เหลือแต่ชื่อกรรมฐาน(ก่อนปาฏิโมกข์)
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2527 เวลา 4:00 น. ความยาว 9.08 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระก่อนปาฏิโมกข์ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๗

เหลือแต่ชื่อกรรมฐาน

 

        ความไม่เคยและไม่ทำไม่ปล่อยนั้นเพราะเหตุไร เราคิดแล้วด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง ไม่มีทางได้มีแต่ทางเสียอย่างเดียว อันนี้ไปก็จะแห่กันดูคนเฉย ไอ้เราก็คนอยู่แล้วไปเป็นประโยชน์อะไร เราลองปล่อยดูให้ไปคนเดียว แล้วแห่กันไป ไปประโยชน์อะไร นึกว่ามาหาภาวนามาหาดูคนเหรอ ผลที่จะได้มีอะไรบ้างไปนั่น แหวกแนว เดี๋ยวนี้กำลังเริ่ม แทรกเข้ามาแซงเข้ามาเรื่อย วงปฏิบัติครูบาอาจารย์ที่เราหวังว่าจะมาอยู่มาอาศัยมาอบรมศึกษา มันจะเอาแบบกิเลสเข้ามาเหยียบย่ำทำลายครูบาอาจารย์และวัดวาอาวาสให้แหลกไปหมดเวลานี้ รู้หรือยังเดี๋ยวนี้ มันค่อยแทรกเข้าๆ ท่านทั้งหลายรู้แล้วยัง นี่ไม่ใช่คนฉลาดนะผมก็ดี แต่รู้

        เวลามามากเข้าๆ เหยียบกันแหลกไปแหละ ไม่มีเจตนาก็ตามเถอะเหยียบต้องแหลก เห็นไหมรถเหยียบคนมีเจตนาที่ไหน แหลกไหม กิเลสเหยียบหัวคนก็เหมือนกัน เหยียบหัวพระ บวชกิเลสมันบวชไหม อุปัชฌาย์กิเลสเห็นไหมมีที่ไหน บวชพระบวชได้ง่ายจะตายไป กิเลสบวชพระเหยียบพระ

        มาก็เก้งก้างๆ ขวางนั้นขวางนี้ แซงหน้าแซงหลัง นี่ซิจึงลำบากเราที่เป็นหัวหน้า อกจะแตกแล้วนะนอกจากไม่พูดเฉย ตามองแพล็บก็เห็นแล้ว หูฟังก็ได้ยินแล้ว เรื่องกิเลสทั้งนั้นนี่นะไม่ใช่เรื่องอรรถเรื่องธรรม เจ้าของรู้ไหม ถ้าว่าฉลาดต้องรู้ซิ กิเลสอยู่กับตัวทำไมจะไม่รู้ มันออกมาจากหัวใจตัวแท้ ออกมาทางกิริยา ออกมาทางคำพูดคำจาทำไมไม่รู้มันอยู่กับเรา ทำไมให้คนอื่นรู้ถ้าว่าฉลาด นี่ที่ว่าเราตั้งใจไปศึกษาก็เพราะว่าเราไม่รู้เรา ครูบาอาจารย์ผู้รู้ธรรมท่านรู้ เราถึงได้ไป แล้วทำไมจึงเอาเรื่องของกิเลสไปเหยียบย่ำทำลายแหลกไปหมด ด้วยไม่รู้อีกหรือเจตนามีอีก นั่นมันหลายชั้น

        ผมก็ยิ่งอายุสังขารสุขภาพทุกอย่างยิ่งลดลงๆ ไม่ค่อยได้ว่าได้กล่าวอะไร มันก็ยิ่งรวนเรยิ่งเหลวไหลไปทุกวันๆ นี่เหรอการดำเนินเพื่อจะไปมรรคผลนิพพาน เป็นอยู่อย่างนี้เหรอ เจ้าของยังภูมิใจอยู่เหรอว่านี้คือการดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพาน ที่กิริยาการแสดงออกทั้งภายในจิต ทั้งกิริยาอาการของทางกายทางวาจา อันนี้เหรอเป็นทางเพื่อมรรคผลนิพพาน มันเป็นทางกิเลส เคยพูดแล้วพูดเล่าว่าอะไรที่แหลมคมในสามแดนโลกธาตุนี้ อะไรที่แหลมคมเหนือกิเลสมีไหม กิเลสมันแหลมคมขนาดไหน มันเหยียบหัวสัตว์โลกทั้งไตรโลกธาตุที่เกิดแก่เจ็บตายอยู่เวลานี้ เพราะอะไรพาให้เกิดแก่เจ็บตาย มีแต่เรื่องของกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น แล้วสิ่งที่เหนือกิเลสคืออะไร ก็คือธรรมเท่านั้น

        มาศึกษากับครูบาอาจารย์ศึกษายังไง ไม่ใช่มากอบโกยเอากิเลสเต็มตัวแล้วเหรอเวลานี้ ไม่สงสัยเราน่ะ มันแทรกช่องนั้นแทรกช่องนี้เข้ามา มองไม่ทันถ้าว่าไม่ทัน เจ้าของน่ะซีมองเจ้าของไม่ทัน หรือไม่มองก็ไม่รู้ถึงได้ปล่อยให้มันหลั่งไหลออกมา แล้วยังเหยียบเจ้าของแหลกไป เหยียบคนอื่นแหลกไปอีก

        นี่ก็ได้เคยอธิบายให้ฟัง ขนบธรรมเนียมกฎข้อบังคับระเบียบแบบแผนวิธีการดำเนินทุกแง่ทุกมุมที่ครูบาอาจารย์พาดำเนินมา ท่านดำเนินยังไง มีหลวงปู่มั่นเป็นต้น เราก็ได้นำออกมาพูดชี้แจงแสดงบอกให้หมู่เพื่อนได้เข้าอกเข้าใจ โดยเห็นที่ว่าตั้งใจมาศึกษา แต่แล้วทำไมมันเหลวไหลไปๆ ต่อไปนี้จะเหลือแต่ชื่อกรรมฐานนะ ดีไม่ดีชื่อก็ถูกกิเลสลบไปหมดไม่มีเหลือ รู้ไหมกิเลสแทรกธรรม มันสวมรอยอยู่ตลอดเวลาอยู่ในใจนั่น ธรรมเกิดได้ชั่วขณะๆ แต่กิเลสนั้นเกิดได้ตลอดเวลา แล้วจะทันกันไหมพิจารณาซิ ลงกิเลสเกิดได้ตลอดเวลาธรรมเกิดได้บางเวลาแล้วคอยแต่จะพินาศไปๆ เพราะกิเลสทำลายนั้น มันจะสมดุลกันไหมล่ะ

        ท่านผู้ฆ่ากิเลสท่านไม่ได้ทำแบบที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ อย่าเข้าใจว่าแบบนี้เป็นแบบฆ่ากิเลส เจ้าของรู้ไหม มันดึงมันดูดอยู่ตลอดเวลารู้ไหม เก่งกว่าแม่เหล็กอีกกิเลสภายในหัวใจ ธรรมเข้าแทรกได้เมื่อไร เอ้า ถ้าอยากจะทราบปฏิบัติไปดูซิ เมื่อถึงวาระที่จะรู้จะทราบกันปิดไม่อยู่ กิเลสอยู่ตรงไหนปิดไม่อยู่ เปิดออกหมด เพราะธรรมเป็นผู้เปิด เปิดออกหมด ฆ่าหมด แหลกไปหมด จนกระทั่งไม่มีเหลือในหัวใจ ทำไมมองดูกิเลสจะไม่รู้ เมื่อธรรมเต็มหัวใจแล้วมองดูกิเลสไม่รู้มีเหรอ

พระพุทธเจ้าได้โลกวิทูมาจากไหนถ้าไม่ได้มาจากธรรม โลกวิทูๆ สวดไปทำไมสวดไม่คิดไม่อ่าน สวดเหมือนนกขุนทองสวดไปทำไม ถ้าเป็นธรรมต้องพิจารณาซิ เปิดออกซิกิเลส สติปัญญาธรรมดาๆ ที่เรามาใช้จะมาฆ่ากิเลสนี้อย่าหวัง ถ้าไม่ใช่จิตตภาวนาภาวนามยปัญญาเป็นหลักใหญ่ เริ่มไปตั้งแต่สุตมยปัญญา ฟังเพื่อจะฆ่ากิเลส จินตามยปัญญา คิดเพื่อจะฆ่ากิเลส นี่ละ บทนี้ขึ้นไป พอถึงขั้นที่ ภาวนามยปัญญา นั้นละที่นี่ ปัญญาประเภทนี้หาในแดนโลกธาตุนี้ไม่เจอ ถ้าไม่หาในแดนปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ มัชฌิมาปฏิปทานี้เท่านั้น ที่ปัญญาเหล่านี้จะเกิดและจะฆ่ากิเลสได้มีปัญญานี้เท่านั้น

เราอย่าเข้าใจว่าปัญญาที่โลกทั้งหลายเรียนมาสามแดนโลกธาตุ จะเป็นปัญญาวิเศษวิโสอันใดเลย มีแต่ปัญญาเป็นเครื่องมือของกิเลสเท่านั้นเองได้คล่องตัว ฉลาดเท่าไรก็ยิ่งเอาไปใช้อย่างคล่องตัว เพราะปัญญาอันนี้เป็นปัญญาของกิเลสไม่ใช่ปัญญาของธรรมที่จะฆ่ากิเลส ปัญญาฆ่ากิเลสคือภาวนามยปัญญาให้จำให้ดี อันนี้ละเกิดขึ้นไม่ต้องถามผู้ใดละ หากรู้เจ้าของเองปัญญาขั้นนี้เกิดขึ้น ไม่ต้องไปศึกษาจากผู้ใดก็ตาม ถ้าลงปัญญาขั้นนี้ได้เริ่มไหวตัวแล้ว

เราฟังมาจากพระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายฟังจากพระพุทธเจ้า ฟังในเงื่อนต้นๆ แล้วเพื่อปัญญาเหล่านี้เกิด เริ่มมาตั้งแต่สุตมยปัญญา ฟังจากพระพุทธเจ้า จินตามยปัญญา นำธรรมะของท่านไปตรองดูตามเหตุตามผล แล้วก็ภาวนามยปัญญาขึ้นที่นี่ พอภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นแล้วเอาเถอะ กิเลสจะมีหนาแน่นยิ่งกว่าภูเขากี่ลูกก็ตามเถอะ พังลงๆ ให้พากันทราบปัญญาฆ่ากิเลสคือปัญญาประเภทนี้ ไม่ใช่ปัญญาที่เหลวแหลกแหวกแนวที่ภูมิใจว่าเจ้าของฉลาดนั้น

 

***********


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก