เทศน์มา ๕๐ ปีกว่าไม่เคยมีอย่างนี้
วันที่ 3 พฤษภาคม 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 31.57 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

เทศน์มา ๕๐ ปีกว่าไม่เคยมีอย่างนี้

 

         สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ทองคำได้ ๒ กิโล ๕๐ บาท ๒ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๔,๗๕๙ ดอลล์ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้เป็นจำนวน ๖ ตัน ๘๔ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้รับเพิ่มอีกเวลานี้ ๖๒ กิโล ๑๔ บาท คำว่ารับเพิ่มนี้หมายถึง รับเพิ่มหลังจากเรามอบเรียบร้อยแล้วในคราวที่แล้วนี้คือวันที่ ๑๒ เมษา หลังจากมอบนี้แล้วได้ทองคำจำนวน ๖๒ กิโล ๑๔ บาท รวมทองคำทั้งหมด หมายถึงทั้งที่เข้าคลังหลวงแล้วและยังไม่ได้เข้าเป็นทองคำ ๖,๑๔๖ กิโลครึ่ง ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๗ ล้าน ๖ แสนดอลล์ ดอลลาร์ที่รับเพิ่มหลังจากเรามอบแล้วนี้เป็นจำนวน ๑๓๖,๒๒๗ ดอลล์ รวมดอลลาร์ทั้งหมด ทั้งที่มอบคลังหลวงแล้วและยังไม่ได้มอบเป็นจำนวน ๗,๗๓๖,๒๒๗ ดอลล์ เงินสดที่นำไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงแล้วเวลานี้ ๑,๑๑๒ ล้านบาท กรุณาทราบตามนี้

คือเงินสดนี้ไม่ค่อยได้เข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง กระจายออกทั่วประเทศไทยหมดเลยทุกภาค เงินสดของเรานี้ช่วย ที่หนักมากกว่าเพื่อนก็คือโรงพยาบาล มีอยู่ทุกภาคเลยโรงพยาบาล อันนี้มากกว่าเพื่อน เวลานี้มันตั้ง ๒๐๐ กว่าโรงแล้วที่ทางวัดให้หรือสงเคราะห์ไป ๆ สำหรับโรงเรียนมีหลายสิบหลัง หรือเข้าร้อยก็ไม่ทราบนะ เพราะสร้างอยู่ตลอดเวลาโรงเรียนให้เด็กเรียน โรงพยาบาลนี้ตึกก็เหมือนกัน ไม่ทราบว่ากี่สิบตึก ใกล้ร้อยไปแล้วแหละตึกนะ สร้างมาพร้อม ๆ กันกับโรงเรียน ที่ว่าสร้างนี้คือเราสร้างเราทำมาตั้งแต่สร้างวัดนะการช่วยโลก อันนี้มาเพิ่มเข้าทีหลัง เราช่วยมาอยู่แล้ว เงินของเราไม่ได้ว่าเงินช่วยชาติไม่ช่วยชาติ คือทำมาก่อนนั้นแล้ว ได้มาเท่าไรก็ออกหมดเลย เราไม่มีเก็บเรื่องเงินเรื่องทอง จตุปัจจัยที่ได้มามากน้อย สมควรแก่วัดแก่วาก็แจกแยกไปตามวัด สมควรแก่ประชาชนผู้ยากจน เราก็แยกไปตามที่เห็นสมควรๆ เรื่อยมาอย่างนี้

สำหรับวัดป่าบ้านตาดจึงไม่เคยมีสมบัติเงินทอง มีเท่าไรก็แจกจ่ายพร้อมกันไปโดยลำดับลำดา ที่มาเด่นเอามากก็ตอนเราออกช่วยชาติ คือของมันมามาก ๆ ก็แจกจ่ายไปมากตลอดมาอย่างนี้ อันนี้เราก็เคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสมอ ว่าวัดนี้ไม่มีการสั่งสม บอกว่าไม่มีเลย ไม่ว่าสิ่งใด ๆ ควรแก่สถานที่ใดบุคคลใดคณะใด เราจะแยก ๆ ให้ตลอด วัดวาอาวาสเหมือนกัน เราช่วยมาอย่างนี้ตลอดนะ เงินสดจึงไม่ได้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ได้ซื้อเข้าเพียง ๑,๑๑๒ ล้านเท่านั้น นอกนั้นออกข้างนอกหมดเลย ไปที่ไหนก็เราเป็นคนสั่งเองทำเองไปดูเอง เวลาเราผ่านรถไปมาที่ไหน อู๋ย เกลื่อนไปหมดทุกภาคนะ เฉพาะโรงเรียนกับโรงพยาบาลมาก เพราะมันอยู่ข้างถนนๆ พอมองเห็นก็เห็น อันนี้มาก วงราชการก็เหมือนกัน ก็ไม่กำหนดกฎเกณฑ์ ที่ไหนจำเป็นช่วย เมื่อพอช่วยได้เราจะช่วยทุกภาคอีกเช่นเดียวกัน เราทำอย่างนั้นเรื่อยมา

การเทศนาว่าการเราก็อุตส่าห์บึกบึนนะทุกวันนี้ กำลังวังชาไม่เอาไหนแล้วแหละ การเทศนาว่าการเรียกว่าเป็นคนใหม่ขึ้นมา คนใหม่จากคนเก่านั้นแหละ เทศนาว่าการไม่ได้เรื่องได้ราว กำลังวังชาไม่อำนวย เช่นอย่างที่ไปเทศน์สนามหลวงเมื่อวันที่ ๑ พฤษภา นี้ เราก็ทราบว่าคนมาจำนวนมาก จะคล้ายคลึงกันกับ ๒๑ เมษา ๔๔ นั่นคนมามาก ทุกชั้นของคน นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กทม. วงราชการต่างๆ  เรียกว่ามาทุกชั้นของคนเต็มท้องสนามหลวงแหละวันนั้น แต่มันเหมาะสม นี่ละความมีสมบัติผู้ดี การได้ศึกษาอบรมมา คนเหมือนกัน เข้ามาสู่สถานที่แห่งเดียวกัน คุณค่าจึงต่างกันมาก

เช่นวันที่ ๒๑ เมษา นี้ มีคุณค่าสูงส่ง เป็นประวัติการณ์แห่งเมืองไทยเราได้เป็นอย่างดีไม่มีที่ต้องติ มาด้วยความมีระเบียบเรียบร้อย วงราชการตั้งแต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กทม. และวงราชการทุกหน่วยมา มาด้วยความมีกฎมีระเบียบมีศักดิ์ศรีดีงาม มองดูแล้วชื่นตาชื่นใจน่าเคารพนับถือ และน่ากราบไหว้บูชาท่านผู้มีคุณธรรมอย่างนั้น เราไปดูเอง พระก็จำนวนเป็นพันขึ้นไป องค์แสดงธรรมก็คือเราเป็นผู้แสดง ฝ่ายวงศ์กษัตริย์ก็ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ นี่เรียกว่าความมีระเบียบเรียบร้อย ความมีกฎมีเกณฑ์ เพราะฉะนั้นกฎเกณฑ์และระเบียบก็ดี จึงเป็นเครื่องประดับคนและกลุ่มชน ตลอดถึงประเทศชาติบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่มีกฎไม่มีระเบียบ เลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมดเลย

ทีนี้เราก็แยกออกมาพูด ในท้องสนามหลวงเช่นเดียวกัน คณะท่านผู้มีเกียรติผู้ปกครองให้ความร่มเย็นแก่ประเทศไทย และเสด็จมาและมา รวมในงานมหามงคลที่ท้องสนามหลวงในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๔ นี้เรียกว่าสง่างามมากทีเดียว เป็นคติตัวอย่างได้เป็นอย่างดีสำหรับประเทศไทยเรา บรรดาลูกหลานใครได้เข้าไปชมงานนี้แล้ว ควรจะระลึกกิริยาอาการแห่งการแสดงออกของงานมหามงคลนี้ จากท่านผู้ปกครองชาติบ้านเมือง นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมาถึงนายกรัฐมนตรี ควรจะได้ยึดเอากิริยาแห่งมหามงคลนี้ไปประพฤติปฏิบัติตัวเป็นลำดับไป จะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก

อย่างวันที่ ๑ นี้จะว่าตำหนิหรือไม่ตำหนิ ในฐานะเราเป็นครูเป็นอาจารย์สอนประชาชนและลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศเขตแดน เราก็ต้องนำภาษาธรรมออกมาใช้ คือภาษาธรรมเป็นภาษาที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมร้อยสันพันคม เหมือนภาษาของโลกที่กิเลสแฝงติดแนบๆ แฝงด้วยติดแนบด้วยอยู่ในหัวใจ กิริยาที่แสดงออก จึงต่างกันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงพอเทียบได้ ในท้องสนามหลวงเช่นเดียวกัน ที่มาจำนวนมากมายนั้นก็เป็นคนไทยทั่วประเทศมารวมกัน เรียกว่าเป็นคนไทยด้วยกัน เวลามาในสถานที่นั่นกิริยาแห่งการแสดงออกของคนทั้งสองคณะแห่งประเทศไทยของเรา จึงต่างกันมาก

คณะแรกที่กล่าวแล้วนั้น เรียกว่าเป็นที่น่าชมเชย เป็นคติเครื่องเตือนใจแก่พี่น้องสำหรับชาติไทยเราได้เป็นอย่างดี คณะที่สองนี้ถ้าจะเป็นคติมันก็ลำบากนะ จะว่าเป็นคติไม่เป็นคติก็ดี มานี้แบบนั้นน่ะ ฟังนะจะยกนิทานย่อ ๆ มาให้ฟัง มันมีแบบมานะ คนอุบลฯเมืองไทยเรานี่ละ ท่านเจ้าคุณอุบาลีท่านเทศนาว่าการ ท่านอยู่วัดบรมนิวาส ท่านฉลองพระงามที่ลพบุรี ท่านก็ประกาศออกไปทางภาคอีสาน เฉพาะอย่างยิ่งคือทางอุบล เอา ใครมีวิชาความรู้มากน้อย โบร่ำโบราณที่เคยใช้กันมา เป็นความสนุกสนานรื่นเริงอะไร ก็ให้นำมาแสดงได้ในงานฉลองพระงามที่ลพบุรี ใครจะมีอะไรมาแสดงก็มาแสดงได้ในงานนี้ ว่างั้นนะ ท่านประกาศอย่างนี้พวกชาวอุบล พวกภาคอีสานเลยเป็นบ้ากันทั้งภาค

คืนนั้นวันนั้นไม่ทราบมันได้กินได้นอนหรือไม่ได้กินได้นอนก็ไม่รู้นะ พอมันได้ยินท่านประกาศมาอย่างนั้นก็แตกตื่นกันไป ใครมีช่างฝีมือยังไง พวกตะไล บั้งไฟ บั้งไฟเขาจุดก็เห็นกันแล้วไม่ใช่หรือ พวกพลุพวกตะไล บั้งไฟ บั้งไฟก็ขึ้น ให้เอามาแสดงประเพณี ว่างั้นนะ พอเวลามาแสดงแล้ว วงศ์กษัตริย์ก็เสด็จกันมามากมายในงานนี้ ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จ แต่ท่านจะเสด็จตอนไหนเราไม่ทราบในระยะงานนี้ แต่วงศ์กษัตริย์มามาก มาก็พอดีเป็นจังหวะงานกำลังขึ้นเต็มที่ แล้วเปิดทางให้พวกมีการละเล่นต่างๆ ให้เล่นแบบสนุกสนานตามอัธยาศัยได้อย่างสบายๆ แล้วคณะขุนนางก็มาอยู่กับท่านเจ้าคุณอุบาลี

เขาก็เล่นกันเต็มเหนี่ยวของเขาละ มาข้างๆ ตามทางถนนใหญ่ เป็นทางที่โล่งมานี่ ขึ้นพร้อมกันเพลงภาคอีสาน เรียกว่าเขาเก็บไว้ในหัวอกเขามานาน วันนั้นท่านเจ้าคุณอุบาลีเปิดเสียบ้าง ไม่งั้นอกพวกเธอจะแตก บ้าเธอจะระเบิด คงว่างั้น ให้มาระเบิดที่นี่ให้ได้ดูหน่อย ให้คนทางอื่นที่เขามีสมบัติผู้ดีได้ดูบ้าง สมบัติบ้าของพวกเรามันเป็นยังไง ทีนี้เขาก็มาทั้งเซิ้งทั้งฟ้อน เขาก็มีระเบียบของเขา ระเบียบบ้าเข้าใจไหม ร้องเพลงก็ขึ้นแบบเดียวกันๆ อะไรก็ไม่ขบขันยิ่งกว่าเพลงที่กำลังจะพูดเวลานี้

คือบั้งไฟถ้าจุดแล้วขึ้น ตะไลจุดแล้วขึ้น พอมานี้เขาก็ร้องเพลงพร้อมๆ กัน ฟังพวกนี้น่ะ เขาขึ้นพร้อมกัน ขึ้นก็จะซี บ่ขึ้นก็จะซี คือเขาร้องเพลง บั้งไฟขึ้นก็จะซี บ่ขึ้นก็จะซี คือขึ้นก็ตามไม่ขึ้นก็ตามมีแต่จะเอา พอเขาว่าอย่างนั้นพวกนี้ก็ได้ฟัง พวกขุนนางก็ฟังกันละซี เอ๊ะ นี่เขาว่าอะไร เขาว่าเป็นบทเป็นบาท แต่ดูว่าเป็นจังหวะดี เขาว่าอย่างนี้หมายความว่ายังไง อุ๊ย อย่าให้พูดเถอะ ท่านเจ้าคุณอุบาลีว่า นี่เขามีการละเล่นเขาพูดอะไรไม่มีกฎมีข้อบังคับอะไร เป็นความสนุกสนานของเขา เขาพูดตามความรื่นเริงในงานนี้ต่างหาก ฟังแล้วมันไม่เป็นมงคลแหละ เพราะเป็นคำพูดเล่นของเขา

ทางนั้นก็กุลีกุจอขอให้พูดให้ฟัง อยากทราบความหมายว่า ขึ้นก็จะซี บ่ขึ้นก็จะซี มันหมายความว่ายังไง นี่ละยิ่งเป็นความหยาบ ว่างั้นนะ ไม่อยากพูดเลย ทางนั้นก็ยิ่งอยากฟัง มันหยาบยังไงเข้าอีก ท่านก็พูด ครั้นเวลาได้ยินแล้วจะเป็นยังไง จะไม่ตื่นเต้นตกเก้าอี้ไปเหรอ เอ้าถ้าจะฟังก็ตั้งใจให้ดีนะ ท่านหาอุบายหลอกเล่นด้วยนะ เอ้า ตั้งใจให้ดีนะจะพูดให้ฟัง พอว่าอย่างนั้นทางนั้นก็เตรียมพร้อมฟัง ฟังคำที่เขาเซิ้งเขาฟ้อนกันนั่นน่ะ ท่านก็ว่า ขึ้นก็จะเย็ด ไม่ขึ้นก็จะเย็ด คือบั้งไฟนั่นน่ะ บั้งไฟจะขึ้นก็ตาม ไม่ขึ้นก็ตาม มีแต่จะเย็ดทั้งนั้น ขึ้นก็จะเย็ด ไม่ขึ้นก็จะเย็ด ว้าย เสียงลั่น ก็บอกแล้วนี่ว่าไง ไม่ให้ตื่นเต้นตกใจแล้วทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ก็มันอดขบขันไม่ได้ คือมันไม่หวังขาดทุนเลยพวกนี้ ขึ้นมันก็จะเอา ไม่ขึ้นมันก็จะเอา ท่านก็ว่า ก็คำเล่นของเขาก็ต้องเป็นอย่างนั้นซิ นี่นิทานเรื่องนี้พวกอีสานเขามาเล่น

อันนี้พวกอีสานก็ไปเยอะไปที่สนามหลวง อันนี้ขึ้นก็จะบ้า ไม่ขึ้นก็จะบ้า พระหลวงตาเทศน์อยู่ก็ช่าง ความหมายว่างั้นเข้าใจไหม ไปนี่เสียงลั่นรอบสนามทั้งภายในภายนอก จะว่าเป็นการละเล่นก็ไม่เชิง แต่ก็เป็นความรื่นเริงของเขาในงานแรงงานแห่งชาติของเขา แต่งเนื้อแต่งตัวเป็นสีเหมือนๆ กัน แต่งเป็นแบบเป็นฉบับมานี้ แล้วข้างในนี้ก็วุ่นเต็มไปหมด เสียง หาความสงบสงัดไม่ได้เลย แล้วข้างนอกก็แห่กันมาเป็นขบวนๆ แห่มาขบวนไหนมีตั้งแต่เสียงลั่นมาตลอด พอเราเริ่มจะเทศน์เราก็เลยพูด เอ๊ อย่างนี้จะเทศน์ไปไม่ได้นะ พอเราว่างั้น เราก็ให้เขาเตือนพวกนี้เรื่องเสียงสักหน่อย เพื่อเป็นความสงบ ฟังอรรถฟังธรรมตามจารีตประเพณีของผู้เสาะแสวงหาธรรมในงานของตนนั่นแหละ

พอไปบอกมันก็เงียบไปครู่เดียว อ้าว ขบวนหนึ่งมาอีกแล้วๆ ขบวนนี้เงียบ ขบวนนั้นขึ้น เลยต่อกันไปโดยลำดับ เทศน์เลยสะเปะสะปะ เทศน์ไม่ได้ กระเทือนเข้าไปหาโรคหัวใจ ไม่ได้ถึงไหนละนะวันนั้น โอ๊ย ไม่เอาละ เลยจบเลย เรียกว่าไม่เป็นท่า นี่ละทุ่งสนามหลวงอันเดียวกัน กฎระเบียบอันนี้เป็นกฎระเบียบที่เคยตามนิสัยของตนมา ถ้าจะว่ากฎระเบียบก็มันไม่มีกฎมีระเบียบ แต่เป็นประเพณีความรื่นเริงของเขาที่ติดนิสัยมา แม้เข้าอยู่ในวงเช่นนั้น ซึ่งควรจะมีกฎมีระเบียบอันดีงามออกโชว์ต่อกันมันก็ไม่มี มีแต่กิริยานิสัยอย่างนั้นแหละ ไม่ดี นี่ละให้พิจารณาซิ

การอบรมให้มีกฎมีระเบียบอันดีงาม กับไม่ได้รับการอบรมนี้ผิดกันมาก เราจะเห็นได้ที่ท้องสนามหลวงของท่านผู้ทรงเกียรติ นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กทม. แล้ววงราชการทุกหน่วย ล้วนแล้วแต่ท่านผู้มีคุณธรรมอันสูงส่งๆ ทุกอย่าง กฎข้อบังคับท่านปฏิบัติอยู่แล้วเรียบร้อย เวลาออกมาสู่สังคมจึงงามตางามใจ ชื่นชมยินดี น่ากราบไหว้บูชา เราก็เห็นด้วยตาเนื้อของเรา นี่ละการอบรม กฎระเบียบข้อบังคับ ตลอดกฎหมายบ้านเมืองและธรรมวินัย ถ้านำไปปฏิบัติแล้วก็จะสวยงามอย่างนี้ตลอดไป ถ้าไม่ปฏิบัติมันก็เลอะๆ เทอะๆ อย่างนั้น

นี่เราพูดถึงการเทศนาว่าการ วันนั้นเทศน์ไม่ถึงไหนนะ พอมาพวกลูกศิษย์ลูกหาเขาจะถอดเทปออกมา ไม่ต้องถอด เราว่าเลย เราสั่งเองนะ ถอดหาอะไร ก็เราเทศน์มาทั่วประเทศไทยได้ ๕๐ ปีกว่า ๆ นี้แล้ว เราไม่เคยมีอย่างนี้เลย วันนี้ได้เจอแล้วอย่างจังๆ  ฟังแล้วฟังไม่ได้เลย เทศน์ก็เทศน์ไม่ออก แล้วจะถอดไปหาอะไร เราก็บอกตรงๆ เลย ไม่จำเป็นต้องถอด ปล่อยทิ้งไปเลย เราได้พูดถึงขนาดนั้นนะ ทั้ง ๆ ที่เทศน์สนามหลวงก็เพื่อจะให้เป็นคติตัวอย่างอันดีงามแก่ประชาชนทั้งหลาย ด้วยน้ำใจของเราที่มุ่งการสงเคราะห์ แต่แล้วก็สงเคราะห์ไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันทำให้เลอะเทอะ จึงให้พากันระมัดระวังพวกเราชาวไทยด้วยกัน เวลาจะเป็นตามธรรมดาก็เป็น เวลาเข้าสถานที่เป็นกฎเป็นระเบียบน่าพินิจพิจารณานั้นน่าจะปฏิบัติตาม ก็ควรปฏิบัติตาม มันถึงน่าดูน่าชมนะ

วันนี้เราก็พูดถึงเรื่องการเทศน์ การมีกฎมีระเบียบอันดีงามกับไม่มี มันต่างกันนะ ให้พากันเข้าใจ อย่างวัดของท่านหากมีเป็นกฎเป็นระเบียบอยู่อย่างลึกลับของท่านเอง เพราะอันนี้เป็นส่วนละเอียด จึงว่าเป็นกฎเป็นระเบียบอย่างลึกลับ ไม่เปิดเผยตามหลักธรรมและหลักวินัยอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นเครื่องแอบแฝงหรือซึมซาบกันไปกับหลักธรรมหลักวินัย ท่านปฏิบัติอยู่ในวงวัดวงวา เวลาผิดสายหูสายตาท่านจะรู้กันทันที ทั้งๆ นี่ไม่มีในพระวินัยนี่ไม่มีในหลักธรรม แต่เป็นสิ่งที่แฝงธรรมแฝงวินัย ทั้งที่ดีและชั่วมันแฝงมา เรียกว่าเป็นความละเอียด

กลับมาจากกรุงเทพเมื่อวานนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ไปกรุงเทพคราวนี้ ให้บรรดาพี่น้องทั่วประเทศไทยเราฟัง นี่ก็ออกแล้วทางวิทยุกระจายเสียง ออกทางอินเตอร์เน็ต ออกทั่วโลกแหละเวลาพูดนี่ ไปก็ยังไม่ได้พูดอะไรๆ ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง คือไปคราวนี้ไปมอบทองคำตามที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว มอบวันที่ ๑๒ เมษายน เดือนที่ผ่านมานี้ เราได้ทองคำมามอบ ๕๒๕ กิโล และดอลลาร์ ๔ แสนดอลล์ มอบเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็มีกำหนดกันอีกว่าวันที่ ๑๒ สิงหาคม เรายกขึ้นเลย เพราะนี้เป็นความสำคัญของชาติ ศาสนาของเรา เราก็เป็นลูกพระพุทธเจ้า และลูกคนไทยในประเทศ จึงควรที่จะนำอันนี้ออกเทิดทูนอุ้มชูศาสนาและชาติของเราขึ้น ด้วยงานวันเกิดของเรานี้ด้วย

เราจึงกำหนดว่าวันที่ ๑๒ สิงหา นี้จะให้มีงานขึ้นเดือนสิงหา กลางพรรษานี้ จะให้มีงานขึ้นในวันนั้น แล้วบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายที่อยู่ทางใกล้ทางไกล ใครจะมีความมุ่งหมาย หรือจะรวมกันที่ไหน ๆ ประกอบงานเพื่อช่วยชาติบ้านเมืองของเรานี้ ก็ให้ทำได้ตามอัธยาศัย ได้มากน้อยเพียงไร เช่น ทองคำ ดอลลาร์ และเงินสดเท่าไรแล้ว ก็ส่งเข้ามาวัดป่าบ้านตาด เฉพาะอย่างยิ่งทองคำได้จำนวนเท่าไร เราจะรีบนำเข้าสู่กรุงเทพไปหลอมในทองคำจำนวนนี้ จำนวนที่จะมอบวันที่ ๑๒ ได้จำนวนเท่าไร หลังจากนั้นแล้วเราก็จะประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามวันเวลาของวันมอบทองคำอีก หลังจากวันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้ว เพราะวันที่ ๑๒ เป็นวันรวบรวมสมบัติเงินทอง พอได้มาแล้วก็จะมารวบรวม จนกระทั่งถึงหลอมทองคำเสร็จ ทราบจำนวนชัดเจนแล้วทีนี้ก็ประกาศได้

นี่ก็ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบมาแล้วว่า การมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวงช่วงวันที่ ๑๒ สิงหาคม นี้นั้น อย่างน้อยจะไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ กิโล ประหนึ่งว่าเป็นก้าวแรกของจำนวนทองคำ ขึ้นก้าวแรกว่าต้องได้ ๕๐๐ กิโล แล้วดอลลาร์ต้อง ๓ แสนดอลล์ นี่ก้าวหนึ่ง พอก้าวจากนั้นให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้มากเท่าไรยิ่งดีในวันนั้นนะ การที่จะพยายามให้ได้มากคือช่วงวันที่ ๑๒ นั้น เพื่อจะแบ่งเบางานข้างหน้านี้ เพราะงานข้างหน้านี้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย ได้มีความรู้สึกและรวมความรู้สึกนี้ประกาศออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า งานสุดท้ายของการรวบรวมทองคำให้เข้าสู่คลังหลวง ให้ครบจำนวนน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้ ได้ขีดเส้นตายกันไว้เดือนธันวา ๒๕๔๖ นี้เป็นงานงวดสุดท้าย จะเอากันอย่างหนัก คือให้ได้ทองคำให้พอในเดือนธันวา

เพราะฉะนั้นเราจึงต้องหนักมือทางตอนนี้ เพื่อจะแบ่งเบาข้างหน้าให้เบาลงสักหน่อย เนื่องจากเราได้ทางนี้หนักขึ้น ทางโน้นก็แบ่งเบาลง จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบ การกล่าวทั้งนี้กล่าวเพื่อความพอเหมาะพอดีในการอุ้มชาติไทยของเรา ไม่ให้หนักจนเกินไป เบาจนเหลิงเจิ้งใช้ไม่ได้นะ กรุณาทราบตามนี้ หลวงตาได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบเริ่มมาตั้งแต่ไปกรุงเทพคราวนี้แหละ คือก้าวแรกขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๕๐๐ กิโลเลย จากนั้นก็เพิ่มขึ้น ๆ ได้เป็นตันยิ่งดี หรือมากกว่านั้นเรายิ่งพอใจ เพื่อจะแบ่งเบาข้างบนที่อยู่สูง ๆ นั้นลงมาๆ ให้พอเหมาะพอดี

เท่าที่ผ่านมาแล้วนี้เราก็ยังไม่เคยเห็นความบกพร่องของพี่น้องชาวไทยเรา ตามที่หลวงตาได้เคยนำพี่น้องทั้งหลายมา ตั้งแต่เริ่มแรกออกประกาศตนเป็นผู้นำจนกระทั่งบัดนี้ สมบัติทั้งหลายที่ได้มาเป็นระยะๆ เข้ามอบเป็นระยะๆ นั้นก็ไม่เคยบกบาง ไม่เคยขาดจากความมุ่งหมายด้วยการประกาศออกของเราแม้น้อยหนึ่งไม่มี ว่าคราวนี้ เอ้าให้ได้เท่านั้นขาดไม่ได้ ผึงได้เลย ๆ ทุกครั้งนะไม่เคยมีพลาด อันนี้เราก็เชื่อบรรดาพี่น้องทั้งหลายเราซึ่งเป็นผู้มีน้ำใจรักชาติ และน้ำใจเป็นนักเสียสละ เพราะเราเป็นลูกชาวพุทธ และความพร้อมเพรียงสามัคคีแห่งชาติไทยของเรา เราจึงค่อนข้างแน่ใจว่า ๕๐๐ กิโลนี้อย่างไร ก้าวแรกก้าวสองจะถึงปึ๋งแหละ จากนั้นก็จะขึ้นโดยลำดับ กรุณาทราบโดยทั่วกัน

เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่า ทองคำให้ได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ให้ได้ ๑๐ ล้านนี้แล้ว หลวงตาจะหยุดทันทีเลย เพราะพูดต้องมีคำสัตย์คำจริง พูดเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้ นี่พูดออกมาก็นำศีลนำธรรมออกมาพูด เป็นภาษาของธรรม ว่าอย่างไรแล้วต้องเป็นคำสัตย์คำจริง ประจำธรรมอยู่เสมอ เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว เราก็จะประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทันทีว่า หลวงตาหยุดแล้ว ว่างั้นเลย ส่วนที่พี่น้องทั้งหลายจะนำมาบริจาคมากน้อยเพียงไรตามอัธยาศัยนั้น ก็ให้เป็นไปตามอัธยาศัยศรัทธาของตนเอง แต่จะให้หลวงไปเที่ยวเคาะกระเป๋านั้น เคาะกระเป๋านี้ อย่างที่เป็นอยู่เวลานี้ ไม่เที่ยวเคาะละนะ

ท่านผู้ใดให้แล้วก็ให้มา เราก็จะนำสมบัติเหล่าเข้าไปเพิ่มจำนวนทองคำของเราซึ่งมีขาดอยู่บ้าง ในจุดที่ว่าคี่ๆ นั่นแหละ มันขาดเป็นคี่เวลานี้ แต่เรายังไม่พูดถึง เพราะหลักใหญ่อยู่ใน ๑๐ ตัน ยังไงจะต้องเอานี้ให้ได้ก่อน พอได้จากนี้แล้วอันนั้นค่อยเป็นไป อย่างหนึ่งก็จะออดอ้อนพี่น้องทั้งหลายว่า ทองคำเรามันคี่นะ ให้ได้มาคนละเท่านั้นเท่านี้ยิ่งดีนะ ที่จะไปหาตีกระเป๋าเหมือนแต่ก่อน ไม่เอาละ เป็นอันว่าเลิกแบบบุกเข้าเลย พอเห็นหน้า ไหนทองคำ ไหนดอลลาร์ ไม่เอาแล้ว เข้าใจไหม ไปหาออดเอา ให้เท่าไหร่ก็เอามา จะให้ได้เป็นคู่ อันนี้เป็นมงคลที่ส่งเสริมชาติไทยของเราอีก จากน้ำหนักทองคำ ๑๐ ตันแล้วนะ กรุณาทราบตามนี้ แล้วให้ตั้งหน้าตั้งตาทุกผู้ทุกคน

ชาติไทยเป็นสมบัติอันมีค่าของเรามาดั้งเดิม พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เราพากันทะนุถนอมตะเกียกตะกายรักษามาเพื่อลูกเพื่อหลานของเรามาจนกระทั่งบัดนี้ ก็สมบูรณ์พูนผลด้วยความสงบเรียบร้อยเรื่อยมา เราจึงควรรักษามรดกของท่านไว้ให้มั่นคง อย่าให้มันขาดมันตกทะเลไป อย่างนั้นเสียมากทีเดียว พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย พาถ่อพาพายมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วเราจะพาเหยียบย่ำทำลายลงทะเลนี้มันฟังไม่ได้นะ ขออย่าให้มีในชาติไทยเรา ถ้าคนไทยไม่ตายหมดทุกคน สิ่งที่ว่าจะพาให้บ้านเมืองล่มจมอย่างนี้อย่าให้มีเป็นอันขาดนะ เอาให้ทุกคนจับติดไว้เลย เพื่ออุ้มชาติไทยของเรา ให้แน่นหนามั่นคงขึ้นเป็นลำดับๆ

วันนี้ก็พูดถึงเรื่องการช่วยชาติ เทศนาว่าการที่ท้องสนามหลวง เราไม่ได้ตำหนินะ อันนั้นเขาได้มาตอนหนึ่งเพลงหนึ่งจากทางภาคอีสานนะมาก พวกบ้าอีสานเข้าใจไหม มันมาขึ้นมันก็จะซี ไม่ขึ้นมันก็จะซี มันมาเข้าท้องสนามหลวงละซี มันมามันเข้ากันไม่ได้ จนกระทั่งหลวงตาเทศน์ไม่ได้หน้าได้หลัง เสียงลั่นไปหมด ไม่ทราบว่าเสียงขึ้นก็จะซีไม่ขึ้นก็จะซี หรือเสียงบ้าเย็ดแม่ หมาเย็ดแม่มันก็ไม่รู้นะ มันเต็มอยู่ในนั้นหมด รวมกันหมด เราจนเทศน์ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงห้ามไม่ให้ถอดเทปเราก็ว่าอย่างนั้น เข้าใจแล้วเหรอ เอาละแค่นี้เสียก่อนวันนี้

 

ชมการถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก