพระมหากษัตริย์ที่รักษาแผ่นดินไทยไว้ให้พวกเราด้วยค่ะ) (จาก เหล่าศิษย์ผู้รักหลวงตาและชาติไทยเหนือชีวิต)

หลวงตา อันนี้เราขออนุโมทนาสาธุกับบรรดาพี่น้องลูกหลานชาวไทยเรา ที่รักษาชาติรักษาศาสนาด้วยความจงรักภักดีเทิดทูนตลอดมา แล้วก็มีความอนุโมทนาสาธุการกับหลวงตา ความอนุโมทนาสาธุการ หลวงตาขอมอบย้อนคืนไปให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทั้งหมด (สาธุ) หลวงตาจะมีแต่อีตาบัวเท่านั้นแหละ พอ

โยม คนที่สองครับ กระผมมีความเข้าใจว่า การดำเนินชีวิตและการปฏิบัติจิตตามแนวของศีล  สมาธิ  ปัญญา   ถ้าปฏิบัติถูกต้องด้วยความเพียรสม่ำเสมอ ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือ  สติ  สมาธิ  ปัญญา  จะมีพละกำลังมากขึ้น จนสามารถประหารกิเลสไปได้ตามลำดับชั้น  ชั่วขณะหนึ่งที่สติ  สมาธิ ปัญญา มีกำลังสม่ำเสมอ  ประชุมพร้อมที่จิตจนสามารถประหารกิเลสได้เด็ดขาด จิตเปลี่ยนสภาพจากปุถุชนเป็นอริยบุคคล  ตามปริยัติกล่าวไว้ว่า อริยบุคคลชั้นต้น  คือ โสดาบันนั้นละสังโยชน์เบื้องต้นได้ ข้อเเรก กระผมมีคำถามดังนี้  คือ

๑.ในทางปฏิบัติชั่วขณะที่จิตเปลี่ยนจากปุถุชน เป็นอริยบุคคลนั้น จิตมีอาการเเสดงอย่างไรบ้างครับ

หลวงตา อันนี้เราก็เคยตอบเคยโต้ผู้ถามมามากมายก่ายกอง คราวนี้ตอบไม่ได้แล้ว ยอม เอาละพอ ว่าต่อไป

๒.วิปัสสนูกิเลส  ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าบรรลุมรรค ผล  กับ  สันทิฏฐิโก  เราจะมีทางรู้หรือสังเกตอย่างไรบ้างครับ

หลวงตา อันนี้ก็ไม่ขอตอบ อันนี้ก็ติดเหมือนกัน เอ้าว่าไป

๓.ผมเข้าใจว่าการที่เราจะรู้ว่า เราละกิเลสตัวใดได้บ้างนั้นจะต้องมีการสังเกตดูจิตตัวเอง ขณะที่มีการกระทบสัมผัสกับอารมณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับกิเลสตัวนั้นๆ ถ้าจิตยังมีการกระเพื่อม การปรุงการคิด ไม่ว่าดีหรือชั่ว พอใจหรือไม่พอใจก็ตาม  ยังต้องมีการบังคับหักห้ามหรือกดถ่วงจิต ก็แสดงว่ายังละกิเลสตัวนั้นๆ ไม่ได้  ในทางตรงกันข้าม  ถ้าจิตสามารถดำรงความเป็นกลาง ไม่มีการปรุงเเต่ง ไม่มีการยินดียินร้าย มีสติปัญญารู้พร้อม  ไม่ต้องมีการบังคับกดถ่วงจิตก็เเสดงว่าละกิเลสตัวนั้นได้

         เพราะฉะนั้น การที่เราจะรู้ว่าเราละกิเลสตัวไหนได้นั้น เราต้องรู้ได้ด้วยตัวเอง มิใช่ให้ผู้อื่นมาบอกมาประเมิน การพยากรณ์มรรคผลโดยผู้อื่นนั้นไม่น่าจะถูกต้อง ยกเว้นพระพุทธเจ้าซึ่งทรงพยากรณ์สาวกของพระองค์ กระผมมีความเข้าใจถูกหรือผิดพลาดประการใดขอให้ท่านอาจารย์ชี้เเนะด้วยครับ (จาก ส.วิสุทธิ์)

        หลวงตา ถ้าให้ทำความเข้าใจมากกว่านี้ เดี๋ยวคุณจะเป็นบ้านะจะว่าไม่บอก เอาละพอ ถามยั้วเยี้ยๆ ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ได้หลักได้เกณฑ์ เท่านั้นละขี้เกียจตอบ

        โยม คนที่สามครับ ขอกราบเรียนถามหลวงตาว่าในชีวิตประจำวันทุกวัน เราพิจารณา  อนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา  อยู่เป็นประจำ จนเห็นความไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  และความไม่มีตัวตน  และเห็นได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่หมดเลยทีเดียว การที่เราพิจารณาอยู่เนืองๆ อย่างนี้ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร จิตใจเราจะไปได้ถึงขั้นไหนครับ  ถ้าเราไม่ได้ทำสมาธิประกอบด้วย  ขอความกรุณาหลวงตาด้วยครับ (จาก ณรงค์ ทำงานอยู่ประเทศญี่ปุ่นครับ) เขาถามมาจากประเทศญี่ปุ่นครับ

หลวงตา ประเทศไหนก็ตามเถอะ ก็มาเข้าหูนี่แหละ พอรับก็รับ ไม่พอรับก็ปัดออกได้จะว่าไง ถามมีแต่เรื่องผิวๆ เผินๆ ถามไปเฉยๆ เจ้าของไม่ได้ปฏิบัติได้รู้ในเจ้าของ พอจะเอาของจริงออกมาพูดบ้างให้ได้ฟังตามหลักธรรมชาติที่ปฏิบัติเพื่อรู้ของจริง เห็นของจริงๆ แล้วรู้จริงๆ ตอบได้จริงๆ ว่างั้นแหละ นี่มันไม่ได้เรื่อง ถามผิวๆ เผินๆ ไป ได้ยินตามปริยัติว่าไงแล้วก็ว่าตามปริยัติไปอย่างนั้น ไม่ตอบ ไม่ควรตอบไม่ตอบ เท่านั้นแหละพอ

โยม จบแล้วครับ

หลวงตา วันนี้ปัญหาทั้งสามข้อนี้ไม่ค่อยได้เป็นประโยชน์อะไรนักยิ่งกว่าข้อที่หนึ่ง คนที่หนึ่งที่ถามนั้นเหมาะสมมาก กระเทือนทั้งชาติทั้งศาสนาไปพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นเราจึงขออนุโมทนา และยกคำที่เขาอนุโมทนาเรากลับคืนให้เจ้าของเดิมเท่านั้นแหละ อันนี้ดี ให้เป็นคติเตือนใจได้ดี นอกนั้นเหลวๆ ไหลๆ ไปคว้าเอาตำราโน้นตำรานี้มาถามโดยเจ้าของไม่ได้ปฏิบัติพอให้รู้เห็นประจักษ์กับใจบ้างมาถามบ้างเลยนะ เราจึงไม่อยากจะตอบ ก็มีเท่านั้นละ แล้วมีอะไรอีกล่ะ

(นักเรียน ๖๐ คน ครู ๑ คน จากโรงเรียนธรรมานุสรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ มากราบหลวงตาและฟังเทศน์ด้วยครับ)

หลวงตา ฟังเทศน์ก็ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะลูกๆ หลานๆ พากันตั้งหน้าทำหน้าที่การศึกษาเล่าเรียน เวลานี้เราเป็นนักเรียน ฟังซิว่านักเรียน ต้องจริงจังมาก เป็นชื่อเด่นดังจึงเรียกว่านัก นั่นละนักเรียน ให้ตั้งหน้าตั้งตาจริงๆ ศึกษาจริงๆ ปฏิบัติตามหลักวิชาที่เรียนมามากน้อยจริงๆ แล้วจะเป็นคนดีขึ้นด้วยกันทั้งนั้นแหละ สมชื่อว่านักเรียน ตั้งใจปฏิบัติ หลวงตาก็เคยเป็นนักเรียนมาแล้ว ถึงขนาดที่เรียนสอบได้ ป.๓ เห็นไหมลูกหลาน นี่หลวงตา ป.๓ สอบได้ชั้นประถม ๓ จนกระทั่งครูหมดความสามารถ เราก็เลยออกจากโรงเรียนอายุยังไม่พอ ไม่พอจริงๆ นะ คือมันมีกฎกันว่า ถ้าใครเรียนจบชั้น ป.๓ ให้ออกได้เลย อายุพอไม่พอก็ตาม เขามีกำหนดไว้อายุเท่านั้นถึงจะได้ออกจากโรงเรียนไป ถ้าหากว่าสอบได้ตามขั้นนี้ถึงจบ ป.๓ แล้ว อายุถึงไม่ถึงก็ตามให้ออกได้เลย เราก็ออกได้สำเร็จมาขั้น ป.๓

ลูกหลานเรียนชั้นไหนล่ะ พิจารณาซิ นักเรียนนักลิงนักเลงมันมีอยู่ด้วยกัน ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ รักษาตัวให้ดี มีเวลาว่างช่วยพ่อช่วยแม่ หน้าที่การงานอะไรที่เกี่ยวกับพ่อกับแม่อย่าดูดายนะ เลิกจากโรงเรียนมาแล้วก็เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อน ไม่สนใจกับหน้าที่การงานจะช่วยพ่อช่วยแม่บ้างเลยนี้ไม่สมควร ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ มาทางบ้านก็ช่วยทางบ้าน ไปโรงเรียนก็ช่วยทางโรงเรียน แล้วศึกษาเล่าเรียน ถึงเวลาเล่นก็มี เขามีตารางสอนตารางเล่นอยู่นี่ เวลาเล่นให้เวลาเท่าไรก็มี เวลาเข้าโรงเรียนก็มี ตั้งแต่สมัยเราเรียนเป็นอย่างนั้นแหละ เราก็ให้ปฏิบัติตามนั้น เวลาเล่นมี เวลาจริงมี ให้ตั้งหน้าปฏิบัติตามนี้แล้วก็ดี ออกไปแล้วก็ให้ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี สำคัญที่เราเป็นพื้นฐานในความเป็นคนดีเด็กดีนักเรียนดี นี่สำคัญมากนะ

ความรู้วิชาเรียนมามากขนาดไหน ถ้าตัวไม่ดีแล้วเลอะเทอะไปหมดไม่เป็นท่า ถ้าตัวดีอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเครื่องประดับตัวให้สวยงามขึ้นไป เหมือนอย่างกิ่งก้านสาขาดอกใบของต้นไม้ ประดับต้นไม้ให้สวยงามอย่างนั้นเหมือนกัน เอาเท่านั้นละนะลูกหลาน

เวลานี้กำลังร้อนมากเมืองไทยเรา ร้อนอย่างที่เคยพูดนั่นแหละ เริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนต่อมารัฐบาลชุดปัจจุบัน เริ่มเรื่องขึ้นมาจากนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ให้ทุกคนพากันสอดส่องดูแลทุกอย่าง เวลานี้เมืองไทยของเราไม่เหมือนแต่ก่อน ข้างซ้ายเป็นคุณ ข้างขวามันกลายเป็นโทษไปแล้ว อยู่ในอวัยวะเดียวกัน คนในเมืองไทยของเรา กลายเป็นแขนซ้ายแขนขวา อวัยวะนั้นคือเมืองไทยและศาสนาอยู่ในส่วนนั้นเลยจะพังไปด้วยกัน ให้พากันระมัดระวังรักษาให้ดี

หลวงตานี้สุดกำลังแล้วที่ช่วยพี่น้องทั้งหลายดังที่เรียนให้ทราบนี่แหละ เราไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลย อย่างที่ว่าเขาจะมาตรวจสมบัติมีผิดสังเกตอะไร อย่างที่เขาว่าตะกีใช่ไหม หนังสือพิมพ์หรือ ว่าสมบัติมีมาก ก็ไปดูซิลูกหลานหลวงตาบัว มีใครมีสมบัติมากอยู่นั่น เราพูดตรงๆ ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เราจะไม่เอาคำว่าใกล้ว่าไกลมาเป็นประมาณ ยิ่งกว่าเหตุผลคือความจำเป็นที่จะได้ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันขนาดไหน เราถือเสมอกันทั่วโลกเลย เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกว่า ไม่มีลูกมีหลานในเรื่องอย่างนี้ไม่มี ที่เราจะหยิบยกสมบัติเงินทองให้ลูกให้หลานคนนั้นคนนี้ เราชี้นิ้วได้เลย บอกเราไม่มี ถ้าให้ก็ให้เสมอกันหมด เช่นตกรางวัลให้คนนั้นคนนี้ เช่นอย่างเขามาทำงานในวัดในวาที่ไหนใกล้ไกล ที่เราจะจัดให้เหมือนกันหมดเลย ไม่มีว่าจะยกอันนี้ให้คนนั้น อันนี้เป็นลูกอันนี้เป็นหลาน เราไม่มี คอขาดได้เลย ให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ เพราะฉะนั้นเขาจะมาทำแบบไหนก็มาเถอะ ความบริสุทธิ์อยู่กับตัวของเราเอง เราสมารถประกาศได้เต็มปากของเรา เพราะเราไม่มี ดังที่เคยประกาศกับพี่น้องทั้งหลายแบมือเลย บาทหนึ่งไม่เคยแตะ

นี้ก็เหมือนกัน สิ่งที่เป็นทุจริตอย่างนี้ เราแตะเราทำไม่ได้นะ ไม่ทำ เรื่องที่เขาพูดยังไงก็ตามเรื่องของเขา แต่เรื่องของเราที่จะพินิจพิจารณาผิดถูกชั่วดีรับผิดชอบในชาติไทยของเรานี้ ขอให้ต่างคนต่างตั้งอกตั้งใจปฏิบัติทั่วหน้ากันนะ อันนี้เป็นของสำคัญ คนอื่นเขาจะมาเห่าว้อๆ แว้ๆ ไม่ใช่พวกมารับผิดชอบ พวกจะมาทำลาย อะไรที่ควรจะเผาๆ เลยอะไรที่ควรจะฟัน ฟันเลย ควรจะเตะจะถีบ ถีบๆ ทับเลย พวกนี้เป็นพวกอย่างนั้นเข้าใจไหม เราดูซิตั้งแต่ช่วยชาติมานี้เป็นเวลากี่ปีแล้ว ๖ ปีนี้หลวงตามาช่วย เงินของพี่น้องทั้งหลายที่อุตส่าห์พยายามหามา สมบัติทั้ง ๓ ทองคำเวลานี้จวนจะ ๑๐ ตันแล้ว ดอลลาร์จวนจะถึง ๑๐ ล้านแล้ว สำหรับเงินไทยนี้ไม่ทราบว่า กี่พันกี่หมื่นล้านแล้ว ออกจากนี้ นี่คือของพี่น้องทั้งหลาย เข้ามาช่วยชาติตัวเอง

แต่ไอ้พวกที่มาทำลายเผาจุดอยู่เวลานี้ก่อเรื่องก่อราวอย่างนี้ขึ้นมานั้น เรายังไม่เคยได้ยินใครมาเสนอหน้าว่า เอาสมบัติเงินทอง เช่น ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด มาให้เท่านั้นบาท เท่านี้กิโลฯ เท่านั้นดอลลาร์เลย ไม่มี พวกนี้ไม่มีบาทไหนสตางค์ใดที่เอามาหนุนชาติไทยของเรา พอที่จะมีหน้ามาตำหนิติเตียนชาติไทย แล้วเผาชาติไทยเรา ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีแต่ความเสียหายอย่างเดียวมาสู่ชาติไทย นี่มันมีอยู่อย่างนี้เวลานี้ เห็นไหม พวกนี้มีใครเอาสมบัติเงินทองข้าวของมาสักบาทหนึ่งหรือทองกิโลฯ หนึ่งมาให้ชาติไทยของเรา แต่เวลามันเป็นข้าศึกมันเก่งกว่าชาตินะเวลานี้ มันกำลังจะเหยียบชาติไทยของเราลง คือพวกนี้แหละ พวกสตางค์หนึ่งมันก็ไม่เอามาให้ ทองคำกิโลฯหนึ่งมันก็ไม่เคยเอามาให้ เงินบาทหนึ่งก็ไม่เคยเอามาให้ ดอลลาร์หนึ่งก็ไม่เคยเอามาให้ พวกที่ไม่เคยเอามาให้นั่นแหละ มันแสดงตัวเป็นผู้ดิบผู้ดีผู้บริสุทธิ์ เที่ยวตรวจโน้นตรวจนี้ขึ้นมาคือพวกนี้ เที่ยวตำหนิติเตียน ตำหนิที่ไหนพังเผาที่นั่นๆ คือพวกนี้

เอ้า ถ้าสมมติว่าเราตั้งขึ้นมาเป็นฝ่ายรัฐบาล อย่างเช่นวัดป่าบ้านตาด คือเป็นฝ่ายรัฐบาลนะ แล้วฟากศาลาหลังนี้ให้เป็นฝ่ายค้าน ฟากศาลาหลังนี้เป็นฝ่ายรัฐบาล ทั้งสองฟากนี้ ฟากฝ่ายรัฐบาลคือผู้ที่ขวนขวายหาเงินทองข้าวของมาสู่ชาติของตน อีกฟากหนึ่งที่เป็นฝ่ายค้าน ฟากฝ่ายค้านคือฝ่ายเผาบ้านเผาเมือง เข้าใจไหม ให้จำให้ดี พวกนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาแต่จะเผาทั้งนั้นแหละ จำให้ดีนะ เอาย่อๆ พอเข้าใจแล้วหรือนี่ ถ้าไม่เข้าใจจะอธิบายอีก เข้าใจแล้วนะ เออเข้าใจแล้ว เอาละพอ

สองฝ่ายนี่ ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายขวนขวาย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายตามเผา แต่เขาตั้งกันขึ้นว่าฝ่ายค้านนั่นแหละ ว่างั้น ฝ่ายค้าน เขาจึงเรียกว่าหอมหวล นี่ ละครหอมหวล คือฝ่ายค้าน ค้านที่ไหนเตะที่นั่น ค้านที่ไหนเผาที่นั่น นี่คือพวกหอมหวล เข้าใจไหม พอ

เออ พูดไปอย่างนั้นแหละ พูดกับโลก เราไม่มีอะไรแหละ หากพูดไป อยู่กับโลกจะทำอย่างไร ขยี้ขยำกันไปอย่างนี้แหละ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก