เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕
อบายมุข
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส (๓ จบ)
อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา สมชีวิตา กัลยาณมิตตตาติ
บัดนี้จะแสดงธรรมเพื่อชี้แนวทางดำเนินแก่บรรดาท่านผู้อยู่ครองเรือน ซึ่งมีกิจธุระมากยากที่จะดำเนินให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอโดยไม่ผิดพลาดได้ เพราะการงานและสังคมความเกี่ยวข้องในระหว่างหมู่เพื่อนด้วยกันมีมาก ซึ่งอาจเหลือวิสัยที่จะทำให้ถูกต้องเสียทุกอย่าง ถ้าไม่ได้สำเหนียกศึกษาไว้พอประมาณ คนเราที่ทำตนให้พลาดท่าลงไปจนถึงกับตั้งตนไม่ได้ เนื่องจากการศึกษาน้อย ๑ มีการศึกษามากแต่ขาดการยับยั้งน้ำใจ ๑ จึงเห็นสิ่งใดที่เป็นชอบเลยเข้าใจว่าดีและเป็นประโยชน์ไปเสียเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ทอดตนลงเป็นทาสแห่งความผิดนั้นๆ โดยไม่รู้สึกตัว เพราะงานทุกชิ้นพึงทราบว่าเป็นคู่มิตรกับเจ้าของงาน คนชั่วก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับสุภาพชนทั่วๆ ไป จึงยากที่จะสังเกตเลือกคบเท่าที่ควร
ถ้าผู้สนใจใคร่ต่อความดีจริงๆ แล้ว ก็พอจะทราบได้ในลักษณะของงานที่ชั่วและคนเลวทรามว่า มีต้นเหตุอันไม่ดีขึ้นกับรูปงานและตัวของเขาเอง เช่น ผลงานอันเกิดจากทุจริตมีการปล้นสะดม เป็นต้น ย่อมทำผู้นั้นให้ได้รับโทษมีประการต่างๆ เช่นติดคุกนอนอยู่ในเรือนจำจนกลายเป็นคนอับแสงไปเสียทั้งร่าง มีแต่ความทุกข์ทรมานตลอดเวลาที่ตนยังเสวยผลกรรมนั้นอยู่ เมื่อผลของความชั่วประกาศตัวให้เราทราบว่าไม่ดีตลอดกาลเช่นนี้ แม้ผู้จะทำความชั่วจึงเริ่มประกาศตัวว่าเป็นคนพาลในขณะเริ่มลงมือทำ เพราะฉะนั้นความชั่วกับคนชั่วจึงพอสังเกตได้ในขณะเดียวกัน ซึ่งพอจะหาทางหลีกเลี่ยงได้โดยมารยาทอันดีงามของเรา
ตราที่บอกไว้ให้เราทราบว่าเขาเป็นคนชั่ว ก็ประทับไว้กับกาย วาจา ใจของเขาอยู่แล้ว ในอันดับต่อไปที่เราจะควรทราบก่อนอื่นคือ ตัวเราผู้พร้อมอยู่แล้วที่จะทำทั้งความดีและความชั่วอยู่ทุกขณะ จึงควรสำนึกและปรับปรุงตัวเองในทางที่ดี เพื่อดำเนินงานให้ได้ผลเท่าที่ควรแต่ต้นจนอวสานแห่งชีวิต หลักธรรมที่ท่านวางไว้นี้เพื่อประกันคุณภาพของบุคคล ไม่ให้ทอดตนลงสู่ความเลวทรามมีอยู่มาก แต่จะยกมาแสดงพอเหมาะกับนิสัยของผู้ปฏิบัติและกำลังของผู้ปฏิบัติมีดังนี้ อิตฺถีธูโต ปุริสธูโต อย่าทำตนเป็นคนชอบอวดรูปโฉมโนมพรรณ ในรูปร่างทรวดทรงและความงามของตนจนเกินวัยและความพอดี จะเป็นคนทำลายศักดิ์ศรีและความงามอันล้ำค่า คือคุณธรรมภายในใจของตนให้ขาดสะบั้นลง ทั้งขาดความนับถือของสังคมผู้ดี และไม่เป็นที่ไว้วางใจของครอบครัวตลอดผู้ปกครองทั่วๆ ไป
เพราะคนที่เป็นนักเลงหญิงและนักเลงชายย่อมกลายเป็นคนเจ้าชู้ ชอบสนุกสนานในทางกามารมณ์โดยไม่รู้สึกตัว ที่กินอยู่หลับนอนไม่เป็นหลักเป็นฐาน ชอบเที่ยวในสถานที่มีสิ่งยั่วยวนใจให้เพลิดเพลินอยู่ตลอดเวลา และชอบถือเอาที่เช่นนั้นเป็นที่กินอยู่หลับนอนจนลืมตัว ลืมการงานบ้านเรือน หมดความสนใจในทางให้เกิดประโยชน์แก่ตนและครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา จะมีกินมีใช้หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน แม้จะเป็นจะตายเขาไม่สนใจทั้งนั้น สมบัติเงินทองจะหมดไปเพราะสิ่งยั่วยวนใจย่อมเป็นที่พอใจของเขา ไม่เคยตั้งเลขบวกลบในรายรับจ่ายของตนว่าได้มาและเสียไปเท่าไร และเสียไปเพราะเหตุใดบ้าง
คนเราลงได้เป็นนักเลงแล้ว ไม่ว่านักเลงอะไรต้องเป็นนักจ่ายขึ้นหน้าเสมอ เพราะฉะนั้นการเป็นนักเลงจึงทำให้เสื่อมเสียนิสัยและโภคทรัพย์ ท่านจึงเรียกว่าอบายมุขคือ ทางแห่งความเสื่อม สุราธูโต อย่าเป็นนักเลงดื่มสุรา จะเป็นเหตุให้เสียทั้งทรัพย์และก่อการทะเลาะวิวาท เมื่อดื่มเข้ามากๆ ทำให้เกิดโรค ถูกติฉินนินทา หมดมารยาทอันดีงามและหมดยางอายต่อบุคคลทุกชั้น หมดความเคารพในสถานที่ที่บุคคลควรเคารพ ทั้งทอนกำลังสติและปัญญาลงโดยลำดับ ความจริงถ้าสุราและนักเลงสุราได้แพร่ไปในสถานที่ใดมาก ที่นั้นไม่ค่อยจะได้รับความสงบสุข แต่จะเป็นไปด้วยเรื่องราวต่างๆ มีการทะเลาะเบาะแว้ง ฆ่าฟันรันแทงถึงตายเพราะฤทธิ์สุราก็มีมาก ดังปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน
แม้จะใช้นามแฝงว่าเป็นยาเสริมบ้าหรือยาผลิตบ้าก็คงจะไม่ผิด เพราะคนดีๆ มีสติสมบูรณ์เรานี่เอง พอดื่มยาเสริมหรือยาผลิตนี้เข้าไปพอสมควรแล้วไม่เพียงกี่นาที จะเห็นสมุนของความไม่มีสติเริ่มแสดงออกมาทันที เป็นอาการอวดมั่งอวดมี อวดดีอวดฉลาดและอวดเก่งกล้าสามารถ จะปราดออกมาทางกาย วาจาทันที เพราะฤทธิ์สุราเข้าไปทำลายใจให้เสียหลักแล้ว สติปัญญาซึ่งเป็นเครื่องรักษาใจต้องล้มละลายไปตามๆ กัน มีแต่ฤทธิ์สุราเข้าควบคุมหัวใจท่าเดียว จึงสามารถฆ่าได้ทั้งลูกทั้งเมียและญาติมิตรสหาย ตลอดบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าที่อุตส่าห์เลี้ยงดูมาแต่วันตกคลอด ทั้งนี้เพราะอำนาจฤทธิ์ดีกรีมันสูงจรดฟ้า จึงมองลงมาเห็นคนในเมืองมนุษย์ตัวเล็กเท่าหนูไป ถ้าฤทธิ์สุราได้ออกหน้าในสังคมและวงงานด้วยแล้ว ต้องกลายเป็นสังคมและวงงานที่แหลกเหลวไปทั้งนั้น ไม่มีความเรียบร้อยสวยงามจะตั้งอยู่ได้เพราะฤทธิ์สุราเป็นเหตุเลย
เพราะฉะนั้น ณ เวลาท่านเห็นภัยอันได้เกิดจากฤทธิ์สุรา ว่าจะทำความเสียหายให้แก่มวลมนุษย์ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงรีบห้ามไว้เสียแต่ต้นมือ เพื่อผู้สนใจใคร่ต่อความเจริญแก่ตนและส่วนรวม จะมีทางหลีกเลี่ยงไปได้กลายเป็นคุณต่อตนและส่วนรวม ทางด้านพระศาสนาท่านถือว่าเป็นโรคร้าย สามารถทำลายสิ่งที่มีคุณค่าในตัวมนุษย์ให้เสียไปเพราะสุราเป็นตัวก่อเหตุ ส่วนทางโลกผู้แสดงไม่ค่อยมีความฉลาดพอ จึงไม่สามารถนำมาแสดงให้ท่านผู้ฟังได้ทราบโดยละเอียดว่า การดื่มสุราได้ผลดีพอที่จะสามารถทำคนบ้าหรือคนชั่วให้กลายเป็นคนดีมีความฉลาดปราดเปรื่องได้อย่างไรบ้าง จึงขอให้เป็นหน้าที่ของท่านผู้เคยผ่านโลกมานานวินิจฉัยกันเอง
นี่เพียงกล่าวตามหลักธรรมที่ท่านว่า สุราธูโต เป็นความเสื่อมเสียนิสัยและโภคทรัพย์ของมวลมนุษย์ได้ทางหนึ่งเท่านั้น อกฺขาธูโต อย่าเป็นนักเลงเล่นการพนัน เพราะการพนันมีหลายประเภทจนไม่สามารถจะนับอ่านได้ เพราะผู้ชอบในทางนั้นผลิตกันขึ้นทุกวัน เราควรทำความเข้าใจอย่างง่ายๆ ว่า การหวังแพ้หวังชนะมีเงินทองหรือสิ่งของมีค่ามากหรือน้อยก็ตามเป็นเครื่องตอบแทนในความแพ้ความชนะนั้นๆ เรียกว่าการพนันทั้งนั้น ผู้ชอบเล่นการพนันจนติดนิสัยแล้ว ต้องเป็นนักพลิกแพลงทางกลมายาเพื่อล่อลวงทรัพย์จากคนอื่นมาเป็นของตน พูดฟังง่ายๆ ก็ว่านักคว่ำกินหงายกินนั่นเอง เรียกว่าทำตนให้หมดความเชื่อถือไม่มีใครไว้วางใจได้
เหมือนวานร สัตว์ประเภทนี้แม้ใครๆ จะนำมาเลี้ยงไว้ในบ้านเป็นเวลานานจนคุ้นและเชื่องต่อเจ้าของแล้วก็ตาม แต่จะประมาทนอนใจในสัตว์ประเภทนี้ไม่ได้อยู่นั่นเอง พอเจ้าของบ้านเผลอเมื่อไรทั้งได้โอกาสก็ทุบถ้วยทุบชาม ทุบต่อยหม้อข้าวหม้อแกง กัดฉีกเสื้อผ้าและทำลายสิ่งของมีค่าในบ้าน ตลอดจนเอาไฟเผาบ้านเผาเรือนให้ไหม้แหลกเป็นจุณวิจุณไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นสัตว์ประเภทนี้ใครจะนำมาเลี้ยงไว้ ต้องผูกล่ามหรือขังไว้ในกรง จะปล่อยให้เป็นอิสระเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ย่อมไม่ได้ และเป็นสัตว์อันใครๆ ไว้ใจไม่ได้ตลอดกาลด้วย
นักเลงเล่นการพนันก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน โทษที่ตนได้รับย่อมมีการก่อเวรกับผู้แข่งขัน เสียทรัพย์โดยปราศจากประโยชน์หนึ่ง เสียนิสัยกลายเป็นคนอันใครๆ ไม่เชื่อถือหนึ่ง ชอบเป็นขโมยเพราะการพนันเป็นต้นเหตุหนึ่ง ทรัพย์มีมากน้อยย่อมหมดไปเพราะการพนัน ทรัพย์ที่ได้มาก็เพื่อการพนัน แม้การแสวงหาทรัพย์ก็ชอบแสวงหาในทางที่ผิด สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีไม่ชอบแต่งงานด้วย เพราะกลัวจะเผาผลาญทรัพย์สินแล้วพาเขาให้ล่มจม นี่อธิบายเพียงย่อๆ พอเป็นคติเครื่องเตือนใจให้ท่านผู้ฟังได้ทราบว่า การเป็นนักเลงเล่นการพนัน เป็นความเสื่อมเสียนิสัยและโภคทรัพย์ได้ทางหนึ่ง
ปาปมิตฺโต อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร และมีความสนิทสนมกับคนชั่ว จนพาตัวให้เสียไปด้วย คำว่าคนชั่วมีหลายประเภทนับคนชั่ว ๓ จำพวกที่กล่าวแล้วข้างต้นเข้าด้วย พูดฟังง่ายๆ ก็คือคนในลักษณะ ๓ จำพวก จัดเป็น ปาปมิตร คือเป็นบุคคลไม่ควรคบทั้งนั้น เพราะเป็นคนประเภทอันใครๆ ไม่พึงปรารถนาอยากคบค้าสมาคมไปหามาสู่ นอกจากพวกของเขาเองเท่านั้น เป็นคนชอบเอาเปรียบเอารัดเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เช่น ชอบลักขโมย ตีชิงวิ่งราว ปล้นจี้ ตัดช่องย่องเบา แสวงหาอาชีพด้วยวิธีเอาหนามยอกหัวใจคนอื่น เพื่อเอาเลือดหัวอกเขามาบำรุงชีวิตหรือครอบครัวของตน เป็นต้น เรียกว่าคนโฉดเขลาปัญญา เพราะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการงานที่ชอบธรรม อันเกิดจากกำลังปลีแข้งของตนเหมือนอย่างพลเมืองดีทั่วๆ ไป ความเคลื่อนไหวของเขาทุกๆ อาการจะส่อให้เห็นว่า เป็นเสือร้ายอยู่ในตัวซึ่งใครๆ จะพึงระวังเสมอ
โทษแห่งความเป็นพาลหรือพวก ปาปมิตร การกินอยู่หลับนอนไม่ค่อยเปิดเผยเหมือนคนธรรมดา มีการหลบหลีกซ่อนตัวอยู่เสมอ และชอบเที่ยวหากินหรือแสวงหารายได้ในเวลากลางคืนยามดึกสงัด ซึ่งเป็นเวลาพลเมืองดีหลับนอน สิ่งของที่ได้มาในทางผิดกฎหมายต้องเก็บซุ่มซ่อนไว้ในที่ลี้ลับเสมอ ของบางอย่างต้องเก็บซ่อนไว้นอกบ้าน ไม่ยอมเก็บไว้ในบริเวณบ้านเรือน เพราะกลัวจะเป็นภัยต่อตนเองหรือครอบครัว การกินอยู่หลับนอนของคนพวกนี้ไม่มีความสบาย เพราะต้องระวังภัยจากเจ้าของทรัพย์บ้าง จากเจ้าหน้าที่บ้างซึ่งไม่ทราบว่าเขาจะมาทางไหนและเวลาใด ปากและท้องมีความอิ่มหนำสำราญด้วยอาหารปัจจัยที่ได้มาด้วยการยื้อแย่งจากคนอื่น แต่ใจกลายเป็นไฟเผาลนตนเองอยู่ตลอดเวลา หาความสบายเปิดเผยและอิสรเสรีอย่างคนธรรมดาไม่ได้
ชีวิตของคนชั่วเป็นการเสี่ยงภัยอยู่ทุกขณะ และไม่ทราบว่าคอกับศีรษะจะขาดจากกันตกไปเสียบอยู่บนหัวตอ หรือถูกแขวนอยู่บนกิ่งไม้ต้นไหนเวลาใด จึงจัดว่าเป็นภาระหนักสำหรับความเป็นอยู่ของคนพาล เพราะฉะนั้นคนผู้มุ่งความเป็นพลเมืองดี มีอิสระในความเป็นอยู่หลับนอนของตน และต้องการชีวิตให้มีขื่อมีแป จึงไม่ควรคบ ปาปมิตร คือคนพาล อย่างน้อยต้องหวังเอาเปรียบเอารัดจากเราจนได้ ไม่ยอมขาดทุนเพราะการคบกับใครๆ ท่านจึงเรียกว่าเป็นทางเสื่อมเสียนิสัยและโภคทรัพย์ได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อเราเว้นจากความหายนะคือความฉิบหาย ๔ อย่างนี้แล้ว เราควรตั้งตนอยู่ในธรรมของผู้เจริญด้วยทรัพย์คือทางเดินของเศรษฐี จะเป็นผู้เจริญด้วยทรัพย์มีเงินมาก ซึ่งเกิดจากกำลังปลีแข้งของตน ตามภาษิตที่ได้ยกขึ้นไว้ ณ เบื้องต้นนั้นว่า อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาทรัพย์ไม่ว่าทางใด หนักก็เอาเบาก็รับ ไม่มีการตำหนิงานว่าหนักไปหรือมากไป เพราะเห็นว่างานคือบ่อเกิดแห่งเงิน หรือพ่อแม่ของเงิน ถ้าไม่มีงานเงินก็มีขึ้นมาไม่ได้ ตั้งหน้าทำงานเพื่อเงินจริงๆ ไม่หลบหลีกปลีกงาน ตื่นแต่ดึกเริ่มทำงานแต่เช้า ไม่ขี้เกียจนอนตื่นสาย และไม่เบื่อหน่ายในงานที่จะบันดาลเงิน โดยถือว่าเมื่องานมากเงินก็มาก ไหลหลากมาทุกทิศทุกทาง จึงกลายเป็นเจ้าของสมบัติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่คือคุณแห่งความขยันหมั่นประกอบการงาน จะบันดาลคนให้เป็นเศรษฐีไม่เลือกหน้าว่าเป็นใคร ขอแต่ให้มีแต่ความขยันหมั่นประกอบการงานอันเป็นเหมือนแม่เหล็กเท่านั้น ย่อมสามารถดึงดูดสมบัติมาได้ทุกประเภท แล้วเข้าสู่เขตแดนแห่งความขยันท่วมท้นไปด้วยสมบัติเงินทองกองทรัพย์ นึกอันใดก็ได้ตามใจหวัง จนกลายเป็นเทพบันดาลขึ้นมา เป็นเจ้าครองหัวใจของเศรษฐีผู้มีเงินมากให้ปรากฏเด่นในหมู่ชน เพราะอำนาจความขยันเป็นธรรมบันดาล
ภาษิตข้อที่ ๒ ว่า อารักขสัมปทา เป็นผู้พร้อมแล้วในการเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้โดยชอบธรรม นี่คือตู้เซฟเพื่อเก็บทรัพย์ที่ได้มาจากความขยัน ไม่ให้รั่วไหลออกไปโดยใช่เหตุ เพราะทรัพย์ที่ได้มาเมื่อไม่มีที่เก็บย่อมเรี่ยราด อาจสูญหายไปได้ไม่ยั่งยืน ตามธรรมดาคนเราเมื่อมีเงินมากอาจลืมตน ถือว่าตนมีอำนาจ อาจจับจ่ายทรัพย์ให้หมดไปในวันเดียวก็ได้ เพราะฉะนั้นการเก็บรักษาจึงเป็นยาขนานเอก แก้ความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ความรู้จักประมาณเสียได้ กลายเป็นคนประหยัดทรัพย์ขึ้นมา เมื่อมีธรรมรักษาสมบัติก็อบอุ่นไม่ร้อนรนหาทางออก เพราะเรามียาแก้โรคฟุ่มเฟือยเสียได้แต่ต้นมือ จึงไม่กลายเป็นโรคระบาดสังหารทรัพย์จำนวนมากให้เสียไป กลายเป็นคนมีสมบัติเป็นเครื่องประดับตัว และเป็นสง่าราศีแก่วงศ์สกุลอีกด้วย
ข้อที่ ๓ สมชีวิตา การดำเนินการครองชีพไปด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ให้ฝืดเคืองหรือฟุ่มเฟือยจนเกินไป เป็นผู้มีหลักเหตุผลในการเก็บรักษา และการจับจ่ายประจำตนตลอดเวลา ไม่เก็บรักษาจนตนเองเกิดความฝืดเคือง และจับจ่ายจนฟุ่มเฟือยเกินไปซึ่งเป็นการผิดทั้งสองทาง เพราะทรัพย์ถือว่าเป็นคู่ชีวิตในคราวจำเป็น ถ้าจำเป็นก็ต้องจ่ายเพื่อไถ่ถอนเอาความสะดวกมาสู่ตน เท่าที่เห็นสมควรตามความจำเป็นที่เกิดขึ้นมากหรือน้อย แต่จะเห็นจำเป็นไปเสียทุกอย่างก็เกินไป เพราะสมัยทุกวันนี้สิ่งที่ผ่านมาเพื่อทำลายทรัพย์มีมากมายจนตามแก้ไม่ทัน คนที่มีรายได้มากๆ แต่กลับจนก็เพราะความไม่รู้จักประมาณ เห็นการจ่ายเป็นของดีเสียท่าเดียว ไม่เห็นคุณค่าในการเก็บรักษาทรัพย์ แม้จะมีมากจึงสูญหายไปราวกลับว่ามีปีก
แท้จริงปีกหรือหางของทรัพย์ไม่มี แต่อาศัยปีกหางของความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของความคะนองและความไม่รู้จักประมาณ พาบินหนีไปทั้งวันทั้งคืน คือพาบินเข้าไปตามชามข้าวต้มขนม อาหารว่างบ้าง โกโก้ กาแฟบ้าง ตามโรงลิเกละครบ้าง ตามโรงภาพยนตร์บ้าง ตามรถยนต์ รถไฟ แท็กซี่บ้าง เพื่อขับขี่ท่องเที่ยวด้วยความคะนอง พร้อมทั้งเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่จำเป็น และไม่คำนึงถึงความลำบากอันจะเกิดมีแก่ตนในกาลข้างหน้า พาบินเข้าไปในโฮเต็ลบ้าง ไนท์คลับที่พักผ่อนบำรุงบำเรอบ้าง บินเที่ยวตากอากาศตามสถานที่ต่างๆ บ้าง ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของและสถานที่ที่จะคอยสังหารทรัพย์ให้เสียไปโดยไม่จำเป็น เมื่อตรองดูแล้วสิ่งของและสถานที่ดังกล่าว ถ้าใครลองได้ก้าวเข้าไปแล้ว ย่อมเป็นเช่นกับโคตัวก้าวเข้าไปสู่โรงฆ่าสัตว์ ไม่เห็นโคตัวใดจะรอดพ้นชีวิตออกมาได้ นอกจากจะแปรสภาพเป็นเนื้อเป็นหนังของโคออกมาเท่านั้น
บุคคลผู้พาทรัพย์ก้าวเข้าไปสู่สถานที่ดังกล่าวแล้ว ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกับโคฉะนั้น ขณะที่ก้าวเข้าไปทรัพย์ก็พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าไปด้วย แต่ขากลับทรัพย์ไม่กล้าออกมาและกลับบ้านด้วย เพราะฉะนั้นรายจ่ายซึ่งเป็นไปเพราะอำนาจความชินต่อนิสัยของผู้ไม่รู้จักประมาณ จึงทวีคูณขึ้นทุกวันไม่มีวันลดละ เมื่อนิสัยได้ถูกฝึกในทางจับจ่ายจนพอตัวแล้ว อะไรก็เลยเป็นของจำเป็นไปเสียทุกอย่าง แม้รายได้ยังไม่ปรากฏ แต่ความจำเป็นที่ท่วมท้นเข้ามาอันเป็นเชิงบังคับให้จ่าย คอยจะประกาศท้าทายแก่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซื้อเงินสดไม่ทันจำเป็นต้องซื้อเงินผ่อน หนักเข้าซื้อเชื่อเครดิต หนักเข้าจริงๆ ก็ซื้อแกมโกงไปเลย
ทั้งนี้เนื่องจากฝึกหัดนิสัยในทางฟุ่มเฟือยจนเกินตัว ถูกเวลาทรัพย์ด้อยหรือหมดไปด้วยนิสัยที่เสีย จึงนับวันทวีคูณและรบกวนให้เราได้รับความเดือดร้อน เมื่อหาให้ไม่ทันก็ผลักดันไปในทางมิชอบ หนักเข้าก็เป็นโจรไปเลยทั้งๆ ที่เราไม่อยากเป็นเช่นนั้น แต่เพราะสนิมเบื้องต้นก็เกิดจากเหล็กเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปก็กัดเหล็กให้เสียจนใช้การไม่ได้ นอกจากนิสัยกลายเป็นเสือร้ายตัวศัตรูต่อทรัพย์แล้ว ยังมีทางถ่ายทอดให้กุลบุตรและกุลธิดารับไว้เป็นเครื่องสังหารตนต่อไปอีกเป็นเวลานาน นี่คือโทษแห่งความไม่สำนึกตัว จึงกลายเป็นนิสัยโรคระบาดติดต่อกันไปเรื่อยๆ ตลอดวงศ์สกุล ผิดถูกคนเราก่อนจะทำอะไร ควรพิจารณาให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นทางให้ผู้อื่นเสีย เพราะเราเป็นตัวอย่างไม่ดีอีกจำนวนมาก เพราะผู้ใหญ่ทุกคนต้องเป็นแบบพิมพ์ของเด็กได้ทุกๆ วัย ถ้าแบบพิมพ์ดีสิ่งสำเร็จรูปมาจากแบบพิมพ์ก็จะกลายเป็นของดีไปตามๆ กัน
เพราะฉะนั้นการจ่ายทรัพย์ไม่รู้จักประมาณ ไม่มีหลักเหตุผลค้ำประกัน ทรัพย์ที่มีอยู่จึงพร้อมที่จะฉิบหายไปตามๆ กันจนไม่มีอะไรเหลือ เด็กที่เดินตามผู้ใหญ่ก็พลอยจะเสียทั้งทรัพย์และรับเอานิสัยไม่ดีไว้สังหารตนในอนาคต ก็จะปรากฏแต่คนเสียหายไปทั่วโลก ไม่มีใครจะฉลาดสามารถนำแผ่นดินอันเป็นทองทั้งแท่งไว้ได้ เมื่อแผ่นดินถล่มบ้านเมืองก็ล่มจมไปด้วยโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้น สมชีวิตา จึงเป็นธรรมค้ำจุนโลก ไม่ให้กลายเป็นโลกที่ล้มเหลว ผู้ต้องการความเจริญในทรัพย์สินและบุตรธิดาที่ดี จึงควรเชื่อธรรมของพระพุทธเจ้าไว้ครองหัวใจ อย่าเชื่อกิเลสตัณหาความโลเลยิ่งกว่าธรรม จะเป็นผู้เจริญด้วยทรัพย์และเป็นสง่าราศีแก่ตนเองและวงศ์สกุลตลอดกาลนาน
ข้อที่ ๔ กัลยาณมิตตตา คบเพื่อนที่มีน้ำใจเป็นธรรม งามทั้งความประพฤติและน้ำใจ ได้คติจากเขาเวลาเราเข้าคบค้าสมาคมใกล้ชิด จะติดต่อการงานหรือมีความจำเป็นเกิดขึ้น เขาช่วยเป็นภาระจัดทำฉันพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ไม่เห็นแก่ได้ถ่ายเดียว ยังกล้าสละเป็นสละตายเพื่อเราด้วยเมื่อคราวจำเป็นเกิดขึ้น นี่เรียกว่าเป็นกัลยาณมิตร แปลว่ามิตรที่งามหรือสหายผู้พึ่งเป็นพึ่งตายจริงๆ ในขณะเดียวกันเราก็ควรบำเพ็ญตัวให้เป็นอย่างเขาด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นมิตรที่เลวทรามซึ่งใครๆ ไม่พึงปรารถนาอยากจะคบเช่นเดียวกัน เพราะการคบมิตรมีน้ำใจกล้าเสียสละต่อกันเป็นสำคัญมาก ในคราวจำเป็นทั้งเขาทั้งเรา ไม่เช่นนั้นจะคบกันได้ไม่นาน อาจเกิดความเบื่อหน่ายและหันหลังให้กัน ทั้งไม่กล้ามองหน้ากันตลอดวันตายก็ได้
เพราะฉะนั้นก่อนคบมิตรต้องสังเกตดูให้ละเอียดถี่ถ้วน แล้วจึงตัดสินใจคบด้วยความซื่อสัตย์ ฝากชีวิตจิตใจต่อกันจริงๆ จะเป็นเพื่อนฝากเป็นฝากตายกันได้ตลอดกาลนานตามที่ได้อธิบายมา ส่วนศีลธรรมเครื่องประดับกาย วาจา ใจให้งอกงามด้วยบุญกุศลอันเป็นผลให้เกิดสุขในภพนี้และภพหน้านั้นเป็นของสำคัญยิ่ง เพราะรากเหง้าแห่งกุศลนั้นขึ้นอยู่กับศรัทธา คือความเชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล ไม่ได้เชื่อแบบสุ่มเดา คือค้นหาหลักฐานไม่ได้
พูดอย่างฟังง่ายๆ ก็คือ เชื่อบุญ-บาปว่ามีจริง สุขทุกข์จึงเป็นผลให้สัตว์ผู้ทำกรรมนั้นเสวยทั่วหน้ากัน และกรรมนั้นต้องเป็นของทุกคนซึ่งเกิดจากตนผู้ก่อเหตุเอาไว้ และเชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเพราะอำนาจแห่งพระกุศลที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ ความเชื่อเหล่านี้เรียกว่าเป็นรากเหง้าแห่งกุศล สามารถยังผู้บำเพ็ญความดีมีทาน ศีล ภาวนาเป็นต้น ให้บำเพ็ญด้วยความเต็มใจ เพราะความเชื่อเป็นแรงงานสำคัญ เมื่อผู้มีความเชื่อฝังอยู่ในใจแล้ว แม้จะให้ทาน รักษาศีลหรือภาวนาย่อมทำด้วยความเต็มใจ
ฉะนั้นศรัทธาจึงเป็นกำลังเพิ่มความเพียรในกิจการต่างๆ ให้สำเร็จได้ตามใจหวัง เพราะศรัทธาความเชื่อมั่นต่อความสำเร็จ ย่อมเป็นผู้นำของกิจการต่างๆ ให้ถึงแดนแห่งความสมหวังได้ทุกกรณี ศรัทธาจึงเปรียบเหมือนพืชอันดีที่จะควรบำรุงให้เจริญขึ้นด้วยทำดีซึ่งเป็นอุปกรณ์แก่กันและกัน ผลงานที่จะพึงได้รับย่อมสมบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับ การบำเพ็ญทานและรักษาศีลตลอดปัญญาความฉลาดรอบรู้ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายเมื่อมีศรัทธาเป็นภาคพื้นแห่งความสำเร็จอยู่แล้ว จึงควรจะกล่าวได้ว่า คนทำดีจนปรากฏได้รับผลแห่งความสุขอย่างสมบูรณ์ ย่อมสืบเนื่องมาจากความเชื่อมั่นในงานและผลของงานที่ตนจะพึงได้รับ
แม้พระพุทธเจ้าและสาวกพึงทราบว่า เป็นผู้ประเสริฐเลิศโลกได้เพราะศรัทธาเป็นรากฐาน เราท่านทั้งหลายที่มุ่งวิบากสมบัติอันไพบูลย์ในเบื้องหน้า จึงเริ่มบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ให้เจริญขึ้นด้วยศรัทธาของตน ก็จะได้ประสบผลเป็นที่พึงพอใจในพุทธธรรมปัจจุบันและสัมปรายภพเบื้องหน้าโดยไม่ต้องสงสัย
ในอวสานแห่งพระธรรมเทศนานี้ ขอบรรดาท่านผู้ฟังจงยังศรัทธาให้ตั้งมั่นในพระศาสนา อุตส่าห์บำเพ็ญตนด้วยศรัทธาในกิจที่ชอบ ประกอบความดีอยู่เนืองๆ ก็จะได้ปรากฏความเจริญรุ่งเรืองในตน สิ้นกังวลภายในใจ โดยนัยที่ได้แสดงมาก็สมควรแก่เวลา ขอยุติลงด้วยเวลาเพียงเท่านี้ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
******************
|