เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
เมืองล้นค่าราคาสูง
[ก่อนจังหัน]
หลวงตา: เป็นยังไงที่เทศน์อยู่วัดป่าบ้านตาด มันออกทางอินเตอร์เน็ตเห็นไหม
อ.รัตนา: เห็นเจ้าค่ะ เทศน์ วันที่ ๑๖ ลูกยังดูอยู่เลยเจ้าค่ะในอินเตอร์เน็ตมีทั้งภาพและทั้งเสียงเจ้าค่ะ เมื่อกี้ลืมกราบเรียนไปเจ้าค่ะ ลูกไปที่วัดชนะสงครามแล้วก็เจอสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กราบเรียนเกี่ยวกับหลวงพ่อท้วงติงผู้หญิงจะสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมของพระน่ะค่ะ ท่าน(สมเด็จพระมหาธีราจารย์) บอกว่าท่านฟังเทปของหลวงพ่ออยู่เมื่อคืน แสดงว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์นี่ท่านฟังเทปที่โยมส่งมาจากอุดรไปให้ท่าน ท่านก็ฟังตลอด ท่านบอกว่าพระองค์นี้คิดว่า ท่านยกมือขึ้นอย่างนี้เลยเจ้าค่ะ ท่านบอกว่าพระองค์นี้อายุต้องเกินกว่าร้อยปี เพราะว่าเทศน์ติดต่อกันไปได้ตลอด แม้นกระทั่งตัวสมเด็จฯ เองเวลาท่านเทศน์ยังสะดุดบ้าง แต่ของหลวงพ่อไม่เป็นอย่างงั้น ท่านว่างั้นค่ะ
หลวงตา: ไหนท่านเป็นอะไร ถึงว่าหลวงพ่อไม่เป็นอย่างงั้น
อ.รัตนา: ท่านบอกว่าหลวงพ่อเทศน์แล้วไปได้ตลอด ท่านคิดว่าพระองค์นี้อายุต้องเกินกว่าร้อยปีแน่ ท่านบอกว่าองค์ท่านเวลาท่านเทศน์อะไรยังมีสะดุดบ้าง ทั้งที่ท่านอายุอ่อนกว่า คล้าย ๆ อย่างงั้นค่ะ)
หลวงตา: ท่านบอกว่าเราเทศน์ไปเรื่อย ๆ ว่างั้นเหรอ
อ.รัตนา: ค่ะไม่สะดุดไม่อะไรเลย ฟังติดต่อ ต่อเนื่องเลยค่ะ
หลวงตา: แต่เวลาเราจะตายท่านเห็นไหมล่ะ มันสะดุดอยู่ในลึก ๆ นี่ ท่านมาเห็นแต่นอก ๆ ละซิ ท่านไม่เห็นในที่มันสะดุดมันจะตายอยู่นี่ หลงหน้าหลงหลัง เห็นไหมล่ะ เทศน์เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน หลงหน้าหลงหลังไปเรื่อยเดี๋ยวนี้น่ะ สำนวนที่เทศน์มันไม่ได้ติดต่อไปนักนะ คือมันรู้อยู่ในเจ้าของ แต่ก่อนไม่เป็น คือความจดจำมันตัดปุ๊บ ๆ แล้วขาดไป แล้วตั้งใหม่ไปเรื่อย เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน เอาเท่านั้นละ เทศน์ว่าเราไม่สะดุด ท่านสะดุด เราสะดุดของเราท่านไม่รู้
ที่พูดว่าผู้หญิงสอนปริยัติธรรม ที่เราพูดท่านว่าไง ได้ยินไม่ใช่หรือที่เราพูดโต้ตอบมา ที่ว่าผู้หญิงไปสอนปริยัติธรรมพระ แล้วท่านเห็นว่าไงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ท่านเห็นด้วยหรือท่านขัดข้องคำพูดที่เราโต้ตอบ
อ.รัตนา: อันที่ไปกราบเรียนเกี่ยวกับเรื่องของพระทางสายนี้จะไปต่างประเทศแล้วก็มีเหตุขัดข้อง ไปกราบเรียนให้ท่านฟัง ท่านก็เลยบอกว่าแล้วเขาไปกันได้หรือเปล่าตอนนี้ บอกว่าก็มีพระบางรูปที่ไปได้ค่ะ ท่านก็เลยบอกว่าเขาไปได้เราก็ต้องไปได้ ลูกก็เลยกราบเรียนว่าแหม สมเด็จนี่สมกับที่หลวงตาบอกว่าเป็นสมเด็จในดวงใจของประชาชน เพราะว่าท่านยุติธรรม
หลวงตา: ใช่
อ.รัตนา: ส่วนเรื่องผู้หญิง สอนพระปริยัตินั่น รู้สึกว่ายังไม่ได้ไปกราบเรียนเจ้าค่ะ แต่ที่กราบเรียนไปคราวที่แล้วนั้นก็คือเรื่องพระไปเมืองนอกเจ้าค่ะ แต่อันนั้นลูกเอาไปให้กรมศาสนาเขาดูแล้ว เขียนจดหมายไปในนามของตัวเองเจ้าค่ะ
หลวงตา: จากสำนวนที่เราพูดไปเหรอ
อ.รัตนา: ค่ะ แล้วเอาในอินเตอร์เน็ตที่เขาพิมพ์ออกมา ไปให้เขาด้วยเจ้าค่ะ คนที่เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ว่าหลวงพ่อท้วงติงไปเจ้าค่ะ เขาจะได้ยับยั้งเจ้าค่ะ เขาไม่ยับยั้งลูกก็ต้องไปชี้แจงให้เขาอีกว่ามันไม่ถูกเจ้าค่ะ
หลวงตา: ใช่ เพราะมันไม่มีในหลักพุทธศาสนา หลักพระพุทธเจ้าสอนโลกแบบนั้น เราค้านมาแล้ว การพูดของเรามีหลักมีเกณฑ์ มีตำรับตำราเป็นเครื่องยืนยันจากพระพุทธเจ้านี่นะ ที่เขาทำมานี้ไม่มีหลักมีเกณฑ์อะไรเลย มีแต่เรื่องที่จะเข้าทำลายหลักเกณฑ์โดยถ่ายเดียวเท่านั้น จะไม่ค้านกันได้ยังไง ผู้รักษารักษาอยู่ ผู้มาทำลาย มาทำลายสิ่งรักษา มันก็เอากันละซิ ใช่ไหม ผู้รักษารักษาอยู่ มาทำลายกันหาอะไร ถึงบอกว่าถ้าจะให้ดีแล้ว ควรจะได้คุ้ยเขี่ยขุดค้นมาประดับประดาพุทธศาสนาตั้งแต่ตัวเองออกไปหาสังคม อย่างนั้นถึงจะถูก เราบอก
ที่ทำอย่างนี้มันไม่ได้เป็นการส่งเสริมอะไร มีแต่เรื่องทำลาย ทำลายพุทธศาสนา ทำลายพระพุทธเจ้าโดยตรงไปเลยเชียว เพราะอันนี้ไม่มีในตำรา การมาสอนกันแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้า ธรรมไม่ได้เหมือนโลก ถ้าหากว่าธรรมเหมือนโลกก็ต้องเป็นอันเดียวกัน ไม่มีคำว่าโลกว่าธรรม พระพุทธเจ้าท่านสอนกันยังไง ประชาชนเขาสอนกันยังไง อะไรที่จะมากระทบกระเทือนกับศาสนาของพระพุทธเจ้า เราผู้รักษาเราต้องเตือนไปซิ เตือนไป ก็มีเท่านั้นแหละนะ ส่วนมากไม่มีใครจะเตือนหรือคัดค้าน มีแต่หลวงตาองค์เดียว จะว่าดื้อก็ดื้อ เพราะผู้ที่มาคัดค้านมันดื้อมาก่อนเราแล้ว เราก็ต้องดื้อรับกันละซิ เอ้อ สิ่งที่จะทำลายมันเร็วนะทุกวันนี้ มาทุกแง่ทุกมุม ผู้รักษารักษาอยู่ สงบร่มเย็นมาด้วยการรักษาตามหลักธรรมหลักวินัยของพระพุทธศาสนา แต่ผู้ไม่ปฏิบัติ ไม่รักษา มีแต่เข้ามาทำลาย นี่ที่น่ารำคาญมากที่สุดตรงนี้ละ นี่ก็ออกแล้วนี่ ก็มีเท่านั้นแหละ
[หลังจังหัน]
วัดป่าภูสังโฆ ในนามท่านวันชัย พร้อมกับบรรดาลูกศิษย์ลูกหารวมศรัทธากันได้ทองคำ ๕ กิโล ๒๓ บาท ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑,๐๒๐ ดอลล์ เงินไทยได้ ๓๐,๐๐๐ บาท เอ้าอนุโมทนา (สาธุ) นี่อ่านมันไม่จบ มันอนุโมทนามาแล้ว มันโมโห อ่านจบแล้วค่อยอนุโมทนา เอาละพอใจ ๆ
เราจะเร่งทองคำคราวนี้ เร่งหนัก ทองคำเป็นอันดับหนึ่ง เราเตรียมพร้อมหนักมือเข้าทุกทีนะ ที่จะเข้าสู่สงครามเอาชัยชนะ ฟาดความจนให้มันล่มจมในทะเลหลวงนะวันนี้ เราเอาทองคำฟัดหัวมันทีเดียวให้แตกกระจายลงทะเลหลวงความจนนะ เริ่มแล้ว หนักเข้าเรื่อย ๆ นะ ทุกอย่างเน้นหนักเข้าไปเรื่อย ๆ ไม่มีอ่อน เวลานี้ขึ้นแล้ว เริ่มขึ้นเวทีแล้ว มีแต่หนักเข้าไปเรื่อย ๆ ทั้งหัวหน้าทั้งบริษัทบริวาร หนักไปด้วยกัน เอาให้ได้ตามความต้องการของเรา เมืองไทยเป็นสมบัติของเรา เอาให้ล้นค่าด้วยทองคำเป็นเครื่องประดับ ให้เมืองไทยนี้เป็นเมืองล้นค่าราคาสูง
ดอลลาร์ติดตามกันไป ทองคำเป็นอันดับหนึ่ง ดอลลาร์เคียงข้าง เงินสดประดับทั่วประเทศไทย ทั้งเข้าสู่คลังหลวงด้วย ทั้งออกทั่วประเทศไทยด้วย สำหรับเงินสดไม่แน่นอน ดังที่เคยเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว เงินสดนี้หมุนเข้ามาตลอด ๆ จนกระทั่งว่าแจกไม่ทัน ให้ไม่ทัน ต้องให้พักไว้ ๆ มันหนาแน่นมาก เฉพาะอย่างยิ่ง คือโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้หนักมากทีเดียว หนักมากมาตลอด และยิ่งนับวันหนักมากเข้าทุกวันนะ วันหนึ่ง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับวัด คนนั้นขาดนั้น คนนี้ขาดนี้ นับแต่ตึกลงมาว่างั้นเถอะ เป็นรถเป็นรา เป็นเครื่องไม้เครื่องมือประเภทต่าง ๆ รวมอยู่กับคำว่าโรงพยาบาลทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น เงินสดนี้จึงไม่ได้เข้าคลังหลวงเท่าที่ควร สมจำนวนที่เงินสดของเรานี้มีมากนะ แต่มันออกข้างนอกเสียมากต่อมาก เข้าคลังหลวงเพียง ๑,๑๑๒ ล้าน เท่านั้นแหละ นอกจากนั้นออกหมดทั่วประเทศไทยเลย ทุกภาค เงินสดนี้จะกระจายออกไปหมดเลย จึงไม่ได้เข้าสู่คลังหลวง กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้นะ แต่เราพยายามที่จะเจียดเงินเข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง เราก็พยายามเต็มที่ ไอ้ผู้ที่พยายามมาขอเราเขาก็เอาเต็มที่เหมือนกัน สุดท้ายเลยไม่ทราบว่าใครแพ้ใครชนะ เรามีแต่ให้ตลอดเลย เขาก็รับไป ๆ ด้วยความชุ่มเย็นใจ ๆ
มาคราวนี้ก็มาเตือนพี่น้องทั้งหลาย ว่าก้าวนี้เป็นก้าวที่หนักขึ้นไปโดยลำดับ เริ่มหนักมือเข้าไปเรื่อย ๆ ให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าขาดไม่ได้เลย ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้ขาดไม่ได้ ดอลลาร์ก็แน่ใจอยู่แล้ว ว่าจะต้องได้ ๑๐ ล้าน เวลานี้ก็ร่วม ๘ ล้านแล้ว อันนี้ไม่ค่อยหนักมากนักนะ ทองคำหนักมากกว่ากัน เหมือนหินเล็ก ๆ ก้อนเดียวก็หนัก ทองคำหนักอย่างงั้น เอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกผู้ทุกคน อย่าให้เสียหน้าคนไทยเรานะ คนไทยทั่วประเทศต่างคนต่างอุ้มชาติของตน ไม่ให้มีอะไรเข้ามายุ่ง เวลานี้จะเอาชาติไทยเราให้ขึ้น สมกับที่มันจะล่มจะจม เห็นต่อหน้าต่อตามาด้วยกันทุกคน จนกระทั่งใจหายไปเลยละ ไม่ใช่เล่นนะ เมืองไทยจะจมคราวนี้ถึงขนาดใจหายไปเลย
นี่ก็ฟื้นขึ้นมา ๆ ให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา ก็เพราะความรักชาติ ความอุตส่าห์พยายามตื่นเนื้อตื่นตัว ต่างคนต่างเสียสละคนละมากละน้อย ดังที่เห็นกันนี่แหละ วันนี้ทองคำคงไม่ต่ำกว่า ๖ กิโล มัน ๕ กิโลกว่ามาแล้ว พวกเราที่รวมกันเหล่านี้ก็คงจะไม่ต่ำกว่า ๖ กิโลแล้ววันนี้ ให้หนักขึ้นอย่างนี้แหละ วันนี้จะไม่พูดอะไรมากนักละ เรายังมีธุระที่จะติดต่องานต่อไปข้างหน้าอีกอยู่ วันนี้จึงพูดเพียงเท่านี้ จึงขอความกรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ว่าคราวนี้คราวที่เราขึ้นเวที จะเอาจริงเอาจังกับความล่มความจม มันเคยฟัดหัวเมืองไทยเรามาแล้ว มันจะเอาให้จมจริง ๆ คราวนี้เอาให้มันจมนะ เอาละต่อไปนี้จะให้พร
อ่านยอดเสียก่อน วันที่ ๒๒ มิถุนาฯ ทองคำได้รับบริจาคเช้าวันนี้ ๖ กิโล ๑๓ บาท ๔๒ สตางค์ ทองคำที่ได้รับบริจาคหลังจากมอบคลังหลวงแล้ว ๑๘๐ กิโล ๕๗ บาท ๔๘ สตางค์ รวมทองคำที่ได้รับบริจาคทั้งหมด ๑๘๗ กิโล ๕ บาท ๑๒ สตางค์ ที่ได้หลังจากมอบแล้ว แต่ยังไงก็ตามเราต้องตั้งจุดว่า ๑๐ ตัน เอาตรงนั้นเลย เหล่านี้จะไหลเข้าหมดเลยนะ เอาละทีนี้จะให้พร
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
|