ฝากบุญกุศลไว้เป็นมูลนิธิ
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2505 ความยาว 22.11 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์ในงานทำบุญข้าวเปลือก ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕

ฝากบุญกุศลไว้เป็นมูลนิธิ

 

         นโม  ตสฺส  ภควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  (๓ จบ)

ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินนฺติ

         วันนี้ บรรดาท่านคณะศรัทธาทั้งหลาย  ต่างก็ได้พร้อมใจศรัทธาบริจาคสมบัติอันมีค่าของตน ซึ่งเกิดจากน้ำพักน้ำแรง ได้มาฝากไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นมูลนิธิหมายถึงขุมแห่งทรัพย์ภายใน ได้แก่บุญกุศลที่ได้หยั่งลงไว้ในพระพุทธศาสนา ต่างก็ได้มีศรัทธา ทั้งบ้านใกล้บ้านไกลได้ยินไปถึงไหนว่าข่าวกุศล  ศีล ทาน ต่างก็ได้มาบริจาคด้วยน้ำใสใจศรัทธา เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ตน ทั้งในโลกนี้ด้วย โลกหน้าด้วย นับว่าเราทั้งหลายไม่ได้เสียกำลัง ซึ่งได้ก่อร่างสร้างกิจการงานที่เป็นไปด้วยความดีความชอบ เมื่อได้มาแล้วมากน้อย มีความยินดีที่จะให้ทานในพระพุทธศาสนา อำนาจแห่งทานการกุศลที่บรรดาท่านทั้งหลายได้บริจาค ที่ล่วงแล้วมาก็ดี ที่ได้บริจาคในวันนี้ก็ดี เป็นขุมทรัพย์อันสำคัญ ไม่มีโจรมารอันใดจะสามารถยื้อแย่งของเราไปได้ แม้เราตายไปแล้วจะจำได้หรือไม่ได้ก็ตาม บุญกุศลที่เราทำแล้วก็คือของเรานั่นเอง

ท่านกล่าวไว้ว่า อสาธารณมญฺเญสํ อโจรหรโณ นิธิ.ดังนี้บุญกุศลที่เราสร้างไว้นี้ไม่เป็นสาธารณะแก่ใครๆ ทั้งนั้น ที่จะมาหยิบยกเอาสมบัติของเราที่สร้างไว้ ไม่เหมือนศาลาในถนนสี่แพร่งซึ่งใครๆ มาจากที่ไหนก็เข้าพักพาอาศัยหรือหลับนอนได้ แม้โจรมารก็ไม่สามารถที่จะฉกลักหรือขโมยปล้นเอาของเราไปได้แม้แต่น้อย เมื่อเราได้บริจาคลงไว้แล้ว เป็นอันว่าเป็นของเรา ไม่ต้องหาใครๆ มารักษาเหมือนอย่างสมบัติภายนอก ได้ทำลงมากลงน้อย ทำลงไปไว้ในวันใด เดือนใด ปีใด ย่อมจะเป็นสมบัติติดตามตัวของเราไปอยู่เช่นนั้น นี่ท่านเรียกว่ามิตรที่พึ่งเป็นพึ่งตายของเราแท้

สภาวะทั้งหลายในโลกนี้เป็นของไม่เที่ยง เมื่อเรามาสู่ในโลกนี้แล้ว โลกนี้พึงทราบว่าโลกไม่เที่ยง ตัวของเราก็กลายเป็นคนไม่เที่ยงไปเช่นเดียวกัน สภาวะทั่วๆ ไปทั้งนอกจากกายของเราและในกายของเรา มีความเปลี่ยนแปลงหรือแปรปรวนไปอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน ยืนเดินนั่งนอน ไม่มีชิ้นใดที่จะอยู่ค้ำฟ้าได้ มีความแปรสภาพประจำตนอยู่เช่นนั้น เมื่อบรรดาท่านสาธุชนทั้งหลาย ได้มาพินิจพิจารณาถึงสภาวธรรมซึ่งเป็นของไม่แน่นอน ที่จะต้องแตกสลายไปในวันใดวันหนึ่ง ทั้งข้างนอก ทั้งข้างในคือตัวของเราเองเช่นนี้แล้ว  จึงได้รีบวิ่งเต้นขวนขวายก่อร่างสร้างบุญกุศล เพื่อให้เป็นผลประโยชน์แก่ตนเสียในชาตินี้หรือในวันนี้

ตามกระทู้ภาษิตที่ได้ยกขึ้นไว้ ณ เบื้องต้นนั้นว่า ปุญฺญานิ  ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ ดังนี้ ซึ่งแปลเนื้อความว่า บุญกุศลคือความชอบ ที่สาธุชนมาประกอบพร้อมด้วยกาย วาจา จิต ย่อมนำมาซึ่งความสุขอันอุกฤษฏ์ดังนี้ คำว่าความสุขนั้นบรรดาเราทั้งหลายก็พอจะทราบได้ มีความสบายในทางกายก็เรียกว่าเป็นความสุข มีความสบายในทางใจก็เรียกว่าเป็นความสุข ความสุขอันนี้สัตว์ก็ปรารถนาเช่นเดียวกับเรา  แต่เขาไม่รู้ช่องทางที่จะบำเพ็ญตนให้ไปสู่ความสุข ว่าบำเพ็ญอย่างใดจึงจะเป็นไปเพื่อความสมหวัง  สำหรับมนุษย์เรานี้พอมีช่องทางที่จะทำได้ เพื่อจะบำเพ็ญตนของตนให้ไปสู่ความสุข นับตั้งแต่มนุษย์สมบัติ  คือความเป็นมนุษย์มีความสุข  ถึงสวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ อันเป็นสมบัติอันยอดเยี่ยม และเป็นความสุขอันยอดเยี่ยมด้วย

ฉะนั้นบรรดาเราท่านคณะศรัทธาทั้งหลาย ที่ต่างท่านต่างมาบริจาคทำบุญให้ทาน ด้วยน้ำใสใจศรัทธาที่พร้อมเพรียงกันในวันนี้ นับว่าเป็นที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง จะทุกข์จะจนสักเท่าไรก็ตาม คำว่าการบริจาคทานไม่มีการลดละ มีความมุ่งหน้ามุ่งตาที่จะสั่งสมคุณงามความดีใส่ตนเสมอ เพราะอำนาจแห่งคุณงามความดีที่เราทำลงไว้นี้ จะเป็นเครื่องสนับสนุนบรรดาเราทั้งหลาย ให้พ้นจากกองทุกข์เหล่านี้ไปได้โดยลำดับ จนถึงความสุขอันยอดเยี่ยมที่ได้กล่าวแล้วคือพระนิพพาน อันเป็นที่อยู่แห่งความบริสุทธิ์ที่แท้จริง ความบริสุทธิ์ที่ถึงขั้นสุดยอดนั้นพึงทราบว่า ไปจากการสั่งสมคุณงามความดี ดังเราท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้บำเพ็ญในวันนี้ ชื่อว่าเราไม่ได้เสียชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้บำเพ็ญคุณงามความดีกับบรรดาพุทธบริษัททั้งหลายด้วยกัน

มีน้อยเราก็ทำตามน้อย มีมากทำตามมาก ไม่เห็นแก่ความทุกข์ความยาก ความลำบาก ไม่เห็นแก่สิ่งขัดข้องทั้งหลายมาเป็นอุปสรรค มีความมุ่งอยู่เสมอที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีให้เป็นไปในจิตสันดานของตน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บุญกุศลที่เราจะพึงได้รับ ย่อมเป็นไปเช่นเดียวกับสาธุชนทั้งหลายโดยไม่ต้องสงสัย เพราะการสร้างคุณงามความดีนี้นั้น สัตว์เดรัจฉานทั่วๆ ไปเขาไม่มีโอกาสที่จะสร้างได้เหมือนอย่างมนุษย์เรา เรามีโอกาสรู้ดี ชั่ว สุข ทุกข์  รู้บุญรู้บาป แล้วสร้างคุณงามความดีใส่ตนได้ จึงชื่อว่ามนุษย์นี้เป็นมนุษย์ที่มีความได้เปรียบกว่าบรรดาสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายซึ่งเขาไม่มีโอกาส

ดังนั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่ได้มาบริจาคทานในวันนี้ แม้แต่เมล็ดหนึ่งขึ้นไปในบรรดาข้าวทั้งหลายที่ท่านคณะศรัทธาได้มาบริจาค โปรดได้ทราบว่าได้ฝังไว้แล้วในพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับเราฝากทรัพย์ไว้ในธนาคารต่างๆ จะเป็นธนาคารใดก็ตาม ธนาคารนั้นๆ ย่อมเป็นผู้ค้ำประกันทรัพย์สมบัติของเรามากน้อยที่ได้ฝากไว้แล้วในธนาคารนั้นๆ แต่ธนาคารในเมื่อมีเหตุสุดวิสัย สมบัติของเราที่ฝากไว้นั้นอาจจะอันตรธานไปได้ แต่ที่เราฝากไว้ในพระพุทธศาสนานี้นั้น ย่อมเป็นที่แน่นอนที่สุดว่าจะต้องเป็นของเราอยู่ตลอดกัปตลอดกัลป์ จนกระทั่งถึงได้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารถึงพระนิพพานเสียเมื่อใด  บุญกุศลก็ยังต้องส่งเราถึงสถานที่นั้นจนกระทั่งถึงวันนิพพาน

บุญกุศลทั้งหลายซึ่งเป็นเหมือนบันไดหรือหนทางนั้น ก็ส่งเราถึงสุดยอด ตัวเราก็ถึงซึ่งวิมุตติพระนิพพาน เสวยสุขอันเป็นบรมสุขที่ยอดเยี่ยม เพราะอำนาจแห่งคุณงามความดีที่เราได้อุตส่าห์สร้างวันละเล็กวันละน้อย จนกลายเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ยกตนให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารเสียได้ นี่อำนาจของบุญเป็นเช่นนี้ เราจะจำได้หรือไม่ได้ในคุณงามความดีที่เราสร้างในวันหนึ่งๆ นั้น เราไม่ต้องไปวิตกวิจารณ์กับความจดจำในคุณงามความดีที่เราสร้างไว้ จะไม่สูญเสียไปไหน จะเป็นคู่เคียงแห่งชีวิตของเรา จิตใจของเราไปตลอดอนันตกาล ไม่ได้พลัดพรากจากเราเหมือนกับสิ่งทั้งหลายที่เคยพลัดพรากจากเรามาแล้ว ซึ่งบรรดาทุก ๆ ท่านก็พอจะทราบได้ ในความพลัดพรากผันแปรแห่งสัตว์และสังขารทั้งหลายซึ่งเป็นของไม่แน่นอน แต่ส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ฉายาเอว เปรียบเหมือนกันกับว่าเงาเทียมตัวของเราจะไปสู่ทิศใดแดนใด บุญกุศลนี้สามารถจะตามสนับสนุนให้เราได้ไปถึงจุดหมายปลายทางอันเป็นความสวัสดีเสมอไป

ฉะนั้นบุญกุศลนี้นักปราชญ์ท่านจึงมีความกระหยิ่มยิ่งนัก ที่จะพยายามสร้างให้มากมูนสมบูรณ์ขึ้นในกาย วาจา ใจของท่าน จนถึงความพ้นทุกข์ไปเสียอย่างพระพุทธเจ้าของเราและสาวก โปรดได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นสรณะของเราก็ดี พระสงฆ์สาวกที่เป็นสรณะของเราก็ดี ท่านถึงความสูงสุดวิเศษไปเพราะอำนาจแห่งบุญกุศลทั้งนั้น บุญกุศลนี้จึงเป็นแก้วสารพัดนึกหรือเป็นแก้วอันวิเศษสูงสุดในโลกไม่มีอันใดที่จะเทียมเท่า สามารถที่จะปรับปรุงบุคคลผู้มีคุณงามความดี แม้จะอยู่ในภพในชาติก็ให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์พูนสุข แม้จะเกิดขึ้นมาเป็นรูป เป็นกาย  เป็นหญิงเป็นชาย ก็มีความสง่าราศี มีบุญญาภินิหารหรือบุญญาภิสมภาร มีความเฉลียวฉลาด มีอุปนิสัยฝังอยู่ที่จิตใจของบุคคลนั้น หากได้รับความทุกข์บ้างเป็นบางคราว เพราะอำนาจแห่งกรรมที่ตนทำไว้เป็นลุ่มๆ ดอนๆ ก็ตาม  บุญกุศลอันนั้นยังจะตามสนับสนุนผู้นั้นให้พ้นจากอุปสรรคนั้นๆ ไปได้โดยลำดับ

ขอให้บรรดาท่านทั้งหลายโปรดได้ทราบไว้ อย่าได้มีความประมาทในชีวิตของเรา ชีวิตอันนี้ไม่มีเครื่องหมาย อาจจะอันตรธานหรือล้มตายไปในวันใดก็ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเด็ก  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเป็นเฒ่าเป็นแก่ แต่ขึ้นอยู่กับลมหายใจเท่านั้น หากว่าลมหายใจหมดแล้วไซร้ คนนั้นเขาก็เรียกว่าคนตาย จะเป็นเด็กก็คนตาย เป็นหนุ่มเป็นสาวก็เรียกว่าคนตาย เป็นเฒ่าเป็นแก่หมดราคาทั้งนั้น ที่จะสร้างคุณงามความดีต่อไปอีก หรือจะสร้างบาปกรรมอันใดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ชีวิตจิตใจจึงเป็นของมีคุณค่าสำหรับเราทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ ณ บัดนี้ จงพยายามบำเพ็ญคุณงามความดีใส่ตัวของเรา

เช่นท่านทั้งหลายได้มาให้ทานในวันนี้ ได้มาให้ทานในวัด ก็โปรดได้ทราบว่าท่านทั้งหลายได้มาฝากบุญกุศลไว้ให้เป็นมูลนิธิ คือฝากธนาคารแห่งพระพุทธศาสนาเอาไว้ เช่นเดียวกับเราไปฝากธนาคารจังหวัดไหนๆ ก็ตาม จะใกล้หรือไกล ธนาคารนั้นก็เป็นธนาคารแห่งทรัพย์ที่เราฝากไว้แล้วนั่นเอง เรื่องของพระพุทธศาสนาก็ย่อมเป็นเช่นนั้น  เราฝากไว้ที่ไหน ไม่ได้หลงเจ้าของเหมือนอย่างสัตว์ที่เราเลี้ยงเขาไว้ ติดตามสนับสนุนเราไปเสมอ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่กาลไหนๆ เมื่อเรามีชีวิตอยู่เช่นนี้เราควรจะบำเพ็ญตนของตน แม้ที่สุดวันหนึ่งเราไม่ให้ทาน การเจริญภาวนาของเราอย่าให้ขาด เวลาจะหลับจะนอนระลึกถึงพุทโธ  ธัมโม  สังโฆ ให้หลับกับพุทโธ  ธัมโม  สังโฆ  ในเวลานอนยิ่งเป็นการดี  เป็นการสร้างคุณงามความดี ได้บุญตลอด

นอนหลับ ตื่นขึ้นมาระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อไร ก็ชื่อว่าเราสร้างคุณงามความดีไว้ประจำใจของเราเสมอ ๆ คนนั้นเรียกว่าไม่ขาดทุน  ผลบุญที่เกิดขึ้นจากทานก็ได้ ผลบุญที่เกิดขึ้นจากการภาวนาก็ได้ หรือเรารักษาศีล ผลบุญที่เกิดขึ้นจากศีลก็ได้ เมื่อปรากฏเป็นผลรายได้ขึ้นมาเหมือนกันกับข้าวในนาของเรา นาแปลงไหนไร่ไหนก็ออกรวงไปทั้งนั้น ถึงเวลาแก่ก็แก่ไปหมด ไร่ไหนที่เราปลูกเราดำไว้แก่ไปหมด เป็นของเราทั้งนั้น ขนเข้ามาในลาน ขนเข้ามาในยุ้งในฉางเป็นของเราเสียทั้งนั้น นี่เวลาปรากฏผลขึ้นมา  เราทำไว้ที่ไหนก็เป็นของเรา ใกล้ก็เป็นนาของเรา ไกลก็เป็นนาของเรา  ข้าวทั้งหมดอยู่ในนานั้นเป็นของเราทั้งนั้น รวมเข้ามาในยุ้งในฉางของเรา เป็นสมบัติของเราเสียทั้งหมด

บุญกุศลที่เราสร้างไว้วันนั้นวันนี้ สร้างไว้เพราะทานบ้าง  สร้างไว้เพราะการรักษาศีลบ้าง  สร้างไว้เพราะการภาวนาบ้าง รวมเข้าแล้วก็เป็นกองบุญอันใหญ่ เมื่อกองบุญอันใหญ่เพราะอำนาจแห่งการสั่งสมขึ้นไม่หยุดยั้ง ก็กลายเป็นคนหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปได้ เหมือนอย่างพระพุทธเจ้ากับบรรดาพระสาวกทั้งหลาย ท่านให้ชื่อท่านผู้วิเศษเช่นนี้ว่านิพพาน คือหมดลมหายใจแล้วท่านไม่ต้องกลับมาเกิดให้ได้รับความทุกข์ความลำบาก ให้ได้รับความทรมาน เหมือนอย่างบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เป็นกันอยู่ทั่วโลกทั่วสงสาร ถึงพระนิพพานแล้วไม่ต้องมาวกมาเวียน เป็นบรมสุข  สุขไม่มีอันใดที่จะยิ่งยวดไปกว่าพระนิพพาน นี่อำนาจแห่งบุญแห่งกุศลส่งเราท่านทั้งหลายให้ถึงขั้นนั้น

เพราะฉะนั้นจงพากันมีความยินดีในบุญในกุศล ชาตินี้เราก็ขนาดนี้ ที่เราเป็นอยู่ขนาดนี้เราจะได้ตำหนิตัวของเราว่าเรามีวาสนาน้อย บางทีอาจเรามีวาสนามากมาย แต่ก็เหมือนกันกับว่าเราเดินทางจวนจะถึงบ้านแล้ว แต่หนทางไปขรุขระเสียบ้าง หนทางไม่สะดวกจวนจะถึงบ้านอย่างนั้นก็มี เช่นเราจวนจะพ้นจากทุกข์อยู่แล้ว แต่ก็เพราะกรรมชั่วมันก็มี กรรมดีเราก็ทำ เพราะคนเราย่อมมีความหลง ความเผอเรอเป็นธรรมดา แม้จวนจะถึงเราก็ยังมีความทุกข์ความทรมานอยู่  ไม่เป็นเศรษฐีกุฎุมพี  ไม่เป็นคนเฉลียวฉลาดก็ตาม  แต่เมื่อพ้นจากระยะนี้ไปแล้ว เราอาจจะขึ้นสูงยิ่งกว่าภูเขาไปก็ได้ นี่เป็นของสำคัญอย่างนี้

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงไม่ให้ประมาทอำนาจวาสนาของกันและกัน ไม่ให้นำมาแข่งขันกัน มีฝังอยู่ที่หัวใจ บางคนจะพ้นจากทุกข์อยู่แล้วในชาตินี้ ยังต้องเป็นคนตกระกำลำบากทุกข์ยากเข็ญใจทุกสิ่งทุกประการอย่างนั้นก็มี แต่จะตำหนิว่าคนนั้นมีวาสนาถึงขนาดนั้นทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ส่วนที่เขาต่ำนั้นยังมีอยู่ภายในใจของเขาซึ่งเขาได้ทำไว้ เขาต้องเสวยส่วนนั้นไปก่อน พอพ้นจากกรรมนั้นแล้วเขาก็ขึ้นสูงได้โดยรวดเร็ว เหมือนอย่างบุคคลที่พ้นจากปากหลุมปากบ่อแล้ว ก็โผล่หน้าขึ้นสูงได้โดยรวดเร็ว ข้อนี้มีลักษณะเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรไม่ประมาทวาสนาของเราว่าเกิดในบ้านนอก บ้านดอน  ใครไม่ได้เกิดในตุ่มในไหให้ทราบกันอย่างนี้ เกิดกับท้องของแม่ด้วยกันทั้งนั้น

การอยู่สถานที่ใดๆ แล้วแต่กรรมในชาตินั้นจะบันดลบันดาลให้ ซึ่งเกิดหรือมีมาจากการที่เรากระทำไว้ มีสูงบ้างต่ำบ้าง แต่หลักสำคัญที่สุดก็คือ  ความเชื่อความเลื่อมใสในพระศาสนามีกับจิตใจของเราหรือไม่ นี่เป็นของสำคัญ รากนี้เป็นรากสำคัญมาก ฉะนั้นบรรดาท่านพุทธมามกะ บริษัททั้งหลายทั้งบ้านใกล้บ้านไกล ได้อุตส่าห์พยายามมาบริจาคทาน ได้ให้ทานซึ่งเรี่ยวแรงกำลัง ให้ทานชีวิตจิตใจของตนฝากไว้ในพระพุทธศาสนา ขออำนาจแห่งคุณงามความดีที่ท่านทั้งหลายได้บริจาคด้วยความกล้าหาญ ด้วยศรัทธาที่แท้จริงนี้ จงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จงสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกๆ ท่าน โดยนัยแห่งพระธรรมเทศนาที่ได้แสดงมาวันนี้ ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา  จึงขอยุติธรรมเทศนาเพียงเท่านี้  เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้

 

***************


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก