เก็บหอมรอมริบได้หมดคือหลวงปู่มั่น
วันที่ 11 มิถุนายน 2546 เวลา 8:00 น. ความยาว 33.49 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๖

เก็บหอมรอมริบได้หมดคือหลวงปู่มั่น

 

         ท่านปัญญาขยายยกกุฏินั่น มอบให้ท่านปัญญาหมดเลย ท่านจะทำอะไรหรือท่านจะปลูกหลังใดหลังหนึ่งขึ้นก็ได้ ต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ คงเอาออก ต้นตะเคียนต้นนั้นก็จะเอาออก ต้นตะเคียนที่ใหญ่จะเอาออก ท่านปัญญาท่านจะยกจะแก้จะไขอะไร หรือท่านจะรื้อหมดก็แล้วแต่ท่าน แต่ท่านคงไม่รื้อ ยกขึ้นไม่รื้อ ถ้าท่านจะรื้อเราก็ไม่ว่า รื้อยกใหม่ปลูกใหม่เลยเราก็ไม่ว่า แต่ท่านเองท่านไม่อยากให้ทำนะ ท่านบอกว่าพักที่นั่นมันสบายอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว นั้นเป็นเรื่องของท่าน เรื่องของเราเป็นยังไงก็ได้คิด เปิดโอกาสให้ท่านปัญญาทำ ยกนี้ขึ้นหรือจะปลูกขึ้นข้างกัน จะปลูกอะไรหลังใดหลังหนึ่งขึ้นในแถวนั้น เราเปิดโอกาสให้หมดเลย ต้นไม้นี้ก็เอาออกเราไม่ว่า ท่านรู้สึกว่าท่านจะเกรงใจ ท่านบอกว่าไม่เห็นมีอะไรจำเป็น เรื่องของท่านปล่อยเสีย ทำไว้เพื่อเป็นน้ำใจที่มีต่อกัน

         พวกแถวบ้านตาดเรานี่ ตอนเย็น ๆ มันออกมาเพ่นพ่าน ๆ ขับขี่รถจักรยานวิ่งแข่งกันมาวิ่งแข่งกันไป แล้วมาเที่ยวตามบริเวณวัด เราไปเจอเมื่อวานเลยขนาบเอา อย่ามาเพ่นพ่านนะในวัดนี่ วัดนี้เป็นวัดของผู้มีอรรถมีธรรม ท่านรักษาอรรถรักษาธรรม ปฏิบัติต่อธรรมของท่าน อย่ามาเพ่นพ่านทำความเสียหายนะ เมื่อวานนี้ไปเจอสองรายดุเอา เราออกไปค่ำ ๆ ยังเพ่นพ่าน ๆ เข้ามา เลยจะถือวัดนี้เป็นทำเลเที่ยวเล่นพวกนี้ เราดุเอาแล้วเมื่อวานนี้ ค่ำ ๆ จวนจะมืดมันยังมา เราถาม มาอะไร บอกว่าเที่ยว ขนาบใหญ่เลยพอว่ามาเที่ยวเท่านั้น เอาใหญ่เลยเชียว อย่างงั้นซิมันดูไม่ได้นะ พวกหมาเดือนเก้า มันเพ่นพ่าน ๆ ไปทุกแห่งทุกหน ศีลธรรมอยู่ที่ไหนมันไปเหยียบย่ำทำลายหมด นี่ละโลกนี้มันสกปรกขนาดนี้ โอ๊ พิลึกพิลั่นนะ

         วัดนี้เลยเป็นทำเลเลอะเทอะไปหมดนะเวลานี้ เราไม่เคยปฏิบัติมา แต่ก็มาเจอเอง เราเป็นเจ้าของวัดเอง ความเลอะเทอะนี้เต็มวัดเต็มวาเราเจอเอง แหมดูไม่ได้นะ เพราะไม่เคยปฏิบัติมาอย่างนี้ หากเป็นของมันขึ้นมาอย่างนี้ คนมีมากเท่าไร ๆ เรื่องราวมากขึ้นเรื่องเลอะเทอะมากขึ้น เรื่องเหยียบย่ำทำลายศาสนาเป็นไปด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่โลกก็ว่าเขามาเคารพนับถือ มาวัดมาวา มีคนมามาก มามากอะไรมีแต่หมาเดือนเก้ามาทั้งนั้น มีคนมาที่ไหนในวัดนี้ มีแต่หมาเดือนเก้าล่ะมาเต็มอยู่ยั้วเยี้ย ๆ ดูไม่ได้นะ ตอนเย็น ๆ มันเพ่นพ่านออกมา ขี่รถจักรยานมอเตอร์ไซค์มาเที่ยว เอาหน้าวัดนี่เป็นทำเลเที่ยวเพ่นพ่านๆ ลุกลี้ลุกลน แหม ดูไม่ได้นะ

         ก็พอดีเมื่อวานไปเจอกับเราเข้า ตอนเย็น ๆ เราออกไป ส่วนมากก็ต้องออกไปเย็น ๆ เพราะตอนนอกจากนั้นมันยั้วเยี้ย ไม่ทราบพวกเดือนเก้า ไม่ทราบเดือนสิบ ไม่ทราบเดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง สับสนปนเปกันเลยตอนเช้า เพราะฉะนั้นจึงไม่ออก ตอนกลางวันไม่ออก มีธุระจำเป็นอะไรถ้าไม่รีบเร่งจริงๆ ต้องรอเสียก่อน ให้จางๆ คนบ้าง แล้วค่อยด้อม ๆ ออกไป ไปดูนั้นดูนี้แล้วก็มาสั่ง ไปดู ๆ อย่างหนึ่งก็ตอนเย็นเงียบ ๆ แล้วค่อยด้อม ๆ ไปดู สั่งนั้นสั่งนี้ ไปดูแล้วก็สั่งเพราะเราไม่ใช่ผู้ทำ ผู้สั่งเท่านั้น ไปก็ไปเห็นเพ่นพ่าน ๆ เอ้อ เลอะเทอะมากนะ โลกเขาก็ร่ำลือว่าวัดนี้เป็นวัดที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบพอสมควร ทีนี้ความเลวร้ายมันก็มาด้วยกัน จะว่าวัดนี้เลวร้ายขึ้นก็ได้เคียงข้างกันไป ดูไม่ได้นะ

         ประการหนึ่งบุคคลในบ้าน เด็กในบ้านนี้อย่ามาเพ่นพ่านทำลายสัตว์ในวัดนะ มันออกไปเที่ยวตามนอกขอบกำแพงวัด พวกนกยูงบ้าง พวกไก่ป่า กระรอก กระแต ใครอย่ามาคึกอย่ามาคะนอง อย่ามาหากินในวัด เราบอกตรง ๆ นะ เราเป็นผู้บอกเองเพราะกลัวภัย วัดนี้มีผู้รักษาอยู่นะ ที่ไหนทั่วประเทศเขตแดนมีผู้รักษา เฉพาะวัดนี้ก็มีเจ้าหน้าที่รักษา ส่วนมากจะมีแต่นอกเครื่องแบบอยู่ตามนี่ เพ่นพ่านๆ แล้วอย่ามาขโมยนะ เดี๋ยวจะบอกชัด ๆ เลย แล้วตายไม่มีป่าช้านะ รายไหนมันด้อม ๆ เข้ามา เขาสืบทราบ เอ้า พูดให้มันชัดเสียนะ เขาสืบทราบว่าเป็นรายไหน ๆ ที่เป็นตัวสำคัญๆ นั้นละตัวนั้นตัวสำคัญมันตายไม่มีป่าช้านะ ด้อม ๆ มาเปรี้ยงเดียวหนีเลย เงียบ ไม่ทราบใครมายิง บอกชัดๆ เสียนะพวกในบ้านนี่น่ะ

         เวลามันจะมาฆ่ามันไม่ได้มาธรรมดา คือมันมาแบบลึกลับของมันนั่นละ เราก็สนุกซิ เวลาไปขโมยก็ขโมย เวลาอยู่ธรรมดานึกว่าไม่มีอะไร ตายอยู่ในนั้นละนะ ตายในที่ชุมนุมชน ตายในที่ไหนไม่รู้ ตายในงานอะไรไม่รู้ เปรี้ยงแล้วตายแล้วไปแล้ว ไม่ทราบใครฆ่า ความจริงจับเอาแล้วตั้งแต่ต้น นั่นเห็นไหมล่ะ นี่เราจะบอกเสียนะ ถ้าอยากตายให้มาวกมาเวียนนะ เราบอกตรง ๆ ถ้าฝืนไปมันจะเป็นอย่างนั้น แล้วจะมาตำหนิหลวงตาบัวไม่ได้นะ หลวงตาบัวเตือนนะ ไม่อยากให้ลูก ๆ หลาน ๆ มันตายไม่มีป่าช้า เห็นไหมตายอยู่ตามแถวนั้น ท่านทั้งหลายว่าตายเพราะอะไร นักเลงเก่ง ๆ หัวโต ๆ เหล่านี้ มันเก่ง ๆ นั้นเขาเก็บเรียบ ๆ เก็บแบบไหนรู้ไหม

         นี่ละหลักวิชาปกครองโลก ทำทุกแบบที่โลกจะปลอดภัยสงบร่มเย็น เพราะฉะนั้นใครอย่าเพ่นพ่านนะ นี่เราบอกฐานเป็นครูเป็นอาจารย์ เหมือนเป็นพ่อเป็นแม่ของท่านทั้งหลาย ลูกหลานใครใครก็รัก แล้วอย่ามาทะลึ่งนะ ถ้าเป็นขึ้นมาแล้วจะว่าใคร เราบอกแล้วนะ ถ้าฝืนมาเป็นจริง ๆ นี่แหละบอกชัด ๆ แล้ว ถ้าฝืนมาทำอย่างนั้นแล้ว จะเป็นจริง ๆ จะตายที่ไหนไม่รู้แหละ เรียกว่าตายไม่มีป่าช้า จำให้ดีนะลูกหลานบ้านตาดตัวมันเก่ง ๆ เดี๋ยวมันจะตายด้วยความเก่งของมัน อย่าว่าไม่บอกนะ

         สัตว์เหล่านี้ก็มีเจ้าของรักษา ให้ความร่มเย็นแก่เขา ในวัดนี้ก็ถือวัดเป็นความร่มเย็น มอบชีวิตจิตใจไว้กับวัดกับวา ยิ่งอยู่ตามบริเวณกุฏิพระเราแล้ว มันเอากุฏิพระเป็นบริเวณประชุม ถ้ามันมีเหล้ามันก็จะเอาเหล้ามากินบนกุฏิเรา มีอะไรเหล้ายาปลาแป้งอะไรมันจะมากินบนกุฏิเรา คือมันสนิทกับเรามาก มันไม่ได้สนใจกับเราเลยนะ กุฏิไหนก็เหมือนกัน พระเณรอยู่ที่ไหนมันเพ่นพ่าน ๆ ขึ้นลงอยู่ตามพระ คือมันคุ้นมันเชื่องมันตายใจ ไว้ใจเราขนาดนั้น ทีนี้มันออกไปมันก็เอานิสัยนี้ไปใช้ ทางนั้นก็ด้อมๆ มาจะมาฆ่ามันละซิ นี่ละเป็นเหตุนะ หนึ่งสัตว์ตาย สองคนคนนั้นต่อไปมันตายก็ได้ พูดตรง ๆ อย่างนี้

         เราบอกให้ชัดเจน ลูกหลานอย่ามาทะลึ่งนะ บอกแล้ว พูดตรง ๆ เจ้าหน้าที่มีอยู่ทั่วไปวัดนี้นะ มีแทรกมีอยู่ทุกแห่งทุกหนเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ถ้าใครเพ่นพ่านทะลึ่งเข้ามา หนึ่งอาจทำได้ สองทำได้ เพราะเขามารักษาความสงบ ใครมาทำลายความสงบนั่นละเป็นภัยต่อผู้นั้นเอง ใคร ๆ ก็เหมือนกัน ตั้งแต่ในบ้านเราอยู่ ขโมยหรือโจรมาปล้นบ้านเรามันก็เกิดข้าศึกกันได้ใช่ไหมล่ะ อันนี้ก็เหมือนกัน มาปล้นเหล่านี้มันก็เป็นข้าศึกได้เหมือนกัน  ให้จำเอาลูกหลานอย่าทะลึ่งนะ อย่าว่าเราไม่บอกนะ นี่เราบอก เราบอกอย่างเปิดเผย แต่ผู้ที่จะมาฆ่าพวกตัวเก่ง ๆ นี้ไม่ได้เปิดเผยนะ บอกตรง ๆ อย่างนี้เลย

         ทำแล้วสนุกมือ สนุกและดื้อด้าน เลยไม่ได้คิดอ่านไตร่ตรองอะไรเลย ว่าแต่เราฉลาดคนเดียว ๆ บทเวลาตายตัวฉลาดมันตายนะ นี่เราก็บอกทุกแง่ทุกมุม มันเป็นจริงๆ ตามที่บอกนี้ นี่เรารีบบอกเสียก่อน เพราะมันเคยเป็นมาแล้ว ตายไม่มีป่าช้านี่เป็นมามากต่อมาก ไม่รู้แหละใครฆ่า ไม่ทราบใครฆ่า ตายอยู่ทุกแห่งทุกหน ตัวเก่ง ๆ นั้นแหละตาย  เพราะฉะนั้นจึงบอก ยิ่งสถานที่แห่งนี้ยิ่งเป็นสถานที่สำคัญ ซอกแซกซิกแซ็กด้วยเจ้าหน้าที่อยู่ทุกแห่งทุกหน แต่งตัวเหมือนคนขี้เหล้าขี้ยาก็มี มาสอดแทรกซิกแซ็ก นั่นเห็นไหม ปืนมันเหน็บอยู่ในพกรู้ไหม พูดตรง ๆ อย่างนี้นะ

         สำหรับเราเองเราไม่มีภัยต่อใคร สัตว์สามแดนโลกธาตุเราไม่มีกับใคร ใครจะมีกับเรา เราก็ไม่มี เราพูดจริง ๆ สำหรับเรา แต่ผู้ที่จะมีต่อกันมันมีอยู่อย่างที่ว่านี่ละ ผู้รักษาความปลอดภัยทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งปลอดภัยของคน ทั้งปลอดภัยของสัตว์ ทั้งปลอดภัยของทรัพย์สินเงินทอง ปลอดภัยทุกด้านทุกทาง เรื่องราวต่าง ๆ ปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้ มีผู้รักษา มีอยู่ทุกแบบ เราไม่รู้ เข้าใจไหม นี่บอกให้ชัดเจน กลัวลูกหลานบ้านตาดมันจะตายไม่มีป่าช้า มันว่ามันเก่งมันจะตายไม่มีป่าช้า ไม่รู้ตัวนะ ให้รู้เสียนะ เคยดื้อมันจะดื้อแหละ แต่ดื้อไม่เข้าท่านั่นซิมันจะตายนะ

         เวลานี้มนุษย์เรามีมากเท่าไรเรื่องราวยิ่งมาก ฮึกเหิมกันขึ้นทุกแบบทุกฉบับ ในสิ่งที่จะเป็นภัยต่อส่วนรวม มีมากทีเดียวเวลานี้ มีเรื่องมีราวมีทุกแห่งทุกหน ใหญ่สมใหญ่ เล็กสมเล็ก มีเต็มตัวทุกคน มนุษย์มีจำนวนมาก ๆ สัตว์มีมาก ๆ เลยไว้ใจกันไม่ได้ ไม่ทราบจะไว้ใจใคร ก็มีแต่ไฟ ๆ ๆ สุมหัวอกมาด้วยกัน ระเบิดออกมาก็ระเบิดใส่กันนั่นแหละ จะไประเบิดใส่ไหน เป็นอย่างงั้น นี่ละความขาดศีลธรรม ท่านทั้งหลายดูเอานะ ถ้าความมีธรรมอยู่ที่ไหนเย็นหมดนะ มีมากมีน้อยสงบร่มเย็นเพราะเป็นธรรมล้วน ๆ เช่น ธนบัตรมีพันบาทหมื่นบาทแสนบาทนี้มีแต่ธนบัตรจริงล้วน ๆ ไม่เฟ้อ ถ้าปลอมแฝงเข้ามาแล้วเฟ้อ นั่นเห็นไหมล่ะ

         ถ้าคนดีล้วน ๆ อยู่ด้วยกันมากจำนวนเท่าไร ก็เท่ากับธนบัตรจริง มีจำนวนเท่าไรเป็นประโยชน์ด้วยกันหมด แต่ถ้าปลอมแฝงเข้ามา คือคนชั่ว คนระเกะระกะ คนขวางโลกเข้ามาขวางแล้วนะนั่น มันจะทำส่วนใหญ่ให้เสีย นี่ละเรื่องเกิดตรงนี้นะ คนดีมีไม่เกิดเรื่อง แต่คนชั่วแฝงเข้ามาเกิดทันที นี่กำลังเร่งจะช่วยบ้านช่วยเมืองเรา จวนแล้ว หลวงตานี้อ่อนมากแล้วนะ ระยะอาทิตย์หนึ่งมานี้ฉันจังหันไม่ได้ เมื่อเช้านี้ก็ฝืนเอา มันเป็นอะไรในนี้แหละ พูดไม่ถูก แต่เราเองเราไม่มีอะไรกับมัน มีก็มีเพื่อโลกเท่านั้น สำหรับเราไปเมื่อไรได้ทั้งนั้น เพราะเราคอยจะปล่อยมันอยู่แล้ว มันหนัก พายืนพานอนพาหลับ พากิน พาถ่าย มีตั้งแต่เรื่องแบกธาตุแบกขันธ์

         ใจดวงนั้นไม่เห็นได้แบก ไม่มีอะไรได้แบก หมดกังวลโดยประการทั้งปวง ขึ้นชื่อว่าสมมุติแล้วไม่มีเลย แล้วจะไปทุกข์อะไรกับใจดวงนั้น ทีนี้มารับผิดชอบกับธาตุกับขันธ์มันก็หนัก แบกทางนู้นแบกทางนี้ แบกนั้นแบกนี้ นี่ก็กำลังแบกช่วยโลกเรา อุตส่าห์พยายาม ธาตุขันธ์มันก็ทรุดโทรมของมัน จิตใจที่มีความเมตตาสงสาร ใจไม่มีวัย ใจไม่เป็นทุกข์ ใจไม่ได้รับความเดือดร้อนวุ่นวาย แต่ธาตุขันธ์เป็นเครื่องมือมันก็เป็นของมันอย่างนี้ บึกบึนกันไปอย่างนี้ละ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้อุตส่าห์พยายามทุกคน คราวนี้ยังไงต้องเด็ด ให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ขาดไปไม่ได้เลย นี่ขึ้นเวทีแล้วนะ เรียกว่าคอขาดไปเลย ถ้าลงได้ขึ้นแล้วไม่มีถอย หลวงตาองค์นี้ไม่เหมือนใครนะถ้าลงได้ขึ้น อะไรผ่านหน้าขาดสะบั้นไปเลย เขาไม่ขาดเราขาด ให้ถอยกันไม่มี

         นี่ก็เราจะฟัดกับความจน จะว่าไง ความจนมันจะเหยียบชาติไทยของเราจนจะล่มจะจมอยู่ในไม่กี่ปีมานี้ เห็นกันทั่วหน้าไม่ใช่หรือ เวลานี้เราต่อต้านกันกับสิ่งเหล่านี้ด้วยความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีเราทุกคน ๆ เอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีเท่าไรเสียสละมา อย่าเสียดายเรื่องของเรามากกว่าเรื่องชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตมาก มีเท่าไรเสียสละมา ๆ เมื่อหลักใหญ่มีเป็นหลักเป็นเกณฑ์อยู่แล้ว เราอยู่ที่ไหนเราสบาย ไปไหนมีหน้ามีตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยามเรา เพราะหลักชาติของเราดี ถ้าหลักชาติเอนเอียงหรือล้มละลายแล้ว ไปที่ไหนเขาชี้หน้าเอานะ ให้รักษาศักดิ์ศรีดีงามอันนี้ให้ดีทุกคน

         หลวงตาทำนี้ทำเพื่อสิ่งเหล่านี้แหละ ได้พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ไม่ใช่แบบพล่ามพลิ่มๆ แล้วสั่งเสียหรือสั่งสุ่มสี่สุ่มห้า เราไม่ทำอย่างงั้น พิจารณาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าถูกต้องดีงามทุกสิ่งแล้วก็ออกเลย ๆ นี่ก็รู้สึกว่าชาติไทยเราฟื้นฟูขึ้นมาก ประเทศต่าง ๆ ที่เขาจะมาลงทุนเดี๋ยวนี้หนาหน้าขึ้นโดยลำดับ หนาหน้าหนาตาขึ้น เพราะเขาหวังจะมีที่อาศัยกับเมืองไทยเรา นั่นแหละเขาถึงได้มา โรงงานต่าง ๆ เต็มประเทศแหละเดี๋ยวนี้ มาลงทุนลงรอนกัน ใครก็หวังได้ เขาก็ได้จากเรา เราก็ได้จากเขา อญฺญมญฺญํ ต่างคนต่างอาศัยกัน เพราะรากฐานของเราดีเขาจึงมา เห็นไหมตอนที่เขาหลั่งไหลแตกจากเมืองไทยจนจะเป็นเมืองร้าง พวกลงทุนลงรอนแตกฮือกันไปหมด เราก็เห็นกันอยู่นี่ เวลานี้กำลังหลั่งไหลเข้ามาๆ ทุกทิศทุกทาง นี่ก็คือว่าเป็นที่อาศัยกันได้ถึงมาอาศัยกันคนเรา

         ด้วยเหตุนี้เองเราจึงวางรากฐานของเรา เพิ่มรากฐานของเราให้แน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยในคราวนี้ให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้านเป็นอย่างนี้ เหมือนกันนั่นแหละ สองอย่างนี้จะประกาศก้องทั่วโลกดินแดนนะ อย่างอื่นไม่สำคัญ สำคัญที่จุดนี้ เราจึงมุ่งหมายในจุดนี้มากทีเดียว เพื่อให้ชาติไทยของเรามีความอุ่นหนาฝาคั่งต่อไป สืบทอดมรดกของปู่ ย่า ตา ยายของเรา ซึ่งพาถ่อพาพายมานาน ให้เย็นตาเย็นใจท่าน เวลาตายไปแล้วพวกเราก็ผาสุกเย็นใจด้วยกัน อย่าให้ได้เดือดร้อนวุ่นวาย และการจับการจ่าย การประพฤติตัวขอให้พากันระมัดระวังบ้างนะ

         ขอให้มีศีลธรรมประจำใจ ประจำกิริยามารยาท ความประพฤติหน้าที่การงาน อย่าให้เหลวแหลกแหวกแนวไปตามๆ กันหมด ตั้งแต่ใจออกไปนี้เป็นไฟเผาโลกได้นะ ถ้าใจเสียเสียอย่างเดียวเป็นไฟเผาโลกไม่สงสัยนะ ถ้าใจดีมีศีลมีธรรมเสียอย่างเดียว กระจายความมีศีลธรรมนี้ออกไปเป็นน้ำดับไฟ ๆ พบกันประสานกันได้ทันทีๆ เพราะความเป็นผู้มีใจเป็นธรรม เห็นกันไม่เย่อหยิ่งจองหองพองตัว อวดก้ามใส่กันเหมือนกิเลส เจอกันเข้าเหมือนหมาเจอกัน มีแต่แฮ่ ๆ จะกัดกัน ครั้นแล้วมันก็เจ็บทั้งสองตัว  หมาน่ะ  ลงได้กัดกันแล้วเจ็บทั้งสองตัว นี่ก็เหมือนกัน มนุษย์ไม่มีธรรม ถ้าได้เจอกันแล้วก็ยิ่งกว่าหมากัดกัน เหลวแหลกไปหมดคือมนุษย์นี่แหละ      เพราะฉะนั้นจึงให้มีธรรมเป็นเครื่องกำกับเสมอ ไปที่ไหนจะได้เย็นตาเย็นใจ

การอยู่การกินให้รู้จักประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมกับสิ่งที่ผ่านมาทุกทิศทุกทาง เวลานี้มากนะ ในเมืองไทยนี้ผลิตขึ้นมากขนาดไหนดูเอา รถคันหนึ่งออกมาจากโรงงานไหน รถแต่ละคัน ๆ สินค้าเต็มรถ ๆ ออกมาจากโรงงานไหนบ้าง ก็ออกมาเพื่อขาย ผู้ซื้อก็เพื่อซื้อ วิ่งว่อน.คนไหนก็มีแต่จะเอา ๆ ไม่รู้จักประมาณตายได้นะ ให้รู้จัก เรื่องของเราให้รู้จักประมาณทุกคน ไม่อย่างงั้นจะประสิทธิ์ประสาทความเลวร้าย ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความไม่รู้จักประมาณให้ลูกหลาน กลายเป็นลูกหลานเลอะเทอะไปหมดเมืองไทยเรานะ ถ้าศีลธรรมมี อะไรมีมากมีน้อยเป็นเรื่องของสิ่งนั้น เรื่องศีลธรรมมีในใจเป็นอย่างงั้น

สิ่งเหล่านี้มีมาอยู่ในโลกนี้ตั้งกัปตั้งกัลป์แล้วตื่นมันหาอะไร อะไรที่มีความจำเป็นต่อธาตุต่อขันธ์ต่อความเป็นอยู่ของเรา นำสิ่งเหล่านั้นเข้ามาปฏิบัติตัวเอง สิ่งใดไม่จำเป็นแล้วจะมาก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวายและสร้างกองทุกข์ให้แก่เรานี้ปัดออก นั่นจึงเรียกว่าคนใช้ความคิดความอ่าน เห็นอะไรผ่านเข้ามาไม่ได้ ผ่านเข้ามาคว้ามับ จมนะ เมืองไทยเราจมได้ มีขนาดไหนก็จมได้ขนาดนั้นแหละ ถ้าไม่มีประมาณเสียอย่างเดียวเป็นไฟทั้งกองละความไม่รู้จักประมาณ ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเผาเราเองนะ ความรู้จักประมาณ ความประหยัดมัธยัสถ์นี้เป็นเครื่องส่งเสริมได้เป็นอย่างดี และเป็นคติเครื่องเตือนใจไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเรา จะเป็นคนดิบคนดีมีฝั่งมีฝาเรื่อย ไปนะ ถ้าไม่มีธรรมแล้วแหลกเหลวหมดนะ

ว่าศาสนา ก็เคยสอนมาเป็นประจำอยู่แล้ว ให้นำไปปฏิบัตินะ ให้อบรมจิตให้สงบเย็นสักหน่อยเถอะน่ะ พุทธศาสนาเด่นในทางด้านอบรมจิตใจ พอใจได้รับการอบรมมีความสงบร่มเย็นแล้ว จะแผ่กระจายคุณภาพออกไปทั่วโลกดินแดน ศาสนา แปลว่าคำสอน ศาสนธรรม ธรรมที่เป็นคำสอนโลก แปลว่าอย่างนั้น ที่เป็นแบบฉบับสอนโลกคือธรรม ให้เรานำไปปฏิบัติทุกคน จิตเวลามันวุ่น จริง นะ มันจะเอาให้เป็นให้ตายได้จริง นอนไม่หลับ กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะความคิดมากกวนใจ

กิเลสตัวนี้มันอยู่ในใจ มันแสดงฤทธิ์ออกมาตามอารมณ์ต่าง เจ้าของผู้รับเคราะห์รับกรรมเลยจะตายกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางคนเป็นบ้าไปเลยก็มี เพราะกิเลสผลักไสให้คิดให้ปรุงอย่างรุนแรง จนกลายเป็นบ้าไปเลย นี่ละถ้าใครไม่รู้ว่ากิเลสให้รู้เสีย นี่คือกิเลสมันอยู่ในหัวใจของสัตว์ ธรรมน้ำดับไฟก็อยู่ในใจของสัตว์ ถ้ามันคิดมากไปให้ใช้อารมณ์ของธรรมเข้าระงับดับมัน แล้วมันจะค่อยสงบตัวลงไป คิดก็เราเป็นผู้คิดออกไป สิ่งทั้งหลายเขาไม่มีความหมายอะไร มันมีความหมายดีชั่วอยู่กับใจของเราผู้คิดนี้นะ ให้ระงับจิตอันที่เป็นภัยต่อตนเองนี้ลงด้วยอรรถด้วยธรรม แล้วจะสงบเย็นไป นี่ละธรรมอยู่ที่ใจ กิเลสอยู่ที่ใจ ผลักอารมณ์ออกมาจากกิเลสเป็นไฟขึ้นมา ผลักอารมณ์ออกมาจากธรรมเป็นน้ำดับไฟขึ้นมา ระงับดับกิเลสภายในใจของเราแล้วความเย็นจะเย็นที่ใจ เพราะความร้อน ที่ใจ ไม่ร้อนที่อื่นนะ ร้อนที่ใจ

โลกสงสารไม่มีคำว่าร้อนว่าหนาวติดตัวและความรู้สึกของเขานะ แต่มันมาติดตัวอยู่กับตัวของเรา กับความรู้สึกคือใจของเราซึ่งเป็นนักรู้นี้แหละเป็นตัวสำคัญ จึงต้องหาอารมณ์อันดีเข้ามาระงับดับมัน อารมณ์อันดีก็คือธรรมนั่นแหละ อารมณ์ชั่วคืออารมณ์ของกิเลสเผาเรา อารมณ์ดีคือน้ำดับไฟที่มันเผาเราอยู่นั้นให้สงบตัวลงไป เย็นสบาย เห็นไหมพระกรรมฐานท่านอยู่ในป่าในเขา นี่ละรากเหง้าของพุทธศาสนาแท้ ผู้ที่จะนำโลกสงสารคือพระ พระก็พระสาวกสำเร็จมาจากในป่าในเขาทั้งนั้นออกมา จากสกุลใด ก็ตาม มาประพฤติปฏิบัติตัวเพื่ออรรถเพื่อธรรม ไม่ถือเนื้อถือตัวเย่อหยิ่งจองหอง มุ่งหน้าต่อธรรมด้วยกันเข้ากันได้หมด ต่างองค์ต่างปฏิบัติกำจัดกิเลสออกจากจิตใจจนสิ้นซากไปหมดแล้ว สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายของโลก เป็นขึ้นมาเอง

ดังที่เรากล่าวถึงท่านอยู่ทุกวัน เวลานี้ว่ายังไง พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ต้นเค้าของศาสนาพุทธนี้ออกมาจากป่านะ พระพุทธเจ้าบำเพ็ญในป่าตรัสรู้ในป่า พระสงฆ์สาวกบำเพ็ญในป่าตรัสรู้ในป่า ธรรมเกิดจากป่าของผู้บำเพ็ญแล้วกระจายออกไป เวลานี้ยังเหลืออยู่ไม่มากนักก็เป็นสักขีพยานได้ เช่น พระกรรมฐาน นี่พยานมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงพาพระสาวก พระสงฆ์ทั้งหลายดำเนินอยู่ในป่าในเขา รุกขมูลร่มไม้ได้อรรถได้ธรรมมาแจกจ่ายโลก นี่พระท่านก็อุตส่าห์พยายามบำเพ็ญในป่าในเขา นี่โลกมองข้ามไปนะ ว่าพระที่อยู่ในป่าในเขาเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถนะ ความจริงผ้าขี้ริ้วห่อทองคำ สีผ้าสีแก่นขนุนใครไม่ปรารถนาในโลก แต่ธรรมที่ถูกหุ้มห่ออยู่ด้วยสีผ้า นั้นคือใจอันสง่างาม สงบร่มเย็นผ่องใส อยู่ภายในจิตใจของผู้บำเพ็ญตามป่าตามเขานั้นนะ เวลานี้ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ผู้ปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริง ผู้นี้แลจะได้ธรรมมาประกาศสอนโลกนะ

เมื่อได้ในตัวเองเป็นสมบัติของตัวมากน้อยแล้วย่อมแจกจ่ายกันไป ตามกำลังแห่งความสามารถของตนที่รู้ที่เห็นมากน้อยเพียงไร ถ้ารู้เต็มหัวใจก็สอนได้เต็มภูมิ อย่างพระพุทธเจ้าและสาวกท่าน ท่านสอนโลกได้เต็มภูมิ นี่ธรรมออกจากผู้บำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญที่เป็นหัวหน้า เช่นอย่างพระท่านพาอยู่ในป่าในเขาบำเพ็ญธรรม อยู่ที่ไหนอยู่ได้สบาย พอพูดอย่างนี้เราไม่เคยจืดนะ สด ร้อน อยู่ในป่าในเขาเวลาจะเป็นจะตายจริง เพราะการทรมานตน อยู่ในป่าในเขาไม่มีใครรู้เรื่องกับเราเลย หายใจฝอด อยู่ ทางกิเลสกับธรรมก็ฟัดกันอยู่ภายในใจ เอาธาตุขันธ์เป็นเครื่องมือ ธาตุขันธ์มันจะหนักไปทางไหน เบาไปทางไหนดูอีก ถ้ามันจะหนักไปทางเป็นเครื่องมือของกิเลส ตัดลง ทอนลง ให้เบาลงเพื่อเป็นเครื่องมือของธรรม

เช่น อดอาหารอย่างนี้ ถ้ากินมาก มันมีกำลังวังชาแล้วนอนมากขี้เกียจมาก กิเลสราคะตัณหามาก ฟังให้ดี นี่ละมันเสริมจากอาหารนี่นะ ทีนี้เวลาตัดอันนี้ลง การตัดอาหารนี้ลงการนอนน้อย ไม่ค่อยง่วงเหงาหาวนอน เมื่อกินน้อยแล้วก็นอนน้อย ความขยัน สติสตังตั้งได้ ราคะตัณหาไม่รบกวนใจ ธรรมก็ก้าวออกเดินได้ เมื่อเห็นเหตุเห็นผลได้หลักได้เกณฑ์อย่างนี้แล้ว ทุกข์ยากลำบากก็ต้องฝืนกันไปตามทางสายนี้คนเรา นี่แหละที่ท่านทุกข์ท่านทรมานเป็นอย่างนั้นนะ ท่านผู้เอาธรรมมาประกาศสอนเรานี้ท่านเดนตายมานะไม่ใช่ธรรมดา แต่เวลาท่านบำเพ็ญไม่มีใครรู้ท่าน จนได้ผลมาแล้วจึงปรากฏชื่อลือนามว่า อาจารย์องค์นั้นเก่งอย่างนั้น เวลาท่านจะตายใครเห็นเมื่อไร นี่หมายถึงท่านผู้ทรมานเป็นอรรถเป็นธรรม จนได้ธรรมมาแจกจ่ายโลกท่านเป็นอย่างนั้น นี่ละธรรมมักจะเกิดอยู่ที่เช่นนั้น

นี่ละผู้นำของพี่น้องชาวพุทธเรา ส่วนมากจะเป็นพระนั่นแหละ และย่นเข้าไปอีกเป็นพระกรรมฐาน อย่างปัจจุบันนี้ก็หลวงปู่มั่น ปรากฏชื่อลืมนามมาทั่วโลกแล้วเวลานี้ ใครจะปฏิบัติได้อย่างหลวงปู่มั่น เท่าที่เราผ่านมานี้ในชีวิตของพระ เรายังไม่เคยเห็นองค์ไหนจะแซงหน้าท่านไปได้เลย เก่งทุกอย่างเก็บหอมรอมริบเรื่องหลักธรรมหลักวินัยไม่มีรั่วไหลไปไหนเลย ท่านเก็บหอมรอมริบได้หมด คือหลวงปู่มั่น เทิดทูนพระพุทธเจ้าคือธรรมวินัยนั่นละที่เป็นศาสดาองค์แทนของท่านมาเป็นศาสดาของหลวงปู่มั่น ท่านเทิดทูนตลอดเวลา ด้วยการสำรวมระวังให้เป็นไปตามสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ไม่มีใครเกิน จนกระทั่งท่านนิพพานไป เรายังไม่เห็นองค์ไหน เราไม่ได้ประมาทเราไม่เห็นเราก็บอกไม่เห็น แต่หลวงปู่มั่นนี้เต็มหูเต็มตาเต็มใจ เทิดทูนสุดหัวใจไม่มีวันจืดจาง เพราะเป็นครูบาอาจารย์ที่เลิศเลอในสมัยปัจจุบัน

พูดถึงเรื่องอรรถเรื่องธรรม เอ้า พูดออกมา ชนิดไหนธรรมประเภทใดท่านจะออกรับทันที เพราะท่านเต็มอยู่หมดแล้ว ห้างร้านเป็นห้างร้านใหญ่โต เอ้า สินค้าประเภทไหนเต็มอยู่ในห้างร้านนั้นแล้ว จะเอาชนิดไหน เอ้า ไปเอาเลย นั่น จะว่าอันนี้มีอันนั้นไม่มี ไม่มีเลยละ เต็มไปหมดในห้างร้านใหญ่ นั้น เอ้า คว้าได้คว้าได้เลย อันนั้นราคาเท่าไร ได้ไม่อัดไม่อั้น อันนี้ธรรมประเภทไหนที่เต็มอยู่ในหัวใจของท่านผู้ปฏิบัติ ตั้งใจปฏิบัติ รู้มากรู้น้อยเข้าไปเกี่ยวข้องกับท่าน ท่านจะออกรับทันที เลยจนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น ไม่มีอัดมีอั้นคือหลวงปู่มั่นองค์ปัจจุบันของเรานี้แหละ นี่ละธรรมเลิศเลออยู่อย่างนี้ จึงขอให้พากันตั้งใจปฏิบัติทุกคนนะ ธรรมมีอยู่กับหัวใจทุกคน เช่นเดียวกับกิเลสตัวเป็นฟืนเป็นไฟมีอยู่กับหัวใจทุกคน ส่วนมากเราส่งเสริมแต่กิเลส คราวนี้ส่งเสริมธรรมที่มีอยู่ในหัวใจด้วยกัน ให้มีความเจริญงอกงามขึ้นภายในใจแล้วจะสงบเย็นใจ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ละนะ พอสมควรแล้ว

โยม หลวงตาเจ้าขา ถวายทองคำ บาท ๕๐ สตางค์ อันนี้ของย่าอีก บาท ย่าเสียแล้วเจ้าค่ะ

หลวงตา โอ้ เราได้ทองคำของย่า เราพอใจมากทีเดียว แล้วปู่ล่ะไม่เห็นมี เอาละเอาแต่ของย่าก็เอา

สามสี่วันนี่อ่อนมากเทียว ธาตุขันธ์ฉันไม่ได้ มองเห็นอาหารนี้เป็นข้าศึกกัน ตั้งแต่เริ่มมองเห็นเป็นข้าศึกแล้วมันจะฉันได้ยังไง ฝืนกันไปอย่างนั้น ถ้าธรรมดาๆ ฉันได้ธรรมดาก็มีกำลังบ้าง ถ้ามันฝืนอย่างนี้มันฉันไม่ได้ มันก็อ่อนเปียกไปหมด เมื่อวานนี้ได้ทองคำ ๑ บาท ดอลลาร์ได้ ๑๕๗ ดอลล์ ดอลลาร์เราจวนจะถึง ๘ ล้านแล้ว เราก็ไม่ค่อยวิตกอะไรนักสำหรับดอลลาร์ แน่ใจไว้เลยว่าต้องได้ ๑๐ ล้าน ส่วนทองคำหนักกว่ากัน จึงต้องมุ่งใส่ทองคำเป็นสำคัญ เร่งใหญ่เทียว นี่วันที่ ๑๒ สิงหา ดูว่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจะเอากันเต็มที่เหมือนกัน เร่งจุดนี้แล้วก็ไปกฐิน กฐินนี้เอาใหญ่อีกตรงนั้น ยังไงจะต้องให้ได้ทองคำตามจำนวนที่กำหนดไว้ภายในปีนี้เท่านั้น เอาให้หนักเลยเทียว ให้เห็นฤทธิ์แห่งความรักชาติของชาติไทยเราจากทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ขาดมากขาดน้อยจะได้เห็นน้ำใจของเราขาดมากขาดน้อยจุดนั้น ถ้าเต็มเปี่ยมแล้วใจของเราเต็มเปี่ยมในจุดนั้นที่มีความรักชาติ รักความเสียสละนะ ในจุดนั้น นี้เป็นเครื่องตัดสินกัน ต่อไปนี้ให้พร

 

ชมการถ่ายทอดสด ธรรมะหลวงตาวันต่อวัน  ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก