เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
ผู้ฟื้นโลกให้เป็นคน
ยาเสพย์ติดนี่เป็นความเสียหายมากทีเดียว เพราะฉะนั้นเทศน์ในเวลามีโอกาสเราก็พูดให้พวกเด็กพวกเล็ก พวกนักเรียนฟัง ตอนไปเทศน์ที่แม่ฮ่องสอนผู้ใหญ่ๆ เข้ามากระซิบกระซาบบอกให้สอนเรื่องเด็ก ยาเสพย์ติด แม่ฮ่องสอนนะ นั่นอย่างงั้นแล้ว ก็ต้องได้เทศน์ยาเสพย์ติดเสียมากที่แม่ฮ่องสอน ดูเหมือนจะเป็นสนามมันละมั้งแถวนั้น ผู้ใหญ่ๆ ทั้งนั้นนะมาเผดียงเรา หรือว่ามากระซิบกระซาบโดยไม่ให้เด็กรู้ว่างั้นเถอะน่ะ เดี๋ยวเด็กจะโกรธผู้ใหญ่เข้าไปอีก คงเป็นอย่างงั้นแหละ ไปเทศน์ที่แม่ฮ่องสอน ซึ่งที่ไหนก็ไม่เคยมี ที่มีแบบนั้นนะ ผู้ใหญ่คนไหนเข้ามาๆ มีแต่เรื่องเดียว แสดงว่าผู้ใหญ่จะเป็นกังวลเอามากมายทีเดียว ผู้ใหญ่พวกปกครอง วงราชการผู้ใหญ่ๆ แม้แต่ครูอาจารย์ของเด็กก็ยังมา แสดงว่ายังเอาไว้ไม่อยู่ นี่มันเสียขนาดนั้นนะ
โห ยาเสพย์ติดนี่เป็นเครื่องประหารๆๆ ทั้งนั้นละ คือประหารไม่ให้ตาย ให้ทรมานๆ พวกยาเสพย์ติดเครื่องประหารเครื่องทรมาน เรียกว่าตายทั้งเป็น ทรมานอยู่นั้นละยาเสพย์ติด นี่เราเห็นไหมล่ะใครปราบได้ ตั้งรัฐบาลมากี่ชุด เราไม่ได้เหยียบย่ำทำลาย ไม่เห็นก็ว่าไม่เห็นว่าไง ตั้งมากี่ชุด รัฐบาลเราปัจจุบันนี่เห็นไหมล่ะ พอมองหน้าอ้าปากกันได้ ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้รับผิดชอบเด็ก ตลอดผู้ใหญ่เองที่เสียๆ นั้น นี่ตัดขาดสะบั้นลงไป ไม่งั้นชาติไทยจมหมดเลย ก็จะมีแต่หมาขี้เรื้อนเต็มบ้านเต็มเมืองหมดคุณค่าหมดราคา มีแต่พวกหมาขี้เรื้อนเต็มบ้านเต็มเมือง
นี่ก็ได้มาเห็นครั้งนี้ นายกฯ ท่านชุบคนที่กำลังจะเป็นจะตายก็ชุบแบบหนึ่ง คนที่ยังไม่ติดก็กั้นเอาไว้ ผู้ที่ติดมากติดน้อยชุบๆ อะไรเขาเรียกว่าเลี้ยงไว้ ถ้าติดจริงๆ ก็เข้าสู่โรงรักษา แน่ะเห็นไหมล่ะ นี่เรียกว่าชุบ ว่าเลี้ยงเอาไว้ ผู้ที่ไม่ติดกันเอาไว้ ผู้ที่มันเป็นอันตรายจริงๆ ตัดออก เรียกว่าปราบทุกแบบทุกฉบับ ปราบภัย เวลานี้ก็รู้สึกว่าเบาบางลงมาก โอ้ เราวิตกเหมือนกันนะ อยู่ในวัดมันก็อดไม่ได้ วิตกถึงเรื่องความเสียหายชาติไทยของเราเรื่องยาเสพย์ติด ถ้าลงมันได้เข้าไปมันเผาไปเรื่อยๆ ที่จะให้ถอยไม่มียาเสพย์ติด ถ้าติดแล้วพันกันไปเลย จมไปเลยๆ ที่จะให้หยุด โหย มันแทบว่าจะไม่มี
เวลานี้ก็ค่อยลืมตาอ้าปากได้แล้วเกี่ยวกับเรื่องยาเสพย์ติด ที่จะทำลายทั้งชาติให้เป็นหมาขี้เรื้อน เวลานี้ฟื้นฟูกันได้เยอะทีเดียว ออกไปนี้ไปเที่ยวหาดูซิ ไปเปิดเสื้อดูข้างหลังไอ้พวกที่มันกินยาเสพย์ติดมากๆ แล้วผู้ที่ไม่ได้กินก็ดีให้เปิดเสื้อดู เป็นยังไงมันมีขนไหมหมาขี้เรือน ยาเสพย์ติดไปกิน เข้าใจไหม ขนจะพองอกขึ้นเรื่อยนะเวลานี้ ไม่งั้นเป็นหมาขี้เรื้อนด้วยกันหมด ขนค่อยงอกขึ้นๆๆ พิจารณาให้ดีพี่น้องทั้งหลายอย่าคิดเผินๆ นะ คิดให้ดีๆ นายกฯ คนนี้ท่านสร้างผลประโยชน์ให้ชาติไทยของเรานี้เด่นทีเดียวนะ เฉพาะอย่างยิ่งเช่นยาเสพย์ติดนี้เป็นชนิดที่ว่าเป็นภัยมากที่สุดต่อชาติไทยของเรา จะไม่มีชิ้นดีเลย ชิ้นดีกับยาเสพย์ติดนิดหนึ่งไม่มี มีแต่เรื่องจะฉิบหายๆ กับทรมานๆ ๆ
นี่ฟื้นเอาขึ้นมาได้เห็นไหมล่ะ ให้พิจารณาทุกคนนะ ใครมีลูกมีหลานทุกคน หลวมตัวเข้าไปติดได้ๆๆ ด้วยกัน แม้แต่ผู้ใหญ่ยังติด ในเรือนจำเห็นไหมล่ะติดงอมแงม ท่านตัดออกหมดเลยเทียว หาซิ นี่ละเรื่องภาษาธรรม ลองไปหาซิมีไหมล่ะ แล้วไม่ควรชมเชยจะไปชมใคร หรือจะไปชมพวกหมาขี้เรื้อนน่ะเหรอ ถ้าอยากเป็นหมาขี้เรือนด้วยกันกับเขาก็ไปชมเขา แล้วเขียนใบสมัครด้วยไปเป็นหมาขี้เรื้อนกับเขา พวกขี้ยา พวกยาบ้า มองเห็นหน้ามันก็ดูไม่ได้แล้วพิจารณาซิ มันหมดความศักดิ์ศรีดีงาม เลยน่าเกลียดไปเลย น่ากลัวไปเลย นั่น คนที่ติดยานี้แล้วเป็นบุคคลประเภทนี้
เวลานี้รู้สึกว่าเบาบางลงมากทีเดียว ที่กำลังมันออกหน้าออกตาจะทำลายประเทศไทยของเรา กำลังออกเต็มเม็ดเต็มหน่วย พวกผลิตนี้ก็ตั้งตัวเป็นเศรษฐีขึ้นอยู่บนหลังเมืองไทย บนคอเมืองไทย มือล้วงเข้าไปตับไปปอดเมืองไทย เรียกว่าจะหวังร่ำรวยจากความฉิบหายของผู้อื่น เวลานี้ก็เห็นไหมล่ะแตกกระจัดกระจายออกไป เรียกว่าโรงผลิตใหญ่พวกนี้ พวกที่เป็นเศรษฐีบนกองทุกข์ของคน เวลานี้เราก็เห็นได้ทั่วประเทศไทยแล้วจำเป็นอะไรจะต้องบอกกัน อุบายวิธีการอย่างนี้ใครแสดงออก เราไม่เห็นก็บอกไม่เห็น ดีไม่ดีไปแอบกินกับเขาอีกด้วย จะไปจับเขา เขาก็เอาเงินยื่นใส่มือให้เสียก็ไม่จับ ได้แค่นี้ก็เอา
นี่เรียกว่าแอบกินกับเขา พวกใหญ่ๆ ยักษ์ใหญ่ๆ ทางนี้ทำท่าขู่จะไปจับเขาบ้าง ก็ไม่ใช่อะไรนะ เขาก็เอายื่นให้เสีย ได้เท่านั้นก็มา ทีนี้เขาก็ผลิตเต็มเหนี่ยวๆ ใช่ไหม สังหารชาติไทยเราเต็มเหนี่ยวๆ ไอ้ผู้ปกครองชาติไทยกลายเป็นมหายักษ์แอบกินกับเขาอยู่ในนั้นอีก มันเป็นเสียอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นมันจึงบานปลายขึ้นมาเรื่อยๆ ที่จะให้สงบงบเงียบลงไปนี้เราบอกว่าไม่มีเลย นี่ก็พอดีนายกฯ เราเอาจับเต็มเม็ดเต็มหน่วย ปราบได้พูดตรงๆ เลย จนขนาดที่ว่าสุดวิสัยแล้วยังเอาคืนได้ เราจะหาคุณค่าราคาจากผู้ใด ถ้าไม่หาเอาจากผู้นี้น่ะ ผู้ที่ฟื้นโลกให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา
พี่น้องทั้งหลายพิจารณาเสีย เวลานี้เป็นยังไงเท่าที่ทราบแทบไม่มี คือมีที่ไหนก็ไปเที่ยวเก็บๆ ไปหมด มีที่ไหนเชื้อของภัยอยู่ที่นั่น หาเก็บเอาๆ จะเอาตั้งแต่ใหญ่แล้วอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ส่วนย่อยก็มีตามต้อน ตามรักษา ตามสอดแนมเรื่อยเลย อันไหนที่จะเป็นภัยมีน้อยก็ตาม เชื้อของมันหรือว่ารากแก้วของมันยังมีอยู่ ต้นน้อยต้นใหญ่มันมีรากแก้วที่เป็นพิษเป็นภัย ตามต้อนเข้ามา พิจารณาซิ เป็นบุญวาสนาชะตาของของชาติไทยเรา บ้านเมืองก็จะล่มจม นี่ก็พากันฟื้นขึ้นมาได้ ไอ้ยาเสพย์ติด ไอ้พวกยาบ้ายาฉิบหายมันเต็มบ้านเต็มเมืองก็ปราบกันลงได้ ถ้าอันนี้ไม่ถูกปราบแล้วมันก็จะแหลกไปอีกเหมือนกันนะ นี่ก็ถูกปราบไปเรื่อยๆ
ในเรือนจงเรือนจำทำไมหลวงตาจึงทราบ หลวงตาลูกศิษย์มีอยู่ทั่วไปยังบอกแล้ว นอกจากไม่พูดเฉยๆ ทุกกระทรวง เรื่องราวเป็นยังไงๆ ละเอียดลออ ส่วนมากจะเป็นคนดีมาเล่าให้ฟัง จึงเชื่อถือได้เลย ไม่มีที่ว่าเขาจะมาโกหกเรา หน้าที่การงานของวงราชการแต่ละหน่วยๆ วิธีการกินการโกงการอะไร กินกันแบบไหนๆ มาแจงให้ทราบหมด เราก็เข้าลิ้นชักๆ เรื่อยมานะ ไม่ใช่พึ่งมาเป็นนะ ทราบมาเรื่อยโดยลำดับๆ ก็มีแต่ปลงธรรมสังเวช ก็มามีในระยะนี้แหละที่ต่างคนต่างรู้เนื้อรู้ตัวฟื้นบ้านฟื้นเมืองขึ้นมา ทางฝ่ายบ้านเมืองก็เอาจริงเอาจัง ทางฝ่ายพี่น้องทั้งหลายก็สนับสนุน ทางศาสนาก็ช่วยกันก็ค่อยฟื้นขึ้นมา ความชั่วก็ค่อยลด ความชั่วที่ชั่วร้ายที่สุดคือยาเสพย์ติด ยาบ้า ยาทำคนให้ฉิบหายและให้ทรมาน ก็เรียกว่ายุบยอบลงๆ แทบจะว่าไม่มี ถ้าเทียบส่วนใหญ่ที่เคยเป็นมาแล้ว เรียกว่าแทบไม่มี
ก็เป็นดวงชะตาของชาติไทยเราอันนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้นก็จะดูไม่ได้ วาดภาพดูดูไม่ได้ ไปที่ไหนซอกใดมุมใดมีแต่พวกติดยาบ้างอมแงมๆ หาค่าหาราคาไม่ได้มันเป็นยังไง พิจารณาซิ เมืองไทยกี่ล้านคนไม่มีความหมายนะ ถ้าลงยานี้ได้เข้าไปแล้วตรงไหนแหลกหมดเลย ไม่มีค่ามีราคา แล้วกินแล้วติดด้วย ไม่ได้กินอยู่ไม่ได้ ถ้าลงกินปั๊บเข้าไปแล้วติดเลยๆ ไม่มีจะฟื้นตัวได้นะ จึงต้องโค่นรากใหญ่ของมันออก.ขึ้นมาๆ ส่วนเล็กส่วนน้อยมันก็ค่อยกระจายออกๆ เพราะรากใหญ่มันถอนออกแล้ว ถอนออกๆ จุดใหญ่ๆ อยู่ตรงไหน จากนั้นก็ตามต้อนกัน
นี่ก็ของเล่นเมื่อไร คนทั้งประเทศติดยาเสพย์ติดมหาภัยงอมแงมกันทั้งประเทศ ฟังซิ มีอยู่ทุกแห่งทุกหน แล้วเอาส่วนใหญ่ออก อันนี้ก็ค่อยจางไปๆ ส่วนใหญ่คือโรงผลิต อำนาจใหญ่ของผู้ผลิต เอาอำนาจของเงินอำนาจของทองเข้าไป แล้วไปปราบเขา เขาก็ยื่นให้อย่างว่านั่นแหละเข้าใจไหม ได้แล้วก็ว่าตัวนั้นได้มา เข้าพุงเจ้าของ แล้วเขาไปหาโกยเอาตับคนกินทั้งประเทศ แล้วนอกจากนั้นทำคนให้เป็นบ้ากันทั่วดินแดน ว่าไง ไม่คิด
เราชมท่าน ท่านเอาจริงเอาจังนายกฯ คนนี้เราชม เอาจริงเอาจัง คือเราเป็นฝ่ายธรรมเราจะต้องพิจารณาติดตามตลอดๆ อะไรขัดต่ออรรถต่อธรรม เป็นโลกล้วนๆ เป็นความเสียหายล้วนๆ แล้วแต่ไปฝืนทำ หัวหน้าเราไปฝืนทำ ตรงไหนๆ บ้าง นี้ คือไปผิดอย่างนั้นๆ เข้าใจไหม ไม่มี มีแต่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองเรื่อยๆๆ ไป ไม่ว่าใครเราทราบโดยลำดับลำดา เฉพาะผู้นี้ฟื้นชาติไทยจะจมขึ้นมา จึงต้องได้ดูกันมากเป็นพิเศษอยู่ เพราะดูเพื่อคนทั้งชาติ ไม่ใช่ดูบุคคลคนเดียว ดูเพื่อคนทั้งชาติ จะเอนจะเอียงไปทางไหนๆ ต้องได้สังเกตพินิจพิจารณา เมื่อดีเราก็ชมว่าดี ถ้าไม่ดีไม่ต้องบอกแหละ ปากหลวงตามันปั๊วะเลย เข้าใจไหม ถ้าไม่ดีใส่ปั๊วะเลย ถ้าดีเราก็บอกว่าดี อย่างงั้นนะ นี่ละภาษาธรรมต้องตรงไปตรงมา ไม่เอนไม่เอียง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูกไปเลย
เท่าที่ผ่านมานี้นับว่าเป็นมงคลแก่ชาติไทยของเรามากแล้วเวลานี้ ยังจะเป็นมงคลกระจายออกไปทั่วโลก เที่ยวเป็นมิตรเป็นสหายสมัครสมานไปหมดเวลานี้ เห็นไหมล่ะ เมืองไทยเคยมีที่ไหน เดี๋ยวนี้เอเปคกำลังจะขึ้นเข้าใจไหมล่ะ อันนี้ก็หนักนะหัวหน้านะ โธ่ ต้องควบคุมทุกแง่ทุกมุมเพื่อความเรียบร้อยสวยงาม รักษาความเป็นไทย ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด ในหัวอกนายกฯ หมด นั่นพิจารณาซิ จากนั้นก็สั่งนั้นสั่งนี้เพื่อความปลอดภัย เพื่อความเป็นมงคลแก่ชาติไทยของเรา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน รับแขกว่างั้นเถอะ แล้วเป็นยังไงเจ้าของบ้านเป็นยังไง มันก็ต้องได้เอาเต็มเหนี่ยวแหละ
นี้ก็หนักไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ไอ้พวกที่จะมาก่อการร้ายอยู่ในงานที่เป็นมงคล มันก็เยอะ ต้องได้ระมัดระวังรักษาตลอด มาก่อกวนวิธีต่างๆ มันไม่ใช่น้อยๆ นะ คนดีไปที่ไหนทำดีที่ไหน คนชั่วความชั่วมันจะติดตามไปกับคนชั่วนั้นแหละ ไปเที่ยวแทรกเที่ยวซึม เที่ยวเตะ เที่ยวถีบ เที่ยวยัน เที่ยวทำลาย เที่ยวจุด เที่ยวเผา แล้วแต่มันจะได้ด้วยวิธีใดมันทำ ทีนี้ผู้ที่จะรักษาความแน่นหนามั่นคงดีงามแก่ประเทศชาติ ก็ต้องได้ใช้ความพยายามพินิจพิจารณาหมุนติ้วเหมือนกัน ไม่งั้นก็ไม่ทันกัน
ก็มีอยู่ว่าทางนี้เป็นฝ่ายมีอำนาจ ถูกตามกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม อันนั้นเป็นความทุจริต มันไม่ได้ออกหน้าออกตาได้อย่างอันนี้เท่านั้นเอง เข้าใจเหรอ อันนี้ทำได้ทุกอย่างเพราะทำเพื่อความดี เปิดเผยได้หมด คนทำชั่วมันจะมาเปิดเผยไม่ได้ แน่ะมันก็ผิดกันเท่านั้นแหละ ให้พากันระมัดระวังนะพวกลูกพวกหลานที่ไหนมี ให้ระวังให้มากอันนี้ ถ้าลงได้ติดปั๊บเข้าไปแล้วเรียกว่าตายทั้งเป็นเลย ร้ายแรงมากทีเดียว ให้พากันพินิจพิจารณา อย่าไปตายใจ
อะไรก็มอบแต่หัวหน้าๆ เรารับผิดชอบในครอบครัวของเรา ในตัวของเรา ต่างคนต่างรับผิดชอบในครอบครัว จากนั้นก็บ้านของตน เขตตำบล อำเภอ ผู้ใหญ่ที่ไหนก็ให้ช่วยกันดูซี จะปล่อยตั้งแต่ให้ผู้ใหญ่ทางโน้นดู ไม่ทั่วถึง ต้องต่างคนต่างดูเพราะเป็นสมบัติของชาติด้วยกันทุกคน รับผิดชอบด้วยกันทุกคน ตามสัดตามส่วนกำลังความสามารถของเรา ต้องต่างคนต่างช่วยกัน อะไรก็มอบให้แต่หัวหน้าๆ นี้เสีย พวกเรานี้พวกเสีย ไม่ดีเลย ต้องช่วยเป็นกำลังวังชาความคิดความอ่าน อะไรเห็นไม่ดีไม่งามตรงไหนก็รีบสะกิดกัน เตือนกัน บอกกัน ในฐานะว่าเราเป็นผู้รักษาชาติบ้านเมืองของเรา ช่วยผู้ใหญ่ในบ้านเรือนของเรา ต้องเป็นอย่างนั้นด้วยกันทุกคน อย่าเฉยอย่าเมยนะไม่ถูก ต้องต่างคนต่างดูแลรักษาด้วยกัน มีอะไรให้บอกกันกล่าวกัน เตือนกันบอกกัน ถึงขนาดผู้ใหญ่ก็ถึง เพราะเรื่องที่จะฉิบหายมันมาก เป็นยังไงจึงจะสงบร่มเย็นได้ ก็ต้องพินิจพิจารณาช่วยกันทำ อย่าปล่อยเฉยเมยไม่ได้นะ
เมื่อวานนี้ก็เอาทองคำไปแล้ว เอาทองลงไปเมื่อวานนี้ เห็นไหมเอาทองลงไป ผู้รักษาความปลอดภัยมีไปกี่คนในนั้น ก็อย่างนั้นแล้ว อะไรมีค่าต้องมีการรักษากัน เมืองไทยมีค่า คนทั้งชาติต้องรักษากันอย่างนั้นซี เรายกตัวอย่าง เช่นอย่างเขาเอาทองไปเมื่อวานนี้ ตชด.มีกี่คน มาซิใครอยากตายให้เข้ามา พวกนี้พวกสละชีวิตแล้วไปนั้น เข้าใจไหมล่ะ ใครเก่งเข้ามาอย่างไรก็ตายกันเลย เขาไม่ตายเราก็ตาย ให้ถอยกันไม่ถอย ก็อย่างนั้นแล้วการรักษาสมบัติ เพียงของในรถเท่านั้นก็ยังรักษาเข้มงวดกวดขัน เรียกว่าสละตายในของนั้น ใครจะทะลึ่งเข้ามาไม่ได้ มาก็เอากันเลย ให้ถอยแห่กันอยู่อย่างนี้ไม่มี เราบอกตรงๆ เลย อย่างไรก็ตายกันเลย อันนี้ก็ต้องแบบเดียวกัน ต่างคนต่างรักษาช่วยกัน เป็นขั้นๆ ไปอย่างนี้
เวลาเอาทองลงไปแล้วก็ ทางนู้นก็จะทราบข่าวมาเรื่อยแหละ เพราะติดต่อกันอยู่เรื่อย ทองเป็นยังไงต่อยังไง เคลื่อนไหวไปยังไง ทางนู้นกับทางนี้จะติดต่อกันเรื่อยๆๆ พอเดือนธันวาเราก็ลงไป พิจารณาอะไรๆ ขาดตกบกพร่องตรงไหนจะพิจารณายังไง จะสมควรมอบตอนไหนไม่มอบตอนไหน มีจำนวนมากน้อยเพียงไร ควรมอบหรือไม่ควรมอบก็ขึ้นอยู่กับเราเมื่อไปถึงแล้ว ต้องพิจารณากันตรงนี้ให้ดี พอเสร็จเรียบร้อยแล้วควรมอบในเดือนนี้เราก็มอบ ไม่ควรมอบก็รอไป สมควรตอนไหนไปได้ไปกรุงเทพเราไม่ยากอะไร ไปเพื่อชาติบ้านเมืองเราไปได้ คิดดูในพรรษาปีนี้ไปตั้ง ๓ หน เราไม่เคย แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเราก็ต้องทำ เมื่อไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยแล้วเราก็ไปอย่างนี้ ปีนี้ดูเหมือนตั้ง ๓ หนละมั้งในพรรษานี้ สัตตาหะไป
ไปกรุงเทพก็ไป ไปบุรีรัมย์ก็ไป ที่ไหนอีก มันตั้งสองสามหนนะ (เข้ากรุงเทพอีก ไปสุพรรณ อ่างทอง) ก็อย่างนั้นแล้วมัน ๓ หน ปีนี้เข้าพรรษาได้สัตตาหะไปถึง ๓ หนมันจำเป็น อันนี้ก็เหมือนกัน เวลาจำเป็นไปตอนไหนก็ต้องไป สมควรตรงไหนก็เอากันตรงนั้น เวลานี้กำลังเอาทองเข้าโรงหลอม หลอมได้มากน้อยเพียงไร ยังขาดเหลือเท่าไร แล้วการเงินเป็นยังไง มันต้องหมุนไปหาการเงินอีก แล้วเตรียมพร้อมไว้ เวลานี้ทองเขาลดเมื่อไรก็เอาเลยๆ เวลานี้เตรียมเงินไปๆ เรื่อยนะ หมุนไปเรื่อย นี่ก็จะโอนไปอีก ทางอุดรก็ไม่มีมากนักดูเหมือน ๑๐ กว่าล้าน นี่ก็จะเตรียมโอนไปละ ทางกรุงเทพก็มี บัญชีเหล่านี้อยู่กับเราคนเดียวเป็นผู้ถอนให้ทั้งนั้น กรุงเทพก็เราถอน อยู่นี้ก็เราเป็นคนถอน เพราะฉะนั้นอะไรที่มีจำนวนสูงๆ ราคาสูงๆ หน่อยควรจะเข้าทางโน้นก็ให้เข้าเลย เพราะเป็นบัญชีของคนๆ เดียวกันเป็นผู้รับผิดชอบ ควรเข้าทางนี้ก็เข้า ควรเข้าทางนั้นก็สั่งให้เข้าเลย
เวลานี้เราก็เตรียมทั้งเงินทั้งอะไรไว้ แล้วคอยรอดูทอง เมื่อควรได้เมื่อไรก็เอา นี่ก็บอกทางโน้นจ่ออยู่แล้ว เราสั่งทางโน้นไว้แล้ว พอได้เมื่อไรเอาเลยๆ เพราะเงินเราก็ค่อยหนุนเข้าไปไว้แล้ว รอไว้แล้วเวลานี้ เราหนุนเข้าไปรอ ทางโน้นพอได้เมื่อไรให้เอาเลยๆ เป็นระยะๆ ไป นี่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องคอยฟังเสียงกันอยู่เสมอ ฟังเสียงเรื่องทองคำ เรื่องการเงินของเราเป็นยังไง ทางนี้ก็โอนไปเรื่อย ได้ที่ไหนมาโอนไปเรื่อย เอาไปรวมที่นั่น จ่อทองคำ เป็นอย่างนั้นนะ
พอเดือนธันวานี้เราก็จะหยุดแหละ การเที่ยวเทศนาว่าการทางโน้นทางนี้ก็งดตามที่ว่า เปิดไว้ตามปรกติก็คือบัญชีนี้ เอาไว้ตามเดิม เป็นแต่เพียงว่าเราไปไม่ได้เท่านั้น เอาไว้ตามเดิม จนกว่าเห็นสมควรเมื่อไรเราสั่งหยุดเอง ยากอะไร ว่างดหรือหยุดก็หยุดทันทีไม่ยาก เวลานี้เรากำลังรอสมบัติของเราได้มากน้อยเพียงไร จึงเปิดบัญชีไว้เรื่อยๆ ธนาคารใครจะโอนมาทางไหนก็ให้โอนมาได้ตามเดิม บริจาคทางไหนๆ แล้วแต่เจ้าของจะบริจาค เปิดไว้ตามเดิม ส่วนที่จะลงไปมอบทองคำตอนนี้ยัง ไปเดือนธันวานี้ไปนี้จะทราบเรื่องราวได้ละเอียดลออ กำหนดได้เลย เมื่อทราบละเอียดลออแล้ว กำหนดว่าจะมอบเมื่อไร มันไม่ยากของมีอยู่แล้วใช่ไหม มอบได้เลย มันยากแต่ของยังไม่พอตามที่เรากำหนดไว้ เราต้องการยังไง กำหนดไว้อย่างนั้นๆ เมื่อถึงนั้นแล้วก็เอาเลยไม่ยาก เวลานี้กำลังรอทองคำ
ที่เอาไปวันวานหรือวันไหนก็ดูจะร้อยกว่ากิโลมั้ง เอาไปจากทางนี้นะ เงินจะซื้อทางโน้นก็เอาออกจากโรงหลอมเลย ทางนี้เราได้ปักเขปักขาทางนี้ก็เอาไปแล้วเมื่อวาน เอาไปทั้งหมด แล้วยังจะมาอีกนะ ทองคำยังจะมาจากที่ต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งคือวงกรรมฐานเรา ทอดกฐินที่ไหนๆ ท่านเหล่านี้ท่านไม่ได้สนใจนะกับเงินกับทอง ทอดกฐินที่ไหนๆ ก็มานี้หมด พอกฐินผ่านไปแล้ว ท่านรวบรวมแล้วท่านก็เอามามอบนี้ๆ ทางนี้ก็มอบโน้น สุดท้ายก็ลงคลังหลวง เวลานี้กฐินยังมีอยู่จะค่อยส่งมาเรื่อยๆ ในเขตกฐินทองจะมาเรื่อยๆ จากวัดนั้นวัดนี้ รวมแล้วก็ส่งไปทีหนึ่ง
เมื่อวานนี้เราไปบ้านแพง ไปสั่งเสียเขาอะไรๆ เป็นแต่เพียงบอกว่าจะมาทอดกฐินให้ ข้าวก็ไปถึงแล้ว เราไปสั่งเสียเองเมื่อวานนี้ ไปสั่งเสียเรียบร้อยแล้วค่อยมา ถึงวันก็ไปเลย อะไรๆ สั่งไว้เรียบร้อยแล้วถึงวันก็ไปเลยไม่ยาก วันที่ ๑๘ ตอนบ่ายๆ เราถึงจะไป ไปถึงโน้นเย็นก็ไม่มีธุระอะไร ตอนเช้าวันที่ ๑๙ ก็ถวายตามเดิม เอาวัดข้างบนลงมาข้างล่าง มารวมกันที่นั่น ตามปรกติที่เคยปฏิบัติมาต่อวัดทั้งสองนี้ พอเสร็จแล้วเราก็กลับ วันที่ ๑๘ ตอนบ่ายๆ เราถึงจะไป พอตอนค่ำก็จะมีอะไรๆ บ้าง พอกฐินผ่านไปหมด พวกทองพวกอะไรจะมารวมๆ เราก็ส่งอีกทีหนึ่ง คาดว่าจะไม่นานนักละทองคำเรา จะพยายามเอาให้พอ ในจำนวนที่กำหนดไว้นี้ให้พอเลย ๑๐ ตัน ๑๐ ล้านเอาให้พอ
โยม ปัญหาอินเตอร์เน็ตครับ ข้อที่หนึ่ง กราบนมัสการหลวงตา เวลาผมภาวนามันเจ็บที่ระหว่างกลางหน้าอก ตอนนี้ผมภาวนาพุทโธอยู่ครับ ผมตามลมหายใจจากจมูกถึงท้อง แต่รู้สึกว่าผมจะติดอยู่ที่ลมหายใจ เวลาหายใจบางทีก็จะอึดอัดมากเลย และตอนนี้ผมรู้สึกอีกอย่างว่า เวลาที่ผมคุยกับใครจะมีใครก็ไม่รู้พูดอยู่ในตัวของเรา แต่เป็นคำพูดที่ออกมาทันควัน และใช้คำที่ไม่สุภาพ โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจคิด เป็นได้ ๑ เดือนแล้ว ทุกวันนี้ผมจะดูตัวเองอยู่เสมอเท่าที่จะมีสติทำได้ เวลาเดิน กิน นั่ง นอน หรือว่าทำงานก็ตาม บางทีผมจะตั้งสติจับไปที่นิ้วมือ เพราะว่าผมทำอาชีพเขียนแบบ กราบเรียนถามปัญหาธรรมะเพียงเท่านี้ครับ
หลวงตา อันนี้ขี้เกียจตอบ คือตอบแล้วว่า ขี้เกียจตอบ เข้าใจไหม มันไม่ค่อยได้ศัพท์ได้แสงอะไร เอ้า ว่าข้อใหม่ต่อไป
โยม คนที่สองครับ ลูกขอกราบรบกวนเรียนถามหลวงตา ขณะนี้ลูกพิจารณาอสุภะจนมองไปที่ใครก็เห็นเป็นกระดูก ตับ ไต ภาพศพที่ถูกชำแหละ แล้วจิตก็กลับมาพิจารณาที่ตัวเองก็เป็นเช่นนั้น แล้วมันก็หดเข้ามาแน่นๆ ที่อกตรงจิตนี้ มาขณะนี้มันเหมือนอสุภะตั้งขึ้นเองจากจิตโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับให้เกิดอสุภะ แต่มีบางครั้งที่สุภะขึ้นมาทับเวลาเราพิจารณาอสุภะ พอจะเกิดอสุภะ ภาพสุภะเห็นคนนั้นสวย คนนั้นดูดี ยังมีแว็บเข้ามานิดเดียว แต่อสุภะก็ทับสุภะในขณะเดียวกันไม่ต้องรอบังคับ แล้วทั้งอสุภะและสุภะก็ดูหดๆ เข้ามาแน่นๆ ที่จิต แต่ไม่เป็นบ่อยค่ะ ระยะหลังนี้เป็นแบบนี้บ้าง ปัจจุบันนี้ลูกเกิดอสุภะโดยอัตโนมัติ มันเกิดเองไม่ต้องบังคับมันค่ะ แล้วความสลดในกายก็เกิดพร้อมกันในจิต ตอนนี้ลูกก็ยังคงซ้ำอสุภะให้แน่นในจิต จะดูอาการของจิต ของอสุภะและสุภะ ขอเมตตาหลวงตาแนะสอนจากระยะนี้ไป ขอกราบนมัสการหลวงตามาเหนือเกล้า
หลวงตา เท่าที่เล่ามานี้ถูกต้องทุกอย่างแล้วนะ เอ้า มันจะชำนาญขนาดไหนมันก็จะรู้อยู่ที่หัวใจ เอาให้มันคล่องตัว พิจารณาอสุภะให้มันคล่องตัวแล้ว ตั้งมากำหนดไว้ตรงกลาง ที่ตรงหน้าของเรา แล้วดูมันเป็นเครื่องลับปัญญา คือพิจารณาอสุภะอสุภังมันมีความละเอียดลออแล้ว เอาหมุนเข้ามา น้อมเข้ามาสู่ตรงหน้าของเรา กำหนดดูตรงนั้นอีกทีหนึ่ง มันจะเคลื่อนไหวไปไหนไม่เคลื่อนไหวไปไหน ให้ดูตรงนั้นอีกทีหนึ่ง เข้าใจแล้วเหรอ ถ้าหากมันไม่เคลื่อนไหวไปไหน มันอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานแล้ว เราก็พิจารณาทำลายได้ ซึ่งมันถูกทำลายไปอย่างรวดเร็วเข้าใจไหม แล้วให้พิจารณาอย่างนั้นเรื่อยๆ ถูกต้องแล้วที่พิจารณามาทั้งหมดนี้ มีแต่เพียงว่า จุดสุดท้ายเข้ามาจุดหนึ่ง ก็คือให้กำหนดอสุภะนั้นเข้ามาไว้ที่ตรงหน้าของเรา ให้เพ่งดูอสุภะนั้น ไม่ต้องไปปรุงไปแต่งอย่างอื่นอย่างใด มีแต่เพ่งดูมันเฉยๆ
ถ้าหากว่าเพ่งดูอยู่นั้นนานเท่าไร มันก็ยังนิ่งอยู่นั้นแล้วก็ทีนี้ทำลายได้ เอาพิจารณาต่อไปอีก เช่นเดียวกับที่เราเคยพิจารณาอสุภะมาแต่ก่อนนั่นแหละ เข้าใจเหรอ พอสมควรแล้วเห็นว่าชำนาญมากเข้าแล้ว เอากำหนดเข้ามาตั้งไว้ที่เก่าอีกแล้วดูอีก มันจะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนให้รู้ เอาตรงนี้แหละ เอาแค่นี้เสียก่อน แล้วมีอะไรต่อไปอีก
โยม คนที่สามครับ ปกติเข้าสมาธิได้เกือบทุกวัน ตอนนี้มาคิดว่าควรทำวิปัสสนาให้ได้ จะเป็นประโยชน์ต่อตนมากกว่า แม้พยายามทำเท่าไรก็เข้าสมาธิไปทุกที ไม่เป็นวิปัสสนาได้
หลวงตา มันเป็นยังไง ออกไปพิจารณา เข้าสมาธิเข้ามานานแล้ว ทีนี้ออกจากสมาธิไปพิจารณาร่างกายเกี่ยวกับเรื่องที่ว่านี่ อสุภะอสุภัง เข้าใจเหรอ ให้ออก ไม่อยากออกก็ลากออก นี่มันติด เห็นว่าสมาธิมีความสบายมาก ติดมันไม่อยากออก
โยม เขาบอกว่า ได้เคยทำวิปัสสนาครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ ปรากฏว่า ได้ยิน กับ เสียง เป็นคนละอันกัน ไม่โกรธแม้กำลังถูกด่าทออยู่ก็ตาม บัดนี้ทำไม่ได้อีกเลย ขอความกรุณาหลวงตาช่วยไขข้อข้องใจ
หลวงตา อันนั้นคือกิเลสมันแทรกขึ้นมา เรียกว่าต้านทานธรรม เช่นมาด่าทอทุกแบบที่จะให้เราเสียใจ ให้เราโกรธเราแค้น คือให้ฝ่ายธรรมโกรธแค้น กิเลสมันแหย่เข้ามาเข้าใจไหมอย่าไปโกรธแค้นมันเข้าใจเหรอ มันเกิดอยู่ที่ใจขึ้นมากระซิบกระซาบทุกแบบ ทางนี้จะโต้มันก็ได้ไม่โต้ก็เฉยเสียเข้าใจไหม ก็มีเท่านั้น อย่าเอามาเป็นอารมณ์ อะไรด่าไม่ด่าก็ตาม กิเลสมันอยู่ในจิตมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว ในชาตินี้ก็ตั้งแต่วันเกิดมันก็เป็นมาอย่างนั้น มันไม่แสดงเฉยๆ ทางนั้นมาแสดง เราตื่นบ้าอะไรกับมัน ให้ว่าอย่างนั้นเข้าใจเหรอ เอาว่าไป
โยม เขาบอกต่อไปว่า หากไม่เข้าสมาธิจิตจะฟุ้ง ไม่รวมกำลังจิต จิตปราศจากความมั่นคง จึงใคร่ขอวิธีที่เข้าวิปัสสนาโดยนำสมาธิมาเกื้อกูลด้วยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณยิ่ง
หลวงตา ให้เข้าสู่สมาธิให้จิตสงบเสียก่อนซิ
โยม เขาบอกว่า ขอวิธีวิปัสสนาโดยนำสมาธิมาเกื้อกูล ให้หลวงตาแนะ
หลวงตา สมาธิเวลาสงบก็ไม่ต้องทำงานอะไรเหลือแต่ความรู้เด่น นั่น เรียกสมาธิ ทีนี้เวลาเราจะออกพิจารณาทางด้านปัญญาก็เคลื่อนความรู้นี้ออกใช้ในสิ่งต่างๆ โดยทางปัญญาเข้าใจหรือเปล่าล่ะ พิจารณาคลี่คลายดูสิ่งต่างๆ นั้นเรียกว่าปัญญา ก็อย่างนั้นแหละจะให้ว่ายังไงอีก เอ้า ว่าไป
โยม คนที่ ๔ บอกมาว่า ที่หลวงตาเมตตาในเรื่องพุทธศาสนาให้ลูกหลานได้เข้าใจ และปฏิบัติถูกต้องตามแนวทาง หลวงตาเทศน์สอนเกี่ยวกับเรื่องศาสนาเซน เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาสนาเซนเป็นภาคปฏิบัติเป็นขั้นสติปัญญาอัตโนมัติ ทำให้ลูกหลานได้เข้าใจ
หลวงตา สติปัญญาอัตโนมัติของพุทธศาสนาเข้าใจไหม
โยม ครับ ทำให้ลูกหลานได้เข้าใจ และเป็นพระคุณอันหาประมาณไม่ได้ที่หลวงตาได้เปิดธรรมะนี้ให้ลูกหลานได้เข้าใจ และน้อมรับมาปฏิบัติ เขาก็แบบว่ากราบขอบพระคุณหลวงตามาที่หลวงตาได้เมตตา
หลวงตา เออ เอาละ ก็ไม่ผิด ถ้าใครก้าวเข้าถึงขั้นอันนี้จะว่าเซนก็ได้ จะว่าพุทธเต็มเหนี่ยวก็ได้ เราก็เคยพูดแล้วว่าเซนนี้ออกจากพุทธ คือเซนนี่ผู้พิจารณาทางด้านปัญญา จิตใจผ่านได้ด้วยพิจารณาทางด้านปัญญา ทีนี้พวกที่มาตามหลังก็เลยเอาเรื่องปัญญานี้มาเป็นศาสนาเซนเสียเลย ไม่ได้คำนึงถึงว่าผู้หลุดพ้นมาจากแง่ไหนๆ ของพุทธศาสนา ความจริงเป็นกิ่งก้านของพุทธศาสนาตอนปลาย คือตอนละเอียดเกี่ยวกับวิปัสสนา แล้วก็เลยเอานี้เป็นศาสนาเลย ใครมาปฏิบัติตามศาสนาเซนต้องใช้ปัญญาๆ แล้วผิดไปเลย อันนี้ผิดเข้าใจเหรอ พิสูจน์ดังที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้นี้ ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีล เป็นเครื่องอบรมจิตใจให้อบอุ่นไม่เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะเหตุที่ว่าตนทำศีลให้ด่างพร้อยหรือขาดทะลุไป จิตก็ไม่เป็นกังวลเพราะจิตของเราบริสุทธิ์ เวลาเข้าสมาธิจิตก็รวมได้ง่าย เพราะมันไม่วอกแวกไปหาสิ่งระแคะระคายที่เจ้าของทำศีลด่างพร้อย
นี้พิจารณาทางสมาธิ พอจิตเป็นสมาธิจิตมีกำลังเต็มเหนี่ยว เรียกว่า จิตในสมาธินี้เป็นจิตที่พอกับอารมณ์ทั้งหลาย ไม่อยากดู ไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินได้ฟัง ไม่หิวโหยในอารมณ์ต่างๆ เพราะจิตเป็นสมาธิมีความสงบตัว ความสงบตัวนี้เป็นอาหารของจิต จิตจึงไม่ไปหาคืบคลานกับอาหารภายนอกซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาตัวเอง ทีนี้เวลาจิตเข้าสู่ความสงบนี้จิตก็มีกำลังไม่หิวโหยกับอารมณ์
พาพิจารณาทางด้านปัญญา เอ้า ทำงานนี้ก็ทำ ทำงานนี้ก็ทำตามสั่ง สั่งให้ทำอะไรก็ทำ เพราะจิตไม่เถลไถลไปหาอารมณ์นั้นนี้ เพราะความหิวโหยในอารมณ์ จิตมันอิ่มอารมณ์แล้วไม่ไป สั่งทำงานอะไรก็ทำ ทีนี้ก็ทำเรื่อยเป็นวิปัสสนาไปเรื่อย นี่ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา สมาธิเป็นเครื่องหนุนปัญญาให้เดินได้อย่างคล่องตัว ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ จิตเมื่อปัญญาได้ซักฟอกแล้วย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ นั่น ๓ ขั้น ถ้าพูดตามบาลีไปเลยก็ว่า สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส ศีลเป็นเครื่องอบรมสมาธิให้มีความแน่นหนามั่นคงมากขึ้นๆ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา สมาธิเป็นเครื่องอบรมปัญญาให้เดินได้คล่องตัว คือ ทีแรกศีลอบรมสมาธิให้มีความสงบเย็นได้เร็ว สมาธิมีกำลังแล้วหนุนปัญญาให้เดินได้คล่องตัว ทีนี้ปัญญาเป็นเครื่องอบรมจิตให้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้ นี่ละท่านสอน สอนพระทุกองค์ เวลาบวชแล้วสอนธรรมข้อนี้ นี่เราพูดยังไงลืมแล้ว อย่างนั้นนะมันเงื่อนต่อมายังไง อย่างนี้แหละลืม พูดไปลืมไป
โยม ศาสนาเซนค่ะ
หลวงตา เออๆๆ คือ ศาสนาเซน เรื่องศาสนาพระพุทธเจ้ามีมาก่อนแล้ว เรื่องผู้ที่บรรลุพวก ขิปปาภิญญา มีแต่พวกปัญญารวดเร็วผ่านออกๆ จากพุทธศาสนา ผ่านออกๆ ผู้ที่ไม่รวดเร็วก็หนุนกันไปตั้งแต่ ศีล สมาธิ ไปเรื่อยๆ ผ่านออกๆ นี่เรียกว่า ศาสนาที่สมบูรณ์แบบคือพุทธศาสนา มีทั้ง ก.ไก่ ก.กา มีทั้งประถมมีทั้งมัธยมตลอดดอกเตอร์เข้าใจไหม นี่ขึ้นเป็นขั้นๆ ทีนี้ไปทางโน้นไปหาขั้นดอกเตอร์เลย ผู้ที่ควรแก่ขั้นนั้นมันก็ไปได้ ผู้ไม่ควรแก่นั้น ก.ไก่ ก.กา มันยังไม่ได้มันจะไปเอาดอกเตอร์มาจากไหนเข้าใจไหม นี่ละศาสนาเซนเป็นขั้นดอกเตอร์ของพุทธศาสนา เป็นขั้นที่จะหลุดจะพ้นด้วยปัญญาอยู่แล้ว ก็เท่านั้นละ มีอะไรอีกล่ะ
โยม จบแล้วครับ
หลวงตา เออ จบแล้วก็จบ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน
ได้ที่www.Luagnta.com หรือ www.Luangta.or.th
|