เทศน์อบรมประธานศาลฎีกาและคณะ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ [บ่าย]
ธรรมะพอ
วันนี้มากันเยอะนะ ทีนี้มีอะไรเอาว่ามา ยังไง ๆ บ้าง เพื่อเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน (ท่านประธานศาลฎีกากับคณะ ซึ่งมีท่านอธิบดีภาคสี่ และหัวหน้าศาลต่าง ๆ มาที่อุดร มีหลายท่านจะมากราบหลวงตา และมาถวายทองคำ เงินอเมริกัน และเงินไทยตามในนั้นค่ะ ) เออ พอใจแล้ว ๆ เวลานี้กำลังเร่งพวกทองคำ ดอลลาร์
วันนี้ก็เอาของไปส่งที่โรงพยาบาล พึ่งกลับมา ทางโรงพยาบาลนี้รู้สึกหนักมากอยู่นะ ช่วยมากจริงๆ แทบไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าวันไหนไม่อยู่ก็เอาของใส่เต็มรถไปโรงพยาบาลต่างๆ นอกจากนั้นที่เขามารับเป็นประจำก็มีเป็นพื้นไว้เลย โกดังนี้เต็มไปหมด สิ่งที่ให้เป็นประจำก็พวกข้าวสาร น้ำตาล น้ำปลา น้ำมันพืช ขนมปัง ผ้าขาว นี่ให้ประจำสำหรับโรงพยาบาลต่างๆ มา แต่ส่วนเราไปพิเศษนั้นเราให้เป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะไปเราก็สั่งอะไรทางตลาดให้เขาจัดเรียบร้อย ไปก็เอาอาหารสดอะไรๆ ไป ถ้าเราไปก็มีอาหารสดมีอะไรไป ถ้าพวกนั้นมารับเองก็ไม่ได้ อย่างนี้เราทำเป็นประจำสำหรับวัดนี้ ด้วยความเมตตาสงสารชาตินั่นเอง
สำหรับหลวงตาแล้วไม่มีอะไรในโลกอันนี้ บอกตรง ๆ เลย หลวงตาปฏิบัติ นี่ละขวนขวายหาคุณงามความดี หาความชั่วมาก็เต็มหัวอกจนนรกแตก ไม่มีที่อยู่ของสัตว์นรกที่สร้างตั้งแต่ความชั่วช้าลามก ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตาย สร้างความชั่วสร้างแต่น้อยไปถึงมาก มันก็ได้ผลตั้งแต่น้อยไปถึงมาก จนกระทั่งอกแตกได้ สร้างความชั่ว ทีนี้สร้างความดีก็สร้างตั้งแต่เริ่มแรก หนึ่ง สอง สามขึ้นไป ก็ถึงพัน ถึงหมื่น ถึงล้าน ถึงแสน มากเข้าไปๆ ก็เต็มหัวใจ อย่างพระพุทธเจ้าทรงปรารถนาพุทธภูมิเป็นศาสดาเอกของโลก สร้างพระบารมีมา ๑๖ อสงไขยบ้าง ๘ อสงไขยบ้าง ๔ อสงไขยบ้าง แสนมหากัปด้วยกัน แล้วบรรลุขึ้นตามเป้าหมายที่ทรงอุตส่าห์พยายามมาเป็นศาสดาสอนโลกเต็มเหนี่ยว เวลาเต็มเหนี่ยวแล้วสอนโลกได้ทั้งสามโลก
คำว่า โลก คืออะไร กามโลก รูปโลก อรูปโลก พระพุทธเจ้าสอนได้หมด นั่น ธรรมเต็มพระทัยแล้วไม่มีอัดมีอั้น สอนได้หมด แล้วแต่อำนาจหรือกรรมของสัตว์ที่จะรับได้มากน้อยจากพระพุทธเจ้า ที่จะให้พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัยในการขวนขวายหาอรรถหาธรรมมาสงเคราะห์โลกนี้ไม่มี มีแต่ล้นเหลือด้วยพระเมตตาล้วน ๆ ที่สัตว์โลก จะมารับได้ตามกรรมของตนมากน้อยเพียงไรเท่านั้น นี่ก็ได้อุตส่าห์พยายามปฏิบัติบำเพ็ญตามสายทางของพระพุทธเจ้า
ใครอย่ามาถ่ายภาพ เวลาพูดอย่ามายุ่งนะ ให้รู้จักกาลเทศะ ไม่ใช่เด็ก ผู้ใหญ่ทั้งนั้นทำไมจึงมาเกะกะ เวลาพูดธรรม ธรรมเป็นของเลิศเลอ เหล่านี้เลิศเลออะไร เหมือนขี้หมูขี้หมา อย่าเอามากีดขวางธรรมนะ อย่างนี้ละเมืองไทยเรามันเลอะ ๆ เทอะ ๆ หากฎหาเกณฑ์ไม่ได้อย่างนี้นะ เคยได้เตือนเสมอ ดุเสมอ นี่ละการอบรมหรือไม่อบรมมันต่างกันอย่างนี้ ให้ดูเอาซิ ถ้ามีการอบรมบ้างจะค่อยดีงามขึ้นไป ถ้าไม่มีการอบรมอะไรเลอะเทอะ ใหญ่ขนาดไหนเลอะเทอะขนาดนั้น ยิ่งเป็นอันธพาล มหันตพาล มหาโจรได้เลย ถ้าไม่ได้อบรม สั่งสมตั้งแต่ความชั่วเป็นมหาโจรได้เลย
นี่ก็ได้พูดถึงเรื่องการสร้างความดี สร้างความชั่วนี่สร้างเอาจนกระทั่งนรกแตกได้เลย แต่นรกไม่เคยแตก เพราะกรรมของสัตว์ ไม่ใช่กรรมของนรก นรกมีพอดิบพอดีกับสัตว์โลก เหมือนอย่างเรือนจำ เรือนจำไม่เคยแตก เป็นกรรมของนักโทษเอง คับแคบแออัดขนาดไหนก็เป็นเรื่องนักโทษจะรับกรรมของตัวเอง สำหรับเรือนจำ กำแพงเรือนจำไม่เป็นกรรม ไม่เป็นบาป ไม่คับแคบตีบตัน ไม่กระวนกระวายไม่เดือดร้อนกับผู้ใด คับแคบไม่มีสำหรับกำแพงเรือนจำ มันเป็นอยู่ที่นักโทษต่างหาก นี่ก็เหมือนกันสัตว์นรกนั้นสร้างไปขนาดไหน เอ้า เต็มลงไป ๆ กรรมของสัตว์ คับแคบตีบตัน ได้รับความทุกข์ความทรมานเป็นกรรมของสัตว์ๆ ทั้งนั้น นี่พูดถึงเรื่องสร้างความชั่ว สร้างจนกระทั่งเอาให้ขนาดนรกแตก จะไปอุตริให้นรกแตกไม่มี นอกจากอกเจ้าของแตกเท่านั้นเอง
ทีนี้พลิกเข้ามาหาสร้างความดี สร้างความดีอย่างที่พระพุทธเจ้าจนได้เป็นศาสดาสอนโลก เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นแล้วและสอนโลกได้หมด ไม่มีอะไรคับแคบตีบตันในพระทัยของพระพุทธเจ้าที่โล่งไปด้วยอรรถด้วยธรรม และนำมาสั่งสอนสัตว์โลก เราก็ได้นำธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอน มาปฏิบัติต่อตัวเองตั้งแต่เริ่มบวชในพุทธศาสนา มีความสำรวมระวังเรื่องศีลเรื่องธรรม เข้มงวดกวดขัน ระมัดระวัง เอาชีวิตเข้าแลกเลย เรื่องความระมัดระวังตามสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ไม่ข้ามไม่เกิน มีความเคารพ และปฏิบัติจนกระทั่งถึงออกปฏิบัติจริง ๆ จากการศึกษาเล่าเรียนแล้ว ทีนี้เร่งธรรมะล้วน ๆ สร้างแต่ความดีๆ เพื่อความเลิศเลอ ๆ ตลอด ๆ เอาจนเต็มเหนี่ยวเลย
นี่พูดให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายฟังนี้หลวงตาจวนจะตายแล้ว เป็นยังไงธรรมะพุทธเจ้านี่เป็นโมฆะแล้วเหรอ เป็นของมีคุณค่าตั้งแต่กิเลสตัณหาที่เผาโลกเกลื่อนอยู่เวลานี้เท่านั้นเหรอ นั่น ธรรมะที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกจะไม่มีบ้างเหรอ จึงได้ยกออกมาพูดให้ฟังนะ นี่ได้ปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ สร้างคุณงามความดีมาตั้งแต่เริ่มทำจิตใจที่มันดีดมันดิ้น เป็นลิงเป็นค่าง โจรห้าร้อยสู้ไม่ได้จิตดวงนี้ มันดีดมันดิ้นรบกวนเจ้าของ ส่วนมากพาให้ไปทำความชั่ว หักล้างกัน ระงับยับยั้งกัน ฉุดลากกันด้วยความดีคือธรรม ฉุดลากเอาไว้ๆ จนกระทั่งอันนั้นอ่อนตัวลง ความดีเด่นขึ้น ๆ ๆ ทีนี้ความชั่วทั้งหลายอ่อนลงไป ความดีก็ยิ่งเด่นขึ้น ทีนี้มีมากมีน้อยฟาดลงขาดสะบั้น ๆ ไปเลย
ความชั่วทั้งหลายที่มันดีดดิ้นออกไปจากจิตใจอย่างรุนแรงแต่ก่อน อำนาจของธรรมสั่งสมตัวขึ้นไม่หยุดไม่ถอยธรรมก็มีกำลัง นี่ละไม่ว่าความชั่วความดีเมื่อได้รับการบำรุงรักษาแล้วจะเจริญขึ้นด้วยกัน นี่ธรรมก็บำรุงรักษาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เวลาทำลงไป ๆ จิตใจของเราก็เหมือนจิตใจธรรมดาทั่วโลกนี้ เป็นธรรมดา แต่เวลาได้รับการฝึกฝนอบรมลงไปแล้ว ความรู้ตามธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ซึ่งแต่ก่อนเรายังไม่เคยรู้เลย ก็ค่อยเริ่มรู้ขึ้นมาๆ ผลปรากฏเป็นความสงบสุขเย็นใจขนาดไหน ๆ ที่ทรงแสดงไว้แล้วในตำรับตำราก็มากระจ่างแจ้งขึ้นที่ใจจากภาคปฏิบัติของเรา ตามธรรมะของพระพุทธเจ้าโดยลำดับลำดาๆ
จนกระทั่งสรุปความลงมาเลยว่า เอาให้เต็มเหนี่ยว ฟาดเสียจนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากใจ ฟ้าดินถล่ม ตั้งแต่บัดนั้นมากิเลสตัวใดไม่เคยมาผ่านหัวใจได้เลย โล่งตลอดเวลา จิตใจไม่มีเรื่องอะไรที่จะมาผ่านเป็นข้าศึกศัตรูแม้เม็ดหินเม็ดทราย ตั้งแต่กิเลสตัวสร้างเหตุแห่งทุกข์ให้สัตว์ทั้งหลาย ขาดสะบั้นลงไปจากจิตใจ ธรรมครองใจ ตั้งแต่บัดนั้นมาแล้วจึงไม่เคยมีเรื่องความทุกข์ภายในจิตใจแม้นิดหนึ่ง มีก็มีแต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งเป็นธรรมดาเหมือนโลกทั่ว ๆ ไป เยียวยารักษากันได้เท่าไรก็รักษา รักษาไม่ได้ตายมันก็ตายเกลื่อนกันอยู่แล้ว เมื่อทนไม่ไหวตายเกลื่อน อันนี้เมื่อทนไม่ไหวก็ต้องตายแบบเขา อันนั้นเป็นธรรมดา ไม่มีทุกข์อันใดที่จะเข้าไปถึงจิตใจได้ เพราะทุกข์อันนี้เป็นเรื่องของขันธ์ ขันธ์นี้เป็นเรื่องสมมุติ จิตใจเป็นจิตวิมุตติหลุดพ้นไปแล้วเข้ากันไม่ได้
จากนั้นมาก็แนะนำสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหา จนกระทั่งเข้ามาถึงขั้นช่วยชาติบ้านเมือง เราก็ไม่เคยคิดแต่ก่อน ว่าจะได้ช่วยชาติบ้านเมืองมากน้อยเพียงไร ก็ดังที่พี่น้องทั้งหลาย ลูกหลานทั้งหลายเห็นนี่ เอาเสียเต็มเหนี่ยว ๆ จนอกจะแตก บึกบึนเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา เพราะไม่มีอะไรรักยิ่งกว่ารักตัวของเรา รักชาติของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างใครรัก แม้แต่มดในรังไปแตะมันไม่ได้นะ มันรักทั้งรังของมันเลย ชาติไทยของเราก็รักทั้งชาติไทยของเรา ใครจะมาแตะไม่ได้ นี้เพียงทราบว่าความจะล่มจมเสียหายจะมาเกิดแก่ชาติไทยของเรานี้ คนไทยทั้งหลายซึ่งเป็นใจมนุษย์ด้วยแล้ว มันจะทนอยู่ได้ยังไง
นี่ใจพระก็ออกจากใจคน เป็นลูกของคน เราจึงได้อุตส่าห์พยายามตั้งแต่บัดนั้นมาร้องโก้ก เมืองไทยจะล่มจะจมยังไงช่วยเต็มกำลังความสามารถเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ ดังท่านทั้งหลายเห็นนี่ละ นี่คือเราหมดแล้วภาระของเราภายในจิตใจ ที่จะวิ่งเต้นขวนขวายหาอะไรมาเพิ่มอีกไม่มี พอ พอทุกอย่าง พออันนี้ไม่ได้เหมือนพออย่างโลกเขาพอกัน โลกเขาพอกัน เช่น รับประทานอาหารตอนเช้าพอ แต่ตอนบ่ายหิว นี่เป็นอย่างงั้นนะ
ส่วนจิตใจที่พอกับอรรถกับธรรมพอตลอดอนันตกาล ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยงเป็นอันเดียวกัน นี่ธรรมกับใจพอกันเป็นอย่างงั้น จึงได้นำธรรมเหล่านี้มาสั่งสอนโลกด้วยความเมตตาสงสาร ใครจะได้รับมากน้อยเพียงไรก็เต็มสติกำลังความสามารถ จนกระทั่งมาปัจจุบันนี้สอนโลกจึงเป็นแกงหม้อใหญ่ สอนทั่วโลกดินแดน ส่วนสอนธรรมคือแกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋ว สอนผู้ปฏิบัติที่มีธรรมะขั้นสูงขึ้นเป็นลำดับลำดา รู้สึกมีน้อยมาก แต่สอนแกงหม้อใหญ่มีมากทีเดียว ไปที่ไหนสอนแต่แกงหม้อใหญ่
นี่ก็อุตส่าห์พยายามบึกบึนมาตลอด เวลานี้จนเข้าถึงจะปีที่ ๖ แล้วมัง นี่ก็อาศัยความดีที่เราพยายามสร้างเต็มกำลังความสามารถ สำหรับเราเองเราหายสงสัยแล้ว เราไม่มี ที่จะบกพร่องตรงไหนที่เราจะหามาเพิ่มเติมบรรดาความดีทั้งหลาย เราไม่มี เราพอแล้ว พอแบบที่ว่านั่น ไม่ใช่พอแบบรับประทานตอนเช้าพอ ตอนบ่ายมาหิว เราไม่ได้พออย่างงั้น พอเป็นอนันตกาล ว่านิพพานเที่ยงก็ไม่ผิด นี่ละธรรมะพอ ความสุขก็พอแบบเดียวกัน เป็นที่ตายใจได้ตลอด ไม่มีอะไรที่จะมาเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจกับธรรมที่ได้สร้างด้วยความดีงามของตนรวมตัวกันแล้ว ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ ความทุกข์ใด ๆ จะไม่มีเข้ามาเสียดแทงจิตใจได้เลย
เราเป็นลูกชาวพุทธ จึงควรท่านทั้งหลายจะได้พินิจพิจารณา นำไปปฏิบัติดัดแปลงตนเอง ไม่ได้มากขนาดนั้นก็ตาม เรามีธรรมมากน้อยเพียงไรจะพออยู่ พอกิน พอหลับ พอนอน ซุกหัวนอนที่ไหนพอได้นะ ถ้าจนเสียจริง ๆ จนไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวแล้ว อยู่ไหนทุกข์หมดนะ จะไปอยู่ที่ไหนก็ทุกข์หมด ถ้ามีธรรมภายในจิตใจแล้วสบาย ค่อยสบาย อ้าว อะไรจะขาดไป ตกไป ได้มาเสียไปๆ ซึ่งเป็นของคู่เคียงกัน เอ้า เสียไป ส่วนธรรมกับใจ คือความดีงามที่เราสร้างไว้นี้ไม่เสีย ๆ อันนี้พาให้อบอุ่น ให้เย็นสบาย ๆ
ท่านจึงสอนเราเป็นลูกชาวพุทธ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกที่เลิศเลอ จึงควรนำธรรมเหล่านี้ไปปฏิบัติดัดแปลงกาย วาจา ใจของตน อย่าให้มีตั้งแต่ยาพิษคือกิเลสตัณหา พวกความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา เข้าเหยียบย่ำทำลายจิตใจตลอดเวลา หาความสุขไม่ได้อย่างนี้โดยถ่ายเดียว ไม่เหมาะ ให้มีอรรถมีธรรมเป็นเครื่องยับยั้งชั่งตวงตัวเอง อะไรมันจะมากเกินไปตัดออก เรื่องของโลกถ้ามากเกินไปแล้วเป็นภัย อะไรเกินไปเป็นภัย เช่น อย่างเมียมีคนเดียวพอ ถ้าสองสามคนเข้าแล้วเป็นภัยหรือเป็นคุณ เอามาอวดบ้างซิ ใครมีเมียมากแถวนี้มีไหม ถ้าว่าเมียคนหนึ่งสองคนไม่พอ สามคนพอหาเอามาอวดซิ นี่ละถ้ามากเกินไปมันเฟ้อ และเป็นภัยต่อตนเอง
ธรรมะท่านพอ ผัวเดียวเมียเดียวเท่านี้พอ ไม่ต้องยุ่ง พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกพอ กับพระนางพิมพาสร้างพระบารมีมาด้วยกัน ไม่เคยมีความขัดข้องหมองใจต่อกันเลย จนได้เป็นพระพุทธเจ้า พระนางพิมพาก็พ้นจากทุกข์ไปด้วยกัน นี่เพราะความดีกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ไม่แตกไม่แยกไปไหน ภพใดก็ตาม เป็นภพเป็นสัตว์ก็เป็นด้วยกัน เป็นอินทร์ เป็นพรหมเป็นด้วยกัน ติดแนบกันไปด้วยความดีไม่แยกจากกัน ทีนี้เมื่อไม่แยกจากกัน ภพใดชาติใดก็สร้างแต่ความดีด้วยกันตลอดมา อย่างนี้แหละขึ้นชื่อว่าความดี อยู่ด้วยกันเพียงสองพระองค์เท่านั้นละ
ท่านไม่ได้ว่าอีหนูนี้สู้เมียคนนี้ไม่ได้ ไปหาอีหนูนั่นมาแล้วมากัดกันเหมือนหมา นี่วิชาของหมาเดือนเก้า เดือนสิบสอง มันดิ้น มันเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป พระองค์มีเมียคนเดียวพอ เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตให้พากันพินิจพิจารณา นี่พูดถึงเรื่องมากในส่วนไม่ดีมีนะ และอย่างอื่นก็มี ถ้ามากเฟ้อทำเจ้าของให้ลืมเนื้อลืมตัวได้ก็มี แต่ธรรมนี้ไม่มีคำว่าเฟ้อ เอ้า มากไปเถอะ มีเท่าไรมาก มากก็ถึงเมืองพอ เมื่อพอแล้วจะเอาอะไรมาเฟ้อ นี่เป็นของสำคัญ ท่านทั้งหลายมาเยี่ยมหลวงตาวันนี้ก็เป็นบุญเป็นกุศล เป็นสิริมงคลทั้งสองฝ่าย
พอมาถึงก็ใส่กันปั๊วะป๊ะๆ ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ หลวงตาเคยเป็นอย่างนี้หรือ หลวงตาไม่ได้เป็น พูดจริง ๆนะ ตามสถานที่บุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้เป็นยังไง พอเข้ามาหาใส่ปุ๊บปั๊บ ๆ ยังไม่ได้ลงสุภาพธรรมดา เดี๋ยวยังปุ๊บปั๊บ ๆ อยู่ ยังไม่ถอยเข้าใจไหม ยังไม่หมด ก็เป็นอย่างงั้นแหละ ทำไมจึงเป็นอย่างงั้น นี่พูดถึงเรื่องความดีเอามาช่วยตัวเองแล้วก็ช่วยชาติบ้านเมืองให้สงบร่มเย็น นี้ให้เอาความดีไปปฏิบัติตัวเอง เวลาจะหลับจะนอนอย่าลืมเนื้อลืมตัว อย่างน้อยเวลาจะหลับจะนอนให้ไหว้พระเสียก่อน แล้วได้ อรหํ สฺวากฺขาโต สุปฏิปนฺโน เท่านี้ก็เอา
แล้วให้ทำความสงบใจ ใจนี้มันดีดมันดิ้น หาแต่เรื่องแต่ราว หาแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจริง จิตมันปรุงขึ้นมาหลอกตัวเองให้เกิดความเดือดร้อน ให้ระงับความคิดทั้งหลายเข้าสู่ความสงบ เอาพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆเป็นเครื่องบริกรรมกับจิตใจ มีสติติดอยู่นั้น ไม่ให้มันคิดเรื่องอะไร คิดมาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งป่านนี้ ไม่อิ่มไม่พอเหรอ ให้คิดกับพุทโธบ้างซิ เอาพุทโธเข้ามาใส่ปั๊บบังคับไว้ มันจะดีดจะดิ้น มันเคยคิดไปเรื่องกิเลสตัณหา เรื่องฟืนเรื่องไฟ ไม่อิ่มพอนะ มันดีดมันดิ้น บังคับเอาไว้ไม่ให้มันคิดออกไป หลายครั้งหลายหนมันจะอ่อนตัวลงๆ จิตเวลามันวุ่นวาย เอ้อ แปลก
เมื่อเรามีความสงบแล้วมันมีคู่แข่งกันนะ จิตสงบอยู่สบาย เอ๊ะ วันนี้มันทำไมจิตเราไม่สงบ ต้องเข้าหาที่พักเพื่อระงับอารมณ์ที่เป็นฟืนเป็นไฟ เข้าสู่ความสงบด้วยคำบริกรรมพุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ ตามแต่จริตชอบ แล้วจิตใจจะสงบ นี่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ขอให้มีธรรมเป็นที่พึ่งของใจนะ เรื่องร่างกายนี้เหมือนกันหมด ช้างทั้งตัวมันก็ตายได้เหมือนกัน มดตัวหนึ่งก็ตายได้ คนทำไมจะตายไม่ได้วะถึงกาลเวลาตาย แต่พวกสัตว์พวกช้าง พวกนั้นเขาเป็นสัตว์ เขาไม่มีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่ามนุษย์ มนุษย์เรามีความฉลาดยิ่งกว่าเขา ควรจะมีอรรถมีธรรมซึ่งประจำมนุษย์ที่มีความฉลาดต่อโลก เข้ามาประดับใจ เพื่อเป็นเครื่องระงับดับฟืนดับไฟของตัวเอง จึงจะเหนือสัตว์ไปได้นะ
ทีนี้เมื่อระงับอย่างงั้นแล้ว เราก็มีความอบอุ่นเย็นใจสบาย ตื่นขึ้นมาก็ไหว้พระ ถ้าหากว่ามีเวลาที่จะภาวนาบ้างก็ให้ภาวนา แต่เวลาจะหลับนอนนั้นควรให้ได้ทุกคืน บังคับกันบ้างซิ กิเลสมันบังคับเราบังคับมาเท่าไร จนไม่ให้มองเห็นพระพุทธรูป มองเห็นพระพุทธเจ้าก็มี มองเห็นแต่เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายเป็นประจำนิสัยของเรามาก เราไม่ระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ทีนี้บังคับเข้ามาให้ระลึกถึงอรรถถึงธรรมซึ่งศาสดาทั้งหลายเลิศเพราะธรรม เราทำไมจะเลิศเพราะกิเลสไม่เคยมี ไปแข่งพระพุทธเจ้ามีอย่างเหรอ ต้องเอาธรรมมาปราบอย่างนี้แหละ ให้พยายามทำ จิตใจจะสงบนะ
มันจะยุ่งขนาดไหนเหนือธรรมไปไม่ได้ ไม่มีอะไรเกินธรรมในโลกนี้ ธรรมเหนือทุกอย่าง ที่มันดีดมันดิ้นนี่คือไม่มีธรรมเข้าไปเป็นน้ำดับไฟ ก็มีแต่ไฟแสดงเปลวตลอดเวลา เมื่อมีน้ำเข้าไปดับไฟก็จะค่อยระงับ ๆ คือมีธรรมเข้าไประงับใจของเรา ใจของเราจะมีความสงบร่มเย็นๆ และต่อไปบางรายนะ มันจะแสดงความแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นมาภายในใจโดยที่เราไม่เคยคิดเคยคาด จากคำบริกรรมของเราภาวนา อยู่ ๆ ก็ค่อยสว่างจ้าขึ้นมา เห็นแปลกๆ ต่างๆ ขึ้นมา นี่ละเมื่อกิเลสมัน จางไป ๆ ความมืดดำมันค่อยจางไปด้วยกัน ความสว่างของธรรมที่ออกมันก็รู้ก็เห็น
ทีนี้เกิดกำลังใจขึ้นมา เกิดความเชื่อความเลื่อมใสฝังใจเข้ามา ความอุตส่าห์พยายามที่จะบำเพ็ญความดีในกาลต่อไปนี้ไม่ต้องบอก เมื่อมีแก่ใจคนเรา กำลังใจมีแล้วอยู่ไม่ได้ต้องทำ นี่ละให้พากันเอาไปพิจารณาบ้างนะ มาหาหลวงตาจะเอาอะไรมาฝาก มันก็ไม่ใช่เรื่องของพระนะ ต้องเอาธรรมฝาก เพราะธรรมนี้ได้รับความมอบความไว้วางใจมาจากองค์ศาสดาทุกองค์แล้ว จึงมอบให้บรรดาพี่น้องและลูกหลานทั้งหลายได้นำไปเป็นขวัญตาขวัญใจ ระลึกไว้ในจิตใจ แล้วไปที่ไหนจะเป็นสิริมงคลนะ ทีนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อน
วัดนี้ได้เคยเห็นแล้วยังนี่ ที่เขาให้ชื่อว่าวัดป่าบ้านตาดเป็นป่า คือป่านี้นะเราจะให้ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องเฉพาะบริเวณที่โล่ง ๆ นี้เท่านั้น ให้มาถึงแค่นี้ ไม่ให้เข้าไปข้างใน คือข้างในนั้นเป็นดงทั้งหมด แล้วเป็นทำเลบำเพ็ญสมณธรรมของพระทั้งนั้นเลย พระที่มาอยู่ในวัดนี้ไม่น้อยนะ นี่ก็ ๕๐ กว่า ทั้ง ๆ ที่กดเอาไว้ ก็ยังเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร ๕๔-๕๕ องค์ปีนี้นะ สำหรับเมืองไทยเราทุกภาคเต็มอยู่นี้ แล้วเมืองนอกก็มี หลายองค์พวกฝรั่งมังค่าอยู่ที่นี่ ให้ท่านได้บำเพ็ญด้วยความสะดวกสบาย ไม่ให้มีอะไรรบกวน เพราะฉะนั้นจึงเขียนป้ายติดไว้ ห้ามเข้า คือทำเลของพระบำเพ็ญไม่ให้ใครเข้าไป นอกจากคนใช้ของพระ เขาเข้าออกเป็นธรรมดารับใช้พระ นอกจากนั้นห้ามไม่ให้เข้าเลย ได้ปฏิบัติมาอย่างนี้ตลอด แล้วก็ปฏิบัติกันมาอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาดมา พระเณรก็มากมาตลอด
ที่ไม่เคยเห็นวัดป่า มาเห็นก็จะรู้สึกแปลกหูแปลกตา เป็นอย่างงี้วัดป่า ไม่ให้เข้าไปทำลายเลย เป็นป่าดงล้วน ๆ แล้วที่บำเพ็ญของพระเป็นกระต๊อบ ๆ ๆ เป็นแห่ง ๆ คือกะให้พอดี อยู่ห่างกันพอดี ไม่ให้มองเห็นกันเพื่อการภาวนาสะดวกสบาย ถ้ามองเห็นกันหรือมันจุ้นจ้านนี้ภาวนาไม่ดี จึงกำหนดไว้สำหรับวัดนี้ประมาณพระ ๕๐ พอดี อยู่ย่านนั้น ๆ ๆ แล้วต่างคนต่างอยู่เงียบ ๆ ไม่มองเห็นกัน ภาวนา แล้วมีกระต๊อบ อย่าเข้าใจว่าเป็นกุฏิหลังใหญ่หลังโตนะ ทำไว้โก้ ๆ หลอกตาคนแถวใกล้ ๆ พอเข้าไปข้างในมีตั้งแต่กระต๊อบเล็ก ๆ แล้วก็กั้นด้วยผ้าจีวรขาดบ้างอะไรบ้างข้างใน แล้วก็มีทางจงกรมสำหรับที่ทำงานของพระ มีที่ภาวนาเท่านั้นเอง นอกจากนี้ไปไม่มีอะไร
สำหรับวัดนี้เป็นอย่างงั้น ให้บำเพ็ญแต่ธรรมอย่างเดียว ไม่ให้มีงานอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ให้มีแต่งานภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาชำระจิตใจที่เป็นตัวยุ่งเหยิงให้สงบร่มเย็นลงโดยลำดับลำดา งานอื่นไม่ให้มีสำหรับวัดนี้ ที่มีนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องหลวงตาช่วยชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นจึงได้สร้างศาลาใหญ่ขึ้นมา แต่ก่อนไม่เคยสร้าง ศาลาใหญ่อยู่นอก พอบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเห็นความจำเป็นเกี่ยวกับผู้คนเข้ามาในงานทีไรเปียกปอนไปหมดเวลาฟ้าฝนตกนะ ก็เลยสร้างศาลาใหญ่ขึ้นมา สำหรับที่นี่ก็ให้อยู่โดยเฉพาะ มันจึงได้มีศาลาใหญ่ แต่ก่อนไม่ให้มี
(สมุทรปราการถวาย ๑ กิโล) พอใจ ๆ นะ พระนพพร นี่ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กำหนดปีนี้ว่าจะให้เสร็จสิ้นไปเสีย เพราะได้ช่วยมาถึง ๕ กำลังจะ ๖ ปีนี้แล้ว ที่ได้อุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมือง โดยอาศัยบรรดาพี่น้องทั่วประเทศไทย ต่างท่านต่างบริจาคด้วยอัธยาศัยของตัวเอง ๆ เวลานี้ได้ทองคำ ๖,๗๐๐ กิโล (แล้วได้ใหม่ ๓๘๕ กิโล) รวมกัน ๗,๐๐๐ กิโลกว่า ก็ยังอีกอยู่ประมาณสัก ๓,๐๐๐ จะให้ครบจำนวน ๑๐,๐๐๐ กิโล หรือ ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์จะให้ได้ ๑๐ ล้าน ซึ่งเวลานี้ได้แล้ว ๘ ล้านกว่าแล้ว สำหรับทองคำได้ ๗ พันกว่าแล้ว พอถึงจุดนี้แล้วเราก็หยุด
ที่จะไปหารบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายดังที่เคยปฏิบัติมาไม่แล้ว หยุด แต่บัญชีเปิดเอาไว้ คือเมื่อได้สมบัติมาดังที่เคยได้มา และเคยนำเข้าคลังหลวงเสมอเราก็ปฏิบัติตามเดิม เช่น ทองคำได้มาเท่าไรก็เก็บหอมรอมริบเข้ามา แล้วเข้าหลอมๆ ถ้ายังไม่พอจุดที่เราจะมอบก็เก็บไว้ตามเดิม พอถึงจุดที่มอบแล้วก็เข้ามอบ ๆ ไม่ว่าทองคำ ไม่ว่าดอลลาร์ ไม่ว่าเงินสด เราจะปฏิบัติตามเดิมคือเปิดบัญชีไว้ เป็นแต่เพียงเราไม่ออกไปหารบกวนพี่น้องทั้งหลายเท่านั้น หยุดเลย นี่ละจึงได้ดำเนินมา นี้ก็กะว่าในปี ๒๕๔๖ ให้เสร็จสิ้นไปเสีย
แล้วพี่น้องของเราก็จะได้เบาใจ ว่าเรามีทองคำถึง ๑๐ ตัน และดอลลาร์อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านในการช่วยชาติคราวนี้ เหมาะ เป็นศักดิ์ศรีดีงามแก่ชาติไทยของเรา เพราะทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ใครจะหามาได้ง่าย ๆ แต่นี้ทำไมเมืองไทยเราหามาได้ แล้วดอลลาร์ถึง ๑๐ ล้าน อยู่ ๆ จะเอามาให้กัน ไม่มีที่ไหนเขาหามาให้ แต่นี้ชาติไทยของเราอุตส่าห์พยายามหามารวมกัน ด้วยความรักชาติ ความสามัคคี เสียสละด้วยกัน ก็ได้มาเป็นลำดับลำดานี่ละ จึงเป็นที่ภูมิใจ แล้วเรื่องเหล่านี้ก็กระจายออกทางเมืองนอกเมืองนาไปหมดเหมือนกันนะ เพราะเหตุไรจึงกระจาย ก็เรื่องบ้านเมืองเราจะล่มจมก็ยังทราบทั่วกันหมด แล้วจะฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความอุตส่าห์พยายามของคนไทยทั้งชาติเอง ทำไมโลกภายนอกเขาจะไม่ทราบ เขาต้องทราบเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเมื่อเราทราบอยู่อย่างนี้แล้ว เราก็พยายามทำให้เป็นสง่าราศีดีงามแก่ชาติไทยของเราในเวลาช่วยชาติอย่างนี้ จะไม่ให้เขาดูถูกเหยียดหยามเราได้ ได้ตามนี้แล้ว เอ้า ใครจะมาดูถูกเหยียดหยามก็มา เราจะปัดบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายไปข้างหลัง เราจะขึ้นสนามขึ้นเวทีโบกมือเลย ใครมาตำหนิติเตียนหลวงตาว่าได้ทองน้อย ได้ดอลลาร์น้อย ให้ตำหนิมา เราจะสู้คนเดียว เอาลูกศิษย์ลูกหาไว้ข้างนอกหมด เพราะนี้เราเป็นผู้กำหนดเอง แล้วก็ได้ตามกำหนด แล้วใครยังเก่งกว่านี้อีก เอา เอามาแข่ง นี่ละจะเอากันตรงนี้ เข้าใจไหม
ก็มีเท่านั้นแหละ แล้วมีอะไรอีกล่ะ มาเยี่ยมหลวงตาคราวนี้พอมีค่าตอบแทนเป็นผลเป็นประโยชน์อะไรบ้างหรือเปล่าล่ะในการมาคราวนี้ ตอบแทนก็คือเป็นสิริมงคลภายในใจของผู้มานั่นเอง เทศน์เหล่านี้ก็เพื่อฝากอรรถฝากธรรมอันเป็นสิริมงคลแก่จิตใจ และครอบครัวเหย้าเรือน ตลอดวงงานต่าง ๆ จะได้เป็นประโยชน์ อย่างงั้นเอง เสร็จแล้วก็จะให้ศีลให้พร (หลวงตาครับมอบให้ท่านประธานศาลฯ หนังสือหยดน้ำบนใบบัว หนังสือเกิดเพื่อชาติต้องช่วยชาติ และเทปธรรมะ) เออ เอานี่ไปเลย
นี่ประธานแห่งความร่มเย็นของคนทั้งประเทศ ผู้นี้แหละผู้ให้ความร่มเย็นแก่โลก แก่ชาติไทยของเรา สูงสุดอยู่ที่นี่ เป็นผู้ตัดสินเด็ดขาด เรื่องราวอะไรที่เป็นฟืนเป็นไฟปัดออก เอาความสงบร่มเย็นมาให้ชาติด้วยความยุติธรรม
ชมถ่ายทอดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่
www.Luangta.com or www.Luangta.or.th |