เขียนประวัติเราคู่ประเทศไทย
วันที่ 22 ธันวาคม 2546 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

วันที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖  เช้า

เขียนประวัติเราคู่ประเทศไทย

        

ก่อนจังหัน

         เมื่อวานนี้ไปเทศน์ที่กทม.ดูเหมือนได้ชั่วโมงสิบหกนาที เทศน์ลงมาแล้วเพลีย ดอลลาร์ยังขาดอยู่อีก ๖๔,๙๑๖ ดอลล์

         ธรรมลีวัดถ้ำผาแดง ได้ทองคำ ๓ กิโล ๓ บาท ๒,๔๘๗ ดอลล์ (สาธุ)

 

                                           หลังจังหัน   

         ระยะนี้ได้วันละหลายกิโล ๆ ทุกวัน คราวนี้เราจะให้ได้ทองคำมาก ดอลลาร์มาก คือดอลลาร์กำหนดตายตัวแล้วว่าห้าแสน ยังขาดอยู่อีก ๖๔,๙๑๖ ดอลล์ นี่เราไม่ได้นับตอนเช้านี้นะ ไม่ได้นับ นับมาตั้งแต่เมื่อวาน นี่ไม่เป็นไร หากมันจะขาดนี้เราก็ไปถอนเงินในบัญชีซื้อดอลลาร์ทันที เพราะงั้นเราถึงบอกไว้เลยว่าต้องห้าแสน ๆ หากไม่พอเท่าไรก็ไปถอนเงินในบัญชีซื้อดอลลาร์เข้ามาปุ๊บเลย เพราะงั้นจึงว่าห้าแสน ๆ ไม่ให้เคลื่อนเลย ส่วนทองคำมันยังหลอมอยู่เรื่อย ได้มาเรื่อยหลอมเรื่อย อย่างวันนี้ก็ได้มา แล้วดูว่าวันนี้ก็จะไปหลอมใหม่ หลอมเรื่อยๆ

         (เมื่อวานนี้ได้ทองคำ ๖ กิโล ๒๖ บาท ๙๔ สตางค์ครับ) นับว่าได้มากเมื่อวาน ดอลลาร์นี่ไม่กวนพี่น้องทั้งหลายมากเกินไปละ เพราะกวนทองคำ ทั้งดอลลาร์กวนมามากต่อมาก คราวนี้ก็เห็นว่าจะพอถูไถกัน หากว่ามันไม่พอนี้เราก็จะถอนเงินออกจากธนาคารแล้วก็ไปซื้อให้พอเลย มันจวนวันเข้ามาแล้ว ถึงไม่พอเราก็ถอนเงินออกจากบัญชีแล้วเข้าซื้อเลยให้พอ คิดว่าคงไม่ได้ขาดมาก อย่างเมื่อเช้านี้ก็ว่าขาดอยู่หกหมื่น มันขาดเท่าไรเรารีบซื้อไว้ก่อนเลย ถอนเงินมาซื้อไว้ก่อนเลย เช่นประมาณสักสองล้านก็พอ

         ถึงมันเหลือมันก็เหลือจะเข้าคลังหลวงด้วยกันนั่นแหละ ถอนออกมาแล้วได้จำนวนที่เราต้องการห้าแสน มันเศษเหลือเท่าไรมันก็จะเข้าตามกันไปนั่นแหละ มันไม่ไปอื่น ดอลลาร์กับทองคำนี้ร้อยทั้งร้อยตลอดมา ไม่มีแยกไปไหนเลย ส่วนเงินสดนี้แยกอยู่ตลอดอย่างที่ว่านี่ เงินสดจึงไม่แน่ เราพยายามเจียดจะเข้าซื้อทองคำมันยังไม่ได้วะ บางทีถึงสองรายสามรายเข้ามาขอในวัดป่าบ้านตาด ส่วนมากมักจะมีแต่โรงพยาบาล

         นี่แหละที่ว่ามันไม่ได้เข้า เงินเหล่านี้ไม่ได้ไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวง ก็เพราะทางนู้นก็มาแย่ง แย่งทางนี้ ไม่ทราบจะให้ใครต่อใคร ไม่ไหว ตาย เลยเจียดไม่ได้ เจียดมีแต่ปากเฉยๆ เจียดไม่ได้ เขามาเจียดไปก่อนเสียแล้ว เรามีแต่ปากพูดเฉยๆ เราก็เห็นใจทางโรงพยาบาลเสียด้วย เป็นทางที่เราจดจ่อมากโรงพยาบาลนะ เพราะงั้นจึงไม่ค่อยจะรอละ ถ้าพอได้ให้ ให้เลย ๆ คิดดูบางครั้งยังติดหนี้ คือเงินไม่พอ ทำไง เครื่องมือแพทย์แต่ละเครื่อง กับคนไข้มันทั่วไปหมดมากขนาดไหน

         นี่ละเราคิดถึงคนไข้ ชีวิตจิตใจมาอยู่กับหมอ หมอก็อยู่กับเครื่องมือ ถ้าไม่มีเครื่องมือหมอก้าวไม่ออก คนไข้หมดหวัง นี่ละเรามาคำนึงคำนวณถึงเรื่องคนไข้มีน้ำหนักมากกว่าการติดหนี้ เพราะงั้นมันถึงติดบ่อย โลกทั้งหลายมาเหมาแต่หลวงตาบัวเป็นเศรษฐีเงิน ๆ เศรษฐีขี้หมาอะไร อยากว่าอย่างงี้นะ ก็มันผิดกันขนาดนั้นจึงว่าขี้หมาอะไร คนมีมันจะไปติดหนี้อะไรใช่ไหม นั่นมันติดมาตลอดนะ ติดเรื่อย ส่วนมากมีแต่โรงพยาบาล ที่สร้างตึก สร้างโรงร่ำโรงเรียนนี้ไม่ติด เพราะก่อนที่จะอนุญาตให้เราคำนวณเรียบร้อยแล้ว เงินในบัญชี คำนวณ ๆ ๆ

         ทีนี้มันโผเผเข้ามา วงจรน่ะซิ เราไม่มีเงินวงจรรับกัน ตกลงติดหนี้ ส่วนมากมีแต่โรงพยาบาล ติด เครื่องมือแพทย์นี่สำคัญ เช่นเครื่องมือผ่าตัด ถ้าไม่มีนี้ก็ผ่าตัดไม่ได้ ถ้าไม่ผ่าตัดมันก็ตาย ถ้าผ่าตัดมีทางเล็ดลอดไปได้ เอ้าให้ เรื่องโรงพยาบาลนี้รู้สึกว่าเราจดจ่อมากจริงๆ  รายใดมาถ้าพอถูไถได้เป็นให้เลยๆ คิดดูซิบางครั้งถึงขนาดติดหนี้ยังยอมติดเลย ที่อื่นๆ ไม่ได้ติด สร้างตึกสร้างอะไรๆ ให้โรงพยาบาล หรือโรงร่ำโรงเรียนอะไรที่ไหนเราคำนวณเรียบร้อยแล้ว ตกลงให้แล้ว พอให้แล้วเราเจียดเงินไว้เรียบร้อยพอดีแล้ว พอดี ๆ 

         ที่มันโผเผเข้ามาเป็นวงจร มันจรเข้ามาว่าไง นี้ปรับตัวไม่ทัน เอ้าติด พูดถึงเรื่องติด เรื่องติดนานๆ มันไม่นานแหละ เพราะเงินมันเข้าเกือบทุกวัน ในระยะนั้นมันหมด ติดหนี้ ระยะเราจะสั่งเครื่องมือนะ พอดีเงินไม่มี เอา ๆ ติด มาบางทีของมาแล้วยังติดอยู่ ยังไม่พอ เอาติดไปก่อน พอได้แล้วก็ให้ปุ๊บปั๊บ ๆ เลย

