มีกฎระเบียบกันบ้าง
วันที่ 2 พฤษภาคม 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 27.39 นาที
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

มีกฎระเบียบกันบ้าง

 

        ถ้ำผาแดง พร้อมบรรดาศรัทธาทั้งหลาย ถวายทองคำ ๒ กิโล ๓๒ บาท ดอลลาร์ ๒,๕๖๘ ดอลล์ เงินสด ๑๐๐,๐๐๐ บาท ธรรมลี วัดถ้ำผาแดง ถวายเพิ่มเติมอีก ดอลลาร์ ๗๕ ดอลล์ เงินสดอีก ๔๐,๐๐๐ บาท สาธุ (สาธุ) แล้วไปบอกธรรมลีหามาอีก มันต้องอย่างงั้นซิ ทองคำเช้านี้ได้ ๒ กิโล ๔๗ บาท ๒๘ สตางค์ ทองคำหลังจากมอบแล้วนั้นเวลานี้ได้ ๖๒ กิโล ๑๑ บาท ๒๖ สตางค์ ทองคำที่เราเหลืออยู่แต่ก่อนซึ่งยังหลอมไม่ทันเข้าคลังหลวงนั้น มันเหลืออยู่ ๓๑ กิโล พอดีทองคำได้ ๖๒ กิโล ก็เท่ากับเราได้อีก ๖๑ กิโล คือเรามีอยู่แล้ว ๖๑ กิโล บวกกับที่ได้มาใหม่ตอนมากรุงเทพฯ คราวนี้อีกเป็น ๓๑ กิโล ๓๑ ๓๑ มันก็เป็น ๖๒ ใช่ไหมล่ะ นั่นแหละพอดี มาคราวนี้ได้ ๓๑ กิโล กับทองคำที่เรามีอยู่หลอมไม่ทันเก็บไว้นั้นบวกกันเข้าอีก อันนั้น ๓๑ กิโลเหมือนกัน มาบวกกับอันนี้อีก ๓๑ กิโล เป็น ๖๒ กิโล ๑๑ บาท ๒๖ สตางค์ กรุณาอนุโมทนาทั่วหน้ากัน ไปหามาใหม่

         ตะกี้นี้ลูกศิษย์ลูกหายุ่ง หลวงตาจะลงมากรุงเทพฯในพรรษานี้ หรือเร็ว ๆ นี้ไหม มาถามเรา จะมากรุงเทพฯ ในพรรษานี้หรือเร็ว ๆ ไหม ว่างั้น คนกำลังหาทางออกอยู่ ก็บอกไปหาทองคำมาเร็ว ๆ ซิ ได้ทองคำมาเร็วเราจะมาเร็วที่สุด เงียบเลย นั่น ถ้าเราได้ทองคำเร็วเราจะมาเร็ว เราว่างั้น เลยเงียบ หายไปไหนไม่รู้

         เมื่อวานนี้เราก็รู้สึกไม่สบายใจนะ คนจำนวนมากมายมาทั่วประเทศไทย เข้ามารวมกันกับพิธี เรียกว่าฉลองแรงงานก็ไม่ผิดเมื่อวานนี้ คนจำนวนมากเต็ม เราก็ตั้งใจจะสงเคราะห์คนที่ไม่ค่อยเข้าใจกับศีลกับธรรมเท่าที่ควร และไม่เข้าใจเลยมีมาก ส่วนผู้ที่เข้าใจมีน้อยทีเดียว เราก็ตั้งใจจะสงเคราะห์ตามโอกาสอันเหมาะสม พอไปถึงทีนี้คนมันมามากต่อมาก มันไม่รู้ภาษีภาษากัน รถจำนวนมาก คนจำนวนมาก เสียงอึกทึกครึกโครมในวงสนามหลวงก็มากพอแล้วเสียง แล้วขบวนแห่อีกรอบด้าน แห่ตลอดเวลา

         สุดท้ายเลยเทศน์ไปไม่ได้นะเมื่อวานนี้ พูดสะเปะสะปะ ไม่ได้นานนัก มันไปไม่ไหว มันมากระเทือนหัวใจ ตกลงเลยไม่ได้เรื่อง ทีนี้ลูกศิษย์จะถอดเทปม้วนนี้ออก ถอดหาอะไรเราว่างี้ ก็เรียกว่าไม่ให้ถอด คือเทศน์กัณฑ์นี้ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย เจอตั้งแต่สิ่งที่กระทบกระเทือน ตั้งแต่ก่อนจะเทศน์เสียงก็ลั่นอยู่แล้ว จนถึงกับเราพูดว่า มันจะเทศน์ไปได้เหรอเป็นอย่างนี้ เราก็เตือนให้เขาพากันสงบบ้าง พอเริ่มเทศน์เอาทีนี้ขบวนแห่มาจากทางไหนรอบนั่น แล้วแห่วนไปเวียนมา คณะนี้มาคณะนั้นไป เทศน์ไปเทศน์มาไปไม่ไหวเลยหยุด

         ตั้งแต่เทศน์ช่วยชาติบ้านเมืองมาได้ ๕ ปีกว่าก็มาเป็นที่สนามหลวงเมื่อวานนี้ ซึ่งคนมาจำนวนมาก มาทุกแห่งทุกหนไม่รู้เรื่องรู้ราวก็มีมาก เลยทำให้เสีย การสงเคราะห์สงหาในธรรมเรียกว่าไม่มีความหมายเลยเมื่อวานนี้ นี่ก็เป็นกฎระเบียบอันหนึ่งของชาติไทยเรา ซึ่งควรจะพินิจพิจารณาให้ทั่วถึงกัน โดยที่เราปกติก็มีกฎหมายบ้านเมืองเป็นขื่อเป็นแปอยู่แล้ว แล้วสองมีพุทธศาสนาซึ่งเป็นกฎระเบียบอันดีงาม ซึ่งเราก็ปฏิบัติมาบ้างพอประมาณ ทั้งสองนี้เป็นกฎระเบียบอันดีงามของมนุษย์เรา ควรที่จะนำมาปฏิบัติ

         เฉพาะอย่างงานเมื่อวานนี้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีกฎไม่มีระเบียบอะไรเลย คนมากต่อมาก ถ้าหากว่ามีแล้วเมื่อประกาศลั่นขึ้นไป หรือออกทางหนังสือพิมพ์ ออกทางด้านใดก็ตามให้ทราบเรื่องราวว่าพิธีนี้มีอะไร ๆ บ้าง คอยสังเกตและปฏิบัติตามข้อประกาศนั้น เรื่องราวก็จะสงบร่มเย็น อย่างเมื่อวานนี้จะได้ฟังเทศนาว่าการพอสมควรนะ แต่ล้มเหลวไปเลยเมื่อวานนี้ เพราะไม่มีกฎระเบียบนั้นแหละ ความไม่มีกฎระเบียบและไปทำลายเสียหมดเลย เราจะไปตำหนิใครไม่ได้นะคนทั่วประเทศไทย และไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั้นมากที่สุดเลย มาด้วยความคึกความคะนอง โดยถืองานนี้เป็นจุดศูนย์กลางที่จะเกิดความรื่นเริงบันเทิงขึ้นในใจ และทวีรุนแรง ต่างแห่งต่างสถานที่ต่างบุคคลรวมเป็นความเห็นอันเดียวกัน มามันถึงเสียงลั่นไปหมดเมื่อวานนี้ เลยเทศนาไม่ได้เรื่อง

         ด้วยเหตุนี้ลูกศิษย์เขาว่าจะถอดเทป เราบอกถอดไปหาประโยชน์อะไร เราเป็นคนเทศน์เอง ผลมากน้อยได้หรือไม่ได้เราก็รู้เอง เราก็บอกว่าไม่ถอดแหละ นี่ละพี่น้องทั้งหลายควรพินิจพิจารณาด้วยดี เช่นอย่างงานใหญ่ ๆ อย่างนี้ ควรจะได้กฎระเบียบอันดีงามมาประดับประดางานของเรา จะเป็นที่สวยงามมากนะ อย่างเมื่อวานนี้พอประกาศขึ้นว่าท่านจะเทศน์เท่านั้น จะสงบเงียบหมด เรื่องราวอะไร ๆ นี้สงบหมด เพราะเรื่องของโลกสงสารที่เราเคยคึกเคยคะนองนั้น เป็นมานานแสนนานตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้ว มาระงับอาการวุ่นวายที่จะทำลายความดีงามทั้งหลาย หรือศีลธรรม เฉพาะอย่างยิ่งการฟังธรรมให้เสียไป

         เราควรจะพินิจพิจารณาเป็นอย่างมาก ในเวลาเช่นนั้นต้องสงบกัน ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยมีกฎมีระเบียบ ประกาศลั่นกันทีเดียวเท่านั้นจะสงบไปหมด นี่เรียกว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎมีระเบียบ มันไม่มีตั้งแต่ความคึกความคะนองอย่างเดียว อันนี้ไม่มีกฎ กฎก็กดหัวคนลง มีแต่กดหัวคนลง ไม่ใช่กฎข้อบังคับที่จะทำคนให้ดี มีแต่กดหัวคนลงให้สู่ทางต่ำ อย่างเมื่อวานเราไม่ตำหนิ แต่เราในฐานะเป็นครูเป็นอาจารย์ที่ควรจะสอนบรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายเราก็สอนได้เต็มที่ เราจึงสอนดังที่ว่านี้แหละ ต่อไปให้พากันระมัดระวังพินิจพิจารณา

         ในงานใด ๆ ก็ดีที่มีพระศาสนา เฉพาะอย่างยิ่งเวลาพระท่านเทศน์ควรสงบกาย วาจา ความคึกความคะนองทั้งหมด แล้วเปิดใจไว้คอยฟัง เปิดหูคอยฟัง ท่านแสดงอะไร ๆ นำธรรมนั้นเข้ามาสู่จิตใจ แล้วนำธรรมออกจิตใจไปประพฤติปฏิบัติตัวในหน้าที่การงานทุกอย่าง จะเป็นผลดีงามไปโดยลำดับหลังจากเราได้ฟังอรรถฟังธรรมอันถูกต้องดีงามผ่านไปแล้ว นี่ไม่ได้เรื่องอะไรเมื่อวาน เราจะไปตำหนิใครก็ไม่ได้ ก็คนทั่วประเทศไทย เขาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เสียงอึกทึกอยู่ในบริเวณสนามหลวงนั้นก็อึกทึกพอแล้ว นอกจากนั้นออกแห่กองขบวนไหนก็ไม่รู้ ไหลมาเลย

         นี่มันเป็นกองขบวนแห่มาตั้งแต่นู้นแหละ อาจจะเขาเรียนมาตั้งแต่สมัยนู้นท่านเจ้าคุณอุบาลี ฟังพูดนิทานย่อให้ฟัง พวกนี้ไม่เคยได้ฟัง ใครไม่มีวาสนาไม่ได้ฟังนะ นิทานที่เราจะพูดต่อไปนี้ ใครต้องเสี่ยงเจ้าของ ประกาศขึ้นมาว่ามีวาสนาไหม ถ้ามีวาสนาเราจะเล่าให้ฟัง ไม่มีวาสนาเราจะไม่เล่า เพราะนิทานนี้เป็นนิทานสำคัญมาก มีวาสนาไหม ถ้าไม่มีเราไม่พูด (มีเจ้าค่ะ) ทีนี้เราพูดให้พวกมีวาสนาฟังนะ  ท่านเจ้าคุณ อุบาลี ท่านฉลองพระงามที่ลพบุรี จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ก็เสด็จไปในงานท่านเจ้าคุณอุบาลี นั่งห้อมล้อมเจ้าคุณอุบาลีอยู่

         ทีนี้พวกอย่างเมื่อวานนี้ ฟังเอาว่าพวกเมื่อวานนี้แห่นั้นแห่นี้มาเรื่อย ๆ ไม่ฟังหน้าฟังหลังอะไรเลย ผ่านเข้ามานี่ ๆ เขาแห่บั้งไฟ อะไรหลายอย่าง แห่งานฉลองพระงาม ทีนี้เวลาเขาเซิ้งเขาฟ้อน มันมีคำย่อ ๆ คำเพลง เป็นบทเพลงย่อ ๆ พูดพร้อมกัน ๆ เป็นระยะ ๆ พวกนี้เจ้าขุนมูลนายเขาก็นั่งอยู่กับท่านเจ้าคุณอุบาลี พวกนี้ก็แห่มานี่ ฟังนะคำที่เขาแห่เขาฟ้อน มันไม่มีนะภาคกลางเรา ฟัง คำพูดเขาจะขึ้นพร้อมกัน ขึ้นก็จะซี บ่ขึ้นก็จะซี เข้าใจไหม แห่ไป

         มันว่าอะไรถึงว่าอย่างงั้น อู๊ย อย่าให้พูดเลยก็บอกแล้วเรื่องสะเปะสะปะ มันไม่เป็นสิริมงคลไม่ไพเราะเพราะหู เขาก็อยากฟัง ว่าอย่างนี้มันหมายความว่าไง นั่นแหละไม่อยากพูด ท่านเจ้าคุณอุบาลี ผู้ไม่อยากพูดไม่อยากพูด แต่ผู้อยากฟังอยากฟัง แล้วจะปิดทุกสิ่งทุกอย่างได้ไหม จะแสดงอากัปกิริยาที่เป็นความเสียไม่พอใจได้ไหม อันนี้กิริยาเขาพูดเล่น แต่ผู้ฟังอาจเสียใจได้ กระทบกระเทือนได้ บอกว่าพอใจหมด อยากฟังตั้งแต่ความหมายที่เขาพูดนี้เท่านั้นเออถ้างั้นจะพูดให้ฟัง ขึ้นก็จะเย็ด ไม่ขึ้นก็จะเย็ด หงายไปหมดเลย ล้มทั้งหงายไปเลย พวกนี้มันไม่หวังขาดทุน มันจะเอากำไรทั้งนั้น ขึ้นก็จะเย็ด ไม่ขึ้นก็จะเย็ด พวกนี้เสียงลั่นไปเลย พวกมีวาสนาเข้าใจหรือยัง จบแล้ว พอ

         เมื่อเช้านี้พูดถึงเรื่องกฎระเบียบอันดีงามประจำชาวพุทธเรา ที่มีอยู่ประจำในงานต่าง ๆ ควรจะมีกฎระเบียบอันดีงาม อย่างเมื่อวานนี้ไม่ได้เรื่องแหละ เราจึงนำนี้มาเตือนพี่น้องทั้งหลาย เทศน์เมื่อวานนี้ไม่ได้เรื่อง จึงไม่ให้เขาถอดเทปเลย นี่ละเป็นครั้งแรกเลยที่เราเทศน์ ๕ ปี สอนประชาชนทั่วประเทศไทย สนามหลวงก็เป็นเยี่ยมมาแล้วหนหนึ่งเรื่องความสงบเรียบร้อย คราวนี้เลยกลายเป็นเลวไปเลย ลบหมดเลย นี่เสีย

         นี่เวลาหลวงตากลับ ไปบ้านไปเรือนแล้วก็ให้ต่างหน้าต่างตาต่างเสาะแสวงหาสมบัติเงินทองข้าวของของเราไว้ เพื่อคลังหลวงที่เป็นหัวใจของชาติเราโดยสม่ำเสมอไปนะ สำหรับหลวงตานี้ไปทางนู้นไปทางนี้เพื่อผลประโยชน์แก่ชาติไทยของเรานั้นแหละ นี่ โอกาสพอเหมาะพอสมก็จะต้องกลับมานี่ เรากะไว้ว่าทองคำประมาณวันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้ว สิงหา นั่นกะว่าจะกลับมามอบทองคำอีกวาระหนึ่ง ทองคำนี่คงไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ กิโล แต่เรากะเอาไว้ว่าให้ได้มากกว่านั้นคราวนี้ เพื่อเราจะได้ก้าวข้างหน้าเบาไป คือข้างหน้าวาระสุดท้ายหนักมากนะ ทองคำน้ำหนักตั้ง ๓ ตันกว่า คราวนี้จึงแบ่งเบากันในระยะวันที่ ๑๒ ผ่านไปนี้ นี่พักหนึ่ง

         จากนี้ก็ก้าวนั้นเป็นก้าวสุดท้ายของพวกเรา ที่ว่าทองคำยังเหลือมากน้อย ให้ท่านทั้งหลายฟังเพื่อเราทุกคน เพราะชาติเป็นของเรา ความบกพร่องเป็นของเรา แล้วเวลานี้ทองคำขาดอยู่เท่านั้นเท่านี้ ก็เท่ากับเราขาดทองคำอยู่ทุกคน หรือว่าถ้าเป็นคนขาดบาทขาตาเต็ง ก็เท่ากับว่าตั้งแต่หลวงตาบัวลงไปขาดบาทขาดตาเต็งด้วยกันทุกคน เราจะพยายามหาทองคำให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่เราต้องการ จะได้เป็นคนไม่ขาดบาทขาดตาเต็ง เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มบาทเต็มเต็งทุกคน ๆ นะ คือทองคำยังไงก็ขอให้ได้ในวาระสุดท้าย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็ได้พูดออกมาแล้วด้วยความมั่นใจ อาจจะเห็นว่าหลวงตานี้ตะเกียกตะกายแทบล้มแทบตายมานานแล้ว แล้วก็เกิดความสงสาร จะรวมหัวกัน อย่างนั้นเราก็แน่ใจว่าเป็นไปอย่างนั้นได้นะ

         นี่ทราบว่าจะพยายามให้ครบในปี ๒๕๔๖ เดือนธันวาคม จะรวมหัวกันทั่วประเทศเลย ให้ได้ทองคำที่น้ำหนักขาดอยู่เวลานี้ ๓ ตันกว่า ให้ได้เต็ม ๓ ตันกว่านี้ได้หมดแล้วก็เป็น ๑๐ ตัน เป็นที่พอใจ หลวงตาก็เป็นอันว่าล้มเลิกไปเลย จะว่าล้มทั้งหงายก็ได้นะ เพราะหลวงตานี้มีแต่ใจเท่านั้นที่เป็นกำลังสำคัญ ๆ พาดีดพาดิ้นเวลานี้ สำหรับสังขารร่างกายไม่ค่อยเป็นท่าเป็นทาง มันวิงมันเวียน มันโอนมันเอนไปได้ทุกแบบนั่นละ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คิดนะ ก่อนเข้าพรรษานี้คงจะได้ลงมาอีกอยู่นั้นแหละ     อันนี้ไม่มีอะไรลงมาธรรมดากิจการงานเล็กน้อย ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตามาในงานจริง ๆ เช่น วันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้วนั้นตั้งหน้าตั้งตามาจริง ๆ มาก่อนพรรษานี้มาธรรมดาที่เคยมา

         แล้วเวลากลับไปบ้านไปเรือน ก็ให้พากันตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่การงานของตน สิ่งใดจะเป็นความเสื่อมเสียแก่ตนและส่วนรวม ตลอดประเทศชาติของเราแล้ว ให้พากันระมัดระวังเอาอย่างมากนะ พวกการพนันขันต่อเมืองไทยเรานี้มันสมองการพนันทั้งนั้น อันนี้เราอ่อนใจมากนะ เอะอะมีแต่การพนัน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นภัยต่อตัวเราเองและส่วนรวมตลอดสังคมทั่ว ๆ ไป มีแต่สังคมการพนัน ใช้ไม่ได้เลย สำคัญมากก็คือยาเสพย์ติด ยาเสพย์ติดนี้เป็นโทษร้ายแรง ขนาดประหารคนทั้งชาติให้ล่มจมลงได้ ทั้งๆ  ที่มีลมหายใจอยู่โดยไม่ต้องสงสัย จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายคิดให้ดีนะ

         ที่ท่านนายกฯ ท่านนำพวกเราอยู่เวลานี้นั้น ทางด้านอรรถด้านธรรมก็หาที่ต้องติท่านไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นมหาภัยอย่างมากต่อชาติไทยของเรา ถ้าไม่มีผู้มาแก้ไขปราบปรามแล้วจะจมไปหมดทั้งประเทศ เอาธรรมออกกางพิจารณาดู ก็ไม่มีอะไรตำหนิท่าน เช่นว่าท่านโหดร้ายทารุณ ฆ่าบ้าง จะประหารชีวิตบ้าง เขาประหารชีวิตคนทั้งประเทศด้วยยาเสพย์ติดนี้อันไหนมีน้ำหนัก มีโทษมากน้อยต่างกัน ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณา นี่คือพิจารณาโดยธรรม การทำลายหรือการประหารชีวิตของคนเป็นรายบุคคล ๆ ไป ที่จะทำลายชาติบ้านเมืองให้ล่มจมทั้งประเทศนี้ กับการปล่อยวางให้เป็นไปตามมนุษยชน ให้เป็นไปตามใจของพวกนี้ แล้วจะสังหารชาติไทยของเราให้จมหมดเลย พิจารณาซิ แล้วอะไรมีน้ำหนักมาก

         การปราบปรามผู้ผิด ฟังซิ ปราบปรามผู้ผิด ไม่ใช่ทำผู้ถูก ทำผู้ผิดต่างหาก เสียหายไปที่ไหน หลักธรรมหลักวินัยก็มีเป็นเครื่องประกันตัวไว้แล้วแต่ครั้งพระพุทธเจ้าของเรา ปรับอาบัติโทษแก่ผู้ทำผิด หนักเบามากน้อยเป็นลำดับ ๆ ถึงคอขาดเลยก็มี เช่นตัดสินเป็นปาราชิก นี่เรียกว่าคอขาด ประหารชีวิตไปเลย ลดลงมาก็ปรับโทษ ติดคุกติดตะราง อันนี้ปรับอาบัติลดกันลงมา ๆ เป็นลำดับลำดา นี่ก็คือศาสนา กฎเกณฑ์ของศาสนา รักษาคนให้มีคุณค่า พระให้มีคุณค่า งามตางามใจตัวเองและประชาชนทั่ว ๆ ไป จึงมีไว้เป็นประจำ มีพระวินัยเป็นข้อบังคับ ใครผิดปรับโทษ ๆ

         เราจะว่าพระพุทธเจ้าโหดร้ายได้ยังไง ก็พระองค์วางด้วยความถูกต้อง นี่คือกองไฟกีดขวางไว้ข้างหน้า อย่าผ่านเข้าไปถ้าไม่อยากให้คอขาด หัวขาด ไฟไหม้แหลก เมื่อใครไม่ก้าวไม่ผ่านเข้าไปก็อยู่เป็นสุขด้วยกัน ไฟก็เป็นไฟ คนก็เป็นคนสงบร่มเย็น พระวินัยก็เป็นพระวินัย ท่านไม่ปรับโทษ นี่กฎหมายบ้านเมืองก็มีไว้อย่างงั้น ไม่เป็นโทษถ้าใครไม่ไปฝืนกฎหมาย ตามขั้นตอนของกฎหมายที่มีหนักเบาต่างกัน ถ้าใครข้ามเข้าไปหากฎหมายที่มีหนักเบาต่างกัน จนกระทั่งถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว กฎหมายประหารชีวิตนะ นายกฯ ไม่ได้มาประหารชีวิต ผู้พิพากษาไม่ได้เป็นคนผิดนะ กฎข้อบังคับบีบให้ทำอย่างนั้นมีอยู่ ไม่อย่างงั้นบ้านเมืองไม่มีกฎไม่มีข้อบังคับ

         ด้วยเหตุนี้เองกฎหมายข้อบังคับก็ไม่ผิด ผู้ดำเนินตามทางกฎหมาย เช่นผู้พิพากษาเป็นต้น หรือเช่นอย่างนายกรัฐมนตรีดำเนินตามทางกฎหมาย ท่านก็ไม่ผิด มันผิดที่ผู้กินยาเสพย์ติดนั้นต่างหาก ผู้กินยาเสพย์ติดนี้กินมากกินน้อย ติดมากติดน้อย เป็นภัยมากน้อย กินทั้งประเทศจมทั้งประเทศ นี้ต่างหากเป็นผู้ผิด กฎหมายไม่ผิด ผู้ทำตามกฎหมายเพื่อความถูกต้องดีงาม  และคนดีจะได้อยู่เย็นเป็นสุขและมีคุณค่าต่อไปนั้นไม่ผิด มันผิดสำหรับผู้ทำผิดต่างหาก เอาละพอ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก