เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
เศรษฐีติดหนี้
(เจ้าหน้าที่เรือนจำอุดรฯ ได้นำปัจจัยค่าแรงงานนักโทษที่พร้อมใจกันเสียสละ ในการสร้างห้องสมุดที่หลวงตาเมตตาอนุเคราะห์สร้างให้มาถวาย พร้อมกราบนิมนต์เปิดห้องสมุดด้วย) โอ๋ย ให้มีเวลาเสียก่อน เวลาวันหนึ่งๆ ไม่ค่อยว่างนะ ทั้งวันๆ ตลอด บางทีคนแน่นอย่างนี้ อ้าว เวลาจำกัดแล้วทางโน้น ปุ๊บปั๊บไปนะ ลุกไปเลย ไปเผื่อนั้นเผื่อนี้ ไปคราวนี้นายกฯ ท่านก็มาเยี่ยมเหมือนกัน ไปกรุงเทพคราวนี้ ท่านรู้ปุบปับมาเลยไม่ให้ใครทราบ เพราะต่างคนต่างปุบปับ ทางโน้นก็รู้ปุบปับ เราก็จะกลับวันพรุ่งนี้ พอดีท่านทราบเย็นวันนี้เลยรีบมาเสียเย็นวันนี้ปุบปับ ไม่มีใครทราบ ไม่งั้นเขาออกหนังสือพิมพ์ลั่นไปหมด นี่ไม่มี มาก็มีแต่พระกับเราองค์หนึ่ง ท่านมานี่ พวกทหารตำรวจอยู่โน่น ท่านขึ้นมาของท่านปุบปับๆ เลย มาคุยกันแล้วก็ไป จึงไม่มีใครทราบเลย
เรื่องการช่วยบ้านเมืองนี้เรียกว่า หลวงตานี้แบมือเลยนะ ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวติดมือเลย บางทีติดหนี้เขาก็มี คือมันไม่พอ เราจึงได้พูดเสมอว่า บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย เขาต้องยกให้หลวงตาบัวเป็นเศรษฐีเงิน แล้วเราเป็นเศรษฐีทุคตะเข็ญใจ เป็นอย่างนั้นละ ไม่มีจริงๆ หลวงตา ไม่มีเลย เพราะอำนาจแห่งความเมตตาเปิดโล่งไว้เลย แม้แต่ไม่มี บางทียืมเขาก็มี นั่นเห็นไหม บางครั้งติดหนี้เขาก็มี เป็นทุกแบบหลวงตา คนมีจะเป็นไปได้อย่างนั้นอะไร เพราะทุกอย่างเราทำด้วยความเมตตาทุกสัดทุกส่วน อย่างช่วยโลกนี้ก็เหมือนกัน เราแบมือได้เลยว่า บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ คิดดูซิ เราทำด้วยความเมตตา ด้วยความสงสารเป็นห่วงใยโลก ถึงขนาดว่าทุ่มลงไปเลย เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ซัดเลย แล้วใครจะมาข้องมาแวะอยู่กับเงินบาทหนึ่งสองบาทแบบซุบๆ ซิบๆ แบบมัวหมอง เราบอกไม่มีเลย ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ออกด้วยความบริสุทธิ์ทุกอย่างๆ เลย เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาตลอดไป
นี่ก็ได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วว่า กะว่าวันที่ ๑๒ คือวันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๑ นั้นเป็นวันเราเปิดโครงการ ทีนี้เราก็จะปิดโครงการวันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๗ นี้เหมือนกัน คือการที่เรานำโครงการเทศน์ที่นั่นที่นี่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น แต่ส่วนบัญชีเราก็เปิดไว้ธรรมดา เพราะเวลานี้บรรดาพี่น้องทั่วประเทศ คนนั้นส่งมา คนนี้ส่งมา อยู่เรื่อย ถ้าปิดบัญชีเสียเข้าไม่ได้นะ เราจึงเปิดบัญชีเอาไว้ พอสมควรแล้วเราก็จะประกาศล่วงหน้าไว้ๆ ถึงระยะนั้นเราก็จะประกาศเลิกหมดโดยประการทั้งปวงเท่านั้นแหละ เวลานี้การเงิน ทองคำ ดอลลาร์เหล่านี้ยังปิดไม่ได้ ก็จึงเปิดไว้ เพราะมันมาอยู่เรื่อยๆ มาอยู่ทุกวี่ทุกวัน เวลาเราปิดจริงๆ แล้วเราจะประกาศล่วงหน้าไว้ก่อน ปิดปุ๊บแล้วทีนี้ก็ให้เป็นปรกติทั่วไปหมดเลย ก็มีเท่านั้นแหละ
เวลานี้ ๘ หลัง ตึกโรงพยาบาล โรงเรียน ๒ หลัง รวม ๘ หลังมีแต่ใหญ่ๆ ทั้งนั้นกำลังสร้างอยู่เดี๋ยวนี้ในวงเงินหลวงตาทั้งนั้น จ่ายเป็นงวดๆ ทางโน้นมารับงวด ทางนี้มารับงวด ถึงเวลาเขาก็มาของเขา เราจ่ายงวดๆ ไปเรื่อยๆ เวลานี้ถึง ๘ หลัง ทางภาคใต้ ๔ หลัง พังงา ๓ หลัง กระบี่หลังหนึ่ง รวม ๔ หลัง ทางสุราษฎร์ไม่ได้ตึก ให้อย่างอื่นเยอะนะนี่ก็ดี ทางนราธิวาสก็เหมือนกัน ทางโน้นไม่ได้ช่วยมากนักแต่ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ช่วยตรงไหนๆ ใหญ่ทั้งนั้น เวลานี้กำลังสร้างตึกทางภาคใต้ ๔ หลัง ลาดยาว ๒ หลัง เป็น ๖ หลัง ทางโรงพยาบาลโนนสะอาด ๒ หลังๆ ละสองชั้นและกำแพงด้วย เป็น ๘ หลังเวลานี้ อยู่ในกำลังของหลวงตาที่จะได้หมุนช่วยเขา เพราะฉะนั้นจึงว่าเงินบางทีไม่พอ ถึงขนาดติดหนี้ก็มี
เมื่อวานหรือวานซืนเขาก็มาขอรถ ทางอุบล ก็รับกันแล้ว กำลังสั่งรถ ทางโน้นหมอเขาบอกว่า ๙๔๐,๐๐๐ แต่เราสั่งทางนี้ ๙๗๕,๐๐๐ ล้วนๆ ทุกๆ คันไปเลย มันขึ้นเป็นระยะๆ เริ่มตั้งแต่ ๘ แสน เดี๋ยวนี้เป็น ๙๗๕,๐๐๐ แต่ก่อน ๘ แสน แล้วขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้นละนะ เป็นอันว่าเรียบร้อยแล้ว มาเยี่ยมเฉยๆ วันนี้นะ ดีละ ขออนุโมทนาน้ำใจนักโทษด้วยนะ มันเป็นโทษเป็นกรรมด้วยอำนาจแห่งกรรมด้วยกันทุกคนนั่นแหละ แต่ใจของเราเป็นบุญ นักโทษก็เป็นคนบุญได้ คนไม่ติดคุกติดตะรางเป็นนักโทษนอกเรือนจำก็ได้ นักโทษในเรือนจำเป็นนักโทษที่บริสุทธิ์ก็มี ไม่ใช่ว่าเป็นนักโทษแล้วจะไปเหมาเขาหมดว่าเป็นนักโทษทุกคนนะ หลักฐานพยานเป็นของสำคัญใช่ไหมล่ะ ยืนยันเข้าไป หาเรื่องหาราวใส่กันก็มี ผู้ตัดสินก็ต้องตัดสินตามเรื่องตามราวนั้น สุดท้ายคนบริสุทธิ์ติดตะรางก็มี คนเป็นนักโทษได้ออกมาก็มี ผู้ต้องหา เข้าใจไหม รอดไปได้ ผู้นี้ไม่มีโทษได้ อย่างนี้มีถมไป
ที่หลวงตาพูดอย่างนี้มีส่วนถูกต้องไหม (ถูกต้องครับ) ถูกต้อง ก็ลูกศิษย์เรามันมีทุกแง่ทุกมุมหมดนะ อย่างกระทรวงนี้ไม่มีเว้นแต่ละกระทรวงเดียวลูกศิษย์ ในเรือนจงเรือนจำนี้มีทั้งนั้นแหละ เมื่อไม่เกี่ยวข้องก็ไม่พูดถึงเฉยๆ เหมือนไม่มี พอพูดอย่างนี้รู้กระทั่งเรื่องราว ในเรือนจำเป็นยังไงๆ รู้หมด ไม่ใช่เล่นนะ พอทราบอะไรแล้วก็เข้าในลิ้นชักๆ เงียบไปเลย นอกจากเวลามาสัมผัสนี้ก็นำมาพูด ถ้าไม่สัมผัสก็เรื่อยไปเลย
ทองคำเมื่อวานนี้ดูว่าไม่ได้ ดอลลาร์ได้ ๓๑ ดอลล์ ทองคำรวมทั้งหมดได้ ๙,๑๗๒ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๘๒๘ กิโลจะครบจำนวน ๑๐ ตัน ดอลลาร์ได้ทั้งหมด ๘,๘๘๒,๘๒๕ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๑,๑๑๗,๑๗๕ ดอลล์ จะครบจำนวน ๑๐ ล้าน จำนวนนี้เป็นจำนวนที่เราจะเข้าวันนั้นให้หมดเลยนะ วันปิดโครงการ อันนี้ต้องเป็นพื้นฐานไว้ รับรองไว้เลย ได้ตามนี้แล้วจะมอบในวันนั้น มอบแล้วก็จะปิดโครงการที่ว่านี้ในวันเดียวกัน คือ วันที่ ๑๒ เมษายน
(โรงพยาบาลพิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี มาขออนุเคราะห์เครื่องมือแพทย์ดังนี้ ๑. เครื่องดูดเด็ก ๒. เครื่องวัดชีพจรขณะผ่าตัด ๓. เครื่องอบเด็ก) เอา ให้ทั้งสาม (สาธุ) เราถูไถนะอย่างนี้ พอถูไถได้ถูไถกันไปอย่างนั้น.
(มีปัญหาธรรมจากเว็บไซค์ครับ) มีปัญหาอะไรว่ามา
โยม ปัญหาว่าดังนี้ครับ
โยมปฏิบัติจิต และได้ทำลายกายโดยไม่กลับมาเห็น หรืออาศัยกายอีก เข้าใจว่าผ่านฐานกาย และเข้าสู่ตัวผู้รู้ที่ไม่มีตัวตนปรากฏ เป็นเพียงอาการที่รู้ว่ามีบางสิ่งคู่กันอยู่ 2 ส่วน ก็คือผู้รู้ (เข้าใจว่าคือสติ-ปัญญาที่แจ่มชัด) และสิ่งที่ถูกรู้ (เข้าใจว่าคือ กิเลสตัณหา อุปาทาน)
เมื่อเข้าสู่ตัวผู้รู้ และค้นดิ่งลงไปในฐานของจิต ทำลายกิเลสลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสภาวะของการย้อนอดีต สัญญาต่างๆก็ผุดขึ้นมา เข้าใจว่าระลึกชาติต่างๆ ก็ทำลายไปเรื่อยๆ สังเกตุได้ว่าการทำงาน ทำลายกิเลสภายในทุกขณะจิตที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีกายย้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง จนในที่สุดมั่นใจว่าผ่านการทำลายกิเลส ถึงขั้นระงับดับอารมณ์ความฟุ้งซ่าน ภายในจิตใจได้อย่างเด็ดขาด
จนกระทั่งขณะที่โยมเดินจงกรม และจิตจดจ่อค้นเข้าไปในฐานของจิต ก็ไม่ปรากฏอาการใดๆ อยู่นานมาก จิตโยมก็ตั้งอยู่กับพุทโธๆ ไปเรื่อย ๆ จนปรากฏจุดดำเล็กๆ อยู่กลางฐานของจิต และสัมผัสถึงพลังงานที่ออกมาจากจุดดำเล็กๆ นั้น เหมือนมีป้อมปราการที่แข็งแกร่งมาก ขณะที่จิตตัวผู้รู้ก็สร้างพลังงานขึ้นมา เมื่อกระแสของพลังตัวผู้รู้กับกระแสของพลังงานจากจุดดำ (สิ่งที่ถูกรู้) กระทบกันเหมือนเกิดการผลักดันต่อสู้กันอย่างแรง
ขณะที่กิริยาทางจิตภายในกำลังจ้องทำลายจุดดำอยู่นั้น กิริยาอาการทางกายโยมก็ยังคงเดินจงกรมอยู่ จิตเฝ้าจดจ่อต่อสู้ผลักดันกันอยู่สักพักใหญ่ พลังงานของจิตที่ยังรับรู้ได้ว่าเป็นตัวผู้รู้นั่นก็ทะลุผ่านจุดดำ วึบเข้าไป โดยไม่มีอาการของการทำลายอย่างรุนแรง เหมือนทุกขั้นตอนหยาบๆ ต่างๆ ที่ผ่านมา แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่เป็นจุดกำเนิดของจุดดำนั้นได้ถูกทำลายไปอย่างถาวรด้วย
เมื่อรู้สึกว่าผ่านจุดดำวึบเข้าไป โยมเกิดความเข้าใจในขณะนั้นว่าตัวผู้รู้หายไป เป็นเพียงความอิสระ ว่างเปล่า ไม่มีขอบเขต รู้สึกแจ่มใส สติปัญญาคมชัด ไม่ยึดติดเกี่ยวข้องกับสิ่งใดๆ ไม่มีของสองส่วน คือ ผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้อีกต่อไป อาการทางกายที่กำลังเดินจงกรมอยู่ขณะนั้น ก็เกิดอาการร่างกายเหมือนถูกตัดขาด หมดแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ทรงตัวไม่อยู่ เหมือนจะร่วงลงไปกองกับพื้น ต้องประคองตัวไปนั่งลงกับขอนไม้ข้างทางเดินจงกรม
พอตั้งตัวได้ก็ตั้งจิต เพื่อจะเข้าฐานก็ไม่ปรากฏว่ามีจิต ไม่มีตัวผู้รู้ มีแต่อิสระอย่างเต็มที่ รู้สึกบริสุทธิ์ ว่างๆ อยู่อย่างนั้น สองปีผ่านไปก็ไม่มีการค้นหา เพราะไม่เห็นจิต ไม่ต้องทำงาน แต่สิ่งที่โยมเป็นอยู่ ไม่ต้องเข้า ไม่ต้องออก บริสุทธิ์ ประณีต มั่นคงกว่าการเข้าออกในฌาณ ไม่มีอาการย้อนเข้าย้อนออก เป็นเอกเทศ
โปรดชี้แนะและอธิบายด้วยเถิดเจ้าค่ะ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง (จาก เบญ)
หลวงตา อันนี้เราฟังไปแล้วมันก็ลืมไปๆ วันนี้ก็งานของเรามี จะพิจารณาอ่านซ้ำซาก ฟังซ้ำซากเพื่อให้เข้าใจชัดเจนก็ไม่มีเวลาพอ เอาไว้อย่างนี้เสียก่อนนะ ให้พิจารณาตามเดิมที่เคยพิจารณา มันเป็นยังไงมันจะรู้ในตัวของเราเอง ให้พิจารณาตามที่พิจารณามานี้ก่อน เอาอย่างนั้นเสียก่อน เข้าใจเหรอ ถ้ามันสิ้นมันเสร็จแล้ว สนฺทิฏฺฐิโก จะประกาศป้างขึ้นมาทันที ไม่มีการต่อสู้ รับเข้าออกอย่างนั้นอย่างนี้ไม่มี สนฺทิฏฺฐิโก ขาดสะบั้นไปจากสมมุติ เรียกว่าเป็นวิมุตติล้วนๆ แล้วไม่ถามใครเลย ถึงจะทำงานมาชุลมุนวุ่นวาย ก็เหมือนอย่างว่านักมวยต่อยกัน ฟาดไอ้หนึ่งตายลงไปเลยแล้ว ก็ไม่ทราบจะมีกิริยาอะไรต่อสู้กันอีกใช่ไหมล่ะ นั่นละกิริยาของกิเลสกับธรรมฟัดกันขาดสะบั้นลงไปแล้ว เหมือนนักมวยถูกต่อยลงไปตาย ไม่ใช่น็อกธรรมดา ตายลงไปเลย นี้ก็หมดปัญหาทันที นี่เรื่องกิเลสกับธรรมฆ่ากันก็แบบนั้นเหมือนกัน ตอนชุลมุนวุ่นวายมีเข้ามีออก มีการฟัดการเหวี่ยงกันอยู่นั้น เราจึงยังไม่แน่นัก เอาเท่านั้นก่อนนะวันนี้ มันมีกิริยาอะไรอยู่นี่ เอาละพอเท่านั้นก่อน ฟังยังไม่ชัดเจนเก็บไว้เสียก่อนนะ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
|