รัฐบาล-ฝ่ายค้านที่เป็นธรรม
วันที่ 23 กรกฎาคม. 2546 เวลา 8:15 น. ความยาว 49.03 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

รัฐบาล-ฝ่ายค้านที่เป็นธรรม

 

         ฝนตกนิดหน่อย ตอนเช้า เขาเรียกมดน้ำนอง ถ้ามดน้ำนองมันออกเพ่นพ่านฝนมักตก เมื่อคืนวานนี้ทางจงกรมเราเต็มหมดเลยมันออกเที่ยว ที่มันออกคือรู้สึกจะมีอะไรในธาตุขันธ์ของมันท่า ถ้ามดน้ำนองออกเพ่นพ่านจะมีฝนตกแหละ แม้หน้าแล้งก็ตามถ้ามันออกเพ่นพ่าน เอ้อ นี่ฝนจะตก ตก ไม่มากก็ตก เมื่อคืนวานนี้ทางจงกรมเราเต็มไปหมดเลย แต่มันก็ไม่ตกมากนะ หากตก

ผ้า(ขาว) นี้ต้องจัดให้โรงพยาบาล ถ้ามีมากเราก็ให้เพิ่มขึ้น เช่น โรงละหนึ่งพับ ๆ ถ้ามีมากก็เพิ่มขึ้นๆ ตามโรงพยาบาลต่างๆ เราคิดว่ามีความจำเป็นสำหรับโรงพยาบาลแต่ละแห่งๆ พวกผ้าขาวนะ เราจึงให้มาตลอด พวกผ้าขาวนี่เคยให้โรงพยาบาลมาตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน เช่นอย่างไปกรุงเทพฯ นี้เหมือนกัน ไปกรุงเทพฯ ก็เอามาจากกรุงเทพฯ ผ้าขาว อย่างอื่นห้ามไม่ให้เอามาเลยเด็ดขาด แต่ผ้าขาวให้เอามา มาไว้นี้แล้วก็โรงนั้นมาโรงนี้มา แล้วแจกทั่วไปหมด มันสงสารจะทำไง ไปคราวนี้ก็ดูเหมือนได้ข้าว ๔,๒๐๐ ถุง ๆ ละ ๕ กิโลใช่ไหม (ครับ) แจกคนจน แต่ปลาไม่ได้ให้นานแล้วนะ พวกปลาตามคลองอะไรลำน้ำเจ้าพระยาหรืออะไร (เจ้าพระยาก็มี นครไชยศรีก็มีครับ ) เออ นั่นละพวกนครไชยศรี วัดหงส์ วัดไร่ขิง เหล่านี้เราเคยไปให้ทั้งนั้น

         พอว่าวัดไร่ขิงเลยระลึกถึงสมภารวัดไร่ขิง นานแล้วนะนี่ เพราะเราเคยให้อาหารสัตว์มานี้เป็นเวลานานแล้ว วันนั้นตั้งหน้าไปวัดไร่ขิง ของใส่เต็มรถไปเลย แต่เราแน่ใจว่าจะไม่พอ หากว่าพอได้ที่ไหนเพิ่มอีกเราจะเอา พอดีกับวัดไร่ขิงมีโรงขนมปัง ไปเหมาโรงขนมปังเลย จนกระเทือนถึงสมภารวัด ขนมาจริง ๆ นี่นะ ไปเอาในโรงเลยเชียว เอาให้พอปลา ถ้าปลาไม่เมินแล้วเราก็ไม่เมิน ถ้าปลาเมินเราถึงจะเมิน ว่างั้น ขนใส่ ๆ ไม่พอ ๆ โถ มันพิลึกจริงๆ นะวัดไร่ขิง ปลา โดดขึ้น ๆ ๆ มันหิวมาก เราไปเห็น โห น่าสงสาร ทุ่มกันใหญ่เลยละ ขนมาไม่หยุดไม่ถอย จนกระทั่งถึงสมภารวัด ท่านจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ แต่อยู่ในแถวนั้นละ โอ๊ย ขนอะไรไปนักหนา ว่างั้น ขนไม่หยุดไม่ถอย ขนอะไรนักหนา ใครมีศรัทธามาแจก ว่างั้นนะ

         ผู้เฒ่าคงได้ยินชื่อเรามาแล้วแต่ไม่เคยพบ นี่เป็นอาจารย์มหาบัว ว่างั้น ท่านเอาของมาแจกสัตว์ พอว่าแล้วปึ๊งปั๊ง โอ๊ยได้ชื่อท่านมานานแล้ว บึ่งถึงเราเลยเชียว ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว วันนี้ได้พบกันแล้ว ผมก็ได้ยินชื่อเสียงท่านมานานเหมือนกัน ว่าท่านเป็นผู้เลี้ยงปลาจึงคิดเห็นใจท่าน บางทีท่านอาจจะขาดเขินผมก็มาช่วย โอ๋ย พอใจๆ ท่านบอกท่านพอใจ วันนี้อิ่มหมดปลา เมินหมดเลยเชียว เอาละทีนี้พอใจ ไป หลังจากนั้นไม่ได้ไปอีกนะวัดไร่ขิง วัดเหล่านั้นไป ส่วนมากมักเมินเลยละ ถ้าไปตรงไหนทุ่มเลยๆ วัดหงส์ วัดไหนมากเหมือนกัน ที่เราจำได้นครไชยศรีแห่งหนึ่งนะ แล้ววัดหงส์อยู่ที่ไหนนะ (ปทุมธานีครับ) เออ ปทุมธานีแห่งหนึ่ง วัดไหนมั่ง มันหลายแห่งนะที่เราไปจำไม่ได้ แต่ระยะนี้ไม่ได้ไป สู้สัตว์บกไม่ได้ สัตว์น้ำสู้ไม่ได้ สัตว์บกจนกว่าเลยให้สัตว์บก

         คราวนี้ไปก็ได้ให้พวกข้าว ๕ กิโล นี่มัน ๔,๒๐๐ ถุง ไปคราวนี้ พวกปลาไม่ได้ไปนานแล้ว สำหรับเสือบอกว่าพอกันแล้ว เราเลยไม่ไป เสือเมืองกาญจน์ มันได้อาหาร มันมีวาสนานะสัตว์พวกนี้ มีวาสนาเหมือนกัน มีพวกไหนมาช่วยหลายแห่งนะ (ฝรั่ง เป็นมูลนิธิเขามาช่วย) เออ ฟังว่าพวกฝรั่งด้วยพวกไหนด้วย พวกนี้รักสัตว์นะพวกฝรั่ง คำว่ารักนี่หมายถึงว่าเด่น พวกฝรั่งไปที่ไหนรู้สึกเด่นกับสัตว์ นี่เขาก็มาช่วยวัดเมืองกาญจน์ เราจึงหยุด ไปคราวที่แล้วนู้น ไม่ใช่คราวนี้นะ ไปดูเฉย ๆ เป็นความจริงแค่ไหน ไปดูซักถาม ว่าสมบูรณ์ว่างั้น เราก็เลยเลิก ตั้งแต่นั้นมาไม่ให้เลย ทางเมืองกาญจน์ไม่ให้

         ความจนนี่มันเต็มโลกเต็มสงสาร เราพูดเฉพาะที่มันเกี่ยวข้องใกล้ชิดเราก็เอามาพูดเฉย ๆ ที่ไม่พูดเป็นยังไง จนเต็มที่เลยทั่วโลกดินแดน ไม่มีใครจะอยู่ผาสุกเย็นใจ ทั้งดีดทั้งดิ้นเพื่อปากเพื่อท้อง นี่อันหนึ่ง จากนั้นก็เพื่อกิเลสตัณหาละมากกว่าปากกว่าท้อง เรื่องกิเลสตัณหานี้ไม่พอเลย นี่ทำคนให้ดีดให้ดิ้น ให้ได้รับความทุกข์ความลำบากมากเพราะกิเลส ไม่มีใครคิดแหละ นี่เรามันอดคิดไม่ได้นะ มันซอกแซก พูดตรง ๆ งี้เลย ไปไหนไม่คิดไม่ได้มันหากเป็นของมันเองละ โลกนี้มันเจริญที่ตรงไหน เจริญแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้หัวใจสัตว์โลก วัตถุทั้งหลายมีอยู่ทั่วไปในโลกไม่อดอยากขาดแคลน ยิ่งเมืองไทยเราด้วยแล้วสมบูรณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยายเรามา เรียกว่าเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ อาหารการบริโภคทุกอย่างสมบูรณ์ แล้วสงบร่มเย็นเมืองไทยเรามาดั้งเดิม

         การเงินการทองก็ไม่ได้ดีดได้ดิ้นนักแต่ก่อนนะ หามาพออยู่พอกินแล้วสบาย สงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน ครั้นต่อมานี้มันก็มากเข้า ๆ ใครก็แบกกิเลสตัณหามาเต็มหัวใจทุกคน มันก็ดีดดิ้น กิเลสออกมากระจายกันก็มีแต่ความโลภแซงหน้าแซงหลัง แซงดีแซงเด่นไปแล้ว เดี๋ยวนี้วัตถุของของมาก ๆ นั้นมันสู้กิเลสตัวหิวโหยไม่ได้ มันหาไม่หยุดนะ เฉพาะอย่างยิ่งไอ้หลังลายนี่พิลึกจริง ๆ ไอ้หลังลายรู้สึกว่าเด่นมากเวลานี้ เด่นที่สุดคือไอ้หลังลาย เข้าใจไหมไอ้หลังลาย ตั้งแต่พระยังเป็นบ้ากับเขาเห็นไหม หลวงตาบัวยังเป็นบ้ากับเขา ไอ้หลังลาย  ฟาดทองคำยังไม่แล้ว ยังดอลลาร์ ยังเงินสดอีก เห็นหน้าใครไม่ได้ จี้เลย นู่นน่ะ มันเป็นบ้าพระไอ้หลังลาย

         เวลานี้โลกดิ้นกับไอ้หลังลาย ดีดมากทีเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างพอเป็นพอไป แต่ไอ้หลังลายไม่มีพอ ดีดดิ้นไม่ว่าเมืองเล็กเมืองใหญ่ เอาไฟเผากันทั่วโลกนี้ก็เพราะเห็นแก่ได้ เห็นแก่ร่ำแก่รวย อะไรไม่คำนึง ขอให้ได้ ๆ มันก็กระเทือนใจกันละซิ ใจมันเป็นใจสัตว์ใจคนเหมือนกัน ผิด ถูก ชั่ว ดีมันก็รู้ กระเทือนกัน จะเอาไฟเผาโลกอยู่ เวลานี้มันก็เผามาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว มันก็หาเรื่องเข้ามาอีก จะเอาไฟเผาโลกอีก พวกนี้พวกกินไม่พอ อิ่มไม่พอ โอ๊ย น่าทุเรศนะ การพูดอย่างนี้เขาจะว่าเราบ้าก็ตาม เราไม่ได้บ้า เราพิจารณาทุกอย่างแล้วนำมาพูด ไม่ใช่พูดธรรมดา นี่ก็กำลังออกหน้าออกตาคือไอ้หลังลายนี่ พิลึกจริงๆ  แหม ดีดดิ้นกันเหลือเกิน

         ดูอาหารการกินทุกอย่างไม่เห็นบกพร่อง ไปที่ไหนสมบูรณ์ๆ แต่ไอ้นี้ไม่เคยสมบูรณ์ กินอิ่มท้องแล้วก็ไปปลูกไปสร้าง ตึกหอโรงรงโรงแรมให้คนเช่า ไปทุกแห่งทุกหน บางแห่งต้นไม้เกิดปกคลุมหุ้มห่อหมด โรงหอโรงแรม คือมันสร้างไม่เสร็จ ไอ้หลังลายมันหมด หลังลายหมดเลยตึกก็ร้าง อะไรก็ร้าง ตามถนนหนทางไปที่ไหน สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วปิดตายไม่มีใครเข้าอยู่ ไปทุกแห่ง ดู โอ้ เป็นอย่างนี้เอง ไม่ว่าในเมือง ในอำเภอ ในที่ไหน แม้แต่ในหมู่บ้านที่ชุมนุมชนมากๆ ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แหม กิเลสนี่มันดิ้นจริงๆ ปลูกแล้วไม่มีใครอยู่นะ ปลูกเสร็จแล้วก็มี ปิดตายไว้เลยเป็นแถวยาวเหยียดๆ ไม่มีใครเข้าอยู่ ที่ปลูกยังไม่เสร็จร้างไป หมดไอ้หลังลายก็มี เต็มไปหมด โถ โลกนี่

         มาเทียบ นี่พูดถึงเรื่องอย่างนี้นะ นี่กิเลสพาขวนขวาย คือปากท้องความจำเป็นเราพาขวนขวายมีน้อยมากนะ แต่กิเลสพาขวนขวายนี้มากที่สุดเลย โลกร้อนเพราะกิเลสพาขวนขวาย ทีนี้ย่นเข้ามาหาธรรม ธรรมพาขวนขวาย ตั้งแต่เศรษฐีกุฎุมพี พระราชามหากษัตริย์ ลูกศิษย์สาวกของศาสดาลงมาเป็นลำดับ องค์ไหนเสด็จออกมาจากพระราชามหากษัตริย์เข้าป่าหายเงียบ นี่แสวงหาธรรมนะ นี่เรียกว่าแสวงหาอรรถหาธรรม อยู่ที่ไหน ออกมาจากสกุลใดก็ตาม สกุลเก่าปัดทิ้งๆ หาใหม่ คือหาธรรมล้วนๆ เข้าในป่าในเขา เพราะพวกกษัตริย์ออกบวชมากนะ เศรษฐีกุฎุมพีออกบวชด้วยความเห็นภัย เวลาไปที่ไหนเข้าป่าเข้าเขา ออกมาสนทนากันมีแต่ความภาคภูมิใจ นั่นเห็นไหมล่ะ

         องค์นี้มาจากป่านั้น เขาลูกนั้น ถ้ำนั้น เวลามาคุยกันนี้ เป็นยังไงไปอยู่ที่นั่นเป็นยังไงๆ นี่ละท่านเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมก็ต้องเจออรรถเจอธรรม แสวงหาฟืนหาไฟก็เจอฟืนไฟ เพราะทั้งสองอย่างนี้ดีกับชั่วมีอยู่ในโลก โลกของกิเลส โลกของธรรมมีอยู่ด้วยกัน เวลาออกมาแล้วมาพูดสู่กันฟังเป็นเครื่องรื่นเริงบันเทิง เพิ่มกำลังใจให้กันมากมาย องค์นี้มาพูดเรื่องนี้ ๆ มีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องชุ่มเย็น รื่นเริงบันเทิงด้วยอรรถด้วยธรรม ไม่ได้ด้วยกิเลสนะ นี่ละท่านแสวงหาธรรม องค์นั้นสำเร็จขั้นนั้นๆ สำเร็จขั้นนั้นจนกลายเป็นสรณะของโลกได้

         นี่เวลาเสาะแสวงหาธรรมเต็มหัวใจ เจ้าของก็เต็มหัวใจ ไม่มีอะไรที่จะพาให้ดีดให้ดิ้น แล้วก็ดูโลก โลกมีความเดือดร้อนยังไงก็ช่วยเหลือไปตามกำลังที่จะช่วยได้ สำหรับเจ้าของเองนั้นสมบูรณ์พูนผลแล้ว ไม่ร้อน มองดูโลกร้อนนี่มันมองดูเห็นชัดเจน เพราะโลกมันร้อนจริง ๆ แม้แต่สัตว์ขึ้นไป แต่สัตว์ไม่ร้อนเหมือนมนุษย์ มนุษย์นี่ร้อนทั้งเป็นทั้งตาย ตายแล้วก็ โหย ไปนิมนต์พระมา กุสลา มาติกา เหลืองอร่าม พระก็ไม่ทราบว่าพระประเภทไหน มีแต่ กุสลา ธมฺมา กล้วยหอมอยู่ที่ไหนนาไปเรื่อย ไม่ได้สนใจในอรรถในธรรม ครั้นเวลามาแล้ว โต๊ะเก้าอี้มีเท่าไรไม่พอกันนั่ง แล้วแต่ผู้ที่มีความกว้างความแคบในเวลามีชีวิตอยู่ ถ้าคนมีจิตใจกว้างขวางบ้างก็บริษัทบริวารเพื่อนฝูงมามากมาเผาศพ มาแล้วก็เอาปากนี้จ่อใส่กันๆ ระบายตั้งแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้นทีเดียวมาคุยกัน มาในงานศพมันไม่ได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมนะ ฟังแต่เสียงกองทุกข์มากระจายต่อกันเต็มหมด ไปวัดธาตุทองเราได้ขนาบเอาหนหนึ่งเหมือนกัน คือมันดูไม่ได้ มันเหมือนสัตว์นรกมาในงานศพงานใหญ่ๆ

พระพูดอะไรนี้ไม่ฟังนะ ไม่สนใจเลย พอดีเขานิมนต์เราไปเทศน์ ลูกศิษย์ลูกหามานิมนต์เราให้ไปเทศน์ ให้ไปเทศน์อะไรเทศน์ป่าช้าผีดิบ เราว่าอย่างนี้แหละ เขาก็ขอแล้วขอเล่าเราเลยไป ไปก็อย่างว่าแหละ โอ๋ย มันไม่ได้ฟังเสียง ก็เปรี้ยงเสียเลย ดีที่ไม่ลงธรรมาสน์หนีไปเลย เราไปเห็นชัดๆ นี่เมืองแดนนรก ฟังเอาซิ มันมีอรรถมีธรรมที่ไหน สร้างวัดสร้างวาสร้างเมรุไว้เพื่อเผาหาเงินหาทอง เพื่อเป็นเศรษฐี ไม่ได้หาอรรถหาธรรมนะ บวชเข้าไปดีไม่ดีวัดไหนมีเมรุมากๆ จองกันไปเลยพระ เราอยากว่าอย่างนี้นะ มันมีความจริงไม่ใช่อุตริ หาแต่เงินแต่ทองแต่ข้าวแต่ของ อรรถธรรมไม่สนใจนะ หัวโล้นๆ นี่ พระหัวโล้นๆ นี่ มันเป็นโลกขนาดนั้นนะเวลานี้ ดูเอาซิท่านทั้งหลายตามีหูมี จะว่าหลวงตาอุตริหรือ อุตริยังไงไปเห็นมาแล้ว ขนาบเอาเสียจนหลงทิศไปนู่น ให้เราเทศน์ป่าช้าผีดิบฟัง มันไม่ได้ฟัง มีแต่ไปคุยกันเรื่องความทุกข์ความลำบากลำบน มาจากแต่ละหัวใจ มาจากแต่ละปากๆ มาคุยกัน ไม่ได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม มันน่าทุเรศจริงๆ นะ โหย เป็นยังไงจึงเป็นอย่างนี้ มันไม่ใช่หาธรรม อย่างนั้น มันหากิเลส เวลาหาอรรถ ดูมันก็รู้กันล่ะซิจะว่าไง นี่กองทุกข์

ท่านผู้หาธรรมท่านไม่ยุ่งแหละ ยกตัวอย่างเช่น พระเพื่อนฝูงด้วยกันนี่แหละ ส่วนมากอย่างนี้ละพระกรรมฐานไม่ค่อยฉันจังหัน คือสนุกภาวนา อดอาหารธาตุขันธ์เบาลงเท่าไร ภาวนายิ่งดีๆ  ส่วนมากท่านจึงไม่ค่อยฉันจังหัน ท่านภาวนา เพราะการภาวนาด้วยการอดอาหารที่ถูกจริตนิสัยแล้วภาวนาดีจริงๆ เราจึงได้ท้องเสียมาตั้ง ๕๐ กว่าปี ถึงได้มาถูกยากับหมอเขา ก็เพราะท้องเสีย ท้องเสียเพราะไม่กินข้าว ว่างั้นเลย ทางธาตุทางขันธ์มันจะตาย ทางจิตใจเหมือนจะเหาะเหินเดินฟ้า จิตใจมันเบาหวิวๆ ธาตุขันธ์อ่อนลงๆ ไปบิณฑบาตแทนที่จะถึงหมู่บ้านเขาไม่ถึง มันจะตายจริงๆ ก็ไปพักนั่งอยู่ที่กลางทาง นี่เห็นไหมกิเลสกับธรรมมันรบกันกลางทาง เอาหัวใจเราเป็นสนามรบ

ไปนั่งผ่อนลมหายใจอยู่นั้น พอสมควรแล้วจะเดินต่อไปอีก มันไปไม่ถึงหมู่บ้านเขา พอไปนั่งสติกับจิตมันอยู่ด้วยกัน ธาตุขันธ์มันจะอ่อนไปไหนก็อ่อนซิ เพราะนั่นเป็นการให้เร่งความเพียร จิตจะไปนอนใจได้ยังไง นั่งก็นั่งดูจิตอยู่นั้นด้วยสติๆ สักเดี๋ยวกิเลสก็โผล่ขึ้นมาจะตัดทอนการก้าวเดินเพื่ออรรถเพื่อธรรมของเราให้ลดน้อยลงหรือล้มละลาย ว่างั้นเถอะ ไปก็ปั๊บขึ้นมา เรียกว่ากิเลสเกิด ฟังให้ดี ผู้ขึ้นสนามรบเป็นยังไง ฟัดกับกิเลสฟัดกันยังไง นี่เห็นไหมท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายรู้ไหม นั่นขึ้นแล้วนะขึ้นในจิต นี่เรียกว่ากิเลสเกิด ถ้าเป็นหมัดมันก็จะใส่ตรงนี้(คาง) เราๆ นี่เห็นไหม ท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายเวลานี้รู้ไหม มันขึ้น

พอขึ้นปั๊บ ธรรมะก็สวน กิเลสต่อยคางทางนี้ ธรรมะก็ต่อยคางทางนี้ ให้หงายไปหงายมาอยู่ในคน ๆ เดียว ใจดวงเดียว พอทางนั้นขึ้นจบลง ทางนี้ก็ขึ้นรับกัน การกินนี้ก็กินมาตั้งแต่วันเกิดก็ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร อดเพียงเท่านี้จะตายเหรอ เอา ตายก็ตายซี นั่นเห็นไหมดีดผึงเลย นี่เรียกว่าธรรมเกิดแก้หมัดกันกับกิเลส กิเลสเอาอย่างจังๆ  ธรรมะก็เอาอย่างจังๆ คือกินมาตั้งแต่วันเกิดก็ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไรใช่ไหมล่ะ อดเพียงเท่านี้มันจะตายหรือ เอ้า ตายก็ตายซี นั่น มันใส่หมัดเด็ดใส่กัน กิเลสเลยหมอบ ธรรมก็ก้าวเดินเรื่อย อดเรื่อยมา จนได้ ๕๐ กว่าปีท้องเสียมาตลอด จนถึงกาลมันจะไปจริงๆ ชะตาชาติไทยเราก็มาดึงขึ้นได้ ฟื้นจากนี้ก็ขึ้นเวทีฟัดเลยจนกระทั่งบัดนั้นมา

โรคนี้ก็เป็นโรคแปลกประหลาดเหลือประมาณ ยาก็ยาอัศจรรย์ เราอยากว่ายาเทวดาแทรกนะ เพราะยังไงมันจะไปแน่นอนๆ ทำไมฟื้นขึ้นทันทีทันใดเลย จนกระทั่งบัดนี้โรคท้องหายเงียบเลย ก็ได้ช่วยบ้านช่วยเมืองมาอย่างนี้ เห็นไหมล่ะ นี่พูดถึงเรื่องระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันอยู่ที่หัวใจ ขึ้นเวทีมันถึงรู้ มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ  เพราะเรื่องธรรมก็มีแต่จะฟัดกิเลส กิเลสก็มีแต่จะฟัดธรรม ตกลงก็เรียกว่าต่อยกันไม่หยุด ถ้ากิเลสไม่ตกเวทีอย่างเรียบเสียไม่ไรแล้ว เวทีนี้จะกระเทือนอยู่ตลอดเวลา เวทีคือหัวใจกระเทือน ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันบนเวที คือหัวใจ พอกิเลสอ่อนลงธรรมะยิ่งแรงขึ้นๆ ซัดกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้ว เวทีนี้นิ่งเลยเทียวนะ สงบเงียบ ฟ้าถล่มเลย นั่นเห็นไหม พอกิเลสขาดสะบั้นลงจากใจเท่านั้น ประหนึ่งว่าฟ้าดินถล่มเลย จากนั้นมาไม่มี มีแต่ธรรมเกิด ธรรมอยู่ ธรรมอยู่อยู่กับใจ ธรรมเกิดเกิดออกจากใจ สอนโลกหรือเป็นคติต่างๆ ที่ขึ้นจากใจตัวเองนี้จะออกทุกแง่ทุกมุม เป็นอยู่อย่างนั้น กิเลสไม่มีจึงไม่มีเรื่อง ไม่มีอะไรจะมาขัดมาแย้งให้ได้รบได้รากัน ตั้งแต่กิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วหมด

นี่หาธรรม หาด้วยธรรมหาธรรม กับหากิเลสหาด้วยกิเลส ต่างกัน หาด้วยกิเลสใครหาเต็มโลกเต็มสงสารบ่นกันอื้ออึง ไม่มีใครได้รับความสุขความสบาย ไปถามเศรษฐีความยุ่งก็เท่ากัน กองทุกข์กองใหญ่หลวง ความวุ่นวายเท่ากับกองสมบัติมหาเศรษฐี หรือใหญ่กว่านั้นอีก คนทุกข์คนจนลงไปที่ไหนก็มีแต่ความทุกข์ความลำบากตามขั้นตามภูมิ ลงไปถึงท้องนาตาสีตาสาเขาก็ทุกข์ แต่ไม่ทุกข์เหมือนเศรษฐีทุกข์นะ ต่างกัน พวกดอกเตอร์ดอกแต้อะไรนี่ นักวิชาการวิชาแกนที่ออกมาพูดอวดน้ำลายนั้น มันไม่เห็นทำประโยชน์อะไร มันก็กองทุกข์อันหนึ่งเหมือนกัน โอ้อวดภูมิของตัวเองแต่ไม่เห็นทำประโยชน์อะไรให้โลก นี่ละเรื่องกิเลสพาทำมันเป็นอย่างนี้ ให้แต่ความเดือดร้อนแก่โลก เอาแต่ภูมิของกิเลสมาอวดกัน อันนั้นนักวิชาการ อันนี้นักวิชาการ แล้วมาทำประโยชน์ให้โลกด้วยหลักวิชาที่เป็นนักวิชาการมาไม่เห็นอะไร แต่เขาทำแทบเป็นแทบตาย ไปเที่ยวถีบเที่ยวเตะเที่ยวยันเที่ยวเผาเขาเท่านั้นเอง พวกนักวิชาการอะไรแบบนั้น

ชอบอวดกันนักนะไอ้นักวิชาการวิชาแกน ธรรมฟังมันฟังไม่ได้นะ นักธรรมะจริงๆ ท่านไม่ใช่นักวิชาการ เป็นนักฟาดหัวนักวิชาการตัวมันอวดเก่งๆ ให้มันหงายหมาลงไปอย่างนั้น นั่นวิชาการของธรรมเป็นอย่างนั้น แต่นักวิชาการของกิเลสมีแต่อวดกัน ไปที่ไหนอวดภูมิอวดน้ำลาย จะทำประโยชน์อะไรให้โลกได้รับความชุ่มเย็นบ้างตามหลักวิชาที่เรียนมา ไม่เห็นมีที่ไหน ไปที่ไหนมีแต่อวดน้ำลายเก่งกล้า แล้วเขาที่ทำประโยชน์มากมาย ผู้ทำๆ แทบเป็นแทบตาย ผู้คอยเตะคอยถีบคอยยันก็มี ดังที่ตั้งไว้ในวงรัฐบาลของเรานี้เลยละ ที่อื่นก็มี ว่าเป็นฝ่ายรัฐบาล เป็นฝ่ายค้าน ว่างั้นนะ ฝ่ายรัฐบาลที่เลวก็มีซึ่งควรจะค้านค้านได้ เพราะตั้งขึ้นมานี้ค้านกันเพื่อหาช่องทางช่วยกันถ่อช่วยกันพาย ค้านขึ้นมาทำอย่างนั้นไม่ดีๆ แล้วทำอย่างไรดีล่ะ นั่น ก็ต้องแนะทางดีให้ ให้ทำอย่างนั้นๆ สำหรับการดำเนิน นี่เรียกว่ารัฐบาลโดยชอบธรรม

ตั้งฝ่ายค้านขึ้นมา กลัวว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะผาดโผนโจนทะยาน อย่าว่าแต่ฝ่ายค้านเลยจะมาค้านฝ่ายรัฐบาล ถ้าฝ่ายค้านทำไม่ดี รัฐบาลก็ต้องค้านกันได้ เพราะเราค้านกันเพื่อจะถ่อจะพายชาติของเราให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่นี้มันกลับกลายมาเป็น ตั้งเป็นฝ่ายข้าศึกศัตรูกัน ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายข้าศึกศัตรูกัน มันไม่เป็นประโยชน์อะไร ฝ่ายนี้มันอยากอวดน้ำลาย อยากอวดฤทธาศักดานุภาพ ถ้าพอปีนขึ้นเป็นเจ้าอำนาจเหยียบหัวเขาก็จะปีน ประเภทนี้น่ะ มันไม่ใช่ฝ่ายค้านเพื่อบ้านเมืองให้เจริญ มันค้านเพื่อถีบเพื่อเตะเพื่อยันเพื่อเผาเขา แล้วยกตัวขึ้นไป ยังเหลือแต่ร่างกระดูกก็ตาม ให้เขายกยอว่า นี่เขาเก่งนะฝ่ายค้าน อย่างนั้นก็พอใจ ทั้งๆ ที่ยังเหลือแต่ร่างกระดูก

นี่ละฝ่ายค้านประเภทนี้ไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นธรรม ค้านตรงไหนให้ชี้แจงเหตุผลออกมา ว่าทำอย่างนั้นไม่ดี ทำอย่างไรดีบอกมา ทำอย่างนั้นดี เอ้า ทางนั้นเห็นชอบแล้วเดินไปตามกัน นี่เรียกว่าค้าน ค้านเพื่อดี รัฐบาลที่เป็นธรรม ฝ่ายค้านที่เป็นธรรม ต้องปฏิบัติกันอย่างนั้นตามสายธรรมของพระพุทธเจ้านะ แต่จะเอาน้ำลายมาอวดอย่างนี้มันไม่ได้เรื่องทั้งนั้นแหละ เช่นยกตัวอย่าง อย่างปัจจุบันนี้แหละไม่ต้องเอาไหน ค้านมาทีไรเราได้ยินทุกแง่ทุกมุมจะว่าไง ลูกศิษย์เราก็เต็มเมืองไทย กระทรวงไหนไม่มีลูกศิษย์เราไม่มี มีทุกกระทรวง หยาบละเอียดจะได้ยินได้ฟัง นอกจากไม่พูดเท่านั้น ทีนี้เมื่อมันเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองที่รับผิดชอบด้วยกัน เราก็จะเป็นจะตายเพราะชาติบ้านเมืองของเรา เราก็ต้องพูดซิมันควรจะพูด

เวลาตั้งขึ้นมาเป็นฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายข้าศึก ค้านขึ้นมาจะเอาประโยชน์อะไรให้ทางฝ่ายรัฐบาลหยิบยกไปปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองมันไม่เห็นมี มีแต่คอยเตะคอยถีบคอยยันคอยทำลายเขา พวกนี้พวกฝ่ายมหาภัย จะว่าฝ่ายค้านทางสายธรรมไม่เห็นด้วย ถ้าฝ่ายมหาภัยอย่างนั้นเห็นด้วย เพราะมันพูดอะไรออกมามีแต่มหาภัยเพื่อชาติให้ล่มจม จึงว่ามหาซิ มหาแปลว่าใหญ่ ชาติมันของน้อยเมื่อไร เรียกว่ามหาภัยต่อชาติก็ได้นี่นะ เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณากัน ไม่ว่าฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ค้านตรงไหนให้มีเหตุมีผลออกมา ชี้แจงให้ทราบ สมมุติว่าค้านรัฐบาล รัฐบาลไม่ดีตรงไหน เอ้า ว่ามา ควรแก้ไขจะแก้ไขให้ถ้าจะเป็นความเจริญ แต่ค้านมาเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร อยากอวดฝีไม้ลายมือ อยากอวดน้ำลาย อยากอวดร่างกระดูก นี้อย่าค้านมา หมามันอดหัวเราะไม่ได้นะ

ไอ้หยองเรามันนอนอยู่นี่ เดี๋ยวมันจะตื่นนอนวิ่งหนีละ ฝ่ายค้านไม่มีธรรมสู้หมาไม่ได้ ฝ่ายค้านอย่างนี้อย่าให้มีในวงรัฐบาลในเมืองไทยเรา ฝ่ายค้านนี้ ใครผิดใครถูกยอมรับกันมันถึงถูกต้อง อันนี้ฟังมามันมีแต่เรื่องหมากัดกัน ถ้าคนหนึ่งเป็นคน คนหนึ่งก็เป็นหมาเสีย ไล่กัดไล่เห่าเขาอยู่อย่างนั้น มันอะไรกันอย่างนี้น่ะ ดูไม่ได้นะเมืองไทยเราถ้าจะปฏิบัติอย่างนี้ เป็นเมืองไทยที่สงบร่มเย็นไปไม่ได้ มีแต่คอยเตะคอยถีบคอยเผากันอยู่นี้ มันก็เป็นฝ่ายมหาภัยละซี ไม่ใช่ฝ่ายค้านเพื่อความดิบความดี ฝ่ายรัฐบาลก็ให้เป็นความดี อะไรยอมรับ ทางฝ่ายค้านค้านมายังไงมีเหตุผล เอา ยอมรับกัน เอา ฝ่ายค้านมีเหตุผลควรจะค้านยังไงค้านกัน แล้วก็พากันถ่อกันพายไปเพื่อชาติบ้านเมือง

เขาตั้งขึ้นมาตั้งแต่สภาผู้แทนเรื่อยไปจนกระทั่งถึงนายกรัฐมนตรี นี้ประชาชนทั้งนั้นเป็นผู้ตั้งขึ้นมา อย่าให้เสียน้ำใจประชาชน เอะอะมีแต่กัดกัน เอะอะมีแต่เห่ากัน เหมือนหมา มันสภาหมากัดกัน ว่างั้นถูกต้อง ฟังมันฟังไม่ได้นะ ใครก็อวดดีอวดเก่งทั้งๆ ที่มีแต่ความเลวนั่นแหละ ที่แสดงออกมาส่วนมากมักจะมีแต่ความเลว ความดีออกมานี้โลกเขาเห็นเอง ตาเขาเห็นเอง หูเขาได้ยินเอง ควรชมเขาชม ไม่ควรชมเขาไม่ชม อย่ามาหาอวดตั้งแต่น้ำลายว่าตัวเก่ง น้ำลายใครก็มี น้ำลายไอ้หยองไอ้ปุ๊กกี้มันก็มี มันมีจนกระทั่งเขี้ยวมัน มันกัดได้นะมาสุ่มสี่สุ่มห้า นี่ละที่เราทุเรศ นี่ละหากิเลสหาอย่างนี้ละดูซิ ก่อแต่ความเดือดร้อนใส่กัน ต่างคนต่างเสาะแสวงหา คนนั้นได้นั้น คนนี้ได้นี้มาช่วยกัน มักจะไม่เห็นและไม่เห็น มันเลวลงไปโดยลำดับลำดา

ถ้าได้คนไหนดีมาไม่ได้นะ คอยจะกัดจะเห่าจะแทะจะเผากันอยู่อย่างนั้น มันเป็นยังไงรัฐบาลของชาติไทยเรา ทั้งฝ่ายค้านทั้งฝ่ายรัฐบาลมักเป็นมาอย่างนี้โดยลำดับ แล้วสุดท้ายสิ่งที่เอามากินแกล้มเหล้าคืออะไร ตับประชาชน คนนั้นกินแบบนั้น คนนี้กินแบบนี้ ใต้โต๊ะเหนือโต๊ะ อุบายวิธีการต่างๆ กินเรียบไปเลย เอ้า สั่งการ ๓ ปีก็ไม่สำเร็จ พอเสนอเข้าไปปั๊บนี้ สั่งไปถึงขั้นนั้นขั้นนี้ กว่าจะกลับมาโครงกระดูกก็ไม่เหลือ เนื้อไม่มี หมด นี่มันกินกันแบบนี้ พวกที่ขาดทุนก็พวกฝ่ายประชาชน จนตับปอดไม่มี พวกนี้สนุกกินซี เพราะฉะนั้นใครจึงอยากจะเป็นแต่เจ้าแต่นาย เกิดอยู่ในท้องแม่ เดี๋ยวมันจะเอาท้องแม่ระเบิดออกมา ท้องแม่จะระเบิดตูมตามมา คือเด็กมันดิ้น มึงดิ้นอะไรนักหนามึงโพดนักนะ อยากเป็นนาย ฟังซิน่ะ มันดิ้นอยากเป็นนาย เพราะได้กัดตับกัดปอดประชาชนราษฎร เลวมาก ข้าราชการเหล่านี้เลวมากใช้ไม่ได้ ไม่ควรให้มีอยู่ในเมืองไทยเรา

ขอให้ปรับปรุงจิตใจเสียใหม่ แก้ไขความประพฤติของวงราชการที่เลวๆ ดังที่ว่านี้ใหม่ไปโดยลำดับ ดังวงราชการท่านปรับ ปฏิรูปราชการก็คืออย่างนี้เอง คือมันทนดูไม่ได้ก็ปฏิรูป คือแก้ไขดัดแปลงใหม่ ไม่ใช่ทำให้เป็นความฉิบหายนี่นะ แก้ไขดัดแปลงให้มันดี ผิดไปที่ตรงไหน เราก็ดูโดยธรรม พูดเป็นธรรมพูดออกมาได้อย่างนี้เอง มันเสียที่ไหน ผู้ที่ไปทำลายชาติบ้านเมืองนั่นซิ แหม มันน่าทุเรศจริงๆ ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร ตั้งหน้าตั้งตาเป็นเจ้าเป็นนายกินตับกินปอดประชาชน ที่จะขวนขวายสมบัติเงินทองข้าวของมาสู่ประชาชนให้เขาได้ยินดีมันไม่ค่อยมี หนักกว่านั้นก็ไม่มี กับข้าราชการประเภทนี้นะ ประเภทที่ดีเรายกไว้ เราไม่ได้ตำหนิทุกคนนะ ผู้ดีมีมาก แต่ราชการผู้ดีท่านเก็บความรู้สึก ท่านไม่ค่อยพูด ไอ้พวกนี้พวกหน้าดื้อหน้าด้านสันดานหยาบนี้ พอหลวมนิ้วมือ นิ้วมือมันสอดเข้าไป หลวมแขนแขนสอดเข้าไป พวกหน้าด้านไม่อายใครนะ

กินแบบไหนกินได้มันกินทั้งนั้นพวกนี้น่ะ แหลกเหลวไปหมดตับไตไส้พุงประชาชนจะไม่มีเหลือนะเวลานี้ พวกหน้าด้าน หลวมมือมือสอด หลวมแขนแขนสอด หลวมขาขาสอด หลวมหัวหัวสอด ดีไม่ดีมันจะไปเอามาทั้งโคตรมาสอดกินตับประชาชน พวกหน้าด้านกินอย่างนั้น มันจะไปเอาโคตรมันมากินด้วยเห็นไหม พิจารณาซิ

นี่เราพูดถึงเรื่องการหาอรรถหาธรรมกับหากิเลสตัณหา ได้แต่ความเดือดร้อนอย่างนี้ ถ้าหาอรรถหาธรรมแล้วเป็นความชุ่มเย็น ดังที่เคยพูดและพูดอยู่เวลานี้เอง ท่านเข้าไปในป่าออกมาหากันคุย นี่พูดถึงท่านผู้เสาะแสวงหาธรรมจริงๆ ท่านเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ออกมาพูดมีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องกิเลสตัณหาเรื่องบ้านเรื่องเมืองท่านไม่เอามาพูด เรื่องโลกสงสารท่านไม่เอามาพูด พูดแต่เรื่องศีลเรื่องธรรม แล้วนำไปปฏิบัติด้วยความภาคภูมิใจๆ องค์ไหนออกมาหากินมีความยิ้มแย้มแจ่มใส ระบายแต่ธรรมเป็นความสุขความสบายต่อกัน

ไม่เหมือนพวกเราทั้งหลาย แม้เข้าไปปลงธรรมสังเวชในบ่อแห่งคนตายอยู่ในเมรุนั้น มันก็อดพูดไม่ได้แหละเรื่องระบายกองทุกข์ของกิเลสต่อกัน นี่หาด้วยอำนาจของกิเลสมีแต่กองทุกข์มาขายกันใครจะซื้อ ใครก็ทุกข์เต็มหัวใจด้วยกันทุกคนจะเอามาซื้อใคร คนนี้ไปซื้ออันนั้นเพราะอันนี้ไม่มีจึงไปซื้อมา อันนี้ทุกข์มันมีเหมือนกันหมด ใครก็มีแต่ระบายทุกข์ ๆ เลยไม่ทราบว่าใครฟังใคร ไม่ฟังใครนะ นี่เรื่องหาด้วยอำนาจของกิเลสเป็นอย่างนี้ หาด้วยอำนาจของธรรมพาหาอยู่ที่ไหนสงบร่มเย็น เป็นสุข ๆ คนนั้นสำเร็จขั้นนั้น ๆ เรื่อยจนกระทั่งมรรคผลนิพพาน นี่ธรรมพระพุทธเจ้าประกาศกังวานมาได้ ๒๕๐๐ ปี ใครได้ฟังสักคน เออ แม้แต่เข้าไปในวัดยังไปให้กิเลสไปเอาธรรมาสน์ตีขึ้นในวัด พระก็เพียงมา กุสลา ธมฺมา ได้กล้วยหอมแล้วก็จะกลับวัดละนาเท่านั้นเอง เข้าใจไหม คอยเอาแต่กล้วยหอมเท่านั้น พระก็พระแบบหลวงตาบัว ถ้าไม่มีกล้วยหอมอย่ามานิมนต์นะ นิมนต์หลวงตาบัว ถ้ามานิมนต์ ไหนกล้วยหอมมีไหมจะถามอย่างนั้น เดี๋ยวนี้กำลังเห็นหน้ากัน ไหนทองคำเข้าใจไหม

นี่ละการหาอรรถหาธรรม กับหาด้วยอำนาจของกิเลสมันต่างกัน เดี๋ยวนี้ท่านหาอยู่อย่างนี้ผู้อยู่ในป่าในเขามีน้อยเมื่อไรพระกรรมฐาน ท่านเหล่านี้เองเป็นผู้จะทรงมรรคทรงผล ทรงความสงบสุขร่มเย็นแก่ตนและส่วนรวม คือผู้ที่หาธรรม ผู้ที่หายศถาบรรดาศักดิ์ให้ร่ำลือทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างนี้มันได้แต่กองมูตรกองคูถนั่นแหละ ไม่ได้อะไรแหละ เห็นหน้ากัน มีตั้งแต่เรื่องโลกเรื่องสงสาร ทั้ง ๆ ที่หัวโล้น ๆ ไม่ได้พูดเสียงอรรถเสียงธรรมออกมานะ ออกตั้งแต่เรื่องกิเลสตัณหา สมาคมกันที่ตรงไหน นั่งจ่อคุยกัน มีแต่เรื่องโลกเรื่องสงสารเรื่องอรรถเรื่องธรรมไม่มีในพระหัวโล้น ๆ นั่นแหละ นับหลวงตานี้เคยเข้าสมาคมทุกแห่งทุกหนพูดได้ทุกคำ ไม่ว่าวัดน้อยวัดใหญ่วัดนอกวัดในวัดราษฎร์วัดหลวงเข้าหมด เพราะฉะนั้นการพูดจึงพูดได้ทั้งนั้น เพราะไปสัมผัสสัมพันธ์มาแล้วด้วยกัน เข้าป่าก็เข้ามาแล้วนี่จะว่ายังไง เข้าบ้านก็เข้ามาแล้ว เข้าไปทุกแห่งทุกหน จึงได้เอามาพินิจพิจารณา

ให้ท่านทั้งหลายคัดเลือกเอา อะไรไม่ดีให้ตัดออก ๆ อันที่ดีให้คัดเข้ามากวาดเข้ามาภายในจิตใจ ดังพระผู้ท่านปฏิบัติดีตั้งแต่ครั้งพุทธกาลตำรับตำรามีสด ๆ ร้อน ๆ อ่านจำซิ เอามาปฏิบัติซิอยากเป็นพระดีอยากเป็นพระผู้ทรงมรรคทรงผล สมกับธรรมว่าเป็น อกาลิโก หาเถอะหาเมื่อไรได้ธรรม หากิเลสก็หาเถอะหาเมื่อไรต้องได้ฟืนได้ไฟมาเผาตัวเองจนได้ มีเสมอกันทั้งสองอย่าง ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน วันนี้พูดถึงเรื่องการหาโลกหาธรรมต่างกันอย่างนี้ หาธรรมเราก็พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้ทรงอรรถทรงธรรมคือผู้หาธรรม ผู้ทรงกองส้วมกองถานทรงนรกอเวจีคือผู้หาด้วยอำนาจของกิเลส ทั้งสองอย่างนี้จะได้เต็มมือมาเหมือนกัน จำให้ดีนะวันนี้นะ หากันบ้างซิหาธรรม หาตั้งแต่กิเลส นั่นเห็นไหม ไอ้หยอง เสี่ยวมันหาธรรม มันหากิเลสนะไอ้หยอง

ไอ้หยองมันนอนนี่หรือมันนอนในครัว (เขามาส่งครับ) บางวันเห็นพากันออกมา มาอะไรค่ำๆ พวกนี้ ว่ามาส่งหมา เราก็เลยหยุดไปเลย หมาวิ่งมาก่อน ทางนั้นพากันตาม มาอะไรค่ำๆ พวกนี้น่ะ มาส่งหมา เราก็เลยหยุดทันที ไม่งั้นจะเอานะใครมาเพ่นพ่าน อย่างผู้หญิงคนหนึ่งมานี่ตอนเย็นเมื่อสองสามวันนี้ เราได้ไล่เบี้ยเอากำลังค่ำๆ เราออกไปข้างนอก เพราะออกไปข้างนอกนี้ออกไปวันๆ ไม่ได้นะ คนรุม ต้องออกไปดู ไม่ออกไปก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นหัวหน้าทุกอย่าง อะไรไม่ดีไม่งามจะต้องไปดูแล้วออกมาสั่งนั้นสั่งนี้ วันนั้นก็ออกไปค่ำๆ พอเข้ามาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหิ้วอะไรๆ ค่ำๆ ก็ไปไล่เบี้ยกันอยู่นั้น

ออกมาอะไรเวลาอย่างนั้น ไม่ได้นะ ขับหนีจากวัดเลย อย่ามาทำลายกฎกติกาของหลักธรรมหลักวินัยในวัดในวาในพระในเณร ใครมาอยู่ให้รักษาความสงบ รักษาศีลรักษาธรรมด้วยกัน เป็นความดีงาม อย่ามาเพ่นพ่านไม่ได้นะ เราเห็นวันนั้นเรายังจำหน้าไม่ได้ ถ้าจำหน้าได้ดีไม่ดีจะไล่หนีเลย มันออกมาอะไรเพ่นพ่านไม่มีเวล่ำเวลา กฎข้อบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้ว โลกชาวพุทธเราเทิดทูน เฉพาะวัดจะเทิดทูนมากวัดที่ปฏิบัติธรรม จะมาให้เห็นอย่างนั้นไม่ได้นะ

โยม (อินโดนีเซีย) อยากถามปัญหาเจ้าค่ะ ปัญหาภาวนา  เมื่อวานยังไม่ถึงใจ

หลวงตา ฟังให้ชัดนะ เราหูไม่ดีฟังไม่ชัด ต้องมีผู้แจงอีกทีหนึ่งจึงเข้าใจ เอ้า ว่ามา นี่มันสายแล้ว

โยม ที่หลวงตาบอกเขาไปให้ดูร่างกาย เขาดูแล้วร่างกายหายไปหมดครับ

หลวงตา แล้วจิตเป็นยังไงเวลาร่างกายหายหมด

โยม (อินโดนีเซีย) ไม่สนใจค่ะ เฉย ๆ

หลวงตา ให้อยู่อย่างนั้น แล้วนานเท่าไรเขาจึงถอยออกมา

โยม เขาบอกร่างกายหายไปหมด ร่างกายไม่มี เห็นแต่ลมอย่างเดียว

หลวงตา ก็ให้อยู่กับลม ถ้าว่าลมยังไม่หายนะ ให้รู้อยู่กับลมมันจะเป็นยังไงเข้าใจไหม ตามธรรมดาของจิตถ้าลงอะไรมันหายไปหมดแล้ว ลมหายใจมันก็ไปด้วยกัน มันขัดกันยังไง

โยม เขาหมายถึงลมไม่ใช่ลมหายใจ ว่าว่างไปหมดมีแต่ลม

หลวงตา เออ ว่าอย่างนั้นซิ ถึงจะเข้ากันได้ นี่ว่าอะไรจิตใจว่างไปหมด แล้วทำไมลมหายใจมันมีอยู่ มันไม่ใช่ลมหายใจใช่ไหม เอาละเข้ากันได้อย่างนั้น นี่มันขัดกันตรงไหนมันก็รู้ทันทีใช่ไหม ถ้าจิตมันไม่ไปไหนมันจะอยู่ที่นั่นก็ให้รู้อยู่เฉพาะ ถึงกาลเวลามันจะขยับออกมาเองเข้าใจไหม ให้พิจารณาอย่างนั้นตลอด แล้วพิจารณาร่างกาย มันเป็นยังไงร่างกายถึงว่ามันหายไปหมด ก่อนที่มันจะหายมันเป็นยังไงว่าไปซิ

โยม อินโดนีเซีย รู้สึกร่างกายไม่มี แล้วก็ไม่สนใจ

หลวงตา เอ้า ไม่สนใจก็ไม่ต้องสนใจ เอ้า สรุปลงเลย ถ้าไม่สนใจก็ไม่ต้องสนใจ ให้อยู่กับความรู้มันจะเคลื่อนไหวยังไงนะ ให้เอาตรงนั้น อะไรที่มันสัมผัสกับความรู้ก็พิจารณาอันนั้น ไม่มีอะไรมีแต่ความรู้ก็ให้มันอยู่ คือความรู้อันนี้เวลาถึงกาลอันควรแล้วมันจะขยายตัวออกมา พอขยายออกมาเราจะพิจารณาอะไรก็ได้เข้าใจไหม เวลามันไม่เคลื่อนเราอย่าไปกวนก็แล้วกัน เวลามันแน่วจริง ๆ แล้วอย่าไปกวนนะ ปล่อยมันสักกี่ชั่วโมงก็ตาม มันถึงเวลาเหมือนคนนอนหลับ เวลามันหลับไม่ต้องไปปลุก ให้มันหลับพอตัวมันแล้วมันก็ตื่นขึ้นมาเอง อันนี้จิตของเรานี้ก็คล้ายกันอย่างนั้น เวลามันเข้าสู่ความสงบไม่ต้องการอะไรมายุ่งเลยก็อย่าไปยุ่งเข้าใจเหรอ อย่าไปยุ่ง ถ้ามันพอของมันแล้วมันจะคลี่คลายออกมา ทีนี้เราจะพิจารณาอะไรก็ได้เข้าใจละนะ ก็มีเท่านั้นละ

โยม อินโดนีเซีย อะไร ๆ เป็นเองค่ะ

หลวงตา เออ ให้จิตคอยดูเรื่องราวอยู่เข้าใจไหม ให้จิตคอยดู อาการอะไรมาสัมผัสกับความรู้จริง ๆ จับพิจารณา ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้รู้อยู่เสียก่อนเข้าใจเหรอ

โยม อินโดนีเซีย มีอีกค่ะ หนูอยากอยู่วัดป่าบ้านตาด แต่มีปัญหาเรื่องวีซ่า อยู่นานไม่ได้

หลวงตา อยู่นานไม่ได้ก็ไม่ทราบจะว่ายังไง ฟัง อยู่นานไม่ได้ก็ไปเสีย เอ้า มันก็มีเท่านั้นจะไปค้านเขาทำไม เออ มันก็มีเท่านั้น เอาละไป ๆ มันสายแล้วนี่นะ เอ้า เอาอันนี้ให้รางวัล  เข้าท่าอยู่นะภาวนา เข้าท่าอยู่ มันจะลงไปหาจิตนั่นแหละไม่ไปไหน เพราะสิ่งเหล่านี้ยั้วเยี้ยมีแต่กระแสของจิตออก พอตีเข้ามา ๆ มันจะย่นเข้ามา ๆ มันจะเหลือแต่จิต ทีนี้เวลาละเอียดเข้าไปอาการของจิตจะเข้าถึงนี้ ๆ หารากใหญ่มัน ต่อไปก็โค่นกันได้ แน่ะ เป็นอย่างนั้น

โยม มาจากโรงพยาบาลครับ

หลวงตา โรงพยาบาลไหนนี่ยุ่งอยู่ตลอดเลย

โยม อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ครับ มาขอความเมตตาจากท่าน ขอสร้างอาคารศาลายาไทย แพทย์แผนโบราณ

หลวงตา นาดูนเราเคยไป พอพูดอย่างนี้เคยไปเคยช่วยแล้วนาดูน สร้างตึกให้ก็มีใช่ไหม นาดูน นั่น พอพูดไปอย่างนี้มันเข้าใจแล้ว เราเคยสร้างตึกให้ด้วย นาดูนจากมหาสารคาม ไปทางสตึก เอาละเข้าใจ อันนี้ให้พักไว้ก่อน ยังให้ไม่ได้ เพราะเรายังหนักมากทีเดียว ฟังซิลาดยาว ๒ หลัง รวมแล้ว ๓๐ ล้านกว่า ทางภาคใต้ก็ ๓ แห่ง โรงเรียนหลังหนึ่ง โรงพยาบาล ๑ ตึก โรงพยาบาลอีก ๑ ตึก กระบี่พังงา นี่กำลัง ๓ ตึกทางโน้น แล้วก็ลาดยาว ๒ ตึก เป็น ๕ ตึกเข้าใจไหมล่ะ นี่กำลังโรงพยาบาลโนนสะอาด อุดร ตึกหนึ่ง ๒ ชั้น แล้วกำแพง ๓ ด้าน ด้านทางถนนเขามีแล้วไม่เอา ขาดอยู่ด้านทิศเหนือทิศใต้ ตะวันตก นี่กำลังขึ้นพร้อมกันแล้วเวลานี้ นี่ ๖ หลังแล้วใช่ไหม หนักขนาดนั้น ให้พักไว้เสียก่อนนะ ไม่ไหวละเราจะตายจริง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ทางเรือนจำอุดรก็มาแล้ว ๕ แสนกว่ามิใช่เหรอ พูดตกลงกันไว้เมื่อ ๒-๓ วันนี้ นี่เราก็อนุญาตให้สร้างแล้ว( ๕๗๐,๐๐๐ ครับ) เออ นั่นละ ๕๗๐,๐๐๐ เหรอ นู้น ฟังซิ มันน้อยเมื่อไรแล้วอยู่ในหัวอกคนเดียว มันไม่ไหวเพราะฉะนั้นจึงให้พักไว้เสียก่อนนะ หนักมากทีเดียว เอาละเราจะไปเดี๋ยวนี้เหนื่อยมาก ๆ ๆ

สรุปทองคำและดอลลาร์ วันที่ ๒๒ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๒๐ บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๔๙ ดอลล์

 

ชมการถ่ายทอดสดทุกวัน   ได้ที่

 www luangta com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก