เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
อย่าประมาทศาสดาองค์เอก
เวลานี้กำลังเร่งทองจะให้เข้าสู่จุดที่หมาย มอบทองคราวนี้ได้กำหนดประกาศทั่วประเทศไทยแล้วว่า การมอบทองครั้งนี้ต้องให้ได้ ๑,๐๓๐ กิโล เพราะคราวที่แล้วเป็นธรรมดาก็ได้มอบถึง ๑,๐๒๕ กิโล ดอลลาร์ ๔๓๒,๐๐๐ เพื่อจะให้ครบ ๘ ล้านดอลล์ ส่วนทองคำไม่มีกำหนด พอดีได้จังหวะก็เลยมอบเสีย คราวที่แล้วนี้ ๑,๐๒๕ กิโล ทีนี้คราวนี้เป็นกฐินของชาติทั้งชาติเลย ริบรวมอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด กฐินวัดป่าบ้านตาดเพื่อชาติของเราทั้งชาติ เวลานี้กำลังริบรวม เฉพาะอย่างยิ่งคือทองคำจะมารวมกันวันสุดท้าย คือวันที่ ๓๐ ที่หน้าศาลา บรรดาพระกรรมฐานท่านก็จะมารวมที่นั่น ใครได้ทองมามากน้อยก็รวมที่นั่น
พอหลังจากนั้นแล้ววันที่ ๖ นะ (ครับ) วันที่ ๖ เราก็ลงกรุงเทพฯ ที่ ๖ ธันวาลงกรุงเทพฯ แล้วก็ไปเร่งทางกรุงเทพฯ รวบรวมทางกรุงเทพฯ อีก ให้ได้พอตามกำหนด ๑,๐๓๐ กิโล แล้วก็มอบตอนปลายเดือนธันวานั้นแหละ พอมอบแล้วกลับ จากนั้นเราก็เป็นอันว่าหยุดการเที่ยวเทศนาว่าการตามโครงการนั้นหยุดเลย เพราะสุขภาพไปไม่ไหวแล้ว ส่วนบัญชีทองคำ ดอลลาร์ เงินสด นี้ยังเปิดไว้ตามเดิม ผู้จะบริจาคจะโอนมา จะมาถวายด้วยตัวเองได้ โอนมาก็มีธนาคารประจำอยู่แล้ว เช่น กรุงเทพฯ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย มันก็มีทุกจังหวัด โอนเข้าไหนก็เข้ามาถึงนี้เลย
อันนี้เราไม่ปิด เปิดไว้ตามเดิมจนกว่าทองคำจะครบกำหนด ๑๐ ตัน เริ่มละที่นี่เรื่องปิดบัญชี เพราะอยากปิดอยู่แล้ว แต่มันยังไม่ถึงจุดหมาย ถ้าไม่ถึงจุดหมายนั้นจะเสียมากทีเดียวเราได้พิจารณาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงได้ประกาศก้องให้พี่น้องชาวไทยทราบ มาเป็นประจำว่าให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้าน นี้จะเป็นความสง่างามของชาติไทยเราจากการช่วยชาติคราวนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ต่ำกว่านั้น อันนี้เป็นศักดิ์ศรีดีงามแก่ชาติไทยของเรา เมืองนอกเมืองนา เมืองไหนเขามีหูมีตาเขาจะต้องเข้ามา เมืองไทยได้ช่วยชาติมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยผลได้อย่างไรบ้าง
นี่ละผลได้ของเราก็ประกาศป้างขึ้นมา ทองคำได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้าน ส่วนเงินบาทเราก็ประกาศทั่วประเทศไทยอยู่แล้ว จากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าภาคไหน ๆ ช่วยหมดเลย เรียกว่าที่เราได้เข้าซื้อทองคำเงินสดนี้เพียง ๒,๐๐๐ ล้านกว่าบาทเท่านั้นเอง เงิน ๒,๐๐๐ ล้านกว่าบาทเข้าซื้อทองคำ นอกนั้นกระจายไปทั่วประเทศไทย โดยสงเคราะห์สงหาช่วยเหลือผู้ยากจนเข็ญใจ เจ็บไข้ได้ป่วยไปเรื่อย ๆ ยากจนเข็ญใจ ความจำเป็นมีที่ควรจะช่วยเหลือ เราก็ช่วยเหลือตลอดมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาด นี่ช่วยมาตลอด
แล้วพวกที่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีเงินรักษาตัวมาขอความช่วยเหลือ เรารับ ๆ รับเป็นคนไข้ของเราตลอดไป ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนใกล้ไกลขอมาเราตอบรับทันที ๆ เลย ตอบรับก็สั่งเสียกับหมอเรียบร้อยเลย ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล ทั้งยา บอกให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ เราบอก การรักษาให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ตลอดผู้บริการต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องคนไข้ที่เรามอบให้นี้ อย่างนี้ที่ไหนก็เหมือนกันเราไม่เคยปัดเลย แม้รายเดียวไม่เคยมี ไม่ว่าใกล้ว่าไกลขอมาทางไหนให้ทั้งนั้น ๆ นี่ก็จากเงินของพี่น้องทั้งหลายตลอดมา เริ่มแรกมันก็มีอยู่แล้วตั้งแต่เราสร้างวัด ที่ช่วยอย่างนี้ ทีนี้เวลามันเปิดเผยขึ้นมาก็เกี่ยวกับการช่วยชาติบ้านเมือง บรรดาพี่น้องทั้งหลายก็ทราบ ผู้ที่ยากจนเข็ญใจหวังพึ่งก็ขอมา ๆ เราก็เปิดทางให้ตลอดอย่างนี้แหละ นี่หมายถึงเงินสด
ช่วงนี้ได้มากก็ออกอย่างนี้แหละ จากนั้นก็โรงเรียนไม่ทราบว่ากี่สิบหลัง โห มันจะเข้าใกล้ร้อยหลังแล้วนะ ทั่วประเทศไม่ใช่ธรรมดานะ ทุกภาคด้วยโรงเรียนนี่ จากนั้นก็โรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้เท่าที่เราได้เกี่ยวข้อง ได้ช่วยเหลือมา ๒๐๐ กว่าโรง โรงพยาบาลนี้หนักมากกว่าเพื่อน นานมากกับการช่วยเหลือมาก จากนั้นก็ทางวงราชการ ยกตัวอย่างเช่น เรือนจำลาดยาวนี่ก็ในวงราชการ เรือนจำลาดยาวนี้กำลังสร้างตึกอยู่สองหลัง หลังละ ๓ ชั้น กะประมาณไว้ว่า ๓๐ กว่าล้าน แต่คอยดูเวลาเข้าไปเกี่ยวข้องกันจริง ๆ แล้ว นั่นละพวกนี้เขาก็หวังพึ่ง
เวลาได้อันนี้แล้วเขาอาจจะขอ เราไม่อยากพูดว่าอาจ เขาจะต้องขอว่างั้นเหมาะ ขอนั้นขอนี้ในเวลาเช่นนั้น เพราะเราเคยให้ เวลาเราไปสร้างส่วนใหญ่เขาขอปลีกย่อยให้ ๆ ๆ อันนี้ลาดยาวก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เราจะได้ช่วยเหลือเขาที่ขอปลีกย่อยไปอีก จากตึก ๒ หลังนี้นะ ส่วนเงินเราได้ให้ไว้เป็นมูลนิธิ ๑ ล้านบาทมาได้หลายปีแล้วแหละ อันนี้ก็ใช้กันมา นี่เวลาตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วมูลนิธินี้อาจจะได้เพิ่มให้อีกก็ได้ ถ้ามีส่วนเหลืออะไร ๆ ที่เราจ่ายช่วยเหลือส่วนรวมไปยังพอถูพอไถได้ เราก็คิดไว้แล้วว่า เราจะเพิ่มมูลนิธิให้ที่เรือนจำลาดยาว
ในเรือนจำเป็นอะไร คนเหมือนกัน นี่ละคน การเสวยกรรมมีต่าง ๆ กัน จึงไม่ให้ประมาทกันนะคนเรา ผิดพลาดด้วยเจตนาลามกก็มี ผิดพลาดด้วยไม่มีเจตนาก็มี ไม่มีความผิดแต่จับยัดเข้าใส่คุก เพราะเหตุผลกลไกของเขาที่มัดตัวนั้นมีน้ำหนักมากกว่าเราที่บริสุทธิ์ จำยอมรับไปติดคุกติดตะราง อย่างเรือนจำไหนก็เหมือนกัน อย่าเข้าใจว่าเขาไปเป็นนักโทษแล้วจะเป็นความเศร้าหมอง หรือเป็นโทษ เป็นกรรมด้วยกันทุกราย ผู้บริสุทธิ์ก็มี แต่จำเป็นเรื่องยอม หรือจะเรียกว่าแพะรับบาปอย่างนั้นก็ได้ เราจะไปว่าทีเดียวได้เมื่อไร มันมีอยู่อย่างงั้น
อันนี้เราก็เข้าไปเห็นแล้วเหตุที่จะช่วยเหลือ นอนเกลื่อน คือมันไม่มีที่นอน ขอคราวก่อนก็ให้หลังหนึ่งแล้ว ทีนี้หลังนั้นดูว่าพื้นไม่ค่อยดี ทีแรกมันก็ไม่รอบคอบเท่าไรนักที่สร้าง ไอ้เราก็ไม่เข้มงวดกวดขันนัก สร้างตึกหลังหนึ่ง ๖ ล้าน ได้สัก ๖ ปีละมั้ง แล้วก็พอดีมันร้าว พื้นไม่ดี อธิบดีกรมราชทัณฑ์มาหาเราเลย นั่น มาเองเลยเชียว เราก็รับปากว่าจะไปดู เราก็ไปดูจริง ๆ เวลาไปดูแล้วสมเหตุสมผลทุกอย่าง ก็บอกให้รื้อหมดเลย ที่เขาขอเราก็บอกเราให้ ความจำเป็นจะมีกี่หลังในบริเวณนักโทษหญิง พูดง่ายๆ เราช่วยนักโทษหญิง เขาก็ขอสองหลังเราก็ให้เลย สามชั้น นี่ละที่เข้าไปคราวนี้ช่วยอย่างนี้ หากมีความจำเป็นอะไรก็จะช่วยอีก
ไอ้ส่วนที่รื้อถอนอะไรทั้งหมด สิ่งที่ชำรุดทรุดโทรมมันใช้ไม่ได้แล้ว ทางรัฐบาลก็ไม่ได้ปฏิเสธ ของบประมาณก็ได้แต่มันช้ากว่าของบประมาณมานี้ โอ๊ย ป่านนี้ตกมาหรือยังก็ไม่รู้ แต่ตึกของเราหลังหนึ่งถึงสามชั้นแล้ว หลังหนึ่งกำลังก้าวขึ้นไป นี่เห็นไหมล่ะ นี่ค่ารื้อถอนทั้งหมดบริเวณนั้นเราให้รื้อถอนหมด เราจ่ายเงินเอง โอ๋ย ร่วมล้านอยู่นะ ของง่ายเมื่อไรจ่ายบริเวณนั้น ตึกอะไรที่ชำรุดทรุดโทรมให้ขนออกให้หมดเรียบร้อย ตั้งเท่าไร แปดเก้าแสนนู่นน่ะ ค่ารื้อถอนทั้งนั้นละ เราก็ขึ้นของเราเลย เวลานี้กำลังอันหนึ่งถึงชั้นสามแล้ว อันหนึ่งกำลังขึ้นชั้นหนึ่งชั้นอะไร นี่ช่วยเรื่องทางบ้านเมือง
ที่เรือนจำอุดรนี้ก็น้อยเมื่อไร แล้วทางสว่างก็มี หนองบัวลำภูก็มี นี่หมายถึงเรือนจำ เราไปช่วยแล้วทั้งนั้น แต่อุดรนี้รู้สึกจะหนักกว่าเพื่อน มากกว่าเพื่อน สร้างตึกให้สำหรับเป็นตึกอนามัย อาทิตย์หนึ่งหมอมาทีหนึ่ง ตึกนี้สำหรับอนามัยหมด ตึกนี้ ๒ ล้าน จากนั้นก็สร้างห้องน้ำห้องส้วมให้จนพอ ห้องน้ำก็ตั้ง ๕๐ กว่าห้อง จำไม่ได้เรา เพราะให้อะไร ๆ แล้วไม่จำ ให้ด้วยความเป็นธรรม จำไม่จำก็เป็นธรรม เป็นบุญถ้าว่าบุญ เป็นบุญเป็นกุศล ความชั่วก็ไม่ต้องจำก็เป็นความชั่ว เราจึงไม่คำนวณ กำหนดกฎเกณฑ์ ถ้าอะไรพอจำได้บ้างก็พูดให้กันฟัง จำไม่ได้ก็ปล่อยไปเลย นี่ละที่ช่วย
นี่เราช่วยชาติคราวนี้ช่วยอย่างใหญ่หลวงนะ ชาติไทยของเราทั้งประเทศรู้สึกจะแย้มบานในที่ต่าง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลจะแย้มบานมากกว่าเพื่อน นี่ยังมีเห็นไหมนี่ โกดังนี่สำหรับโรงพยาบาลทั้งนั้น ซื้อของมาเต็มเอี๊ยด ๆ ไว้เลย ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำปลา ขนมปังเป็นปี๊บ ๆ แล้วก็น้ำตาลทราย ให้ได้เสมอกันหมด เราเป็นคนสั่ง ลงทะเบียนบัญชีไว้หมดให้เสมอกัน เว้นแต่มีอยู่สองสามจังหวัด โคราชหนึ่ง อุบลหนึ่ง อุตรดิตถ์หนึ่ง นี่เรียกว่าทั้งจังหวัดไม่ว่าโรงไหนมาเราให้เป็นพิเศษ ที่พิเศษนั้นคือเพิ่มอะไรบ้างเราสั่งไว้หมด เวลามาต้องปฏิบัติตามนั้น นี่ของเต็มโกดังตลอดมา
โรงพยาบาลมาแทบทุกวันไม่ค่อยขาด ส่วนมากก็วันละสามโรงสี่โรง สองโรง นี้เป็นพื้นฐาน วันละเจ็ดแปดโรงหรือเก้าโรงพยาบาลนี้มีน้อย ไม่ให้ขาดนะ ให้ได้สมบูรณ์แบบตลอด ๆ มาไม่ทราบกี่ปีแล้ว นี้ก่อนช่วยชาติเสียด้วยนะ เราช่วยมาตั้งแต่ดั้งเดิมจนป่านนี้ เราเห็นใจทางโรงพยาบาลคนไข้ คิดดูซิถึงขนาดติดหนี้นะ งานอย่างอื่น ๆ ที่ปลูกตึก ปลูกโรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาลที่เป็นตึกเป็นอะไรอย่างนี้เราไม่เคยติดหนี้ เพราะก่อนสร้างเราพิจารณาผลได้ผลเสียของเราเรียบร้อยแล้ว ตกลงแน่แล้วก็เอาสั่ง รับได้ เงินก็จ่ายตามนั้นก็ไม่ผิดพลาด
แต่ที่มันติดหนี้เขา เช่นอย่างโรงพยาบาลนี่ เครื่องมือแพทย์ ที่สำคัญนะ เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น ๆ ก็มาเจอกันอย่างจัง ๆ พอดีกับเราไม่มีเงินจะทำยังไง แล้วคนไข้มีน้ำหนักมากกว่าเงินของเรา เทียบเคียงกันแล้ว เอ้าติดก็ติด เอา สั่งมาเลย สั่งมาก็ติด.ติดเรื่อย อันนี้ติดเรื่อยนะ เครื่องมือแพทย์นี่ติดเรื่อย เพราะเป็นความจำเป็น เราคำนวณดูคนไข้กับเครื่องมือนี้มีน้ำหนักมากเท่าไร เงินของเราที่ติดหนี้พอถูพอไถได้ เอาอันนั้นก่อน นี่ละที่ว่าติดอยู่เรื่อย ใครจะว่าหลวงตามั่งมีก็ฟังเอาซิ บรรดาครูบาอาจารย์ที่มีคนเคารพนับถือมากจนที่สุดคือเรา เราไม่มีอะไรแต่ไหนแต่ไรมา เพราะเราไม่เคยบวชมาหาเงินหาทอง เราบวชมาหาอรรถหาธรรมอย่างเดียวเท่านั้น
ตั้งแต่เรียนมาก็เรียนเพื่ออรรถเพื่อธรรม สอบได้แล้วออกผางเลยเชียว ขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสอยู่ในป่าในเขาตลอดมาเลย จนกระทั่งเรียกให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ลงจากเวทีนี้ก็สงเคราะห์โลกอยู่ลับ ๆ เงียบ ๆ มา ส่วนอันดับหนึ่งก็คือพระ ไปอยู่ในป่าในเขาลูกไหนโอ๋ย ด้นดั้นเข้าไปหาจนได้ละพระน่ะ นิสัยเรานี้วาสนาอาภัพ อยู่เกลื่อน ๆ กล่น ๆ มันไม่สะดวกสบาย ไปหาหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่คนเดียวในป่า ๆ อย่างนั้นมันสบายทั้งวันทั้งคืน พระเณรนั่นละไหลเข้าไป ส่วนมากพระเข้าติด สุดท้ายก็ดึงกันออกมา ดึงกันออกมาจนกระทั่งมาสร้างวัดป่าบ้านตาด นี่อย่างนี้
ทีนี้เป็นยังไง เวลานี้เป็นยังไง เลอะเทอะไปหมดวัดป่าบ้านตาด ดูเอาซิ เราเคยทำยังไงที่ไหนเมื่อไรทำอย่างนี้ แต่นี้มันก็เลอะเทอะเพราะคนจำนวนมาก งานมากเกี่ยวกับเรื่องการช่วยบ้านช่วยเมือง มันก็เลยเลอะเทอะไปหมด กันเอาไว้ตั้งแต่นี่เท่านั้น ห้ามไม่ให้เข้า เด็ดขาดอันนี้ ใครเข้าไม่ได้เลย ให้เป็นสำหรับที่พระบำเพ็ญภาวนา ไม่ให้ลดหย่อนผ่อนผันเรื่องการภาวนาของพระ ไม่ให้ลดเลย เราสงวนพระมาก สงวนธรรมยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ ธรรมนั้นแหละที่จะสงเคราะห์โลกให้มีความสงบร่มเย็น ถ้าไม่มีธรรมใครอย่าหวัง เรื่องความสุขความเจริญมากน้อยไม่มีหวัง
ถ้ามีธรรมแทรกเข้ามากน้อยสงบร่มเย็น ไม่ว่าคนมีคนจนจะมีพอซุกหัวนอนได้ นะ มีที่ร่มเย็นพอซุกหัวนอนได้ถ้ามีธรรม นั่นละธรรมจึงเป็นของเลิศเลอที่สุดแล้ว ในโลกอันนี้ไม่มีอะไรเหนือธรรม เราบวชมาแล้วออกปฏิบัติตามธรรม ไปเลยทีเดียว ไม่สนใจกับอะไร ไม่สนใจเรื่องเงินเรื่องทอง ไม่เคยยุ่งเลยจริง ๆ พอเข้าป่าแล้วปั๊บเลยเทียว เรียนหนังสืออยู่ก็มีเกี่ยวกับเรื่องหนังแส่หนังสือ รายจับรายจ่ายมันก็มีเป็นธรรมดา ขอเงินแม่เราก็ไม่ลืม ขอไปซื้อหนังสืออะไรจำเป็น ๆ เกี่ยวกับการศึกษา พอหยุดนั้นแล้วปัดเลย เงินสตางค์หนึ่งไม่เคยขอแม่ละที่นี่ เข้าป่าเลย หาธรรมล่ะซิ
นั่นละฟาดเสียจนเต็มเหนี่ยว รอดเป็นรอดตายจึงออกมา พอลงเวทีก็เกี่ยวข้องกับหมู่กับเพื่อน หรือออกมานี้ เงินทองข้าวของนี้ถึงมาเกี่ยวข้องกับอันนี้ก็ตามนะ เราไม่ยุ่งกับเงินนะ เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างงั้น แต่เราเป็นเจ้าของบัญชีนะเวลานี้ เพื่อรักษาความรั่วไหลแตกซึมในเงินเป็นจำนวนมาก ที่พี่น้องทั้งหลายส่งมาผ่านเราคนเดียวเป็นผู้รับผิดชอบในการเงิน แล้วจะทำยังไง นี่ซิเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับเงิน เมื่อความจำเป็นเข้ามาอย่างนี้แล้วจะทำยังไง ถ้าให้คนอื่นคนใดฝากหรือรับผิดชอบนี้ไม่พ้นความรั่วไหล แน่ะเราคิดเต็มเหนี่ยว สุดท้ายก็มีทางหลีกออกอยู่ว่า เอ้าเรารับเป็นทะเบียนบัญชี เป็นสมบัติของเรา เราเป็นผู้ฝากเงินในนั้น เราเป็นเจ้าของบัญชี เราเขียนเช็คเขาก็ไปจ่าย เขาก็เป็นผู้ไปรับเงิน เราไม่ได้เกี่ยวเงิน อันนี้ไม่รั่วไหลเราเป็นคนสั่งเก็บสั่งจ่าย จึงมาเอาช่องนี้ละ
เพราะฉะนั้น บัญชีเงินของพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคทองคำ ดอลลาร์ เงินสด จึงอยู่กับเราหมดเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่าย นี้จึงเป็นที่แน่ใจตลอดมา เราไม่เคยแตะ เราชี้นิ้วได้เลยว่าแม้บาทหนึ่งเงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาทั้งประเทศไทยนี้ เราจะเอามาด้วยความไม่บริสุทธิ์ หรือเป็นเจตนาเปรตผีอย่างนี้เราไม่มี จะจ่ายมากน้อยเราจ่ายด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๆ ดังที่กล่าวมานี้ เป็นความบริสุทธิ์ใจที่เราให้ทางนั้น ๆ ทางนู้นขอมาก็ขอด้วยความหวังพึ่งพิงจริง ๆ ไม่ว่าคนทุกข์คนจนทุกประเภทที่เราช่วย เราช่วยได้อย่างนี้แหละ เปิดเผยอยู่อย่างนี้ เจตนาที่จะหวังเอาเงินเอาทองแม้บาทหนึ่งเราไม่เคยมี ทั้ง ๆ ที่เราเก็บเงิน รักษาเงินตลอดเวลา
ท่านทั้งหลายหาที่ไหน หาคนที่ช่วยรับสมบัติส่วนรวมมาแล้วไม่รั่วไหลแตกซึม หาที่ไหนเราไม่คุยนะ เพราะหัวใจเรามันพอทุกอย่างแล้ว การปฏิบัติธรรมเห็นคุณค่าประจักษ์หัวใจ ความหิวความโหยเต็มหัวใจเพราะกิเลสเต็มหัวใจ หิวโหยทุกแบบทุกฉบับอยู่ในหัวใจหมด เพราะกิเลสอยู่ในหัวใจ พอธรรมเข้าเกิดอยู่ในหัวใจ มีอยู่ในหัวใจเช่นเดียวกัน นำธรรมมาชำระล้าง ๆ สิ่งหิวโหยโรยแรงทั้งหลายนี้หมดไป ๆ หมดเสียจนไม่มีเหลือในใจ ถึงขั้นพอแล้ว นี่ธรรมพอ
กิเลสไม่มีพอ ได้เท่าไรตายก็ไม่พอ ถ้าธรรมแล้วถึงขั้นแล้วพอ อย่างพระพุทธเจ้า-พระอรหันต์พอ ตั้งแต่วันท่านตรัสรู้แล้วไม่ได้ชำระกิเลสตัวใดอีกเลย ไม่มีกิเลสตัวใดมากวนใจท่าน นี่ละธรรมเลิศไหม อะไรที่จะมาชำระกิเลสได้ไม่มี นอกจากธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าใครเห็นธรรมว่าดิบว่าดี คนนั้นจะเริ่มเป็นคนมีค่ามีราคา ถ้าคนไหนยังเห็นธรรมเป็นของไม่สำคัญยิ่งกว่ากิเลสตัณหาพาดีดพาดิ้นแล้ว คนนั้นนับวันจะจมไปๆ ให้จำนะพี่น้องทั้งหลาย ศาสนาเลิศเลอที่สุดนี้คือพุทธศาสนา ยกได้เลยว่าเป็นเขาโค มีเท่านั้นไม่มากเขาโค แต่ขนโคมันเต็มโลกเต็มสงสารจะว่าไง ให้พยายามบำรุงเขาโคเราให้ดีนะ
เรามีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในใจเท่ากับได้ธรรมอันเลิศเลออยู่ในหัวใจ ไปที่ไหนระลึกถึง พุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ บทใดก็ได้ นั้นละเรียกว่าเราตามเสด็จพระพุทธเจ้าทุกฝีก้าวนะ อย่าไปเข้าใจว่าพระพุทธเจ้านิพพานอยู่ที่เมืองอินดงอินเดีย นั้นเป็นสังขารร่างกาย แตกที่ไหนก็ตายที่นั่นไป เหมือนกันทั่วโลก แต่เรื่องธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมตามคำสอนของเราตถาคตแล้ว ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้บูชาตถาคต นั่นฟังซิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคต เข้าเฝ้าตถาคตตลอด ตถาคตไม่ใช่อยู่เมืองอินเดีย อยู่กับการสร้างความดีของเรา
ความทุกข์ความลำบากลำบน นรกอเวจี ก็อยู่ที่ตัวของเราผู้สร้างขึ้นมาเอง ทางก้าวเดินโล่งแล้วตกเองนรก ใครอย่าไปดูถูกนะว่านรกไม่มีสวรรค์ไม่มี มีแต่ศาสดาองค์เอกมาสอนไว้ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้มากี่พระองค์ มีพระองค์ใดบ้างมาคัดค้านต้านทานกัน ซึ่งองค์หนึ่งตรัสไว้แล้วว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน มี เปรตผีมี แล้วมีอีกองค์หนึ่งเข้ามาค้านกันไม่เคยมี พระพุทธเจ้าจะกี่ล้านๆ ๆ ๆ ก็ตามเถอะ สอนแบบเดียวกันหมด เพราะอะไรจึงสอนแบบเดียวกันหมด เพราะท่านรู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน ท่านค้านกันได้ยังไง ท่านก็สอนแบบเดียวกัน นี้เป็นแบบฉบับสำหรับโลกทั้งหลาย เพราะฉะนั้นใครจึงอย่าไปประมาทศาสดาองค์เอก
ไม่มีใครแหลมคมเฉลียวฉลาดเลิศเลอยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ พวกเรานี้มันแสนโง่ด้วยกันทั้งนั้น อย่าไปอวดต่อพระพุทธเจ้า แสนโง่ไปอวดแล้วมันก็ตายเจ้าของ จมเจ้าของนั่นแหละนะ พากันจำให้ดี ไม่จำไม่ได้นะ เกิดมาเป็นมนุษย์ชาตินี้เป็นชาติสมบูรณ์แล้ว อย่าปล่อยความสมบูรณ์ที่จะสืบหน่อต่อแขนงต่อไปภพหน้าชาติหน้า คือบุญคือกุศล อันนี้ละที่จะสมมักสมหมายเรา คือบุญคือกุศล นอกนั้นไม่มี เรื่องเลิศก็ไม่มีอะไรเกินธรรม แก้กิเลสไม่มีอะไรเกินธรรม ธรรมเท่านั้นแก้กิเลสได้ นอกนั้นแก้ไม่ได้ แก้กองทุกข์ก็เหมือนกัน ธรรมเท่านั้นแก้ กิเลสสร้างทุกข์ขึ้นมา ธรรมแก้ทุกข์ จำเอา เอาละเพียงแค่นั้น
โยม ปัญหาอินเตอร์เน็ต เขาขึ้นต้นว่า ผมขอกราบเรียนถามเกี่ยวกับเรื่องกรรมฐานดังนี้ครับ คือผมมีน้องชายบวชอยู่ที่กรุงเทพวัดหนึ่ง น้องชายผมมีความเคารพรักหลวงตา และฟังธรรมะอย่างตั้งใจ เก็บระลึกไว้ที่ใจ ภาวนาก็ไม่ได้ขาด เขาก็อยากออกภาวนาวิเวกไปตามป่าเขา เพราะเห็นถึงวันเวลาที่ไม่น่าปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงขอรบกวนเรียนถามถึงข้อปฏิบัติเบื้องต้นของชีวิตพระกรรมฐาน ให้ได้หลักเกณฑ์อย่างไรครับ
หลวงตา พระกรรมฐาน พระพุทธเจ้าก็สอนไว้แล้ว บวชมาแล้วไม่ผ่านกรรมฐานเหล่านี้บวชมาได้ยังไง จะมาถามกรรมฐานหาอะไรอีก กรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ นี้คืองานของพระ ให้พิจารณาอันนี้เป็นงานของพระ รุกฺขมูลเสนาสนํ บวชแล้วให้ไปเที่ยวอยู่ในป่าในเขา รุกขมูล ร่มไม้ บำเพ็ญสมณธรรมในนั้นเป็นที่สะดวกสบาย และเธอทั้งหลายจงทำความอุตส่าห์อย่างนี้ตลอดชีวิตเถิด งานก็คือ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ท่านก็บอกไว้แล้ว แล้วสงสัยกรรมฐานที่ไหน ถ้าไม่ใช่เราเป็นกรรมฐานปลอม เข้าใจ เอ้าถามไปอีกจะตอบอีก
โยม ข้อสองครับ ผมได้ดูการถ่ายทอดสดเทศน์ของหลวงตาเกือบทุกเช้า ไม่มีที่ไหนทำได้ เป็นประโยชน์ประมาณค่าไม่ได้เลย ผมจึงขออนุโมทนากับคณะศิษย์ที่ถ่ายทอดสด และเผยแพร่ธรรมะของหลวงตาอย่างจริงใจครับ และโดยเฉพาะหลวงตาที่เมตตาเปิดธรรมะให้ลูกให้หลานได้เข้าใจ ได้ยินที่ไม่เคยได้ยิน เหมือนชุบชีวิตจิตใจให้เป็นคนใหม่ เพราะหลายต่อหลายคนมีแต่ทุกข์ พอได้ฟังธรรมะนี้ก็เหมือนมียารักษาโรค ค่อยเบาบางและหายไป ผมกับน้องชายและเพื่อนฝูง จะพากันตั้งใจปฏิบัติ และช่วยบอกผลของการภาวนาเพื่อให้คนอื่นได้รับประโยชน์ด้วยครับ
หลวงตา เออ ให้ภาวนา พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ เป็นเบื้องต้นนะ จากนั้นเราจะเอาคำใดมาภาวนาเป็นคำบริกรรมกำกับใจของเรา เพราะใจของเรามันคึกมันคะนอง ถูกกิเลสฉุดลากไปตลอดเวลารอบด้าน คือทุกทิศทุกทาง กิเลสจะลากไปให้อยากรู้อยากเห็น อยากทำอย่างนั้นอยากทำอย่างนี้ อยากนั้นอยากนี้อยากตลอดเวลา นี้คือจิตมันดิ้นมันดีด ให้เอาคำบริกรรมนี้เข้าไปบังคับตัวดิ้น ช่องนี้เป็นช่องของกิเลสมันออกมานี้ แล้วธรรม เอาพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ ก็ได้ ไปปิดช่องนั้น อุดช่องนั้นไว้แล้วเอาพุทโธออกแทน เข้าใจไหม มีสติกำกับ ให้พุทโธออกแทน
ไม่ควรจะให้มันออกได้อย่าให้มันออก ความคิดต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้นๆ ให้เอาความคิดของธรรมออกแทน ความคิดนี้เป็นธรรม ความคิดนั้นเป็นกิเลส ให้เอาความคิดของธรรม พุทโธๆ ติดแนบไว้นั้น แล้วจิตใจจะค่อยเย็นขึ้นมา เพราะกิเลสออกทำงานคว้าหาฟืนหาไฟมาเผาเราไม่ได้ มีแต่ธรรมเป็นน้ำดับไฟๆ ก็เย็นไปๆ เย็นไปเรื่อยๆ ให้กำหนดเอาอย่างนี้นะ เอาพุทโธแทนเข้าไปที่ความคิดมากๆ ให้มันคิดพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ ก็ได้ตามแต่จริตชอบ แต่สติเป็นสำคัญมากนะ สติเผลอไม่ได้ สตินี้เป็นพื้นฐาน สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวงไม่มีเว้น เอ้า มีอะไรอีก
โยม.ตอนท้ายเขาบอกว่า อินเตอร์เน็ตของหลวงตาจะอยู่ตลอดไปไหมครับ เพราะคิดถึงคนรุ่นหลังจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง
หลวงตา อย่าไปคิดถึงเขามันจะเป็นบ้านะ คิดถึงเราซี เราเก่งกว่าโลกไปที่ไหนเราถึงจะมาคิดแต่กับโลกไม่คิดถึงตัวของเรา แสดงว่าหลงอีกแง่หนึ่ง เข้าใจไหม เอ้าว่าไป
โยม. คนที่สองครับ หนูฝึกภาวนาโดยใช้หลักปัญญาอบรมสมาธิเจ้าค่ะ ทำอย่างไรจิตจึงจะเห็นขบวนการกิเลสทำงานได้ตลอดสาย และสามารถจดจ่อ และคิดค้นจนเกิดการยอมรับในตัวจิตเจ้าค่ะ
หลวงตา ก็ออกพิจารณาทางด้านปัญญา ปัญญานั่นแหละจะทันกิเลส อย่างอื่นไม่ทัน มันจะคิดช่องไหนให้ติดตามมันถ้าจะใช้ปัญญา ถ้าไม่ใช้ไม่ให้มันคิดออกไป ก็เอาคำบริกรรมพุทโธติดแนบ บังคับเอาไว้ ถ้าเราจะใช้ปัญญา เอ้า มันคิดไปเรื่องไหน ปัญญากับสติติดตามกันไป แก้กันไปตามนั้น มันก็สงบได้ เมื่อสติปัญญาตามมันทันอยู่นะ ถ้าเผลอไม่ได้ กิเลสจะกลับมาตีหน้าผากเรา เอ้า ว่าต่อไป
โยม จิตเห็นว่า กิเลสเป็นตัวสั่งการและบงการ แล้วจิตก็เป็นผู้ที่โง่ ถูกกิเลสคอยบงการ หนูจะต้องพิจารณาตัวบงการนี้อย่างไรเจ้าคะ
หลวงตา คิดด้วยสติกับปัญญา กิเลสตัวโง่ ปัญญาตัวฉลาด ให้เอาสติปัญญาคิดติดตามกันให้ได้ เข้าใจเหรอ เอ้า ว่าไป
โยม ที่หนูพิจารณาไม่ทราบว่าถูกหรือไม่ อาศัยจากการดูค่ะ แล้วพิจารณาในหลักที่ว่า กิเลสไม่มีในตัวจิต จิตไม่มีในกิเลส มีสองสิ่งที่ไม่อยู่ที่เดียวกัน เหตุใดจึงมีความเข้าใจเป็นตัวเดียวกันได้ แสดงว่าต้องมีตัวเชื่อมโยง นั้นคือตัวสำคัญมั่นหมายที่ต้องตั้งอยู่ในจิต เป็นของที่จิตไม่เคยรู้ และไม่เคยคิดว่าจะต้องละ พิจารณาอย่างนี้ในทุกๆ ตัวของชนิดกิเลสใช่ไหมเจ้าคะ จนถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ หนูจะได้ทราบคำตอบที่ถูกต้องเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป ขออาราธนาหลวงตาช่วยแก้ไขให้หนูด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา นี่ถ้าเป็นธรรมะขั้นสูง ความรู้ความเห็นของเราได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้ว อันนี้ก็ถูกต้อง ให้พิจารณาตามทำนองที่เคยพิจารณามาแล้วยิ่งถูกต้องไปโดยลำดับ แต่เป็นความคาดความคะเนเฉยๆ ยังไม่ถูก เข้าใจไหม ต้องจับตัวของมันได้เสียก่อน เอาจิตให้มีความสงบเสียก่อน พอสงบแล้วมันจะแยกแยะไปทางไหน สติปัญญาก็ตามทันละที่นี่ เอาแค่นี้ก่อน อันนี้เป็นธรรมะสูง ถ้าเป็นผู้เป็นจริงๆ มาถามนี้จะตอบทันทีเลย แต่นี้ยังไม่ตอบ ยังไม่สมควรจะตอบ เอ้า ว่าไป
โยม.คนที่สามครับ ลูกกำหนดคำบริกรรมพุทโธกับสติไม่ให้เผลอ ตามที่หลวงตาเมตตาสอนมาเป็นระยะ สังเกตจิตได้ตรงที่ เวลาที่ลูกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย อยู่กับคนหมู่มาก เรื่องยุ่งๆ ทางโลกค่ะ แต่แปลกตรงที่อยู่ดีๆ เพียงชั่วแวบเดียวจิตมันก็รู้สึกเวิ้งว้างเหมือนมีเราอยู่คนเดียว แม้ตัวเราก็เหมือนไม่มีในความรู้สึกขณะนั้น เพราะตลอดมาลูกใช้วิธีเจริญสติกับบริกรรมพุทโธ จิตมันก็ไม่วอกแวกออกไปไหน มันสงบนิ่งของมัน จนมาสังเกตได้ตรงที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ในใจเราไม่วุ่นวาย มันกลับเหมือนอากาศเย็นๆ อยู่ในจิตค่ะ อย่างนี้ลูกภาวนามาถูกทางบ้างไหมคะ
หลวงตา ถูกต้องๆ แล้ว ที่ภาวนาอย่างนี้ถูกต้อง ให้เจริญอย่างนั้นเรื่อยๆ ไปแล้วมันจะค่อยรอบคอบ เรื่องความเป็นของเจ้าของกว้างขวางออกไปเรื่อยๆ นะ เอาเท่านั้น
โยม ถ้าหากถูกประการใด ลูกก็สามารถออกพิจารณาได้ตามสมควรใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตา ใช่
โยม แต่ลูกรู้สึกปีติอยากเล่าให้คนอื่นฟัง เพราะลูกแน่ใจว่า เป็นผลของการรักษาสติ หมั่นภาวนาตามหลวงตาสอน จะคิดจะทำอะไรก็ดูมีหลักมีเหตุผล ลูกก็เลยไปชักชวนเพื่อนฝูงให้รู้จักภาวนาบ้างค่ะ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพหลวงตาเป็นที่สุด
หลวงตา ที่ว่าอยากให้คนอื่นได้รู้จักบ้าง เรียกว่าไม่ผิด ถ้าอยากให้คนอื่นรู้ไม่มีบ้างแล้ว นี่มันจะเป็นบ้านะนี่ เข้าใจไหม คือคำว่าบ้าง คนสมควรที่จะแนะนำกันก็แนะนำ ถ้าไม่สมควรจะไปสอนพวกสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ถูก คำว่าบ้างนั่นได้แล้ว คัดออกมาเป็นบ้าง เข้าใจไหม เอาเท่านั้นแหละ
โยม คนที่สี่ครับ กราบเรียนหลวงตาด้วยความเคารพอย่างสูง ข้อข้องใจที่ขอกราบเรียน ควรไม่ควรแล้วแต่หลวงตาจะเมตตานะเจ้าคะ หลังจากสวดมนต์เสร็จหนูก็ได้ทำสมาธิ พร้อมกับเปิดธรรมะของหลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ฟังประกอบการทำสมาธิ หลังจากนั่งได้สัก ๒๐ นาที ลูกจึงนอนเอนกายลง และยังคงกำหนดดูลมหายใจ แต่จิตขณะนั้นยังไม่สงบดีนัก แต่ทำอารมณ์รู้จิตอยู่ตลอดเวลา จึงเผลอหลับไป และฝันว่าตนเองมีอารมณ์โกรธคนนู้นโกรธคนนี้ จู่ๆ ลูกรู้สึกอาการวูบวาบคล้ายๆ ไฟช็อตแรงๆ หูก็ได้ยินเสียงด้วยค่ะ วูบวาบขึ้นตั้งแต่ลำตัวไปจนถึงศีรษะ ลูกอธิบายไม่ถูก แต่รู้ว่าวูบหายๆ อยู่ ๗ ครั้ง แต่ในระหว่างเป็นอาการนี้ จิตนึกอารมณ์ว่า หากเป็นอาการใกล้ตาย ขอระลึกถึงพระรัตนตรัย จึงพยายามนึกถึงภาพพระพุทธรูปแต่ก็เห็นไม่ชัดนัก ลูกจึงพยายามน้อมและยกมือพนม ไม่ให้อารมณ์ขุ่นมัว และอาการดังกล่าวก็หายไป ลูกขอกราบเรียนถามหลวงตา อาการที่เกิดเป็นอาการอย่างไรคะ การพยายามทำสติให้คงที่ จะมีวิธีไหนคะที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ และขอข้อแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้องในการควบคุมจิต กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
หลวงตา อย่าให้มันวุ่นไปมาก สติให้บังคับคำบริกรรมไว้ให้ดี อันนี้พูดรู้สึกว่ายังไง ไม่อยากตอบ ตอบย่อๆ เท่านั้นละ มันไม่ค่อยได้หลักได้เกณฑ์นัก ให้มีสติไว้อยู่กับความสงบดีในระยะนี้ เข้าใจไหม อย่าด่วนให้มันคิด มันวูบวาบจนเกินไป เอ้าว่าไป
โยม.จบแล้วครับ
หลวงตา เออ เราอยากให้จบตั้งแต่ยังไม่ถามนู่น มันอะไรก็ไม่รู้
โยมผู้หญิง กราบเรียนถามเรื่องการภาวนาเจ้าค่ะ คือวันที่ ๑๖ ลูกเดินจงกรมมันเหมือนกับมีกระแสวัฏวนมันหมุนวนเข้า แล้วตัวลูกนี้หมุนวนออก คือทวนกระแสวัฏวน แล้วมันก็ไปชนกับเรื่องที่ลูกคาหัวใจตั้งแต่ปีที่แล้ว กระแสที่มันหมุนนี้ไปชนเรื่องนี้แล้วก็เกิดไฟลุก จากนั้นก็กลายเป็นลูกไฟลูกเล็กๆ สีแดงๆ ลูกก็จ่อดู พอถึงวันที่ ๑๗ มันก็หายไป วันที่ ๑๗-๑๘ ไม่มีอะไรมีแต่ว่างๆ พอวันที่ ๑๙ เมื่อวานนี้ก็ปรากฏอาการร้อนๆ ขึ้นด้านซ้ายของหน้าอก แต่ลูกพิจารณาดูแล้วมันไม่ใช่ต้นตอของไฟนั้น มันเป็นเพียงปลายๆ ส่วนดวงไฟลูกนั้นลูกยังหาไม่เจอ
หลวงตา หมดเท่านั้นเหรอ อย่าหามันถ้าไม่อยากเป็นบ้า ให้ดูจิต อาการเหล่านี้เป็นอาการของจิต มันเป็นเหมือนเราเล่นตุ๊กตา ตุ๊กตาหลอกเราเรื่อย เราก็เล่นเงา ทำจิตให้มันสงบซี เวลานี้ไม่ต้องไปยุ่งกับอะไรเหล่านั้นมาก ทำจิตให้มีความสงบให้มาก ด้วยพุทโธเหรอภาวนา นั่นละเอาให้ดีตรงนี้ ให้ตั้งฐานจิตที่พุทโธก่อน เวลามีฐานแล้วมันจะค่อยกระจายออกๆ กว้างขวางออก แน่นหนามั่นคงเข้าไปเรื่อยๆ กระจายออกความรู้ความสว่างไสว ความรู้ความเห็นจะละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ ขอให้ตั้งรากฐานคือจิตสงบนี้เป็นพื้นฐานสำคัญก่อน ไอ้เรื่องรู้นั้นรู้นี้เป็นเงาของจิต อาการของจิตออกไป ถ้าเราไม่รู้เท่าตัวของมันมันก็จะหลอกไปเรื่อย ถ้าเรารู้พับอันนั้นดับเลย เพราะมันรู้ที่จิต สติเข้ามาที่จิตปั๊บอันนั้นดับทันที เอาละเท่านั้นละ
โยมอินโดนีเซีย ภาวนาทุกครั้งดูใจอย่างเดียว ไม่บริกรรมไม่กำหนดลมหายใจ มันสว่างขึ้นๆ เหมือนพระอาทิตย์ขึ้น เหมือนมีพลังจากปลายเท้าขึ้นมาสู่ที่ใจ ก็ดูอยู่ รู้สึกร่างกายหายไป เวทนาไม่มี รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว นั่งแล้วตัวขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงใจ คงดูใจอย่างเดียวไม่ยุ่งกับอย่างอื่น
หลวงตา เออ ถูกต้อง คือจิตเป็นหลัก แล้วเรื่องอาการทั้งหลายให้ทราบว่าเป็นอาการ มันมีกระดิกพลิกแพลงให้รู้ให้เห็นไปต่างๆ นั้นเป็นอาการของจิต ตั้งจิตไว้ให้ดีแล้วเรื่องเหล่านั้นจะค่อยสงบเข้ามา ถ้าหากตามไปมันจะไปของมันเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้มีหลายเรื่องนะ ถ้าจิตตั้งกึ๊กลงนี้ไม่ไหวไปตามนั้นมันก็จะสงบเข้ามา จิตก็อยู่ท่ามกลาง สบาย
โยม ทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเขาไปตามดู แล้วมันก็เกิดอาการต่างๆ ขึ้นบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ไม่ตามดู
หลวงตา นั่นละไม่ตามมันก็ไม่เกิด ก็ยังบอกว่าหลักมันอยู่ที่ใจ จะรู้จะเห็นสิ่งใดมันออกจากใจ กระแสของใจเราไม่เห็น เห็นแต่ภาพข้างนอก เข้าใจเหรอ ทีนี้เวลาเราย้อนเข้ามานี้เรื่องนั้นมันก็หมดไปเท่านั้นเอง อย่าไปยุ่งข้างนอก ให้ตั้งจิตให้ดี ให้รู้อยู่ที่จิตนะ ถ้าจะใช้ปัญญาก็พิจารณาร่างกาย ความแตกสลายทำลายของร่างกาย จึงเรียกปัญญานะ อันนั้นภาพยิบแย็บๆ ยังไม่สำคัญแต่ส่วนเสียมี ส่วนได้ไม่ค่อยได้จึงไม่อยากให้กังวล ให้เอาตรงนี้ก่อนให้จิตสงบ ถ้าจะพิจารณาภาคปัญญาก็พิจารณาทั้งเขาทั้งเรา พิจารณาได้ทั้งนั้น การแตกการดับ เข้าใจเหรอ จากนั้นมันก็จะย้อนเข้ามาหาเจ้าของคือใจนี้อีกแหละ
โยม เขาภาวนาทุกครั้งไม่มีอะไรรบกวน
หลวงตา ให้มันอยู่อย่างนั้นละ จากนั้นมาพิจารณาทางร่างกายเรื่องอสุภะอสุภัง ปัญญาจะขยายตัวออก มันจะต่างจากนั้นนะ ปัญญาได้ออกแล้วเลิศกว่าสิ่งนี้นะ นี้เป็นฐานวางไว้เพื่อปัญญาจะได้ออก ถ้าลงปัญญาออกแล้ว โถ เราก็ไม่อยากพูดมาก พูดให้พวกตาบอดฟัง อ้าวจริงๆ มันอยากพูดอยู่ แต่หาแง่ที่จะพูดให้เหมาะสมกันยังไม่ได้ ก็ต้องเอาเป็นจังหวะๆ ไปก่อน ถึงเวลามันจะออกมันออกเอง ผางทันทีเลย เพราะมันรออยู่แล้ว เอาแค่นี้ก่อน เอาหลักใจ ความรู้ให้ดีนะ เท่านั้นพอ
เรื่องจิตใจเป็นของสำคัญมาก ให้จำไว้ทุกคนนะ เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายออกไปจากใจทั้งนั้น ถ้าธรรมได้เข้าไประงับนี้แล้วเป็นเหมือนน้ำดับไฟ สิ่งทั้งหลายจะสงบเข้ามาๆ ไม่มีน้ำดับไฟมีแต่กิเลสมันก็เป็นไฟเผาโลกไปเรื่อยๆ มันเกิดจากจิตมันออกไปเผาโลก ก็เผาเรานั้นแหละ ทีนี้เวลามีน้ำดับไฟได้แก่ภาวนาให้สงบใจ มันก็จะเห็นโทษแห่งความวุ่นวาย เมื่อใจสงบแล้วเป็นคุณค่าขึ้นมา และเห็นโทษสิ่งที่เป็นโทษ เข้าใจไหมล่ะ เอาแค่นั้นเสียก่อน
เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๒๑ บาท ๗๕ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑,๑๖๖ ดอลล์ ทองคำได้เพิ่มขึ้นมาใหม่ ๗๔๔ กิโล ๘ บาท ๓๙ สตางค์ นี่จะเข้าไปถึงจุด ๑,๐๓๐ กิโล ขาดไม่ได้ จำอันนี้ไว้ด้วย ยังขาดอยู่อีก ๒๘๖ กิโล จะครบจำนวน ๑,๐๓๐ กิโลที่จะมอบต่อไป ดอลลาร์ได้ ๒๔๕,๙๕๑ ดอลล์ อันนี้เราไม่กำหนด ได้เท่าไรจะมอบ แต่คิดว่าจะไม่ต่ำกว่า ๓ แสนในวันมอบทองคำนะ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมดทั้งมอบและยังไม่มอบเป็นทองคำ ๘,๔๖๙ กิโล ยังขาดทองคำอยู่อีก ๑,๕๓๑ กิโลจะครบจำนวน ๑๐ ตัน รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ๘,๕๔๕,๙๕๑ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๑,๔๕๔,๐๔๙ ดอลล์ จะครบ ๑๐ ล้านดอลล์ ทีนี้จะให้พร
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน
ได้ที่www.Luagnta.com หรือ www.Luangta.or.th |