เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
ระวังตัวให้ดี
(เขาส่งข่าวมาจากอเมริกาว่าเห็นชัดเจนมาก) เหรอ ก็หลอดไฟเพิ่มอีกหลอดหนึ่ง แต่ก่อนมีหลอดเดียว เขาดูแล้วว่ามันมัว เลยไปเพิ่มอีกหลอดหนึ่ง เขาบอกมาชัดเจน ก็คือว่าผลของความเพิ่มหลอดไฟอีกหลอดหนึ่ง เขาบอกมาว่าชัดเจน (ครับ)
(เสียงลูกหมาร้อง) ไปทีไรได้ยินแต่เสียงหมา แล้วเมื่อวานนี้เขาก็มาปล่อยตัวหนึ่ง ให้ล่ามโซ่ไว้ที่นั่น นั่นก็ลูกหมากำลังเอามา ต่อไปก็เป็นพ่อหมา ปู่หมา เต็มไปหมด วัดนี้ก็เป็นวัดหมา ต่อจากนั้นก็วัดนี่ปู่หมาไปแล้วละนะ ยั้วเยี้ย ๆ มีแต่หมา เพิ่มขึ้นหลายตัวแล้ว ว่าก็ว่าเฉย ๆ เขาคงเห็นความรัก ความเมตตาหมาของเราเขาถึงเอามาให้เรื่อย ๆ ทางนี้ทางหนึ่งขู่ ทางใจมันไม่ขู่ ทีนี้เขาก็มาทางใจละซิ ไปที่ไหนยั้วเยี้ย มีแต่หมา เห็นเรากระดิกหางปุ๊บ ๆ มึงจะมาเป็นเสี่ยวกับกูเหรอ โมโหน่ะ โมโหก็ว่าเฉย ๆ ไอ้ใจมันก็ไม่โมโหอีกแหละ มันเลยเข้ากันไม่ได้ หมามันก็ด้อมเข้ามาเรื่อย
เมื่อวานนี้ก็เห็นตัวหนึ่ง (เสียงลูกหมาร้อง) นั่นละเห็นไหมล่ะ ว้อก ๆ กำลังเล่นเก่ง ไอ้สองตัวขังไว้นู้น ตัวใหญ่มันอยู่นี้ เอ๊ เวลานี้มันมีหมาสี่ตัวแล้วมัง ไอ้ขาวใหญ่นี่เป็นปู่เขา อีกสองตัวมา เป็นสี่ตัวหรือห้าตัว (ห้าตัวครับ) ตัวเล็ก ๆ มาใหม่ รวมแล้วมันกี่ตัวไม่รู้ (ห้าแล้วครับ) ถึงห้าตัวแล้วเหรอ ไม่ใช่เล่นหมาตั้งห้าตัว หมาตั้ง ๕ ตัว ไอ้นวลมันตายแล้วมันเลี้ยงหมา เวลาคนเลิกไปหมดแล้วเรากลับแล้ว ก็มีแต่หมากับไอ้นวลยุ่งกันตลอด จากนั้นแล้วพวกปลาเต็มสระ นี่ก็อยู่ในความดูแลของไอ้นวลเขา ปลาน้อยเมื่อไร สระนั้นก็มาก สระนี้ก็มาก ปลาเต็มไปหมดเลย ตอนเย็นเอาอาหารสำเร็จรูปไปหว่าน เขามากิน โหย มากจริงๆ เต็มไปหมด หลั่งไหลมากิน
เขาเอามาตามเวลา พอ ๔ โมงกว่าๆ เขาจะเริ่มมา คือแต่ก่อน ๕ โมงค่ำเราให้อาหาร ทุกวันนี้ ๕ โมงยังวัน เขาก็เลยมาตามเวลานาฬิกา พอ ๔ โมงกว่าๆ เขาจะเริ่มมา เอาอาหารให้ แต่สระนี้เราไม่ได้มาดูนะ ก็มีคนดูแลอยู่ไม่ใช่เหรอ สระนี้เราไม่ได้ดู เราคอยดูตั้งแต่สระนั้น เพราะเราอยู่กุฏิกับสระนั้นพอดี เราไม่มีธุระไปไหนเราจะคอยสังเกต จวนเวลาคนจะเอาอาหารมาเขาจะมารอเต็ม พอ ๕ โมงหรือ ๕ โมงกว่าก็มา พอหว่านอาหารลงไปนี่เพียบเลย เต็มไปหมด
เวลานี้ตัวเหี้ยเก็บไปหมดแล้วนะ เหี้ยมันมีหลายตัว พวกเหี้ยมากินปลาในสระนี่ เราพยายามจับไปหลายตัวแล้ว เหี้ยตัวใหญ่ก็มี ตัวเล็กมี จับไปเรื่อยๆ มันเป็นภัยต่อพวกปลามากทีเดียว
เท่าที่ทราบมาโดยตลอดในระยะนี้ก็ดูว่า การเทศน์นี้ออกทางอินเตอร์เน็ตจากเมืองไทยแล้วก็ออกเมืองนอกทั่วโลก ที่ธรรมของพระพุทธเจ้าที่แสดงให้พี่น้องชาวพุทธทั้งหลายซึ่งอยู่ในที่ทั่วๆ ไป ทั้งในเมืองไทยและนอกเมืองไทย เมืองต่างๆ ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐ เป็นต้น มีอยู่หลายจุดๆ ได้ทราบว่าได้ฟังเทศน์ทางอินเตอร์เน็ตทั่วถึงกันว่างั้น เราจะเรียกว่าคาดคิดก็ได้ เราก็พลอยเบาใจไปด้วย ที่ลูกชาวพุทธเราไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ควรที่จะลืมพุทธซึ่งเป็นพ่อใหญ่สุดแดนสมมุติคือพระพุทธเจ้า ได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจากท่านบ้าง
เพราะธรรมของพระพุทธเจ้านี้เป็นธรรมที่เลิศเลอสุดยอด ไม่มีที่ต้องติที่ตรงไหนเลย เป็นธรรมที่ออกมาจากความบริสุทธิ์พระทัย ตรัสรู้กิเลสขาดสะบั้นลงไปโดยสิ้นเชิง และธรรมะที่สว่างเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในพระทัยของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นก็นำธรรมเหล่านี้ออกแสดงสอนโลกตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ ธรรมะที่ทรงรสทรงชาติสดๆ ร้อนๆ ก็ไม่เคยจืดจางว่างเปล่าไปไหน นอกจากสัตว์โลกทั้งหลายจะมีจิตใจจืดจางเหินห่างจากอรรถจากธรรม แล้วใกล้ชิดติดพันกับฟืนกับไฟคือกิเลสโดยลำดับลำดา แล้วนำไฟของกิเลสนี้เข้ามาเผาจิตใจ ก็มีเพียงเท่านั้น สำหรับธรรมไม่จืดจาง แต่กิเลสมันปัดออกให้จืดให้จางไป รสชาติของกิเลสให้เข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆ
ถ้ากิเลสเข้มข้นมากที่ตรงไหน ๆ นั้นแหละฟืนไฟก่อตัวขึ้นที่ตรงนั้นๆ ยิ่งเราหาเชื้อมาเสริมไฟเข้าไปด้วยการวิ่งตามกิเลสด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนวุ่นวายขึ้นมาในหัวใจของทุกคนทุกสัตว์ แต่สัตว์เขาไม่มีศาสนาไม่ค่อยจะไปคิดสนใจอะไรกับเขามากนัก ยิ่งกว่าคนเราที่ยิ่งถือพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว น่าสนใจ น่าคิดอ่านมาก ควรจะได้พินิจพิจารณา เวลานี้ธรรมกับใจเราเกี่ยวข้องพัวพันกันให้เกิดรสเกิดชาติคือความสงบร่มเย็น มีการยับยั้งชั่งตัวได้บ้างหรือไม่ หรือปล่อยตัวเตลิดเปิดเปิงตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย มีแต่ความเข้มข้นด้วยกิเลสตัณหาพัวพันจิตใจ เอาไฟกิเลสเผาในโลกมนุษย์นี้แล้ว จิตดวงนี้ไปไหนกิเลสติดตัวไป ก็ตามพัวพันเผาผลาญกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนรกอเวจี มีแต่ไฟของกิเลสทั้งนั้นผลักไสสัตว์โลกให้ไป เพราะความลืมเนื้อลืมตัวของตัวเองนั้นแหละ เป็นฟืนเป็นไฟมาเผาตัวเอง
อันนี้เป็นยังไง ตั้งปัญหาถามจิตใจเราดูบ้าง ว่าธรรมะมีรสชาติเผ็ดร้อนตลอดเวลา อกาลิโก แต่เรื่องกิเลสเป็นยังไง นี่ก็เป็นความเผ็ดร้อนเช่นเดียวกัน แต่สัตว์โลกชอบหมุนใจไปตามกิเลสเสียมากต่อมาก ธรรมะเลยกลายเป็นธรรมที่จืดชืดภายในจิตใจ ดีไม่ดีไม่ระลึกถึงธรรมยิ่งกว่ากิเลสในวันหนึ่งๆ มักเป็นอย่างนี้มากโดยลำดับ พี่น้องชาวพุทธควรรู้สึกเนื้อรู้สึกตัว ที่ได้รับความทุกข์ความทรมานกันไม่มีบกมีบาง แต่กัปไหนกาลใดมาจนกระทั่งบัดนี้ และจะมีต่อไปอย่างนี้ตลอดไปนั้น เพราะอำนาจแห่งความลุ่มหลงวิ่งตามกิเลส แม้จะได้รับความทุกข์ความลำบากขนาดไหนไม่เคยเข็ดหลาบหวาดเสียวต่อกิเลสเลย จึงต้องถูกพัดถูกผัน เผาตัวเองตลอดเวลาทุกภพทุกชาติไป
ในชาตินี้เรามาเกิดเป็นมนุษย์ เรายังไม่ได้มายินดีในเพียงมนุษย์นี้เท่านั้น เพราะอะไร เพราะภพมนุษย์นี้ก็มีกิเลสครอบงำหัวใจอยู่ เราเป็นคนเป็นหญิงเป็นชาย กิเลสก็บีบบี้สีไฟให้เกิดความทุกข์ความทรมาน ทำให้จิตใจดีดดิ้นไม่ยินดีกับกิเลสที่เผาผลาญจิตใจนี้ อยากไปเกิดภพอื่นชาติอื่น จะได้พ้นจากความเดือดร้อนวุ่นวายในภพชาติที่เป็นมนุษย์นี้ไปเสีย อย่างนี้ก็มีมากความคิดของคนเรา แม้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีภพชาติสูงกว่าบรรดาสัตว์ ก็ยังไม่พอใจในภพชาติเป็นมนุษย์ที่ถูกบีบบี้สีไฟจากกิเลส ยังกระเสือกกระสนอยากไปภพชาติอื่น ที่เข้าใจว่าจะดียิ่งกว่านี้ นี้เป็นความคิดของคนมีกิเลสทั่วๆ ไป ไม่ยอมรับโทษของตัวว่าทำอะไร มันมีสาเหตุมาอยู่แล้ว
ทำอะไรถึงได้เกิดความทุกข์ ทำอะไรถึงได้เกิดความสุข เราไม่ได้พิจารณาถึงสาเหตุ แต่เราก็ถือเอาความทุกข์ความลำบากของตนที่สร้างไว้นั้นแหละเผาลนตนเองอยู่ นี้ว่าเป็นความทุกข์ความลำบาก อยากหนีจากความทุกข์นี้ไปเสีย ไปเกิดเป็นภพอื่นชาติอื่น เราจะได้ผ่านพ้นอันนี้ไป จะผ่านพ้นไปไหนได้ ก็กรรมดีกรรมชั่วอยู่กับที่ใจของเรา ที่เราว่าอยากไปภพนั้นภพนี้ มันไม่ได้ไปตามที่เรากำหนดตัวเองด้วยความดีดดิ้นหนีจากความทุกข์ในภพนี้ อยากไปภพหน้าเพียงเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับกรรม
กรรมชั่วยังมีอยู่เมื่อไร ไปที่ไหนก็เหมือนกับเขาย้ายนักโทษออกจากเรือนจำนี้ไปสู่เรือนจำนั้น จากเรือนจำนั้นไปสู่เรือนจำนั้นอยู่นั้นแล ที่จะย้ายนักโทษนี้ให้ขึ้นไปเป็นพลเมืองดี เป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เป็นไปไม่ได้ เพราะฐานะของนักโทษมันบอกอยู่ในตัวของมัน ถูกย้ายก็ย้ายจากเรือนจำนี้ไปสู่เรือนจำนั้นเพียงเท่านั้น จะให้ย้ายฐานะสูงขึ้นไปกว่านั้นไม่มีในความเป็นนักโทษ
คนเราที่มีกรรมเป็นของตัวประจำหนักเบามากน้อยก็เป็นเช่นเดียวกัน อยากจะคิดโยกย้ายตัวเองไปที่ไหนก็มีแต่ความอยากๆ เฉยๆ ความเป็นจริงไม่ได้เป็นไปตาม ต้องเป็นไปตามกรรมนี้เท่านั้น จึงให้พากันแก้กรรมที่จิตใจของเราเป็นตัวคิดตัวปรุงเป็นมหาเหตุ คิดได้ทั้งดีทั้งชั่ว เกิดขึ้นจากใจอย่างเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นจากดินฟ้าอากาศที่ไหน โลกธาตุนี้กว้างแสนกว้าง มหาเหตุที่คิดดีคิดชั่วขึ้นได้เหมือนอย่างใจของเรา ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งมหาเหตุทั้งหลายที่จะคิดขึ้นมาทั้งดีและชั่ว คิดขึ้นจากใจนี้ทั้งนั้น จึงให้พากันพินิจพิจารณาใจของเรา ที่มันกำลังดีดดิ้นอยู่นี้ มันจะพาดีดดิ้นไปนรกหลุมไหนล่ะ
เราดีดดิ้นอยู่นี้ดีดดิ้นเพื่อไปนรกโดยหลักธรรมชาติ แต่ความคาดความคิดความด้นเดาของเรานี้ อยากจะไปสวรรค์นิพพานพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง นี้เป็นความคิดลมๆ แล้งๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้ดูตัวจิตของเรา ให้ปรุงแต่งแก้ไขดัดแปลง ชำระล้างจิตใจของเรานี้ อยากน้อยให้เสมอกันไปกับที่เราดัดแปลงแก้ไขสถานที่อยู่บ้านเรือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้อาศัยเขา ไปอยู่ที่ไหนต้องตกต้องแต่ง ที่หลับที่นอนหมอนมุ้ง ต้องได้ตกได้แต่งได้ขัดได้ถูได้ชะล้างตลอดไป นี่เป็นเรื่องของร่างกาย แต่มันไม่อยู่เพียงเท่านั้น มันยังอยากเลิศเลอกว่านั้นอีก ให้สดสวยงดงามเลยโลกเลยสงสาร เลยบ้านเมืองเขาไป แต่ละคนๆ ชิงดีชิงเด่นไปกับเรื่องสีเรื่องแสงไป เอาสีนั้นมาแต้มเอาสีนี้มาทาก็ว่าสวยว่างาม ก็ไปตื่นอยู่กับสี เป็นอารมณ์อยู่กับสีกับแสงนั้นเสีย
ทั้งๆ ที่จิตใจนี้แห้งผากๆ จากอารมณ์อันดีงามที่เป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายได้คือธรรม ให้เราแยกเข้ามาอย่างนี้ การตกแต่งภายนอกปรับปรุงแก้ไข การทำมาหาเลี้ยงชีพก็ เอา ทำ เพราะธาตุขันธ์มีความจำเป็นทั่วหน้ากัน ใครต้องดีดต้องดิ้น เสาะแสวงหาอยู่หากิน บ้านเรือนก็ต้องมี มีบ้านมีเรือนขึ้นมาแล้วก็ให้อยู่ตามความเหมาะสม อย่าดีดอย่าดิ้นเกินไป บ้านเรือนสร้างขึ้นสมบูรณ์พูนผลแล้วยังไม่แล้ว ต้องหาอะไรมาตกแต่งให้สวยให้งาม ขัดเกลากันเสียแหลกไปเลยให้สดสวยงดงาม แต่หัวใจมันเป็นไฟสกปรกยิ่งกว่าส้วมกว่าถานมันไม่ดู มันเสียตรงนี้นะชาวพุทธเรา แก้ไขดัดแปลงชำระล้างภายนอกฉันใด ก็ให้แก้ไขดัดแปลงชำระสิ่งไม่ดีทั้งหลายภายในใจตนฉันนั้นเหมือนกัน แล้วเราก็จะอยู่สะดวก บ้านเรือนที่เราตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าของก็เย็นใจ มองดูสีดูแสงของบ้านของเรือน ตึกรามบ้านช่องของเรา ห้องหับไหนๆ ดูที่ไหนก็น่าดูน่าชม เราก็ชื่นใจ นี่เรื่องภายนอก เพียงเท่านั้นเราก็เอา เราก็ชื่นใจ
ทีนี้ขอให้ประกอบเรื่องภายใน ดัดแปลงแก้ไขจิตใจของเรา วันนี้มันบกพร่องอะไร มันถึงก่อความเดือดร้อนให้ตัวของเรา ให้มาแก้ไขจิตใจตนที่มันก่อความเดือดร้อนนี้ด้วยธรรม ด้วยสติธรรม ปัญญาธรรม พิจารณาใคร่ครวญ แล้วดัดแปลงแก้ไขในสิ่งที่เห็นว่าไม่ดีให้เป็นของดิบของดีขึ้นมา สถานที่อยู่บ้านเรือนที่เราอาศัยก็ดี เราก็ได้อาศัยเขาเย็นตาเย็นใจ มองเข้ามาที่ตัวของเราก็เย็นใจอยู่สบายๆ ไปที่ไหนจิตใจมีศีลมีธรรมเป็นเครื่องรักษาอยู่ ซักฟอกทำความสะอาดจิตใจ เฉพาะอย่างยิ่งไปที่ไหนอย่าลืมพุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ ติดแนบกับใจ นี้เรียกว่าเราชะล้างจิตใจของเราด้วยอรรถด้วยธรรม เราจะมีความสงบเย็นใจ
ยิ่งได้ชะล้างเป็นประจำจนกลายเป็นนิสัย และผลแห่งการบำเพ็ญของเราได้เด่นขึ้นภายในจิตใจ กลายเป็นจิตใจที่ดูดดื่มกับอรรถกับธรรมด้วยแล้ว อยู่ที่ไหนมีแต่ธรรมบำรุงรักษาจิตใจตลอดเวลา เย็น ใจของเราก็เย็น มองดูภายในใจก็เย็น มองออกตามสถานที่บ้านเรือนที่อยู่ที่อาศัยก็เย็น เมื่อเย็นทั้งสองแล้วถึงกาลเวลาที่จะพลัดพรากจากกันไปด้วยกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เอา ปล่อยไป ความสวยงามของบ้านของเรือน วัตถุสิ่งของเงินทอง บริษัทบริวารนี้ สู้ความสวยงามแห่งศีลแห่งธรรมที่ประดับใจของเราอยู่ตลอดเวลานี้ไม่ได้
สถานที่เราเปลี่ยนแปลงจะไปภพหน้านั้นก็สวยงามยิ่งกว่าภพนี้ สถานที่นี่ บ้านเรือนหลังนี้ สมบัติเงินทองข้าวของเหล่านี้ บริษัทบริวารเหล่านี้เป็นไหนๆ ถ้าก้าวขึ้นด้วยอรรถด้วยธรรมแล้วจะสูงเรื่อยไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะสูงไปตามๆ กัน หอปราสาทราชมณเทียรก็สูง เครื่องประดับประดาตกแต่งด้วยบุญด้วยกุศลของเราก็สูง ความเย็นใจของเราก็สบายขึ้นโดยลำดับ มันต่างกันอย่างนี้ ให้ท่านทั้งหลายได้พยายามตกแต่งแก้ไขชำระจิตใจไปพร้อมๆ กันกับการขวนขวายทางโลกทางสงสาร ซึ่งเกี่ยวกับธาตุกับขันธ์การเป็นอยู่หลับนอนกินอยู่ปูวาย จิตใจก็มีความหิวโหยกับอาหารโอชารสคืออรรถคือธรรมเช่นเดียวกัน จึงขอให้จิตใจมีอรรถมีธรรมเป็นเครื่องดูดดื่ม แล้วเราจะชุ่มเย็นจิตใจของเรา
ไปโลกไหนก็ไปเถอะคนมีธรรมแล้วไม่มีคำว่าจะอัดอั้นตันใจ ไปที่ไหนเบิกกว้างไปตลอดๆ ไม่เหมือนกันคนสร้างแต่บาปแต่กรรม อยู่ในโลกนี้ก็ตีบตัน มิหนำซ้ำเขายังจับไปขังไว้ในคุกในเรือนจำ ออกจากเรือนจำนักโทษมนุษย์นี้แล้วก็จะไปเป็นนักโทษในเมืองผีอีก สำหรับคนที่สร้างกรรมไว้ กรรมยังไม่สิ้นเมื่อไรไม่พ้นโทษจากกรรมแห่งความเป็นนักโทษที่เขาจับได้อย่างเปิดเผยนี้แล้ว ยังจะเป็นกรรมอันลึกลับในสายตามนุษย์ที่เมืองผีเข้าอีก จนกระทั่งสิ้นบุญสิ้นกรรมเมื่อไรจะค่อยเป็นไปตามกรรมใหม่ที่เข้ามาแทรก ถ้ากรรมใหม่มีความดีงามแล้ว กรรมนี้ก็จะหนุนขึ้นๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ให้พากันรับผิดชอบด้วยกันทั้งสอง
ร่างกายมีความรับผิดชอบ สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย ให้มีความเป็นอยู่ผาสุกเย็นใจ ก็ให้พากันขวนขวายเท่าที่ควร แต่อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวมันจะสร้างทุกข์มาให้เราอีก ทีนี้ภายในจิตใจก็สั่งสมจิตใจเราด้วยอรรถด้วยธรรม พุทธ ธรรม สงฆ์ ธรรมนี้เป็นธรรมที่เลิศเลอมาตั้งกัปตั้งกัลป์จากพระพุทธเจ้าตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ ไม่เคยครึเคยล้าสมัย ให้พากันอบรมให้จิตใจเราได้ดื่มอรรถดื่มธรรม อยู่ที่โลกนี้ก็มีที่พึ่ง คือใจมีธรรมเป็นที่ยึดที่เกาะ ตายไปแล้วธรรมกับใจอยู่ด้วยกัน ไปที่ไหนเย็นใจไปหมด
วันนี้ได้พูดแยกเป็นสองภาค ภาคชำระสะสางขวนขวายทางด้านวัตถุภายนอก เพื่อกายของเราที่เป็นวัตถุด้วยกัน ให้มีความเป็นอยู่ปูวายสะดวกเท่าที่ควร แต่ไม่ให้สะดวกด้วยความฟุ้งเฟ้อ จะกลายเป็นไฟย้อนกลับมาเผาเราอีก ให้อยู่ตามความพอดิบพอดี ทางด้านจิตใจให้ส่งเสริมขึ้นตามโอกาสของเราที่มีช่องว่างเมื่อไรให้สร้างภายในใจ ทั้งสองอย่างนี้เป็นความจำเป็นเสมอกัน ธาตุขันธ์เป็นความจำเป็นในความเป็นอยู่แห่งชีวิตนี้ จิตใจกับธรรมมีความจำเป็นทั้งอยู่ในชีวิตนี้และไปโลกหน้าโลกไหนๆ เป็นความจำเป็นตลอดสายจนกระทั่งถึงนิพพาน นี่คือความดีงามสำหรับเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ให้ท่านทั้งหลายยึดธรรมเหล่านี้ไว้เป็นคู่เคียงกันไปดังที่กล่าวมานี้
ให้วิ่งเต้นขวนขวายชำระสะสาง หามาสิ่งที่พอเหมาะพอดีกับธาตุกับขันธ์ ความเป็นอยู่ของเรา และให้วิ่งเต้นขวนขวายเพื่ออรรถเพื่อธรรม นำเข้าสู่สถานที่ดีคติที่พึงหวัง เราจะสมหวังทั้งอยู่ในโลกนี้และโลกหน้า วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ
นี่เราก็ได้ทราบถึงเรื่องอะไร มันสะกิดๆ ภายในใจ วันนี้แย็บออกมาให้ท่านทั้งหลายทราบเสียบ้างว่า คนทั่วแผ่นดินไทยต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมืองที่จะล่มจมเห็นต่อหน้าต่อตากันมาได้สามสี่ปีผ่านมานี้ ปิดกันไม่อยู่ เห็นกันทั่วโลกแล้ว แล้วต่างคนต่างรักชาติตัวเอง ต่างคนต่างตื่นเนื้อตื่นตัววิ่งเต้นขวนขวาย แม้แต่พระที่อยู่ในอาวาส ธรรมดาจะไม่ไปสนใจกับเรื่องโลกเรื่องสงสาร ก็ยังได้มาหมุนตัวเป็นเกลียวกันกับพี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเป็นพ่อเป็นแม่ของพระ เช่นอย่างหลวงตาบัวนี้ก็ไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องโลกสงสารที่เป็นอยู่อย่างนี้ ก็ยังได้เข้าตรงกลางแห่งความหมุนเวียนของโลกที่จะพาให้ล่มจมจนได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องได้อุตส่าห์พยายามพาพี่น้องทั้งหลายตะเกียกตะกาย
แต่ก่อนเราก็ไม่เคยมีทองคำ มีก็มีอยู่ดั้งเดิม ก็คอยแต่จะกุดจะด้วนไปด้วยความไขว่คว้าของบุคคลผู้มีแต่ความโลภ ความกินความกลืน กินบ้านกินเมือง จะเอาให้ฉิบหายล่มจมทั้งชาติบ้านเมือง ไม่ให้มีอะไรติดเนื้อติดตัว แม้กระทั่งคลังหลวงก็จะไม่มีเงินติดตัว แล้วต่างคนก็ต่างสกัดลัดกั้น และต่างคนต่างขวนขวายหาสมบัติทั้งหลายเข้ามาสู่คลังหลวงของเรา ก็เห็นคุณค่ามาเป็นลำดับ เวลานี้ทองคำก็ได้ ๖ ตันกว่าแล้ว และดอลลาร์ก็ร่วม ๘ ล้านแล้ว สำหรับเงินสดนี้ได้เที่ยวดูตามถนนหนทาง ซึ่งเงินสดนี้กระจายออกไปแสดงสง่างามอยู่ในที่ต่างๆ เช่น โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการ และเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงพยาบาลเต็มไปหมดจากเงินสดของพวกเรา
นี้เป็นผลแห่งความตะเกียกตะกายของพี่น้องชาวไทย ที่ได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน มีความรักชาติ สงวนชาติของตน แล้วขวนขวายหามาจนปรากฏผลเป็นที่พึงพอใจมาโดยลำดับจนกระทั่งบัดนี้ ทองคำเราก็ได้ตั้ง ๖ ตันกว่าแล้ว ดังที่เรียนให้ทราบเวลานี้ ดอลลาร์ก็ร่วม ๘ ล้าน เงินสดมองไปที่ไหนมีตั้งแต่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายที่รักชาติ บริจาคออกไปสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมา คนทุกข์คนจนได้รับการสงเคราะห์ สถานสงเคราะห์ต่างๆ โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล ไม่ทราบกี่สิบหลัง ไม่ธรรมดานะ กี่สิบหลังๆ มากขนาดนั้นแหละจนกระทั่งป่านนี้ ก็ไม่ปรากฏพี่น้องชาวไทยคนใดขึ้นมาคัดค้านต้านทานถึงการขวนขวาย หาสมบัติเงินทองมาหนุนชาติไทยของตน แต่ก็มีอยู่พึ่งมาได้ยินเร็วๆ นี้แหละไม่กี่วันมากนัก แต่ทำให้สะดุดใจ เพราะเราเป็นผู้นำด้วยความชอบธรรมด้วย ไม่ปรากฏผิดพลาดประการใด ที่จะทำให้เกิดความมัวหมองหรือบอบช้ำแก่ชาติไทยของเราจากการเป็นผู้นำของเรา
เราก็ภูมิใจในการเป็นผู้นำตลอดมา เงินบาทเงินสตางค์ใดเราไม่เคยเข้ามายึดเป็นของตัวของเราเลย จึงว่าไม่มีกระทั่งเม็ดหินเม็ดทราย พี่น้องบริจาคมามากน้อยเพียงไร เราทุ่มหมดเพื่อประโยชน์แก่ชาติสมกับเรารักชาติ เป็นลูกของชาติไทย แล้วก็สงวนชาติไทย พาพี่น้องทั้งหลายฟื้นขึ้นมา จนกระทั่งได้เห็นเป็นความชื่นอกชื่นใจตลอดมาอยู่ในเวลานี้ แล้วก็มาปรากฏในวงราชการนั้นน่ะ ได้ยินแต่เขาพูดนะ อันนี้เราพูดตามเสียงเขาพูดมา เราไม่ได้ยินต่อปากต่อคำของผู้พูด มาพูดตำหนิติเตียนว่า การช่วยชาติบ้านเมืองไม่เห็นมีอะไรจำเป็น ว่าอย่างนั้นนะ แล้วสมบัติในคลังหลวงก็ไม่อดไม่อยาก นี่เราได้ฟังมาตั้งแต่นี้ เขาบอกว่ารัฐมนตรีโน่นน่ะ
มันรัฐมนตรีหน้าไหนมันแหวกขึ้นมาเกิดในเมืองไทย แล้วมาเป็นมหาภัยต่อชาติไทย รัฐมนตรีคนนี้มันเป็นลูกของใคร เราอยากจะถามหาโคตรหาแซ่ของรัฐมนตรีคนนี้บ้าง ทำไมความคิดอื่นความคิดใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง สมมันเป็นลูกของคนไทยแล้ว ทำไมไม่นำมาพูดพอให้เป็นกำลังใจของคนไทยทั้งชาติบ้าง มันเสือกไปพูดอะไรถึงเป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติไทย เช่นว่าการช่วยชาติบ้านเมืองไม่เห็นมีอะไรจำเป็น อะไรๆ ก็มีอยู่ นี่เราจำได้เพียงเท่านั้นนะ หลวงตาเวลานี้ความจำไม่ดี ถ้าความจำดีกว่านี้จะฟาดมันหมดทั้งโคตรเลย โคตรรัฐมนตรีคนนี้น่ะ แต่นี้เราได้ยินอย่างนี้เราก็ว่าสุ่มเดาไปอย่างนี้ ถ้าเขาว่าให้เรา เราก็ตอบว่า ก็เขาว่า เราว่าอย่างนั้นเราก็ไปได้สบายใช่ไหม
เพราะฉะนั้นให้ระวังตัวหน่อยนะรัฐมนตรีคนนี้ ถ้าไม่น่าอยู่แล้วให้หนีออกจากเมืองไทย มันคับแคบเมืองไทยเราเหลือประมาณ คับแคบหัวอกของคนชาติไทยที่อุตส่าห์พยายามขวนขวายมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เงินอยู่ในกระเป๋าก็อยู่ไม่ได้ ทองคำมีเท่าไรค้นออกมาๆ เข้าสู่คลังหลวงถึงจำนวน ๖ ตันกว่าแล้ว ไอ้คนนี้อีตาคนนี้ เขาว่ารัฐมนตรี ๆ คนนี้มันเก่งมาจากไหน มันได้ทองคำมาสักหนึ่งกิโลไหม มันถึงมาอวดคนไทยทั้งชาติที่เขาหาทองคำมาได้จำนวนตั้ง ๖ ตันกว่านี้ เอาความดีมาอวดชาติไทยทั้งชาติหน่อยนะ
หลวงตาบัวจะเป็นผู้ฟังอยู่หัวหน้าพรรคแห่งการช่วยชาติบ้านเมืองของเรา เอ้า ถ้าหากว่าพูดถูกต้องดีงาม เราจะยกคนทั้งชาติให้ไปกราบไหว้รัฐมนตรีคนนี้ ถ้าหากว่าพูดมาเพื่อขวางบ้านขวางเมืองเพื่อทำลายชาติบ้านเมืองแล้ว รัฐมนตรีคนนี้ให้รีบออกจากเมืองไทย มันหนักเมืองไทย ให้ลงทะเล ครั้นลงทะเลไป เดี๋ยวระวังปลาฉลามมันจะแย่งกันกิน หรือมันจะเปิดหนีก็ไม่ทราบคนประเภทที่แสบ ปลาฉลามก็ไม่กล้ากิน เขากลัวจะเป็นแบบเดียวกัน เมื่อกินลงไปแล้วมันจะทำปลาฉลามให้แตกแยกจากกัน เหมือนมันทำคนไทยให้แตกให้แยกนี่ละ
พูดแล้วหลวงตาคันฟันนะ คือได้ยินเขามาเล่าให้ฟังหาความจริงอะไรก็ไม่ได้ มันพูดมาแบบนี้เราก็เดาไปแบบนี้เหมือนกัน เข้าใจไหม ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ทั้งตัวที่มันมาพูดเอง เป็นจริงหรือไม่จริงแค่ไหนเราก็จับตัวไม่ได้ เราเอาเรื่องเหล่านี้มาพูด ทีนี้ก็จะมาจับตัวของเราอีกก็ไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ได้ตัวจริง สุดท้ายมันก็ปลอมด้วยกันละ เอาละวันนี้เอาข้อคิดนี้ไปให้พี่น้องทั้งหลายทราบ แล้วรัฐมนตรีลมๆ แล้งๆ คนนั้นให้ระวังตัวนะ คนไทยทั้งชาติเขามีคุณต่อชาติ เขารู้จักรักชาติบ้านเมือง เขาไม่ได้เป็นเหมือนรัฐมนตรีขี้แตกคนนี้ เข้าใจไหม มันเหม็นทั้งขี้เหม็นทั้งตัวของมันฟุ้งทั่วประเทศไทย ให้ระวังตัวให้ดี รีบลงทะเลเสียก่อนเดี๋ยวเขาจะเขี่ยลงทะเลก่อนนะ เอาละพอ ทีนี้ให้พร
วันนี้เทศน์เริ่มต้นตั้งแต่ชำระสะสางภายนอกภายใน จากนั้นก็หมุนเข้ามาหาเรื่องรัฐมนตรี (ลงท้ายดุเดือดหน่อย เขี่ยลงทะเลไปเลย ถ้ารู้ตัวรีบลงทะเลเสียก่อนรัฐมนตรีคนนี้ก่อนจะโดนเขี่ย) มีเทศน์อย่างนั้นด้วยหรือ ก็เหมาะกันแล้ว เราพูดเฉย ๆ เรายังไม่เขี่ย ถ้าเราเขี่ยแล้วยิ่งหนักกว่านี้ เราพูดเฉยๆ เรายังไม่เขี่ย มีแต่ให้รีบเตรียมตัว ไปละที่นี่นะ
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th |