         ดอลลาร์เช้านี้ได้  ,๙๗๖ ดอลล์ ดอลลาร์ที่มีอยู่เดิม  ๔๓๕,๐๘๔ ดอลล์ รวมดอลลาร์ที่ได้ทั้งหมด เป็น ๔๓๙,๐๖๐ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๖๐,๙๔๐ ดอลล์ จะครบ ๕๐๐,๐๐๐ ดอลล์ ที่ขาดหกหมื่นเรากะว่าหมื่นหนึ่งยังไงก็ไปได้ทัน แต่อีกห้าหมื่นนั้นมันจะไม่ทันวันที่ ๒๔ เพราะงั้นเราถึงบอกให้คุณชายให้ไปถอนมาเลย เอามาให้ได้ห้าหมื่นเลย ห้าหมื่นก็เรียกว่าสองล้านพอ ถ้าลงสองล้านเข้ามาได้ห้าหมื่นแล้วไม่เป็นไรละได้แน่ ๆ ไม่ได้คว้าเอาตามนี้ทันทีเลย

        คนทั้งประเทศนี้เขาต้องแน่ใจไปเลยละว่าเราเป็นเศรษฐีเงิน เพราะคนเคารพนับถือมาก จตุปัจจัยไทยทานไหลเข้ามา ไหลเข้ามา ทีนี้ฝั่งออกทั้งพวกไทยทานทั้งหลาย กับปัจจัยนี้ มันกว้าง ๆ เสมอกันหมดเลย ไทยทานที่เขาถวายมานี้ อันใดที่ควรแก่วัดแก่วาเราแยกไปถวายวัดต่างๆ อะไรที่ควรแก่คนทุกข์คนจน ประชาชนส่วนรวมหรืออะไรเราแยกไปๆ เราไม่เก็บ ในวัดไม่เก็บ ส่วนปัจจัยก็อย่างนี้หมุนไปรอบตัว ส่วนไทยทานที่เป็นวัตถุต่างๆ นั้นควรแก่ทางฆราวาสก็แยกไปฆราวาส ควรแก่วัดแก่พระแยกไปทางพระ อย่างงั้นตลอด

         นั่นละที่ว่าได้มาเท่าไรมันก็ออกเท่านั้น ดีไม่ดีทางออกมันกว้างกว่าทางเข้า เช่นติดหนี้เขา มันออกมากกว่าได้ ใช่ไหมล่ะ มันติดหนี้เขาก็มี มันเป็นขนาดนั้น แล้วจะเอาเงินมาจากไหน จึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่าเวลาเราตายเงินมีอยู่ในบัญชีเท่าไรๆ มันจะเป็นแบบหลวงปู่ฝั้น เรานะตามแก้ นี่เขาตั้งหน้าโจมตีท่านด้วยเจตนาร้าย พวกเปรตพวกผีว่างั้นเถอะ ตอนนั้นมีเงินอยู่ล้านห้าแสน ถือว่ามีเงินมากแหละ เงินแต่ก่อนยังมีค่ากว่าทุกวันนี้ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่แล้วท่านสั่งเสียไว้เรียบร้อยแล้วเงินจำนวนนี้ เราก็ทราบจากท่านแล้ว สั่งไว้ว่าเท่านั้น ที่นั่นเท่านั้น ๆ ก็พอดีกับเงินล้านห้า

         ทีนี้พอท่านตายไปเงินยังมีอยู่ในบัญชี ยังไม่ออกตามท่านสั่งละซิ เขาก็มาโจมตีว่าท่านอาจารย์ฝั้นมีเงินตั้งล้านห้าแสน กรรมฐานทำไมมีเงินมาก เขาก็โจมตีเอาอย่างงั้นซิ ลานโพธิ์ลานผีนี่แหละ (หนังสือลานโพธิ์ในสมัยนั้น) ลานไหนว่ะออกจากนั้น มันออกที่นั่นมันออกได้ เราพูดว่ามันออกที่นั่นทำไมจะพูดไม่ได้วะ จนกระทั่งสมเด็จมหามุนีวงศ์ท่านร้อนวูบทีเดียว ท่านว่าอยู่ไม่ได้ ก็คิดเห็นแต่ท่านอาจารย์เท่านั้นจะทราบเรื่องราวได้ดี ท่านขึ้นรถไปเองนะ ไปหาเราที่วัด สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดนรนารถ ทำไมถึงมาโจมตีครูบาอาจารย์เราได้ขนาดนี้นะ มันเป็นความจริงแค่ไหน

         ท่านก็บึ่งไปหาเราเลย ก็พอดีจังหวะเราออกจากวัดตอนบ่าย เราจะไปธุระอะไร ท่านก็กำลังมากลางทาง พอพ้นหมู่บ้านมาก็เห็นรถท่านมา ท่านเปิดไฟแว็บ เราไม่รู้ว่าเป็นใครนะ แต่ก็ให้สัญญาณว่าจะต้องได้พบหน้าคุยกันเสียก่อน รถยังไม่ให้สวนไป เราก็เลยบอกรถเราให้แอบจอดทางซ้ายนี้ พอว่างั้นท่านก็จอดทางด้านนั้น เราจอดทางด้านนี้ พอท่านเปิดประตูเห็นท่าน นั่นละเราก็รู้ทันที “มายังไง”  “ดีแล้วพอดีกัน” ก็เลยมายืนคุยอยู่นั้นเลย ท่านเล่าเรื่องเขาโจมตีท่านอาจารย์ฝั้น ก็เลยกราบเรียนให้ท่านทราบทุกอย่าง เพราะเราทราบละเอียดลออทุกอย่าง จนไม่มีอะไรเป็นปัญหาแล้วว่างั้นเถอะ

         เงินจำนวนล้านห้านี่ไปยังไงๆ บ้าง ที่ท่านสั่งเสียไว้ก็หมดปัญหา เราก็กราบเรียนท่านตามนี้ เอ้ออย่างนี้ไม่มีปัญหา ท่านแก้ข่าวเร็วๆ นี้เลยละท่าน ตกลงรถของเราก็ออก ท่านก็กลับรถแล้วก็ไปของท่าน กลับเลย เราก็ไปของเราเลย นี่เราแก้นะ อย่างนั้นละมันเป็น นี่เวลาเราตายยังเหลือเงินอยู่ในบัญชีสักเท่าไร กี่ล้านกี่อะไรก็ตาม ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจไว้เลยว่าหลวงตานี้แบมือตลอดเวลา ไม่มีที่จะเก็บเป็นของตัวเองเลย  ให้เข้าใจอย่างงี้ ดังที่เราช่วยโลกเรื่อยมา บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิน่ะ ท่านทั้งหลายจะไปหาพระที่ไหน ว่างี้ อยากคุยเต็มเหนี่ยวเลย เพราะเราบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวนี่นะ เขาจะโจมตีเราขนาดไหนมันก็ไม่ผิด

         เราวิตกวิจารณ์กับคนผู้มาโจมตีเราด้วยเจตนาร้ายนะ พวกนี้มันเข้าใจว่านรกไม่มี บาปไม่มีน้า มันถึงได้สนุกทำ โอ๊ย น่าวิตกวิจารณ์ น่าทุเรศนะ เราคิดวิตกในใจเหมือนกัน เพราะเราบริสุทธิ์เต็มที่สวนทางกันเลยกับที่เรื่องของเขาหาเรื่องโจมตีเรา เงินได้เท่าไรๆ เอาเข้าพุงตัวเองหมด เข้าพุงตัวเองหมดเหล่านี้ เราก็บอกแต่ว่าพุงของเราก็มีที่นั่นๆ ที่ตึกอะไรต่ออะไร โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล นั่นละพุงของเราอยู่ตามนั้น ที่ไหนมีความจำเป็นมากน้อยเพียงไร นั่นละพุงของเราไปเข้าที่นั่นๆ เราก็บอก อย่างงี้ สำหรับที่จะมาเข้าพุงเราแม้บาทเดียวไม่มี เราว่าอย่างงี้ เพราะเราไม่มีจริง ๆ

         นี่เวลาเราตายให้ท่านทั้งหลายทราบไว้นะ เราบริสุทธิ์ขนาดนั้นละ เขาจะออกวิธีใดพวกท่านทั้งหลายละจะเป็นผู้ได้รับเคราะห์รับกรรม จากการที่เขาโจมตีเรา มันจะเป็นข้าศึกศัตรู เป็นบาปเป็นกรรมต่อกัน คนนี้ก็โจมตีเรามางั้น คนนี้ก็โจมตีคนนี้ ซัดกัน พวกนี้สร้างแต่ฟืนแต่ไฟเผากัน เราไปสบาย เข้าใจไหม ก็เราไม่มีอะไร เงินเรามีเหลืออยู่เท่าไรก็ตาม นี่เราได้สั่งพระไว้เรียบร้อยด้วยนะ เวลาเราตายให้เอาบัญชีสมุดฝากอะไรๆ ให้เอามากางเลย มีเท่าไรให้เป็นหน้าที่ของวัดจัดการเลย เราว่างั้น มอบไว้หมดเลย เป็นแต่เพียงเราอยู่นี้เราก็มีอำนาจหน้าที่ของเราเป็นความจำเป็นด้วยกัน เราจึงเป็นคนสั่งจ่าย อย่างนี้ละอย่างที่เห็นอยู่นี่

         อย่างเงินเพื่อชาติบ้านเมืองก็เราเป็นคนสั่งจ่ายๆ เช่นคุณชายปั๋มอยู่ทางนี้เป็นคนรับ แต่การจ่ายเราเป็นคนสั่งจ่าย ทางนี้ไม่มีทางที่จะไปสั่งจ่าย แล้วมันก็บริสุทธิ์ตลอดซิ อย่างที่ว่าให้เอาเงินอันนี้ไปซื้อทองคำ เราก็เขียนใบถอนให้ปั๊บ ไปก็ยื่นปุ๊บเลย แน่ะก็อย่างงั้นยากอะไร จึงว่าเราบริสุทธิ์ทุกอย่าง จึงว่าเขียนประวัติของเราให้เป็นคู่ของประเทศไทยเราก็ได้เลยในคราวนี้ ท่านทั้งหลายจะไปหาผู้บริสุทธิ์ที่ไหนอีก เพราะเราช่วยด้วยความพอทุกอย่าง อะไรที่มาตกถึงเราไหลออกหมด เราไม่ทำ ไม่มี พอ มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ ทีเดียวที่ช่วยโลกเวลานี้

         จะไปสนใจอะไรกับเงิน แม้แต่เงินที่เขามาให้เราโดยเฉพาะเราเอาเข้านี้หมดนะ ท่านทั้งหลายเข้าใจเสียนะว่า เงินที่เขาบริจาคมาให้เรามากน้อยเข้าในส่วนอย่างนี้หมด ช่วยโลกหมดเลย เราไม่เคยไปซื้อนั้นซื้อนี้ ไม่มี เพราะอะไรก็ท่วมปากท่วมท้องอยู่ จะเอาอะไรไปซื้ออีก ผู้ที่ยากจนเข็ญใจมีอยู่ทั่วแผ่นดินมันก็ออกที่นั่นละซิ เราทำอย่างนี้ตลอดมา ตั้งแต่สร้างวัด คือก่อนที่จะช่วยชาติบ้านเมือง เราปฏิบัติอย่างงี้ตลอดมา ไม่มีว่าเงินเป็นของเรา เราเปิดโล่งไว้เลย เพราะอำนาจแห่งความเมตตาไม่ใช่อะไรนะ

         นี่จึงว่าเป็นประวัติศาสตร์ในความบริสุทธิ์ของเรา ที่ช่วยพี่น้องชาวไทย เรียกว่า เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเราได้ ในการช่วยชาติคราวนี้เราช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขียนเป็นประวัติเลยก็ได้ เราไม่สะทกสะท้านเราบริสุทธิ์เต็มที่ สุดท้ายเวลาเราตายแล้วนะ สั่งไว้เรียบร้อย เขียนพินัยกรรมไว้หมด ให้นักกฎหมายผู้พิพากษามาแต่งให้อ่าน อ่านแล้วรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ถูกต้องแล้ว เราก็เก็บไว้ในตู้แล้วบอกพระด้วย นั่นเห็นไหมล่ะ เราเก็บไว้ในตู้ เวลาเราตายให้เปิดตู้นี้ออกเอาอันนี้ออกมากางอ่าน คือเวลาเราตายแล้วสมบัติเงินทองเหล่านี้ทั้งหมด เราไม่ได้ยกเว้น ที่มีท่านผู้ศรัทธามาบริจาคตามประเพณีของพี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธ ต้องบริจาคทานในเวลาจุดสุดท้าย คือเผาศพเผาเมรุอะไรกัน เขามาบริจาค

         นั่นละที่เขามาบริจาคเผาศพเรา แล้วให้เขาตั้งคณะกรรมการขึ้น ให้เก็บหอมรอมริบเงินจำนวนนี้ไว้ทั้งหมด เราไม่ต้องการหรูหราฟู่ฟ่า ไปแต่งซื้ออะไร สร้างโรงนั้นโรงนี้จะเผาศพ เสียเงินไปเท่าไร เวลาศพเสร็จแล้วรื้อกันปึ๋งปั๋ง ๆ ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร นั่นก็เคยเห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สำหรับศพเรานี้เราเอาเท่านั้น แล้วในพินัยกรรมบ่งบอกไว้เลยว่าเมื่อเราตายแล้วให้เอาเงินจำนวนนี้ที่เขามาถวาย แล้วมอบคณะกรรมการเป็นผู้เก็บหอมรอมริบ แล้วไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเป็นวาระสุดท้ายของเรา นี่เราสั่งไว้เรียบร้อย ในพินัยกรรมบอกไว้หมดเลย

         ทีนี้ถึงว่าเราจะถูกไปเผาที่ไหนก็ตามนะ พินัยกรรมนี้จะต้องเป็นใหญ่ตลอด จะไปเผาที่ไหนก็ตาม พินัยกรรมบ่งบอกไว้แล้วว่าเงินที่เขามาบริจาคเผาศพเรานี้ต้องซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียวเท่านั้น จะไปเผาเราที่ไหน อยู่ใต้อำนาจของอันนี้ทั้งนั้นใช่ไหม ว่าไงพวกนักกฎหมายเอามาตอบตรงนี้ให้เราฟังหน่อย ในธรรมวินัยของท่านก็เป็นอย่างนั้น เวลาท่านมอบพินัยกรรมใครผู้นั้นเป็นใหญ่ ในวินัยมีนะ สำหรับเรานี้มอบเป็นพินัยกรรมให้ทองคำทั้งหมดเลย เพราะเราทำให้สมใจว่ะ

         ช่วยชาติบ้านเมืองช่วยคราวนี้เราช่วยแบบพลีชีพนะ เราไม่ได้ช่วยธรรมดา เหมือนกับเราพลีชีพฆ่ากิเลสแบบเดียวกันเลย เป็นแต่เพียงว่านี่เป็นแกงหม้อใหญ่ ยกมันก็ช้า แต่แกงหม้อเล็กผึงๆ เลย คือเราคนเดียว เป็นก็เป็น ตายก็ตายเราคนเดียวไปเลย อันนี้มันแกงหม้อใหญ่ ยกคนทั้งชาติแผ่นดินไทยทั้งแผ่นดิน จะให้ได้รวดเร็วทันใจมันก็ไม่ได้ มันหนัก ถึงขนาดนั้นเห็นไหมผลแห่งการช่วยชาติของเรา พี่น้องชาวไทยเรารักชาติ รักชาติก็เสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน

         ตั้งแต่เริ่มแรกมาแต่ต้นจนกระทั่งป่านนี้ทองคำก็ใกล้ ๑๐ ตันเข้ามาแล้ว ดอลลาร์ก็จวน ๑๐ ล้านแล้ว ส่วนเงินนี้ไม่ทราบว่ากี่พันกี่หมื่นล้านออกช่วยทั่วประเทศๆ นี่เป็นศรัทธาของพี่น้องชาวไทยของเราที่สละเพื่อชาติของตน เพื่อศาสนาซึ่งเป็นหัวใจของตนด้วยความพร้อมเพรียงกัน เราไม่ได้มีข้อตำหนิพี่น้องชาวไทยเรา ตั้งแต่เริ่มออก ก้าวออกเป็นหัวหน้านี้ก็เดินตามหน้า พอว่าเดินตามหน้าเราก็บอกว่าเราเดินโดยธรรม ไม่ผิดไม่เพี้ยนพอที่จะสงสัยในการบริจาค เราก็ทำอย่างนั้นตลอดมา

         บรรดาพี่น้องทั้งหลายก็เดินตาม เอาหนักก็หนักด้วยกัน เบา-เบากัน เร่ง-เร่งด้วยกัน ได้ตามจุดหมายๆ ๆ ตลอดมาอย่างนี้ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งการช่วยชาตินี้ เรายังเชื่อตลอดไปเลย เพราะคนไทยคนเก่า พวกเก่า ช่วยบ้านช่วยเมืองของตนอย่างเก่าต้องได้อย่างที่ว่าละ  นี่ละความพร้อมเพรียงสามัคคีมีกำลังมากอย่างนี้ ถ้าคนนั้น จะไปทางนั้น คนนี้จะไปทางนี้ ก็เหมือนนกกระจาบดังที่เราเทศนาว่าการให้ฟังมาจากพระไตรปิฎก นกกระจาบ พวกที่แตกความสามัคคีกัน อันนี้เป็นบริษัทบริวารของเทวทัต ท่านกล่าวเรื่องพระเทวทัตกับโพธิสัตว์ที่เป็นคู่กันมา

         พระเทวทัตมีบริษัทบริวารนกระจาบ เป็นนกกระจาบ ไปกินข้าวในนาเขาจำนวนประมาณ ๕๐๐ ตัว ไม่ใช่เล่น ๆ นะ ลงกินข้าวเขาแล้วเขาเอาตาข่ายดัก หัวหน้าบอกยังไงไม่ฟังเสียง ต่างตัวต่างดิ้นจะเอาตัวรอดๆ สุดท้ายตายกันหมดเลย ถูกตาข่ายเขาครอบเอาหมดเลย นี่ความไม่พร้อมเพรียงกัน ตัวนั้นจะดีดอย่างงั้น ตัวนี้จะดิ้นอย่างนี้ ไม่ฟังเสียงหัวหน้าเลย สุดท้ายตายกันทั้งหมด นี่คือโทษแห่งความแตกสามัคคี ความไม่ฟังเสียงหัวหน้าที่เป็นธรรม ทีนี้มาเรื่องพระโพธิสัตว์ก็เป็นหัวหน้านกกระจาบเหมือนกัน เวลาไปลงกินข้าวเขา ทั้งฝูงเลยเป็นสี่ห้าร้อยตัวเหมือนกัน

         พอถูกตาข่ายเขาครอบไว้เท่านั้น หัวหน้าสั่งคำเดียว นี่โพธิสัตว์ หัวหน้าสั่งว่าพวกเราทั้งหมดให้ทำตัวเหมือนนกตายแล้ว คนตายแล้ว ตายด้วยวิธีการต่างๆ กิริยาต่างๆ ทั้งหงาย ทั้งคว่ำ เหมือนว่าตายมาตั้งแต่ดั้งเดิม อย่าดีดอย่าดิ้น เมื่อได้จังหวะแล้วจะบอก ฟังซิน่ะฟังหัวหน้าซิ พอพวกเจ้าของข่ายเข้าไปจนเขางง อ้าว นกอันนี้ตาข่ายก็ไม่เห็นน่าเจ็บปวดพอจะถึงล้มตาย ทำไมนกเหล่านี้ตาย ทำไมตายคว่ำ ตายหงาย ตายทุกแบบ ตายอยู่อย่างนี้มันเป็นยังไง เขาก็ตายใจซีเพราะเห็นว่านกตายแล้วใช่ไหม เขาก็เปิดตาข่ายออก

         พอได้จังหวะ ก็นายหัวหน้าดูอยู่นี่น่ะ ฟังซิอุบายนายหัวหน้าพูดฟังเข้าท่าไหมล่ะ บอกว่าอย่ามีกิริยาอะไรๆ ให้เป็นเหมือนนกตายแล้วทั้งหมด ตายด้วยกิริยาต่าง ๆ จะตายคว่ำ ตายหงาย ตายตะแคงอะไรก็แล้วแต่เถอะ ให้เป็นเหมือนสัตว์ตายแล้ว แล้วก็คอยฟังหัวหน้า เมื่อได้จังหวะหัวหน้าจะบอก พอนายพรานเขามา มาเห็นนกตายเกลื่อนกันอยู่ อ้าว มันเป็นยังไงนกนี่ ตาข่ายก็ไม่เห็นแข็งแรงพอจะทุบจะตีพวกนกทั้งหลายให้ตาย แล้วมันเป็นยังไงมันตายคว่ำ ตายหงายกันอยู่นี้เป็นยังไง เลยไปสนใจในเรื่องตายของสัตว์  แล้วก็เปิดตาข่ายออก พอเปิดตาข่ายออกหมด ปลอดภัยเรียบร้อยแล้วก็ให้สัญญาพรึบ ไปได้ เท่านั้นละผึง พรึบพร้อมกันไปหมด นกตายเลยไปกัน นี่ปลอดภัยเห็นไหมล่ะ

         หัวหน้าสั่งก็สั่งอย่างนั้น ลูกน้องก็ทำตามนั้นเลย สละตายตามนาย บอกให้ตายแบบไหนให้ตายแบบนั้นเลย เหมือนสัตว์ตายเกลื่อนอยู่อย่างงั้น พอเขามาเปิดตาข่ายเขาเกิดความสงสัยอย่างนั้นละ เปิดอย่างตายใจ เพราะว่าสัตว์นี้สัตว์ตายแล้ว ตายใจ พอได้จังหวะก็ให้สัญญาณปึ๊บเท่านั้น พรึบไปหมดพร้อมกัน ปลอดภัยทั้งหมด นี่ละอำนาจแห่งความพร้อมเพรียงสามัคคี ท่านจึงสอนไว้ในธรรม ความพร้อมเพรียงสามัคคี มีน้ำหนักมากนะ เทศน์ตรงไหนมีแต่ความพร้อมเพรียงสามัคคี

         นี่ละท่านทั้งหลายก็ได้ดำเนินตามหลวงตาที่เอาธรรมมากางแล้วเดิน ไม่ใช่มาเดินด้วยทิฐิมานะ เราไม่มีอย่างนั้น เดินด้วยอรรถด้วยธรรมทั้งนั้น พิจารณาเรียบร้อยแล้วแง่ไหนออกแง่นั้น ออกแง่นั้นไปเลยๆ ก็เดชะไม่เห็นผิดพลาดไปที่ตรงไหน เราไม่เคยได้ติเตียนอุบายวิธีการของเราที่นำพี่น้องทั้งหลายแม้แต่น้อยเลย จนกระทั่งบัดนี้ละ ก็ราบรื่นดีงาม พี่น้องทั้งหลายเป็นความพร้อมเพรียงสามัคคี เดินตามหัวหน้าก็แคล้วคลาดปลอดภัยเรื่อยมา แล้วสมบัติของเราก็หนุนขึ้นๆ

         ทองคำ ๑๐ ตันเป็นของน้อยเมื่อไร นี่อบอุ่นในคลังหลวงของเรา แล้วดอลลาร์ก็เหมือนกัน จากนั้นเรายังมีเครื่องสนับสนุนทั่วประเทศไทย ให้ได้รับความสะดวกสบายทั่วกันหมด โดยการปลูกการสร้างอะไรต่างๆ นี่ละคุณค่าแห่งความพร้อมเพรียงสามัคคี วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละนะ

        

         ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก