๑๐ ก.ค. ทอง ๕๕๐ กิโล
วันที่ 8 กรกฎาคม. 2546 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

๑๐ ก.ค. ทอง ๕๕๐ กิโล

ก่อนจังหัน

         วันที่ ๑๐ มอบ เพียงสองวัน ทีนี้ทองคำเรากับดอลลาร์วิ่งใส่กันในจุดนั้น คอยฟังเสียงอ่านนะ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงครั้งนี้ ๕๕๐ กิโล ขณะนี้ได้รับบริจาคมาแล้ว ๔๔๐ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑๑๐ กิโล ฟังซิ ๑๑๐ กิโล สองวันเป็นยังไง เอาให้ดีนะพวกเราเอาให้ดีนะคราวนี้ เรามีหมัดหนึ่งเอาสองหมัด ถ้าสองหมัดไม่พอไปยืมไอ้ขาวมา หมัดไอ้ขาวเต็มหลังมัน ให้ยืมมาใส่เข้าไปตูม เข้าใจเหรอ เอา จบไปประโยคหนึ่ง ประโยคที่สอง ดอลลาร์เวลานี้เราจะมอบ ๔๐๐,๐๐๐ ดอลล์ ตอนนี้ก็ได้แล้ว ๓๒๑,๖๖๙ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๗๘,๓๓๑ ดอลล์ นี่เอาให้ได้เชียวนะ ถ้าเอาไม่ได้นี้ทอง ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้านก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะเราหมดความหมายแล้ว ต้องเอาให้ได้เชียว ไม่ถอยเลย เอาให้ได้เป็นเปลาะ ๆ

         เมื่อวานนี้ทองคำก็ได้เยอะนะเมื่อวาน ที่ไปเทศน์บริษัท ที พี ไอ ทองคำได้ตั้ง ๑๕ กิโล ๑๗ บาท ๑๐ สตางค์เมื่อวานนี้ ขยับ ๆ เข้าเรื่อย

         อย่าให้เป็นไปเพื่อความฟุ้งเฟ้อ ประดับกิเลสดังที่เป็นแถว ๆ ตั้งกระถางอะไรมาเป็นแถวๆ นั่นน่ะประดับกิเลส ยิ่งเลอะเทอะ ยิ่งสกปรก ประดับกิเลสประดับว่าสวยงามเท่าไรนั้นน่ะ ยิ่งเลอะเทอะ ๆ ถ้าประดับใจ ใครจะไม่มองก็ตามจ้าอยู่นี่ นี่พระพุทธเจ้าที่ว่าศาสดาองค์เอก ท่านเอกอยู่ในนี้นะ เพราะฉะนั้นจึงท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์ เพราะมันเลอะเทอะเกินประมาณ เกินกว่าที่จะมาสอนได้ แหม เลอะเทอะจริงๆ  เราพูดจริง ๆ ฟังนะบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายให้ฟัง หลวงตาสละตายมานี้เป็นเวลา ๙ ปี เราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่ามันจะได้รู้อย่างนี้

         เวลามันจ้าขึ้นมานี้มันเห็นไปหมด จะให้ว่าไง แต่ธรรมไม่เหมือนโลก ไม่เป็นบ้านะ เห็นเหมือนไม่เห็น รู้เหมือนไม่รู้ เวลามันจะเกินเหตุเกินผล เลยขอบเขตก็ตีสักทีหนึ่ง ตีสักทีหนึ่ง ไม่งั้นมันจะข้ามฝั่งข้ามแดนไป แล้วก็ลงทะเลหลวง เมืองจมนั่นน่ะ นี่จะได้เวลาแล้ว (ใส่บาตร) เลอะเทอะไปหมดมองดูที่ไหน ๆ นี่ที่สอนให้พากันดูจิตใจ ให้ประดับใจ ให้ชำระใจ ดัดแปลงใจ ดูใจ พอใจค่อยเรียบร้อยไปเท่าไร สิ่งภายนอกจะมีเหตุมีผล มีหลักมีเกณฑ์ น่าดูน่าชม ถ้าใจเลอะเทอะเสียอย่างเดียว ทำภายนอกให้ดีเท่าไรยิ่งเลวเท่านั้น ยิ่งเลวเท่านั้นนะ นี่เป็นอย่างงั้นกิเลส

         อะไรก็ว่าสวยงาม ๆ มันสวยงามเพื่อกิเลส กิเลสคือความสกปรก มันก็สวยงามเพื่อความสกปรกละซิ สวยงามเพื่ออรรถเพื่อธรรมที่ไหน พระพุทธเจ้าท้อพระทัยท้ออย่างนี้เอง เราตัวเท่าหนูมันก็อย่างงี้ ว้าก ๆ อยู่นี่เห็นไหมล่ะ มันทนไม่ไหวก็เอาเสียบ้างซิ เราไม่สอนลูกศิษย์ลูกหาที่มุ่งอรรถมุ่งธรรม เพื่อธรรมแล้วเราจะสอนใคร นอกจากนั้นเราไม่สนใจ ใครจะเป็นอะไรช่างใคร เหมือนอย่างลูกเต้าของเราอยู่ในครอบครัวของเรา ใครไม่ดีเดี๋ยวตีคนนั้น เดี๋ยวตบคนนี้ ทำไปอย่างงั้น ตี ๆ แต่ครอบครัวคนอื่นเราไม่ไปยุ่ง สอนลูกศิษย์ลูกหานะ ตีนั้นตีนี้อยู่งี้นะ มันจะเลอะเทอะไปหมด

         เพราะฉะนั้นจึงท้อพระทัย จ้าอยู่ในพระทัยมองดูความสกปรกพวกหลุมมูตรหลุมคูถเต็มโลกธาตุ น้ำเหมือนหนึ่งว่าเพียงขันเดียวนี่จะเทชะล้างความสกปรกเต็มโลกธาตุได้ยังไง นี่ที่มันอ่อน นี่พระพุทธเจ้าอ่อนพระทัย ท้อพระทัย คือมันขึ้นมาทุกซอกทุกมุม เรื่องของกิเลสที่จะเหยียบธรรม ๆ ก็คือเหยียบเรานั้นแหละ ผู้ผิดผู้พลาด จะไปเหยียบใคร ทีนี้ให้พร ได้เวลาแล้ว

        

หลังจังหัน

         เมื่อวานนี้ปลัดกระทรวงมา ก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่ามอบที่นี่ เวลา ๑๑ โมงมอบนะ วันที่ ๑๐ เป็นอันว่าเรียบร้อยแล้วว่ามอบที่นี่ ทางกระทรวงก็งดแล้วมาปรึกษากันเมื่อวาน มามอบที่นี่ เรื่องที่เราจะยกชาติบ้านเมืองของเราขึ้นนี้ เรื่องราวมันก็มีอย่างนั้น ดีและชั่วมันก็ต้องแทรกเข้ามาๆ  ขัดนั้นแย้งนี้เรื่อย ๆ เข้ามา แต่เราไม่ได้สนใจนะ ก็รู้ว่ามันชั่วมีแต่จะปัดออกท่าเดียว ที่จะไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกันนี้ ไม่เอาแล้วเรา ถ้าใส่ก็เปรี้ยงเดียวเลย หมัดเดียวพอ เท่านั้นละ ประมวลมาพอแล้วใส่ตูมเดียวไปเลย ที่จะให้ต่อล้อต่อเถียงอย่างงั้นอย่างงี้ไม่เอา เพราะมันสกปรก เรื่องโลก

         นี่เราจะช่วยชาติบ้านเมือง เราก็ถือว่าดีกับชั่วมาด้วยกัน ธรรมกับกิเลสมันก็ไปด้วยกัน มันคอยขัดคอยแย้ง เรื่องกิเลสจะมีแต่ขัดแต่แย้ง แต่เตะ แต่ถีบ แต่ยัน แต่ทำลาย แต่จุด แต่เผา ไปอย่างงั้นเรื่องของกิเลส ให้พากันทราบเอาไว้นะ นี่คือเรื่องของความชั่ว จะทำความเสียหายโดยถ่ายเดียว ออกจากทำความเสียหายตนแล้วก็กระจายออกไปข้างนอก ให้เป็นความเสียหายทางภายนอกอีก ถ้าภายนอกรู้ไม่เท่าทันก็เสียหายเพราะมันจริง ๆ มันมีอยู่ อย่างที่เราประชุมกันเรื่องอะไรอย่างงี้ มันก็มีขัดมีแย้ง มีอะไรอยู่ในนั้น ให้พากันเข้าใจ

         ดีกับชั่วมันเคียงข้าง เป็นคู่แข่งกันมาอย่างนี้ เราจะทำความดีเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา จึงอย่าไปสนใจอะไรกับใคร อย่างพวกมันเที่ยวหาโจมตีที่นั่นที่นี่ พวกปากสกปรก มันอยู่ไม่เป็นสุข มันต้องสร้างแต่ความชั่วภายในใจ ออกจากนั้นแล้วก็เอาความชั่วไประบาดคนอื่น อย่างนี้เป็นเรื่องของคนชั่ว  คิดชั่วขึ้นมาเป็นอย่างงั้น เรามีความดี เราก็เอาความดีออกไป เรียกว่าชะล้างกันไปเรื่อย ๆ  อย่าพากันไปสนใจนะกับเรื่องความชั่ว ไม่ใช่มันมีมาวันนี้เมื่อวานนี้เมื่อไร มันมาพร้อมกัน กิเลสกับธรรมมาพร้อมกัน เอาใจเป็นสนามรบ

         กิเลสก็อยู่ที่ใจ ธรรมก็อยู่ที่ใจ ถ้าหลงกลตามกิเลสใจก็ถูกเผาไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่หลงตามกิเลสฟังเสียงอุบายของธรรมก็ไปตามธรรม ก็พ้นภัยไป พ้นภัยไป ถ้าใครเชื่อตามกิเลส เช่นยุแหย่ก่อกวน เหล่านี้เป็นต้น ไปตามมันแหลกเหลวไปหมด เช่นเมืองไทยของเรานี้ คนทั้งประเทศอุตส่าห์พยายามช่วยกันทั้งทางบ้านเมืองและศาสนา อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มันมีขัดมีแย้งอยู่งี้เป็นประจำ ถ้าเราจะเอาพวกนี้มาเป็นสรณะ ของชาติเราแล้วจมเลย จมไปนานแล้วนะ นี่คือคนดีค้ำเอาไว้ ค้ำเอาไว้ ให้จำเอาคำนี้นะ เรื่องความชั่วให้ปัดออกให้หมด อย่าให้มาติดเปื้อนเรา

         เราคิดดูใจของเรานี่ก็แล้วกัน เวลาเราปฏิบัติธรรม กิเลสกับธรรมจะฟัดจะเหวี่ยงกันอยู่ภายในของผู้ประกอบความเพียร มีสติปัญญาคอยกลั่นคอยกรองพินิจพิจารณา มันถึงได้รู้กันชัดเวลากิเลสมันโผล่ขึ้นมา ออกมาจากใจนั้นแหละ แต่มันก็เข้าไปตีใจ ถ้าใจไม่มีความรอบคอบด้วยธรรม ให้คอยดู เวลามันคิดออกมาทางชั่วตีปั๊บ ๆ ปัดปุ๊บ นี่เรียกว่าผู้รักษาตัว ทีนี้ก็เปิดให้ทางดีขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ทางชั่วมีมากมีน้อยมันจะแสดงออกมาตามความมีอยู่ของมัน จนกระทั่งความชั่วนี้หมด คือกิเลสเป็นสาเหตุให้สร้างความชั่วและสร้างความทุกข์ทั้งหลายนี้มันหมดไป พออันนี้หมดไปจิตหมดเรื่องเลย ไม่มีเรื่องอะไรเลยในจิต

         นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เรื่องมากเรื่องน้อย ทุกข์มากทุกข์น้อย มาจากกิเลสทั้งนั้น ซึ่งเกิดขึ้นมาจากใจทำลายใจเรา ถ้าไม่มีธรรมแหลกไปตามมัน ถ้ามีธรรมปัดออก ๆ ๆ สำหรับผู้ประกอบความเพียรท่านดูอย่างนั้น พิจารณาอย่างนั้น แก้กันอย่างงั้น ๆ ๆ พ้นไปอย่างนั้น  จนกระทั่งพ้นไปโดยสิ้นเชิง เวลากิเลสหมดไปจากใจแล้ว เรื่องราวทั้งหลายหมดโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน มันก็ชี้ให้เห็นชัด ๆ ว่า อ๋อ มีกิเลสอย่างเดียวเท่านั้นเป็นตัวยุแหย่ก่อกวน หาความสงบภายในใจไม่ได้ มีกิเลสเท่านั้น ๆ

         พออันนี้ขาดไปแล้วไม่มีอะไรเลย ธรรมล้วน ๆ มีแต่ความเลิศเลอ พอก็พอแบบเลิศเลอ เลิศเลอก็เลิศเลอเลยโลกสกปรกนี้ไปทั้งหมดเลย นี่ละธรรมเป็นอย่างงั้น ทีนี้มีแต่ธรรมล้วน ๆ ไม่มีเรื่องอะไรเลย มีกิเลสมากน้อยกวนตลอดนะ ให้เราดูหัวใจเรา อย่าไปดูแต่คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ จิตใจออกไปรับมันก็ดิ้นของมันเหมือนกัน ดูตัวดิ้นนี่แล้ว ตีตัวดิ้นไม่ให้มันออกไปรับ มันจะยกโคตรยกแซ่มาว่าก็เฉย ไม่มีอะไร เพราะจิตเราดื้อเอง คะนองเอง เขาว่าอะไรก็งับปั๊บ ๆ คว้ามับ ๆ แล้วก็หลงไปตามเรื่อยๆ  ถ้ามีความรอบคอบว่าอะไรก็ว่าไปซิ แน่ะ ปากเขา เราก็ทำแต่ความดีเรื่องมันก็ไม่มี

         ดังที่พูดตะกี้นี้ เมื่อกิเลสสิ้นไปจากใจแล้ว เรื่องไม่มีตลอดไปเลย หมด ทุกข์ก็ไม่มีตลอดไป คำว่าสุขท่านก็เรียกว่านิพพานเที่ยง นั่นละคือตลอดไป เป็นสุขตลอดไปเลย นี่การชำระสะสาง ใจเป็นธรรมชาติที่มีคุณค่ามาก แต่เราปล่อยใจให้กิเลสเข้ามาขยี้ขยำ จึงไม่มีอะไรเป็นตัวของตัว ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ถ้ามีธรรมเข้าไปคุ้มครองรักษา จิตก็เริ่มมีหลักมีเกณฑ์ เป็นตัวของตัวขึ้นมา ทีนี้ชั่วกับดี ดีที่เรารักษาให้ดีมันก็รับกัน อะไรชั่วอะไรดี เหมือนกระดาษปลอมกับกระดาษจริง เงินปลอมเงินจริง ทองคำกับตะกั่วมาวางใส่กันปั๊บรู้ทันที อันนี้ความชั่วคือตะกั่ว เทียบ ความดีคือทองคำ ของจริงของปลอมมองรู้ทันที นี่ละจิตดวงเดียวนี้แหละ ดูชั่วดีมันอยู่กับตัว มันรู้ทันที ปัดออก ๆ

         เวลาชำระให้เต็มเหนี่ยวแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแล้ว นั่นแหละคุ้มค่า สละเลือดเนื้อ ชีวิตจิตใจมาเพื่ออรรถเพื่อธรรมก็สมกันเลย คุ้มค่า ๆ อย่างพระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายท่านคุ้มค่า แล้วนำธรรมคุ้มค่ามาสอนโลก ให้อุตส่าห์พยายามทุกคนนะ ท่านพ้นโลกด้วยความอุตส่าห์พยายาม ไม่ได้พ้นด้วยการวิ่งตามกิเลส ความขี้เกียจขี้คร้าน ความไม่เอาไหน แล้วมืดหนาสาโหด ไม่ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรมตลอดไป นี้จะจมตลอดไป ผู้ใดฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจะมีการลดหย่อนผ่อนผัน แล้วมีหลุดพ้นไปได้ ให้พากันจำเอา

         ตั้งแต่หลวงตามานี้ก็ได้เทศน์ทุกวัน ๆ ก็ควรจะได้ยินได้ฟังกัน เสียงอรรถเสียงธรรมไม่ได้ยินง่าย ๆ นะ ไอ้เรื่องเสียงกิเลสตัณหานี้ แม้ตั้งแต่นั่งกินข้าวอยู่นี้ นั่งดูกันอยู่นี้ พูดยถาสัพพี กริ่งนี่มันกริ๊ง ๆ ขึ้นมาในกระเป๋า คว้ากระเป๋ามา ฟังเสียงจ่อนี้ เสียงยถาสัพพีไปไหนไม่รู้นะ ยถาสัพพียังไม่หมดนะ กริ๊งมาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว จากนั้นก็กินข้าว พอกินข้าวกินถึงไหน กริ๊งมา ให้มาตรอกนั้นให้มาซอยนี้ แวะนั้น ตู้ยามตำรวจ ระวังเดี๋ยวกริ๊งมา อยู่อย่างงั้นนะไอ้เรื่องยุ่งมันยุ่งงั้นละ กินมันก็กวน ฟังอรรถฟังธรรมมันก็กวน ทำอะไรมันก็กวน กวนอยู่ในกระเป๋าแล้วก็เข้ามากวนเจ้าของ กำลังกินข้าวอยู่ก็งับเสียก่อนปาก เคี้ยวไม่ได้ ให้มาตรงนั้นให้มาตรงนี้

         เราสนุกฟังแล้วเราดูนะ เจ้าของจะรู้หรือไม่รู้เราไม่ทราบด้วย ก็คงเพลินให้มาตรอกนั้นตรอกนี้ มาถึงสี่แยกตรงนี้แล้ว มาถึงตู้ยามแล้วให้แยกซ้ายแยกขวา  เป็นบ้า นี่ฟัง เราก็เป็นบ้าเหมือนกัน แต่เราไม่หยุดเคี้ยวนะ เราเคี้ยวของเราไปเรื่อย อันนั้นหยุดเคี้ยวนะ เสียงกริ๊ง ๆ แล้วนั่งไปที่ไหนเห็นแต่อันนี้จ้อ โอ๊ กำลังบ้ากำเริบ แหม ได้อันนี้มาก็กวนมาก ทำให้จิตใจคนยุ่งมากนะ กำเริบ กินข้าวก็กินไม่ได้ จี๋นั้นจี๋นี้ มันอะไรก็ไม่รู้ สนุกดูนะ ดูโลก ดูด้วยความไม่มีเรื่อง สนุกดู ถ้าดูด้วยความมีเรื่อง เป็นบ้าไปกับเขาหมดเลย นี่ละธรรม ถ้ามีธรรมนั้นอยู่แล้ว มันจะรู้เป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นฝักเป็นฝ่าย ถ้าไม่รู้แล้วไฟกับเรานี่พันกันเลย ร่างกายเราทั้งร่างนี้กลายเป็นฟืน ไฟเผาตลอดเลย นั่น

         นี่เราก็ยังอีกสองวันนะ วันนี้วันที่ ๘ วันที่ ๙ พอวันที่ ๑๐ ก็เริ่มมอบทอง เอาให้ได้ตามนั้นนะ กำหนดตายตัวแล้วว่า ๕๕๐ กิโล ทองคำของเราที่จะมอบในวันที่ ๑๐ นี้ สำหรับดอลลาร์นั้นตกลงเลยเป็น ๔๐๐,๐๐๐ เพราะมันหวุดหวิด ๆ มันเกาะไม่ติด ๆ เกาะใหญ่เลย เอาให้ติดปุ๊บเลย คือเรามีดอลลาร์อยู่ที่คลังหลวงที่มอบไว้แล้วนั้น ๗,๖๐๐,๐๐๐ มันขาดอยู่ ๔๐๐,๐๐๐ จะถึง ๘,๐๐๐,๐๐๐ ทีนี้เราวุ่นวายหาดอลลาร์ที่จะมาเพิ่มเข้าให้มีจำนวนมากขึ้น พอเพิ่มเข้าไปถึง ๓๐๐,๐๐๐ ดอลล์ ๓๐๐,๐๐๐ ดอลล์กับ ๗,๖๐๐,๐๐๐ บวกกันเข้าไปแล้วก็เป็น ๗,๙๐๐,๐๐๐ แน่ะ มันขาดอยู่อีก ๑๐๐,๐๐๐ เอานะ เอาอีกแล้วนะ นี่ละเลยยุ่งใหญ่

         ตกลงเลยได้ดอลลาร์ถึง ๔๐๐,๐๐๐ บวกกันแล้วคราวนี้ รวมทั้งหมดจะได้ดอลลาร์ ๘,๐๐๐,๐๐๐ ส่วนทองคำก็ได้ ๖,๖๐๐ กว่ากิโล เพิ่มขึ้นเรื่อยอย่างนี้ละ พอถึงที่หมายแล้ว มันหากหยุดเอง เหมือนกับเรารับประทาน หิวโหยมาขนาดไหน เอา รับประทานลงไป พออิ่มแล้วหยุดเอง อันนี้ก็เหมือนกัน ความพอมีในเรื่องธรรมทั้งหลาย แต่เรื่องกิเลสไม่มีคำว่าพอ จนตายกี่กัปกี่กัลป์ไม่พอ พาเจ้าของหิวโหยอยู่ตลอดเวลา พาดีดพาดิ้น โหย ไม่มีอะไรเกินกิเลส เมื่อถึงกาลเวลาที่พอแล้วมันก็รู้เองด้วยกัน นี่ก็มีหัวหน้าคอยดูตลอดเวลา ฟังตลอดเวลา ทดสอบอยู่เสมอ

         ขอให้ได้จุดที่เราต้องการ คือทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน นี่เป็นอย่างน้อยขาดไม่ได้ ขาดเท่าไรเมืองไทยเราขาดบาทขาดตาเต็งมากน้อย เท่าเทียมกันหมด ๖๒ ล้านคน เป็นคนขาดบาทขาดตาเต็ง ไม่เต็มบาทเต็มเต็งแหละ พอได้ปึ๋ง  ๑๐ ตันเท่านั้นเต็มหมด ชาติไทยของเราเต็มบาทเต็มตาเต็ง คนเต็มบาท เมื่อหาทองคำให้ได้ ๑๐ ตัน ดอลลาร์ ๑๐ ล้าน เราเบาใจอยู่แล้วแหละ ยังอีกเพียงสองล้าน ถึงเวลาที่จะมอบ ส่วนทองคำยังหนักอยู่มาก เพราะฉะนั้นจึงให้พวกเราทุกคนเน้นหนัก ๆ (เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น) นี่เห็นไหมกริ๊ง ๆ มาอีกแล้ว เอาตรอกไหน ตู้ยามตำรวจ ตู้ไหน แยกไหน กำลังเทศน์ยุ่ง ว่าไง

         งานใหญ่ของเราจะมีอยู่สองงาน วันที่ ๑๒ สิงหานี้ก็ใหญ่อยู่ และงานกฐินเป็นงานทุ่มเลยละ งานกฐินนี้ใหญ่มากทีเดียว ทีนี้จากกฐินไปแล้วขาดเหลือเท่าไรเอาอีกตรงนั้นนะ จะม้วนเสื่อความทุกข์ความจนเราลงทะเล เอาความอยู่ดีมีสุข มีความแน่นหนามั่นคงอบอุ่นด้วยทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เข้าแทนที่กึ๊กในเดือนธันวา ๔๖ นี้ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งอกตั้งใจ เพื่อยกระดับชาติไทยของเราให้ขึ้นสู่ความเป็นปกติดีงาม แล้วจะมีสง่าราศี ไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามากยิ่งกว่าชาติของเรานะ สิ่งใดก็ตามที่เข้ามาขัดมาแย้งต่อชาติซึ่งเป็นส่วนใหญ่แล้ว สำหรับตามธรรมนะ เรียกว่าเห็นด้วยไม่ได้เลย เพราะเป็นภัย

         ชาติของเรามีน้ำหนักขนาดไหน คนทั้งประเทศถือชาติเป็นหลักเกณฑ์ ไม่ได้ถือคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้ถือความชั่ว ความเห็นแก่ตัวมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ซึ่งเป็นการทำลายชาตินะ ถือสิ่งที่ถูกต้องดีงามที่จะหนุนชาติไทยของเราให้ขึ้นโดยลำดับลำดา เพราะฉะนั้นจึงถือส่วนรวมเป็นสำคัญ ความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นสำคัญ ร่างกายของเรานี้ถ้าเป็นปกติอยู่ทุกสัดทุกส่วน เรามีความผาสุกเย็นใจสบาย ประกอบหน้าที่การงาน ไม่ว่าหนักว่าเบา ทำได้ทั้งนั้น ร่างกายมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันแล้วการงานทุกอย่างทำได้ทั้งนั้น ๆ จะหนักจะเบาไม่พ้นจากความสมบูรณ์ในตัวของเรา คือร่างกายจิตใจสมบูรณ์แล้วทำได้ทั้งนั้น

         ถ้าร่างกายขาดตกบกพร่องส่วนใด เจ็บท้อง ปวดศีรษะ ยิ่งขาเขยก ๆ ด้วยแล้ว ไปทำงานอะไรไม่ได้เลย นี่ร่างกายของเราเทียบกับอวัยวะที่สมบูรณ์ทุกอย่าง ต่างคนต่างมีความรักชาติ มีความเสียสละ มีความพร้อมเพรียงสามัคคี จับกันเป็นกลุ่มแล้วเป็นชาติทั้งชาติ เป็นบุคคลทั้งคนที่สมบูรณ์แบบ นี่ควรแก่หน้าที่การงาน นี่ควรแก่การอยู่เย็นเป็นสุขในประเทศไทยของเรา และหน้าที่การงานทั้งหลายควรหมด ถ้าคนในชาติของเรามีความรักชาติ มีความเสียสละ มีความพร้อมเพรียงสามัคคี ด้วยการอารักขารอบคอบขอบชิดหมด เมืองไทยก็อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป

         เหมือนร่างกายของเรานี่ เราอารักขาตลอดเวลา คือบริหารก็อยู่ที่นี่ การรักษา ทุกอย่าง บำรุงอยู่ที่นี่ ให้ร่างกายของเรามีความแน่นหนามั่นคง แล้วพาทำหน้าที่การงานสมบูรณ์ไปหมด ถ้าร่างกายส่วนใดบกพร่อง งานจะขาดความสมบูรณ์ลงเป็นลำดับ จึงเอาอันนี้เป็นจุดนะ ให้ทุก ๆ คนมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน อะไรไม่ดีให้ปัดออก ๆ อย่าไปเชื่อนะ เชื่อแล้วก็ฆ่าตัวเอง วันนี้พูดเพียงเท่านั้นแหละนะ ต่อไปนี้ก็ให้พร

                

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก