เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
วันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ เช้า
๑๒ เมษา ยุติการช่วยชาติ
ทองคำขณะนี้ยังเหลืออยู่ ๑๑ กิโล ๔๑ บาท ๕๐ สตางค์ เหลือจากมอบแล้วเมื่อวานนี้ จะเริ่มขึ้นเรื่อยนะ เริ่มขึ้นถึงจุดมุ่งหมายคือทองคำ น้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ ๑๐ ล้าน เวลานี้ทองคำเราได้แล้ว ๙ ตันกับ ๑๒๕ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๘๗๕ กิโล นี่จะเอาจุดสุดท้ายนี่ คิดว่าจะมอบคราวเดียวเลย ให้ย่นเวลาเข้ามา นี่ล่ะถ้าเข้าในจุดนี้วันที่ ๑๒ เมษายนข้างหน้านี้ จะเข้ากันได้สนิทกับที่วันเปิดงาน วันที่ ๑๒ เมษา อันนี้ก็วันที่ ๑๒ เมษา คิดว่าจะให้ยุติครบรอบพอดี อันนี้สมบูรณ์พอดี กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน
เรากะไว้ถ้าได้วันที่ ๑๒ เมษายนข้างหน้านี้จะเข้ากันได้สนิท กับที่วันเปิดงาน วันที่ ๑๒ เมษา อันนี้ก็วันที่ ๑๒ เมษา คิดว่าจะให้ยุติครบรอบพอดี อันนี้สมบูรณ์พอดี กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบไว้ทั่วหน้ากัน เรากะไว้ถ้าได้วันที่ ๑๒ เมษาข้างหน้านี้ เป็นวันยุติการช่วยชาติของเรา เพราะความสมบูรณ์พูนผลตามที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วนั้น เราจะพอใจมากทีเดียว ขึ้นวันที่ ๑๒ ลงวันที่ ๑๒ นะ
(ครอบครัวคุณสมบูรณ์ถวาย ทองคำ ๔ กิโล ดอลลาร์สหรัฐ ๑,๐๐๐ ดอลล์ เงินไทย ๑๐,๐๐๐ บาท) เอาสาธุ นั่นเห็นไหมขึ้นมาเพิ่มอีก
นี่เราจะเร่งงานจากนี้ กะว่าถ้าหากว่าลงกันได้ในวันที่ ๑๒ เมษาข้างหน้านี้ ตรงกันกับวันขึ้นวันลงตรงกัน แล้วเราจะพอใจมากนะ เอาละพี่น้องกรุณาทราบทั่วกัน เวลาเราเปิดงานโครงการช่วยชาติวันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๑ ทีนี้กะว่าจะให้ยุติกันวันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๗ นี่ละ เป็นเวลา ๖ ปีพอดี เร่งเครื่องของเรานะ เวลานี้ทองคำเรายังขาดอยู่อีก ๘๗๕ กิโล จะครบ ๑๐ ตัน ที่เราได้แล้ว ๙ ตันกับ ๑๒๕ กิโล ดอลลาร์ ๘,๘๐๐,๐๐๐ ยังอีก ๑,๒๐๐,๐๐๐ จะครบจำนวน ๑๐ ล้าน
นี่จวนเข้ามาทุกอย่างแล้วนะ ทองคำก็จวนเข้ามา ๆ ดอลลาร์ก็เริ่มแล้วนี่ เริ่มให้ได้จุดนั้นจะเหมาะสมมากทีเดียว วันที่ ๑๒ เมษา ท่านทั้งหลายได้เห็นเต็มหูเต็มตากันแล้วมิใช่หรือเมื่อวานนี้ทองคำเรา เหลืองอร่ามอยู่ใต้ถุนศาลา จากนี้ก็จะเหลืองอร่ามครอบประเทศไทยเรา ยังส่งแสงสว่างออกนอกโลกไปอีก ให้เขาได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ว่าเมืองไทยเรามีกำลังแห่งความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกันอย่างไรบ้าง เอาทองคำเรายันขึ้นเป็นพยานเลย และดอลลาร์เรา อันนี้ละเป็นเครื่องยืนยันความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีของคนไทยเรา เอาทองคำกับดอลลาร์เป็นเครื่องวัดกัน เป็นสักขีพยานของชาติไทยเราในคราวนี้
นี่จวนจะถึงจุดที่หมายแล้ว จึงว่าถ้าหากว่าได้ในเวลาที่เหมาะสมที่มากที่สุด คือวันที่ ๑๒ เมษาข้างหน้านี้ จะตรงกันกับเวลาเริ่มต้นช่วยชาติก็วันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๑ เวลายุติเพราะความสมบูรณ์พูนผลตามความต้องการแล้ว วันที่ ๑๒ เมษา ๒๕๔๗ พอดี เป็นอันว่าเหมาะสมมาก พากันเร่งเครื่องต่อไป นี่วันนี้เร่งเครื่องมาได้ ๔ กิโลแล้วนะ รวมแล้วเป็น ๑๕ กิโลแล้ววันนี้นะ จะขยับให้ถึง ๘๗๕ กิโล นี่ก็นับว่าได้ตามกำหนดมาเป็นลำดับลำดา พี่น้องชาวไทยเราช่วยกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน
หัวหน้ากำหนดตรงไหนได้ตรงนั้น ๆ ตลอดมา ไม่เคยเคลื่อนคลาดนะ คราวนี้เอาให้ได้เท่านั้น ปั๊บได้เลย ๆ ทุกครั้งตลอดมา อย่างคราวนี้เป็นคราวที่หนักมากอยู่นะ คราวที่มอบคราวที่แล้วนี่รู้สึกว่าหนักมาก เมืองไทยเรายกได้เลย นั่นเห็นไหมละ หนักมากก็ยกกันเอาจนได้ ทองคำได้น้ำหนักเมื่อวานนี้ตั้ง ๑,๔๐๐ กิโล หนักหรือไม่หนักยกเอาจนได้ ๑,๔๐๐ กิโล และดอลลาร์ฟาดไป ๕๐๐,๐๐๐ นั่นละยกคราวนี้เอาเลย พอยกนี้ฟาดความจนลงทะเลตูมเลย เราชัยชนะสมบูรณ์แบบขึ้นครองบ้านครองเมืองเราด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกันนะ
พากันอุตส่าห์พยายาม จวนและเรา จวนจะถึงจุดที่หมายและ ไม่เป็นอื่น จุดที่หมายแล้วหลวงตาก็นอนตาหลับได้สบาย ๆ ความเป็นห่วงชาติไทยเราด้วยเหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไป ต่อไปก็ให้พากันบำรุงจิตใจ หน้าที่การงานให้อยู่ในกรอบแห่งความพอดิบพอดี อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเป็นน้ำล้นฝั่งไม่ดีนะ ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นฝั่งตลอดเวลา ขอให้ยึดฝั่งเป็นหลักเกณฑ์ เขาว่ายน้ำเขาก็เอาฝั่งเป็นหลักเกณฑ์ นี่เราก็เหมือนกันเอาธรรมมาเป็นฝั่งเป็นฝา เป็นหลักเกณฑ์แห่งความประพฤติ หน้าที่การงานให้นำความถูกต้อง คือฝั่งแห่งธรรมนั้นแหละเข้ามาเทียบเคียงกับความประพฤติของตนเอง มันบกพร่องตรงไหน ๆ ให้พยายามแก้ไขดัดแปลงไปเรื่อย ๆ นะ นี่เรียกว่าคนมีธรรมย่อมมีขอบเขต มีความพอดิบพอดี
ถ้าไม่มีธรรม มีมากมีน้อยหากฎเกณฑ์ไม่ได้ เสี่ยงต่อความเสียหายล่มจม ถ้าคนที่มีธรรมมีมากมีน้อยไม่เสี่ยง พอดิบพอดีไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นความจำเป็นครอบโลกธาตุ ใครปราศจากธรรมด้วยความอวดดีอวดเด่น สิ่งต่ำช้าเลวทรามคือกิเลสฝังอยู่ในหัวใจนั่น ยกส้วมยกถานขึ้นไปแข่งกับทองคำทั้งแท่ง เราพิจารณาซิ คนยกส้วมยกถานขึ้นไปแข่งกับทองคำ ว่าส้วมถานดีกว่าทองคำ จะมีใครยอมรับกัน อันนี้ก็เหมือนกัน ความไม่มีฝั่งมีฝาของเรานี่เท่ากับส้วมกับถานในตัวของคนแต่ละคน ประพฤติตัวแหลกเหลว ประพฤติตัวเป็นส้วมเป็นถาน แล้วจะเอาไปแข่งธรรมพระพุทธเจ้า คือความรู้จักประมาณเป็นความพอดิบพอดีได้ยังไง
เราจึงอยู่ในกรอบของศีลของธรรม ใครไปที่ไหนอย่าให้เป็นน้ำล้นฝั่ง ไม่ดี ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ พระพุทธเจ้าเป็นแบบฉบับที่ว่ากรอบให้ความปลอดภัย และความสุข ความสมบูรณ์พูนผลแก่สัตว์โลกออกจากพระพุทธเจ้า ผู้มีฝั่งอันเลิศเลอทุกอย่างแล้ว ต่อนั้นมาก็พระสงฆ์สาวกท่านปฏิบัติตัวของท่านเป็นฝั่งเป็นฝาแก่โลกทั้งหลาย ให้เราประพฤติปฏิบัติตาม เพราะเวลานี้ฝั่งฝาของเราเรียกว่ามีน้อยมาก คืออรรถธรรมภายในใจที่จะรู้จักประมาณในการอยู่ การกิน การจับ การจ่าย การประพฤติตัว เหล่านี้ต้องเอาธรรมเข้าเป็นเครื่องเทียบเคียง ถ้าไม่มีธรรมแล้วหากฎเกณฑ์ไม่ได้นะ
วันนี้ก็จะไม่พูดอะไรมากมายแหละนะ ตอนบ่ายวันนี้ก็จะไปในงานอีกสองงาน ก็เพื่อชาติบ้านเมืองของเรานั้นแหละ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com
|