เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
เศรษฐีสู้ไม่ได้
ก่อนจังหัน
พี่น้องทั้งหลายเข้ามาในวัดในวา อย่านำวิชาลิงอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสาร ซึ่งเป็นเหมือนส้วมเหมือนถานเข้ามาโปะในวัดในวานะ วัดท่านรักษาความสะอาดของอรรถของธรรม เลอะเทอะ เมื่อเช้านี้ก็ได้ว่าคนหนึ่ง มาลุกลี้ลุกลน ทั้งจับกล้องทั้งจะถ่าย. ชี้หน้าเอาเลย โห มันด้านขนาดนั้นนะเวลานี้ จนจะดูไม่ได้นะเรา เลอะขนาดนั้นไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ลุกลี้ลุกลน โถ ทำไมเป็นอย่างนี้ชาวพุทธเรา เห็นต่อหน้าต่อตาเราเมื่อเช้านี้ ดูไม่ได้นะ ให้พากันสำรวมบ้างเพื่อมีสาระติดเนื้อติดตัวมนุษย์บ้างนะ อย่าให้มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มบ้านเต็มเมือง เราดูไม่ได้นะพูดจริงๆ ดูไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นถึงได้ว่าเสียบ้าง ก็คือชำระ เอาน้ำสะอาดเทลงไป ไม่ทราบจะถูกหัวมันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คือสู้ส้วมถานมันไม่ได้ มันไม่ยอมรับน้ำที่สะอาด เลอะเทอะมากเวลานี้
ยิ่งวัดป่าบ้านตาดด้วยแล้วยิ่งเป็นตลาดแห่งความเลอะเทอะ ใครเข้ามาๆ นี้ดูไม่ได้นะ กิริยานิสัยที่เคยเลอะเทอะติดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจากบ้านจากเรือนที่ไหน ติดอยู่ในนั้น ออกไปมันก็เลยด้านไปหมด ไม่รู้จักว่าผิดว่าถูก ยางอายอย่าไปถาม ยิ่งพวกที่เข้ามาในศาลานี้ พระเลี้ยงมันจะตายละพวกนี้ มันหน้าด้านนะ อยู่แถวนี้ละนะ หน้าด้านมากทีเดียว เห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่อยู่แก่กิน ลุกลี้ลุกลน ว่าเราไม่ดูว่าเราไม่เห็นหรือ เห็นหมด วันนี้เป็นโอกาสที่จะพูด พวกด้านนี่มันพิลึกนะ
เป็นบ้านตาดก็ด้านตะวันตกบ้านตาด มีแต่พวกเลอะเทอะทั้งนั้นทีเดียว เลอะเทอะที่สุด ไม่มียางอายเลย ลุกลี้ลุกลน เห็นแก่ได้แก่เอา มันไม่ได้มีคำว่าอายนะพวกนี้น่ะ เลอะเทอะ ขนาดนั้น เห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่อยู่แก่กิน ไม่ได้เห็นแก่วัดนะ มาเท่าไรยิ่งหน้าด้านเข้าทุกวัน ๆ จนดูจะดูไม่ได้นะเราดู วันนี้ออกเสียบ้าง มันเลอะเทอะขนาดนั้น บ้านตาดของเรานี่แหละ คุ้มตะวันตกนี้คุ้มที่เลวมากที่สุด มาเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีคำว่าบุญว่าบาปนะ มันเห็นแก่ปากแก่ท้องเอาเสียเหลือประมาณ โอ๋ย จนทุเรศ ได้ยินหรือยังพวกนี้น่ะ บ้านตาดบ้านอีตาบัวนี่ละ ทำไมมันเลอะเทอะนัก อีตาบัวพาเลอะเทอะตรงไหนบ้าง เอ้า ๆ บอกมา เราพยายามแก้ตลอดมาอยู่แล้ว ตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้ เอ้า เลอะเทอะตรงไหนบอกมา เราจะเป็นผู้แก้ ใครเลอะเทอะเราก็ต้องบอกอย่างนี้ละ ความเป็นธรรมต้องดีอย่างนี้ด้วยกัน
โอ๋ย เลอะเทอะจริง ๆ นะ พวกหน้าด้านนี่ จำให้ดีนะ มันมาอยู่ที่คุ้มตะวันตกบ้านตาด มันรู้จักบาปจักบุญอะไร เห็นแก่อยู่แก่กิน เห็นแก่ปากแก่ท้อง คว้านั้นคว้านี้ โอ๋ย ดูไม่ได้นะ จนสลดสังเวชนะเราเองก็ดี ทั้ง ๆ ที่เมตตาให้ทั่วแดนโลกธาตุ แต่มันก็ทนอยู่ไม่ได้ ของความลามกจกเปรตของพวกเปรตพวกผีนี่ พิลึกจริง ๆ นะ การกล่าวคนนั้นคนนี้ คุ้มนั้นคุ้มนี้ เรากล่าวเราตำหนิผู้ผิดผู้ชั่วต่างหากนะ ผู้ดีเราไม่ตำหนิ อยู่ที่ไหนก็ไม่ตำหนิ ชมตลอดเวลา ไอ้ผู้ที่มันเลวนั้น ว่าผู้มันเลวต่างหากนะ
หลังจังหัน
สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑ บาท ดอลลาร์ได้ ๑๕ ดอลล์ รู้สึกว่าน้อยมาก ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๖,๗๐๐ กิโล ดอลลาร์ที่มอบแล้ว ๘ ล้านพอดี ทองคำและดอลลาร์ที่ได้เพิ่มหลังมอบเข้าคลังหลวงแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎานี้ ได้ทองคำ ๓๘๙ กิโล ๔๕ สตางค์ ยังขาดทองคำอยู่อีก ๑๑๑ กิโลจะครบจำนวน ๕๐๐ กิโล ซึ่งกำหนดไว้ตายตัว ลดไม่ได้นะ ๕๐๐ กิโลนี่ลดนิดหนึ่งไม่ได้เลยเชียว เอาหมัดเด็ดใส่ตรงนี้เลย ไม่เด็ดไม่ได้ กิเลสเอาไปกินหมด ธรรมะต้องเด็ด ถึงขั้นเด็ด เด็ดขาด ขาดสะบั้นไปเลย กำลังความดีไม่พอชนะความชั่วไม่ได้นะ ความชั่วหนักเท่าไรความดียิ่งหนัก ทางนั้นโหดร้าย ทางนี้โหดดี นั่นฟัดกันเลยซิ
ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้วเวลานี้ได้ ๓๘๙ กิโล ๔๕ สตางค์ ยังขาดอยู่อีก ๑๑๑ กิโลจะครบจำนวน ๕๐๐ กิโล ซึ่งกำหนดไว้ตายตัวแล้ว ดอลลาร์ได้ทีหลังหลังจากมอบแล้ว ดอลลาร์ได้ ๘๖,๐๔๘ ดอลล์ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมดเป็น ๗,๐๘๙ กิโล ส่วนดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ๘,๐๘๖,๐๔๘ ดอลล์ อ่านให้ฟังทุกวัน ๆ เพื่อจะได้รับทราบ เพราะเราเป็นเจ้าของประเทศ บกพร่องตรงไหนแสดงอยู่กับทุกคน ว่าเราบกพร่องด้วยกันทุกคน จะมาโอ่อ่าฟู่ฟ่าอยู่ได้เหรอ เดี๋ยวนี้มันขาดเท่าไร พวกเราทั้งหมด เอาเฉพาะแค่นี้เสียก่อน ยังไม่ได้เอามากนะ เอาแค่บนศาลานี่ คนหนึ่งมันขาดไปเท่าไร อย่างน้อยขาดไป ๒๕ สตางค์ พวกเราทั้งหมดคนละ ๗๕ ไม่เต็มบาท นี่เรายังขาดอยู่ เข้าใจไหม ถ้าอยากให้เต็มบาทเอามาซี นี่รู้ไหมเราขาดบาทขาดตาเต็ง เมืองไทยทั้งชาติขาดบาทขาดตาเต็ง เรายังจะสบาย ๆ อยู่เหรอ
ดีที่ไม่มีคนมาติดประกาศไว้ที่หน้าประตูวัด ว่าวัดป่าบ้านตาดกับลูกศิษย์ที่เข้ามาวัดนี้ไม่เต็มบาท อย่างมากไม่เลยคนละ ๗๕ สตางค์ เดี๋ยวเขาจะมาขโมยติด เผลอไม่ได้นะพวกเรา หลวงตานี้จึงได้ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ต้องเตือนกันเรื่อย ๆ ไม่งั้นเขาจะใส่หมัดเด็ด แล้วติดป้ายไว้นั้น วัดป่าบ้านตาดพร้อมกับลูกศิษย์คนละ ๗๕ สตางค์ ไม่เต็มบาท เขาว่างั้น เขาซ้อนเข้ามาอีก วันหลังให้ระวังนะถ้าเราไม่ได้ซ่อมของเราไว้ หมัดเขาเข้ามาแล้วติดนะ ติดหมัดเขา
วันที่ ๑๒ นี้จะเป็นวันรวบรวมสมบัติของเราที่จะเข้าสู่คลังหลวงดังที่อ่านแล้วนี้ ที่ว่าทองคำซึ่งเราจะให้ได้ตามกำหนด อย่างน้อยก้าวแรกในการมอบทองคำคราวหน้านั้น คือวันที่ ๑๒ สิงหาเป็นวันรวบรวมทุกอย่าง เรียกว่าเป็นวันงาน หลังจากนั้นแล้วได้ทองคำมากน้อยเพียงไรจะรีบเข้าหลอม พอเข้าหลอมแล้วทีนี้เราตายตัว คำพูดที่ตายตัวเด็ดขาดนั้นคือว่า ทองคำที่จะมอบคราวนี้ หลังจากสิงหาไปแล้ว สิงหานั้นเป็นวันงาน ได้ผลประโยชน์มากน้อยออกจากนั้น เราจะได้นับจำนวนเรียบร้อย รวมแล้วว่าให้ได้ ๕๐๐ กิโล ขาดไม่ได้ว่างั้น นี่ออกประกาศแล้วนะให้ได้ ๕๐๐ กิโล เป็นก้าวแรกเลย ถ้าได้คืบหน้าขึ้นไปก็ยิ่งดี ส่วนดอลลาร์เราไม่ค่อยกำหนดแหละ เพราะไม่ค่อยหนักอะไรมากนัก ส่วนทองคำนี้หนักมากก็เพราะคุณค่าสูง คุณค่าสูงหมายถึงอะไร ก็คุณค่าของชาติไทยเราซิ ลดทองคำเท่ากับลดคุณค่าของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาให้เต็มเรื่อยเทียว บกพร่องไม่ได้เลย
ขาดอยู่เวลานี้ ๑๑๑ กิโล อย่างไรต้องได้ ก้าวแรกก็ ๕๐๐ กิโล ส่วนดอลลาร์เวลานี้เราก็ได้ เรามาที่ไหนมันก็มาที่นั่น ไม่ว่าทองคำไม่ว่าดอลลาร์ เราไปที่กรุงเทพก็ขึ้นที่โน่น เรามาที่นี่ก็ขึ้นทางนี้ แม้ไม่มากเหมือนกรุงเทพก็ขึ้น ดอลลาร์นี่เป็นแสนต้องได้ละ เราไม่พูดถึงก็ตาม มันขบขันถึงเรื่องที่มอบทองคำคราวที่แล้วนี้ ขบขันเอามากทีเดียว คือเราจะมอบทองคำตอนที่ไปนี้ หมุนติ้วเลยกับทองคำ เราต้องมอบทองคำเสียก่อนเราถึงจะกลับอุดร เราว่างั้น เร่งทองคำไม่มีวันมีคืน จนกระทั่งได้เข้าถึงจุด จะมอบทองคำอย่างต่ำไม่น้อยกว่า ๕๐๐ กิโล เรียกว่าเราแน่ไว้แล้ว ก็บอกไปทางธนาคารชาติว่าวันที่ ๙ หรือวันที่ ๑๐ สองวันนี้ว่างวันไหนจะมอบทองคำ ตกลงกันเรียบร้อยว่ามอบวันที่ ๑๐
พอพูดตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทางโน้นก็ถามมาอีกละซิที่นี่ นี่คือว่าเราไม่คิดเลยนะ ไม่ได้คิดแม้นิดเดียวเลยกับดอลลาร์นะ หมุนตั้งแต่ทองคำตลอดๆ พอทองคำแน่นอนแล้วก็บอกไปว่าจะมอบทองคำวันที่เท่านั้น ทางโน้นก็ถามมาว่า การมอบทองคำคราวนี้นั้นจะได้มอบดอลลาร์ด้วยหรือเปล่า โอ๋ย เราสะดุดกึ๊กเลยเพราะเราไม่คิดเลย คือเราลืม มันหมุนไปกับทองคำ ทีนี้ทางโน้นทอดสะพานมาเกี่ยวกับเรื่องดอลลาร์ ทางนี้ก็เลยรีบทอดสะพานออกรับกันด้วยความไม่แน่ใจ ทางโน้นถามมาว่า การมอบทองคำคราวนี้จะได้มอบดอลลาร์ด้วยหรือเปล่า เราก็เลยตอบไปว่า การมอบดอลลาร์คราวนี้คงไม่ได้มากนัก ก็ยังไม่ได้คิดสักนิดหนึ่งจะได้มากมาจากไหน แต่แน่ใจว่าจะได้ พอทางนู้นเตือนทางนี้ก็เอา
พอขาดคำเท่านั้นทีนี้ซัดใหญ่เลย หมุนติ้วๆ เรามีอยู่ในบัญชีแล้วก็ประมาณสองแสน พอได้เรื่องขึ้นมาก็หมุนติ้วๆ ดอลลาร์ไปเข้าคราวนี้ได้ตั้ง ๔๓๒,๐๐๐ ทองคำได้ ๖๑๒ กิโลครึ่งนะ ที่ขาดเล็กขาดน้อยเป็นลำดับนั้น เราเอาเงินในบัญชีดอลลาร์ของธนาคารเป็นเกณฑ์ คือเราต้องการให้ได้ ๘ ล้าน ทีนี้เวลานี้ดอลลาร์เรามีเท่าไรที่ฝากคลังหลวงแล้วล่ะ ว่าขาดเท่านั้นๆ เพราะฉะนั้นทีแรกก็ว่าสองแสนขึ้นไป ต่อมาก็สามแสนกับสี่แสน จากนั้น ๔๓๒,๐๐๐ มันขาดเท่านั้นก็เพิ่มเข้าๆ จนพอ นั่นละคราวที่แล้ว คราวนี้ก็ได้แน่นอนละดอลลาร์ จะไม่มากเหมือนคราวที่แล้ว เพราะคราวที่แล้วเป็นความจำเป็น จำนวนของดอลลาร์บีบบังคับ คือให้ได้ ๘ ล้าน ขาดเท่าไรก็เอามาเพิ่มๆ
นี่จะพยายามให้เต็มสัดเต็มส่วนเกี่ยวกับเรื่องทองคำ ดอลลาร์ ที่เป็นสมบัติของชาติไทยเรา นี่เป็นเครื่องวัดความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงแห่งพี่น้องชาวไทยเราเป็นสำคัญคราวนี้ เพราะฉะนั้นว่าจุดไหนจึงต้องให้ได้จุดนั้น แสดงน้ำใจ เรียกว่าเด็ด จะมาอ่อนแอไม่ได้นะ ถึงคราวแข็งต้องแข็ง แข็งเพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองเป็นไรไป เราต้องเอานี้ให้ได้ พอสิงหาผ่านไปแล้วเราก็จะรวบรวมทองคำ ดอลลาร์ นี่สำคัญ ทองคำหลอมอย่างรวดเร็วเลย ได้จำนวนเท่าไร ได้จำนวนเท่านั้น อย่างน้อยคือว่าได้ตามกำหนดที่เราตั้งไว้เป็นก้าวแรก คือ ๕๐๐ กิโล พอได้นี้แล้ว เราก็กำหนดมอบทองคำวันที่เท่านั้น นี่เราก็ลงกรุงเทพฯ พอลงไปก็ไปมอบตามนั้น
เพราะไปกรุงเทพฯคราวนี้จะไปในทางสัตตาหะ คือไปได้ภายใน ๗ วันตามพระวินัย จะไปค้างคืนที่อื่นได้ภายใน ๗ วัน นี่เราก็จะสัตตาหะ สัตตาหะแปลว่า เจ็ด นี่เราก็จะไปหลังจากวันที่ ๑๒ งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วกำหนดวันมอบ จากทองคำที่ได้ครบจำนวนแล้ว นั้นแหละมอบวันนั้นเราไปวันนั้นมอบ ๗ วันกลับ ที่เข้มข้นไว้ตรงนี้ก็เผื่อก้าวหน้าจะหนัก เราจึงต้องให้หนัก เริ่มช่วยหนุนกันตั้งแต่ก้าวนี้ไป ข้างนี้ก้าวหนักแล้ว ข้างหน้าก็จะไม่หนักมากไป เราคิดว่าอย่างงั้น กะไว้ๆ กฐินนี้ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ละ กฐินก็ใหญ่โต
พอถึงเดือนธันวาขีดเส้นตายกันเดือนธันวา สิ้นเดือน ในจำนวนทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เอาให้ได้จุดนี้เลยเชียว ส่วนดอลลาร์เราก็ค่อนข้างแน่ใจไว้แล้วจึงไม่ค่อยเป็นอารมณ์ ที่ว่าจะให้ได้ ๑๐ ล้านเวลานี้ก็ได้ ๘ ล้านแล้ว ถึงได้ ๘ ล้าน แล้วเราก็ยังไม่หนักใจอยู่ตลอดอยู่นั้นแหละ ทองคำหนัก แต่เชื่อพี่น้องชาวไทยเราได้ นั่นเอาตรงนั้นนะ เราเชื่อพี่น้องชาวไทยเรา เป็นผู้รักสงวนสมบัติของชาติมาดั้งเดิมอยู่แล้ว ไม่เคยเลื่อนลอย ถึงเวลาจำเป็นที่จะฉุดจะลากกัน คนไทยทั้งชาติจะทราบกันทันที ขึ้นผึงเลย เพราะฉะนั้นเราจึงแน่ใจว่า ทองคำจะได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ถึงวันนั้น ได้แน่เลย ทีนี้เมื่อได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว เราก็เปิดบัญชีเอาไว้ คือบัญชีนี้เราจะไม่หยุด ทั้งทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เราจะเปิดบัญชีไว้ตามเดิม เวลาได้มามากน้อยเท่าไรแล้ว เราจะปฏิบัติกับพี่น้องชาวไทยเราตามเดิม เป็นแต่เพียงว่าเราจะไม่ออกรบกวน ดังที่เคยรบกวนอยู่นี้
ทุกวันนี้เขาไม่อยากเห็นหน้าหลวงตาบัวนะ ไปไหน ไหนล่ะทองคำ ไหนล่ะดอลลาร์ เขาไม่อยากเจอหน้า วิ่งเข้าป่าเข้ารก ทีนี้เวลาได้ ๑๐ ตันแล้วไม่กวน หยุดกึ๊กเลย กิริยาอย่างนี้หยุด ขาดสะบั้นไปไม่มีเงื่อนต่อ ก็มีตั้งแต่เราเปิดบัญชีไว้ แล้วก็เปิดช่องที่ว่างไว้ดังที่เคยเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบตอนที่เราเข้าไปดูทองคำในคลังหลวงของเรา ไปดูแล้วทองคำเรามีอยู่ในคลังหลวงมันคี่มันไม่คู่นะ แต่เรายังไม่พูด เพราะทองคำที่มีความจำเป็นมากกว่านั้น เราจะหมุนทางนี้ก่อน เพราะฉะนั้นจึงหมุนทองคำนี้ให้ได้ ๑๐ ตัน ส่วนมันคี่นี้ค่อยไหลเพิ่มเข้ามาๆ ดังที่เราเปิดบัญชีไว้นี้เพื่อจะได้ส่วนที่เศษที่เหลือจาก ๑๐ ตันนี้เข้าเพิ่มให้เป็นคู่ไม่ให้คี่ นี่ละเราพยายามอย่างนี้ กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบไว้นะ
ไม่ว่าดอลลาร์ไม่ว่าทองคำ เราจะเปิดไว้อย่างนั้น ทั้งเงินสด เงินสดนี้ควรคัดเข้าไปซื้อทองคำเราก็คัด เพราะเราเป็นผู้รับผิดชอบเอง คอยดูอยู่ตลอดเวลา มันเป็นห่วงด้วยกันทั้งคลังหลวง ทองคำ ดอลลาร์ ทั้งประชาชนทั่วประเทศ นี่ละที่ว่าเงินสดเราไม่ได้ซื้อทองคำเข้าคลังหลวงเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ยังมีข้อแม้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น ตั้งแต่วันประกาศที่ออกช่วยชาติทีแรกนั้น บอกว่า ทองคำกับดอลลาร์นี้เราจะเข้าคลังหลวงร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนเงินสดนั้นจะแยกออกตามกิ่งก้านสาขาของประเทศไทยเราทั่วประเทศ โดยช่วยบรรดาพี่น้องทั้งหลายตามสถานที่บุคคลที่มีความจำเป็น ยากจน ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือจากเงินจำนวนนี้ เราจะนำเงินจำนวนนี้ไป นี่เราประกาศตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะเอาออกไปไหนก็ได้ เพราะเราประกาศให้ทราบแล้ว
เป็นความรับผิดชอบของเราเอง เราพยายามเจียดเงินสำหรับที่จะซื้อทองคำตลอดมา นี่ก็ได้ดูเหมือนสองพันล้านกว่าที่เราซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ทีแรก ๑,๑๑๒ ล้าน คราวนี้ก็มาเพิ่มเข้าอีกดูเหมือนเป็นสองพันกว่าล้านนะ นี่ละเพียงเท่านี้ เงินเรามันมีตั้งหลายพันหรือเป็นหมื่นๆ ล้านนะที่เราออกช่วยประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เล็กน้อยนะ มีทุกภาคเลย เงินสดนี่ออกหมดทุกภาคในประเทศไทย ไม่มีเว้นภาคไหนเลย ออกหมด เราพยายามเจียดอยู่อย่างนั้น เจียดโดยลำพังเราเองนะ ความจำเป็นมากน้อยเพียงไรเราก็สั่งปั๊บ คัดออกๆ เรื่อย จนกระทั่งถึงเต็มภูมิของเราที่มีความมุ่งหวังช่วยพี่น้องชาวไทยเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เราไม่มีอะไร เราก็ได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยธรรมเต็มสัดเต็มส่วน ความลี้ลับอะไรไม่มีเลย บอกว่าเราช่วยโลกคราวนี้เราช่วยด้วยความพอทุกอย่าง สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรบกพร่อง สมบูรณ์เต็มที่ ในหัวใจเราก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรเข้าไปแฝง ตั้งแต่ขณะกิเลสตัวสำคัญๆ ยุแหย่ก่อกวนทำลายขาดสะบั้นลงไปจากใจ เรื่องราวทั้งหลายก็ขาดไปพร้อมกันกับกิเลสซึ่งเป็นตัวเหตุขาดไป มีแต่ธรรมล้วนๆ ก็ไม่มีอะไร ก็มีแต่ความเมตตาโลก เรียกว่าเต็มสัดเต็มส่วน ถึงขนาดติดหนี้ยังมี ส่วนมากจะเป็นโรงพยาบาล คือเครื่องมือแพทย์ เราดูเครื่องมือเครื่องนี้กับความจำเป็นของคนไข้มีมากน้อยเพียงไร นี่ละมันมีน้ำหนักมากกว่าการติดหนี้ การติดหนี้ไม่ได้หนักเท่าคนไข้ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือนี้ เอ้า ติดๆ ติดอยู่เรื่อยๆ นะ
แต่ไม่เคยได้เข้าคุกแหละ คนติดหนี้เขาต้องเป็นนักโทษซี ต้องเข้าคุก แต่ลูกศิษย์ลากออกมาก่อนทุกที ไม่เคยเข้า หลายหนแล้วนะติดหนี้ ด้วยเครื่องมือแพทย์ทั้งนั้น นอกจากนั้นเราไม่เคยติดเพราะเราคำนวณทุกอย่างแล้ว เช่นอย่างตึกหลังนั้นประมาณเท่าไรๆ ตึกหลังนั้นๆ ประมาณเท่าไร รถคันนั้นประมาณเรียบร้อยไว้ไม่ผิดเลย ตามนั้นๆ จึงไม่เคยติดหนี้ สร้างตึกมานี้ โถ ไม่ทราบว่ากี่สิบหลัง ตั้งแต่ ๔ ล้านขึ้นไปตึกแต่ละหลัง ฟาดถึง ๑๔-๑๕ ล้านก็มี เวลานี้ก็กำลังเรือนจำลาดยาว ตึกสองหลังใหญ่ รวมแล้วเป็น ๓๐ ล้าน พื้นฐานวางไว้ ๓๐ ล้านแล้ว จะกว่านั้นอีก อันนี้ก็เตรียมพร้อมไว้ๆ แล้วตึกเวลานี้สร้างอยู่ทางพังงา ตึกโรงพยาบาลสองโรง แล้วโรงเรียนแห่งหนึ่ง นี่หมายถึงตึก ส่วนรถเราไม่นับ เครื่องมือแพทย์มีจนกระทั่งถึงนราธิวาส มีทั่วไปหมด
ส่วนตึกทางโน้น ๓ หลัง แล้วลาดยาว ๒ หลัง เป็น ๕ หลัง ๖ หลังกับโนนสะอาด เวลานี้กำลังสร้างตึกโนนสะอาดหลังหนึ่งสองชั้น แล้วให้กำแพงอีก ๓ ด้าน ด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก ส่วนทางทิศตะวันออกนี้ทางถนนเขามีรั้วแล้ว ไม่ให้แหละ เราให้ ๓ ด้าน แล้วเราก็คำนวณเงินไว้ในบัญชีนะ เพราะฉะนั้นจึงได้บอกกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายว่า เราตายนี้ตายด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง แม้สตางค์หนึ่งเราไม่เคยคิดว่าจะนำมาเป็นของเรา เวลาจำเป็นก็จะใช้นั่นแหละ แต่เราไม่เคยคิดกับมันเพราะเหลือเฟือทุกอย่าง วัดนี้เหลือเฟือ แจกจ่ายไปทั่วดินแดน ไม่ว่าวัตถุไทยทานต่างๆ ได้มามากน้อยแยกแจก ใส่รถบรรทุกเต็มรถๆ ออกแจกจ่ายตามหมู่บ้านที่จำเป็นและตามวัดตามวาเรื่อยมาจนกระทั่งป่านนี้ วัดนี้จึงไม่เคยมีอะไร จะเก็บจะอะไรไว้ไม่เคยมี
เงินอยู่ในบัญชีก็มี จำนวนเหล่านี้นะ อยู่ในจำนวนที่เราคิดคาดไว้เรียบร้อยแล้วกับตึกนั้นๆ อยู่ในบัญชีนี้ทั้งหมด เวลานี้ยังไม่จ่าย นี่เวลาหลวงตาบัวตายแล้วมันจะมาโฆษณานะพวกเปรตพวกมาร พวกจะคอยทำลายชาติ ทำลายศาสนา ทำลายคนดี มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง มันแทรกอยู่เป็นเหมือนตาสับปะรดนะพวกนี้ มันจะมาโจมตีหลวงตาว่า หลวงตาไม่มีเงิน ทำไมเวลาหลวงตาตายแล้วเงินอยู่ในบัญชีเท่านั้นล้านเท่านี้ล้าน เพราะเวลานี้ในบัญชีมีเป็นล้านๆ นะ ก็ล้านๆ เพื่ออันนี้เอง เข้าใจไหมล่ะ นี่นาคำน้อยก็ ๑๒ ล้าน กำแพงเราทำไว้ ๒๐ ล้านกว่า พอดีน้ำมามันฟาดเสียพังจนแหลก เลยซ่อมใหม่ ให้ใหม่ เขากะงบประมาณเรียบร้อยแล้วว่า ๑๒ ล้าน นี่ก็เตรียมมาไว้แล้วอยู่ในบัญชีนี้ อย่างนี้แล้ว ทางโน้นก็เหมือนกัน ลาดยาวตึกไหนๆ อยู่ในบัญชีนี้หมด เวลาหลวงตาตายแล้วเงินจะกองอยู่ในบัญชีนี้ เขาก็จะหาว่า หลวงตานี้ว่าไม่มีเงิน ทำไมเศรษฐีสู้ไม่ได้ เขาจะว่า เข้าใจไหมล่ะ
ให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้ว่า เงินจะมีอยู่เท่าไรก็ตาม จะไม่มาทางหลวงตาบัว ไม่มาเลย จะออกช่วยโลกตลอด แม้ที่สุดเวลาเราจะตายเราก็เขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว บอกพระว่า พินัยกรรมนี้เก็บไว้ในตู้ เวลาเราตายแล้วให้เอามาอ่าน การเผาศพหลวงตาบัว บรรดาพี่น้องชาวไทยเราลูกศิษย์ลูกหาที่มาบริจาคทานในงานศพหลวงตาบัวนี่ เงินมีมากน้อยเพียงไรเราจะตั้งกรรมการ ให้เก็บรักษาเงินจำนวนนี้ทั้งหมด พอได้แล้วจะเอาเงินนี้ทั้งหมดซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ส่วนหลวงตาจะเผาด้วยไฟ เราบอกแล้ว สมบัติเงินทองยังเป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ เราจะทำประโยชน์ต่อไป สำหรับเราหมดสภาพแล้วให้เผาด้วยไฟ นี่บอกเรียบร้อยแล้ว ตายแล้วไม่มีปัญหา ขนาดนั้นแหละเราสละกับพี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวด้วยเจตนา ไม่มีเลย ถึงของจะมีอยู่ก็มีเพื่อจะออกๆ ทั้งนั้น กรุณาทราบทั่วหน้ากันว่า หลวงตาได้ทำความบริสุทธิ์กับพี่น้องทั้งหลายนี้เต็มสัดเต็มส่วน
คิดดูซิว่าเงินแม้บาทเดียว หลวงตาไม่เคยไปแตะนะ ทั้ง ๆ ที่หลวงตาเก็บรักษาตั้งแต่ ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดมานี่ บาทหนึ่งหลวงตาไม่เคยแตะด้วยความทุจริตผิดธรรมมัวหมองมืดตื้ออย่างนี้หลวงตาไม่ทำ มากน้อยเพียงไรด้วยเหตุด้วยผล จ่ายเท่าไรจ่าย จ่ายตามเหตุตามผลตลอดมาอย่างนี้ กรุณาทราบเอาไว้ เพราะพวกเปรตพวกผีมันมีนะ คอยจะทำลายคนดี สิ่งใดที่เป็นของดีมันจะไปเผาไปจุดไปเตะไปถีบไปยันแหลกเลย อย่างนี้ละเมืองไทยเรามี เมืองไหนมันก็มีเหมือนกัน เราก็ได้เตือนให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้
เทศน์ไปที่ไหนก็ไม่พ้นที่จะหมุนเข้ามาหาจิตตภาวนานะ ที่ปลงที่วางของความทุกข์ความกังวลทั้งหลายจะอยู่ที่ภาวนานะ พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ ไม่ว่าในว่านอก จะเป็นสิ่งที่ก่อกวนตลอด ได้มาเสียไป วิ่งเต้นขวนขวาย ได้มาเสียไป ความสุขความทุกข์จึงสับสนปนเปกันอยู่อย่างนี้ละ เวลามันทุกข์กับสิ่งภายนอกมากๆ ให้ย่นจิตเข้ามาภายใน เข้ามาสู่อารมณ์ภาวนา เอา พุทโธ ตั้งกึ๊กลงไปในหัวใจเรา เอาพุทโธบีบหัวใจปุ๊บ แล้วสติจับปุ๊บเข้าไปกับพุทโธไม่ให้เผลอ อย่าคิดเรื่องราวเหล่านี้ซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟและเคยคิดมามากแล้ว คราวนี้จะให้คิดกับพุทโธซึ่งเป็นอารมณ์ของธรรม จะดับไฟในใจที่กิเลสก่อขึ้นมาไปได้โดยลำดับ แล้วทำความสงบใจเสีย สงบได้มากน้อย แล้วเรื่องราวทั้งหลายจะจางไปหมด ความสงบเข้าสู่ใจแล้วเย็นสบาย ๆ
ยิ่งผู้มีจิตใจได้รับความสงบมากน้อยเพียงไรแล้ว ความสุขจะเด่นขึ้นๆ ที่ใจ เช่นเดียวกับความทุกข์ไม่อยู่ที่ไหนในสามแดนโลกธาตุ อยู่ที่ใจดวงเดียวเป็นผู้สร้างความกังวล แล้วเอาไฟมาเผาตนจากความกังวลนั้นๆ ทีนี้เวลาความกังวลนี้ระงับลงไปด้วยน้ำดับไฟคือการภาวนาสงบใจของเราแล้ว ความเย็นฉ่ำจะปรากฏขึ้นที่ใจของเรา นี้คือที่ปล่อยที่ปลดที่ปลงความทุกข์ทั้งหลาย ปลงที่ใจด้วยจิตตภาวนา ซึ่งกิเลสมันยุ่งมันหาฟืนหาไฟมาเผาเรา นั่นเป็นเรื่องของกิเลส ก็จะมารวมที่ใจดวงเดียวทุกข์ที่นี่นะ เวลาน้ำดับไฟคือภาวนาสงบลงไป ความทุกข์ทั้งหลายจะจางไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือ นี่อันหนึ่ง
ทีนี้อันสุดท้าย ผลอันเลิศเลอของพุทธศาสนาที่เราทั้งหลายเทิดทูนอยู่ตลอดมานี้คือพุทธศาสนา ได้แก่ธรรม อันนี้เป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอดจากคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกแง่ทุกมุมทุกขั้นทุกภูมิของธรรม ไม่ผิด ตรงแน่วเลย ให้พากันปฏิบัติ อุตส่าห์พยายาม เรื่องความทุกข์นี้ทุกข์ไปด้วยกันทั่วหน้านั่นแหละ เราอย่าว่าแต่มนุษย์ทุกข์ สัตว์ก็ทุกข์เหมือนกันเต็มวัดเต็มวา มันก็ทุกข์ของมันตามสภาพของสัตว์ของคน ของเราของท่าน ให้ต่างคนต่างพยายามปฏิบัติรักษาตนด้วยความเป็นผู้มีอรรถมีธรรม อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ การปล่อยเนื้อปล่อยตัวนี้มันหมดราค่ำราคาเพราะการปล่อยนะ ความมีราค่ำราคามีเพราะการรักการสงวนการบำรุงรักษาตัวของเรา เอาธรรมเข้าเป็นเครื่องมือแนวทางพาดำเนิน เอากิเลสพาดำเนินเอาไปถลุงหมดนะ ถ้าธรรมพาเดินจะกวาดจะต้อนสิ่งไหนที่บกพร่องเข้ามาสู่ความสมบูรณ์พูนผล นี่คือธรรม ให้พากันจดจำเอาไว้ทุกคน
การภาวนานี้อย่าปล่อยอย่าวางนะ ปลดปล่อยได้อย่างนี้จริง ๆ การภาวนาปลดปล่อยได้ตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งปล่อยโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือเลย นั่นละท่านว่าบรมสุขคือท่านผู้สิ้นภัยได้แก่กิเลสทุกประเภทจากดวงใจไปหมดแล้วคือพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน ท่านเหล่านี้ไม่มีทุกข์ตลอดไปเรียกว่า นิพพานเที่ยง โลกนั้นมีความทุกข์ตลอดไปไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย ทีนี้เรื่องธรรมเมื่อเข้าบรรจุใจของเราจากการบำเพ็ญของเราจนถึงจุดที่หมายแล้วก็คือพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน จะไม่มีความทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายเข้าแทรกเลยตลอดไป เรียกว่า นิพพานเที่ยง นี่ละคุณค่าแห่งการบำรุงรักษาจิตใจ
ถึงจะยากลำบาก ทุกข์ขนาดไหน ทุกข์เพื่อสุข เอ้า ทุกข์เถอะ ไอ้ทุกข์เพื่อมหันตทุกข์อย่าไปเสาะแสวงกับมันนะ กิเลสนี้ทุกข์เพื่อมหันตทุกข์ เสาะแสวงตามมันเท่าไรวิ่งตามมันเท่าไรยิ่งทุกข์มาก ส่วนทุกข์การประกอบความดีงามของเรา เอ้า ทุกข์ ทุกข์อันนี้ทุกข์เพื่อความสุข ทุกข์มากเท่าไรความสุขจะก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ดึงเรื่อยเป็นบรมสุขได้ เอาละที่นี่นะ จะให้พร
ชมการถ่ายทอดสดทุกวัน ได้ที่
www luangta com หรือ www.luangta.or.th
|