เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
คนดีให้เสริม
เทศน์ที่กรมประชาสัมพันธ์ ได้ทราบว่าคนได้ฟังกันมากนะวันนั้น ดูว่าเขาประกาศมานานแล้ว แล้วอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็เคารพวัดนี้มาก ถ้าเป็นเรื่องของวัดนี้จะรีบจัดออกโฆษณาเลย เพราะฉะนั้นเทศน์ในที่ต่างๆ เช่นอย่างชลประทานอย่างนี้ อธิบดีคนนี้จะจัดการๆ ติดตามออกถ่ายทอดสดๆ ไปเลย แล้วยิ่งคราวนี้เป็นงานในกรมด้วย เพราะฉะนั้นถึงเอาใหญ่เลย ดูว่าอธิบดีคนนี้เอาใจใส่ เอาอย่างหนักเลย วันนั้นก็ตั้งใจเทศน์อยู่เป็นเวลาตั้งชั่วโมง ๑๓ นาทีนะ ที่เทศน์กรมประชาสัมพันธ์วันนั้น หนึ่งชั่วโมง ๑๓ นาที ประกาศให้คนได้ฟังตามโอกาสที่เหมาะ เพราะอธิบดีคนนี้ประกาศลั่นมานานแล้ว แล้วเป็นงานในกรมประชาสัมพันธ์ด้วย
ไปกรุงเทพคราวนี้ก็ได้มอบทองคำตั้ง ๖๑๒ กิโลครึ่ง มอบมากคราวนี้ ดอลลาร์ก็ตั้ง ๔๓๒,๐๐๐ ที่ ๔๓๒,๐๐๐ นี้คือมันขาดเท่าไรในคลังหลวงที่เราตั้งใจจะมอบให้ครบ ๘ ล้าน มันขาดเท่าไรๆ ปะติดปะต่อเรื่อย มันเลยเป็นอย่างนั้น เริ่มแรกมาตั้งแต่ ๑ แสน ๒ แสน ทีแรกว่าจะให้แค่นั้น เพราะเราเร่งทางทองคำมาก จึงไม่ได้คิดและไม่ได้พูดถึงเรื่องดอลลาร์เลย พอทางนี้แน่ใจว่าทองคำจะมอบเท่านั้น ก็บอกไปทางธนาคารชาติเลย พอบอกเสร็จไปทางโน้นก็ถามมา เรื่องถึงได้เกิดนะ ว่าจะมอบทองคำเท่านั้น แล้วทางโน้นก็ถามมาว่า การมอบทองคำคราวนี้ จะได้มอบดอลลาร์ด้วยหรือเปล่า นี่ที่เราไม่คิดเลยนะ เพราะจะหมุนให้ได้ทองคำ พอทางธนาคารถามมาก็เรียกว่าทอดสะพานมา มีความหวังแทรกมาด้วยๆ ว่า การมอบทองคำคราวนี้จะได้มอบดอลลาร์ด้วยหรือเปล่า เราสะดุดใจกึ๊กเลย ก็พึ่งทราบเดี๋ยวนั้นเรื่องทอง พอทางโน้นถามมา ทั้งที่ทางนี้ไม่ได้คิดเลย ก็เลยต่อเงื่อนสะพานเชื่อมกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดตายตัว เป็นแต่เพียงว่า การมอบดอลลาร์คราวนี้คงไม่ได้มากนัก เอาแค่นี้ก่อนนะ
จากนั้นหันมาก็หมุนดอลลาร์เลย ทั้งให้ถามไปทางคลังหลวงเราด้วย เวลานี้มีเท่าไรๆ ทีนี้บอกมามันไม่แน่นักซี คนนี้บอกมาว่าอย่างนี้ อ้าว คนหลังบอกมาว่างั้น ทีนี้เราหาเงินให้ พอไปถึงจุดนี้ว่าอย่างนั้น เอาอีก นั่นละเรื่องมันเพิ่มเข้าอีกๆ เรากะทีแรกคือว่าคงประมาณ ๒ แสน เพราะเรามีเงินในธนาคารเพียง ๒ แสนดอลล์ ทีนี้พอพูดตกลงกับทางโน้นว่าจะมอบดอลลาร์ด้วยแต่ไม่มากนัก จากนั้นมาก็หมุนเลย จะเอาให้ได้ ๓ แสน ก็ได้ทันที ๓ แสนดอลล์ พอได้ ๓ แสนดอลล์แล้วก็ถามไป เวลานี้ดอลลาร์ที่ฝากไว้ในธนาคารแล้วเท่าไร เขาว่า ๗ ล้าน ๖ แสน ทีนี้เรามอบเข้าไป ๓ แสน มันก็เพียง ๗ ล้าน ๙ แสน ไม่ถึง ๘ ล้าน เอ้าเอาอีก นั่นเรื่องมันน่ะ มันถึงได้หมุนกันเรื่อยๆ เวลามอบจริงๆ มันเป็น ๔๓๒,๐๐๐ ดอลล์ มันเพิ่มเข้าไปๆ ให้ครบจำนวน ๘ ล้านที่กำหนดไว้
เวลานี้ทองคำเราหลังจากที่ได้มอบแล้วนั้นได้เพิ่มอีก ๑๖๔ กิโล เราก็เริ่มเร่งตั้งแต่บัดนี้เรื่อยๆ ก้าวแรกต้องเป็น ๕๐๐ กิโลเลย บอกไว้แล้ว ที่จะมอบช่วงวันที่ ๑๒ สิงหา นี้ เพราะวันที่ ๑๒ เป็นวันงาน เราเริ่มรวบรวมสมบัติคือทองคำเป็นต้น ได้เท่าไร พองานผ่านไปแล้วรวมกันได้เท่าไรรีบเข้าหลอมเลย พอเข้าหลอมแล้วจำนวนเท่าไรแน่แล้วที่นี่ หากว่าขาดเท่าไรตามความต้องการจะให้ได้อย่างนั้น ก็จะต้องหมุนให้ได้ในระยะนั้นก่อน พอลงตัวแล้วทีนี้ก็กำหนดละที่นี่ จะมอบวันที่เท่านั้นๆ ตกลงก็ไปกรุงเทพวันที่เท่านั้น คือไปกรุงเทพกำหนดยังไม่ได้นะในช่วงวันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้วนั้น ต้องเอาทองคำมารวบรวมก่อน รวบรวมแล้วหลอม ได้เท่าไรแล้วแน่นอนว่าจะมอบเท่านั้นแล้ว ที่นี่ถึงจะกำหนดวันลงกรุงเทพ ลงกรุงเทพวันนี้ วันนั้นมอบ
คือไปกรุงเทพไปในพรรษานี้ได้ภายใน ๗ วันตามพระวินัย วันไปวันกลับไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ก็มีอยู่ ๕ วันเต็มที่ว่าง ช่วงนี้ละจะมอบทองคำ ยังกำหนดไม่ได้ในช่วงที่จะไป เขานิมนต์ช่วงนั้นเหมือนกัน คนที่จะแทรกเข้ามานิมนต์มี แต่บอกว่าเรายังตอบไม่ได้ ให้งานวันที่ ๑๒ ผ่านไปเรียบร้อย ทองคำลงตัวเรียบร้อยแล้วเราถึงจะกำหนดวันได้ เราบอกอย่างนี้ พอเรากำหนดวันแล้วงานเขาก็จะมาแทรกจุดนั้นแหละ
อย่างไรต้องเด็ดขาดตลอด จะเอาให้ได้อย่างนั้นเลยเทียว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ถ้าหลวงตายังคอไม่ขาด ยังไงก็เอาคอมอบถวายพระพุทธศาสนาและชาติไทยของเราซึ่งกลมกลืนกันอยู่ในเมืองไทยนี้ เอาให้เด็ดทีเดียว ไม่เด็ดไม่ได้ ถึงคราวเด็ดต้องเด็ดเต็มที่ คราวอ่อนมันอ่อนอยู่แล้วแหละ อ่อนจนกระทั่งปวกเปียก มันอ่อนอยู่แล้ว ทีนี้ถึงคราวเด็ดบ้างจะไม่ได้เทียวเหรอ เอาละที่นี่หมุนติ้วเลย แต่แน่ใจแล้วว่าได้แน่ๆ ที่มอบนี้คือว่า ๕๐๐ กิโลนี้เป็นพื้นฐานก้าวแรกเลยนะ กำหนดว่าจะให้มากกว่านั้น แต่ ๕๐๐ นี่ยังไงต้องได้เป็นก้าวแรกเลย จากนั้นก็เขยิบขึ้นไปให้ถึงขั้นพอใจจึงมอบ พอกฐินแล้วเอาอีกละ นั่นยิ่งหนักนะ กฐินนี้ยิ่งหนักเลย สุดท้ายขีดเส้นตายก็ ธันวา ๒๕๔๖ นั่นขีดเส้นตาย ฟัดกันมาได้ ๕ ปีกว่า เกือบ ๖ ปีนะ ของเล่นเมื่อไร เพราะฉะนั้นจึงขีดเส้นตายเส้นชัยชนะตรงนั้น ต้องเป็นเส้นชัยชนะ
เส้นตายคือว่าต้องให้ได้เท่านั้น คำว่าตายก็แบบตายตัวเลยเป็นอื่นไปไม่ได้ จากนั้นก็ปล่อยละที่นี่นะ ที่จะไปรบกวนพี่น้องทั้งหลายดังที่เคยเป็นมาเป็นอันว่างดเลยทันที หยุดทันที หากไปบ้างก็ไปตามธรรมดาของเรา ไม่ได้ไปแบบช่วยโลก ไปแบบธรรมดาดังที่เคยปฏิบัติมาก่อนช่วยชาตินี้แล้ว การนิมนต์ที่นั่นที่นี่ก็มีอยู่เป็นธรรมดา แต่อย่างไรต้องให้ขาดสะบั้นลงในสิ้นปีนี้ เอาให้ขาดเลย หลวงตาจะพาขาดไม่รอเลย ถ้าลงได้ขึ้นเวทีแล้วไม่มีถอย ท่านทั้งหลายเคยเห็นไหมกิริยามารยาทหลวงตาอ่อนแอท้อแท้ปวกเปียกบนเวที เคยเห็นไหม เอาขนาดนั้น
เพราะเรื่องมันหนักข้าศึก เช่นความจนหนัก จะเอาชัยชนะความจนจะเอาเบาๆ ไม่ได้ ต้องให้ทันกันๆ แล้วเท่าที่ผ่านมานี้ก็ไม่เห็นผิดพลาดไปนะ ได้ตามจุดๆ ทุกระยะเรื่อยมา เราจึงขอชมบรรดาพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศ เวลาธรรมดาก็ธรรมดา เวลาเด็ดก็เด็ด ได้ตามเด็ดๆ เป็นเกาะๆ มาเรื่อย อย่างคราวนี้ไม่ได้คิดได้คาดว่าจะได้ทองคำมอบเข้าสู่คลังหลวงถึง ๖๐๐ กิโลกว่า ยังปึ๋งได้เลย แล้วดอลลาร์ก็ตั้ง ๔ แสนกว่า คือไปเด็ดเอาในระยะนั้นเวลาไปกรุงเทพ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะมอบทองคำ จะไปหาทองคำรวบรวม แต่ครั้นเวลาไปแล้วจิตนี่มันคิดไม่ถอย มันหมุนไม่ถอย ทีนี้มันก็หมุนเข้าจังหวะ เอาเลยทันที เข้าจังหวะขึ้นเวทีเลย โบกมือเลยที่นี่ ไม่ใช่โบกมืออะไร โบกมือหาเงิน หาทองคำ ได้มาแล้วก็ใส่ปึ๋งเลย แล้วกลับมา
เวลานี้ก็ได้ ๑๖๔ กิโล ยังขาดอยู่เท่าไร อย่างน้อย ๕๐๐ กิโลเป็นพื้นฐานเหยียบย่างขึ้นก้าวแรกเลย ต่ำกว่านั้นไม่ได้ว่างั้น ขยับๆ ทำอ่อนไม่ได้ พอหมดวาระนี้แล้วภาระของเราเรียกว่าปลงลงเป็นพักๆ อยู่ตามอัธยาศัย แต่เรื่องที่คนไม่ยุ่งนี้ไม่มีแหละ ยิ่งยุ่ง ยิ่งยุ่งหนักเข้านะ จนกระทั่งออกมาศาลาไม่ได้ กลางวี่กลางวันออกมาไม่ได้นะ ยั้วเยี้ยๆ พอเห็นรุมเลย มันไม่พ้นที่จะได้ดุคนวันหนึ่งๆ ใส่ในย่ามขนาดไหนย่ามก็ขาดออกมาแหละ คาถาดุมันอยู่ในย่ามนั่น มันออกมาจนได้เพราะมันมีพวกที่กวนปากย่าม ก็เทปากย่ามละบางที ไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้นกลางวี่กลางวันเราจึงไม่ค่อยออก จะไปก็ตอนเช้าๆ ตอนเย็นดังที่เห็น ตอนนั้นตอนว่างคน
คือเราไปนี้เราไปดูสิ่งนั้นสิ่งนี้ บกพร่องอะไร จำเป็นอะไรๆ มาก็สั่ง นั่นเรื่องราว ที่มันจำเป็นต้องออกก็เพราะอย่างนั้นเอง ไม่ออกเวลาหนึ่งก็ต้องออกเวลาหนึ่ง เพราะความจำเป็นอยู่กับเราคนเดียว เมื่อเช้านี้ก็ไป มาสั่งแล้วนะ อย่างนั้นแล้ว เพราะเรื่องทั้งหลายมันอยู่กับเรา
อย่างคราวนี้ต้องเอาให้หนัก เพื่อจะได้เชิดชาติไทยของเรา สมกับว่ามันจะล่มจะจมต่อหน้าต่อตาคนไทยทั้งชาติให้เห็นประจักษ์ในเร็วๆ ที่สืบเนื่องกันมานี้ พี่น้องชาวไทยถึงต่างคนต่างลุกสู้กันเลย ความจนความจม มันจะจม เอากันใหญ่ทั้งทางชาติทั้งทางศาสนาช่วยกันเลย ทางชาติก็ทางบ้านเมือง ทางศาสนาก็คือทางพระอย่างเรา พร้อมกับพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยออกช่วยกันๆ เฉพาะอย่างยิ่งเช่นวงกรรมฐาน ไม่ว่าธรรมยุต มหานิกาย แหละ ท่านช่วย ทางนิกายก็กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น อาจารย์ชานี่สายไหน ก็สายเดียวกัน ช่วยกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยเรื่อยมา นี่เรียกว่าทางศาสนาช่วย พระก็คือเราเป็นหัวหน้า พอแย็บออกตรงไหนก็เข้าถึงกันๆ แล้วก็ออกช่วยกันๆ เรื่อยมา
ทางบ้านเมืองก็ตั้งแต่นายกลงมา นายกคนนี้ท่านทั้งหลายให้ดูนะ เราไม่ได้ยกยอ ไม่ได้เหยียบย่ำทำลายด้วยความไม่เป็นธรรม ภาษาธรรมจะตรงแน่วเลย ควรติๆ ตำหนิๆ ทันที ควรชมๆ จะดุขนาดไหนเด็ดขนาดไหน จะเป็นธรรมล้วนๆ ออกเลย เรื่องกิเลสไม่มีตัวไหนจะมาแฝงธรรมได้ จะเด็ดจะดุจะอะไรก็ตาม เรื่องธรรมล้วนๆ ออกๆ พิจารณาเรียบร้อยแล้วออกๆ ไม่ใช่พรวดพราดๆ ชุ่ยๆ นะ จึงว่าดวงชาตาชาติไทยเรายังดีอยู่นะ บอกชัดๆ ว่าดีอยู่ มันน่าจะจมแล้วแท้ๆ จนขนาดที่ว่าเราไม่เคยคาดเคยคิดเลยถึงร้องโก้ก แหม คือมันกระเทือนอย่างหนัก
เราก็ไม่เคยคิดเรื่องชาติบ้านเมือง ก็ถือเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ศาสนาเป็นเรื่องของเราเราก็ปฏิบัติให้สมใจ แต่เรื่องความดีความชั่วของบ้านเมืองดำเนินมานานสักเท่าไร เฉพาะอย่างที่เรามาบวชนี้จะรู้เรื่องเรื่อยๆ จนกระทั่งบวชเข้าในวงใน ทีนี้ชาติบ้านเมืองรู้ไปหมดเลย แต่ไม่เคยสนใจ จะไปตำหนิก็ไม่ตำหนิ จะไปชมก็ไม่ชม เป็นเรื่องของบ้านเมืองไป เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องของเรา เราทำหน้าที่ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดมา บันดลบันดาลอะไรก็ไม่รู้นะ อยู่ๆ มันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อเสียทุกอย่าง ทั้งจะจมทั้งจะฟื้นมันรบกันอยู่เวลานั้น ตกลงก็เลยออก ทางบ้านเมืองก็เปลี่ยนผู้นำใหม่ตามจังหวะที่หมดวาระไป ไม่ใช่แกล้งกันทำกันเหมือนโลกสกปรก เป็นเรื่องกฎของชาติบ้านเมือง เมื่อถึงวาระที่จะลดจะปลดจะปล่อยก็ปลด เช่น เป็นนายกนี่สมัยหนึ่งกี่ปีๆ แล้วหมดสมัยไปๆ
อันนี้ก็เป็นจังหวะสมัยที่หานายกใหม่ขึ้นมา แล้วทีนี้ทางศาสนาก็ขึ้นมา ทางบ้านเมืองก็ขึ้นมาพร้อมกัน พอดีก็ได้นายกที่เป็นอรรถเป็นธรรม เราจะไปดูแต่ว่านายกคนนี้บวชนะถึงเป็นธรรม ไม่ได้นะ ธรรมอยู่กับหัวใจของทุกคน บวชไม่บวชฆราวาสและพระสำคัญอยู่ที่หัวใจ ถ้าใจเป็นธรรมดีไปหมด ถ้าใจไม่เป็นธรรมจะเอาผ้าเหลือง เช่นอย่างพระจะถือว่าเป็นธรรมทีเดียวไม่ได้นะ เรื่องธรรมเป็นธรรม แต่ผู้ไปครองอรรถครองธรรมมันจอมปลอมสกปรกโสมม ไปทำศาสนาให้แหลกให้เหลวไปหมด มีมากทีเดียวกับพระที่บวชเข้าไป ปลอมในหลักธรรมชาติของมัน นี่มีมากต่อมาก เพราะฉะนั้นธรรมจึงมีได้ทั่วๆ ไป ไม่ได้เป็นแต่ว่าพระจึงต้องมีธรรม ฆราวาสไม่มีธรรม ฆราวาสมีธรรมดีกว่าพระเยอะ คือวัดเอาหัวใจ เราอย่าไปวัดเอารูปเอาร่างเอาเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัว ให้วัดเอาหัวใจนี่สำคัญมาก
นี่เราก็พูดตามความสัตย์ความจริง เพราะเราเล็งตลอด ยิ่งกำลังช่วยชาติบ้านเมืองนี้ ทางบ้านเมืองออกแง่ไหนมุมใด เราจะติดตามดูอย่างลึกๆ พูดให้มันชัดเจน ไม่ต้องออกปากพูด ตำหนิอย่างนั้นชมอย่างนี้แหละ หากเป็นอยู่ภายในใจ จะตามสอดตามแทรกสังเกตพินิจพิจารณาผิดหรือถูกประการใดเพื่อส่วนรวม ความหมายว่าอย่างนั้น ถ้าผิดก็ผิดส่วนรวมทั้งประเทศ ถ้าถูกก็ถูกส่วนรวมทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นการพิจารณาทั้งสองแง่นี้ จึงต้องพิจารณาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่เราได้ความพอใจตลอดมา ก็คือนายกคนนี้แหละ ว่างั้นเลย เราพูดให้ตรงไปตรงมา
พี่น้องทั้งหลายมีหูมีตาทุกคนให้ฟังแล้วให้ดู หาคนดีหายังไงให้หาให้ดี หลวงตานี้ไม่โกหกโลก หลวงตานี้พูดอย่างตรงไปตรงมา พูดอย่างเป็นอรรถเป็นธรรมล้วน ๆ เท่าที่ผ่านมานี้นายกเราคนนี้เราพอใจเต็มที่ เราหาที่ต้องติไม่ได้ เราพูดจริง ๆ เจอกันทีไรจะไปตำหนินี้มันก็ไม่มีข้อตำหนินะ เอานะ ยังไงบ้านเมืองเราเจริญเอานะ มีแต่เสริมนะเอานะ ๆ ที่จะตำหนินี้ทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็มันไม่มีข้อตำหนิ ตำหนิหาอะไรใช่ไหมล่ะ ที่ได้มาแล้วก็เป็นกำลังใจแล้ว ที่ดำเนินมาแล้วเหมาะสมแล้ว นั่น เอ้า เอาให้ก้าว ๆ นะ บอกอย่างนี้ เหมาะสมแล้วต่อชาติบ้านเมืองของเรา เอ้า ให้ดำเนินอย่างนี้เรื่อยไป แล้วก็แนะสิ่งไหนที่ควรแนะ มันมีภัยรอบด้านจะว่ายังไง
คนชั่วคอยแต่จะทำลายคนดีนี้แหละที่น่าสลดสังเวชนะเรา ไม่ทำอะไรทำตั้งแต่ความชั่ว คอยแต่ทำลายคนดี คนดีทำแทบล้มแทบตาย กลางคืนกลางวันจะไม่ได้หลับได้นอนอุตส่าห์พยายามขวนขวายเพื่อความดี เจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมือง แล้วคนชั่วพยายามตั้งแต่จะทำความชั่ว แหม มันเลวขนาดนั้นนะ พยายามตั้งแต่ทำความชั่ว เขาทำดิบทำดี คอยไปเตะไปถีบไปยันไปจุดไปเผา นี่ซิมันน่าทุเรศ เราพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ
นี่แหละภาษาพระท่านทั้งหลายให้ฟังเอานะ พูดให้ตรงไปตรงมา อย่างนายกคนนี้แทบเป็นแทบตายนะ แหม ไม่มีเวลาเลย เพื่อชาติบ้านเมืองจริง ๆ แล้วรักคนจนด้วยนะ เหมาะสมกับธรรมพระพุทธเจ้าที่ว่า เมตตาธรรม เมตตาธรรมสงสารคนได้รับความทุกข์ความลำบาก ยากเย็นเข็ญใจสงสารคนนั้น คนที่มั่งมีศรีสุขนั้นแล้วก็เป็นธรรมดา ทรงตัวได้แล้วก็พอปล่อยมือได้ละ แต่คนน่ะซิเหมือนคนตกน้ำ คอยอาศัยคนอื่นจะไปเกาะไปดึงขึ้นมา อันนี้คนจน ท่านนายกคนนี้ท่านเป็นผู้ที่ช่วยคนจนมาก นี่เข้าแล้วในจุดธรรม อย่างเราถมดินก็เหมือนกัน ที่ไหนสูงถมหาอะไร ก็ถมที่มันต่ำ ที่มันต่ำก็คือคนจน ก็ต้องช่วยคนจนซิ คนมั่งคนมีก็พอเป็นพอไปแล้ว ใครจนใครจำเป็นมากน้อยเพียงไรก็ต้องได้ดูแลกัน
นี่ละให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ทุกคน ให้ฟัง ตามีหูมีดูเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ใครผิดใครถูกดีชั่วประการใดให้ดู แล้วท่านผู้ใดทำดีให้กำลังใจกัน อย่าไปตำหนิติเตียนกัน ไม่สมควรอย่างยิ่ง กับผู้รักชาติด้วยกัน นั่นเป็นหัวใจของชาติคือนายก เป็นหัวใจของชาติ ทำดียังไงแล้วให้เสริมกัน เมื่อดีแล้วยอมรับว่าดีแล้วให้เสริมให้มีกำลังใจ คนหนึ่งทำแทบเป็นแทบตาย คนหนึ่งคอยจะไปตำหนิติเตียน ใครจะเอากำลังใจมาจากไหน พิจารณาซิ ก็มันไม่ใช่ธรรมอย่างนั้น ธรรมก็คือว่าถูกต้องแล้วชมเชยว่าถูกแล้วเสริมให้ดี นั่นธรรม นี่ก็พูดตามธรรมเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น จึงให้พากันดูทั่วประเทศไทย โถ หาหัวหน้านี่มันหาง่ายเมื่อไรวะ หาแทบเป็นแทบตาย ดีไม่ดีตายเปล่า ๆ แล้วมิหนำซ้ำยังจะพาให้บ้านเมืองล่มจมอีกด้วย นั่น มันมีแต่คนชั่วละซี ไปที่ไหนมีแต่คนชั่ว ๆ คนชั่วมันจะทำความเจริญให้ชาติบ้านเมืองได้ยังไง ต้องเป็นคนดี คนดีไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระ อยู่กับการปฏิบัติอยู่กับหัวใจ ความมีธรรมไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าโยม ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายไม่ว่าพระ ดีได้ทั้งนั้นถ้าใจดีแล้ว ใจนี้จะเป็นกำลังที่จะหนุนกิริยาของเราออกแสดงในทางความดี ถ้าใจชั่วแล้วจะแสดงออกมาตั้งแต่ความชั่วช้าลามก อย่างที่ว่าเขาทำดีแทบเป็นแทบตาย เราไม่ได้ทำอะไรตั้งหน้าตั้งตาทำตั้งแต่ความชั่ว เตะถีบยันเผาคนดี นั่น อย่างนี้แหละเรียกว่าคนขวางโลก คนรกโลกคนประเภทนี้ ขอให้พากันจำเอาไว้ คนดีให้เสริมนะ คนชั่วอย่าไปเสริม เสริมไปหาอะไร ถ้าไปเสริมคนชั่วก็เท่ากับเสริมคนชั่วให้เป็นคนชั่วเข้าอีกนั้นเอง แล้วจมเมืองไทย
คนดีเมื่อชมไปตามการกระทำว่าดีแล้วให้เสริมกำลังกัน ให้มีแก่ใจอย่างนี้ซิถึงถูกนะ พี่น้องชาวไทยมีทางได้เต็มเหนี่ยวเหมือนกันทั้งสองฝ่าย มีทางตำหนิได้ มีทางชมได้ ตำหนิให้ตำหนิตามเหตุผลที่ถูกต้องดีงามว่าควรตำหนิ เอ้า ตำหนิได้ทั้งนั้น เรามีสิทธิทั่วประเทศไทยด้วยกันทุกคน ตำหนิได้ ใครไม่ดียังไงตำหนิได้ แล้วควรที่จะแนะทางที่ถูกที่ดี เอ้า ให้แนะให้กัน ผู้ที่ดีแล้วยอมรับว่าดีแล้วเสริมให้มีกำลังใจ นั่นถึงถูกต้องนะ อย่าไปคอยแต่เหยียบแต่ยันทำลายกัน ใช้ไม่ได้นะ นี่เป็นระยะมีศาสนานำด้วยคราวนี้ มาพูดอย่างนี้ฆราวาสเขาไม่กล้าพูดได้ละ สำหรับพระได้ เพราะพระเอาธรรมออกมา ธรรมที่เป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอดแล้วออกได้หมดเลย ตำหนิได้ชมได้ทั้งนั้นพระ คือธรรมเป็นอย่างนั้น เพราะไม่ได้อยู่ในวงกรณีพิพาทหมากัดกันเข้าใจไหม หมากัดกันคือมันทะเลาะกัน ทีนี้ธรรมอยู่นอกเหนือจากวงหมากัดกัน มาชำระจับขาตัวนั้นดึงออก จับหางตัวนี้ดึงออก เข้าใจไหม ถ้ามันแง่ง ๆ ก็ตีปากมันเอา จำให้ดีนะ การรักษาบ้านเมืองให้ทุกคนรักษาด้วยกัน ให้คอยสอดส่องดูแลถึงถูกต้องนะ อย่าแบบเฉยแบบเมย ไม่ถูกนะ
นี่เราก็กำลังจะเร่งความพยายามของเราขึ้นสู่ชัยชนะ คือความทุกข์ความจนเป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติไทยของเราอย่างหนักทีเดียว ทีนี้กำลังฟื้น ๆ ๆ นี่ก็ทำเสร็จไปแล้วนี่ ไอ เอ็ม เอฟ เอ็ม แอพ อะไรก็ไม่รู้หัวมันละ โคตรพ่อโคตรแม่เราก็ไม่เคยได้อ่านหนังสือนี่นะ เขาว่าติดหนี้พวกนี้ แล้วใครจะไปคิดได้ ก็มีแต่จะจม ๆ ท่าเดียว เพราะหนี้มันล้นพ้นเกินกว่ากำลังของคนไทยที่จะยกจะเล็ดลอดไปได้ นี่เห็นไหมจะเสร็จเร็ว ๆ นี้ นี่นายกเรา เราก็ยังไม่เคยเห็น เอ้า พี่น้องทั้งหลายดูเอานะ นี่จะเสร็จภายในเดือนกรกฎา ไม่ทราบว่ากี่แสนล้าน โหย พิลึกพิลั่น จนเรียกว่า ประหนึ่งว่าทอดอาลัยตายอยาก ยอมจมไปเลย นี่ทำไมฟื้นขึ้นมา ไม่กี่ปีละเอาขึ้นมาได้ เดือนกรกฎาก็จะพ้นอันนี้ พอพ้นอันนี้เราก็เป็นอิสระขึ้นมาทันทีอย่างไม่คาดไม่ฝัน นี่เป็นยังไงหาคนดี อย่างนี้ละหาเอา หาที่ไหนมีแต่กัดตับกัดปอด มิหนำซ้ำเงินอยู่ในคลังก็จะค้นโกยออกมากินหมด มันเห็นไปอย่างนั้นเสียมาก ที่จะเอาเข้ามาเพิ่มพูนแล้วช่วยฉุดลากกันขึ้นมาอย่างนี้มันไม่ค่อยเห็น และไม่เห็นละซิ นี่เมื่อเห็นแล้วให้พากันชมเชยสรรเสริญ ความดีความสามารถอย่างนี้เรายังไม่เห็นนะ
นี่เห็นแล้วคราวนี้ พี่น้องชาวไทยเห็นหรือยัง พิจารณาซิ นี่จะพ้นแล้วพ้นหนี้ ไอ เอ็ม เอฟ เอ็ม แอพ โอ้โห ไม่ทราบว่ากี่หมื่นกี่แสนล้านติดหนี้เขานะ นี่จะพ้น ใช้มาเป็น ๓ วาระ ให้เสร็จ แล้วก็เป็นไปตามนี้เห็นไหมล่ะ วาระ ๑ ผ่านมาแล้วใช้แล้ว นั่น วาระที่ ๒ ใช้มาแล้วผ่านไปแล้ว นี้วาระที่ ๓ จะตัดบท เรื่องความเป็นหนี้เป็นสินก็เรียกว่าเป็นบ๋อยเขาไปในตัวละ ทีนี้เปิดออกเป็นอิสระวาระสุดท้ายเดือนกรกฎา นี่เชื่อไหมพิจารณาซิ ใครเป็นคนทำ เราเชื่อไหมพิจารณาซิ เราไม่เชื่อผู้อย่างนี้เราจะเชื่อใครฟังซิ บ้านเมืองของเราฟื้นขึ้นมาได้เพราะนี่ นั่น ไม่งั้นจม นี่ก็ท่านนายก ท่านเอาจริงเอาจังเด็ดขาดด้วยความฉลาดแหลมคมด้วยนะ ไม่ใช่ธรรมดา ฉลาด โห สมกับท่านเป็นผู้ใหญ่ยกชาติบ้านเมืองจริง ๆ นะ ฉลาดแหลมคม กล้าได้กล้าเสียทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมือง เราจึงชมเชย ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน
สรุปทองคำวันที่ ๑๕ เมื่อวานนี้ ได้ทองคำ ๓ บาท ๒๘ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๒๘ ดอลล์ ดอลลาร์เราที่อยู่ในคลังหลวงนั้นเวลานี้ ๘ ล้านนะ ทีนี้เศษจากคลังหลวงหลังจากมอบแล้วมีเงินในบัญชี ๖๔,๐๙๘ ดอลล์ ส่วนทองคำที่ได้หลังจากมอบคลังหลวงเรียบร้อยแล้วนั้น เวลานี้ได้ ๑๖๔ กิโล ๒๓ บาท ๖๙ สตางค์ นี่ละเราได้เศษ กรุณาจำตามนี้เราจะเอาให้ได้ตามความมุ่งหมาย
นี่เข้าพรรษามาได้ ๒ วันแล้วนะ เมื่อวานวันนี้เริ่มเข้าพรรษาละ พระท่านทำความพากเพียรเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราเข้มงวดกวดขันมากทางด้านจิตใจ ทางด้านภาวนา แม้จะมีงานมากขนาดไหนเราไม่ให้ท่านเข้าไปยุ่งเลย นอกจากเวลาจำเป็นจริง ๆ ก็ไปขอร้องท่านมาช่วยชั่วระยะ ๆ ซึ่งเป็นงานส่วนรวม พอเสร็จแล้วก็เลิกทันที ให้ท่านทำงานของท่าน เราทำงานของเราเรื่อย เราสงวนพระมากนะ พระที่ตั้งใจปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรม ด้วยความมุ่งมั่นอรรถธรรมอย่างยิ่งคือมรรคผลนิพพาน นี่ละเป็นผู้ที่มีความพยายาม ความรอบคอบ ความมีสติ ปัญญา ความสุขุมจะอยู่ในจุดนี้ ความที่มีความมุ่งหมายธรรมอย่างสูงสุด เป็นผู้มุ่งเรียกว่าการดำเนินนี้จะราบรื่น ๆ แบบสุกเอาเผากินอย่าเอามาพูดเลย ทำลายศาสนา
นี่เราพยายามมากในวงกรรมฐาน คือสายหลวงปู่มั่น เช่นอย่างเราอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวไปวัดนั้นเดี๋ยวไปวัดนี้ แล้วเดี๋ยวไปวัดนั้น อย่างน้อยพระได้กำลังใจ เช่น เราไปที่ไหนฟังเสียง ฮือฮา ๆ วันนี้ท่านไปตรงนั้น ๆ แน่ะ เป็นอย่างนั้น ไปก็แนะนำสั่งสอน จากนั้นก็เป็นการให้กำลังใจไปในตัว เพราะท่านเหล่านี้เองเป็นผู้จะทรงมรรคทรงผลสืบทอดองค์ศาสดาและสาวกเรื่อยไปไม่มีสิ้นสุด ดังที่พระพุทธเจ้ารับสั่งกับพระอานนท์ ว่า อานนท์ พระธรรมและพระวินัยนั้นแล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว คือธรรมวินัยนั้นแลให้มาอยู่ในหัวใจของเรา เรียกว่า เราเทิดทูนพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ด้วยการสำรวมระวังรักในธรรมวินัย เท่ากับรักองค์ศาสดาซึ่งเป็นองค์แทนอยู่ในหัวใจของเรา ท่านเหล่านี้ไปไหนจะสุขุม ไม่พรวดพราด ไม่แสลงหูแสลงตานะ
แต่ผู้ที่เป็นบ้านั้นไม่ว่าท่านว่าเราเอาธรรมเข้าพูด มาบวชเป็นพระแล้วเอาพระเป็นโล่บังหน้าหากิน เรียนวิชาทางโลก ปฏิบัติตัวเหลวแหลกแหวกแนวไปทางโลกทางสงสาร ซึ่งไม่ใช่เรื่องของพระเลย อันนี้ละพวกที่ทำความเลวทรามต่อศาสนา ผู้นี้ไม่มีหวังเรื่องมรรคผลนิพพาน มีแต่เรื่องเอาฟืนเอาไฟเผาชาติเผาศาสนาไปในตัวนั้นแหละ ผู้ที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมผู้นี้แหละจะเป็นผู้ให้ความร่มเย็นแก่ประชาชน นอกจากให้ความร่มเย็นแก่ตนแล้ว ยังให้ความร่มเย็นแก่ประชาชนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไปที่ไหนชุ่มเย็น ๆ ไม่สังเกตมันก็รู้นะ ไปที่ไหนมีวัดกรรมฐานท่านตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเป็นอรรถเป็นธรรมล้วน ๆ แม้แต่หมู่บ้านนั้นยังชุ่มเย็น สงบเย็นนะ
นี่เห็นไหมมันกระจายถึงกันจนได้ ไปที่ไหนแถวบ้านไหนมีพระกรรมฐานที่ท่านพักอยู่ที่นั่น หรือมีวัดที่นั่น บ้านแถวนั้นจะรู้สึกชุ่มเย็น เรื่องราวไม่ค่อยมีนะ ให้อภัยกันได้ง่าย ๆ คนมีธรรมให้อภัยกันง่าย ถ้าคนไม่มีธรรมแล้วเขี้ยวมันยาวเหมือนเขี้ยวหมาเข้าใจไหม คอยแต่จะกัดกัน พวกนี้ไม่มีหวังเรื่องมรรคเรื่องผล นอกจากนรกอเวจีเป็นพระกี่ร้อยพระก็ตาม เอาธรรมมาพูดกัน ถ้าเป็นอรรถเป็นธรรมไปอยู่ที่ไหนเย็นสบาย ๆ จากนั้นแล้วก็ท่านเหล่านี้เองเป็นผู้จะทรงมรรคทรงผลต่อไป จนกระทั่งที่เรียกว่า ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส พระสงฆ์เหล่านี้เองเป็นเนื้อนาบุญของโลก
คำว่า เนื้อนา เอ้า เราจะเทียบ เนื้อนาให้ดู เราเดินไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ นามีหลายประเภท ท่านจึงเทียบเป็นเนื้อนาบุญ พระนี้เป็นเนื้อนาบุญของโลก คือพื้นที่บางแห่งไม่ดี ทำไร่ทำนาเอาข้าวลงด้วยกันก็ตาม แต่ผลของข้าวที่เกิดขึ้นจากนาไม่ดี ไม่ค่อยมีมากไม่ค่อยดีต้นลำก็ไม่ดี เวลาขึ้นเป็นดอกเป็นผลก็ไม่สมบูรณ์ ๆ ตลอดไป พื้นนาที่ไม่ดีอย่างนั้น แล้วถัดขึ้นไปพื้นนาที่ดีกว่านั้นผลก็สูงกว่านั้น แล้วพื้นนาที่ดีเต็มที่แล้วนั้นละเป็นผู้ทรงดอกทรงผลได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ประเภทของพระก็เหมือนกันอย่างนั้น พระแบบชุ่ย ๆ ก็เหมือนเราเอาข้าวไปหว่านในเตาไฟนั้นละมันเผาหมด ไม่มีข้าวไหนจะมางอกเงยขึ้นได้ ไฟเผาหมด พระประเภทสังหารชาติ สังหารศาสนาสังหารตนเองเป็นพระประเภทนี้ ถ้าผู้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติถึงจะไม่ได้ถึงมรรคผลนิพพานก็เป็นเนื้อที่ดีแก่ตนเอง ให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตามขั้นภูมิ แห่งการปฏิบัติของตนได้มากน้อยเพียงไร แล้วผู้ตั้งใจจริง ๆ ปฏิบัติจริง ๆ ทรงมรรคทรงผลจริง ๆ นั่นละเป็นเนื้อนาที่วิเศษวิโส ๆ ใครทำบุญให้ทานมากน้อยเพียงไร ผลจะพอกพูน ๆ เหมือนกันกับเนื้อนาดี เนื้อนาดีนี้เราหว่านข้าวลงไปซิ ต้นเดียวเท่านั้นมันแตกกิ่งออกมาไม่ทราบกี่กิ่งกี่ก้าน ออกรวงมานี้ต้นเดียวเท่านั้นเหมือนกับกอตะไคร้เห็นไหม กอตะไคร้เป็นพุ่มขึ้นเลย นี่เนื้อนาดี ถ้าเนื้อนาไม่ดีพอเอาลงไปถูกไฟเผาเลย ดินก็ดินเค็ม ๆ ดินเกลือมันก็เผาข้าวหมดละซิใช่ไหม งอกเงยไม่ได้ นี่เป็นชั้น ๆ ท่านว่า ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส เนื้อนาบุญ
ท่านเริ่มไปตั้งแต่ สุปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติดีตามหลักธรรมหลักวินัยตรงแน่ว อุชุปฏิปนฺโน เอาธรรมเป็นที่ตั้งไม่เอาโลกามิสอะไรเข้ามาเคลือบแฝงเลย สามีจิปฏิปนฺโน ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม ตนหาที่ต้องติตนไม่ได้ คนอื่นเขามองเห็นก็เคารพเลื่อมใสชื่นอกชื่นใจ นั่น สามีจิปฏิปนฺโน ญายปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความรู้ยิ่งเห็นจริงในมรรคผลนิพพานจริง ๆ นี่ละ ๔ นี้ รวมกันมาแล้ว อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย เป็นผู้ควรแก่ทักษิณาทานของพี่น้องทั้งหลาย ได้บริจาคมามากน้อยไม่ได้ต้องติว่า พระองค์นี้ไม่สมควรกับไทยทานของเราไม่มี ให้มากเท่าไร ๆ อันนั้นเหนือกว่า ท่านเหนือกว่า ธรรมของท่านเหนือกว่าตลอดเวลา จากนั้นท่านก็ เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ เอส ก็คือว่า นั้นแลคือสาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส นี้แลเป็นเนื้อนาบุญของโลก ชุ่มเย็น นี่แหละเนื้อนาเป็นชั้น ๆ ท่านแสดงไว้พระสงฆ์ผู้ทรงมรรคทรงผล ผู้เป็นกัลยาณปุถุชน ปฏิบัติดี ผู้ทรงมรรคทรงผลขึ้นไปจนกระทั่งถึงมรรคผลนิพพาน เป็นชั้น ๆ เป็นเนื้อนาของโลกได้ เป็นชั้น ๆ นั่น ท่านแสดงเอาไว้
ท่านที่อยู่อุตส่าห์พยายามเพื่ออรรถเพื่อธรรมในป่าในเขา ส่วนมากท่านเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่ สุปฏิ อุชุ ญาย ขึ้นไป เพื่อจะก้าวขึ้นสู่มรรคผลนิพพานแล้ว ปุญฺญกฺเขตฺตํ เป็นเนื้อนาบุญของโลก เวลานี้มีน้อยมากนะ สุดท้ายก็มาลงในวงสายหลวงปู่มั่นนะ คือหลวงปู่มั่นนี่ครอบโลกธาตุ เวลานี้โลกร่ำลือกันทั่วถึงหมด กิตติศัพท์กิตติคุณของท่าน ฟุ้งขจรไปทั่วทุกแห่งทุกหน ให้ท่านไปเทศนาว่าการสั่งสอนโลกทั่ว ๆ ไปจริง ๆ ท่านไม่ได้ไป แต่ว่าธรรมของท่านที่แสดงแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าไปศึกษาอบรมกับท่านนั้นมีจำนวนมาก ลูกศิษย์ลูกหาแตกกระจายออกไป ธรรมะท่านก็แตกกระจายออกไป เพราะฉะนั้นท่านจึงเป็นผู้มีชื่อโด่งดังมากที่สุด บรรดาพระสงฆ์ในสมัยปัจจุบัน คือ หลวงปู่มั่น ที่โด่งดังมาก นี่คือโรงงานอันใหญ่หลวงมาก ที่ได้ผลิตมรรคผลนิพพานให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายได้ชมได้ปฏิบัติตาม แล้วมีน้อยเข้าทุกวัน ๆ เวลานี้นะ นอกจากนั้นมันมีแต่ฟืนแต่ไฟเผาศาสนานะ เอาละนี่นะ จะให้พร
โยม สาธุ ถวายทองคำ ๑ บาทครับ
หลวงตา มาจากไหนล่ะ
โยม มาจากกรุงเทพค่ะ
หลวงตา เออ เอ้า ได้ทองคำ ๑ บาท พอใจ ๆ ๆ ทีนี้จะให้พรสายแล้ว
โยมอินโดนีเซีย ถวายดอลลาร์
หลวงตา ได้ดอลลาร์มาจากไหนมากมายเท่าไร
โยม เขาบอก ๑ หมื่นครับ
หลวงตา โอ้ ๑ หมื่นเหรอ โธ่ ๆ ๆ ตั้ง หมื่นดอลลาร์ของเล่นเมื่อไร ได้ตั้งหมื่นดอลลาร์แล้ว
ชมการถ่ายทอดสดทุกวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th |