เข้าพรรษาให้มีคำสัตย์คำจริง
วันที่ 13 กรกฎาคม. 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 45.44 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

เข้าพรรษาให้มีคำสัตย์คำจริง

 

         สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๑๒ กรกฎา เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑๔ กิโล ๔๐ บาท ๖๒ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒๓,๑๐๗ ดอลล์ สำหรับดอลลาร์มอบไว้ที่กรุงเทพทั้งหมด สำหรับทองคำนั้นจ่ออยู่แล้ว ดอลลาร์มีสองภาค บัญชีอุดร บัญชีกรุงเทพ ถ้าอยู่ทางนี้ก็เข้าทางนี้ๆ อยู่กรุงเทพก็เข้าทางโน้น คราวนี้มอบให้กรุงเทพทั้งหมดเลย ก็คงจะได้มากอยู่ ดอลลาร์คราวนี้ดูจะได้มากอยู่ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้วเวลานี้ ๖,๗๐๐ กิโล ทองคำที่ได้รับเพิ่มหลังมอบวันที่ ๑๐ กรกฎา ได้ ๑๖๒ กิโล ๓๑ บาท ๗ สตางค์แล้วนะ ที่จำนวนมากนี่ก็ออกจากกระทรวงการคลัง วันนั้น ๑๐๐ กับ ๑ กิโล ที่ไปเทศน์กรมประชาสัมพันธ์ ได้ทองคำเป็นแท่งๆ มาเลย ๑๐๑ กิโล ดูเหมือนมีเศษอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะฉะนั้นรวมกันเข้าทั้งหมดหลังจากมอบแล้วจึงได้ถึง ๑๖๒ กิโล แล้ว

         รวมทองคำทั้งหมดได้ ๖,๘๖๒ กิโลแล้ว ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๘ ล้านดอลล์ ดอลลาร์ที่ได้ใหม่เพิ่มอีกได้ ๖๑,๕๓๖ ดอลล์ รวมดอลลาร์ทั้งหมดทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเป็นดอลลาร์ ๘,๐๖๑,๕๓๑ ดอลล์ กรุณาจำไว้ทั่วหน้ากันนะ นี่ที่เราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เร่ง ตั้งแต่นี้ไปมีแต่จะเร่ง อย่าพากันอ่อนนะ ที่อ่านทั้งหมดเข้าใจกันหมดแล้วนะ เราได้มากแล้วเวลานี้ ดอลลาร์ก็ได้ถึง ๘ ล้านแล้ว ยังเศษไปอีกตั้งเท่าไร ที่ได้เพิ่มใหม่ได้ไปอีกตั้ง ๖๑,๕๓๖ ดอลล์

วันพรุ่งนี้ต่อไปตอนเช้า เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิดไป ที่ปฏิบัติมาทุกปีเป็นประจำ วันพรุ่งนี้เช้าเป็นวันแรมค่ำหนึ่ง วันเข้าพรรษา การปฏิบัติธุดงควัตรข้อไหนจะปฏิบัติตอนไหน เช่นสมมุติตอนเช้ารับบิณฑบาตตามธุดงค์นะ ไม่ได้รับของตามมา รับบิณฑบาตนอกเขตวัดไปทางโน้นเท่านั้น ให้พากันจำเอาไว้ ปฏิบัติอย่างนี้มาทุกปี ตอนเช้าวันพรุ่งนี้เป็นวันแรมค่ำหนึ่ง เป็นวันเข้าพรรษาแล้ว ธุดงค์ข้อนี้ออกปั๊บในตอนเช้า ก็ต้องปฏิบัติตามตั้งแต่เช้าเลย ข้อไหนตอนไหนจะควรปฏิบัติตามเวล่ำเวลา ก็ปฏิบัติตามอย่างนี้ ให้พากันเข้าใจนะ

คือวันแรมค่ำหนึ่งตอนเช้าพรุ่งนี้นั้น พระท่านจะรับบิณฑบาตนอกเขตวัดเท่านั้น  เขตวัดนี้ก็จะรับตั้งแต่ที่ไหน ที่รับบิณฑบาตก็เอาตรงนี้เลย ที่ปฏิบัติมาตามเดิม เขตวัดเดิมนี่ไม่ใช่เขตวัดนอก เอาเขตวัดเดิมนี่เลย นี่ปฏิบัติมา แต่เดี๋ยวนี้มันพึ่งมาทีหลังยังไม่ได้กำหนด กรุณาทราบตามนี้ทุกคนนะ

อย่าเหลวไหลนะ พี่น้องทั้งหลายอย่าเหลวไหล เราเป็นผู้นำนี้ดูทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่ดูธรรมดานะ ดูภายนอกด้านวัตถุก็นำอย่างนี้แหละ ที่ดูหนักจริงๆ ก็ดูทางภายในทางด้านจิตใจ ทางด้านธรรมะ รู้สึกว่าไขว่คว้ามากนะ ขาดที่พึ่งภายในใจมาก คือจิตใจไม่มีหลักยึดให้เป็นที่อบอุ่นภายในใจด้วยที่สำคัญที่สุด คือคำสัตย์คำจริง ตั้งไว้ที่ตรงไหนเพื่อบุญเพื่อกุศล ให้พากันตั้งให้ดีนะอย่าเหลวไหล ความเหลวไหลเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้นที่จะแบ่งหรือมาถลุงเรา ต้องเป็นความเข้มข้นเข้มแข็งมีคำสัตย์คำจริง ยากง่ายอย่าเอาเข้ามาเป็นอุปสรรคนะ เราจะสร้างความดี กิเลสจะต้องเข้ามาแทรกทันทีๆ ไอ้ความยุ่งนั้นยากนี้เพื่อจะมาสร้างอุปสรรคกีดขวางทางดำเนินเพื่อความดีของเรา ให้พากันตัดออกให้หมดนะ ถ้าทำเหลาะแหละไม่ได้จริงๆ แหละ

เล่นกับกิเลสนี้เราเคยเล่นมาแล้ว พระพุทธเจ้าสลบ ๓ หน เล่นมาแล้ว เราไม่เคยสลบก็บอกไม่สลบ แต่ว่าแทบตายมาเหมือนกัน ดังที่เคยเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ ได้ฟัดได้เหวี่ยงกันมาแล้ว ถึงได้นำเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านสนามหรือเวทีมาแล้วมาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง สรุปความลงแล้วกิเลสไม่ใช่ของเล่นนะ ละเอียดลออสุดขีด เป็นคู่แข่งของธรรมมาตลอด อ่อนเมื่อไรใส่ตูมเลย กิเลสไม่รอนะ เราอ่อนเมื่อไรมันใส่ตูมเลยๆ จึงให้พากันมีความสัตย์ความจริง เช่น ในเวลาเข้าพรรษา ๓ เดือนนี้ ให้ตั้งกฎไว้สำหรับตัวเองทุกคน เพื่อมีความดีเป็นสาระติดกับหัวใจเราไป อันนี้ละจะติดนะ บุญกุศลนี้ติด นอกนั้นอะไรไม่มีติด ในโลกนี้ไม่มี ถ้าเป็นบาปก็พันลงในนรก ถ้าเป็นบุญก็หนุนขึ้นตลอดจนกระทั่งถึงนิพพาน เพราะบุญทั้งนั้นนะไม่ใช่เพราะอะไร ให้พากันจำให้ดี ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตนเอง

เราเป็นผู้รับผิดชอบเรา คนทั้งแผ่นดินไม่มีใครรับผิดชอบให้นะ เราทุกคนๆ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเราแต่ละคนๆ ดีก็เรารับเอง ชั่วเรารับเอง เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเข้มงวดกวดขันเพื่อความดีมาสู่ตัวของเรา ปัดความชั่วออกไป อย่างนั้นจึงเรียกว่าผู้รับผิดชอบตัวเอง จะมาทำเหลวๆ ไหลๆ ไม่ได้นะ นี่ได้พยายามสอนโลกมาได้ ๕ ปีกว่านี้แล้ว ได้ดูละเอียดลออทุกอย่าง ทางด้านจิตใจนี่รู้สึกเหลวไหลชาวพุทธเรา เหลวไหลมากทีเดียว ไขว่คว้า หาที่ยึดไม่ค่อยได้ มองไปที่ไหน ๆ มันมีแต่เรื่องกิเลสจูงจมูก จมูกขาดๆ มานี้เป็นยังไงจมูกขาดไหม พวกนี้พวกกิเลสมันจูงจมูกขาดๆ จมูกวิ่นทั้งนั้นพวกเรา พวกจมูกวิ่น ไม่ทันกิเลสมันจูงเอาๆ ฟาดกิเลสให้มันจมูกขาดสักทีซิน่ะ จมูกขาดเป็นยังไง ผลดีหรือชั่วยังไง จมูกเราขาดนี้ผลมันก็เห็นด้วยกัน ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟทั่วโลกดินแดน ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าออกมาจากอะไร ถ้าไม่ออกมาจากกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น

ธรรมะไม่มี ที่จะทำโลกให้ร้อนไม่มี มีแต่เรื่องกิเลสอย่างเดียว เพราะฉะนั้นให้พากันตั้งคำสัตย์คำจริงเอาไว้นะ ต้องเข้มแข็ง เวลาจะต่อสู้กับกิเลสภายในใจของตัวเองต้องมีความเข้มแข็ง เอาธรรมตีเข้าไปๆ แล้วต่อไปนานเข้าๆ มันจะค่อยราบรื่นไป ๆ ความดีจะก้าวเดินได้สะดวก ความชั่วจะค่อยอ่อนตัวลงๆ ทีนี้ความดีพุ่งๆ นี่ละการฝึกเพื่อความดีมีกำลังทางความดี ก้าวเดินราบรื่นเพื่อความดีตลอดไป ความชั่วจะค่อยอ่อนลงๆ ถ้าเราเหลวไหลๆ ไปตามกิเลส วันไหนคืนไหนแล้วก็มีแต่กิเลส เราไปนี่เป็นขวากเป็นหนามเป็นฟืนเป็นไฟ ตั้งแต่หัวใจ ลมหายใจขาดปุ๊บนี่จนกระทั่งถึงลงนรก มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ไปตลอดๆ แต่ลมหายใจขนาด

ลงนรกก็ไปแดนใหญ่แล้วที่นี่ แดนสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ไปรวมอยู่ที่นรก นรกนั้นเรามีกรรมมากน้อยเพียงไร สัตว์แต่ละรายๆ นี้มีกรรมเป็นประจำ ไม่มีที่แบ่งสู้แบ่งรับให้กันได้นะ ใครจะมาแบ่งสันปันส่วนเอาไปเพื่อแบ่งเบากันไม่มี ความชั่วก็รับเต็มเหนี่ยว ความดีก็รับเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงคิดให้ดี ตัดสินกันเวลาลมหายใจขาด หมดทางที่จะทำดีทำชั่ว พอลมหายใจขาดแล้ว เราจะทำชั่วได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามความต้องการของคนชั่วช้า ทำได้เต็มเหนี่ยว ลงนรกจมเลย ผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดี เด็ดลงเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว มรรคผลนิพพานเต็มหัวใจ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับใคร เราคนเดียวพอแล้วกับคุณงามความดีเต็มหัวใจเรา ก้าวผึงเลยเทียว จำให้ดีนะคำนี้

นี่ละที่เราจะพึ่งเป็นพึ่งตายจริงๆ คือบุญคือกุศลทั้งนั้น นี้ต่างคนต่างก็ดีดก็ดิ้นด้วยกัน ก็ถือว่าธาตุขันธ์เป็นสำคัญ มีการอยู่การกินการหลับการนอนการขับการข่าย เยียวยาธาตุขันธ์ด้วยวัตถุสิ่งของเหล่านี้ มีความจำเป็นด้วยกัน แต่กิเลสมันเข้าไปแทรกเราไม่มองเห็นเท่านั้นเอง ออกจากนี้แล้วความโลภมันแทรกเข้านะ มีแต่อยากได้อยากมีอยากดีอยากเด่น อยากแซงหน้าแซงหลัง อยากให้เขาว่าตัวดิบตัวดี ดิ้น นี่ละตัวเกาะอยู่ตรงนี้นะ คือกิเลสแทรกเข้าไปตรงนั้น ทุกข์เข้าไปตรงนั้น ต้องให้มีธรรมแทรกเข้าเสมอ ๆ การอยู่การกินพอเป็นพอไปรู้ทุกคน ความพอดีรู้ทุกคน นอนพอดีก็รู้ นอนน้อยก็รู้ นอนมากก็รู้ กินน้อยก็รู้ กินมากก็รู้ นี่อยู่กับเราทุกคน เพราะฉะนั้นจึงให้รู้ความพอดี

ทางด้านวัตถุสิ่งของเงินทองทุกสิ่งทุกอย่างนี้เพื่อเกี่ยวกับโลกสงสาร ตั้งแต่ธาตุขันธ์เราออกไป มีมากน้อยเพียงไรพอเป็นไปแล้วยัง ถ้าพอเป็นไปแล้วก็เผื่อๆ เอาไว้พอสมควรก็พอ นี่ทางธาตุทางขันธ์อาศัยกันอย่างนี้ ทีนี้หมุนเข้ามาสู่ใจ ใจของเราเป็นยังไง มีบุญมีกุศลไหม พูดให้มันง่ายๆ ตั้งแต่เกิดมานี้เคยให้ทานกับเขาบ้างไหม ถามตัวเองนะอย่าไปถามคนอื่น ทานนี้เป็นสะพานอันใหญ่หลวงลากเข็นขนสัตว์ขึ้นสู่มรรคผลนิพพานจำนวนมากจนนับไม่ถ้วนแล้ว เราเป็นคนประเภทไหน พอจะเข้าข่ายในการฉุดลากของความดีที่เราสร้างไว้บ้างไหม ให้ถามตัวเองนะ ถ้ายังไม่มีให้รีบนะ ตายแล้วไม่มีใครช่วยใครได้ มีแต่ กุสลา ธมฺมา กุสลา ธมฺมา ไม่เกิดประโยชน์อะไร เจ้าของต้องเป็นผู้ฉลาด

กุสลา แปลว่า ธรรมเครื่องฉลาด ฉุดลากตัวเองพ้นจากกองทุกข์ได้ ทางโลกก็ได้ ทางธรรมก็ได้ถ้าเป็นความฉลาด อันนี้เรามีมากน้อยเพียงไร ให้พากันพยายามตั้งแต่บัดนี้นะ ให้พากันตื่นนอนนะ พุทธศาสนากังวานมาได้ เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรานี้ ๒๕๐๐ กว่าปีนี้นะ กังวานเพื่อรื้อขนสัตว์ๆ ดังที่เคยพูดเสมอภาษิตข้อนี้ มันถึงใจนะ พระพุทธเจ้าแสดงกระตุกเอาอย่างแรงเลยเทียว กระตุกสัตว์โลกว่า โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ. ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้สัตว์โลกตลอดมาตั้งกัปตั้งกัลป์ไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย เพราะความลุ่มหลงของกิเลสนั้นแลมันครอบงำสัตว์โลก ลากสัตว์โลกให้เดือดร้อนอยู่ตลอดเวลานี้ ท่านทั้งหลายยังเพลิดเพลินเป็นบ้าไปกับกิเลส หัวเราะไม่รู้จักอิ่มพอได้ยังไง หัวเราะไปหาอะไรนักหนาเมื่อโลกมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง นั่นเห็นไหมท่านบอก

ที่พึ่งคือที่พึ่งทางใจนี่ละ ให้พากันเสาะแสวงหานะ พระพุทธเจ้ากระตุกมานานแล้วนะภาษิตข้อนี้มันถึงใจเรา เราก็เอาอันนี้มาสอนเจ้าของตลอดเวลาปฏิบัติความเพียร โก นุ หาโส กิมานนฺโท พอมันขี้เกียจขี้คร้าน มัวแต่ขี้เกียจอยู่เหรอ นั่นเห็นไหม มันอ่อนแอ มัวแต่อ่อนแออยู่เหรอ มันพาไปสวรรค์นิพพานไหม นั่น มันแก้กิเลสได้สักตัวไหมความอ่อนแอนี่ เอามาจี้เจ้าของเรื่อยๆ เพราะมันถึงใจจึงออกมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ใช่ว่านำมาสอนพี่น้องทั้งหลายโดยตัวเองไม่สนใจ เราสนใจมาตลอดในภาษิตข้อนี้ ถึงใจมากทีเดียว เตือนเจ้าของเรื่อย พอมันจะขี้เกียจอ่อนแอท้อแท้ โก นุ หาโส กิมานนฺโท ขึ้นทันที เพลินหาอะไรกับสิ่งเหล่านี้ นี่ละคือฟืนคือไฟ เพลินกับมันหาอะไร นั่น ความขี้เกียจขี้คร้าน ความท้อแท้อ่อนแอเหลวไหลโลเล นี่เป็นความชั่วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านจึงกระตุกอยู่เรื่อยธรรมะข้อนี้

ให้เราเตือนเจ้าของเรื่อยนะ ไม่เตือนไม่ได้นะมนุษย์เรา จะจมก็คือเราผู้ประมาท ใครไม่ประมาทไม่จม ธรรมะพระพุทธเจ้าคงเส้นคงวาหนาแน่นมา ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดตรัสรู้แบบเดียวกันหมดไม่มีเคลื่อนคลาด คือพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ในพุทธศาสนา นอกนั้นเราไม่รับรู้ ศาสนาใดก็ตาม เรารวมได้ลงแต่ว่า ศาสนาของคนสิ้นกิเลสกับศาสนาของคลังกิเลส ต่างกันยังไงเท่านั้นเอง ศาสนาของคลังกิเลส ผู้เป็นเจ้าของศาสนาเป็นคลังกิเลส มาสอนโลกก็สอนแบบกิเลส เพราะไม่มีธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่จะมาสอนได้เต็มภูมิในความถูกต้องทั้งหลาย ไม่ได้เรื่อง...สอน เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา อะไรที่เจ้าของว่าดี ก็ว่าอันนั้นถูกต้อง อันนี้ถูกต้อง ก็สอนกันไปตามกิเลสบงการ แต่พระพุทธเจ้านี้ไม่ใช่อย่างนั้น ถูกผิดจะเอาธรรมเข้าจับปุ๊บๆ  ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูกอย่างนี้เรื่อยมา สอนได้โดยถูกต้องไม่ผิดพลาดเลยคือพุทธศาสนาของเรา

เวลานี้เราก็ได้เกิดมาพบพุทธศาสนาเลิศเลอ เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรา ๒๕๐๐ กว่าปี ตื่นหรือยังพวกเรา เหอ ลูกศิษย์หลวงตาบัวเต็มศาลาหรือมีแต่หลับครอก แครก มันเต็มวัดเต็มวาอยู่มีแต่พวกหลับครอก แครก ไม่ตื่นบ้างเหรอ ถ้าตื่นให้ตื่นนะ ธรรมของพระพุทธเจ้ารื้อขนสัตว์โลกให้ถึงสวรรค์ นิพพาน มากต่อมากนะ เราอยู่ในจุดไหนอยู่ในข่ายแห่งกาลที่ธรรมของท่านจะฉุดลากได้บ้างไหม ถ้าอยู่ในข่ายนี้แล้วให้ตื่นเนื้อตื้นตัวนะ อย่าเห็นพระพุทธเจ้าเป็นของเล่น เห็นกิเลสเป็นของดิบของดีเป็นทองคำทั้งแท่ง นี้แหละคือกองมูตรกองคูถมันจะโปะหัวเรา เอาแต่ไฟเสริมเข้าไป เผาทั้งเป็นเผาทั้งตายคือกิเลสนี่แหละ ตัวที่เรายกยอว่ามันดี อยู่ทุกวันนี้ มันยอมันว่าดีมาเท่าไรแล้ว เราหลงมันเท่าไรแล้ว ธรรมพระพุทธเจ้าประกาศสอนโลกมานี้นานเท่าไร ไม่เห็นเป็นของมีราค่ำราคาบ้างเลย แสดงว่าเรานี้หมดราคาแล้วนะ ถ้าธรรมพระพุทธเจ้าสอนเพื่อโลกรับไม่ได้แล้วหมดละราคาของเรา ไม่มีอะไรเหลือ ให้รีบเร่งขวนขวายตั้งแต่บัดนี้

ต่างคนให้มีคำสัตย์คำจริง ระยะนี้เป็นวันเข้าพรรษาตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ให้ตั้งคำสัตย์คำจริง เช่น อย่างเราจะทำบุญตักบาตรทุกวัน ตั้งสัจจะเอาไว้ ไม่ได้มาก เอ้า ได้ใส่บาตรองค์หนึ่งก็เอา วันนี้ไม่ได้ใส่บาตรทำบุญทางอื่นก็ขอให้ได้ ให้ปักใจเอาไว้เป็นคำสัตย์คำจริงมัดตัวเองไว้เป็นทานบารมีขึ้นมาที่นี่ นั่น ความขี้เกียจไม่เรียกว่า บารมี ความตระหนี่ถี่เหนียวไม่เรียกว่าบารมี ถ้าให้เรียกเป็นภาษาสด ร้อน ก็เรียกว่า ปรมัตถ์ มัดคอคนเข้าใจไหม ไม่ให้ไปทางดิบทางดี มันมัดคอลากลง เข้าใจไหม นี่ความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว อะไรก็กลัวจะหมดจะสิ้นเวลาจะทำบุญให้ทาน คือกิเลสมันหวงมันไม่ยอมออก คือถ้าเราเอาไปทำบุญให้ทานนี้มากน้อย นั่นเรียกว่าข้ามอำนาจของมันไปแล้ว บุญกุศลนี้แหละจะพาเราพ้นจากทุกข์ ทีนี้กิเลสมันลากเราอยู่ในกองทุกข์ ความตระหนี่ถี่เหนียวจึงเป็นคู่กันได้ดีกับกิเลสตัวถี่เหนียวจะลากสัตว์ลงนรก

เวลาเราจะทำบุญให้ทานมากน้อยมันไม่ได้ว่านะ มีมากเท่าไรไม่ว่า ตัวหวงนี้มันเป็นราคาเต็มหมดเลย เท่านี้มันก็ไม่ยอมให้ นี่ตัวตระหนี่มันทำลายเรามามากเท่าไร ความเสียสละนี้จ้าไปหมดเลย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ด้วยอำนาจแห่งทานบารมี ทานบารมีนี้มีประจำทุกองค์ นี่ละเลิศเลอไหม ทุกพระองค์ไม่มีเว้นเรื่องทานบารมี ขึ้นต้นเลย นี่ละพาท่านเป็นพระพุทธเจ้าได้มาสั่งสอนสัตว์โลก และสัตว์โลกปฏิบัติตามที่ท่านสอนก็หลุดพ้นจากทุกข์ไปโดยลำดับเพราะการให้ทาน เพราะฉะนั้นจึงอย่าพากันตระหนี่ถี่เหนียวนะ ความตระหนี่ถี่เหนียวเห็นผลทั้งปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบันนี้เข้ากับใครไม่ได้คนตระหนี่ถี่เหนียว คอยแต่จะกัดตับกัดปอดเขา คอยหาเล่ห์หาเหลี่ยม ร้อยสันพันคมที่จะเอาด้วยเล่ห์นั้นเหลี่ยมนี้ นี่พวกความตระหนี่มันมีแง่คดโกงรีดไถหลายแบบหลายฉบับจากความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว

ไปเข้าที่ไหนเข้าไม่ได้นะ คนมีความตระหนี่นี่เป็นคนคับแคบตีบตัน กว้างแสนกว้างก็ตามทุ่งนานะ แต่ตัวหัวใจมันตีบตันอั้นตู้ก้าวขาไม่ออกคือ ความตระหนี่ถี่เหนียวเป็นฟืนเป็นไฟมัดหัวใจมันอยู่นั้น นี่ละคนตระหนี่ ไปไหนตีบตันอั้นตู้ตั้งแต่มีชีวิตอยู่ เจ้าของคิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่เจ้าของอะไรบ้างจากการให้ทานมันไม่มี มีแต่ความตระหนี่เป็นไฟเผาตลอด นั่นเห็นไหมความตระหนี่ ครั้นก้าวไปหาเพื่อนหาฝูงไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ใครไม่อยากคบค้าสมาคม จิตใจคับแคบตีบตันเป็นอย่างนั้นให้จำให้ดี

ทีนี้พลิกตรงกันข้าม ผู้มีความเสียสละมีความเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันตลอดถึงสัตว์ทั้งหลาย เรียกว่าเป็นผู้มีจิตใจอันกว้างขวาง ไปทางไหนเบิกเลย ทางเบิกกว้างออก ไปเลย อยู่ในโลกก็กว้างขวาง ไปโลกหน้ายิ่งเวิ้งว้างกว้างขวางไปหมดด้วยอำนาจแห่งทานความเสียสละ เอ้า ยื่นของนี้ให้ใคร แม้แต่เด็กเขาก็ยิ้มแย้มทันที เห็นไหมการให้ทาน คุณค่าของการให้ทาน เพียงยื่นอาหารให้หมาหมายังกระดิกหางดิ๊ก เห็นไหม หมามันก็ยังรู้จักทานว่าเป็นของดี ไอ้เรายังเห็นความตระหนี่ว่าเป็นของดีสู้แล้วเราสู้หมาไม่ได้นะ เข้าใจไหม ถ้าใครอยากไปแข่งหมา ออกไปนี้ตั้งแต่นี้ต่อไปให้พากันตระหนี่ถี่เหนียว ได้มาเจ้าของก็อย่าสะแตกเข้าใจไหม คือมันจะหมดจะสิ้นจะเปลืองไปไม่ต้องกินแหละ เอาไว้นี้แหละตายแล้วครอก อยู่นู่น ทั้งดิ้นทั้งรนอยู่ในนรก เป็นยังไงความตระหนี่ดัดสันดานคน

เรารู้แล้วยังเวลานี้ ความตระหนี่มีโทษขนาดไหน ความเสียสละนั้นมีเท่าไร นี่ละที่นี่หมุนเข้ามาสู่ใจ ข้างนอกเราก็อุตส่าห์พยายามขวนขวายมาเต็มกำลังความสามารถพอเป็นพอไป ข้างนอกไม่บกพร่อง ข้างในเป็นยังไงหนุนข้างในเข้า เพราะจิตใจนี้อาหารต่างกันนะ ภายนอกวัตถุเงินทอง ข้าวของอาหารการบริโภค เป็นอาหารของร่างกาย เป็นที่อยู่อาศัยของร่างกาย ส่วนบุญส่วนกุศลนี้เป็นที่อยู่ที่อาศัยฝากเป็นฝากตายของจิตใจ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องสั่งสมเข้ามา ทางด้านจิตใจของเราก็ให้หนุนขึ้น เมื่อพอแล้วพร้อมที่นี่นะ เอ้า ไปเมื่อไรไปได้เลย คนมีบุญมากนี้ไม่ได้กลัวตายนะ มันหากสง่างามอยู่ในนั้นไม่ได้กลัวตาย ทั้ง ที่แต่ก่อนกลัวตาย ระลึกถึงความตายนี้ห่อเหี่ยวไม่อยากนึก ต้องคิดเรื่องอื่นมากลบมันให้หายนี้ไปเสีย นี่แต่ก่อน

เวลาเราสร้างบุญสร้างกุศลมาก ความตายเลยค่อยมาเป็นคู่มิตรติดพันเข้าแล้ว ทีนี้ระลึกถึงความตายยิ่งตื่นตัว ความตายกับเราเลยเป็นมิตรเป็นสหาย ฝากเป็นฝากตายต่อกัน ระลึกถึงความตายเมื่อไรสติมาทันที สุดท้ายตายก็ไม่กลัวเป็นก็ไม่กลัว ไม่มีคำว่ากลัว พอแล้วกลัวหาอะไร นั่น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนท่านก็เป็นนักกลัวเหมือนกัน พอสร้างเกราะกำบังไว้เต็มเหนี่ยวแล้วอยู่ไหนอยู่ได้หมด นี่ละหัวใจเต็มด้วยบุญเต็มด้วยการให้ทาน การเสียสละเป็นอย่างนี้นะ ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าเรื่องความฉลาดแหลมคม และพระองค์ทรงดำเนินมาแล้วจึงได้มาสอนพวกเราว่า นี้เป็นมหามงคล ให้ยึดไว้ให้ดี ให้พากันไปปฏิบัติ

แล้วนี้เป็นกาลเข้าพรรษา ให้ตั้งความสัตย์ความจริงไว้กับตัวเอง เช่นอย่างการทำบุญให้ทาน วันหนึ่งจะทำแบบไหนก็ได้ขอให้ได้ทาน เรามีพอเป็นพอไปอยู่ อย่าตระหนี่ถี่เหนียว นอกจากไม่มีใครก็รู้กันเอง มันจำเป็นอยากทานอยู่ มันก็จำเป็น ไม่มีอะไรจะให้ทาน พูดอย่างนี้ก็ย้อนเข้ามาหาตัวเองจนได้ เพราะมันเต็มหัวอกเป็นอย่างนั้น เราไม่ได้มาโกหกพี่น้องทั้งหลาย ถ้าหากว่าหลวงตามีเงินมีทองมากหลวงตาจะไม่ไปกวนพี่น้องทั้งหลาย กองทองคำเท่าภูเขาลูกนี้ สั่งรถแทรกเตอร์มาไถเลย มันต่ำที่ตรงไหนไสลงไปเกลี่ยลงไปเต็มเสมอกันหมด จะไม่กวนพี่น้องทั้งหลายให้ลำบากลำบน ให้พี่น้องทั้งหลายบอบช้ำ ถ้าพูดแบบโลกเขาเรียกบอบช้ำ ส่วนทางด้านธรรมไม่ต้องพูดนะ เราพูดให้เกียรติกิเลสบ้าง บอบช้ำเข้าใจไหม

พากันเข้าใจเอานะ ที่พูดให้ฟัง ถ้าหากว่าเรามีแล้วเราจะไม่กวนพี่น้องทั้งหลาย เพราะเรื่องความตระหนี่ในหัวใจของเราแม้เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มี แต่เรื่องความเมตตาสงสารครอบโลกธาตุ นี่ละที่เราทำประโยชน์แก่โลก เราไม่มีอะไรติดหัวใจเราเลยซึ่งเป็นข้าศึก มีแต่สิ่งที่เป็นคุณมหาคุณต่อโลก เพราะฉะนั้นการพูดเทศนาว่าการ กิริยาอาการทุกส่วนของเราจึงไม่มีพิษต่อโลกนะ จะเป็นยังไงก็ตามเราไม่มีอะไรต่อโลก จะดุจะด่าจะว่าอะไรขนาดไหนก็ตาม หัวใจเปิดโล่งอยู่ด้วยความเมตตาบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยว อันนี้เป็นกิริยาที่มาพูด พอตลกก็ตลกไป พอดุ ไปเท่านั้น พอว่าไปแล้วหายเงียบ เข้าใจไหมล่ะ ท่านทั้งหลายอย่ามาถือนะคำพูด

นี่ถ้าหากว่าเรามีเราจะเอาทีเดียวเลย ลากไปเลย เมืองไทยเราสูงยิ่งกว่าภูเขาอีกจะว่ายังไง สูงเพราะอะไร เพราะทองคำหลวงตาบัว ได้มาเป็นกองรถแทรกเตอร์ไถทีเดียว แต่นี้มันจำเป็นไม่มี จึงรบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายให้ช่วยกัน เอาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ชาติไทยเป็นของเรา ชีวิตของเราเป็นชีวิตคนไทยทุกคน รับผิดชอบด้วยกันทุกคน อะไรบกพร่องคนไทยบกพร่อง สมบูรณ์ก็คนไทยสมบูรณ์ จึงช่วยกันให้สมบูรณ์นะ

แล้วอันนี้จำได้เหรอ ที่ว่าในพรรษานี้ให้มีคำสัตย์คำจริง ให้เป็นที่ระลึกตัวเองยึดเกาะได้นะ เอ้า ให้ทาน เช่นอย่างไหว้พระไม่ให้ขาด ไม่ได้ตอนเช้าให้ได้ตอนเย็น วันหนึ่งจะขาดไม่ได้เลย เรียกว่า ใส่หมัดเด็ดต่อกันให้ได้ทุกวัน นี่เรียกว่าคำสัตย์คำจริง แล้วพวกที่เมายาปาแป้ง พวกบ้าสุราเหล่านั้นเหมือนกันตัดขาดกันเลย เกิดมาแต่พ่อแต่แม่กู พ่อแม่กูไม่ได้เอาสุรามากรอกกูละ กูยังจะเก่งกว่าพ่อกว่าแม่ เหยียบหัวพ่อหัวแม่ด้วยเอาน้ำสุรารดหัวพ่อหัวแม่ได้อยู่เหรอ ให้ว่าอย่างนั้นนะสอนเจ้าของ นี่เรียกว่าธรรมะหมัดเด็ด สอนเจ้าของต้องเอาให้ได้เด็ดอย่างนั้น กิเลสหมอบ

พ่อแม่เราไม่เคยเอาสุรายาเมามากรอกมันเก่งมาจากไหน พอโตขึ้นมากินสุรายาเมารดหัวพ่อหัวแม่ ขี้รดหัวพ่อหัวแม่มีอย่างเหรอ ลูกประเภทเทวทัตนี่ ว่าอย่างนั้นให้ว่าเจ้าของเข้าใจไหม หยุดขาดเราจะไม่กินสุรา เอ้า ตายก็ตายซิ แล้วเราจะเปิดทางให้นะ ถ้าใครอดสุราจนกระทั่งตายมานิมนต์ มาบอกหลวงตาบัว หลวงตาบัวจะ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา มึงอดสุราจนตายเหรอ เราจะถามว่าอย่างนี้เข้าใจไหม มันไม่เคยมี ให้ดัดมันอย่างนั้นซิ ไม่ดัดไม่ได้นะเรา

เวลาจนตรอกจนมุมเราจะไปพึ่งใคร พึ่งบุญพึ่งกุศลพึ่งกรรม พึ่งกิเลสไม่ได้นะ เวลานี้อย่าพันกับกิเลส เวลาตายแล้วมันจะพันเรานะ เข้าใจ ใครจะมีคำสัตย์คำจริงในระยะพรรษาตั้งไว้นะ ตั้งตัวเองไว้ เคล็ดลับอยู่ลึก ไม่บอกใครก็ตามให้พยายาม สิ่งเหล่านี้ละเป็นมหาสมบัติฝังใจของท่านทั้งหลายเอง นี่เป็นระยะเข้าพรรษาให้มีขอบมีเขตซิ พรรษานั้นเป็นยังไงพรรษานี้เป็นยังไง มีคำสัตย์คำจริงบุญกุศลศีลทานเราได้สร้างไว้ ปีนั้นๆ อบอุ่นไปเลยนะ อะไรๆ ก็ไม่ได้ อะไรๆ ก็ไม่ได้ ร้อนเป็นไฟนะ นี่ละให้จำเอาไว้

ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปแล้วท่านอธิษฐานพรรษา พระก็ไม่ทราบว่ามีเท่าไหร่มากนะ ฟังแต่ ๕๙ ตะกี้นี่อ่าน

โยม ๔๙ ครับ

หลวงตา เหอ

โยม ๔๙ ครับ ตอนเช้าลง ๕๐ พอลงมาฉันจริง ๔๙ องค์

หลวงตา เออ อย่างนั้นละ ๔๙ มากอยู่นะ พระเณรมาก เรารับไว้ไม่ให้เลย ๕๐ เรียกว่าเด็ดขาดกันอยู่จุด ๕๐ เพราะฉะนั้นมันถึง ๔๙ นั่น

นี่พระเวลาท่านเข้าพรรษาท่านก็เด็ดของท่าน เด็ดเต็มที่ละ พระในพรรษานี้ยิ่งเด็ดนะ ความพากความเพียรของท่าน ท่านเอาจริงเอาจังฆ่ากิเลส ฆ่ายากมากที่สุดนะ ไม่มีอะไรที่จะฆ่ายากยิ่งกว่าฆ่ากิเลส กิเลสนี่ฆ่ายากมาก ละเอียดแหลมคมมากคือกิเลส ได้เห็นธรรมสู้กันถึงได้รู้ ยังไงมันก็ไม่เหนือธรรม ธรรมฟาดขาดสะบั้น ไปเลย วันนี้ก็ไม่ทราบว่าจะพูดเรื่องอะไรต่ออะไร ฝากพี่น้องทั้งหลายไว้ให้มีคำสัตย์คำจริง เราพูดเป็นกลางจะตั้งสัจจอธิษฐานเป็นความสัตย์ความจริงไว้ เพื่อการกุศลของตัวเองในข้อใด ให้ตั้งเอาไว้ ให้ทำตามนั้นก็แล้วกันนะ นี่ละในพรรษาให้มีเขตมีแดนให้เป็นที่ยึดที่เกาะซิ ในปีหนึ่ง ไม่มีความดีเลื่อนลอย อย่างนี้ไม่ดีนะ ต้องพากันให้มีคำสัตย์คำจริง สำหรับพระไม่ต้องพูดกับท่าน ท่านเอาเด็ดของท่านอยู่ตลอดเวลาแล้ว

วันนี้คงจะพอเข้าใจนะเรื่องพรรษา เราพูดไว้กลางๆ ในพรรษาให้มีสัจจะความจริงปักหลักเอาไว้สำหรับตัวเองทุกคน ใครจะทำอะไรในพรรษานี้ไม่ขาดแม้แต่วันหนึ่ง ให้ตั้งเอาไว้ ทุกคน อย่างนี้เป็นหลักใจ

เออ เรื่องทองคำนะ ไปคราวนี้ได้มอบทองคำ ไม่คาดไม่ฝันเลยว่าจะได้ทองคำมอบขนาดนั้น นี่ได้มอบทองคำ ๖๑๒ กิโลครึ่ง นับว่ามากกว่าทุกคราว แล้วดอลลาร์ตั้ง ๔๓๒,๐๐๐ ดอลล์ เพื่อให้เต็ม ล้านดอลล์ ขาดเท่าไรหามาจนได้ ส่วนทองคำก็ได้ ๖๑๒ กิโลครึ่งได้มอบคราวนี้นะ ทีนี้คราวหน้าเป็นวันที่ ๑๒ สิงหาคม ตามโลกเขาก็ว่าเป็นวันเกิดของหลวงตา สำหรับหลวงตานี้โดยปรกติไม่เคยเกี่ยวข้องกับวันเกิดวันตายเจ้าของ อริยสัจเกิดตายอยู่นี้ ชาติปิ ทุกฺขา ชราปิ ทุกฺขา มรณมฺปิ ทุกฺขํ อยู่นี่ เราพิจารณานี้ตลอด เราไม่เคยสนใจ แต่ก่อนไม่ให้มีนะวันเกิด ทีนี้พอมีงานช่วยชาติเข้ามาแล้วอ่อนไปหมดเลย เลยถือเอางานเราเป็นที่ตั้งจุดศูนย์กลางแห่งการช่วยชาติของเราไปแล้วเวลานี้

วันที่ ๑๒ ก็จะมีงานใหญ่จะเริ่มสมบัติเงินทองมีทองคำเป็นต้นนะ อย่างเร่งด่วน พอวันที่ ๑๒ ผ่าน เสร็จงานอันนั้นแล้วก็จะรวบรวมสมบัติที่ได้ในงานนี้ แล้วก็จะรีบเข้าไปหลอม ประเภททองคำเข้าไปหลอม ได้มามากน้อยเพียงไร นั่นละที่นี่จะเอาเข้าไปมอบคลังหลวงหลังจากวันที่ ๑๒ นั้น วันที่ ๑๒ กลางพรรษาเราจะต้องได้ลงกรุงเทพฯ อีกทีหนึ่ง ไปมอบทองคำ ดอลลาร์คงจะเป็นคู่เคียงกันไป นี่ละเป็นก้าวที่หนัก จากนั้นกฐินอีกยิ่งหนักนะ หนักไปถึงจุดสุดยอดของช่วยชาติปีนี้ว่า ๒๕๔๖ จะให้เสร็จสิ้นในปีนี้เดือนธันวา เพราะฉะนั้นจึงต้องหนักเรื่อย หนักก็จะเป็นหนักอะไร หนักยกชาติของตัวเองมันไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ความเป็นมงคลและมหามงคลต่อชาติของเราโดยถ่ายเดียว

เวลานี้ก็รวมกันเรียกว่าทั้งประเทศแล้ว ทางวงราชการงานเมืองท่านก็ถือเป็นเนื้อเป็นหนัง ท่านถือเป็นความสัตย์ความจริงต่อชาติไทยของเรา ต่างท่านต่างช่วยออกมาจากกระทรวงต่าง นี่สมชื่อสมนามเหลือเกินว่าท่านเป็นพ่อบ้านพ่อเมือง ดูแลบ้านเมืองให้ทั่วถึง อะไรบกพร่องอะไรขาดเขินก็เป็นเรื่องท่านเหล่านี้จะเป็นผู้ดูแลก่อนอื่น รับผิดชอบก่อนอื่น นี่ท่านก็แสดงออกมาโดยลำดับตั้งแต่เริ่มแรกการช่วยชาติมา โดยนิมนต์พระไปแสดงในจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ มีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เรื่อยมากระจายทั่วประเทศไทย อันนี้ทางส่วนใหญ่ก็คือทางกระทรวงก็เริ่มออกแล้ว นี่ส่วนใหญ่ออก แต่ก่อนกิ่งก้านออกไป ออกไปจากส่วนใหญ่นี่แหละ ทีนี้ส่วนใหญ่เลยออกเสียเอง นี่กระทรวงนั้นกระทรวงนี้

เมื่อเร็ว นี้กระทรวงการคลังรวมกันกับกรมหลายกรม เช่น กรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น นี่ก็คือผู้มีอำนาจบาตรหลวง ผู้เป็นเจ้าของของประเทศไทย เป็นผู้ปกครองดูแลรักษาประเทศไทย เป็นยังไง บ้างท่านดูอยู่ตลอด เวลานี้ท่านกำลังช่วย ทีนี้ท่านช่วยอย่างนี้แล้วก็เป็นอัธยาศัยของท่านก็จริง แต่ความดีที่เกิดขึ้นจากอัธยาศัยของท่านที่ปกครองบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุขมานี้ เมืองนอกเมืองนาหูตาเขามีเขาจะมองมาว่า วงราชการเมืองไทยนี้เก่งมาก ช่วยมาโดยลำดับตั้งแต่เริ่มแรกช่วยชาติ กิ่ง ก้าน สาขา ดอก ใบ จังหวัดต่าง ทั่วประเทศไทยก็เป็นเรื่องของวงราชการทั้งนั้นช่วยมาเป็นลำดับ

ทีนี้เข้าสู่จุดใหญ่คือ กระทรวง ทบวง กรม ไปแล้ว นำสมบัติออกมาช่วยชาติไทยของเรา หลวงตาจึงขอขอบคุณและอนุโมทนากับวงราชการทุก วง ทุก ท่านไว้ ที่นี้ด้วยความสุดซึ้งใจด้วย เอาละพอ

 

ชมการถ่ายทอดสด ธรรมะหลวงตาวันต่อวัน  ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก