เทศน์ตอบปัญหา ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
ใหญ่เท่าไรยิ่งมีธรรม
กราบนมัสการพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) กระผมนายฉัตรเฉลิม หัตถกรรม ผู้แทนกรมประชาสัมพันธ์ ขออนุญาตกราบนมัสการ สนทนาข้อธรรมะและสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องพุทธศาสนิกชน
ถาม หลวงตาครับ วันนี้ลูกหลานญาติโยมมาร่วมทอดกฐินช่วยชาติกันมากมาย ไม่ทราบว่าหลวงตามีความรู้สึกพึงพอใจมากน้อยเพียงใดครับ
หลวงตา โอ๋ พอใจ มาสร้างบุญกุศล พอใจ ยิ่งได้สมบัติเงินทองเข้าสู่คลังหลวงมากๆ จากคนจำนวนมากแล้ว หลวงตายิ่งพอใจใหญ่เลย เอ้า เอาแค่นี้ก่อน
ถาม หลวงตาครับ มีคนฝากเรียนถามหลวงตาว่า การทำบุญกฐินนั้น ผลของบุญกุศลที่เราทำนั้นจะได้รับมากน้อยเพียงใด ตามหลักพระพุทธศาสนาครับ
หลวงตา ทำบุญ อานิสงส์มีผลมากทีเดียว เช่น ทำบุญกฐินในวัดป่าบ้านตาดเพื่อชาติคราวนี้ อานิสงส์ขนาดจะยกชาติไทยทั้งชาติขึ้นได้โดยไม่อาจสงสัย ไม่มีอานิสงส์ใดจะยิ่งกว่าอานิสงส์แห่งกฐินของเรา เพื่อยกชาติไทยทั้งชาติขึ้นสู่ความสง่าราศีดีงามแห่งชาติไทยของตน เอาแค่นี้ก่อนเป็นระยะๆ ไป
ถาม หลวงตาครับ ที่หลวงตาตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้ได้ทองคำ ๑๐ ตัน และเงินดอลลาร์ ๑๐ ล้านดอลลาร์นั้น จนถึงขณะนี้หลวงตามีความมั่นใจว่าจะได้ครบตามที่ได้ตั้งใจไว้ไหมครับ
หลวงตา อ๋อ มั่นใจว่าได้ครบ จากบรรดาพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศซึ่งมีความรักชาติ มีความเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงกันอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ไม่เคยบกพร่องในความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกันทุกแง่ทุกแขนงที่เป็นมานี้ เป็นที่อนุโมทนากับบรรดาพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติตลอดมา เราจึงแน่ใจว่าทองคำที่กำหนดไว้นี้จะต้องได้ตามกำหนดนั้น และดอลลาร์ก็เช่นเดียวกัน จะได้ตามกำหนดแน่นอน เป็นแต่เวล่ำเวลาในระยะนี้ยังเรียนให้ทราบไม่ได้ แต่แน่ใจกับบรรดาพี่น้องชาวไทยทั้งชาติเราว่า ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้จะสามารถยกได้โดยไม่อาจสงสัยเลย และดอลลาร์ ๑๐ ล้านก็เช่นเดียวกัน
เพราะเราได้เห็นความสำคัญและความรักชาติ การแสดงออกของพี่น้องชาวไทยเพื่อความเสียสละต่อชาติของตนนั้น มีพร้อมมูลบริบูรณ์มาโดยลำดับลำดา ไม่เคยบกพร่องในกิริยาอาการที่จะมามีการขัดข้องหรือต่อต้านประการใด ที่จะให้ชาติไทยของเราบกพร่องในการก้าวเดินไม่ราบรื่น อย่างนี้ไม่ปรากฏในพี่น้องชาวไทยเรา เราจึงขอขอบคุณกับพี่น้องชาวไทยเราไว้ล่วงหน้าด้วยว่า อย่างไรจะต้องสำเร็จตามความมุ่งหมายของพี่น้องชาวไทยเราที่มีความรักชาติเสมอหน้ากัน
ถาม หลวงตาครับ ที่หลวงตาได้ทำโครงการช่วยชาติ ๕ ปี ๖ ปีมานี้ ไม่ทราบว่าพบปัญหาอุปสรรคมากน้อยแค่ไหน และหลวงตาใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไรครับ
หลวงตา อ๋อ ถ้าพูดถึงเรื่องอุปสรรคนั้น ที่ปรากฏให้เป็นข้อข้องใจนั้นไม่มี แต่อุปสรรคในความคิด ก็เป็นความคิดของหัวหน้าเอง อาจมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ บางทีได้จำนวนแค่นี้ คิดอยากได้จำนวนเท่านี้อยู่เรื่อยๆ มันเป็นอุปสรรคมาขัดเจ้าของอยู่เสมออันนี้ ทั้งๆ ที่พี่น้องชาวไทยบริจาคตลอดมา แต่การดำเนินที่ผ่านมาทุกวันนี้ไม่เคยมีอุปสรรคแต่อย่างใด ราบรื่นเรื่อยมา เราจึงขอขอบคุณและอนุโมทนากับพี่น้องชาวไทยทั้งหลายทั่วหน้ากันโดยลำดับมาเช่นเดียวกัน
ถาม หลวงตาครับ ถ้าหากว่าทองคำครบ ๑๐ ตัน และเงินดอลลาร์ครบ ๑๐ ล้านดอลลาร์แล้ว หลวงตาจะยุติโครงการเพียงเท่านี้ หรือจะมีโครงการอะไรต่อไปยังไงบ้างไหมครับ
หลวงตา ถ้าครบแล้ว เรื่องโครงการไม่มีแหละ ก็มีแต่ความอยู่เย็นเป็นสุขของพี่น้องชาวไทยว่า ได้สมมักสมหมายแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีและความรักชาติของเรา เรื่องโครงการข้างหน้านั้นยังไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาเลย เราพูดเฉพาะโครงการปัจจุบันนี้ เราพยายามจะให้สำเร็จตามความมุ่งหมาย โดยอาศัยพี่น้องชาวไทยเราเป็นกำลังศรัทธาเสียสละทุกด้านทุกทางมาโดยลำดับ สำหรับความขัดข้องหรืออุปสรรคใดๆ ข้างหน้านั้นเรายังไม่ได้คิด เท่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรากฏ ราบรื่นตลอดมา
ถาม หลวงตาครับ มีคนบอกว่าหลวงตาก็อายุมากแล้ว ปีนี้หลวงตาก็อายุ ๙๑ แล้ว นับว่าเป็นผู้สูงอายุมากพอสมควร น่าจะได้พักผ่อน หลวงตาคิดและตัดสินใจยังไงถึงได้ออกมานำพาคนไทย นำพาพุทธศาสนิกชนออกต่อสู้ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองครับ
หลวงตา อ๋อ ทุกวันนี้หลวงตาก็พักผ่อนอยู่แล้ว ทั้งไปทั้งยืนทั้งเดินทั้งนั่งทั้งนอน ทั้งพักผ่อนมาเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ กรุณาอย่าได้ห่วงใยหลวงตาเลยเรื่องสังขารร่างกายนี้ เราห่วงใยแต่ชาติบ้านเมืองของเราเป็นอย่างมากยิ่งกว่าห่วงใยตัวของเราเอง ห่วงใยพี่น้องชาวไทยเรา ทางด้านวัตถุเราก็อยากจะให้สมบูรณ์พูนผล คือสมบัติทั้งหลายได้เข้าสู่คลังหลวง ส่วนทางด้านจิตใจก็ขอให้พี่น้องชาวไทยมีความใกล้ชิดติดพันกับศีลกับธรรมบ้าง จะรู้จักบาปจักบุญ รู้จักผิดจักถูก พูดกันก็รู้เรื่องรู้ราวกัน แก้ไขดัดแปลงไปตามเหตุตามผล ก็ราบรื่นดีงามต่อไปเท่านั้น นอกนั้นหลวงตาไม่มีอะไรเป็นห่วงกับสังขารร่างกายของหลวงตาเลย เอาแค่นี้ก่อน
ถาม หลวงตาครับ มีคนบอกว่าทุกวันนี้คนไทยเราจะห่างเหินจากธรรมะ ห่างเหินจากศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมก็ลดน้อยลง อยากจะขออาราธนาหลวงตากรุณาชี้นำแนวทางที่จะปฏิบัติ เพื่อให้อยู่ในศีลในธรรม เพื่อให้สังคมสงบร่มเย็นครับ
หลวงตา เรื่องการห่างเหินจากศีลธรรม เราพูดเฉพาะคนไทยเรา คนอื่นก็พอๆ กันนั่นแหละ แม้แต่ผู้พูดนี้ก็เคยห่างเหินจากศีลจากธรรมมานานเหมือนกัน จนกระทั่งมาบวชนี้ค่อยใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรมมากขึ้น จนได้มาเป็นครูเป็นอาจารย์สอนพี่น้องทั้งหลาย จึงขอให้อย่าได้พากันห่างเหินจากศีลจากธรรม คำว่าศีลว่าธรรมคือความดีงาม ประดับตนและหน้าที่การงานทุกสิ่งทุกอย่างสดสวยงดงามไปหมด ถ้าคนมีศีลมีธรรม ถ้าไม่มีศีลมีธรรมมันเป็นเรื่องดันทุรังนะ คนไม่มีศีลมีธรรมนั้นแหละคนหน้าด้าน คนไม่มีศีลมีธรรม คนหน้าบางคือคนมีศีลธรรม รู้จักอาย รู้จักผิดจักถูก และรู้จักยอมรับ ถ้าคนไม่มีศีลธรรมแล้วเป็นคนหน้าด้าน ไม่รู้จักอาย หลวมนิ้วสอดนิ้ว หลวมแขนสอดแขน หลวมตัวสอดเข้าไปทั้งตัว เหยียบย่ำทำลายไปหมด นี้คือคนหน้าด้าน คนอันธพาล คนไม่มีศีลธรรม เราอย่าให้เป็นคนประเภทนั้น ให้เป็นคนหน้าบาง มีศีลมีธรรมเป็นเครื่องประดับตนเสมอ
พูดผิดพูดถูกยอมรับกันตามหลักของสังคมที่ปฏิบัติต่อกันมาโดยลำดับ เรื่องศีลธรรมพี่น้องทั้งหลายก็พอมีอยู่ประจำแล้ว สมนามว่าเราเป็นชาวพุทธ แต่อยากจะให้เน้นหนักทางด้านจิตใจมากขึ้น เรื่องการให้ทานนี่เป็นพื้นฐานแห่งชาติไทยของเราซึ่งเป็นชาวพุทธอยู่แล้ว ศีลรู้สึกจะห่างเหินกันมากพอประมาณ แต่เรื่องจิตตภาวนาเพื่อความสงบร่มเย็นแก่จิตใจซึ่งเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนาโดยแท้จริงแล้ว ชาวพุทธเราไม่ค่อยจะสนใจอะไรเลย จึงเป็นที่น่าวิตกมาก จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทำความสงบใจในกาลอันควร
เช่นเวลากลางค่ำกลางคืนเราจะหลับนอน ไม่มีหน้าที่การงานอันใดทำแล้วเวลานี้ มีตั้งแต่จะหลับจะนอน จึงขอให้นำอรรถนำธรรมไปเป็นคู่จิตใจ หลับไปด้วยบทภาวนา เช่น เรานั่งสงบในห้องพระ หรือไม่มีห้องพระก็ตาม ให้ทำความสงบใจของเรา โดยนึกคำบริกรรมคำใดก็ได้ พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ ตามแต่จริตนิสัยชอบ นำมาบริกรรม แล้วมีสติกำกับรักษาอยู่กับคำบริกรรมนั้น แล้วจิตใจของเราจะมีความสงบร่มเย็น จนกระทั่งหลับไปถ้าเรานอนภาวนา ถ้านั่งภาวนาก็มีความสงบจนกระทั่งถึงเวลาเราจะนอนลงไป นี่เรียกว่าผู้มีความใกล้ชิดติดพันกับธรรมโดยทางจิตตภาวนา ซึ่งเป็นความใกล้ชิดติดพันกับพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
พุทโธ ธัมโม สังโฆ เกิดขึ้นจากการภาวนา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นเพราะการภาวนา พระธรรมปรากฏขึ้นเพราะการภาวนาของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกปรากฏเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา เกิดขึ้นได้เพราะการภาวนา เป็นรากฐานอันใหญ่โตของใจเรา จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำธรรมข้อนี้ไปกำกับจิตใจ เวลาจะหลับจะนอนอย่าปล่อยวาง ให้ได้นึกพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ ตามแต่จริตนิสัยชอบ มีสติบังคับ จนกระทั่งหลับไปด้วยกันขณะนอน ถ้าขณะนั่งก็ให้มีสติกำกับอยู่ จนกระทั่งถึงเวลาเราจะหลับจะนอนแล้วค่อยนอน ก็ให้มีคำบริกรรมนี้ติดแนบไปจนกระทั่งถึงหลับ นี้เรียกว่าเราเป็นผู้ใกล้ชิดติดพันกับธรรม คือจิตตภาวนา จิตใจของเราจะมีความสงบร่มเย็น
เพราะการภาวนานี้เป็นธรรมที่เลิศเลอ แต่เป็นธรรมที่ลึกลับ เพราะโลกทั้งหลายไม่สนใจจะทำจิตใจของตนในด้านจิตตภาวนา ธรรมที่อัศจรรย์แปลกประหลาดซึ่งจะเกิดขึ้นจากการภาวนานี้จึงไม่ค่อยปรากฏ ในครั้งพุทธกาลที่ปรากฏมากมายก็คือ มีท่านผู้สนใจภาวนาจำนวนมาก ครั้นถอยลงมาๆ การภาวนาก็ถอยลง เรื่องมรรคเรื่องผลที่จะเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ตนก็ลดลงๆ จนกลายเป็นว่า ศาสนาพุทธมีแต่การศึกษาเล่าเรียนอย่างเดียว เพียงจำได้เท่านั้นก็เป็นมรรคเป็นผลไปหมด ทั้งๆ ที่เป็นไปไม่ได้เลย ก็เข้าใจว่าเป็นไปได้หมด เพราะภาคปฏิบัติไม่มี ผลก็ไม่มี จึงต้องมีภาคปฏิบัติ เมื่อมีภาคปฏิบัติแล้ว ปฏิเวธะ คือผลของงานที่เราทำขึ้นย่อมปรากฏ
เช่น เราภาวนา เป็นต้น ผลคือความสงบเย็นใจก็ปรากฏขึ้นมา ตลอดถึงความสว่างไสวภายในจิตใจ เกิดขึ้นจากการภาวนาทั้งนั้น จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้พิจารณา เรื่องการภาวนาเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา เวลานี้เราคว้าเอาตั้งแต่กิ่งแต่ก้านมาพูดมาจามาสนทนา แล้วไม่ค่อยมีการปฏิบัติตามกิ่งก้านนั้นอีกด้วย ถ้าเราได้ภาวนาลงไปแล้ว จิตใจของเราจะมีความสงบเย็น ความสงบของใจที่เกิดจากภาวนานี้ประมาณไม่ได้นะ ตามแต่จริตนิสัยของผู้ภาวนา ซึ่งมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกันในทางนิสัยวาสนาและภูมิของจิตของธรรม ที่จะปรากฏขึ้นในขณะภาวนานั้นต่างกัน
อย่างไรก็ตามการภาวนานี้ แม้จะไม่ปรากฏผลเป็นความสงบเย็นใจ แต่อานิสงส์แห่งการภาวนานี้มีมากกว่าอานิสงส์แห่งการบำเพ็ญคุณงามความดีอย่างอื่น จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำภาวนานี้ไปเป็นหลักจิตหลักใจของเราแล้ว เมื่อผลยิ่งปรากฏขึ้นในการภาวนาให้เป็นความสงบเย็นใจซาบซึ้งภายในใจแล้ว การให้ทานก็มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น มีความละเอียดลออต่อทานของตน นอกจากนั้นมีความใฝ่ใจในการรักษาศีล คือความดีงามประจำตน เป็นสมบัติของตน มากขึ้นๆ เพราะอำนาจแห่งจิตตภาวนา ซึ่งเป็นฐานอันใหญ่หลวงของธรรม ได้สะกิดเตือนบอกในการเคลื่อนไหวและการกระทำของเราทุกด้านทุกทาง แม้จะทำความชั่ว จิตใจที่มีจิตตภาวนาจะสะกิดทันทีๆ สะดุดตัวสะดุดใจ แล้วระงับยับยั้งตนเองจากการทำชั่วนั้นได้โดยไม่ต้องสงสัย นี่เพราะการภาวนา มีธรรมภายในใจท่านย่อมเตือนออกมาเสมอ ถ้าไม่มีเลยนี้ คำว่าเตือนไม่มี มีแต่ถูลู่ถูกังตามความเคยชินของนิสัย ซึ่งเป็นความหยาบโลนอยู่แล้ว ให้เป็นความสกปรกโสมมตามๆ กันไปหมด
เรื่องภาวนาเป็นเรื่องสำคัญ ที่พี่น้องทั้งหลายมีความห่างเหินจากจิตตภาวนานี้ จึงทำให้การงานก็มักจะเลอะเทอะๆ ไม่มีหลักมีเกณฑ์ การประพฤติตัวในแง่ต่างๆ ก็มักจะเลอะเทอะไปตามๆ กัน คนเราถ้าจิตใจได้รับการภาวนาจนปรากฏเป็นความสงบเย็นใจแล้ว หิริโอตตัปปะคือความสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมทั้งหลาย ควรหรือไม่ควรนั้นจะปรากฏขึ้นภายในใจโดยลำดับลำดา จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พี่น้องทั้งหลายจะได้หันหน้าเข้าใกล้ชิดติดพันกับการภาวนา ซึ่งเป็นธรรมเตือนตนอยู่ในจิตใจนั้นแล วันนี้พูดเพียงเท่านี้เสียก่อนเวลาจะไม่พอ เอ้า มีอะไรอีกว่ามา
ถาม หลวงตาครับ พระเจ้าอยู่หัวทรงบอกข้าราชการว่าให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดูแลประชาชนให้มีความสุขความสงบ ไม่ทราบว่าหลวงตาจะมีข้อธรรมะใดๆ ที่จะแนะนำแก่ข้าราชการในการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ซื่อสัตย์สุจริต ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนบ้างไหมครับ
หลวงตา พูดอย่างนี้ก็เหมือนให้หลวงตาไปสอนสังฆราชนั่นแหละ ไม่มีใครที่จะรู้มากยิ่งกว่าวงราชการต่างๆ หลวงตาอยู่แต่ในป่าในเขา พระพุทธเจ้าท่านอยู่ในป่าก็จริง แต่ท่านเป็นจอมปราชญ์ แต่หลวงตาอยู่ในป่ามันเป็นจอมโง่ จึงไม่อาจจะสอนวงราชการงานเมืองได้ แล้วแต่ท่านผู้ใดจะพิจารณาปฏิบัติตนเองในทางที่ถูกดีงาม ความสะอาดในการประพฤติกระทำทุกอย่างกับตัวเอง เพราะได้รับการศึกษาอบรมมาจากพุทธศาสนาด้วยกัน จึงขอฝากเพียงว่า ให้ตั้งหน้าตั้งตาสมเราเป็นผู้ใหญ่ ใหญ่เท่าไรยิ่งมีธรรมมาก ประพฤติปฏิบัติเข้มงวดมาก ระวังตัวเองมากยิ่งกว่าผู้ใด
ยกตัวอย่างท่านผู้มีศีลมีธรรมในวัดในวา พระเจ้าพระสงฆ์ ที่บวชมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม เป็นศีลเป็นธรรมจริงๆ แล้ว เป็นผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งมีความเข้มงวดกวดขันในการระมัดระวังตนเอง เกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูงก็คอยแนะนำสั่งสอนไม่ให้ผิดให้พลาด เพื่อนฝูงก็มีความเคารพยำเกรงเอง เพราะผู้ใหญ่เป็นผู้มีความเคารพยำเกรง เป็นอรรถเป็นธรรมต่อตัวเองอยู่แล้ว ผู้น้อยก็ย่อมมีความเคารพนับถือ วงราชการงานเมืองใหญ่เท่าไรยิ่งมีความเคารพในความสุจริตยุติธรรม มีอรรถมีธรรมมากขึ้นๆ แล้วผู้น้อยก็มีความเชื่อฟัง เพราะความเคารพนับถือกันโดยลำดับลำดา แล้วก็เป็นความดีงามขึ้นมา เพราะฉะนั้นธรรมเหล่านี้คือความสะอาดในการประพฤติปฏิบัติ จึงขอมอบไว้กับท่านผู้ทำราชการงานเมือง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในชาติของตนโดยทั่วกัน เอาแค่นี้ก่อน
ถาม หลวงตาครับ ท่านนายกรัฐมนตรีท่านเดินนำหน้า แล้วพาพี่น้องชาวไทยทุกคนให้ต่อสู้ เอาชัยชนะกับปัญหายาเสพย์ติด หลวงตาจะมีข้อแนะนำยังไงกับพี่น้องคนไทยให้หลีกหนีห่างไกลจากยาเสพย์ติดครับ
หลวงตา เรื่องยาเสพย์ติดนี้มันพิลึกนะ อย่าให้เข้ามาใกล้ชิดติดพันกับเราเลย เรื่องยาเสพย์ติดนี้เป็นมหาภัยต่อชาติ แม้ที่สุดเอายาเสพย์ติดไปให้หมากิน หมาก็เป็นบ้าไปได้เลย เรายังจะกล้าหาญแข่งกับหมา เกินหมาไปแล้ว ให้ดียิ่งกว่ามนุษย์ด้วยการกินยาเสพย์ติดนี้อย่าพากันหาญคิดหาญทำนะ จะสังหารคนทั้งชาติให้แหลกเหลวไปหมด จึงขอบิณฑบาตจากบรรดาลูกหลานทั้งหลายทั่วประเทศไทยเรานี้ อย่าใกล้ชิดติดพันกับยาเสพย์ติดซึ่งเป็นยามหาภัย ให้ระมัดระวังทั่วหน้ากัน อย่าให้แต่ผู้อื่นมาแนะมาสอนมาบอก หรือมาบังคับบัญชาเรา ให้เรานั้นแหละเป็นผู้บังคับบัญชาเราเองจากสิ่งที่เป็นภัยเหล่านี้ เพราะทราบได้ด้วยกันทุกคนว่าสิ่งนี้เป็นภัย จึงไม่ควรให้เข้ามาใกล้ชิดติดพันกับตัวเอง ต้องปัดออกเสมอ
เพื่อนฝูงที่เข้าคบค้าสมาคมกัน ควรจะสังเกตสังกากันเรียบร้อยก่อนว่า คนประเภทไหนที่มาเกี่ยวข้องกับเรา ถ้าเป็นพวกยาเสพย์ติดแล้ว ให้ถือว่ามหาภัยเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราแล้วจะทำลายเรา อย่าคบค้าสมาคมกับคนประเภทนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่เสียหายมาก จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษนะ เรื่องยาเสพย์ติดไม่มีชิ้นดีเลย ทำให้เสียหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีคุณค่ามีราคาหมดทั้งประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศของคนดีอยู่แล้ว แต่กลับมามียาเสพย์ติด สิ่งที่ไร้ค่า สังหารสารคุณทั้งหลายให้ฉิบหายไปด้วยยาเสพย์ติดนี้แล้ว แล้วนำมาเสพยาเหล่านี้แล้วฉิบหายทั้งประเทศ แม้ที่สุดศาสนาก็ไม่มีเหลือเลย จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ อย่าได้ไปคุ้นเคยเป็นอันขาด
เอาละ เอาแค่นี้แหละ เพราะทางบ้านเมืองท่านก็ได้พยายามเต็มกำลังความสามารถของท่านอยู่แล้ว ทางศาสนาก็เป็นแต่เพียงว่าเตือนให้ทราบ ที่ท่านดำเนินอยู่แล้วเกี่ยวกับยาเสพย์ติด เป็นความถูกต้องดีงามแล้ว ไม่มีอะไรผิด ทางราชการ ภาษาทางโลกเขาบอกว่าปราบยาเสพย์ติด นั่น คือท่านปราบยาเสพย์ติดไม่ให้มาใกล้ชิดกับคน ถ้าเข้ามาใกล้ชิดกับคนแล้ว ยาเสพย์ติดจะมาปราบคน คนจะเสียหายไปหมด ท่านบอกว่าปราบยาเสพย์ติด ก็คืออย่าเห็นคุณต่อมัน ให้จำเอานะ ท่านทำอยู่แล้ว ทางศาสนาก็เพียงเตือนให้ท่านทั้งหลายทราบเท่านั้นเอง เอาแค่นี้ก่อน
ถาม หลวงตาครับ โดยปรกติการร่วมกันป้องกันรักษาประเทศชาตินั้น จะต้องมีกำลังทหาร มีกำลังอาวุธที่จะต่อสู้กับข้าศึกศัตรู แต่ว่าที่หลวงตาออกมาเดินนำหน้า แล้วบอกว่าจะต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศชาตินั้น หลวงตามีความคิดอย่างไรถึงได้ตัดสินใจเดินนำหน้าพวกเราแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครับ
หลวงตา ต้องขออภัยนะหลวงตาหูมันหนวก พูดอะไรๆ ต้องมีล่ามมาแปลอีกทีหนึ่งๆ ถ้าล่ามแปลมายังไง หลวงตาก็ปฏิบัติตามล่ามแปล ถ้าล่ามว่าทางนั้นเขาบอกว่าให้หลวงตาฆ่าคน หลวงตาอาจจะไปฆ่าคนก็ได้ เข้าใจไหม เพราะมันฟังไม่ชัด อันนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องศาสตราอาวุธ บ้านเมืองเขาอะไรกัน
ถาม หลวงตาครับ เวลาจะป้องกันประเทศชาติบ้านเมือง เราต้องใช้กองทัพ ใช้ทหาร ใช้อาวุธ แต่หลวงตาบอกว่าจะเดินนำหน้าพวกเราเพื่อต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ออกมาช่วยชาติ หลวงตาไม่มีอาวุธ ไม่มีกองทัพเลย หลวงตาคิดยังไงถึงออกมาช่วยในครั้งนี้ครับ
หลวงตา อันนี้ตอบยากเหมือนกันนะ เรามีอาวุธอยู่เต็มความสามารถของเรา ที่เราปราบความชั่วทั้งหลายของเรามาโดยลำดับ พระพุทธเจ้าก็มีเต็มพระองค์ สาวกมีเต็มองค์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านก็มีอาวุธเต็มตัวของท่าน แต่การแนะนำสั่งสอนคนอื่นนั้นก็ต้องสอนโดยความเป็นธรรมไป จะว่าเป็นอาวุธนี่มันขัดกัน สอนด้วยความเป็นธรรม สิ่งใดที่เป็นข้าศึกอย่าพากันหาญทำ นี่ก็เรียกว่าเป็นอาวุธอันหนึ่ง คือธรรมาวุธ สอนบอกว่าอย่าทำ นี่คืออาวุธของธรรม ไม่ให้ทำความชั่ว เรียกว่าอาวุธของธรรม ท่านเรียกว่าธรรมาวุธ คือมีอาวุธเครื่องปราบศัตรูคือกิเลสตัณหาประเภทต่างๆ ที่อยู่ภายในใจ แล้วพยายามแก้ไขดัดแปลงและปราบปรามออกโดยลำดับ นี่ก็เรียกว่าอาวุธอันหนึ่งเหมือนกัน เอ้า มีอะไรว่ามาอีก
ถาม หลวงตาครับ หลวงตามีภาระที่จะต้องสงเคราะห์โลกต่อไปจากโครงการช่วยชาตินี้มากน้อยแค่ไหนครับ
หลวงตา อ๋อ เรื่องภาระนี้ก็มีดังที่ท่านทั้งหลายเห็นแล้ว ก็ไม่ทราบจะแจงไปยังไง แต่ภาระที่มีภายในใจที่มีต่อโลกด้วยเมตตาธรรมนั้นมีตลอด อันนี้จะพูดให้ใครฟังก็พูดไม่ได้ ท่านเรียกว่าเมตตาธรรม มีอยู่ตลอดภายในจิตใจ แต่ส่วนที่จะช่วยโลกได้มากน้อยเพียงใด เป็นกิริยาที่แสดงออกดังที่พานำโลกทั้งหลายให้ปฏิบัติอยู่เวลานี้ นั้นแลเป็นอุบายวิธีการอันหนึ่ง
ขอกราบขอบพระเดชพระคุณหลวงตาครับ เพราะว่า ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นเวลาให้ญาติโยมได้ถวายบริวารกฐินกับหลวงตาครับ ในนามกรมประชาสัมพันธ์ขอกราบขอบพระคุณหลวงตาครับ
ชมการถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |