บุญข้าวสาก
วันที่ 10 กันยายน 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 33.04 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖

บุญข้าวสาก

 

         เมื่อวานนี้ธรรมเพ็งมาจากวัดถ้ำกลองเพล พาญาติโยมมาถวายทองคำ ๑ กิโล ๑๑ บาท ๗๑ สตางค์ ย่นมาเป็น ๑๐ บาท เพราะทองแท่งนี้ขาดไป ๓ สตางค์

         ตอนเช้าฝนตกหนักอยู่นะ มันก็ควรแล้วที่ตกเดือนนี้ เดือนสิงหา กันยา ธรรมดาสิงหากับกันยานี้ไม่เคยแล้งนะ แต่เดือนมิถุนา กรกฎา มีอยู่บ้าง มันแล้งตอนนั้นตอนคนปักดำนา ฝนไม่ตกมันก็ดำไม่ได้ แต่ยังไงเขาก็รอไปถึงเดือนสิงหาก็พอได้ ทีนี้เดือนสิงหาก็ไปมีตอนปลายเดือน แล้วก็มาต้นเดือนกันยา ปีนี้รู้สึกว่ามีฝนน้อยสำหรับทางภาคอีสานเรา ตอนต้นจนมาถึงระยะสิงหานี่รู้สึกมีน้อย ต่อไปนี้อาจจะมากขึ้น ตกเมื่อคืนนี้ก็หนักเอาการอยู่ เห็นท่าไม่ดีฝนตกไม่หยุด เราเลยรีบออกจากกุฏิตั้งแต่เช้าออกมาดูศาลา แล้วก็ออกมาดูที่นี่ เอ๊ ทำยังไง ฝนกำลังตกนี้ทำยังไง ตกลงก็เลยสั่งพระให้ออกมาฉันที่ศาลาใหญ่นี้เลย ทางโน้นไม่ไหวแหละ เพราะฉะนั้นจึงได้ออกมาฉันที่ศาลาใหญ่นี้ นั่นดูซิคนแน่นไปหมด เป็นของเล่นเมื่อไร ถ้าเป็นศาลาเล็กไม่มีความหมายอะไรแหละคนมามาก

น้ำหน้าวัดนี่เขาเรียกน้ำห้วยหมากแข้งนะ ที่ไหลผ่านกลางเมืองอุดร น้ำนี้เขาเรียกห้วยหมากแข้งมันไหลผ่านเข้าไปกลางเมืองอุดรนี่ ปีนี้น้ำยังไม่มากนะ ยังไม่เคยมากเลย ก็พอไหลธรรมดาๆ น้ำยังไม่มากห้วยหมากแข้งนี่ ทุกปีมันสองหนสามหนแล้ว ปีนี้ไม่มากเพียงไหลผ่านธรรมดา ยังไม่ถึงฝั่งเลยนะ ไม่เสมอฝั่ง ถ้าล้นฝั่งไปเขาก็เรียกน้ำมากละ น้ำเพิ่มขึ้น

เอ้า ใครจะบริจาคอะไรก็ให้เข้ามาเสีย ไม่มีธุระอย่างอื่นอย่างใด ใครจะบริจาค วันนี้เป็นวันทำบุญเดือน ๑๐ เพ็ญ ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่ตนบำเพ็ญแล้วมากน้อยเท่าไร ถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษที่มีบุญมีคุณต่อชาติบ้านเมืองของเรา ก็ให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลจากทานของเราที่มาบริจาคในวันนี้ ตั้งใจอุทิศส่วนกุศล ท่านทั้งหลายมีญาติมีวงศ์มีพ่อมีแม่มาโดยตลอด ญาติวงศ์ทั้งหลายที่ตายไปแล้วนั้นน่ะ ที่พูดถึงเรื่องญาติของพี่น้องทั้งหลาย มีทุกคนๆ นะที่หวังพึ่งท่านทั้งหลายที่เป็นญาติของท่านเหล่านั้น เวลาญาติมาทำบุญให้ทานคอยรอรับส่วนบุญส่วนกุศลจากญาติที่มาบริจาคทำบุญให้ทาน ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร บอกไว้อย่างชัดเจนว่า อ่านดูแล้วแหม น่าสลดสังเวชสงสาร

คือสัตว์โลกมีญาติมีมิตรแล้วไม่หวังพึ่งใคร วิ่งมาพึ่งญาติตัวเอง ถ้าญาติเป็นคนใจจืดใจดำ ทางนั้นมาก็หมดหวังกลับไปๆ นี่ที่เราสลดสังเวชนะ ถ้าญาติเป็นคนใจบุญใจกุศล ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นั้นจะผ่านๆ จนกระทั่งถึงไปสวรรค์ได้เลย บอกในคัมภีร์ ติโรกุฑฑกัณฑสูตร เราอ่าน แต่ก่อนท่องได้หมดจนกระทั่งสูตร เดี๋ยวนี้ลืมหมดแล้ว มาอาศัยอยู่ทุกแห่งทุกหนคอยรับส่วนบุญอุทิศกุศลจากญาติทั้งหลาย นั่นซีที่น่าสลดสังเวช ถ้าญาติเป็นคนใจดำน้ำขุ่นแล้วพวกเปรตทั้งหลายก็หมดหวังกลับไป มาแล้วกลับไปด้วยความหมดหวัง อันนี้ก็รู้สึกว่าสลดสังเวชเหมือนกัน พวกเปรตทั้งหลายบางคนรับแล้วไปสวรรค์เลยสดๆ ร้อนๆ ก็มี ผู้ที่เบากว่านั้นก็พ้นจากความเป็นเปรตไป เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติขึ้นไป ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลที่พี่น้องทั้งหลายระลึกถึง แล้วทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

เพราะฉะนั้นเรามีญาติทุกคนๆ ต่านคนก็ต่างทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วจมนะ เรื่องของกิเลสตัณหาความชั่วช้าลามกมันดึงลงตลอดนะ นี่ที่มันมากจริงๆ ก็คือเรื่องของกิเลส มันเป็นครูสอนโลกอยู่ตลอดเวลา อาหารการบริโภคที่อยู่ร่วมกันไปแล้วนั้น พอตายเป็นผีเท่านั้นละ มาก็มานั่งเฝ้าญาติ แต่ก่อนก็กินข้าวร่วมวงกัน อาหารทุกอย่างร่วมวงเป็นอันเดียวกันหมด พอตายแล้วเป็นอื่น นี่ในคัมภีร์บอกชัดเจน มาแอบอยู่ตามข้างฝาบ้าง ข้างในข้างนอกบ้านบ้าง ประตูบ้านบ้าง ท่านบอกไว้หมด เวลาญาติรับประทานก็มาจ้องดูอยู่ ญาติไม่เห็นจะว่าไง แบกความหิวโหยกลับไปด้วยความเสียใจ จึงน่าสลดสังเวช สูตรนี้บอกชัดเจนมากนะ อู๊ย น่าสลดสังเวชจริงๆ

พระพุทธเจ้าเองเป็นผู้ตรัสไว้ หลอกลวงโลกที่ไหน ไม่เคยมี พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่เคยหลอกลวงโลก มีแต่กิเลสหลอกลวงนั่นแหละ เราไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วก็จม เอ้า ถ้าพูดถึงเรื่องเปรตเรื่องผีอาศัยเราก็จมไปด้วยกัน ลงไปนรกด้วยกันนั่นแหละ นี้ก็เดือน ๑๐ เพ็ญ ทำบุญอุทิศข้าวฉลากข้าวสากอะไร ทางภาคกลางนิยมทำวันเดือน ๑๐ ดับนะ ทางนี้นิยมเดือน ๑๐ เพ็ญ วันไหนก็บุญของเรานั่นแหละ ทำวันไหนก็บุญของเรา ไม่ว่าแต่วันเลย มืดแจ้งก็ทำได้ทั้งบุญทั้งบาป เป็นบาปเป็นบุญได้ด้วยกัน ที่ท่านกำหนดไว้นี้เพื่อเป็นจุดรวมของคนทั้งหลายที่บำเพ็ญบุญ ผู้ที่ลำบากลำบนงานการมากก็เลยรู้ในวันนั้น เป็นวันนัดหมายกันที่รวมกันอย่างนั้นต่างหากนะ เพื่อผู้เช่นนั้นจะได้มาในวันเช่นนั้น ท่านนัดนัดเพื่อผู้ที่ลำบากลำบนในหน้าที่การงานอะไรยุ่งเหยิง ไม่เคยมาวัดมาวาเลย ก็ถือเอาวันที่นัดหมายกันให้รวมกันในวันนั้นๆ อย่างนั้น พวกนั้นก็ได้มีส่วน

ธรรมดาผู้ทำบุญอยู่แล้วมันก็เป็นบุญอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น ไอ้ผู้ที่ไม่ได้ทำต้องอาศัยบอกกล่าวคนอื่นนั่นซิ ที่ว่าบอกกล่าว เช่นอย่างวันนี้เป็นวันเดือน ๑๐ เพ็ญหรือเดือน ๑๐ ดับ รวมทำบุญให้ทาน นัดหมายผู้ที่ไม่มีโอกาสให้ได้รู้เนื้อรู้ตัว แล้ววันนั้นสละหน้าที่การงานมาทำบุญกับเขาบ้างด้วยคำบอกกล่าวนั้นแหละ ท่านจึงประกาศไว้ให้ทราบสำหรับผู้ที่ลำบากลำบนมาไม่ได้ก็ให้รู้เรื่องรู้ราวบ้าง ตายที่ไหนป่าช้าใกล้ไกลไม่มีความหมายนะจิตดวงนี้ ปั๊บถึงเลยๆ ไม่มีเครื่องหมาย ญาติมิตรอยู่ที่ไหนก็ไม่มีเครื่องหมาย

(คุณทองก้อนขออนุญาตกราบเรียนจดหมาย เรื่องเจ้าภาพกฐินเพื่อชาติจากองค์หลวงตา) ฟังทุกคน จะอ่านเรื่องราวให้ฟัง เอ้า อ่านเลย

คุณทองก้อน   หนังสือที่นร 0411(รล.7/548) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร 10300

                                                   วันที่ 9 กันยายน 2546

เรื่อง การเป็นเจ้าภาพกฐินเพื่อชาติ

เรียน ศจ. ดร.รัตนา ศิริพานิช ตัวแทนคณะกรรมการจัดงานกฐินเพื่อชาติ

         ตามที่คณะกรรมการจัดงานกฐินเพื่อชาติ ได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี และได้หารือร่วมกับคณะทำงานฝ่ายสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการทอดกฐินสมทบทุนเข้าคลังหลวง ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2546 ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นั้น คณะทำงานฝ่ายสำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วเห็นว่า การทอดกฐินดังกล่าวเป็นกุศลเจตนาที่ดี เพราะนอกจากจะดำเนินการตามประเพณีอันดีงามภายหลังออกพรรษา ตามที่มีพุทธานุญาตแล้ว ยังเป็นการนำปัจจัยที่ได้จากการบริจาคขึ้นถวายพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ซึ่งได้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยดี เป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใส และนำหลักธรรมช่วยชักนำจิตใจให้ผู้ประสบความทุกข์ระหว่างวิกฤตทางเศรษฐกิจ มีวิริยะ อุตสาหะและกำลังใจ ตลอดจนนำปัจจัยที่ได้จากการบริจาค ได้แก่ ทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มอบให้คลังหลวงอีกด้วย

         การทอดกฐินในครั้งนี้ ก็เป็นเจตนาของพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล ที่จะดำเนินการอย่างเดียวกัน คณะทำงานฝ่ายสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้กราบเรียนรายงานนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีดำริเห็นพ้องกับข้อเสนอข้างต้น และนายกรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า สิ่งที่พระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคลได้ดำเนินการตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นแบบอย่างอันดีงามทั้งทางโลกและทางธรรม แบ่งเบาภาระของรัฐไปได้เป็นอันมาก จึงขอสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมการกุศล ที่บรรดาพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ จะได้จัดให้มีการทอดกฐินเพื่อชาติดังกล่าว

         แต่โดยที่การทอดกฐินครั้งนี้เป็นเรื่องการช่วยชาติบ้านเมือง อันเป็นประโยชน์ส่วนรวมยิ่งใหญ่ทั่วไป จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจักได้ร่วมกันดำเนินการโดยพร้อมเพรียง ตามแนวทางที่พระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคลได้ปรารภไว้ ไม่ควรถือเป็นกฐินของฝ่ายใดหรือผู้ใดเป็นเจ้าภาพ หรือเป็นเจ้าของโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสามัคคีอย่างทั่วถึง แม้แต่รัฐบาลเองการที่จะเป็นเจ้าภาพนั้น น่าจะไม่ตรงกับดำริของพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล และน่าจะไม่ตรงกับกุศลเจตนาของบรรดาศิษยานุศิษย์ทุกฝ่าย บุคคลในคณะรัฐบาลจึงยินดีร่วมเป็นเจ้าภาพเป็นรายบุคคล ตามที่คณะกรรมการจัดงานกฐินเพื่อชาติ จะได้พิจารณาเชิญเป็นรายๆ ต่อไป

         ในส่วนของนายกรัฐมนตรีเอง ไม่ขัดข้องที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับบุคคลอื่นด้วยผู้หนึ่ง และยินดีจะให้ความร่วมมือในการเผยแพร่งานกฐินเพื่อชาติทางสื่อมวลชนของรัฐ และการดำเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการจะประสานมา จึงเรียนมาเพื่อทราบ และโปรดกราบเรียนพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคลให้ทราบด้วย จักขอบคุณยิ่ง

                                                            ขอแสดงความนับถือ

                                                            (นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ)

                                                            รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

                                                   ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

วันนี้ก็ไม่ได้พูดก็ไม่ได้พูดอะไร ก็พูดแต่เรื่องเปรตให้ฟัง เรื่องเปรตท่านบอกมีถึง ๑๓ จำพวกนะ จำพวกที่ร้ายแรงเป็นจำพวกที่ แต่ว่าอ่อนกว่านรก คือตกนรกมาแล้วหลุมใหญ่หลุมเล็ก หลุมนั้นให้เป็นชื่อสมมุติอย่างนั้นละ ตามกรรมหนักกรรมเบาขึ้นมาเป็นลำดับ จนกระทั่งพ้นจากนรกแล้ว ก็ยังมาเป็นเปรต เปรตประเภท ๑๓ จำพวกนี้ ประเภทที่ ในบรรดาเปรตทั้งหลาย เปรตประเภทที่ นี้หนักมากแต่เบากว่านรก จึงพ้นจากนรกมาแล้วมาเป็นเปรต ๑๓ จำพวก นี่ท่านแสดงไว้ ขนาดเปรตที่ว่าหนักมาก ยังเบากว่านรก พ้นจากนรกมาแล้วยังมาเสวยเป็นเปรตอีก เปรตมีหลายประเภท

ทีนี้เวลาทำบุญให้ทานท่านแสดงไว้ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ว่าพวกญาติพวกมิตรนี้มาคอย เวลาทำบุญให้ทานมาคอยรับส่วนบุญกับญาติของตัวเอง เต็มไปหมด ทีนี้มาเวลามาถูกญาติใจดำน้ำขุ่น ไม่มีการทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศล แล้วพวกเปรตที่เป็นญาติมานี้ กลับคืนไปด้วยความเสียอกเสียใจทั้งด้วย พวกเปรตพวกผีทั้งหลายนี้ได้รับส่วนบุญจากญาติที่เป็นคนใจบุญสุนทาน อุทิศส่วนกุศลให้นั้นได้บุญกุศลตามขั้นตามภูมิเรื่อย ไป บางรายไปสวรรค์สด ร้อน นั้นเลย พอรับส่วนกุศลนี้ปึ๋งถึงสวรรค์เลยก็มี แล้วบางรายก็ลดส่วนลงมาตามบุญกรรมของตัวเองที่ได้จากญาติไป ทีนี้บางคณะไม่ใช่บางรายนี้ ไม่ใช่ธรรมดานะมันมากต่อมาก พวกนี้ไม่ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลอะไรจากญาติเลย เพราะญาติใจดำน้ำขุ่นไม่สนใจทำบุญให้ทาน กลับไปด้วยความเสียอกเสียใจ ทั้ง ที่บรรดาญาติทั้งหลายที่เป็นเปรตมาด้วยกัน แล้วกลับไปเป็นเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ไปเรื่อย เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลไปต่อหน้าต่อตา นี่ละที่เปรตทั้งหลายเหล่านี้เสียใจมากว่างั้น หมดหวังและเสียใจมาก ไม่ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลอะไรเลย นี่ท่านแสดงไว้อย่างนั้น เราให้เอามาคิดทุกคนนะ

เรามีญาติด้วยกันทุกคนสัตว์โลก จึงต้องให้พินิจพิจารณากัน เวลาทำบุญให้ทานจึงได้บอกว่า ให้อุทิศส่วนกุศลถึงผู้ล้มผู้ตาย บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติมิตรมีตลอดมา สัตว์ทุกรายคนทุกคนมีญาติติดมาด้วยกัน นี่ละให้จำอันนี้ให้ดี แล้วก็สร้างบุญสร้างกุศลอุทิศไปให้ พระพุทธเจ้าลงรับสั่งอะไรแล้วรับสั่งด้วยความเมตตาสงสารอย่างล้นพ้นเลย เพราะทรงประจักษ์ในพระทัยเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง พวกเรามันหูหนวกตาบอด ใจดำน้ำขุ่นไปเสีย เลยไม่ได้เรื่องได้ราว นี่วันนี้เป็นวันบำเพ็ญกองการกุศลที่เราจะได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลถึงญาติมิตรของเราก็ให้ได้ทำในเวลาเช่นนี้ เวลาอื่นเราทำเราก็อุทิศไปให้เรื่อย ละ นั่น กำลังหลั่งไหลเข้ามา เออ ดีแล้ววันนี้เป็นวันบำเพ็ญกุศล พี่น้องทั้งหลายได้ร่วมบุญร่วมกุศลด้วยกันวันนี้

โยม หลวงตาเจ้าค่ะ อันที่แบบทำบาปถึงขั้นที่ว่าฆ่าพ่อฆ่าแม่ มันจะตกนรก   

หลวงตา อันนี้รับไม่ได้เลย

โยม เจ้าค่ะ แล้วทีนี้บาปยังไงคะ ที่เป็นแค่เปรตค่ะ ถามเป็นความรู้ สมมุติว่าไปแย่งเขากินอย่างนี้ก็บาปใช่ไหมคะ

หลวงตา ที่เบากว่านรกขึ้นมาจะเป็นเปรตประเภทไหนจะเป็นตรงนั้นแหละ

โยม ทำบาปแบบไหนคะหลวงตา ทำบาปประเภทไหน ไม่ถึงกับฆ่าสัตว์ใช่ไหมคะ

หลวงตา ถ้าผู้ใดมันด่าผัว แว้ พวกนี้เปรตพวกปากเปราะ  เข้าใจไหม เปรตพวกปากเปราะก็มี มันด่าพ่อบ้านผัวของมัน พวกนี้พวกเปรตปากเปราะ มันมีหลายเปรตนะ จำทุกคน มีพ่อบ้านแม่บ้านด้วยกัน ใครเป็นฝ่ายปากเปราะจะเป็นเปรตประเภทนั้นละเข้าใจเหรอ ถ้าต่างคนต่างสุขุมก็เป็นเทวบุตรเทวดาเป็นด้วยกัน นั่น

โยม หลวงตาเจ้าคะ อย่างเราอุทิศส่วนกุศล เราก็เอ่ย ชื่อพ่อชื่อแม่อยู่แล้ว ทีนี้ญาติสนิทมิตรสหายอย่างนี้ เราเอ่ยชื่อไม่หมด เราเอารวมก็ได้ใช่ไหมคะ

หลวงตา เอ่ยก็ได้ ไม่เอ่ยก็ได้ คือธรรมดาส่วนบุญส่วนกุศลของเราที่ได้จะไปถึงผู้นั้นเองโดยไม่ต้องมาจดทะเบียนบัญชี บางคนมันกำลังด่าผัวมันอยู่นี้มันก็ไม่ลงทะเบียนบัญชีให้เข้าใจไหม พวกนั้นก็จะขาด บุญท่านไม่ลำเอียง รู้หมด อุทิศ แปลว่า เจาะจงแก่ญาติเท่านั้นพอ อุทิศ หมายถึงว่า อุทิศ แปลว่าเจาะจงต่อญาติต่อนี้ทั้งหลาย แล้วทางนั้นรออยู่แล้วปั๊บเข้าถึงกันเลย เข้าใจเหรอ

วันนี้ก็เป็นวันสำคัญเหมือนกันทางพุทธศาสนา แล้วชาวพุทธศาสนิกชนเราถือวันเช่นนี้เป็นวันสำคัญที่จะรวมศรัทธากันระลึกถึงบุญถึงกุศล แล้วบำเพ็ญดังที่ว่านี้ อุทิศถึงผู้ล้มผู้ตายไป พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติมิตรซึ่งมีอยู่ด้วยกันทุกคน ทำบุญนี้แล้วก็ได้อุทิศส่วนกุศลถึงท่านเหล่านั้น ก็พลอยได้รับความดีบุญกุศลจากเรา ดังที่ว่าบางพวกไปสวรรค์ บางพวกลดกว่านั้น ลงมา ได้บุญกุศลจากเราแล้ว บางพวกที่พวกญาติใจดำน้ำขุ่นไม่ระลึกถึงบุญถึงกุศล ไม่ได้ทำบุญอะไรเลย ทีนี้ญาติทั้งหลายที่มารอรับส่วนบุญส่วนกุศลกลับไปด้วยความเสียอกเสียใจ ทั้ง ที่บรรดาเปรตทั้งหลายที่มา เขาได้รับส่วนบุญกุศลจากญาติจากมิตรของเขา บางพวกขึ้นสวรรค์ชั้นนั้น โดยลำดับลำดา บางพวกก็ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ นี่อำนาจแห่งการอุทิศส่วนกุศลให้กัน แล้วบางพวกที่ญาติทั้งหลายใจดำน้ำขุ่น ก็จะมีส่วนประกอบกับพวกเปรตนั้นอีก จึงทำให้ไม่สมหวัง บวกกันเข้าเลยไม่สมหวัง นี่ละมันมีหลายประเภทด้วยกัน วันนี้ก็เทศน์เพียงเท่านั้นละเพราะเทศน์มานานแล้ว ต่อไปนี้จะอนุโมทนา ให้ศีลให้พรนะ

 

อ่านและฟังธรรมะหลวงตาวันต่อวัน  ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก