เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
ฤทธิ์ของบุญ
เอ้าเข้ามา พี่น้องทั้งหลายเข้ามา รวมใหญ่นะคราวนี้ กำลังความรักชาติของชาติไทยเรารวมกันใหญ่คราวนี้ ทองคำจะเข้าอย่างหนักนะ ทองคำจะเข้าคลังหลวงคราวนี้ ได้สั่งเรียบร้อยหมดแล้วตายตัว ถ้าขาดเท่าไรก็คอเราขาดทั้งประเทศเลย นี่เราออกประกาศเด็ดขาดไปแล้วว่า ทางโรงหลอมให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑,๐๓๗ กิโล ในการมอบทองคำเข้าคลังหลวงคราวนี้ ต้องได้ทองคำน้ำหนัก ๑,๐๓๗ กิโลเป็นอย่างน้อย ดอลลาร์เราไม่ได้กำหนดแหละ แต่ยังไงก็ไม่ต่ำกว่า ๓ แสน จะติดตามกันไป เวลานี้ดอลลาร์ก็ได้สองแสนกว่าแล้ว ไม่ค่อยหนักเท่าไรนัก ไม่เหมือนทองคำ ทองคำหนักตลอดเวลา
เราวิ่งใต้วิ่งเหนือเพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย พิจารณาซิ เม็ดหินเม็ดทรายหนึ่งเราไม่เคยมาเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เลย เราบอกแล้วว่าเราพอทุกอย่าง มีแต่ความเมตตาล้วนๆ เต็มสัดเต็มส่วนเต็มหัวใจกับพี่น้องทั้งหลาย ไปโน้นมานี้ๆ นี้เพิ่งกลับมาเมื่อวาน มีแต่เรื่องเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ให้พากันคิดให้ดี ชาติเป็นของเรา ศาสนาเป็นของเรา เอาให้ดี คราวนี้เป็นคราวที่เด็ดขาด แสดงกำลังวังชาแห่งความรักชาติของชาติไทยเราขึ้นในคราวนี้ จะให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑ ตัน ๓๗ เป็นอย่างน้อยขาดไม่ได้ ต้องอยู่ในจุดนั้น เด็ดเป็นพักๆ ไป เราอย่าอ่อนแอ ให้โลกภายนอกภายในเขาได้เห็นทั่วหน้ากันว่า เมืองไทยเป็นยังไงในคราวนี้
ผู้นำมีทั้งทางชาติ มีทั้งทางศาสนา สมบูรณ์แล้ว จะยกชาติไทยของเราขึ้น เอาให้เต็มเหนี่ยว ให้เมืองนอกเขาได้อนุโมทนาสาธุการเมืองไทยเรา ซึ่งไม่ใช่เมืองเศรษฐี แต่เวลาประกาศออกมหาเศรษฐีสู้ไม่ได้ เพราะไม่ได้เอามาให้เรา มีแต่พวกคนจนของเรายกตัวเป็นเศรษฐีขึ้นต่อหน้า อวดมหาเศรษฐีได้สบายเลย เข้าใจไหมล่ะ เอานะพี่น้องทั้งหลาย ต้องเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ถึงคราวเด็ด-เด็ด อ่อนไม่ได้ เวลาอ่อนมันอ่อนของมันอยู่แล้ว อ่อนเปียกมันมีอยู่แล้วประจำ เวลาเด็ดก็ต้องเด็ด คราวนี้เป็นคราวที่เด็ดทีเดียว
การมอบทองคำคราวนี้ น่าจะเป็นคราวนี้หนักกว่าทุกคราว จากนั้นก็จะค่อยลดลงๆ คราวนี้จะต้องหนักมาก ให้ได้สมมักสมหมายสมความมุ่งมั่นของเราว่า คราวนี้ต้องให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑ ตัน ๓๗ กิโลเป็นอย่างน้อย นี่เรียกว่าเด็ดขาด ให้ได้ตามนี้นะ ความเด็ดขาดพึ่งจะมีขึ้นครั้งเดียวนี้ เด็ดขาดขนาดนี้ เอาให้ได้ ทุกคน เอ้าเข้ามา
รวมทองคำทั้งหมด(ไม่นับวันนี้) ได้ ๘,๕๐๑ กิโลครึ่ง ขาดอยู่อีก ๑,๔๙๘ กิโลครึ่งจะครบจำนวน ๑๐ ตัน รวมดอลลาร์ทั้งหมดได้ ๘,๕๗๑,๐๐๗ ดอลล์ ขาดอยู่อีก ๑,๔๒๘,๙๙๓ ดอลล์ จะครบจำนวน ๑๐ ล้านดอลล์
สรุปทองคำและดอลลาร์ที่ไปอำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ และอำเภอนากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันสองวันมานี้ อ.น้ำหนาว ทองคำได้ ๖ กิโล ๔๖ บาท ๕๕ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑,๑๒๖ ดอลล์ อ.นากลาง ทองคำได้ ๑๗ บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๗๕ ดอลล์ รวมสองแห่งทองคำได้ ๖ กิโล ๖๓ บาท ๕๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑,๒๐๑ ดอลล์
เอ้าทุกคนนะ พี่น้องทั้งหลายต่างคนต่างเร่งฝีก้าวใส่ชาติของเรา หลวงตาเป็นผู้นำก็อย่างว่าแหละ ไม่มีเวลาเลย หมุนติ้วๆ ตลอดเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้เพื่อเรา เราพูดตรงๆ พูดอย่างเปิดเผย ธรรมเป็นของเปิดเผย เป็นของดิบของดี เอาไปหมกไว้กับส้วมกับถานทำไม ให้กิเลสมันครอบอยู่ กิเลสคือส้วมคือถาน ถ้าพูดเรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องคุณงามความดีออกมาไม่ได้ กิเลสมันรุมเลย กิเลสตัวส้วมตัวถาน เพราะฉะนั้นเราเหยียบหัวมันมาหมดแล้วเรื่องส้วมเรื่องถาน จึงไม่เคยสะทกสะท้าน เราช่วยชาติคราวนี้ไม่ได้ช่วยเพื่ออะไร ช่วยเพื่อพี่น้องชาวไทยร้อยเปอร์เซ็นต์โดยถ่ายเดียวเท่านั้น เราไม่ได้เพื่ออะไร สุดกำลังความสามารถเราตลอดมา เอาให้เต็มเหนี่ยวๆ
คราวนี้เป็นคราวที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับชาติไทยเรา ในจำนวนทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน คราวนี้รู้สึกว่าจะหนักมากกว่าทุกคราว ที่จะได้มอบทองคำคราวนี้ ซึ่งกำหนดตายตัวไว้แล้ว ๑,๐๓๗ กิโลเป็นอย่างน้อย นี่ตายตัวไว้แล้ว ติดต่อทางโรงหลอม ติดต่อไว้แล้วให้ได้เท่านั้นบอกเลย แล้วบอกไปทางธนาคาร ปรึกษากับทางธนาคารอีก จะมอบวันไหนเป็นวันสะดวก ก็ตกลงจะมอบวันที่ ๒๖ เดือนธันวา นั่นละเป็นวันที่มอบทองคำ เวลานี้เป็นเวลาเร่งเข้าหาจุดให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ คือ ๑,๐๓๗ กิโล แล้วดอลลาร์ได้เท่าไรก็เอาแหละ แต่คงไม่ต่ำกว่า ๓ แสน คราวนี้เป็นคราวที่ยิ่งใหญ่มากที่เราช่วยชาติบ้านเมืองทั้งประเทศของเรา ต่อไปก็จะลดลงตามสัดตามส่วน
คราวนี้เป็นคราวที่ยิ่งใหญ่ เพราะเนื่องมาจากกฐินของชาติเรา ในคนจำนวน ๖๒ ล้านคน เป็นกฐินกองใหญ่ขึ้นมาตั้งที่วัดป่าบ้านตาด ผลรายได้จึงให้สมดุลกัน ที่ได้มาที่จะเข้าคลังหลวงคราวนี้ต้องให้ได้ ๑,๐๓๗ กิโล ต่ำกว่านั้นไม่เหมาะ ให้ได้เป็นพักๆ อย่างนี้ เพราะอันนี้เหตุผลต้นปลายสมดุลกันแล้ว กฐินของคนทั้งชาติทำไมจะไม่ได้ทองคำน้ำหนัก ๑,๐๓๗ กิโล ต้องได้ว่างั้นเลย หลวงตาบัวนี้กล้าหาญแทนพี่น้องทั้งหลาย เพราะพี่น้องทั้งหลายพาให้กล้าหาญ เข้าใจไหม ตั้งแต่ดำเนินมานี้ไม่เห็นบกพร่องเลยตลอดมา เราก็ได้พูดอนุโมทนาสาธุการกับพี่น้องทั้งหลายตลอดมา
ตั้งแต่เริ่มพาพี่น้องทั้งหลายก้าวเดิน เดินเรื่อยๆ ๆ ว่าอะไรเป็นอันนั้นๆ มาไม่เคยขาดตกบกพร่องตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ มีตั้งแต่ความสมบูรณ์พูนผลเรื่อยมา เป็นที่ภาคภูมิใจสำหรับผู้นำ เพิ่มกำลังใจมากมายจากบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เพราะฉะนั้นคราวนี้จึงเป็นคราวที่ยิ่งใหญ่ จึงพาพี่น้องทั้งหลายเด็ด เอาเด็ดนะคราวนี้ ให้ได้น้ำหนักทองคำ ๑,๐๓๗ กิโล นี้เป็นที่ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแล้วในการมอบทองคำทุกๆ ครั้งผ่านมา และผ่านไปก็จะไม่ได้เป็นอย่างนี้อีก เราแน่ใจว่าจะไม่เป็น จะค่อยลดลงตามสัดตามส่วนตามเหตุผลของมัน คราวนี้เป็นคราวที่เหมาะสมกันกับกฐินของคนทั้งชาติ ควรจะได้ทองคำน้ำหนักตามจำนวนที่กำหนดไว้ คือ ๑,๐๓๗ กิโล กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้
เอาให้ยิ่งใหญ่นะชาติไทยของเรา ให้เมืองนอกเมืองนาทุกคนเขามีหูมีตามีใจ ให้เขาได้มองมาดูเมืองไทยเรา ซึ่งไม่ใช่เมืองเศรษฐี เป็นเมืองทุคตะเข็ญใจเรื่อยมาอย่างนี้ แต่เวลาประกาศความรักชาติ ความเสียสละ หรือกำลังวังชาฤทธาศักดานุภาพทุกอย่างของเมืองไทยแสดงขึ้น จะแสดงขึ้นในทองคำจำนวนน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้านนี้แล จะเป็นเครื่องประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั้งภายนอกภายใน เพราะฉะนั้นเราจึงเอาให้เต็มเหนี่ยวคราวนี้ อย่าให้ขาด
ทุกคนๆ มีมากมีน้อยก็ตามเถอะ กำลังใจเป็นสำคัญ เป็นเศรษฐีธรรมอยู่ในใจนั่นแหละดี เศรษฐีเงินอยู่ภายนอก ถ้าธรรมไม่เข้าแทรกเศรษฐีเงินก็ไม่ค่อยมีความหมาย ถ้าธรรมเข้าแทรกปั๊บเศรษฐีเงินเป็นเศรษฐีเงินด้วย เป็นเศรษฐีธรรมด้วยอยู่ในนั้น ถ้ามีแต่เงินอย่างเดียว เศรษฐีเงินนั้นจมได้ง่ายๆ ผู้เป็นเศรษฐีธรรมไม่จม ถึงจะไม่มีอะไรก็ตามหัวใจเต็มตื้นไปด้วยอรรถธรรม ไปไหนไปเถอะกว้างขวาง ไม่มีจนตรอกจนมุม คนผู้มีบุญมีกุศลมีธรรมภายในใจไปไหนไม่จนตรอกจนมุม ไม่ว่าหลับตื่นลืมตาไม่วิตกวิจารณ์ ไม่มีเงินสักสตางค์ก็ไม่ตกใจ เพราะหัวใจเราเต็มตื้นด้วยอรรถด้วยธรรมซึ่งเป็นของเลิศเลอกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว เราให้ได้ ที่เหมาะสมก็ให้ได้ทั้งสองนั่นแหละ
เรามีมากมีน้อยแบ่งสันปันส่วน แบ่งกินแบ่งทาน นี่คือทางของศาสดาทางพ้นทุกข์ ไม่ได้มีแต่ของเรายึดมากินเฉยๆ กินแล้วตายจมไปเลย ผู้มีธรรมในใจนี้ ท่านไม่ได้กล่าวไว้ว่า ผู้มีธรรมในใจ ผู้ทำบุญให้ทานมากๆ ตายแล้วไปเป็นความล่มจม เราไม่เคยเห็น ถึงจะจมก็ตาม อย่างอนาถบิณฑกเศรษฐีให้ทานกับพระพุทธเจ้าจนจะหมดเนื้อหมดตัว ชาวบ้านชาวเมืองเขาเป็นห่วงเป็นใยเขามาว่าให้ ทางนั้นไม่ถอยๆๆ ให้ทานไม่ถอย จึงเรียกว่า อนาถบิณฑิก อนาถา คือว่าเศรษฐีคนนี้ทานจนเป็นอนาถา อนาถบิณฑิกเศรษฐีให้ทานทุกอย่างๆ ตกลงในศีลในธรรมในศาสนาทั้งนั้น จนประชาชนทั้งหลายเขาเป็นห่วงเป็นใยมาขอร้องให้ผ่อน ไม่ผ่อนๆ ว่างั้นเลย
ซัดไปๆ เกิดดลบันดาลเงินไม่ทราบมาจากทิศไหนแดนฟ้าอากาศมา ก็เลยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นด้วยการให้ทาน ที่เขาว่าท่านเป็นอนาถะ เห็นไหมบุญ ฤทธิ์ของบุญ ทีแรกเป็นอนาถาจนชาวบ้านเขาเป็นห่วงเป็นใย ฟาดที่สองมานี่เป็นเศรษฐีปิดท้ายเลย เข้าใจไหมล่ะ อนาถบิณฑิกะ เป็นอนาถาตอนต้น อำนาจแห่งทานดลบันดาลนี้ฟาดเป็น อนาถบิณฑิกเศรษฐี ขึ้นท้ายเลย (สาธุ) นี่ละให้ฟังเอาเป็นตัวอย่าง นี้เป็นอุปถัมภ์อุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าเรื่อยมา เพราะฉะนั้นจึงว่าการทำบุญให้ทาน เราอย่าไปกลัวเลยว่าจะล่มจะจม ไม่จม เอ้าให้มันจมไปเถอะ มันไม่จมแหละ
วันที่ ๓๐ รวมทองคำเช้านี้ได้ ๒๑ กิโล ๘ บาท ๖๔ สตางค์ (สาธุ) เอาละที่นี่เราจะได้ให้พร
ชมการถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |