เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
อย่าตื่นเงาปีใหม่
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๓๑ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๗ กิโล ๔๑ บาท ๗๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๙,๕๙๖ ดอลล์ ทองคำและดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ทองคำมอบแล้ว ๙,๑๒๕ กิโล ดอลลาร์มอบ ๘ ล้าน ๘ แสนดอลล์ ทองคำและดอลลาร์ที่ได้รับเพิ่มหลังมอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ เวลานี้ทองคำได้ ๓๙ กิโล ๙ บาท ๑๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๓,๖๒๐ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๙,๑๖๔ กิโล ขาดอยู่อีก ๘๓๖ กิโล จะครบจำนวน ๑๐ ตัน อันนี้ละขาดที่จะตัดสินกันเดือนเมษานี่ เป็นวันปิดฉาก เราเปิดวันที่ ๑๒ เมษา โครงการช่วยชาติ จะปิดในวันนั้น กะไว้อย่างนี้ ปิดวันที่ ๑๒ ปีนี้แหละ เมษาเหมือนกัน รวมดอลลาร์ทั้งหมดได้ ๘,๘๖๓,๖๒๐ ดอลล์ ขาดอยู่อีก ๑,๑๓๖,๓๘๐ ดอลล์จะครบจำนวน ๑๐ ล้านที่กำหนดไว้แล้ว
รายละเอียดทองคำและดอลลาร์วันที่ ๓๑ ธันวาคม ที่สวนแสงธรรม จ.กรุงเทพ ทองคำได้ ๕ กิโล ๓๔ บาท ๙๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๗,๒๐๗ ดอลล์ วัดป่าจักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ทองคำได้ ๒ กิโล ๖ บาท ๘๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒,๓๘๕ ดอลล์ รวมทั้งสองแห่ง ทองคำได้ ๗ กิโล ๔๑ บาท ๗๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๙,๕๙๐ ดอลล์ กรุณาทราบตามนี้ จะเดินตามนี้ ดังที่เราไปคราวนี้จะเอาให้มากเลยก็ได้มากจริงๆ ทองคำได้เข้าคลังหลวงตั้ง ๑ ตัน กับ ๔๐๐ กิโล เข้าคลังหลวงคราวที่แล้วนี้ ดอลลาร์ ๕ แสนดอลล์ที่เข้า มีแต่อย่างมากๆ ทั้งนั้น เรียกว่าสมใจ คราวต่อไปนี้ก็จะปิดโครงการแหละ วันที่ ๑๒ เมษา วันเปิดก็วันนั้น แล้ววันปิดก็วันเดียวกัน เปิดประตูนี้ก็ปิดประตูนี้ ประตูเก่านั่นแหละ เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลายเร่ง เราเร่งละคราวนี้เราจะปิดฉาก ยังขาดอยู่เพียง ๘๓๖ กิโลเท่านั้น เราได้แล้วตั้ง ๙ ตันกว่า ขาดเพียง ๘๓๖ กิโลทำไมจะไม่ได้ ต้องได้
เมื่อวานออกจากกรุงเทพ สวนแสงธรรม ๙ โมง ๒๐ นาที ไปถึงจักราชบ่ายโมงเป๋งพอดีเลย พอก้าวเข้าวัดก็บ่ายโมงเป๋ง เป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที รถวิ่ง ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที ซึ่งก็นับว่าเร็วอยู่ รถออกจากกรุงเทพมาภาคอีสานเป็นแผ่นเลยเทียวบนถนน วันที่ ๓๑ รถนำเราต้องขอแหวกทางมา ถ้าธรรมดาก็เรียกว่าช้า แต่พูดถึงเรื่องวันปีใหม่รถมาก เขาติดกันอยู่ เราแหวกมาได้ๆ แล้วก็เข้าไปวัดป่าจักราช ได้จากวัดป่าจักราชไป ๖๒ ปี เมื่อวานก็เลยเล่าเรื่องที่ว่าตาปะขาวเขาเล่านิทานหลวงตา บอกว่าจะเล่านิทานหลวงตาบัวให้ฟัง เล่าย่อๆ ที่ว่า ๙ ปีนี้ก็ออกพร้อมกันเลย ตามธรรมดาเราไม่เคยพูดนะ อย่างนี้ไม่เคยพูด
เมื่อวานนี้เล่านิทานเลยเอาออกมาด้วยกัน นั่งภาวนาอยู่ ตาปะขาวคนหนึ่งเดินกึ๊กๆ มายืนตรงหน้าเรา พอมายืนตรงหน้าเราแล้วก็มานับข้อมือให้เราดู หนึ่ง สอง สาม ไปถึงเก้า พอถึงเก้ากึ๊กมองมาหาเรา ทางนี้ก็รับทราบกันทันที บอกว่า ๙ ปีสำเร็จ ว่างั้นนะ เราก็เก็บมาเป็นเวลา ๙ ปีเหมือนกัน เก็บไว้ตลอด คำว่า ๙ ปีมีสองอย่าง บวชมาเราเข้าใจเอานะที่ว่า ๙ ปีสำเร็จ นั่นเป็นปัญหาที่ออกจากตาปะขาว แต่เรามาคิดว่า ๑) บวชมา ๙ ปีสำเร็จ ๒) ออกปฏิบัติ ๙ ปีสำเร็จ มีสองอย่าง อย่างต้นพอออกมาปฏิบัติ ๒ ปีมันก็ครบ ๙ ปีใช่ไหมล่ะ เพราะ ๗ พรรษาเราออก ๗ ปีเราออก พอ ๙ ปีสำเร็จ ในระยะ ๙ ปีนี้ไฟกำลังเผาหัวอก จิตกำลังเสื่อม มันสำเร็จยังไงคนกำลังตกนรกทั้งเป็น เลยแยกออกจากนี้ คงจะเป็น ๙ ปีสำเร็จออกปฏิบัติ ว่างั้นนะ พอออกปฏิบัติ ๙ ปีสำเร็จ ที่ว่าบวชมา ๙ ปีสำเร็จนั้นเป็นอันว่าผ่านไปแล้ว หมดปัญหา เพราะใน ๙ ปีนั้นกำลังไฟนรกเผา จิตเสื่อมอย่างที่เคยเล่านั่นแหละ จึงว่าไม่มีหวังอันนี้ คือไปตีความหมายเอาว่าต้องออกปฏิบัติ ๙ ปีสำเร็จ เก็บไว้เลยไม่บอกใคร จนกระทั่งถึง ๙ ปี ออกพรรษาวันนั้นพอดี
เราก็คิดว่าพอออกพรรษาแล้วเป็น ๙ ปีแล้วหมดแหละ เลยร้อนใจใหญ่ ได้ไปพูดกับเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน เอ้อ นี่ผมจะเล่าความโง่ให้ฟัง ความรู้นี้ผมเป็นมา ผมเก็บไว้ ๙ ปี ก็เลยเล่าให้ท่านฟังอย่างว่านี่แหละ มาถึง ๙ ปี นี่ก็ออกพรรษาแล้ววันนี้ ทำไมความรู้นี้มันถึงเคลื่อนคลาดไปได้อย่างนั้น ว่า ๙ ปีสำเร็จ นี่ออกพรรษาวันนี้ คือวันออกพรรษา ผมจะมาขายโง่ให้ท่านฟัง ว่ามันรู้อย่างนั้นๆ ๙ ปีสำเร็จ วันนี้ออกพรรษาแล้ว ๙ ปีแล้วมันยังไม่สำเร็จ แต่เรื่องความละเอียดของจิตนี่ยอมรับ ละเอียดมากทีเดียว แต่ก็รู้อยู่มันยังไม่สิ้น นี่ผิดตรงนี้ เราก็ว่างั้น ว่า ๙ ปีสำเร็จ เพราะจิตเคยเล่าสู่กันฟังเสมอ เรื่องจิตก็อย่างนี้แหละ นี้มันยังไม่สำเร็จมันออกพรรษาแล้ววันนี้ว่าไง แสดงว่ามันผิด
ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านแก้ดีอยู่นะ คำว่า ๙ ปีนี้ต้องหมายถึงออกพรรษานี้ เขตออกพรรษานี้ไปถึงพรรษาหน้าที่จะเข้าพรรษา ยังเป็นเขต ๙ ปีอยู่ ถ้าเข้าพรรษาปีหน้าเมื่อไรปั๊บนั่นหมดสิทธิ์ นี่พึ่งออกพรรษา มันอยู่ในเกณฑ์ ๙ ปีแหละว่างั้น เราเลยดีใจใหญ่ หือ อย่างนั้นหรือ ยอมรับนะ ตามธรรมดามันก็หมดเขตนี้ถึงนู้นมันถึงจะหมดเขตหมดสิทธิ์ นี่พึ่งออกพรรษาว่าหมดสิทธิ์ ไม่ถูก ว่างั้นนะ เราก็ หือ อย่างนั้นหรือ ยอมรับนะ ทีนี้ก็เร่งกันใหญ่ เพราะมันเร่งของมันอยู่แล้ว แต่ที่มันมีก็บอกว่ายังมี ไม่สำเร็จดังที่ว่านี่ คำว่าสำเร็จต้องให้หมดโดยสิ้นเชิง นี้มันยังมี ก็เลยบอกว่า เขตออกพรรษานี้ เขตของ ๙ ปีนี้ต้องไปถึงวันออกพรรษาปึ๊บ นั่นละหมดเขตแหละ จะว่าผิดก็ผิดได้ เดี๋ยวนี้ยังไม่ว่าผิด ท่านว่าอย่างนั้น ยังอยู่ในระหว่างตักตวง เข้าท่าดี ท่านพูดก็ดีอยู่ หือ อย่างนั้นหรือ ก็ก้าวเดินต่อไป
เพราะจิตมันหมุนของมันติ้วๆ แล้ว ไปก็ เอาพูดให้มันเต็มยศเลยว่า ๙ ปียังไม่ถึงเข้าพรรษาก็เดือนพฤษภา ใช่ไหมล่ะ วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ ยังไม่ได้เข้าพรรษา ก็มาถึงจุดนี้กึ๊กพอดีเลย เข้ากันได้ปึ๋งเลย นี่ก็เล่านิทานให้ฟัง เมื่อวานนี้เล่านิทานให้ชาวจักราชฟัง เพราะเราไปตั้งรากตั้งฐานที่นั่น จิตใจได้เจริญขึ้นมาจนกระทั่งเป็นสมาธิแน่นปึ๋ง ก็บอกว่าไปเสื่อมที่อุดร เราก็บอก แล้วแบกกองทุกข์อยู่ ปีหนึ่งกับ ๕ เดือนจึงตั้งตัวได้ใหม่ เล่าให้ฟังหมดแหละ เล่านิทาน จนกระทั่งมาสอนโลก ออกช่วยชาติบ้านเมืองนี้แหละ เล่าเมื่อวานนี้ ไปดูวัดจักราชเมื่อวานนี้ ไม่มีแม้เปอร์เซ็นต์เดียวเลยเป็นรูปร่างของวัดป่าจักราชพอเราจะยึดจะจำได้ ไม่มีเลย ขาดสะบั้นไปหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ไปก็ เอ้อ ปลงธรรมสังเวช มันเปลี่ยนแปลงไปทางบวกค่อยยังชั่ว นี่เปลี่ยนแปลงไปทางลบทางจม ดูสภาพของวัดของวาเข้ากันไม่ได้เลย จำไม่ได้ ที่รอบวัดแต่ก่อนเป็นป่าทั้งนั้น แล้วก็เป็นไร่เป็นสวนหมด ในวัดนั้นก็มีแต่สิ่งก่อสร้างเต็มวัดเต็มวา ดูไม่ได้เลย
นั่นละ ๖๒ ปีย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ จึงได้ไปเล่านิทานให้ชาวจักราชฟัง ว่าไปได้กำไรหรือไปขาดทุน จนกระทั่งกลับมา ๖๒ ปีนี้ อยากถามแต่ไม่ได้ว่านะ เมื่อวานไม่ว่าแหละ ไปจนกลับมานี้ได้กำไรมาหรือว่าขาดทุนมา เล่านิทานเมื่อวานนี้ จากนั้นก็ออกเดินทางมานี้ ไม่ได้ดูนาฬิกานะ รถก็วิ่งปรกติตั้งแต่นู้นออกมา ออกมาตลาดแคร่วมกับทางใหญ่กรุงเทพ-อุดร จากนั้นก็มาเรื่อยๆ มาถึงนี้ก็พอดีกำลังเริ่มทุ่ม มาถึงนี้พอดีเลย
ต่อแต่นี้ไปก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายเริ่มต้นอีกนะเรา จะให้ถึงจุดนั้น นั้นเป็นจุดสำคัญ ที่ว่าทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน จะให้จบฉากกันในวันที่ ๑๒ วันนั้นเป็นวันปิดฉากโครงการช่วยชาติในวันนั้นแหละ วันที่ ๑๒ เมษา เรียกว่าปีนี้ เพราะนี้วันที่ ๑ ปี ๔๗ แล้ว นั่นละเราจะเร่งทองคำจากนี้ไป ดอลลาร์ก็ไม่ค่อยหนักใจนัก เพราะดอลลาร์มันได้มาเรื่อยๆ ทองคำก็ได้มาเรื่อยเหมือนกันแต่มันมีน้ำหนักมากกว่ากัน จึงต้องว่าเป็นห่วงเป็นหนักใจอยู่มากยิ่งกว่าดอลลาร์ ยังไงเราต้องให้ได้ตามนั้นเลย ทีนี้ก็ปิดฉาก จะออกละที่นี่ กระเทือนโลกละ พอปิดฉากก็กระเทือนโลกเหมือนกัน ประกาศออกมาทองคำได้เท่านั้น ดอลลาร์ได้เท่านั้น ส่วนเงินสดนี้ โอ๋ย เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้าน ที่ช่วยชาติทั่วประเทศไทยหมดเลย
คิดดูเราได้เอาเงินสดนี้ไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวงเพียง ๒ พันล้านกว่าบาทเท่านั้น ฟังแต่ว่าเท่านั้น เพราะออกรอบทั่วประเทศนี้ นอกจากนั้นออกหมดเลย ที่มันเด่นๆ ก็คือพวกโรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นตึกใหญ่ๆ เครื่องมือแพทย์แฝงอยู่ในนั้นทุกอย่างๆ วงราชการก็มีทางเรือนจำลาดยาว นี่ก็ใหญ่ ตึกสองหลัง สามชั้น ประมาณ ๓๐ ล้านกว่า ทางอุดรเราก็มีเรือนจำ สร้างตึกให้ อันนี้ไม่มาก ๒ ล้าน แล้วก็ให้ห้องน้ำห้องส้วมเขา ๕๐ กว่าห้องยาวเหยียด แต่เราไม่ได้ไปดู ทางสว่างฯ ก็เรือนจำ แล้วหนองบัวลำภู จากนี้ทางใหญ่อยู่บ้างก็สถานีตำรวจ และสถานีรถไฟอุดร ที่เป็นใหญ่อยู่บ้างพอมองเห็น นอกจากนั้นก็เป็นโรงร่ำโรงเรียน สถานที่ก่อสร้างใหญ่ๆ ตามโรงพยาบาลมากต่อมาก
เราได้พยายามเต็มกำลังความสามารถแล้ว ช่วยโลกคราวนี้ เรียกว่าช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงขนาดที่ว่าขึ้นเวทีเลย ออกสนามรบเลย ไม่มีถอยใครทั้งนั้น มีแต่ฟัดคอขาดๆ ไปเลยเทียว นี่เราเด็ดเพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย พี่น้องทั้งหลายคอขาดเราต้องคอขาดไปก่อน ขนาดนั้นละเราออกสนาม ไม่ว่าจะยังไงไม่มีคำว่าถอยเลย เพื่อชาติบ้านเมืองและศาสนาซึ่งเป็นของมีคุณค่ามาก ก็ได้ช่วยเต็มกำลัง นี่ก็จวนเข้าถึงจุดหมายปลายทางในการช่วยชาติได้เป็นผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย ก็จะกำหนดกันวันที่ ๑๒ เมษา ๔๗ นี้ แล้วก็ปิดฉาก อยู่ด้วยความสง่าผ่าเผย
สมบัติเงินทองเรา นายกมาเยี่ยมวันนั้นก็เป็นที่พอใจ อยากให้หลวงตาได้พักผ่อน เพราะสมบัติเงินทองเรารู้สึกว่าหรูหราขึ้นเป็นลำดับลำดา เป็นที่อบอุ่นใจทั้งในคลังหลวงและนอกคลังหลวง สมบัติเงินทองเรา นี้นายกพูดเอง มาหาเรา วันที่ ๓๐ มา ทราบก่อนหน้าวันหนึ่งว่าเราจะกลับ เพราะเราไปเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร เป็นเรื่องของเราโดยเฉพาะ ทางการบ้านเมืองเราไม่ยุ่ง พอท่านทราบท่านจึงมาวันที่ ๓๐ ตอนค่ำ มาก็มาแบบปุบปับเทียว ไปก็ขึ้นไปคุยกันสองสามคน นอกจากนั้นก็มีทหารรอบอยู่ข้างนอก คนอื่นคนใดเราไม่บอกให้ทราบนะ เพราะจะมาเอิกเกริกทำลายความต้องการที่จะพูดอะไรต่ออะไรกัน เราปิดหมด อย่างที่ลูกศิษย์เต็มอยู่สวนแสงธรรมเราบอกใครเมื่อไร นั่นละเวลาเก็บเก็บอย่างนั้นนะ ไม่มีใครทราบ ทางนายกก็เหมือนกันท่านไม่บอกใคร ออกจากนั่นปั๊บก็ออกมาเลย บึ่งถึงเลย เพราะฉะนั้นคนถึงไม่ทราบ ไม่มีคน
ถ้าพูดถึงเรื่องการเงินการทอง ท่านพูดเอง แน่นอน เพราะท่านเป็นผู้หาเงิน ไม่ใช่เป็นผู้มากอบโกยเอาเงิน เป็นผู้หาเงิน หาทุกวิถีทาง บอกว่าสมบัติในคลังหลวงเราเวลานี้อุ่นหนาฝาคั่งแล้ว นอกจากนั้นก็กระจาย มีแต่ผลรายได้ไหลเข้ามาๆ จึงขอให้หลวงตาได้พักผ่อนหย่อนใจให้สบาย บ้านเมืองเราเรียกว่าหายวิตกไปโดยลำดับลำดาแล้ว ถึงขั้นบวกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก็บอกอย่างนั้น เราก็ไม่พูดอะไรมาก บอกว่าเราก็รอที่จะพักผ่อนอยู่แล้วเวลานี้ เราก็ว่างั้น พอถึงเวลาเราก็พักของเรา ไม่ได้พูดมากมาย เรื่องการเงินการทองเราไม่เกี่ยวถึงเลย เพราะเป็นเรื่องของเราโดยเฉพาะ เราไม่ไปเกี่ยวกับนายก ถ้าเกี่ยวกับนายกเราลองไปขอดูซิ จะเอาเท่าไรทันทีเลยใช่ไหมล่ะ เราไม่ขอ
เราทราบบรรดาศรัทธาทั้งหลายที่ทำอะไรๆ อย่างถึงใจๆ พร้อมกับทรัพย์สมบัติอำนวยนี้ เราก็เป็นเรา ธรรมเป็นธรรม เรื่องผู้ที่มาเกี่ยวข้องเป็นธรรมขนาดไหนก็เป็นเรื่องของท่านเหล่านั้น เราผู้ปฏิบัติธรรมเราก็เอาธรรมเป็นเกณฑ์ เมื่อสมควรจะขอเราขอเอง เมื่อไม่สมควรจะขอเราก็ไม่ขอ ไม่รบกวน เมื่อถึงกาลเวลาจำเป็นที่จะต้องรบกวน อย่างไรลูกศิษย์กับอาจารย์ต้องรบกวนกันจนได้นั่นแหละ เมื่ออยู่สะดวกสบายก็ให้ต่างคนต่างอยู่ไปอย่างนั้น
ในทองคำเหล่านี้เราก็ก้าวเดินเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ได้มีน้ำใจต่อกันทั่วประเทศ ไม่ให้หนักทางโน้นหนักทางนี้ นอกจากเวลาจำเป็นก็เข้ามาทุ่มช่วยกันเสียทีหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยให้ต่างคนต่างดีดต่างดิ้นเสมอหน้ากัน สมกับชาติไทยเราเป็นชาติของไทย ต่างคนต่างบำรุงรักษากัน จะปล่อยให้คนใดคนหนึ่งมาทำไม่เหมาะกับชาติไทยของเรา เพราะฉะนั้นเราจึงให้เป็นไปอย่างนี้ บรรดาลูกศิษย์ที่จะมาทุ่มช่วยก็มี แต่ให้รอไว้ก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างให้รอ ให้มีน้ำหนักเท่ากัน ให้ต่างคนต่างเสียสละ ได้มากได้น้อยเป็นกำลังของชาติไทยเราเอง นั้นละเป็นความเหมาะสม ก็ปฏิบัติอย่างนั้นเรื่อยมาๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้
อย่างที่ว่ากับนายกก็เหมือนกัน ถ้าว่าเราขอนี่ ยังไงก็ไม่พ้นว่าจะเอาเท่าไรเลยแหละ เราไม่ขอ เพราะเราไม่เห็นแก่ได้นี่นะ ใครจะมาอะไรเราให้อะไรเราผิดปรกตินี้ เราก็เตือนเราก็บอก เช่นอย่างเราช่วยชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เราช่วยแบบความโลภนะ ได้เป็นธรรมๆ ทุกอย่างให้เป็นธรรมทั้งนั้น ไม่มีความโลภเข้ามาแฝง เราจึงดำเนินมาอย่างนี้เรื่อยไป นี่ก็จะให้จุดตรงนั้นแหละ ปีนี้เป็นปีที่จบแหละ ยังไงก็เอากันให้จบในเมษา จากนั้นก็ผาสุกเย็นใจด้วยกัน เพราะที่ว่าสมบัติก็นายกพูดเองว่าอบอุ่นแล้ว ทางคลังหลวงก็ดี ทางอื่นทางใดก็ดี ไหลเข้ามา หาเข้ามา ทางธนาคารก็หาเข้ามาและเก็บรักษา ทางนู้นก็หาเข้ามาให้ทางนี้เก็บรักษา ก็เรียกว่ามีแต่หาเข้าๆ ไม่ได้ขนออกนะ จึงว่าขอให้เราพักผ่อนสบายๆ เราก็รอจะพักผ่อนอยู่แล้วนี่จะว่าไง
นี่ก็กำลังของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ตั้งแต่เราก้าวเดินพาเป็นผู้นำมาตลอดนี้ เราไม่เคยได้ตำหนิพี่น้องชาวไทยเราทุกภาคเลย เสมอกันหมด ต่างท่านต่างมีความรักชาติ รักความเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ว่าอะไรจุดใดๆ เป็นจุดนั้นๆ ได้ตามนั้นทันทีๆ ไม่เคยมีความบกพร่องให้เสียกำลังใจ จึงว่าพี่น้องทั้งหลายช่วยหนุนกำลังใจของหลวงตาก็ได้ ไม่เคยทำให้หลวงตาซึ่งเป็นผู้นำเสียกำลังใจ ว่าบรรดาพี่น้องทั้งหลายไม่เล่นด้วย ไม่ทำด้วย ต่างคนต่างจืดต่างชืดอย่างนี้ไม่มีในเมืองไทยของเรา เวลาธรรมดาก็ธรรมดา เวลาเร่งเครื่องก็เร่งเรื่อยมา จนกระทั่งสุดท้ายคราวนี้ที่มอบทองคำคราวนี้ก็ได้ทองคำตั้ง ๑,๔๐๐ กิโล นี่ก็เร่งเครื่องใส่กัน ต่างท่านต่างเร่ง ผู้มีกำลังมากน้อยเท่าไรก็ทุ่มเข้ามาๆ ก็ได้ทองคำตั้ง ๑,๔๐๐ กิโล ดอลลาร์ถึง ๕ แสน
เราก็ไม่เคยคิดเรื่องดอลลาร์นะ เราคิดแต่ทองคำมากกว่า แต่เวลาจวนเข้ามามันควรจะได้ถึง ๕ แสนก็ใส่ปั๊วะเลย ก็ถึงเลย ได้ ๕ แสน จากนี้ไปก็ไม่ขาดมากอะไรนัก อย่างทองคำก็ยังขาดอยู่อีกเพียง ๘๓๖ กิโลเท่านั้น ส่วนดอลลาร์ยังขาดอยู่อีก ๑,๑๓๖,๓๘๐ ดอลล์ นี่ที่ขาดไม่มาก จะหดเข้าไปเรื่อยๆ ต่อไปก็ถึง ๑,๐๐๐ กิโลแล้วพอใจ ส่วนบัญชีเราก็จะเปิดไว้ตามเดิม เพราะท่านผู้บริจาคมีหลายท่านหลายคนทั่วประเทศไทย ผู้มีโอกาสเมื่อไรจะถวายเข้ามาเราก็รับไว้ๆ และปฏิบัติตามเดิม ทองคำ ดอลลาร์ เข้าคลังหลวงตามเดิม ทองคำที่ควรจะหลอมเราก็จะหลอม เมื่อได้มาปลีกๆ ย่อยๆ หลังจากปิดโครงการแล้วนะ ทองคำได้มาปลีกๆ ย่อยๆ เราก็จะเก็บรวมไว้ พอหลอมๆ พอมอบก็มอบอีกเช่นเดิม พอเห็นว่าสมควรแล้วก็หยุดไปเลย เพราะเราจะประกาศอีกตั้งแต่วันทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันผ่านไปแล้ว ทีนี้เรื่องผู้มีศรัทธาตามโอกาสอำนวยนั้นไม่แน่นัก เพราะคนทั้งประเทศ เราจึงต้องเปิดบัญชีเอาไว้และปฏิบัติต่อศรัทธาทั้งหลายตามเดิม
เรื่องความรั่วไหลแตกซึมสำหรับเรา พี่น้องทั้งหลายได้กระจ่างแจ้งในคราวนี้แหละ เงินสมบัติทั้งประเทศไหลเข้ามาสู่เราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว ไม่มีความรั่วไหลแตกซึม ไปหาที่ไหนว่างั้นเลย เราแน่ขนาดนั้นแน่ใจเรา เพราะเราช่วยโลกด้วยความเสียสละเป็นตายจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ ในคราวนี้หากเป็น เป็น หากตาย ตายจริง ๆ ไม่มีคำว่าถอย เพื่อชาติศาสนาซึ่งเป็นของมีคุณค่าในประเทศไทยของเรา ถึงเวลาก้าวออกเดินแล้ว เป็นอันว่าไม่ถอยหลัง นี่เราก็เสียสละขนาดนั้น แล้วจะมาสนใจอะไรกับเงินบาทเงินสตางค์ ที่จะให้เป็นไฟมาเผาหัวอกเจ้าของไม่มี เราจึงบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวเลย ออกประกาศทางไหนก็ตาม จะเป็นประวัติศาสตร์ ก็ประวัติศาสตร์ที่บริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวตลอดมา เพราะเราช่วยชาติด้วยความเสียสละชีวิตจิตใจ ไหนจะมาสนใจกับเงินทอง ๑ บาท ๒ บาทวะ ให้พิจารณามันเข้ากันได้ไหมล่ะ เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อชาติศาสนาของเรา
เวลาออกสนามท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ มีความย่อหย่อนต่อเหตุการณ์อะไรบ้างที่ไหน ไม่เคยมี มีหนักมีเบาไปตามนั้นเลยแหละ แล้วไหนจะมาหาสนใจกับสมบัติเงินทองเพียงแค่นี้ เป็นไปไม่ได้ว่างั้นเลย เราจึงบริสุทธิ์เต็มสัดเต็มส่วน แล้วต่อไปนี้ให้พากันตั้งอกตั้งใจ
นี่ก็ว่าวันขึ้นปีใหม่ พี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นลูกชาวพุทธ อย่าไปหลงเงา ตื่นเงาจนเกินไป ปีใหม่เป็นเพียงตั้งรากฐานเอาไว้ ในปีนี้เราจะพยายามปฏิบัติตัวให้ดี บกพร่องตรงไหนให้แก้ไขตั้งแต่บัดนี้วันนี้พรุ่งนี้ แก้ไปเรื่อยๆ สิ่งที่ดีงามก็พยายามส่งเสริมหามาเพื่อความดีงามแก่ตัวของเราและสังคม ตลอดประเทศชาติบ้านเมือง ก็จะเป็นมงคลตลอดไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกรา และปีต่อไปก็ตั้งอยู่อย่างนั้น นั่นแหละเรียกว่าไม่หลงไม่ตื่นเงา อันนี้เอะอะก็จะมาขอพรปีใหม่ๆ เจ้าของไม่สนใจปฏิบัติแก้ไขเจ้าของในสิ่งที่บกพร่อง และไม่สนใจจะบำรุงตัวเองในสิ่งที่ดีงามเลย จะไปเอาจากปีใหม่ปีเก่า มันก็มีแต่มืดกับแจ้ง จึงเรียกว่าเหลวไหล ไม่มีหลักมีเกณฑ์ นั่นเรียกว่าตื่นเงา ให้ดูตัวเองถึงถูก
ตัวเองบกพร่องที่ตรงไหนให้แก้ไขตรงนั้นๆ ให้ดีขึ้นๆ ดีก็ดีกับเรา ชั่วก็ชั่วกับเรา สุขอยู่กับเรา ทุกข์อยู่กับเรา จะเป็นสวรรค์ชั้นพรหมก็คือตัวเรา ไปตกนรกอเวจีเพราะความชั่วก็คือตัวของเรา ไปทางดีก็คือตัวของเราเป็นผู้บำเพ็ญดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมืดกับแจ้ง เป็นแต่เพียงว่าอันนั้นเป็นขีดเป็นแดนตั้งเอาไว้ เพื่อเราจะได้ตั้งเนื้อตั้งตัวปฏิบัติความดีต่อตนเองไป จนกว่าจะถึงวันนั้นจะได้ดีมากมาย ความหมายว่าอย่างนั้นต่างหาก เราไปหวังเอาพรจากปีใหม่ปีเก่าเอาเฉย ๆ มันมืดกับแจ้งไม่ถูก ต้องให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัว โดยเอาปีใหม่ปีเก่าเป็นขีดเส้นตายไว้สำหรับการปฏิบัติตัวแก้ไขตัวเองให้ดีในจุดนี้ ไม่ให้บกพร่องไปได้ อย่างนั้นถูกต้อง พากันจำเอาพี่น้องทั้งหลาย
นี่ฟังว่าเลอะๆ เทอะๆ ไปคนไหนมีแต่หาพรปีใหม่ ๆ ไม่สนใจกับการปฏิบัติแก้ไขหรือบำรุงตัวเอง เพื่อความเป็นคนดีและละความชั่วไปเป็นลำดับเลย เสียตรงนี้นะ ให้มาดูตัวเองอย่าไปดูที่อื่น ศาสนาสอนลงที่จุดซึ่งถูกต้องแม่นยำมากมาตลอด วันคืนปีเดือนเป็นมืดกับแจ้งธรรมดา มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ไม่ได้พาไปตกนรกไปขึ้นสวรรค์ที่ไหน เพราะเขาไม่มีดีมีชั่วเหมือนมนุษย์เรา มนุษย์เรามีดีได้ชั่วได้ ถ้าทำดีดีไปเรื่อย ๆ ถ้าทำชั่วชั่วไปเรื่อย ๆ อยู่กับคนเรา ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติต่อตัวเอง ถือวันคืนปีเดือนเป็นขอบเขตในการปฏิบัติ อย่าให้มันเลื่อนลอยเลอะๆ เทอะๆ ปีนคอกปีนรั้วคือปีนี้นี่รั้ว อย่าปีนออกไปเพื่อทำความชั่ว ผิด ให้อยู่ในกรอบแห่งความดีทั้งหมด นั่น อย่างนั้นถึงถูกต้องนะ
นี้หยุดราชการตั้ง ๓ วัน ๔ วัน พวกเลอะๆ เทอะๆ ก็สนุกเลอะเทอะไปเรื่อยนะ พวกที่มีศีลมีธรรมก็ถือวันว่างนี้เป็นโอกาสอันดี จะได้ตักตวงคุณงามความดีเข้าสู่ตัวในวันว่างเช่นนี้ ส่วนคนที่คอยจะหาความชั่วเผาตัวเองนั้น วันว่างเช่นนี้เป็นโอกาสที่จะได้ตกนรกทั้งเป็น กี่วันก็ตกเท่านั้นวัน แล้วก็มาสั่งสมไว้ในใจเป็นนิสัยความชั่วติดตัวไปอีก ถึงวันไม่ว่างตัวเองก็ว่างที่จะทำความชั่วได้ตลอด นี่คนเรา ทีนี้คนทำความดีถึงวันว่างหรือไม่ว่าง เรามีเวลาว่างที่จะสร้างความดีต่อเรา นั่น เหมือนกันกับคนชั่ว ว่างตลอดเวลาที่จะสร้างความชั่วใส่ตัวเอง จนเผาเป็นเถ้าเป็นถ่านไม่มีสารคุณติดตัวเลย ใช้ไม่ได้นะ ให้พากันตั้งใจปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี
ลูกชาวพุทธ ควรมีขอบมีเขตมีเหตุมีผล อย่าเลอะๆ เทอะๆ เลยขอบเขตข้ามเขตข้ามแดน เช่นขนบประเพณีอันดีงามก็เหมือนกัน ประเพณีของประเทศไหนเขาก็มีเป็นหลักเกณฑ์ของเขา ประเพณีของคนไทยเราก็เป็นชาติๆ หนึ่ง ควรจะมีหลักเกณฑ์ไว้เป็นสมบัติของชาติไทยเรา ให้ลูกหลานทั้งหลายได้ยึดได้เกาะ การอยู่การกินการใช้การสอยการนุ่งห่ม ขอให้มีขอบมีเขต เฉพาะอย่างยิ่งในวัด ยิ่งเป็นวัดที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อย่ามานุ่งล่อนจ้อนแล่นแจ้นเป็นแบบเปรตแบบสัตว์นรกเข้ามาสู่วัดสู่วา ดูไม่ได้เลยนะ เรียกว่าดื้อด้านมากที่สุด จนไม่รู้จักสูงจักต่ำเลย มันเลยเถิดแล้วนะ
นี่ละถ้าเมื่อเลยขอบเขตของประเพณีอันดีงามของชาติเราแล้ว มันก็เป็นความทำลายแบบเดียว แต่งเนื้อแต่งตัวเป็นเปรตเป็นผีลู่จู้ล่อนจ้อนเหมือนสัตว์ สัตว์เขาไม่แต่งเขาก็ไม่มีอะไรกัน มนุษย์มีคุณค่ามีราคามีขอบเขตมีขนบประเพณี เมื่อก้าวก่ายขนบประเพณีอันดีงามไปด้วยความไม่ดีของตัวเอง มันก็สะดุดตาสะดุดใจ มิหนำซ้ำยังทำลายคนทั้งชาติให้เลอะเทอะไปหมด ไม่มีขอบเขต ขนบประเพณีก็ไม่มี ไปบ้านใดเมืองใด เราดูซิน่ะ เขาแต่งเนื้อแต่งตัวกันอย่างไรประเทศของเขา เรานี้ไปที่ไหนมันมองไม่ได้นะ มองไปนี้แบบหนึ่งมองไปนั้นแบบหนึ่ง ทั่วประเทศไทยเป็นคนละแบบทั่วประเทศ เลอะเทอะที่สุดคือเมืองไทยของเรา อย่าให้มีในเมืองพุทธนะ
เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธให้ถือพระพุทธเจ้าเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ยิ่งกว่าจะมาถือความเลวทรามของเราซึ่งจะเป็นการเอาไฟเผาโลกไปโดยลำดับนี้เท่านั้น ไม่มีความดีอะไรเป็นเครื่องตอบแทนนะ ให้พากันระมัดระวัง นี้เราเคยเตือนเสมอ เตือน ๆ เรื่อย ๆ บางทีจี้ต่อหน้าเลยก็มี ถ้ามันอุจาดบาดตาจนเกินไปก็เอาให้มันถึงกันเลย อย่างที่อยู่สวนแสงธรรมก็เหมือนกัน เข้ามาปั๊บ ๆ ล่อนจ้อนเข้ามา มากราบเราต่อหน้า ชี้หน้า จะเห็นหีอยู่นี่ว่างั้น ว่าอย่างนี้เลยแหละ เราไว้หน้าใครวะ กิเลสมันยังไม่ไว้หน้าธรรม ธรรมไว้หน้ากิเลสไม่ทันกัน มันต้องซัดกันปั๊วะๆ เลย เวลามันหยาบโลนมาก ธรรมประเภทที่ให้พอกันก็ต้องออกทันทีเลย นี่มันดูไม่ได้นะ
ขอให้ฟังให้ถึงใจพี่น้องชาวไทยเรา ถ้าอยากถือเป็นหลักเป็นเกณฑ์เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นสง่าราศีของชาติไทยเราจริงๆ ขอให้อะไรให้มีหลักเกณฑ์ เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัวนี้เลอะเทอะมากไม่มีหลักมีเกณฑ์เลย คือชาติไทยของเรา เมืองอื่นเขามีกันทั้งนั้น เมืองไหนๆ ประเทศไหน การแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างนี้เขามีเครื่องหมายของเขา ชาตินั้นๆ ชาติไทยของเรานี้กลายเป็นชาติเลอะเทอะ ดูไม่ได้นะ ขอให้สะดุดใจทุกคน เสียหาย การสอนนี้ไม่ได้ผิดนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมีขอบมีเขต เหตุใดเราเป็นลูกชาวพุทธ ซึ่งเป็นนักเหตุผลก็คือพุทธศาสนา ทำไมถึงเหยียบเหตุเหยียบผลไปเป็นความเลอะเทอะเข้ามาทำลายบ้านเมืองของตนที่เป็นชาวพุทธ นี่เสียหายมากนะ ให้พากันจำให้ดี เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านั้นแหละ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com
|