เทศน์สอนมนุษย์ เทวดา
วันที่ 2 ตุลาคม 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 23.25 นาที
สถานที่ : สวนแสงธรรม
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

วันที่ ๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ [เช้า]

เทศน์สอนมนุษย์ เทวดา

 

ก่อนจังหัน

            ท่านผู้ให้ศีลให้พรตามขั้นของภูมิจิตภูมิธรรมจะพุ่งออกมาในเวลานั้นนะ เพราะฉะนั้นเวลาให้พรจึงไม่อยากให้อะไรเข้ามายุ่งนะ เวลาท่านให้พรจิตที่พุ่งด้วยอำนาจแห่งความเมตตาทุกสิ่งทุกอย่างจะออกมาพร้อมกันหมด สำหรับผู้ทำบุญให้ทานมากน้อยก็เป็นภาชนะสำหรับรับรองพรที่ท่านให้ เพราะฉะนั้นเวลาให้พรจึงไม่ให้อะไรเข้ามายุ่ง ให้จำเอาไว้นะ นี่ละธรรมแท้เป็นอย่างงั้นนะ ไม่เป็นอย่างอื่นว่างั้นเถอะ นี่จะให้พรละนะ

หลังจังหัน

          คราวนี้จะเร่งใหญ่เพื่อชาติไทยของเรา จะไม่ให้ใครดูถูกได้เลย ชาติไทยของเราคราวนี้เป็นคราวที่จะเอาจริงเอาจังกันจริง ๆ ละคราวนี้นะ และเริ่มเร่งเครื่องตั้งแต่บัดนี้ต่อไป วันที่ ๑๑ ก็เป็นวันขึ้นเวทีละนะ ลงจากเวทีผลได้ผลเสียอะไรก็จะรู้ตรงนั้นแหละ จากนั้นก็เร่งอีก คือจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ทองคำต้องให้ได้ ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้าน นี้เป็นพื้นฐานเลยนะ คือพื้นฐานแห่งการช่วยชาติของเรา ซึ่งได้ประกาศก้องให้ทราบทั่วโลกเวลานี้ เพราะฉะนั้นพื้นฐานจึงจะลดลงไม่ได้เลย ต้องให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เรียกว่าเป็นพื้นฐาน และดอลลาร์ก็ ๑๐ ล้าน

          จากนั้นก็เป็นส่วนเพิ่มส่วนเติม เป็นเครื่องประดับเรื่อย ๆ ไปเรื่อยละนะ ที่จะให้ขาดกว่านั้นขาดไม่ได้เลย ถ้าขาดก็เท่ากับเมืองไทยนี้จมไปเลย พร้อมทั้งชาติ ทั้งศาสนา หลวงตาบัวลงก่อนเพื่อนเลยนะ ถ้าทองคำขาดน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ขาด ๑๐ ล้านนี้เรียกว่าไม่มีชิ้นดีเลย พูดให้ชัด ๆ อย่างนี้เลย เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาจุดนี้ให้ได้ จุดที่ว่านี้ให้ได้เลยเชียว จุดนี้ได้แล้วก็สมหวังละทีนี้ แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีแต่ความประดับขึ้นเรื่อย เสริมขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการช่วยชาติก็มีครั้งนี้ละชาติไทยเราที่หนักมากทีเดียว

          หวั่นกันทั่วประเทศ ถึงขนาดที่ทางศาสนาก็หวั่นไปตามกันเลย จึงต้องได้ออกช่วยกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งทางบ้านเมือง ทั้งทางวัด ทางศาสนาก็ช่วยกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย พระเจ้าพระสงฆ์ท่านก็ช่วยเต็มที่เหมือนกัน ท่านก็เอาจริงเอาจัง ทางบ้านเมืองก็ดังที่เราเห็นนั้นแหละ เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกัน ไม่มีที่ต้องติทางบ้านเมืองก็ดี เรียกว่าเอากันจริง ๆ จัง ๆ ทุกอย่าง ทางศาสนาก็เอากันเต็มที่ ศาสนาก็เอาพี่น้องทั้งหลายเราเป็นผู้ที่ออกสนาม บริษัทบริวารเอาใหญ่เลยละ ให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์ ๑๐ ล้าน

          เวลาดูว่าดอลลาร์จะได้ ๘ ล้าน ๓ แสนกว่า ๆ เกือบจะถึงสี่แสนแล้ว อันนี้เราก็ไม่ค่อยเป็นอารมณ์อะไรมากนัก ที่เป็นมากก็คือทองคำ จึงต้องเอาให้หนักทีเดียวในทองคำของพวกเรา ใครมีเท่าไร ๆ ก็ทุ่มลง ๆ เราแน่ใจว่าต้องพอ แล้วการช่วยเราก็จะมีเพียงเท่านี้ละ สำหรับชีวิตหลวงตาบัวมีเท่านี้ พอเลิกจากนี้ล้มไปพร้อมกันเลยนะ ไม่ใช่เลิกแล้วก็เดินก้าวสบาย ๆ ไป พอเลิก ล้ม เพราะธาตุขันธ์ทุกอย่างมันเพียบแล้ว เป็นแต่เพียงว่ากำลังใจที่ช่วยพี่น้องทั้งหลาย คิดดูอย่างเทศนาว่าการสอนพระเจ้าพระสงฆ์ก็หยุดมาตั้งแต่อายุ ๘๐ นะ หยุดเลย นั่น

          พอถึง ๘๐ ปั๊บนี่ก็หยุดการเทศนาว่าการอบรมพระ ซึ่งเคยปฏิบัติมาประมาณ ๗ วัน หรือ ๑๐ วัน ประชุมทีหนึ่ง ๆ เรื่อยมาอย่างงั้น อบรมพระ โดยเฉพาะพระเท่านั้น ไม่มีประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้องเลย อบรมมาเป็นประจำจนกระทั่งถึงอายุ ๘๐ พอถึง ๘๐ ดูทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ การเทศนาว่าการทั้งได้ยินได้ฟังต่อปากต่อคำ ทั้งถอดเทป คือทั้งอัดเทปเอาไว้ในวัดป่าบ้านตาด เทปที่เทศน์สอนพระส่วนมากมีตั้งแต่ธรรมะเผ็ด ๆ ร้อน ๆ เรียกว่าแกงหม้อเล็ก หม้อจิ๋ว หม้อเล็ก หม้อจิ๋วตลอด จนกระทั่งอายุ ๘๐ แล้วคำนึงคำนวณดูสิ่งที่เราเทศน์มานี่สมบูรณ์แล้วทุกอย่าง

          ธรรมะเราก็ไม่สงสัยที่เทศน์สอนพระทุกขั้นของธรรม ไม่สงสัยด้วย แล้วมีจำนวนมากน้อยเพียงไรที่เทศน์ออกไปแล้วซึ่งอัดเทปเอาไว้ ๆ นั้นเราก็ไม่สงสัย เพราะมีมากพระอัดเทป จากอัดเทปนี้แล้วก็ส่งไปที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยมานานอันนี้ บรรดาพระกรรมฐานอยู่ที่ไหนทั่วประเทศ มักจะมี เราไม่อยากจะพูดนะว่ามักจะมี ถ้าว่าต้องมีแล้วเต็มใจพูด ต้องมีเทศน์ของหลวงตาในเทป ๆ อยู่ทุกแห่งในบรรดาพระกรรมฐานที่อยู่สถานที่ใด เพราะท่านติดต่อขอเข้าไปทางวัดป่าบ้านตาด ทางนู้นก็ส่งให้เรื่อย ๆ เรื่อยมานะ

          เราก็พิจารณาแล้วว่าสมควรละทีนี้จึงหยุด พอดีอายุก็พอเหมาะแล้ว ๘๐ แล้วหยุด หยุดก็ไม่เทศน์จริง ๆ นะไม่เอาเลย ไม่ประชุมเทศน์ ประชุมอะไรทั้งนั้นเลย จนเข้ามาถึงนี่เหตุการณ์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นแก่ชาติไทยของเรา ดังที่เห็นกันอยู่นี้แหละ มากระเทือนเอาเสียอย่างหนัก เลยพลิกใหม่ ที่การเลิกเทศน์มาตั้งอายุ ๘๐ พอถึงเหตุการณ์นี้ก็ดูเหมือน ๘๔, ๘๕ ละมัง นั่นละ ๘๕ จึงได้มาพลิกใหม่ แล้วเทศน์ใหม่ เทศน์คราวนี้ก็เลยไปอีกแบบหนึ่งนะ เป็นเทศน์แกงหม้อใหญ่ เทศน์สอนคนทั่วประเทศ สอนคนทั่วโลก

          ส่วนมากจะมีตั้งแต่ธรรมะพื้น ๆ สำหรับคนที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟังให้ได้ฟัง และได้รับประโยชน์ทั่วถึงกันตามกำลังความสามารถของตน ส่วนมากจึงมีแต่แกงหม้อใหญ่  คือเทศน์ทั่วไปเป็นธรรมะสาธารณะทั่ว ๆ ไป ส่วนแกงหม้อเล็กจะมีบ้างเล็กน้อย ที่ไปสถานที่มีพระกรรมฐานท่านตั้งใจปฏิบัติธรรม มุ่งมั่นต่ออรรถต่อธรรมอย่างยิ่ง เวลาเราไปเทศน์สถานที่เช่นนั้นในงานนิมนต์ชวยชาติ พระท่านมาจำนวนมาก อันนั้นละจะแย็บออกไปละ เทศน์เป็นแกงหม้อเล็กและหม้อจิ๋วไปในเวลานั้น แต่มีเพียงเล็กน้อยไม่มากนัก

          ส่วนมากจริง ๆ ก็คือการเทศน์สอนพี่น้องชาวไทยเรา และทั่วโลกไปอีก อย่างทุกวันนี้ก็ออกทางอินเตอร์เน็ตแล้ว เทศน์มาได้เป็นเวลา ๕ ปีกว่า ๆ แล้วนะ จะถึง ๖ ปีแล้ว นี่ตั้งแต่เทศน์สอนพี่น้องชาวไทยเราและทั่วโลกเป็นแกงหม้อใหญ่ตลอดมาร่วม ๖ ปีนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในธาตุขันธ์ของเราก็เรียกว่าเพียบแล้ว แล้วเราคำนึงคำนวณถึงธรรมที่เราแสดง เราเองที่แสดงเราก็ไม่มีที่จะต้องติตนเองว่าอย่างไรบ้าง ว่าธรรมนี้ได้บกพร่องไป ในธรรมขั้นใดก็ตามเราไม่ปรากฏในจิตใจของเรา เพราะได้แสดงเต็มเม็ดเต็มหน่วยในธรรมทุกขั้น ขั้นนี้ก็เทศน์ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หายสงสัย ไม่มีข้อข้องใจในการเทศน์ ขั้นนั้น ๆ เหมือนกัน

          เทศน์ด้วยเป็นที่แน่ใจทุกขั้นทุกภูมิของธรรม เรียกว่าขั้นของธรรมเราก็แน่ใจ แล้วการเทศนาว่าการทั่ว ๆ ไปนี้ก็เป็นเวลาตั้ง ๕ ปีกว่า เราก็แน่ใจว่าสมควรแล้วที่การอบรมสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย แล้วผลที่ได้จากการช่วยชาติและการแนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายนี้ก็ตกมาเป็นทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เวลานี้ก็เข้าถึงร่วม ๘ ตันแล้ว ขาด ๘ ตันอยู่ไม่กี่กิโลจะถึง ๘ ตันนะ เวลานี้ยังขาดอยู่ ๒ ตันเต็ม ๆ แล้วดอลลาร์ก็ได้ร่วม ๘ ล้านกว่าแล้ว ร่วม ๙ ล้านแล้ว ก็ค่อยขยับขึ้นทุกอย่าง ๆ เราจึงเห็นว่าสมควรละทีนี้ จึงต้องเร่งในคราวนี้แล้ว จากนี้แล้วก็เลิก เลิกก็ล้มไปเลย ไม่สอนใครอีกแล้ว อยู่ตามลำพังเจ้าของไปวันหนึ่ง ๆ ด้วยความไม่เคลือบแคลงสงสัย ไม่ห่วงใยอะไร เพราะเราได้ทำหน้าที่การเป็นครูเป็นอาจารย์สอนโลกมานานเป็นเวลานานได้ ๕๔  ๕๕ ปีนี้แล้ว

          สอนอย่างไม่มีสงสัยในอรรถในธรรมทั้งหลาย ทุกขั้นทุกภูมิของธรรม แล้วก็สอนมามากด้วย จึงเป็นที่แน่ใจทุกอย่าง แล้วก็ย้อนเข้ามาหาทองคำ ดอลลาร์ ที่ช่วยชาติอยู่เวลานี้ ทองคำ ดอลลาร์ ก็เข้าถึงจุดที่หมาย ๆ เมื่อเข้าถึงจุดที่หมายทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยแล้วด้วยความสมบูรณ์พูนผล หลวงตาก็ไปล้มหงายไปเลย หายห่วงทุกอย่าง นี่ก็เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ หายห่วงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในโลกนี้ ในจิตใจของเราเปิดโล่งหมดแล้ว ได้แบกได้หามกองทุกข์มาเป็นเวลากี่กัปกี่กัลป์ มองย้อนหลัง จนไม่ทราบว่าเงื่อนต้นแห่งภพชาติและกองทุกข์ที่ติดพันมาด้วยกัน จนกระทั่งถึงชาติปัจจุบันกี่ภพกี่ชาตินับไม่ได้เลย

          นี่เพราะอำนาจแห่งความลุ่มหลงไปตามกิเลส ซึ่งเป็นเครื่องหลอกลวงภายในจิตใจของโลกและของเรา มันทำให้เป็นขนาดนั้น ได้รับความทุกข์ความทรมาน และปิดทางไปเรื่อย ๆ ก้าวเดินมาแล้วมันกลบรอย ๆ มันไม่ให้เห็นร่องรอยของเราที่ผ่านมา ว่าได้รับความทุกข์อย่างนั้น ๆ พอให้เกิดความเข็ดหลาบ ไม่ให้มี กิเลสลบรอยหมด เกิดมาแล้วทุกข์มากน้อยขนาดไหนก็ไม่รู้ว่าตัวได้รับความทุกข์ เพราะมันปิดไว้หมด ทั้ง ๆ ที่เราแบกหามกองทุกข์มาตลอดแทบทุกภพทุกชาติไป นี่เราก็แบกมาเช่นเดียวกับโลกทั่ว ๆ ไป ไม่สงสัยว่าจะต่างกันกับโลก

          ที่มาแยกกันก็แยกกันในระยะที่มาออกปฏิบัติศีลธรรมของพระพุทธเจ้า ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ ธรรมที่เลิศเลอเหมือนกันหมด ธรรมที่นำมาสอนโลกก็เป็นธรรมที่เลิศเลอเสมอกันหมดเหมือนกันมาสอนโลก ปัจจุบันนี้ก็พระสมณโคดมของเราสอนโลกด้วยความเลิศเลอแห่งธรรม ไม่มีแง่สงสัย ในข้อสงสัยเหล่านั้นจึงให้ประมวลมาสู่ตัวของเราทุกคนนะ ธรรมนี้ไม่มีข้อข้องใจ ไม่มีสงสัย แล้วที่สงสัยอยู่คือเราจะปฏิบัติตามธรรมได้มากน้อยเพียงไรพอจะให้เกิดผลประโยชน์แก่ตนของเราผู้ยังบกพร่องอยู่เวลานี้

          สำหรับพระพุทธเจ้าผู้สอนธรรมไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว ธรรมก็เป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบ ถ้าว่าทางเดินก็ทางเดินถึงจุดที่หมาย เปิดโล่งถึงจุดที่หมายเป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว ถ้าเป็นแปลนบ้านแปลนเรือนก็แปลนนี้สมบูรณ์แบบแล้ว ให้นำออกไปกางแล้วปลูกสร้างตามแบบแปลนนั้นได้เลย ตึกรามบ้านช่องที่ต้องการตามแปลนนั้นเมื่อปฏิบัติตามแปลนเอามาปลูกสร้างตามแปลนนั้นแล้ว ตึกรามบ้านช่องจะสมบูรณ์แบบตามขนาดที่ตนต้องการ และความสามารถของตนที่สร้างขึ้นมาได้ อันนี้แปลนแห่งธรรมก็เหมือนกัน แปลนแห่งธรรมคือตลาดแห่งมรรค ผล นิพพาน

          ท่านผู้ใดนำธรรมของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติ เหมือนกับว่าเรานำแปลนออกมากางแล้วปลูกสร้างบ้านเรือนไปตามแปลน นี้เราปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นแปลนแห่งมรรค ผล นิพพาน แล้วพยายามดัดกาย วาจา ใจของตนให้เป็นคนดีไปเป็นลำดับ แล้วก็จะค่อยปรากฏเป็นผลขึ้นมา ถ้าเป็นแปลนของโลกก็เรียกว่าเป็นตึกรามบ้านช่องขึ้นมา แปลนของธรรมก็เป็นมรรค เป็นผล เป็นนิพพาน ขึ้นมาในใจของเรา จากแปลนคือสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วนั้นแหละ นี่แหละมันเป็นปัญหาอยู่กับพวกเรา ขอให้ท่านทั้งหลายได้นำปัญหาข้อนี้ไปวินิจฉัยในตัวเองทุกคน ๆ นะ

          เรื่องธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วไม่มีทางสงสัย เหมือนแปลนบ้านไม่มีข้อข้องใจสงสัย นายช่างเขาจัดทำไว้เรียบร้อยแล้ว มีแต่เราผู้ที่จะนำแปลนมาสร้างเราจะทำแบบไหน ๆ ถ้าจะนอนกอดแปลนอยู่เฉย ๆ ในห้องนั้นก็มีแต่แปลน ไม่มีบ้านเรือนปรากฏอยู่เลย จะมีแต่แปลนเท่านั้น อันนี้ถ้าเราจะนอนกอดอรรถกอดธรรม กอดศาสนาอยู่ ก็มีแต่คัมภีร์ใบลานเต็มตู้ เต็มหีบ เต็มคัมภีร์ใบลาน เต็มวัดเต็มวา เต็มบ้านเต็มเรือน มีอยู่ทั่วไป เราไม่สนใจปฏิบัติตามก็เป็นอย่างนั้นละ เหมือนกับแปลนบ้านเป็นแปลนอยู่งั้น ศาสนธรรมก็เป็นศาสนธรรมอยู่ตามคัมภีร์ใบลาน ไม่ยังผลประโยชน์อะไรให้เกิดแก่เราผู้ไม่ปฏิบัติตามนั้นเลย

          ถ้าเราปฏิบัติตามแล้วนั้นละจะเป็นผลประโยชน์แก่เรา เพราะฉะนั้นปัญหานี้จึงมาขึ้นอยู่กับเราทุกคน ๆ ที่ยังบกพร่องต้องการความดีงาม และเพื่อความสุขความเจริญอยู่แล้วจึงต้องให้พากันสนใจปฏิบัติ แปลนนี้เป็นแปลนที่แม่นยำสุดยอดแล้ว คือแปลนศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่าแปลนแห่งมรรค ผล นิพพาน ร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้พากันนำไปประพฤติปฏิบัติ เราอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ดีดดิ้นไปตามกิเลสซึ่งมันเคยหลอกลวงมาตั้งกัปตั้งกัลป์ กี่กัปกี่กัลป์แล้วไม่มีวันอิ่มพอ แล้วจะจมไปอีก อย่างงั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งว่าไม่มีวันอิ่มพอเช่นเดียวกัน

          ไปที่ไหนก็สมบูรณ์พูนผลไปด้วยความทุกข์ความทรมานของสัตว์โลก หาความสุขความเจริญที่จะพอหายใจบ้างไม่มี เพราะไม่ได้สร้างความดี เนื่องจากเราประมาท นอนใจ ๆ เกิดมาชาติหนึ่ง ๆ นอนใจ ตายจมไป ๆ แล้วเกิดมาชาตินี้ก็นอนใจไปอีก ตั้งแต่เป็นเด็กถึงผู้ใหญ่นอนใจไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งเฒ่าแก่ก็นอนใจ ตายไปยิ่งนอนใหญ่เลย นอนใจ นอนกาย ตายจมไปเลย เราจะเอาแบบไหนให้นำไปพิจารณาตัวเองนะ เราอย่าไปวินิจฉัยท่านผู้บริสุทธิ์เรียบร้อย ท่านผู้เลิศเลอ ผู้พอแล้วทุกอย่างคือพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกท่าน ให้นำธรรมของท่านที่ท่านนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นที่พึงพอใจนั้นมาเทียบเคียงกับตัวของเรา เราได้ผลแล้วยังเวลานี้

          ถ้าบกพร่องตรงไหนให้พยายามแก้ไขเสียตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ยากง่ายอย่าถือมาเป็นอุปสรรค  ให้ถือเอาเหตุเอาผลว่าเราต้องการความสุข สุขอยู่ในจุดใด ในหน้าที่การงานใด ถึงยากง่ายเราก็จะต้องก้าวเข้าสู่การงานนั้นให้สมบูรณ์ แล้วเราก็เป็นความสุขความเจริญขึ้นมาแก่เราทุกคนนั่นแหละ นี่หลวงตาสอนพี่น้องทั้งหลายคราวนี้มันก็จะเป็นนิสัยวาสนาบุญญาภิสมภารของเราทั้งหลายก็ได้ หลวงตาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาสอนพี่น้องทั้งหลายถึงขนาด ๕ ปีกว่า โดยที่ว่าไม่ได้คำนึงคำนวณว่ากว้าง ว่าแคบ ว่าใกล้ ว่าไกล ว่ายืดว่ายาวขนาดไหน เทศน์มาตั้งแต่นู้นจนกระทั่งป่านนี้ได้เกือบ ๖ ปีแล้ว

          ถ้าว่าคำเทศน์ก็ไม่ทราบว่าเอาเทศน์มาจากไหนแหละ ก็เราเรียนจบแค่ ป.๓ ว่าไง นี่หลวงตาป.๓ เรียนจบแค่ป.๓ แล้วก็ออกโรงเรียนไปเลย แล้วมาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้มันเป็นยังไงพิจารณาซิ เราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะได้สอนถึงขนาดนี้ แล้วธรรมะที่มาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้เราก็ไม่เคยคาดคิด ว่าจะได้รู้ได้เห็น จะเป็นขึ้นมา เป็นสมบัติของตนประจักษ์กับใจ แล้วนำไปสอนพี่น้องทั้งหลายโดยปราศจากความสงสัยในแง่ธรรมทั้งหลายทุกแง่ทุกมุม ทุกอย่างไม่มีสงสัยเลย อย่างนี้เราก็ไม่เคยคาดคิดไว้แล้ว แล้วได้สอนพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย

          จึงควรที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติ แม้จะไม่ได้แบบตามพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ทุกแบบทุกฉบับ ก็ขอให้ได้แบบลูกศิษย์ที่มีครูแนะนำสั่งสอน อย่าให้ปราศจาก เช่นลูกไม่มีพ่อมีแม่ เป็นลูกไร้สาระหาที่ยึดที่เกาะไม่ได้ ไม่มีที่เกาะที่ยึด เรียกว่าเลื่อนลอย เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตเป็นลูกศิษย์ที่เลื่อนลอยเพราะไม่สนใจกับอรรถกับธรรม อย่าให้เป็นอย่างนั้นนะ ให้นำเข้ามาพินิจพิจารณาด้วยดี แล้วผลประโยชน์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าไม่เอาอะไรแหละ เรียกว่าพอทุกอย่างก็คือศาสดาองค์เอก ท่านพอหมดแล้ว ท่านไม่ได้มาแบ่งสันปันส่วนเอาจากเรา

          การแนะนำสั่งสอนเพื่อเราล้วน ๆ เราจะเอาก็ได้ ไม่เอาก็เป็นเรื่องของเราเอง ถ้าเราต้องการความดีอยู่แล้ว คำสอนของท่านนั้นละเป็นทางเดินเพื่อก้าวออกไปหาความดีงามทั้งหลาย ให้พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ นี่ก็ได้สอนมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ว่าเราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะได้สอนโลกถึงขนาดนี้ก็สอนแล้ว นี่เราพูดแต่เพียงขั้นมนุษย์นะ พูดเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม เราไม่พูด เวลาเกี่ยวข้องกับเทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม และใครจะว่าเทวดา อินทร์ พรหมมีหรือไม่มีก็ตามจะไม่สนใจฟังเสียงแร้งเสียงกา จะฟังแต่เสียงอรรถเสียงธรรมจากความรู้ในอรรถในธรรมทั้งหลายนำมาแสดง ทั้งเทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม ตลอดพวกเปรต พวกผี ซึ่งอยู่ในวิสัยของธรรมจะเข้าสัมผัสสัมพันธ์กันได้จากการสอน การเมตตา

          บรรดาพระสงฆ์ท่านผู้มีความสามารถทางนี้ ท่านจะก้าวเดินของท่านเอง ท่านไม่คำนึงถึงว่าใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตาม ดังที่สอนพี่น้องทั้งหลายนี้ก็เหมือนกัน นี่สอนหยาบ ๆ สอนพี่น้องทั้งหลายสอนกันอย่างหยาบ ๆ นี่เราก็สอนกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยของเรา พูดถึงเรื่องการสอนมนุษย์ เราก็สอนเต็มภูมิ เต็มภูมิของความรู้วิชา และเต็มภูมิความสามารถผู้จะมารับอรรถรับธรรม เอ้า จะมาขั้นใด เปิดโล่งไว้แล้วสำหรับธรรมขั้นนั้น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้มาฟัง เราก็เปิดไว้แล้ว นี่เทศน์สอนมนุษย์ เรื่องเทวดา อินทร์ พรหม ไม่ต้องพูด เอาตั้งแต่สอนมนุษย์นี้มันก็พอแล้วละ มันจวนจะตายแล้วจะว่าไง

          วันนี้คงจะสอนเพียงเท่านี้ละ ถ้าเลยจากนี้แล้วมันจะตาย มันเหนื่อย เอาละพอ ให้จำไว้นะ ต่อจากนี้ให้พรนะ ๔ โมงเราก็จะไปเทศน์ที่นนทบุรี วันพรุ่งนี้ก็กลับ กลับไปก็ไม่ได้หยุดนะ หมุนติ้ว ๆ เราหมุนเพื่อบ้านเพื่อเมืองของเรา หมุนเพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยนั้นแหละ เราทนเอา ให้พร

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก