อินเตอร์เน็ตเป็นเหตุ
วันที่ 3 มกราคม 2547 เวลา 9:00 น. ความยาว 45.15 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

อินเตอร์เน็ตเป็นเหตุ

 

ก่อนจังหัน

         พระมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย นะ วัดป่าบ้านตาดไม่เคยบกบางพระ เพิ่มขึ้นเรื่อย มาไม่ทราบว่ามาแบบไหนนะ มีหูมีตามาด้วยหรือเปล่า มีใจมาด้วยหรือเปล่า มาศึกษาอบรม เดี๋ยวนี้พระเราเลอะเทอะมากทั่วประเทศไทย นับตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดออกไปทั่วประเทศไทย พระเราจะจิตใจต่ำทรามมากทีเดียว จนไม่มองเห็นศีลเห็นธรรมติดเนื้อติดตัวพระ เห็นแต่ผ้าเหลืองกับหัวโล้นๆ เท่านั้นนะเวลานี้ พระทั้งหลายเราตื่นตัวแล้วยัง เลวมากนะเดี๋ยวนี้พระเรา เลวลงไปทุกวันๆ ไม่ว่าท่านว่าเรามันเหมือนกันหมดนะ โอ๋ย พิลึกพิลั่น

         ศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าสุดยอดๆ มันทำไมตามีไม่ดู หูมีไม่ฟัง  จิตใจมันทุ่มเทไปหาตั้งแต่ส้วมแต่ถานเรื่องกิเลสตัณหาเสียทั้งนั้นเวลานี้ จนน่าอายโลกนะพระเรา เลอะเทอะไปทีเดียว เป็นพระหน้าด้านไปทั่วประเทศไทยนะเวลานี้ ไม่รู้จักอาย ไม่รู้จักบาปจักบุญ บวชเข้ามาแทนที่จะเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมตามคำสอนพระพุทธเจ้า มันแหวกไปหานรกอเวจีทั้งนั้น มันไม่ฟังเสียงพระพุทธเจ้ายิ่งกว่าเสียงนรกอเวจีคือกิเลสตัณหานะเวลานี้ เลอะเทอะมากทีเดียว ให้ดูตัวเองนะที่พูดอย่างนี้ ให้ดูตัวเองทุกคน อย่าไปตำหนิคนนั้น ตำหนิคนนี้ ให้ดูตัวเอง บวชมาเราเป็นผู้บวช เรามาเป็นผู้ศึกษาอรรถธรรมเราศึกษาอะไรเวลานี้ ให้ดูตัวของเรา

         เลอะมากที่สุดเลยเวลานี้ ไม่มีความหมายนะไอ้เรียนมาจบชั้นนั้นชั้นนี้ แบกพระไตรปิฎกมาจนหลังหักมันก็ไม่ได้มีความหมาย หัวใจมันจืดมันชืด มันต่ำทรามเสียอย่างเดียวเท่านั้น อย่าโอ้อย่าอวดนะพระเรา บวชมาให้เอาธรรมมาอวด อย่าเอากิเลสตัณหา เอาชื่อเอาเสียง เอาชั้นเอาภูมิมาอวดกันนะ นั้นเป็นเรื่องของโลกของกิเลสต่างหาก เรื่องของธรรมต้องอวดตัวเองด้วยการประพฤติปฏิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่างเอาธรรมอวดในหัวใจ ตีกิเลสออกไปธรรมจ้าขึ้นมา อวดไม่อวดมันก็เลิศอยู่ในนั้นล่ะนะ ไอ้ขี้หมูขี้หมาจะอวดไปไหนมันก็คือขี้หมูขี้หมา ให้จำให้ดี

         ยิ่งเลอะเทอะ ไปทุกวันๆ นะพระเรา ทำไมจึงเป็นอย่างงั้น คัมภีร์วินัยมีอยู่ มันทำไมถึงเป็นอย่างนั้น อายตัวเองบ้างซิน่ะ บวชเข้ามาหาในพุทธศาสนามันมีความสนใจในแง่ไหนกับพุทธศาสนา มีตั้งแต่เรื่องส้วมเรื่องถาน เรื่องทำลายชาติและศาสนาไปในตัว นี่ถ้าเราไม่พูดไม่มีใครพูด คนนั้นเกรงใจคนนั้น คนนี้เกรงใจคนนี้ เราเอาธรรมพระพุทธเจ้ามา เกรงพระธรรม เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จึงได้นำธรรมที่เลิศเลอมาชำระล้างพวกเราทั้งหลาย ที่มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มหัวโล้นพระอยู่นี่ ผ้าเหลืองอยู่นี่น่ะ ให้พิจารณานะ

         มันด้านมากแล้วนะพระเราทุกวันนี้ ด้านจริง จนจะดูไม่ได้แล้วนะ ดูในวัดป่าบ้านตาดนี้ก่อนอื่น ก่อนจะไปดูที่ไหนให้ดูที่นี่นะ แล้วทุกท่านมาศึกษาอบรมให้ดูให้ดี ในวัดนี้เราให้โอกาสสำหรับพระตลอดมา ไม่เคยให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวาย เช่นการช่วยชาติอย่างนี้เราก็ทำโดยลำพังเรา นอกจากมีธุระจำเป็นที่จะขอร้องพระมาช่วยชั่วระยะเท่านั้น นอกนั้นปล่อยให้ทำหน้าที่การงานชำระกิเลส เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มีสติปัญญา ดูหัวใจเจ้าของที่มันเคลื่อนไปทางไหนๆ นี้เท่านั้น

         ในวัดนี้เราไม่ให้ลดในการประพฤติปฏิบัติ แม้จะมีงานเกี่ยวข้องกับช่วยชาติบ้านเมือง เราก็แยกตัวของเราออกไป สำหรับพระเณรไม่ให้บกพร่องด้วยเลย ให้พากันจำทุกคน ในวัดนี้ตั้งหน้าปฏิบัติศีลธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา มีไว้สำหรับใคร พระพุทธเจ้าสอนเพื่อใคร เวลานี้มีหรือยังสิ่งเหล่านี้ในตัวของเรา หรือมีแต่หัวโล้น ผ้าเหลืองนั่นเหรอ มันอายโลกเขานะ โลกสมบัติผู้ดีเขามีอยู่นะ แล้วพระท่านผู้ดียังมีอยู่ ให้อายท่านบ้างนะ จำให้ดี นี่เราก็ไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอน พระก็หลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ไม่ทราบว่าแบบไหน เอาส้วมเอาถานมาทุ่มใส่หัวกัน นี่มันก็เต็มแต่ส้วมแต่ถานแล้วในวัดนี้ แล้วจะเอาส้วมเอาถานที่ไหนมาโปะเข้าไปอีก มันจะมีที่เก็บที่ไว้เหรอ เอาละให้พร

 

หลังจังหัน

         เสี่ยสมหมายและครอบครัวถวายข้าวหอมมะลิ ๑๒ กิโลกรัม ๕๐๐ ถุง ข้าวเหนียว ๑๒ กิโล ,๐๐๐ ถุง น้ำมันพืช ๔๘๐ ขวด น้ำปลา ,๒๐๐ ขวด น้ำตาลทรายถุงละ กิโล ๕๐๐ ถุง มาจากร้อยเอ็ด อันนี้มาเรื่อยๆ ส่งมาหนุนโกดัง เพราะโกดังนี้สำหรับโรงพยาบาล มีมานานแล้ว

         นี่เราพูดเรื่องนี้ยังไม่จบ เกี่ยวกับเรื่องทางกรุงเทพฯก็มีคุณสมบัติ นั่นก็ส่งข้าวสารมา เช่นเดียวกับทางร้อยเอ็ด โรงสีเสี่ยสมหมายนี่ก็ส่งมาเป็นประจำเลย ตั้ง ,๕๐๐ ถุงๆ ละ ๑๒ กิโล แล้วอย่างอื่นอย่างนี้ก็ส่งมาเรื่อยๆ มาหนุนโกดัง โกดังก็เพื่อโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ว่าที่ไหน ตอนที่เราไปกรุงเทพฯ ไป ๒๕ วัน ทั้งไปทั้งกลับ ๒๕ วัน โรงพยาบาลมา ๓๙ โรง มาจากที่ต่าง พระท่านจดไว้ มา ๓๙ โรง เราไป ๒๕ วัน คือเราไปเราไม่ไป ก็ต้องทำอยู่อย่างงั้นตลอด

         โกดังนี้ต้องให้เต็มไว้ตลอด เราอยู่ไม่อยู่ไม่สำคัญ ทุกอย่างที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วให้สมบูรณ์แบบตามเดิม เว้นแต่มันไม่มี แต่มันก็ไม่เห็น ในสิ่งที่ซื้อหามานี่มีแต่สิ่งที่มีอยู่ประจำอยู่แล้ว โรงพยาบาลจำเป็นมากนะ เพราะฉะนั้นเราถึงได้อุตส่าห์พยายามตลอดมา อู๊ย มันหลายสิบปีแล้วแหละ ช่วยมาเป็นประจำ มันค่อยมากขึ้นๆ เรื่อยๆ โรงพยาบาลมากขึ้นๆ

         (มีจดหมายจากอเมริกาถึงหลวงตาครับ กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๖ หนูได้เปิดฟังเทศน์จากอินเตอร์เน็ต กัณฑ์ที่มีผู้หญิงนุ่งผ้าไม่เรียบร้อยเข้ามากราบ แล้วหลวงปู่ได้เอ็ดเอา ฟังเทศน์แล้วก็น้ำตาร่วง นั่งน้ำตาร่วงอยู่สักพัก แล้วกราบหลวงปู่ทางอินเตอร์เน็ต เพราะหลวงปู่เมตตาสั่งสอนพวกเราจริง แล้วตั้งใจว่าเราต้องรักษาศีลห้าให้ดี อย่าแกล้งทำผิด อย่าคิดการชั่ว กราบนมัสการเจ้าค่ะ ลงชื่อ พิริยาหรือแพท)

         นี่เราไม่ได้ถามไปว่า ไอ้ผู้ที่เขียนจดหมายมานี่มันนุ่งมันห่มยังไง เราไม่ได้ถามไป มีแต่บอกมาทางนี้ ทางนี้ไม่ได้ถามไป (ถามไปแล้วครับ นี่ครับ) ทางนู้นต้องตอบมานะ ทางนี้ถามเพื่อตอบ ตั้งแต่นู้นถามมาทางนี้ยังตอบไป ทีนี้ถามไปทางนู้นต้องตอบมา นุ่งห่มกันยังไงทางนู้นน่ะ เฉพาะผู้เขียนจดหมายมานี้นุ่งห่มยังไง ว่างั้นนะ

         เราพูดตะกี้นี้พูดถึงเรื่องพระเรา ที่เทศน์ก่อนจังหัน พูดถึงเรื่องพระเราที่ปฏิญาณตนเป็นพระ เป็นลูกชาวพุทธอันดับหนึ่งในบริษัทสี่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทศน์สอนพระ ส่วนโยมก็อย่างที่เขาว่ามานี่ละ เป็นยังไงโยมเราเรียบร้อยไหม ไม่เรียบร้อยตั้งแต่พระหรือ โยมเราเรียบร้อยหมดแล้วเหรอ ที่ตะกี้นี้ตอบ เดินจากศาลาไป ปั๊บๆ มากราบเรานี่ นุ่งๆ จนจะดูไม่ได้ เราก็ชี้ลงนี่ บอกตรง นี่มันไม่อายไม่หน้าด้าน ธรรมะประเภทที่จะให้พอกันก็ใส่เปรี้ยงไปเลย นี่มันจะเห็นหี เจ้าของหีทำไมไม่เห็น ว่างี้เลย

         ต้องเอาอย่างงั้น มันดื้อด้านจริง เวลานี้กิเลสตัณหา จะไม่มีศีลธรรมติดตัวมนุษย์นะ เลวมากขึ้นโดยลำดับ เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเราในเมืองไทยนี่ แหม อุจาดบาดตาจริงๆ นะ กิเลสตัณหาหน้าด้านเหยียบแหลกไปหมด เป็นทันสมัยไปหมดแล้วนะ กิเลสทันสมัย ธรรมะเลยล้าสมัยจนจะไม่มีธรรมเหลืออยู่ให้กราบไหว้ ผู้ท่านมีสมบัติผู้ดีมีอยู่ อย่างพระก็เหมือนกัน ท่านผู้มีสมบัติผู้ดี สำรวมระวังในธรรมวินัยมีอยู่ เราไม่ควรที่จะมาหน้าด้านขนาดนี้ พระก็ดี และประชาชนก็เหมือนกัน มันดูไม่ได้นะ ท่านทั้งหลายดูซิน่ะ

         กิเลสมันมีทุกคนๆ นั่นแหละ ถ้ามีศีลธรรมก็มีการระมัดระวังรักษา ทำให้เป็นความระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มองดูแล้วเห็นกันชื่นใจ ชุ่มเย็นใจ นั่นเป็นอย่างงั้นไปทางด้านศีลด้านธรรม ไม่เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนที่แต่งตัวมาอย่างนี้ เป็นไฟเผากันนะนี่ ถ้าหากเป็นของที่ดิบที่ดีแล้วใครจะฉลาดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า สอนให้เปิดหมดเลย ไม่ต้องมีซิ่นมีผ้า นี่ทำไมท่านจึงไม่สอนอย่างงั้น และสอนให้รักษามารยาท พวกเราทำไมถึงดื้อด้านเอานักหนา มันเลอะเทอะจริง นะ ไม่มีใครจะพูดใครได้นะ คือเขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา พูดแล้วเกรงอกเกรงใจกันด้วยความพอใจที่จะปฏิบัติแบบนั้นน่ะ เลยไม่มีใครสอนใครได้ เราละสลดสังเวช

         พระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหนมันไม่มองเลยนะ มันมองดูแต่ส้วมแต่ถาน เวลานี้สกปรกมากจิตใจมนุษย์เราชาวพุทธ ตลอดถึงพระถึงเณรดังที่ว่ามานี้ นี่ละกิเลสเวลามันหนาๆ เข้าแล้วมันเป็นอย่างนี้ดูเอา มันจะไม่อายใครเลย อยากให้แต่เขามองดู ได้ดู เหมือนหนึ่งว่าคนนี้แต่งตัวสวยงาม ทันสมัย ล้ำยุคล้ำสมัยคนนี้ ไปอย่างงั้นนะกิเลส เห็นไหม ให้คนดู ดูไม่ได้นะ สิ่งเหล่านี้เป็นของมีมาดั้งเดิม ถ้าไม่มีศีลมีธรรมเลยก็เป็นแบบหมา เมื่อมีศีลมีธรรมก็เป็นแบบคน เราจะเอาแบบไหนไปใช้ปฏิบัติต่อส่วนรวมของเรา ซึ่งเป็นชาติมนุษย์และเป็นลูกชาวพุทธ ในเมืองไทยของเรานี้จะปฏิบัติอย่างไหน หรือจะเอาอย่างนี้ไปท้าทายพระพุทธเจ้า ท้าทายศาสนาหรือ อันนี้มันส้วมมันถานไปท้าทายท่านหาอะไร

         ท่านเลิศเลอมาขนาดไหนมาเมตตาสอนพวกเรา ทำไมจึงไม่ฟังเสียง จึงไม่ดู มันน่าคิดนะพวกเรา เป็นยังไงมันหยาบขนาดไหนเวลานี้ สลดสังเวชนะ ถ้าไม่มีธรรมบ้างเลยแล้วดูไม่ได้มนุษย์เรา แต่สัตว์จะเป็นยังไงไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพราะสัตว์เป็นสัตว์ มนุษย์มีศักดิ์ศรีดีงามถึงขั้นภูมิมนุษย์ที่ควรจะมีศีลธรรมประจำตัว ดังโลกผู้ดีทั้งหลายเขามีกัน นี่มันเลอะเทอะจริง ไม่มีใครพูดอย่างนี้ เพราะเขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา ไอ้เราจะเหมือนใครก็ตามกราบพระพุทธเจ้าตลอดเวลา เอาเรื่องธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนโลกนี่นะ

         เราต่ำ เราสกปรกก็บอกว่าสกปรก น้อมกราบพระพุทธเจ้านำนั้นมาสอนพวกโลกสกปรกของเรา เราทำอย่างงั้นนะ เราพูดได้สอนได้ เพราะเห็นอยู่ ไม่ใช่คนตาบอด มองก็เห็นกันอยู่นี่ ตั้งแต่ก่อนเมืองไทยเรามีสมบัติผู้ดี มองเห็นกันไม่ว่าเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่ มองดูแล้วคือมีศีลมีธรรมประจำนิสัยของตน ประหนึ่งว่าเป็นนิสัยฝังลึกในชาวพุทธของเรา เห็นกันงามตางามใจ มีความเคารพนับถือกัน มีผู้ใหญ่มีผู้น้อย มีเคารพยำเกรงกัน มีรู้จักบุญจักคุณ นี่ละเรื่องศีลเรื่องธรรมเข้าไปมองดูแล้วมันสวยงาม

         แล้วเด็กๆ เดี๋ยวนี้เป็นยังไงฟังซิ นี่หรือพวกล้ำยุคล้ำสมัย คือพวกเรานี้หรือเอามาอวดปู่ ย่า ตา ยาย ของเราที่ท่านพาดำเนินมาด้วยความสงบเรียบร้อย งามตางามใจ จะเอานี้ไปเหยียบปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา เอาทันสมัยของพวกเราเหรอ มันเลวมากนะเวลานี้เมืองไทยเรานี่ เฉพาะการแต่งเนื้อแต่งตัวนี้ดูไม่ได้นะ อุจาดบาดตาที่สุดเลยเทียว มันเป็นยังไงเจ้าของผู้แต่งเสียเองนั่นน่ะมันเป็นยังไง ผู้อื่นอยู่ไกลๆ มองเห็นยังสะดุดจนจะตำหัวอกหงาย แล้วเจ้าของเป็นยังไง ยังภูมิใจอยู่เหรอ

         พูดจริง นะ ธรรมชาตินี้กับส้วมกับถาน ที่เราตกแต่งส้วมถานให้มันสวยๆ งามๆ เอาอะไรมาตกแต่งไอ้พวกส้วมพวกถานให้มันสวยงดงาม เอาอะไรมาตกแต่งมัน พิจารณาซิ นี่ละโลกมันเป็นอย่างนั้นเหมือนส้วมเหมือนถาน ธรรมเป็นของเลิศเลอที่สุดแล้ว มองบ้างซิมองตามเราเป็นมนุษย์น่ะ จะจมอยู่กับส้วมกับถานอยู่นี้ทันสมัยอยู่กับสิ่งนี้เหรอ ถ้ามีแต่จะทันสมัยอย่างนี้ตายกี่กัปกี่กัลป์มันก็จะจมอยู่งี้ นี่ดีนะมาเกิดเป็นมนุษย์ ทันสมัยแบบนี้มันไปทันสมัยอยู่ในนรกอเวจีนั่นซี มันหนามากกว่านี้แล้วมันจะไปทันสมัยอยู่ในนรกอเวจี

         นั่นละพวกทันสมัยดูเอาซิ นั่นละอันดับหนึ่ง อันดับสองสามขึ้นมาหาพวกเรา เรากำลังเรียนวิชาทันสมัยอย่างนั้นอีก ไม่มองดูธรรม ธรรมสู้ไม่ได้ สู้พวกทันสมัยนี่ไม่ได้ แล้วไปจมลงในนรกนั่น นั่นทันสมัย พวกเราจะเอาแบบไหนฟังซิ พระพุทธเจ้าใครจะว่าท่านล้าสมัยครึสมัยก็ตามที ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เลิศมาโดยหลักธรรมชาติดั้งเดิม จึงมีธรรมอันนี้มาสอนโลก ไม่เลิศอย่างนั้นก็ขอให้มีขื่อมีแป มีความสวยงาม จะมีความสงบร่มเย็นภายในจิตใจ รู้จักสูงจักต่ำ อันนี้มันไม่รู้จักสูงจักต่ำนะเวลานี้ ยิ่งเข้าไปสังคมที่ใดมากๆ แล้ว แต่งตัวนี้ดีไม่ดีบางคนมันอาจจะไม่นุ่งซิ่นนุ่งผ้าก็ได้ มันเก่งเข้าไปอย่างนั้นนะเวลานี้ พวกเรามันเรียนวิชาเลยหมาไปแล้วนะรู้ไหม ยังไม่รู้อยู่เหรอ หลวงตาบัวตายจะไม่มีใครสอนอย่างนี้นะ นี้เอาธรรมมาสอน ตาท่านทั้งหลายมีให้ดูเสียนะ ความสว่างจ้าอยู่ในหัวใจนี้ได้เคยพูดแล้ว กับส้วมกับถานมันเป็นยังไง สอนให้รู้เรื่องรู้ราวยังว่าหยาบว่าโลนอยู่เหรอ ตัวมันหยาบโลนที่เป็นเหตุให้พูดอยู่นี้อยู่ที่ไหน พิจารณาซิ

มันเลวลงทุกวันๆ นะจิตใจมนุษย์เราชาวพุทธนี่ เลวลงทุกวัน ทั้งพระทั้งเณรดังที่ก่อนจังหันก็ได้เทศน์ มันเลวลงทุกวันๆ มันวิ่งแข่งกันทั้งฆราวาสทั้งพระเวลานี้ แข่งกันลงเหวลงบ่อ เข้าส้วมเข้าถาน ลงเหวลงบ่อ ให้พิจารณาบ้างซิหัวใจมีเป็นยังไง ความสุขความเจริญความสมหวังต้องการทุกคน สิ่งเหล่านี้มันสมหวังหรือนี่ มันจะพาคนให้จม มันจะไม่มีธรรมออกได้นะเดี๋ยวนี้ มีแต่กิเลสเหยียบแหลกๆ ไปที่ไหนมีแต่พวกทันสมัย ล้ำยุคล้ำสมัยทั้งนั้นเหยียบเข้ามาในวัดในวา ดังที่เขาเขียนไว้ที่หน้าวัด แต่งเนื้อแต่งตัวเป็นยังไงๆ เขาเขียนคำโคลงสวยงาม เราไม่ได้เขียนการ์ตูนติดไว้นั้นบ้าง เข้าใจไหมสวยงาม เงื้อพร้าไว้นี่ฟันหน้าผากมัน ตามึงไม่มีหรือ มึงแต่งอะไรอย่างนี้ โลกเขามีหูมีตาเหมือนกันเขาไม่เห็นแต่งอย่างนี้ ว่างั้น แล้วก็ทำการ์ตูนไว้นั้นด้วย เงือดเงื้ออย่างนี้ใส่หน้าผากมัน อีสันดานหยาบ ว่าอย่างนี้เลย พ่อแม่มึงเคยแต่งมาอย่างนี้หรือแต่ก่อน ปู่ย่าตายายมึงเคยแต่งมาอย่างนี้หรือ ทำไมมึงอุตริเก่งกว่าปู่ย่าตายายอีก อีสันพร้า ว่างั้น เขียนการ์ตูนให้มัน อย่างนั้นแหละมันมีตลกอยู่ในตัว

นี่ละที่ว่าพระอะไร (พระสมบัติ บุญเรืองครับ) พระสมบัติ เอ้า ลองเล่าพระสมบัติ บุญเรืองให้ฟังหน่อยน่ะ เอ้าเล่า (คือท่านมหาสมบัติ บุญเรือง วัดนรนาถฯ กรุงเทพ ท่านเอาประวัติหลวงตาไปทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ท่านพูดย่อๆ เกี่ยวกับการเทศน์ของหลวงตาว่า ข้อที่ ๑ การเทศน์ของหลวงตาเหมือนคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นความจริง เป็นธรรมะล้วนๆ

ข้อที่สอง มียกอุปมาอุปมัยให้เห็นภาพพจน์ด้วย

ข้อที่สาม มีตลกขบขันด้วย)

นี่ละ ว่านิสัยท่านชอบตลกขบขันนั่นแหละ พูดง่ายๆ  เป็นยังไงเข้ากันได้ไหม เปรี้ยงๆ เหมือนจะกัดจะฉีก วกมาปั๊บเป็นอย่างนี้ ก็เป็นอย่างนั้น ลงมาในข้อตลก

มันเลวลงทุกวันนะเมืองไทยเรา ถ้าไม่ถือพุทธศาสนาก็ไม่ต้องสอนกันละนะ นี่พุทธศาสนาเป็นยังไง ความเลิศกับความเลวมันต่างกันยังไง เอามาเทียบกัน ความหมายว่างั้นนะ ให้รีบแก้ไขดัดแปลงตนเองถ้าเป็นลูกชาวพุทธที่ดีนะ สมว่าเป็นสมบัติของชาติไทยเราคือ ธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศเลอ ชาวพุทธเอามาประดับบ้าง อย่าเอาแต่ส้วมแต่ถานมาโปะแข่งพระพุทธเจ้านะ ดูไม่ได้เลยเวลานี้ นี่เราพูดตามอรรถตามธรรมจริงๆ พูดอย่างนี้ ไม่มีใครพูด เขาเหมือนเราเราเหมือนเขา เกรงใจเขาเกรงใจเรา แล้วพูดไม่ออก แต่บืนแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นมันถึงพูดกันไม่ได้

เราถึงจะเป็นส้วมเป็นถานเหมือนกัน เรากราบพระพุทธเจ้าตลอดเวลา นำธรรมะนี่มาสอนให้รู้เรื่องรู้ราวกันเสียบ้าง หลวงตาบัวตายจะไม่มีใครสอนอย่างนี้ ไม่มี บอกตรงๆ อย่างนี้ละ ติดเขาติดเราติดอะไร พูดตรงๆ นี่ไม่ติด ไม่ติดอะไรเลย พูดง่ายๆ นำธรรมที่เลิศเลอนี้มาสอนโลกต่างหากนี่นะ เราพูดจริงๆ อาจหาญชาญชัย เลยสมมุติโดยประการทั้งปวง จึงไม่เคยสนใจว่าใครจะว่าเราดุเราด่า เราพูดโอ้อวดโกหกมดเท็จอะไร ว่าไปซิปากหมา มันอยู่ในส้วมพวกปากหมา ลงไปแล้วมันก็ไปกินส้วมตามเดิม สนใจมันอะไร ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นหมาที่ไหน คนอยากดิบอยากดีก็มาสอนกันละซิ ถ้าไม่ต้องการเสียจริงๆ แล้วไม่สอน และอย่ามายุ่งว่างั้นเลย พอ

นี้ก็ยุ่งกันทั้งวันทั้งคืน เดินหย็อกๆ ออกไปนี้ไม่ได้นะ รุมๆ ๆ ใส่เลย เราก็ต้องมีวิชาหลายแขนงติดตัวไป ไม่งั้นไม่ได้ พอไปไม่ว่าหญิงว่าชาย คนเฒ่าคนแก่งกๆ งันๆ พอไปนี้รุมเลย ว่าแต่มองเห็น รุมเลย เราก็มีวิชาติดตัวไป เวลานี้จะใช้วิชานี้ รุมมาเท่าไรเฉยเลย เฉยไม่สนใจกับใครเลย เหมือนไม่มีใคร ไปไหนรุมก็เฉยเลยๆ เฉยมาตลอดเลย นั่นแบบหนึ่ง แบบหนึ่งดุ เปรี้ยงๆ แล้วไป มีหลายแบบนะ พอพูดอย่างนี้ก็ระลึกถึงหนองผือ ไปในงานหนองผือ อันนั้นก็เหมือนกัน พอเห็นเรามาก็รุมๆ  ก็มีลูกศิษย์ของเราหลายคนอยู่นั้นยังมารุมกับเขาอีก รุมๆ มาใกล้ๆ พอไปถึงลูกศิษย์พอดีเราก็ว่า เป็นบ้าหรือ แล้วก็เดินเฉยเลย ฟังเสียงหัวเราะแหะๆ ป่านนี้มันหัวเราะหยุดแล้วยังพวกบ้า ไปดูซิหนองผือน่ะ มันหัวแหะๆ อยู่โน้น ว่าเป็นบ้าหรือ แทนที่มันจะโมโหมันยังหัวเราะแหะๆ อยู่ เราก็เดินเฉยเลย ป่านนี้มันหัวเราะหยุดหรือยังไม่รู้ หลายปีแล้วนะ มันอย่างนั้นนะพวกนี้ ไปไหนเหมือนกัน

ตอนเย็นเมื่อวานก็เดินไป จะไปหาน้องสาว มีเรื่องอะไรๆ จะไปพูด พอไปเห็นก็รุมๆ เลยกลับทันทีเลยไม่ไป จะพูดเรื่องธุระอะไรๆ เราไป เลยไม่ได้เรื่องได้ราว มีแต่รุมๆ ไม่ทราบว่ารุมหาอะไร ความดีมีอยู่กับทุกคน เห็นท่านมองเห็นท่านจะกราบไหว้ก็กราบไหว้ซิ รุมหาอะไร ไม่เห็นมีเหตุมีผลอะไรเรื่องมารุม ให้ลำบากเปล่าๆ ความดีมีอยู่กับทุกคน ถ้าเห็นท่านเป็นพยานแล้วปั๊บระลึกถึงอรรถถึงธรรมในตัว หรือจะกราบไหว้เคารพบูชาท่านก็นึกในใจแล้วก็ธรรมดาๆ จำเป็นอะไรจะต้องมารุมกันๆ เกิดประโยชน์อะไร เราเทียบเหตุเทียบผลทุกอย่างนะก่อนที่จะนำมาพูด ไม่ใช่พูดด้วยทิฐิมานะ พูดความได้ความเสียมีแง่หนักเบาต่างกันอย่างไรบ้าง

วันนี้ก็อินเตอร์เน็ตละมาเป็นต้นเหตุ อ่านอันนี้ยังไม่จบเลย อินเตอร์เน็ตผ่านเข้ามาในวงนี้ วงนี้เลยแตกเลยเทียววันนี้น่ะ

เรากำลังหาทองคำ จะเร่งให้ทันให้เสร็จสิ้นตั้งแต่สิ้นมีนา หรือต้นเดือนเมษา ให้เสร็จเรียบร้อยที่กำหนดไว้นี้ เวลานี้ทองคำขาดอยู่ ๘๓๖ กิโล ทองคำใหม่ดูเหมือนได้ ๔๐ กิโลแล้วนะ ตั้งแต่หลังมอบแล้วมานี่ ทีนี้ก็เร่งละให้ได้ตามที่กำหนด ให้จริงให้จังทุกอย่าง นี่พาพี่น้องทั้งหลายจริงจังนะ เวลานี้จริงจังมากต่อชาติไทยของเรา ที่จะอุ้มชาติ อุ้มศาสนา ขึ้นมาพร้อมๆ กัน ด้วยความรักชาติแล้วก็รักความเสียสละด้วยกัน เอาให้ได้จุดนี้ๆ จึงเรียกว่าเป็นวรรคเป็นตอนเป็นเด็ดเป็นขาด มีแต่ท้อแท้อ่อนแอ แอไปเลยไม่ได้นะ ต้องให้มีเป็นพักเป็นตอนซิ เวลาธรรมดาก็มี เวลาเล่นก็มี เวลาจริงก็มี เวลาเด็ดก็ให้มี ใช้เวลาไหนให้เป็นประโยชน์ในเวลานั้นๆ นี่เวลาไหนมีแต่อ่อนแอท้อแท้ จนกลายเป็นนิสัยอ่อนเปียก ใช้ไม่ได้นะ

         เมื่อวานนี้ก็ไปนู่นละแหวกแนวไปสองด่าน เราเคยช่วยเขามาตั้งแต่เราไปสร้างโรงพยาบาลให้หล่มสัก ไปดูเขาขายของอยู่ตามด่านๆ แล้วก็ดู สังเกตไปเรื่อย มีสองด่าน ต่อไปก็ค่อยขยับ ให้ซื้อของเขาบ้างอะไรบ้าง เขาขาย ซื้อของเขาบ้าง เอาของเขาบ้างเล็กน้อย แจกเงินให้เต็มตัวๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสร้างตึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราเลยไปส่งของเขาเลยนะ เพราะดูประมวลมาเรียบร้อยแล้ว สองด่านตั้งแต่บัดนั้นมันจะหกเจ็ดปีแล้วมั้ง ไปโรงพยาบาลหล่มสัก (ประมาณ ปีแล้วครับ) ประมาณ ปีเห็นจะได้

         ที่สร้างโรงพยาบาลนั้นก็ใหญ่อยู่นะ ทีแรกเราคำนวณไว้ประมาณ ๑๒ ล้าน เวลาเสร็จเรียบร้อยแล้วปาเข้าไป ๑๕ ล้าน ว่าจะให้อะไรต้องมีอะไรที่จะแฝงเข้ามา ให้เรื่อย  อย่างโรงพยาบาลหล่มสักนี้คำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว ๑๒ ล้าน บทเวลาเสร็จแล้วตั้ง ๑๕ ล้านกว่า ไปที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าลงจุดไหนแล้วก็มีที่จะให้ๆ การขอจะแฝงเข้ามาๆ ให้อยู่เรื่อย อย่างงั้น เวลานี้มีอยู่หกเจ็ดโรงกำลังสร้างอยู่เวลานี้ หนักมากอยู่นะเรา เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เคยมีเงินติดตัว ไม่ได้สมกับพี่น้องชาวไทยเรามายกยอว่าหลวงตาบัวเป็นเศรษฐีเงิน เพราะคนเคารพนับถือมาก คนนั้นเท่านั้น คนนี้เท่านี้ อย่างนี้เอามาให้เรื่อย เห็นกันทั่วหน้า

         เวลาเขามาบริจาควันหนึ่งเท่าไรเห็นกันทั่วหน้า บทเวลาเราจ่ายเช็คเขาไม่เห็น เช็คฉบับหนึ่งกี่แสนๆ กี่ล้าน ให้กับสิ่งของที่เราจ่ายๆๆ ไปนั้น มันเท่าไรเขาไม่ได้เห็น เขาก็มาเหมาแต่ว่าหลวงตานี้มีเงินๆ ทีนี้เวลามันไหลออกจนกระทั่งปากทางออกกว้างกว่าทางเข้า เพราะอะไร ติดหนี้เขาก็มี คนมีจะไปติดหนี้เขาทำไม ฟังซิน่ะ มันไม่มีถึงได้ยอมติดหนี้ด้วยน้ำใจที่จะให้ เมื่อมันไม่มี เอา ติดหนี้ไว้ก่อน ความจำเป็นนั้นเหนือหนี้เรา เพราะฉะนั้นเราถึงยอมติดหนี้ก่อน เอานี้มา อย่างนี้ละทำอะไรมีเหตุมีผลทุกอย่างนะเรา ไม่ใช่ทำสุ่มสี่สุ่มห้า ใครจะมาทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับเราไม่ได้ เราบอกจริง นะ ต้องให้มีเหตุมีผลซิทำอะไรก็ดี

         เวลานี้เรากำลังจะช่วยชาติไทยของเรา ก็เราเป็นหัวหน้าอ่อนแอได้ยังไง ต้องเข้มแข็งเพื่อชาติไทยของเรา เพื่อศาสนาเป็นสมบัติของเราอันล้นค่าเสียด้วยนะ ให้พากันเทิดทูนด้วยความจริงจัง ด้วยความรักชาติ ความเสียสละพร้อมหน้ากัน นี่มันก็เด่นออกเมืองนอกเมืองนาความดีของเรา ถ้าความชั่วของเรามันก็เลวออก กระจายออกเหมือนกัน เวลานี้เราไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น เราต้องการแต่ความดีทั้งนั้น จึงต้องให้พยายามกัน แล้วมีหัวหน้าด้วย หัวหน้าก็นำศาสนามาสอนท่านทั้งหลาย ทุกแง่ทุกมุมตั้งแต่หลวงตาได้นำพี่น้องทั้งหลายตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ เรายังไม่เคยคิดเห็นว่าเราผิดเราพลาดไปตรงไหน ได้มาตำหนิตัวเองว่าพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินผิดไป ไม่มี เพราะก่อนที่จะทำอะไร ได้พิจารณาเต็มหัวอกๆ แล้วออก จึงเป็นที่แน่ใจ ใครจะมาคัดค้านต้านทานมันไม่ฟังยิ่งกว่าความจริงที่อยู่ในใจ เข้าใจไหมล่ะ เอาอย่างนั้นละ

         เราก็ไม่เคยผิดพลาดตลอดมาอย่างนี้ ความคิดอันยิ่งใหญ่ที่จะยกชาติไทยของเราที่กำลังจะจม ฟื้นฟูขึ้นมาให้เป็นที่เคารพนับถือเสมอหน้ากันกับเมืองอื่น เขา เข้าใจไหมล่ะ ที่กลัวว่าเมืองไทยจะอดตายจริง อย่าฝัน ว่างั้นเลย ไม่อดเมืองไทย แต่ชื่อเสียงนี่ซิ มีศักดิ์ศรีดีงามเสมอชาติอื่นๆ เขา เราอยู่ร่วมโลกต้องให้เหมือนโลก อันนี้ที่เรารักมาก สงวนมากกับพี่น้องทั้งหลาย จึงต้องเอาจริงเอาจังทุกอย่าง จะไปอ่อนเปียกๆ นี้โอ๋ยไม่ได้นะ ต้องเอาจริงเอาจัง ถึงเวลาจริง จริง

         นี่ได้พยายามสอน ทางด้านธรรมะก็สอนทุกขั้นทุกภูมิของธรรม ตั้งแต่ธรรมพื้น จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น ถอดจากหัวใจมาสอนเลย ไม่ได้มีสงสัยว่าผิดที่ตรงไหน แล้วผู้ใดที่จะนำไปปฏิบัติให้เป็นคติเครื่องเตือนใจ เป็นสิริมงคลแก่ตนก็ควรแล้วเวลานี้นะ ที่สอนนี้สอนไม่มีสงสัยอะไรเลย เรียกว่าแม่นยำไปเลยเทียว เพราะถอดออกมาจากหัวใจที่แม่นยำอยู่แล้ว ตั้งแต่ขณะกิเลสขาดสะบั้นลงไปนั้นตัวจอมปลอม ขาดสะบั้นลงไปแล้วมีแต่ธรรมของจริงแม่นยำตลอดเลย

         นี่ก็ได้สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทางด้านวัตถุเราก็เห็นประจักษ์แล้ว คลังหลวงของเราก็กำลังเต็มตื้นขึ้นมา จะถึงจุดที่หมายที่เราต้องการสิบตันสิบล้าน นั่น แล้วทีนี้สมบัติทั้งหลายที่กระจายออกไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าภาคไหนช่วยทั้งนั้น จากเงินจำนวนที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคทุกภาค แล้วแต่ทางไหนจำเป็น ใกล้ไกลไม่สำคัญ สำคัญที่ความจำเป็น ถึงกันๆ เลย ช่วยกันได้ตลอด เป็นอย่างนี้เรื่อยมา ไม่ได้สูญหายไปไหน เรื่องเงินทองข้าวของที่หลวงตาบัวจะมางุบงิบนี้บอกไม่มีแม้บาทหนึ่ง ไม่มี เพราะอำนาจแห่งความเมตตาครอบเอาไว้ ถึงขนาดร้องโก้ก ทีแรก เราฝังลึกมากนะ ร้องโก้กเพื่อเงิน บาท บาท พี่น้องทั้งหลายเหรอ ร้องโก้ก เห็นแก่เมืองไทยจะจมจะว่าไง ฉุดลากขึ้นอย่างหนักเลย ถึงขนาดที่ว่า เอ้า จะช่วย พอร้องโก้กแล้ว คือเมืองไทยเรานี้จะล่มจมให้เห็นต่อหน้าต่อตา โถ เป็นไปได้เหรอ ตั้งแต่ปู่ย่าตายายเรา พาถ่อพาพายมา ก็สงบร่มเย็นมาโดยลำดับลำดา บทเวลามีลูกมีหลานหลายคนจนกระทั่งถึง ๖๒ ล้านคนจะเอาเมืองไทยนี้ให้จมทั้งหมด ปู่ ย่า ตา ยาย ให้จมไปด้วยนี้มันเป็นไปได้เหรอ นั่น

นี่ละเหตุที่มันร้องโก้กเลย เอ้า จะช่วย ยังเหลืออยู่คำเดียวว่าถ้าหลวงตายังไม่ตาย เมืองไทยยังจะจมไม่ได้ยังคำเดียวเท่านี้ละ มีแต่ว่า เอ้า จะช่วย เรียกว่าเต็มหัวใจแล้วนะ นั่น เพราะฉะนั้นอะไรจึงต้องเอาให้เต็มเหนี่ยวๆ อ่อนไม่ได้เลย ถ้าเป็นอรรถเป็นธรรมแล้วพุ่งๆ อะไรที่ไม่เป็นอรรถเป็นธรรมมานี้ขาดสะบั้นไปเลย ไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัวกับสิ่งใด เอาธรรมออกหน้าๆ แล้ว ไม่เคยขยะแขยงกับสิ่งใดเลย นี่ก็ปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ต่อชาติต่อศาสนาตั้งแต่วันเราก้าวออกเดิน ทั้งชาติทั้งศาสนาก้าวเดินไปเรื่อยๆ อะไรขัดข้องตรงไหน เอ้า เอาเลยๆ เรื่อยมาอย่างนี้

นี่ก็ถึงวาระแล้วที่จะประกาศปิดโครงการของเรา ซึ่งตั้งมาได้ ปี ๖ ปีนี้แล้ว วันที่ ๑๒ เมษา ก็คิดว่าจะเอาวันนั้นเป็นวันสุดท้ายแห่งการช่วยชาติของเรา วันเปิดก็วันที่ ๑๒ เมษายน ..๒๕๔๑ หรือไง ทีนี้วันปิดก็จะเอาวันนั้น เมษาข้างหน้านี่ จึงรวบรวมกำลังวังชา ความรักชาติ ความเสียสละของพี่น้องทั้งหลายให้มาสู่จุดสมมักสมหมายเต็มตามความมุ่งหวัง คือทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ ๑๐ ล้าน พอใจ ปิดแล้วจะก้องออกเลยละที่นี่ พี่น้องชาวไทยเราปิดโครงการช่วยชาติช่วยตัวเอง ได้เปิดเผยขึ้นมาแล้ว ปิดๆ นั้น ปิดเพราะเหตุไร จะบอกให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยทุกคน กรุณาทราบกันตามนี้นะ เอาละเอาแค่นี้เป็นพัก ไปละวันนี้ แล้วมีอะไรอีกละ

โยม วันนี้มีกิจนิมนต์เทศน์ บ่าย โมง

หลวงตา เอ้า วันนี้เหรอ

โยม ครับ หอประชุมโรงเรียนเพ็ญพิทยาคม อำเภอเพ็ญ อุดรธานีครับ

หลวงตา เนี่ย อุดรเหรอ วันนี้เหรอ

โยม วันนี้ครับ บ่าย โมงครับ

โยม อยู่วัดพระธรรมวิสุทธิมงคลเจ้าค่ะ

หลวงตา เอ้ อยู่ไหน วัดพระธรรมวิสุทธิมงคล

โยม อยู่ทางเข้าบ้านด่านเจ้าค่ะ

หลวงตา นั่นซิ มันมีชื่อยังไงมาเกี่ยวกับเรา หรือใครสร้างวัดที่ไหนเมื่อไร

โยม หลวงปู่ลี สร้างให้ค่ะ

หลวงตา ใครเป็นสมภารอยู่นั้นนะ วัดธรรมวิสุทธิมงคล

โยม ท่านพรหมเจ้าค่ะ

หลวงตา คงจะเคยอยู่วัดนี้ละมั้ง พระวัดนี้มันน้อยเมื่อไร ทั่วทุกภาคออกจากวัดนี้

สรุปทองคำและดอลลาร์ วันที่ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑๙ บาท ๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๔๑๕ ดอลล์ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ,๑๒๕ กิโล ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ,๘๐๐,๐๐๐ ดอลล์ ทองคำ และดอลลาร์ที่ได้เพิ่มหลังจากมอบคลังหลวงแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ ที่ผ่านมานี้ ทองคำได้ ๔๑ กิโล ๒๕ บาท ๙๘ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๖,๘๙๓ ดอลล์ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมด หมายถึงว่าที่เข้าแล้วและยังไม่ได้เข้ารวมกัน ทั้งหมดได้ ,๑๖๖ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๘๓๔ กิโล จะครบจำนวน ๑๐ ตัน ซึ่งกำหนดไว้แล้ว รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ได้ ,๘๖๖,๘๙๓ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ,๑๓๓,๑๐๗ ดอลล์ จะครบจำนวน ๑๐ ล้านดอลล์ กรุณาทราบตามนี้นะ

อันนี้เวลานี้มันมัดอยู่ในคอของเราทุกคนนะ อย่าว่าเราเป็นอิสระ โซ่อันนี้มัดคออยู่ทุกคนๆ โซ่หลวงตาบัวนี้อันหนึ่ง ยืดยาวไปมัดคอทั้งหมดเข้าใจไหม เมื่อวานนี้ขาดบาทขาดตาเต็ง วันนี้โซ่มาแล้วนะวันนี้มัดคอหมดเข้าใจเหรอ เราเป็นอิสระเหรอ วันนี้ไอ้ปุ๊กกี้ไปไหนกูจะมัดคอมันอีกทีหนึ่ง มามัดแต่เรา ไอ้ปุ๊กกี้ปล่อยตัวไม่ได้นะ ต้องถูกมัดอีกเหมือนกันนะ พากันจำเอาไว้ นี่ละโซ่ของพวกเรายังมัดอยู่นี่ เอ้า เปลื้องโซ่ออกให้ได้ เปลื้องโซ่ออกให้ได้ ๑๐ ตัน ให้ได้ ๑๐ ล้าน นี่ละเปลื้องโซ่ออกหมดเลย เอาละ เท่านั้น

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก